Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    กระทู้บอกต่อ มะเร็งปากมดลูก...สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้

    หลายวันมานี้ ตัวลีป พอจะมีเวลามาแว้บไปแว้บมาค่อนข้างบ่อยขึ้น
    จึงได้พบกับกระทู้ของสมาชิกท่านหนึ่ง เกี่ยวกับการเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก
    ทั้งนี้เพื่อให้เป็นประโยชน์สมาชิกในห้องและบุคลลทั่วไป จึงใคร่ขอให้ความกระจ่าง
    และเกร็ดเล็กๆน้อยของ สิ่งที่เรียกว่า มะเร็งปากมดลูก ค่ะ
    อย่างที่ทราบกันดีว่า มะเร็งปากมดลูก ถือเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตหญิงสาวทั่วโลกเป็นอันดับสองเชียวนะคะ

    เนื่องจากผู้หญิงไทยเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมากเป็นอันดับ 1 แม้โรคมะเร็งจะรักษาให้หายได้เมื่อรู้ตั้งแต่แรก แต่กลับเกิดปัญหาเพราะผู้หญิงไทยไม่กล้ามาตรวจภายใน กว่าจะมาพบแพทย์ก็มีอาการรุนแรงแล้ว
    ดังนั้นอย่าอายเลยนะค่ะ เพื่อชีวิตและอายุที่ยืนยาวของเราและเพื่อคนที่เรารัก
    หันมาดูแลและเอาใจใส่
    ไม่ต้องอายหมอค่ะ บรรดาหมอกลุ่ม Obstetrics & Gynaecology เนี่ยเค้าชินกันความรู้สึกเหมือนมองเรื่องประจำวัน ไม่ต้องอายค่ะ



    มะเร็งปากมดลูก...สิ่งที่ผู้หญิงต้องรู้

    “ คุณยิ้ม อายุ 50 ปี มาโรงพยาบาลด้วยอาการเลือดออกทางช่องคลอดอย่างมากจนซีด แพทย์ตรวจพบว่า คุณยิ้มเป็นมะเร็งปากมดลูก ต้องใส่ผ้าก๊อซไว้ในช่องคลอดเพื่อห้ามเลือด และให้เลือดหลายถุง ผลการตรวจโดยละเอียดพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 4 โดยโรคลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองและเนื้อปอดแล้ว คุณยิ้มได้รับการรักษาโดยการฉายแสงและเคมีบำบัด แต่เนื่องจากโรคเป็นมากแล้วจึงไม่หาย เมื่อหยุดการฉายแสงและเคมีบำบัด แพทย์ให้การรักษาต่อแบบประคับประครองตามอาการ คุณยิ้มอยู่ต่อมาได้อีก 2 เดือนก็เสียชีวิต เนื่องจากภาวะไตวายจากการที่มะเร็งกดเบียดท่อไต ”

             เหตุการณ์ข้างต้นเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิตที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่านทราบไหมว่าผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งชนิดใดมากที่สุด และทราบไหมว่ามะเร็งใดคร่าชีวิตผู้หญิงไทยไปมากที่สุด คำตอบของทั้งสองคำถามมีอยู่อย่างเดียว คือ มะเร็งปากมดลูก ที่ครองแชมป์มาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีอุบัติการณ์ ประมาณ 20 ต่อประชากรสตรีแสนคนต่อปี (นี่แค่เมืองไทยน่ะค่ะ )

              ขณะนี้ทางยุโรป สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์ออกมาก็ไม่ใช่น้อยค่ะ
    ยอมรวมประมาณต่อปีสำหรับญี่ปุ่น มะเร็งชนิดนี้พรากแม่ไปจากลูกและคนที่เรารักถึง 15% ต่อปีเชียวน่ะค่ะ นี่ยังไม่รวมมะเร็งโบว์ชมพูหรือที่เราทราบกันโดยทั่วไปว่า มะเร็งเต้านม


     จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบมะเร็งเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 ของมะเร็งทุกชนิดในผู้หญิงไทย มะเร็งที่พบรองลงมา ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งช่องปาก มะเร็งปอด และมะเร็งรังไข่ ฯลฯ ตามลำดับ จึงจะเห็นได้ว่าสตรีที่เป็นมะเร็งอะไรก็ได้ 4 จะเป็นมะเร็งปากมดลูกเสีย 1 คนโอโอ้ !! เป็นตัวเลขที่น่ากลัวไม่ใช่น้อยเลยสำหรับคนไทย เอ!! แล้วประเทศอื่นเขาเป็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า จะว่าไปประเทศกำลังพัฒนาอื่นก็มีสถิติที่มิได้แตกต่างจากของไทย ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ มาเลเซีย หรือแม็กซิโก มะเร็งปากมดลูกก็ครองแชมป์เปี้ยนไป อย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกาก็เสียแชมป์ให้แก่มะเร็งเต้านมและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น


    ป้องกันได้มั้ย

             อันที่จริงแล้วมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ป้องกันได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากปากมดลูกปกติเป็นมะเร็งปากมดลูกไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่จะเปลี่ยนจากปากมดลูกปกติเป็นระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก กินเวลานาน 50-10 ปีโดยเฉลี่ย แล้วจึงกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูกเป็นความผิดปกติของปากมดลูกที่ยังไมใช่มะเร็ง ไม่ลุกลามและแพร่กระจายไปที่อื่น และสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะพัฒนากลายเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งรักษายากกว่าและอาจไม่หายขาดระยะก่อนมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่แล้วไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ให้สังเกตได้




    ควรเข้ารับรับการตรวจก่อนจะสายเกินไป
           การตรวจพบจึงต้องอาศัยการตรวจภายในและตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่าแป๊ปเสมียร์ (Pap smear) ซึ่งเป็นการป้ายเอาเซลล์ของปากมดลูกมาย้อมและตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ สตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้วหรือไม่มีเพศสัมพันธ์แต่อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจด้วยวิธีนี้เป็นประจำทุกปี รวมๆไปถึงสตรีที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์
    และเปลี่ยนพาทเนอร์ค่อนข้างบ่อย อายุจะถึงหรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจทุกปีค่ะ


    หากผลพบว่ามีความผิดปกติต้องได้รับการตรวจค้นต่อและวินิจฉัยให้ได้ตั้งแต่ก่อนมะเร็ง และให้การรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อจะได้หายและไม่เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูก เป็นการผ่าตัดไฟเสียแต่ต้นลม อายุที่พบระยะก่อนมะเร็งปากมดลูกอยู่ในช่วง 30 -40 ปี ส่วนมะเร็งปากมดลูกมักเป็นในสตรีอายุ 40 -60 ปี

    ล่าสุด กลุ่มสตรีที่อยู่ในวัยไม่เกินสามสิบ เริ่มมีอัตราการเสี่ยงมากขึ้นพึงระวังนะคะ




    สัญญานบอกเหตุ

              โดยถ้าเริ่มเป็นอาจไม่มีอาการเมื่อเป็นมากขึ้นจึงมีอาการตกขาวกลิ่นเหม็น หรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหรือมีเลือดออกเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เมื่อมะเร็งปากมดลูกเป็นมากขึ้นจะมีอาการของการกดเบียดท่อไตทำให้ปัสสาวะไม่ออก ไตวาย หรือมีอาการของอวัยวะที่มะเร็งแพร่กระจายไป ถึงแม้จะเป็นมะเร็งปากมดลูกก็รักษาให้หายได้โดยเฉพาะเมื่อมะเร็งยังอยู่ในระยะต้น ส่วนมะเร็งระยะที่เป็นมากแล้วก็ยังอาจรักษาให้หายได้หรือถ้าไม่หายก็มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัส ฮิวแมน พาพิลโลมาไวรัส หรือ เอชพีวีซึ่งมี 30 ชนิด ที่มักจะติดเชื้อในบริเวณอวัยวะเพศของหญิงและชาย ซึ่งมะเร็งปากมดลูกจะแบ่งเป็น เอชพีวี ชนิดที่มีความเสี่ยงต่ำ คือ เอชพีวี ชนิด 6 และ 11 มีความเสี่ยงต่ำที่จะลุกลามต่อไปแต่อาจจะเป็นอยู่นาน และ เอชพีวี ชนิดที่มีความเสี่ยงสูง คือ เอชพีวี ชนิด 16 และ 18 เมื่อได้รับการติดเชื้อจะเห็นรอบแผลขาวๆ อยู่บริเวณปากมดลูก แต่ถ้าติดเชื้อมากจะเห็นรอยขาวชัดเจนมากขึ้น


    ส่วนเสนอราคาวัคซีนนั้น แล้วแต่ทางโรงพยาบาลและคลินิคนั้นๆ แม่บ้านและเพื่อนญี่ปุ่น
    ตัวลีปจะรีบทำงานเช็คราคามาโดยเร็วที่สุดค่ะ
    ราคากลางตลาดโลก(ไม่ใช่ขายข้าว กร๊ากกกกกกก)
    เสนอราคาอยู่ประมาณ 125 per dose ($375 for full series) ค่ะ
    โดนส่วนตัวหลังจากได้คุยกับรุ่นพี่ที่ทำงานที่เมืองไทย ตัวลีปว่าเมืองไทยถูกกว่าเยอะนะคะ
    จ่ายแค่หมื่นเดียวครบออฟชั่นค่ะ


    วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

               ขณะนี้มีนักวิจัยชาวเยอรมันกำลังคิดค้นและพัฒนาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีความก้าวหน้าจนเกือบนำมาใช้เป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการปกป้องผู้หญิงจากโรคมะเร็งร้าย โดยการทดลองอยู่ในขั้นที่ 3 ให้ผลดีถึง 100 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าในปี 2550 หรือ 2551 น่าจะมีวัคซีนออกสู่ท้องตลาด แต่ราคาวัคซีนช่วงแรกจะมีราคาสูง คล้ายกับวัคซีนไวรัสตับเอกเสบบีในช่วงแรกๆ

    วัคซีนตัวนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยผลิตจากเชื้อไวรัสหูดชนิด 16 และชนิด 18 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสหูดที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนที่เหลืออีก 30 เปอร์เซ็นต์ วัคซีนอาจใช้ไม่ได้ผล เนื่องจากโรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากสาเหตุอื่นประกอบด้วยประกอบกันไป


    การฉีดวัคซีนโรคมะเร็งปากมดลูกให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพต้องฉีดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มฉีดให้เด็กหญิงตั้งแต่อายุ 8-10 ขวบ โดยฉีดทั้งหมด 3 เข็ม เมื่อฉีดเข็มแรกแล้วเว้นระยะห่าง 1 เดือน จึงฉีดเข็มที่ 2 และรออีก 6 เดือนจึงจะฉีดเข็มสุดท้าย ทั้งนี้ ไทยได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2547 ร่วมกับ 14 ประเทศทั่วโลก มีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 18,688 ราย สำหรับประเทศไทยมีอาสาสมัครเข้าร่วมทั้งสิ้น 1,852 ราย ส่วนใหญ่มาจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ 672 ราย รพ.พระมงกุฎเกล้า 852 ราย และ รพ.ศิริราช 328 ราย

    สำหรับคุณแม่ที่มีลูกสาวพอายุอย่างสิบเอ็ดถึงสิบสองจูงแขนไปฉีด HPV Vaccine ทันทีค่ะ
    เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม กันไว้ดีกว่ามานั่งแก้ แต่ถึงแม้จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันไปแล้ว วัคซีนตัวนี้ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ได้นะคะ STIs ย่อมาจาก sexually transmitted infections ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยเป็นทางทีเซฟทั้งสองฝ่าย ไม่เกิดโรคไม่เสียงและสบายใจทั้งคู่ค่ะ


    ผู้หญิงเราต้องดูและกันดีๆหน่อย เข้าห้องน้ำต้องเช็ดและทำความสะอาดก่อนนั่งให้ดีน่ะค่ะ โรคบางโรคสามารถติดต่อได้หลายทางค่ะ


    ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา (Department of Obstetrics & Gynaecology) มหาวิทยาลับมหิดลค่ะ
    รวมไปถึงคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่านรวมไปถึงแหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆค่ะ

    จากคุณ : Nada Sousou - [ 12 ก.ค. 51 07:46:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom