ความคิดเห็นที่ 1 นอกเรื่องพอแล้ว กลับมาต่อเรื่องเดิมดีกว่า ภาวะความผิดปกติทางใจที่เรียกว่า อาการซึมเศร้าหลังคลอด นั้น ตำราและผู้รู้หลายท่านบอกว่าเจอได้บ่อย และอาจเจอตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ก็ได้ครับ ทั้งนี้ เขาแบ่งความรุนแรงออกเป็น 3 ระดับ คือ 1. Baby Blue หรือ Postpartum Blue(เข้ากะชื่อเรื่องที่เสร่อปูไว้ไหมครับ) 2. Postpartum Depression และ 3. Postpartum Psychosis คุณๆเดาถูกแล้วครับว่า Postpartum แปลว่า “หลังคลอด” ทั้งสามข้อเป็นเรื่องของอาการซึมเศร้า อย่างสุดท้ายเจอน้อยมากครับ เค้าว่ากันว่า ราวๆ 1-2 ใน 1000 แต่รุนแรงกว่าเพื่อน ผมเองเคยเจอแค่รายสองรายเท่านั้นเอง ทั้งๆที่ที่ทำงานนี่ปีหนึ่งมีการคลอดราวหนึ่งหมื่นราย แล้วผมก็ทำงานมามากกว่าสิบปีแล้ว ยังเจอเท่านี้เอง อ้อ...คำว่า Psychosis นี่หมายถึง “บ้า” ในภาษาปกติครับ หมอโรคจิต อึมมม...ต้องเรียกว่า จิตแพทย์ ซินะ หมายถึง “Out of reality” คือหลุดไปจากโลกความเป็นจริงไปเลย เช่น มีอาการหลอนทางภาพ(เห็นภาพหลอนต่างๆนานา) ทางการได้ยิน(มีเทวดามากระซิบข้างหู...ให้ลาออกไปเถอะ) คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา ใช้จ่ายเงินผิดปกติ(เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเอง เป็นเงินภาษีของพ้ม!) ระแวงว่ามีคนมาทำร้าย(ลอบวางระเบิด) เป็นต้น อึมมม...ดูๆไปนักกินเมืองบ้านเราน่าจะ Out ไปซะเยอะนะครับเนี่ย 555 ต่อๆๆดีกว่า เดี๋ยวเจอข้อหาหมิ่นซะก่อน Postpartum Psychosis นั้นมักจะเจอในคนที่มีพื้นฐานเจ็บป่วยทางจิตมาก่อนแล้ว หรือมีประวัติในครอบครัวที่ใกล้ชิดเป็น ผมจะกล่าวถึงเพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่เจอบ่อยกว่าก็อย่างที่บอกครับ คือ 1 และ 2 โดย Postpartum blue เจอบ่อยกว่า Postpartum depression บางคนบอกว่าเจอมากกว่า 50% ของผู้หญิงหลังคลอดบุตรทีเดียวครับ อาการนั้นเหมือนๆกัน เพียงแต่ว่า Postpartum depression มีอาการมากกว่า และนานกว่า ส่วนใหญ่ถือกันว่า ถ้าเป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ ก็จะเรียกว่า เป็น Postpartum depression ไม่ใช่แค่ Blue อาการของทั้งคู่ก็คือ อาการซึมเศร้าครับ ได้แก่ เบื่อโลก เบื่ออาหาร(บางคนทานมากกว่าปกติก็มีครับ) ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ซึม รู้สึกเศร้า เหมือนตัวเองไร้ค่า(ประมาณว่าฟังมิวสิควิดีโอเพลงไทย ที่มีแต่เพลงเศร้าได้ประจำ) อยากร้องไห้ตลอดเวลา รู้สึกผิด นอนไม่หลับ รุนแรงมากมากอาจคิดทำร้ายตัวเองได้(ในพวก Postpartum depression) เกิดจากอะไร? ถ้าตอบแบบจริงๆก็ต้องบอกว่า “ไม่รู้” ครับ ก็ “จิตมนุษย์นั้นไซร้ ยากแท้ หยั่งถึง” แม้แต่ตัวเราเองบางทียังไม่เข้าใจจิตใจตัวเราเลย อย่าว่าแต่คนอื่น แต่ขืนไปตอบแบบนี้ญาติๆก็ “อ้ายหมอนี่มันจบมาจากไหน(ว่ะ)” ก็ต้องหาอะไรที่เป็นหลักเป็นฐานมาให้คุณๆทั้งหลายเคี้ยวเล่นกันบ้างครับ ครืออออออ...เค้าสันนิษฐานว่า อาการซึมเศร้าหลังคลอดนั้นมีสาเหตุมาจาก 3 ประการใหญ่ๆครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1. สาเหตุทางกาย เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆในร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศสองตัวคือ เอสโตรเจน(Estrogen) และ โปรเจสเตอโรน(Progesterone) ทั้งสองตัวนี้มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างรอบเดือนด้วย และหลังหมดประจำเดือน ดังนั้นก็เป็นที่สงสัยว่าทำให้อารมณ์แปรปรวนไปก่อนมีประจำเดือน(ที่เรียกกันว่า Premenstrual Syndrome) และหลังหมดระดู(เดี๋ยวนี้ฮิตติดชาร์ตมาก เรียกว่า วัยทอง หรือ Menopause ยังไงครับ) ที่นี้พอหลังคลอดปุ๊บ ฮอร์โมนเพศทั้งสองตัวที่ผลิดมากมายจากรกก็หายไปปั๊บ อย่างฉับพลันทันที ท่านเลยสงสัยกันว่า เพราะไอ้นี่แหล่ะ มีผลทางอารมณ์ต่อคุณผู้หญิงหลังคลอด บางคนก็ว่ามันเป็นพวกสารที่ผลต่อระบบประสาทในสมองต่างหาก เดี๋ยวนี้เค้าพบมากมายขึ้นเรื่อยๆว่า อารมณ์เป็นผลจากการหลั่งสารพวก Neurotransmitter หรือสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในสมองครับ นอกจากนี้บางท่านก็ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสารน้ำ และเกลือแร่ตลอดจนน้ำหนักตัวอย่างมากมายและกะทันหันหลังคลอด อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนได้ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 2. สาเหตุทางจิต ใครไม่เคยท้องคงไม่รู้ว่ามันเครียดดดดดดดขนาดไหน แค่คิดว่า ลูกที่เกิดมาจะปกติหรือเปล่า เท่านี้ก็ โห...มันเครียดจริงๆ ก็อ่านข่าวคนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ทำให้จินตนาการไปต่างๆนานา แล้วออกมาจะเลี้ยงยังไงอีกละ จะมีน้ำนมไหมเนี่ย จะดูแลตัวเองอย่างไรดีขณะตั้งครรภ์ แล้วตอนคลอดละ จะเจ็บไหม อันตรายหรือเปล่า คลอดที่ไหนดี คลอดกะใคร โอ๊ยยยย...สาธยายสามวันแปดวันก็ไม่หมด ยังมีความเครียดเรื่องอื่นอีก เช่น ความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป(ก็นะ...ชั้นอุตส่าห์รักษาหุ่นมาได้ถึงปูนนี้ วันก่อนไปเจอกิ๊กเก่า มารจำชั้นไม่ได้อ่ะ ฮือๆๆๆ) ความเครียดสะสมจากการได้นอนไม่ค่อยเต็มที่(ใครไม่เคยมีลูกคงม่ายรู้สึกหรอก...สามเดือนแรกนี่ ผีตายซากดีๆนี่เอง ก็อ้ายลูกตัวดีมันตื่นมากินนมทุกหนึ่งถึงสองชม.อ่ะดิ หันไปหาพอเจ้าประคุณสามีเหรอ...555...ตื่นมายังถามเฉยเลยว่า เอ๊ะ! เมื่อคืนลูกไม่ตื่นแฮะ ดีจัง มะเหงกน่ะซิ วันไหนได้นอนเต็มที่นะ สวรรค์ชัดๆ) และอื่นๆอีกมากมาย จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 3. สาเหตุทางสังคม หมายถึง สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวของมารดาขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด คนเคยท้องทั้งหลายคงรู้ซึ้งถึงข้อนี้ดี ก็มีผู้หวังดีอยู่รอบตัว ประมาณว่า เดินไปไหนก้อ อย่าเดินมากไม่ดี กลับมานอนเล่นก็มีผู้หวังดีบอกว่า นอนเฉยๆทำไม เดินบ่อยๆจะได้คลอดง่าย หันไปหาอะไรทานแซ่บๆ ก็มีผู้หวังดีบอกว่า อย่ากินเผ็ดซิ เดี๋ยวลูกหัวล้าน พอจะหยิบน้ำมะพร้าวหวานๆของโปรดมาจ๊วบซักหน่อยก้อมีผู้หวังดีบอกว่า อย่าทานๆๆๆเดี๋ยวแท้ง วันรุ่งขึ้นผู้หวังดีอีกท่านบอกว่า ทานน้ำมะพร้าวซิดีช่วยล้างไขให้เด็ก บลา...บลา...บลา นี่ถ้าจะทำให้ได้ครบทุกอย่าง ต้องนอนนิ่งๆอย่างเดียวมั้ง อ้อ...นอนเฉยๆไม่ดีอีก เฮ้อออออ แล้วอย่าหวังว่าหลังคลอดจะน้อยลงนะ เจอความคาดหวังเรื่องเพศลูก(โอ๊ยยย...อยากได้ลูกชาย จะได้สืบตระกูล คุณๆไม่รู้หรอกว่าลูกสาวดูแลคุณพ่อ คุณแม่ดีกว่าลูกชายซะเป็นส่วนใหญ่ อึมมม...ที่ดีๆก็มีนะ แต่น้อย) การต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของ “คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร” หลังคลอดอย่างเคร่งครัด(ต้องอยู่ไฟ กินแต่ไก่ผัดขิง ตัวเหนียวเป็นลิงไม่ได้สระผม ห้ามไปโดนลมนอกบ้าน เป็นเวลานานทั้งเดือน!) ไหนจะเรื่องการเลี้ยงดูลูกอีก คุณแม่มือใหม่หัดเลี้ยงกังวลมากอยู่แล้ว จะหันไปหาสามีก็...เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นนางเอกหนังจีนได้เลย จ้าวหย่าหวัง ไง เจอแฟนดีๆก็โชคดีไป สังคมแบบไทยๆให้โอกาสผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว เรื่องเลี้ยงลูกเป็นเรื่องของผู้หญิงนี่ คุณแม่สามีก็ดีน่ะมาช่วยดูให้ แต่...เครียดกว่าเดิม เพราะทัศนคติในการเลี้ยงดูอาจไม่เหมือนกัน เวลาลูกร้องไห้นานๆนี่คุณแม่ร้องตามไปด้วยเลย เพราะทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้มันจะเอาอะไร ไหนจะเครียดเรื่องที่ทำงานอีก ความกังวลและขาดความมั่นใจในอนาคต(แต่เดิมทำงานเลี้ยงตัวเองได้ ตอนนี้ต้องรอให้คนอื่นมาเลี้ยง) เหตุต่างๆเหล่านี้ เหมือนเดิมค่ะ...มากมายเกินจะกล่าว จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด ที่เจอภาวะ Postpartum blue ได้บ่อยมากๆ เพียงแต่เราอาจละเลยไม่เคยใส่ใจที่จะสนใจ แล้วการที่มันเจอได้บ่อย อาการหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ ก็ทำให้แพทย์บางท่านถือเอาว่า นี่ไม่ใช่โรค เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว เป็นการเปลี่ยนผ่าน แล้วก็จะกลับมาเป็นปกติ ก็ถูกครับ แต่...แต่(บอกแล้วไงว่า ผมเป็น อะแมนคอล “แต่”) ต้องอยู่ในบริบทที่ว่า อาการไม่ได้เป็นมาก (บอกแล้วฮะ ว่าบางคนเป็นมากถึงกับทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายบุตรก็มี) อาการไม่ได้เป็นนาน(บอกแล้วครับว่าไม่ควรเกินสองสัปดาห์) และมีสิ่งที่พอทำเองได้บ้าง ไม่ใช่บอกว่าไม่ต้องรักษาก็ปล่อยเลยตามเลย ทั้งนี้ถ้าอาการเป็นมากและนาน ก็จะเรียกว่าเป็น Postpartum depression ซึ่งแพทย์เห็นควรว่าอาจจะต้องให้ยาที่มีผลต่อจิตใจ หรือให้การรักษาแบบจิตบำบัด กลับมาในข้อที่ว่า อะไรที่พอจะทำได้อันเป็นการช่วยคุณแม่ให้ผ่านพ้นภาวะซึมเศร้าหลังคลอดไปได้ด้วยดี มีอะไรบ้าง จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 1. ทำได้ด้วยตัวเอง อันนี้ฝรั่งส่วนใหญ่จะเขียนไว้ เพราะคนไทยคงทำได้ยาก ก็ตั้งแต่ You are what you eat แล้วเค้าก็เชื่อว่าอาหารไปสร้างสารต่างๆได้ ดังนั้นก็ควรเลือกทานอาหารที่สมดุล(Balanced diet) เจอข้อนี้ก็แห้วแล้วครับ เพราะของเราเจอไก่ผัดขิง(ธรรมเนียมจีน) หรือถ้าเป็นแบบโบราณเวลาอยู่ไฟเค้าไม่ให้กินของแสลง(โหยยย...ตอนทท้องก็อดกินของโปรดตั้งมากมายแล้วอ่ะ ฮือๆๆๆ อยากกินสตาร์บั๊ค คาราเมล มัคชิอาโตแก้วยักษ์ของโปรด ดันมาห้ามกันอีก) ฝรั่งยังแนะนำให้ออกไปมีชีวิตนอกบ้านบ้าง เค้าบอกว่า Get as much sunlight as possible หง่า...ม่ายอยากโดนแดดอ่ะเดี๋ยวดำ อ่า...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เค้าหมายถึงให้ไปข้างนอกจะได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ไม่จำเจ ฝืนทนเป็นนางเอกไปทุกวัน ไปเจอะเจอเพื่อนฝูง เม้าธ์แตกให้หายเครียดบ้าง ไปช็อปกระจายละลายเงินสามีบ้าง หรือถ้าเป็นฝาหรั่งขนานแท้ อย่างนี้ต้องเข้า Group therapy แบบที่คุณๆอาจะเห็นในหนังฝรั่งเวลาเลิกเหล้า เค้าจะไปเข้า Alcohol Anonymous Group Therapy คนไทยเหรอ ม่ายเคยเห็นมีนะ  ถ้าเป็น Group support เกี่ยวกับเรื่อง Postpartum blue นะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 08:24:09 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 08:23:10 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 2. คนอื่นทำให้ ได้แก่ ครอบครัวและสังคม สามีนี่แหละดีที่สุดครับ แค่คำพูดให้กำลังใจ ก็ชื่นใจไปถึงไหนๆแล้ว(แต่...ยากกกกกกสสส์ มีแต่คำพูดทำลายกำลังใจนี่ 555 หลุดออกมาประจำ) ดีกว่านั้นก็ ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูลูก ช่วยเล็กๆน้อยๆ ไม่ถึงกะต้อง In chart วันจันทร์ พุธ ศุกร์ แค่รู้ว่ามี “ใจ” ก้อได้ “ใจ” แล้ว เช่น ช่วยงานบ้าน(555...ฝันไปป่าวเนี่ย) สนใจภรรยาบ้าง ไม่ใช่อะไรๆก็ลูกอย่างเดียว ในต่างประเทศที่คุณภาพชีวิตของคนเค้ามีมาตรฐานสูงๆนั้น นอกจากจะมี Maternity leave (หยุดหลังคลอดของมารดา) แล้วเค้ายังมี Paternity leave ด้วย(หยุดเลี้ยงดูบุตรของบิดา) ของไทยเนี่ยกว่าจะมีให้หยุดหลังคลอดได้สามเดือนก้อสู้กันมานาน บางบริษัทเขี้ยวกว่านั้นด้วย คือหยุดได้สองเดือน อีกเดือนหยุดก็หยุดไป ไม่จ่ายตังนะ ส่วนสังคมรอบๆออกไปอีกที่ช่วยเหลือได้ ก็เช่น บรรดาญาติๆและผองเพื่อนของคุณแม่หลังคลอดที่จะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดีครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:20:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สุดท้ายก็ ถ้าอาการหนักหนาหรือเนิ่นนาน ควรพาไปปรึกษาแพทย์นะครับ อุดหนุนกันบ้าง หง่า...ม่ายช่ายครับ อย่าไปคิดแต่ว่าเดี๋ยวจะหาย ไม่เป็นไร เป็นเรื่องปกติจนเหตุการณ์รุนแรง อ้อ...มีเรื่องที่น่าสนใจอีกประการคือ มีผู้รู้บางท่านพูดถึงว่า Postpartum blue นี่คุณพ่อบางคนก็เป็นนะครับ แล้วแม้แต่ Adopted child(การรับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม) ก็อาจทำให้เกิดได้ แต่อย่างว่า ทั้งสองประการมีพูดถึงในสังคมตะวันตกครับ เพราะว่า ต้องขอชมว่าคุณพ่อในสังคมทางตะวันตกมีบทบาทในการเลี้ยงดูทารกมากกว่าของเรา แล้วก็การรับเด็กมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมก็เป็นที่ยอมรับกันมากกว่าในสังคมตะวันตก ดูอย่างเช่น Angelina Jolie กะ Brad Pitt นี่ตั้งสหประชาชาติได้เลย ดูเหมือน MadDox ก็มาขอแถวๆนี้ไป เจ๊ Madonna ก็เจริญรอยตาม ของเราเหรอ ก็มีคำพังเพยไงครับ “เอาลูกเค้ามาเลี้ยง (ก็เหมือน)เอาเมี่ยงเค้ามาอม” ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจว่าจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมแถวนี้ครับ ทั้งๆที่การรับบุตรบุญธรรมน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้มากกว่าในองค์รวมนะครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เฮ้อ...จบซะที อึมมมม...ตั้งใจว่าจะเขียนบทความกึ่งวิชาการ ประมาณว่า มีใครเคยบัญญัติศัพท์ไว้น่าฟังครับว่าเป็น “เพลิน(Plearn)” เท่ากับ Play + Learn ฮะ ไม่รู้จะได้ความหรือเปล่า หวังว่าคงได้ความรู้ แล้วก็สนุกกับข้อเขียนยาวๆของผมนะครับ ไว้จะหาเรื่องมาเล่าใหม่ ไปทำงานก่อนน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 08:21:32 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาเก็บความรู้ค่ะ ขอบคุณมากค่า คุณหมอขา.....ออกรวมเล่มมาเลยซิคะ จะได้ หาซื้อไว้อ่านค๊ะ เข้าออก กลัวหาทู้คุณ หมอ ไม่เจอ....... จากคุณ : maguro - [ 17 ก.ค. 51 08:22:12 A:210.131.4.181 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้าววว สรุป คุณ หมอ เป็นหญิงหรือชายค๊ะเนี่ย เฮ้อ...จบซะที อึมมมม...ตั้งใจว่าจะเขียนบทความกึ่งวิชาการ ประมาณว่า มีใครเคยบัญญัติศัพท์ไว้น่าฟังครับว่าเป็น “เพลิน(Plearn)” เท่ากับ Play + Learn ฮะ ไม่รู้จะได้ความหรือเปล่า หวังว่าคงได้ความรู้ แล้วก็สนุกกับข้อเขียนยาวๆของผมนะครับ ไว้จะหาเรื่องมาเล่าใหม่ ไปทำงานก่อนน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 08:21:32 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:21:00 ] จากคุณ : maguro - [ 17 ก.ค. 51 08:24:24 A:210.131.4.181 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ  ไว้มีแฮงจะหาทางรวมเป็นเล่ม  อึมมมม...คุณ Maguro นี่  เป็นชื่อปลาป่าวครับ  อยู่ที่นี่ย่างแต่ปลาซาบะ กะปลาแซลมอน  หง่า...เกิดมาม่ายเคยทำกับข้าวเองอ่ะ  วันก่อนบอกแฟนว่า  ทำไมกล้วยหอมมันดำเร็วจัง  เธอก้อ...หยามหยันว่า...ก้อคุณเอามันไปใส่ตู้เย็นทำไมละ(ยะ)  หง่า...โง่ครับ...เกือบหอนเลย  ก้อนะ...อยากกินกล้วยหอมเย็นนี่นา  โห...แต่คุณ Maguro มาเร็วจัง จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เด่ววว  ขอเช็คก่อง  อึมมม...ชายยังชัวร์อยู่ครับ  แต่มารติด ดัดจริต  ครือเนื่องจากว่าต้องตุยกะคุณผู้หญิงบ่อยๆมารเลยติดไปบ้างฮะ  ติด "ค่ะ" นะคะ ม่ายได้ติดดัดจริต 555 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 08:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชื่อปลา ค่ะ ปลา ที่เขาทานดิบๆๆ เนื้อสีแดงๆๆ แบบนี้ค่า http://tukiji.net/maguro/ น่านนะซิ กล้วย มะม่วงสุก ใส่ตู้เย็น นานไม่ได้นะคะ ดำไวมากก น่านนะซิคะ ทู้คุณ หมอ มาเป็นคนแรก ทู้สองแล้ว งง 5555 จากคุณ : maguro - [ 17 ก.ค. 51 08:44:36 A:210.131.4.181 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ย่างแต่ปลาซาบะ กะปลาแซลมอน สงสัยคุงหมอ จะเข้าแคมป์บ่อยแน่ๆๆ ทำเป็นแต่ย่างๆๆ ปิ้งๆๆ อุอุ ดีจัง เดี๋ยวนี้คนไทย เรียนหมอกันเยอะ ที่ญี่ปุ่นมีแต่ ข่าว ขาดแคลน หมอ หมอตาม รพ ที่เจอๆๆก็มีแต่ อายุเยอะๆๆๆ แล้ว จากคุณ : maguro - [ 17 ก.ค. 51 08:49:23 A:210.131.4.181 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ หนูยังไม่มีโอกาสได้ท้องเลย กร้ากกกกกก แต่เซฟกระทู้แล้วค่ะ จะเก็บไว้เมื่อโอกาสมาเยือน ความรู้มากมายจริงๆ ค่ะ :) จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 17 ก.ค. 51 08:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กำลังเหมาะกับห้องนี้เลยค้ะ คุณหมอ เพราะกำลังมีแม่ลูกอ่อนหลายคน อ่านไว้ก็เป็นประโยชน์ ไม่ได้ท้องไม่ได้คลอดลูกแต่มีอารมณ์ซึมเศร้าเพราะไม่มีเงิน จะรักษาอย่างไรค๊ะคุณหมอ อาการน้อยใจเบื่อโลก ของหญิงชราวัยทอง จะหาทางแก้ไขอย่างไรค๊ะ อย่าลืมห้องนี้ยังมีสาววัยทองอยู่หนึ่งคน ขอคำปรึกษาด้วย เพราะกำลังไม่ค่อย Happy เพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง จนวันจนคืน หลับก็จน ตื่นก็จน จนถาวร จนจนเบื่อ....อยากหลับแล้วไม่ต้องตื่นจัง จากคุณ : พนอจัน - [ 17 ก.ค. 51 10:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ้าว เขียนแล้วหายไป งั้นเขียนใหม กำลังเป็นเบบี้บลูพอดีเลย ตอนนี้ก็กำลังเป็นอยู่ค่ะ ไม่ถึงกับร้องห่มร้องไห้ แต่มันไม่สดชื่นอ่ะค่ะ ชีวิตมันเหงาๆ เศร้าๆ ไร้ความหมายยังไงไม่รู้ เห็นหน้าตัวเล็กก็น่ารักดี แต่เป็นห่วงเป็นกังวลไปหมด จนรู้สึกว่า ความรู้สึกกังวลมันมากกว่าความรู้สึกที่ดีของการมีลูกไปเฉยเลย ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยค่ะ นี่ขนาดคุยกับแม่ๆ หลายคนที่คอยช่วยปลอบใจ แล้วนะ ช่วยให้ดีขึ้นมาได้เยอะเลยค่ะ แต่มันยังเหลือค้างๆ อยู่อีกหน่อยนึงค่ะ นี่พรุ่งนี้ก็จะครบสองอาทิตย์ที่เป็นเบบี้บลูแล้ว หวังว่าหลังจากพรุ่งนี้ น่าจะหายแล้วเนอะ  (จริงๆ คลอดลูกมาสามอาทิตย์แล้วค่ะ แต่อาทิตย์แรกอยู่รพ. มีคนช่วยเลี้ยง เลยร่าเริงมากมาย ยังคิดเลย ว่า เฮ้ย เราไม่เป็นเบบี้บลูนี่หว่า ) หลักๆ น่าจะมาจากชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่มั๊งค่ะ อยู่ดีๆ ก็มีอีกชีวิตมาให้ต้องรับผิดชอบแบบเป็นภาระอันใหญ่หลวง เอ..หรือเราคาดหวังมากเกินไปว่าเลี้ยงลูกต้องแบบ perfect ต้องทำ โน้นทำนี่ให้ลูกเยอะแยะไปหมด ไม่แน่ใจเหมือนกัน ขอบ่นไปเรื่อยๆ หน่อยแล้วกันนะคะ บ่นแล้วรู้สึกดีขึ้นจัง ขอบคุณคุณหมอมากมายเลยค่ะ ตั้งกระทู้ได้โดนใจจริงๆ ค่ะ (กำลังจะมาตั้งกระทู้พอดีเลยค่ะ) แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 16:05:26 จากคุณ : zuling68 - [ 17 ก.ค. 51 10:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เง้อ คุณป้า ขา หลับแล้วไม่ตื่น นี่ไม่ดีนะคะ แล้วใครจะพาหนูเที่ยว โตเกียว(ในเว็ป ล่ะคะ) ขอบคุณคุณหมอ มากนะคะ แต่เรื่องโรค ซางจั๊บ ทรัพจาง นี่ หนูก็แก้ไม่หายเสียทีค่ะ คุณหมอมียา ป่ะคะ จากคุณ : Hergest - [ 17 ก.ค. 51 10:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ป้าพนอจันค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อนะคะ จริงๆ ตอนเป็นแบบนี้คิดถึงคุณป้าน่าดูเลย เห็นคุณป้าใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขออกค่ะ  ขอให้ป้าหายเบื่อไวๆ นะค้า จากคุณ : zuling68 - [ 17 ก.ค. 51 11:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านไปหัวเราะไปค่ะ  ดีนะที่อยู่คนเดียวไม่งั้นคนที่บ้านต้องว่าบ้าแน่ๆ คุณหมอมาบ่อยๆ นะคะ  อ่านเพลินจริงๆ ตัวเองมีอาการ Postpartum depression เพราะเป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ (ถูกต้องหรือเปล่าค่ะคุณหมอ?) ไม่ได้เบื่อโลกหรือเบื่ออาหาร แต่ร้องไห้บ่อยๆ ขี้น้อยใจ ดีว่าสามีเข้าใจและใจเย็นมากๆ เลยผ่านช่วงนั้นมาได้ พี่หลิงไม่ต้องเครียดนะคะ อาการเหล่านี้บรรดาคุณแม่ส่วนใหญ่จะเป็นแต่เดี๊ยวก็หายค่ะ จากคุณ : morinaga - [ 17 ก.ค. 51 11:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 5555 อ่านถึงตัวเหนียวเป็นลิงแล้วขำกลิ้งเลย คุณหมอใช้ศัพท์ได้เห็นภาพ มาก มีเรื่องนึงค้างคาใจมานานแล้วค่ะ คือแม่ไทยอยากให้อยู่ไฟหลังคลอด แต่ จนด้วยเกล้าเพราะที่ญปไม่มีอยู่ไฟ แม่ไทยบอกว่าหากไม่อยู่ไฟ เวลาแก่ตัว ลงลมพัดมาเบาๆๆก็หนาวขนลุกซู่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง --->จริงเหรอคะหมอ แล้วหากไม่มีไฟอยู่(มีแต่ใส่ไฟน่ะพอทำได้) ไปเข้าซาวน่าหลังคลอดแทน จะช่วยได้มั้ยคะ หรือว่าไม่ควรทำ หรือว่าหากซื้อกระเป๋าน้ำร้อนมาวางอิงช่วง พุงหลังคลอดละคะ จะช่วยได้มั้ย เจ๊หลิง...เจ๊เหลือเวลาอีก 2 วัน ปรับเปลี่ยนอารมณ์น้า ไม่งั้นจาก "บลู" จะ ข้ามขั้นกลายเป็น "จิตตก" แทน...วันอาทิตย์พี่ๆน้องๆจะไปช่วยไล่ความบลู ออกค่ะ ให้เหลือแต่ความ(หัว)บานแทน 555 นอกจากมาเทอร์นิตี้+พาเทอร์นิตี้ ลีฟแล้ว มีแบบ แกรนมา+แกรนพาเทอร์นิ ตี้ ลีฟมั้ยคะ เพราะนี่กะว่าหลังคลอดจะเอาลูกหมูไปฝากบ้านปู่ย่าลูกเดียว :) อาจจะมีคำศัพท์ใหม่เป็น "แกรนไชลด์ บลู" แทน กรั่ก กรั่ก จากคุณ : fudge-a-mania - [ 17 ก.ค. 51 12:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณข้อมูลดีๆ อีกเช่นเคยคะ จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 17 ก.ค. 51 13:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านเพลิน สนุก มีความรู้ดีด้วยค่ะ เขียนอีกนะคะ เรื่องบางเรืองก็หาอ่านยาก ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมือง วันก่อนไปหาหมอ บางทีสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษก็ยาก บางคำคุณหมอก็ใช้ภาษาแพทย์ ซึ่งเราไม่ได้ใช้กันในชีวิตประจำวัน แล้วจะเป็นขาประจำบล็อคนะคะ จากคุณ : youkay - [ 17 ก.ค. 51 14:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงพี่ฟัดจ์ อันนี้เคยได้ยินคุณแม่พูดเหมือนกันค่ะ เคยได้ยินเรื่อง ห้ามสระผมหลังคลอดหนึ่งเดือน ส่วนใหญ่คนแก่จะพูดกัน ทีนี้หลายเดือนก่อนเยี่ยมเพื่อนที่เพิ่งคลอดก็เลยคุยกันเรื่องนี้ ทางครอบครัวเค้าก็ดูหัวโบราณๆหน่อย แต่ว่ามีพี่สาวเป็นหมอ เค้าบอกว่า ไม่ต้องไปเชื่อ สาเหตุที่คนสมัยก่อนเค้าห้ามเพราะต้องไปอาบน้ำในคลอง เค้ากลัวสกปรกติดเชื้อ และกล่าวต่อไปว่า นี่สมัยใหม่แล้วควรทำตัวคุณแม่ให้สะอาด เพื่อจะได้ไม่นำเชื้อโรคไปติดลูกด้วย ตกลงก็ไม่ทราบว่าอันไหนจริงไม่จริงเลยค่ะ อย่ากระนั้นเลย ขอรบกวนถามคุณหมอ NaughtyDoc ด้วยเลยละกันค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ คุณหมอ ปล. เพิ่มเติมข้อความ เป็นกำลังใจให้กับหลายๆท่านที่กำลังบลูอยู่ด้วยนะคะ ถ้าทานอะไรอร่อยน่าจะช่วยได้นะคะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 14:45:27 จากคุณ : youkay - [ 17 ก.ค. 51 14:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะ เป็นเหมือนกันค่ะแต่บลูเพราะห่วงลูกและกังวลว่าเค้าจะเป็นโน่นเป็นนี่ คิดไปเองทั้งนั้น ฮ่าๆๆ ดีหน่อยที่เป็นไม่นาน แต่ก็ร้องไห้นะคะ ร้องเพราะคิดมากคิดไปเองเห็นลุกทำหน้า เหมือนจะร้องไห้ เราก็คิดแล้วว่าลุกเป็นอะไรประมารนั้นอ่ะค่ะ พอกลับมานั่งคิดถึงตอนนั้น ตอนนี้ขำก๊ากคนเดียวเลยค่ะว่าเป็นเอามาก กังวลมากไปทั้งๆที่ลูกแข็งแรงดีและไม่เป็นอะไรเลย จากคุณ : แม่บ้านณ.โตเกียว - [ 17 ก.ค. 51 15:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แก้ไขตัวสะกดไม่ได้อีกละอ่ะ ทำไมเออเร่อบ่อยจังอ่ะพันทิพ จากคุณ : แม่บ้านณ.โตเกียว - [ 17 ก.ค. 51 15:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ม่ายรู้จาตอบข้อไหนก่องดี  เอาเป็นว่า  หากตกหล่นข้อไหนไปขออำภัยด้วยฮะ ผมว่าเกณฑ์เวลาสองสัปดาห์นี่  มันเป็นเรื่องสมมติอ่ะครับ  แบบว่าผมไม่คิดว่ามันจะต้องเป๊ะฮะ  ส่วนเรื่องอาการซึมเศร้าก็เหมือนกัน  พอไปจับต้องอะไรที่มันจับต้องไม่ได้(อ่ะ...ไม่ใช่อย่างที่คิดอยู่นะ)  เช่น อารมณ์  ความรู้สึก  การที่จะบอกว่ามันผิดปกติอย่างไร  ต้องอาศัยการสังเกต  หรือถ้าเป็นหมอโรคจิต(ประทานโทษ...จิตแพทย์)  เค้าอาจจะให้ทำเทส  แบบเป็นข้อสอบถามโน่น ตอบนี่ แล้วออกมาเป็นคะแนน  เอ้า...ผ่าน ไปเข้าโรงบาลโรคจิตได้  อะไรประมาณนั้น  ซึ่งถ้าอาการชัดจนนะ  ก้อโอครับ  แต่พวกที่ Boderline หรือไม่ชัดเจนนี่  ผมว่าบางทีบอกยากฮะ  เอาง่ายๆ คนปกติก็มีภาวะซึมเศร้า(ผมก็เป็นอยู่ตอนนี้  ฮือๆๆๆ คิดถึงบ้าน  คิดถึงแฟน คิดถึงเด็กๆ)  ขี้น้อยใจ(ผมก็เป็นบ่อยๆ  เวลาแฟนไม่เอาใจอ่ะ  โห...อุตส่าห์ตั้งใจซื้อของทำการ์ดแทบตาย  แฟนดูนิ๊ดนึงแล้วก้อบอกว่า "ซื้อมาทำไมอ่ะ"แต่เห็นแอบยิ้มดีใจนะ 555)  ดังนั้นถ้ามันเป็นไม่มาก  ผมใช้หลักง่ายๆว่า  มัน Disturb normal life หรือเปล่า  กล่าวคือ  มันรบกวนทำให้ดำเนินชีวิตตามปกติของแต่ละวันจนเป็นไปไม่ได้หรือเปล่า  ถ้าขนาดนั้นผมว่าก็ควรหาคนช่วยแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 16:38:26 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 15:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องอยู่ไฟนี่  ม่ายอยากจะเซดค่ะ  ก้อ...ถ้าอยู่กันจริงๆแบบ Original Authentic Genuine ละก้อ...เค้าทำงี้ครับ เอาไม้กระดานมา...นอนไม้กระดานน่ะ  แล้วข้างล่างก้อ...มีการย่างกันจริงๆ  เพราะมีเตาไฟอยู่ค่าาาาา แถมให้กินข้าวต้มกะเกลือเท่านั้น  อันนี้เคยเห็นมากะตา  ประมาณว่าคุณแม่เหมือนโดนไฟลวกมาทั้งตัว  ถามไถ่ได้ความว่าไปอยู่ไฟแบบเห็ดออริจินมาอ่ะ  อึมมม...ทิ้งไว้นานหน่อยคงสุกพอดี  หรือเอาแค่ Medium ก้อพอ  ดังนั้น...หากบอกว่าเค้าอยู่ไฟกันที่เมืองไทยกันยังไง  ไม่ใช่แบบนี้แล้วครับ  ไม่มีใครอยู่ไฟแบบนี้นานแล้ว  ที่ทำกันที่เมืองไทยนี่  เค้าอบซาวน่าเอาครับ  แบบว่ามีกระโจมพลาสติคให้คุณแม่เข้าไปอยู่ เสร็จแล้วก้อมีหมอหุงข้าวไฟฟ้าใส่สารพัดสมุนไพรนัยว่าจะให้เกิดคุณประโยชน์แก่ร่างกาย แล้วเค้าจะบอกว่าถ้าผ่าท้องคลอดมาต้องรอสองเดือนก่อง  ถ้าคลอดเองเดือนเดียวก้อมาเสียตังได้แล่ะ  ม่ะช่ายน้อยๆน่ะค่ะ  หลายพันจนใกล้ๆจะหมื่นยังมีเลย  ไม่ทำเหรอ  ก็เจอข้อหาถ้าชราภาพแล้วจะปวดหลัง ไม่สบาย มดลูกไม่เข้าอู่  สามีไม่รัก(อันนี้ผมแถมให้)  อะไรประมาณนั้น  ถามผมเหรอ  อึมมม...เวลาทำอะไรก้อชั่ง Risk กะ Benefit ครับ   งานนี้ต้องบอกว่า Benefit ไม่ชัดเจน  เพราะไม่เคยมีใครทำการศึกษา  แต่ที่แน่ๆฝาหรั่งไม่เคยมีใครอยู่ไฟแน่นอน  ไม่เห็นใครมาบ่นปวดหลัง  แล้วมดลูกมารก้อเข้าไปอยู่ในอู่ของมารตามเดิมอยู่แล้วอ่ะ  แล้วพอเฒ่าชรามีใครไม่ปวดหลังบ้าง  มันเป็นเรื่องปกติครับ  ถ้าจะไปโทษว่าไม่ได้อยู่ไฟนี่  คุณผู้ชายพอแก่ตัวลงก็เป็น  ไม่เห็นจะเคยไปเบ่งคลอดที่ไหน(เอ๊ะ...หรือว่า...แอบไปเบ่งคลอดกะใครมา)   ความดีข้อนี้เลยค่อนข้างจะเฉยๆอ่ะ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 15:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนเรื่อง Risk หรือข้อเสียอ่ะเหรอ  ถ้าไปอบซาวน่าหยั่งที่เค้าว่า  ก้อคงไม่มีอันตรายอะไรมากนักครับ  แต่ต้องบอกว่าผมไม่ทราบว่าสมุนไพรนั้นมีอะไรบ้างน่ะครับ  ในทางกลับกันแค่อบไปอบมาคงไม่น่าจะเข้าไปซักเท่าไร  Risk อันน่าจะใหญ่สุดก้อน่าจะเป็นเรื่องเสียกะตังมากกว่าครับ  ก็...นะ...เงินเฟ้อเลขจะสองหลักรอมร่อแล้ว   อะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัด  อ้อ...Risk ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ  ต้องขัดใจกะผู้ใหญ่  อันนี้ต้องหาทาง Manage เอาเองครับ  แต่ถ้าชั่งแล้ว  เงินแค่นี้แค่จิ๊บๆ(ม่ะได้ประชดน่ะค่ะ  เงินแต่ละคนขนาดไม่เท่ากันง่ะ เหรียญสลึงของญี่ปุ่นยังเท่าเดิมมาหลายสิบปี  แต่เหรียญสลึงบ้านเรา  เอาไปให้แม่ค้า  มองหน้าค่ะ  แบบสายตาเหยียดหยามด้วยอ่ะ  โอ้...ยังกะผมให้ตังเก๊แน่ะ)  อาจจะมีผลดีก็ได้(เพราะในสมุนไพรนั่นผมไม่รู้จริงๆว่ามีอะไรบ้าง)  แถมทำให้ญาติผู้ใหญ่สบายใจด้วย(เอาใจคุณแม่ไว้ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน)  ยังงั้นก้อโกอะตะมะ(go ahead)ไปเลยค่า  ม่ายต้องเกรงใจใคร แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:53:55 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 15:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องวัยทองเป็นเรื่องน่าสนใจอันหนึ่งครับ  ไว้จะมาเล่าให้ฟัง   แต่สงสัยจะยาวววว  เป็นซีรี่ยส์หลายตอนจบมั้งครับ  ยิ่งเป็นพวก Flight of idea(แบบว่าพูดอย่าง  นอกเรื่องไปอีกสี่ห้าอย่าง อย่างผม)  ส่วนเรื่องกะตังนี่  555 ตอนนี้กะลังเป็นปัญหาใหญ่ในทุกๆที่ครับ  แม้แต่ที่นี่  ที่ที่รัฐเค้าช่วยเหลือดูแลดีกว่าบ้านเราหลายเท่า  ยังเอาตัวรอดยากเลย  คงต้องท่องคาถาที่ขวัญใจของปวงชนชาวไทยให้ไว้ว่า "ให้พอเพียง"ตามแต่ฐานานุรูปมั้งครับ  จึงจะเอาตัวรอดผ่านพ้นไปได้  ก้อขออวยพรให้คุณๆทุกท่าน  ดำเนินชีวิตด้วยสติ และความไม่ประมาท  มีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจทุกๆคนนะครับ (โห...มากะพระเลยนะเนี่ย) แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 15:59:19 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 17 ก.ค. 51 15:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ฟังคุณหมอร่ายยาวแล้วเพลินจัง ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วค้ะ เพราะออกไปคุยกับคนที่เขามีประสบการณ์มากกว่า ชีวิตคนเรานี่ก็แปลก ถ้าไม่ไปมองไปรู้คนอื่นที่เขาทุกข์กว่าเรา ก็จะไม่รู้ว่า ทุกข์เรานิดเดียวแค่ประติ๋ว จิตใจของคนความอ่อนแข็งไม่เท่ากัน บางคนโดนกระทบกระเทียบเหน็บแนมนิดหน่อยพอเจ็บๆคันๆทนไม่ได้ แต่บางคนแกร่งมาก ผ่านมรสุมมาสาหัสสากรรจ์ เรื่องปากคนนิดหน่อยจิ๊บจ๊อย เด็กๆ โดนจิ๊กเล็กๆไม่สน เขาถึงว่าเวลามีความทุกข์ต้องหาเพื่อนระบาย ต้องเป็นเพื่อนที่เข้าใจ ไว้ใจได้ เมื่อได้ระบายไปแล้วก็ค่อยโล่ง จากคุณ : พนอจัน - [ 17 ก.ค. 51 16:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ๊าย กล่าวถึงหมอโรคจิต แหมๆ อิ้ช้านกำลังเข้าสู่สภาวะนั้นอย่างรุนเเรงค่ะ (ฮ่า) ---- หรือถ้าเป็นหมอโรคจิต(ประทานโทษ...จิตแพทย์)  เค้าอาจจะให้ทำเทส  แบบเป็นข้อสอบถามโน่น ตอบนี่ แล้วออกมาเป็นคะแนน  เอ้า...ผ่าน ไปเข้าโรงบาลโรคจิตได้       ตือคุณหมอขา หนูเนี่ย ผ่านเข้ามาอยู่แบบระยะถาวรแล้วค่ะ ทำงัยดีค่ะเนี่ย ทั้งจิต หลอน จิตหงุดเงี้ยวไปหมดแต่ไม่มีเงี้ยวให้หงุดหงิด --- Out of reality คือหลุดไปจากโลกความเป็นจริงไปเลย เช่น มีอาการหลอนทางภาพ(เห็นภาพหลอนต่างๆนานา) ทางการได้ยิน(มีเทวดามากระซิบข้างหู...ให้ลาออกไปเถอะ)    คาดว่า อันนี้น่าจะหลายๆหูตูบๆอย่างเราๆน่าจะรู้สึกอย่างเดี่ยวกัน ----  คิดว่าตัวเองเป็นเทวดา ใช้จ่ายเงินผิดปกติ(เนื่องจากไม่ใช่เงินของตัวเอง เป็นเงินภาษีของพ้ม!)เพิ่งเติ่มอีกนิด เงินภาษีอิช้านเช่นกัน    แต่บังเอิญเทวดามักเห็นมารในตัว เงินมันเลยลอยออกจากจัวไปบ่อยๆ อิช้านอาจไม่ใช่เทวดา แต่ชอบเหมาว่าตัวเองเป็นนางอัปสร (เดี่ยวไม่นั่น) --- ระแวงว่ามีคนมาทำร้าย(ลอบวางระเบิด) เป็นต้น อึมมม...    ไอ้เรื่องวางระเบิดนี่ไม่กลัวคร้า แต่ไอ้ที่ระแวงๆอยู่ตอนนี้ กลัวว่าเดินอยู่ดีแล้วจะโดน JRMOs มาอุ้มไปนั่งยางแถวคาวามูระ กร๊ากกก(คิดไปได้)   ส่วนเรื่องโดนทำร้ายอิช้านไม่กลัวค่ะ มีแต่ทำร้ายตัวเอง (ว้าย อย่าคิดไม่ดีไป ว้า ฮ่าๆๆๆ ) ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีมากมายและเป็นประโยชน์จริงๆนะค่ะ อาการลักษณะแบบนี้ ต้องจับคุณแม่ๆมาทำ Group therapy ดีมั้ยน้อ อิช้านอาจจะไม่มีโอกาสไปเเกิดอาการแบบนี้ เพราะยังหาสามีไม่ได้ (มัวแต่จมอยู่กับตำรา) แหมๆๆ ขำๆนะจ๊ะ ขำๆ หัวเราวันละนิด จิตไม่ผิดปกติ (แต่หลุดโลกไปเลย ดูอย่างอิช้านสิค่ะ ) ส่วนเรื่องคนปกติ มีภาวะซึมเศร้า อันนี้ ที่ไหน จะหมู หมา กา ไก่ แมว ก็เศร้าได้ทั้งนั้นค่ะ เพียงแต่เมืองไทยยังไม่มีนักบำบัดและรู้ถึงเเนวทางแก้ไขอย่างถูกต้อง หลายคนยังกลัวการเข้าพบจิตแพทย์ว่าเป้นเรื่องน่าอับอาย อย่าอายนะค่ะ พวกหมแโรคจิต เอ้ยจิตแพทย์ต่างหากต้องนั่งฟังคุณ บางเคสและหลายกรณี คลุ้มคลั่งถึงขนาดอาละวาดแทบจะบีบคอหมอโรคจิต(แบบตัวแบนๆ)มาแล้วก้อมี เราถูกฝึกมา และกว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ ดังนั้นจงมาระบายใส่พวกอิช้านเถิด ส่วนเรื่องคุณแม่หลายๆคนรวมไปถึงว่าที่คุณแม่ และไม่ใช่คุณแม่ หรือมีสภาวะว้าวุ่นใจ จนถึงขนาด Disturb normal life แล้วล่ะก้อ เจอกันคราวหน้า ตัวลีปจะแบกซีดีเพลงเพราะพร้อมวิธีผล่อนคลายแบบดีๆไปแบ่งปันกันน่ะค่ะ อาจจะยังแปลกใหม่สำหรับคนไทยแต่สำหรับที่นี่สพรัฐและทางยุโรปนั้น ดนตรีช่วยไก้ในเรื่องที่คาดไม่ถึง ส่วนตอนนี้สำหรับอิช้านกำลังวุ่นวายเกี่ยวกับกรณีศึกษา Problem Areas in Cancer Pain Management. from Cancer Control... Problem Areas for Clients    * Loss of self-esteem    * Loneliness    * Lack of family support    * Loss of motivation and will to live    * Loss of physical, emotional, and spiritual strength    * Increased amount of worry, fear, and anxiety-examples: tx, chemotherapy/radiation, losing hair, and being really sick    * Increased physical pain and discomfort    * Loss of job or delay of schooling Fears, Needs, and Concerns of Cancer Patients    * Fears          o Isolation          o Increased Pain          o Increasing Dependence          o The unknown    * Needs          o Honesty          o Physical/emotional support          o Emotional expression (anger, anxiety, guilt, depression, and fear)          o To be able to communicate          o To stay a person          o Approval from family of medical treatment          o To protect family/friends from pain of their death    * Concerns          o Hurting others (family, friends, etc.)          o Uncertainty          o Unfinished business          o Losing independence          o Being forgotten Music therapy goals for targeting these problem areas    * Loss of self-esteem          o Increase self-esteem          o Make patient aware of own abilities    * Loneliness          o Develop a relationship with the patient    * Lack of family support          o Introduce family to music therapy efforts          o Family has an understanding of therapy    * Loss of motivation and will to live          o Increase motivation    * Loss of physical, emotional, and spiritual strength          o Increase physical strength and mobility          o Increase range of motion if needed          o Help patient take his/her mind off pain or circumstances          o Help patient understand the concept of a higher being who is in control of situation    * Increased amount of worry, anxiety, and fear          o Help patient take his/her mind off worry, anxiety, and fear          o Help patient understand the realities of what lies ahead as far as treatment, their illness, and mortality    * Increased physical pain and discomfort          o Help patient take his/her mind off of pain    * Loss of job or delay of schooling          o Assist in preserving job and/or schooling efforts ส่วนเรื่อง Paranoia เนี่ยอันนี้ยินให้คำปรึกษาค่ะ (แต่ตอนนี้ขออิช้านปรึกษากับตัวเองก่อน )เวลาหายใจจะไม่มีแล้วสงสัยต้องหาเวลาไป ทำอะไรให้เอลกฮอล์มันเข้าสู่กระแสเลือดกันหน่อย เอิ้กกกกก   1.  Paranoid Disorders - persistent persecury delusions or delusional jealousy         1. Symptoms               1. Difficulty relaxing               2. No sense of humor (healthy humor)               3. Can’t express emotions               4. Social isolation               5. Delusions               6. Suspiciousness   2. Types of Paranoid Disorders         1. Paranoid Disorders         2. Paranoia         3. Shared Paranoia Disorders         4. Acute Paranoid Disorders               1. What Music Can Do                           1. Can help focus off the delusions and onto more positive thoughts                           2. Can be a bridge to help the patient relate to his/her family in a safe, healthy, and non-threatening way.                           3. Can help the patient organize his/her thoughts and feelings                           4. Can help support the patient emotionally during his/her delusions and then help redirect back to reality         5. Atypical Paranoid Disorders แว้บไปๆมาช่วงนี่ เวลาจะโผล่มาทีนั้นน้อยมากเหลือกเกิน เหนื่อยก็สู้ค่ะ สำหรับเจ้าของกระทู้ ขอให้เฮงๆนะค่ะ ฝากนิดนึง คุณน้าพนอจันคนสวย พักผ่อนเยอะๆนะค่ะ การได้คุยกับใครบางคน รวมไปถึงการได้ปลดปล่อยนั้นเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ฝากถึงเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนในห้องนี้ด้วย ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใสน่ะค้า แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 19:54:38 จากคุณ : Nada Sousou - [ วันอาสาฬหบูชา 19:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ส่วนดอกไม้นี่ มอบให้คุณน้าพนอจันค่ะ จากคุณ : Nada Sousou - [ วันอาสาฬหบูชา 19:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 และสำหรับทุกคนในห้องนี้ อิช้านให้เป้นไร่ค่ะ กลัวไม่พอ รับลาเวนเดอร์ไปเลยนะค่ะ จากคุณ : Nada Sousou - [ วันอาสาฬหบูชา 19:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขออนุญาตอ่านแบบผ่าน ๆ ตามประสาของผู้ไม่มีประสบการณ์นะคะ คุณหมอเขียนได้ดี มีสาระและอ่านเพลิน เหมือนเคยค่ะ จะติดตามต่อไปก็แล้วกันนะคะ เรื่องเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูกของตน ดิฉันก็ว่านานาจิตตังนะ แต่ส่วนตัว แล้วรู้สึกอนุโมทนาบุญกับผู้ที่มีจิตกุศลเหล่านั้น อย่างน้อยถือว่าให้โอกาสเด็ก ๆ ได้มีพ่อแม่ มีที่อยู่อาศัยดี ๆ ตลอดจนมีการศึกษา จะได้เลี้ยงชีพตัวเองได้ต่อไปใน อนาคต ดีกว่าปล่อยทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ในอนาคตจะเป็นอาชญากรหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพิ่งจะอ่านที่ Jolie ให้สัมภาษณ์ภายหลังคลอดบุตรแฝดว่า ในอนาคตคงจะมีเด็ก กำพร้าที่เกิดจากพ่อแม่ที่เสียชีวิตจากป่วยโรคเอดส์มากขึ้น เธออยากจะอุปการะเด็กเหล่านั้น และอยากช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าว ใจบุญจริง ๆ ค่ะ อ่านต่อมาก็ทำให้ได้รู้ว่าสามีของเธอ Mr. Pitt มีส่วนผลักดันและเป็นกำลังใจ ให้เธอทำงานนี้มาดยตลอด และคงทำต่อไปอีกเรื่อย ๆ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันอาสาฬหบูชา 23:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ้างถึง คคห. 31 ที่คุณหมอพูดถึง "การอบซาวน่า" แบบมีกระโจมแล้วข้างใต้มีหม้อหุงข้าว ต้มน้ำ + สมุนไพร (เครื่องต้มยำ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ) เนี่ย สำหรับผู้ที่รักการทำสปาทั้งหลาย จะให้ประโยชน์อย่างไรคะ จะให้เลือดลมหมุนเวียนดี นั้นเป็นจริงหรือไม่? แล้วช่วยขับของเสียออกทางร่างกาย (ในรูปของเหงื่อ) ได้จริงหรือไม่? แต่ที่แน่ ๆ ที่บอกว่าลดความอ้วนได้ คงไม่ใช่ เพราะลดความอ้วน ควรหมายถึง การเอาไขมัน ออก ไม่ใช่การเอาน้ำออก การที่น้ำ (เหงื่อ) ออกจากร่างกายคนอบซาวน่า คงทำให้น้ำหนัก ลดได้ชั่วคราว แต่หากทานอาหารไม่บันยะบันยัง และดื่มน้ำเพิ่มเข้าไปมาก ๆ ก็มีสิทธิ์น้ำหนัก ขึ้นได้อีกใช่ไหมคะ? ขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันอาสาฬหบูชา 23:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขออนุญาตตอบเเทนคุณหมอนะค่ะ คุณ Tai-Sarunya ค่ะ "การอบซาวน่า" แบบมีกระโจมแล้วข้างใต้มีหม้อหุงข้าว ต้มน้ำ + สมุนไพร (เครื่องต้มยำ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ) เนี่ย สำหรับผู้ที่รักการทำสปาทั้งหลาย จะให้ประโยชน์อย่างไรคะ จะให้เลือดลมหมุนเวียนดี นั้นเป็นจริงหรือไม่? แล้วช่วยขับของเสียออกทางร่างกาย (ในรูปของเหงื่อ) ได้จริงหรือไม่? สำหรับตัวลีป เป็นคนที่ค่อนข้างดูแลตัวเองมาตลอด รวมไปถึงแต่เล็กจนโตเติบโตมากับครอบครัวที่ค่อนข้างโบราณ(แบบว่า บางทีไปบ้านญาติผู้ใหญ่ มักจะงงอยู่เสมอว่า นี่อิช้านอยู่ยุคไหนเนี่ย ) เรื่องอบซาวน่าเนี่ย คนไทยเราง่ายๆก็เข้ากระโจมละค่ะ อิช้านเนี่ยมักโดนบังคับให้ไปนั่งอบตั้งแต่เล็กจนโต หลังจากนั้นก็จะมีคนเอา มะขาม ไพร ขมิ้น มาขัดๆถูๆตลอด แสบก็แสบ หลังจากนั้นเอาน้ำมันงาบ้าง น้ำมันมะพร้าวมานวดผิว ทำอย่างนั้นเรื่อยมา แต่เชื่อมั้ยค่ะทุกวันนี้ผิวละเอียดมากๆ เนียนค่าเนียนใครเจออิช้านตัวเป็นๆท้าให้ลูบ (ไม่ใช่คลำนะคร้า ฮ่า) เรื่องอบกระโจมเนี่ย ของแบบนี้เค้าไม่จำกัดเฉพาะสตรีหลังคลอดบุตรนะค่ะ ใครๆก็ทำได้ ดังนั้นจึงขาดไม่ได้กับการอบซาวน่าและหลังจากนั้นหากมีการนวดน้ำมันและขัดผิวควบคู่ไปด้วย จะช่วยกระชับและขับของเสียไปได้เยอะไม่ใช่น้อยนะคะ การอบซาวน่านั้นมีมาแต่โบราณ แต่สำหรับเมื่อมีข้อบ่งชี้ก็ต้องมีข้อห้ามคือ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันสูง เบาหวาน ควรอยู่ในวิจารณญานของแพทย์และผู้เชียวชาญค่ะ ทั้งนี้การอบซาวน่ายังช่วยในการช่วยลดสารพิษจากระบบเลือด ทั้งคลอเลสโตรอล โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง น้ำส่วนเกิน และเซลล์ที่ตายแล้วโดยขับออกมาทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ   เพิ่มการหมุนเวียนเลือด ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจน และสารอาหารอย่างทั่วถึง จึงช่วยลดความดันโลหิต ช่วยคลายอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะลดความเครียด ฆ่าเชื้อโรค ผิวพรรณสะอาดสดใส ช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 600 ถึง 900 แคลอรี่เชียวนะค่ะ จะทำให้ร่างกายผ่อนคลายทั้งทางร่างกายและจิตใจ พร้อมกันนั้นยังเหมาะสำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก เป็นหวัด ความดันต่ำ และต้องการให้เหงื่อออก เป็นต้น ทั้งนี้หากมีสมุนไพรประเภทรสเปรี้ยว อย่างเช่น  มะกรูด ส้มป่อย หรือมะนาวฝาน ส้มต่างๆ ยังจะมีส่วนไปบำรุงทำให้ผิวชุ่มชื่นอีกนะคะ สมุนไพรไทยเนี่ยได้ผลดีนักค่ะ สมุนไพรทางยุโรปก็มากมายและยังช่วยในเรื่องของการบำบัดและรักษาได้จริงๆค่ะ หากไม่มีเวลาหรืองบประมาณน้อย สปาที่บ้านทำได้และประหยัดมากค่ะ (แต่อิช้านก็เพิ่งสปาอยู่ดี) ขั้นตอนการอบซาวน่าอย่างถูกต้องค่ะ วางกาต้มน้ำไฟฟ้าไว้ใต้เก้าอี้ ระวังไม่ให้ไอน้ำพุ่งไปโดนขาผู้อบ วางผ้าขนหนูหนึ่งผืนไว้บนเก้าอี้ เตรียมอ่างน้ำอุ่นไว้แช่เท้า อันนี้สำคัญค่ะควรจะมี เทคนิคเล็กน้อยที่ไม่ควรมองข้าม ผู้จะอบให้ถอดเสื้อผ้า นั่งแช่เท้าในน้ำอุ่น ใช้ผ้าขุนหนูผืนเล็กชุบน้ำเย็นบิดหมาดแล้วนำไป ประคบที่รอบคอหรือศีรษะ ให้ดื่มน้ำอุ่นไม่ควรเป็นน้ำเย็นนะคะ 1-2 แก้ว ก่อนหรือขณะทำการอบ สำหรับการตั้งอุณหภูมิภายในเต๊นท์ หรือห้องซาวน่าควรให้อุ่นเท่าที่จะทนได้ประมาณ (43-49 องศา Co) ไม่ร้อนจนเกินไป จับชีพจรทุก ๆ 5 นาที ไม่ให้ชีพจรสูงกว่า 140 ครั้งต่อนาที หรือถ้ารู้สึกใจหวิวดูเหมือนจะเป็นลม ให้หยุดการอบ หากมีอาการหน้ามืดให้นั่งพักอย่าลุกพรวดพราดนะคะ ที่สำคัญ ขณะอบซาวน่าควรทำการกำหนดการหายใจให้เท่ากัน หายใจช้าๆหลับตาและผ่อนคลายคะ หลายครั้งที่เวลาคิดอะไรไม่ออก ชอบวิ่งเข้าสปาอยู่เรื่อยไม่ก็ไปองเซน ตัวลีปชอบหนีไปนั่งทำสมาธิ ปล่อยจิตตกให้มันหลุดลอยไปกับเหงื่อค่ะ และที่สำคัญหากสมาธิบังเกิด ปัญญาก็จะเกิดผล (อ้าวเกี่ยวมั้ยเนี่ย) เวลาที่ใช้ในการอบแต่ละครั้ง 15-20 นาทีหากมีเวลา ลองหาเกลือหรือน้ำตาลผสมน้ำมันสำรับบำรุงผิวผสมให้เข้ากันแล้วนำมาขัดตัวจะช่วยทำให้ผิวใสและสวยเปล่วปลั่งค่ะ หลังจากอบแล้วให้อาบน้ำธรรมดา(แต่สำหรับอิช้านอยู่เมืองแจแปนไปองเซนทีไรสบายมากค่ะ อบซาวน่าอาบน้ำแร่ โอ้ สดชื่น) หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยควรดื่มน้ำตามค่ะ แล้วนอนพักครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจะรู้สึกสดชื่นคลายเครียดและกล้ามเนื้อผ่อนคลายได้อย่างดีมากเลยนะคะ อันนี้ทำอยู่ตลอดไม่เคยขาด ไม่ได้บอกว่าผิวตัวสวยหรือไม่ แต่สามารถสังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างชัดเจน ไปจนถึงร่างกายรู้สีกเบาและสบายขึ้นค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากต้องการอบซาวน่าเพื่อลดความอ้วน แนะนำให้ออกกำลังกายและควบคุมอาหาร คราวนี้เราก็จะสวยจากภายใน ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และร่างกายเกิดความสมดุลย์ค่ะ สวยจากภายในนั้นออร่ากระจายออกมาวิ้งๆค่ะ (ฮ่า) คราวหน้าจะมาบอกวิธีดูแลตัวเองหลังคลอดบุตร (อุ้ยอิช้านก็ไม่บุตรและบุรุษค่ะ ) แต่เอาเป็นว่า ถ้าใครได้ทำแล้วล่ะก็รับรองผิวสวยร่างกายกระชับและที่สำคัญประหยัดและสามารถทำเองได้ที่บ้านค่ะ และสุดท้ายเอาแอปเปิ้ลคาราเมลมาฝากค่ะ จากคุณ : ตัวลีปๆ ลีปไปหมดแล้น (Nada Sousou) - [ วันเข้าพรรษา 04:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของหมอชล น้าจะพยายามทำตามคำแนะนำค้ะ ชอบดอกไม้ที่ส่งให้จังเลย สีสวยสดใส น้าว่าคนเรามีโอกาสที่จะเครียดได้ทุกคนแหละ ไม่เครียดเรื่องนั้นก็เรื่องนี้ จิตมันฟุ้งซ่านไปเรื่อย ปรกติน้าจะเปิดเพลงฟัง พักผ่อนอ่านหนังสือ เปิดหน้าต่างรับลมยามบ่ายแก่ๆก็เป็นความสุขที่หาได้ในบ้าน ลมเย็นๆที่ผ่านร่างกายทำให้สดชื่น จะหลบร้อนอยู่ในห้องแอร์ทั้งวันก็ไม่ไหว อึดอัด ดีที่อยู่บ้านสองชั้น ช่วงบ่ายๆ ที่แสงแดดหันไปทิศตรงข้ามของห้อง เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดผ่าน ช่วยให้สบายใจขึ้น จากคุณ : พนอจัน - [ วันเข้าพรรษา 05:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณหมอคะ อยากอ่านเรื่องวัยทองด้วยคนค่ะ หากคุณหมอมีเวลารบกวนคุณ หมอด้วยนะคะ น้องต่ายคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ คุณน้องคนสวยขา วิธีการทำซาวน่าที่บ้านดูน่าสนใจมากค่ะ แต่ว่าบ้านญปมัน เล็กคับแคบสงสัยจะไม่สะดวก งั้นพี่ถามนิดนึงว่าหากหลังคลอดพี่ไปอบ ซาวน่าแบบซาวน่าปกติ (เผอิญในคอนโดมันมีห้องซาวน่าเล็กๆ ที่พี่คิดว่าไป สะดวกมากกว่า) ที่ไม่มีสมุนไพรอะไรเลย ไม่มีการนวดน้ำมันด้วย(หรือควร เอาไปนวดเองที่ห้องซาวน่า?) พอจะช่วยไหวมั้ยคะ แล้วพี่ก็ควรจะต้องดูอุณ. ในห้อง และจับชีพจรทุกๆ 5 นาทีใช่มั้ยคะ อบเป็นเวลา 15-20 นาที น่าจะพอ ขับน้ำคาวปลาได้ป่ะคะ คุณน้าพนอจันคะ ตอนนี้ข้าวของแพงขึ้นทุกอย่างเลย ไม่ใช่คุณน้าคนเดียว หรอกค่ะที่กระทบ ฟัดจ์ว่าแม่บ้านอย่างเราๆทุกคนกระทบไปหมด (คุณน้ามี แนวร่วมแน่นอนค่ะ) อากาศร้อนแบบนี้ก็ทำให้เราเหี่ยวแห้งซึมเซาได้บ่อยๆ นะคะ...ตอนนี้วันๆนึงแทบไม่อยากทำอะไรเลย มันร้อนจริง รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ วันเข้าพรรษา 06:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบพระคุณคุณ Nada Sousou มากค่ะ อันที่จริง การอบซาวน่า เข้าสปา ขัดตัว นวดตัว เหล่านี้ ทำมาหมดแล้วทั้งนั้น แต่บางที ก็ไม่รู้ว่าข้อมูลที่ Therapist บอกเรามานั้นจริงแท้แค่ไหน? เลยชอบถามผู้รู้ หรือไม่ก็ ศึกษาด้วยตัวเอง ... ว่าแล้ว ดิฉันก็ห่างหายจากการทำซาวน่ามาก็นาน เห็นทีอาทิตย์นี้อาจจะไปเข้า กับเขาบ้าง ด้วยความที่ตัวเอง เป็นคนขี้ร้อน ก็เลยไม่ค่อยชอบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พยายาม หาห้องซาวน่าหรือกระโจมซาวน่าที่เป็นแบบโผล่หน้าออกมาได้ จะรู้สึกเย็นและดีกว่า แบบเป็นตู้อบทั้งหน้าและตัว แบบนั้น หากไม่ได้ผ้าขนหนูซับน้ำหมาด ๆ นี่จะค่อนข้าง อึดอัดมากทีเดียว ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ไว้ว่าง ๆ จะมาคุยด้วยใหม่ วันนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย ... Yoroshiku นะคะ -------------------- พี่ฟัดจ์คะ ยินดีค่ะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับว่าที่คุณแม่คนใหม่ค่ะ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันเข้าพรรษา 11:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โห...น่ากินอ่ะ  แอปเปิ้ลคาราเมล  ฮือๆๆๆๆ  อยากกลับบ้านไปกินเค็กร้าน Coffee Bean ไปกินไอติมแท่งด้วย  เอ...แต่เห็นกระทู้ไอติมของครายหว่า...อ้อ...คุณ Naomichan แล้วเด่วจะไปหามากินแน่นอนนนนน คุณ Nada Sousou นี่เก่งจิงๆอ่ะ  อึมมม...เป็นหมอ(รักษา)โรคจิตด้วย แถมทำด้านโดนตีบำบัดอีก  อย่างที่เล่าให้ฟังแล้วอ่ะครับ  ว่าเคยไปตามหาแถวมหิดล  เห็นมี PhD แถวๆนั้นคนสองคนเอง  ส่วนแถวที่ทำงานผมยังไม่มีข่าวว่ามีเลย  เพราะผมสนใจว่าจะทำ Group therapy หรือว่าลดผลข้างเคียงและเพิ่มคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ป่วยมะเร็งฮะ  แล้วจะขอคำปรึกษาไป   เรื่องสปานี่ม่ายเคยเข้าจริงๆ แถวกทม.นี่ขืนเข้าไปซาวน่า  เกรงว่าจะเสียฟามเป็นชายแถวนั้น  ก๊ากกกก  แต่เพื่อนมันว่า...จะได้เป็นยอดชายอย่างไร  ไม่สนเหรอ...ขอผ่านๆๆๆๆ ที่แน่ๆตอนนี้นั่งอยู่ในห้องก้ออบซาวน่าแล้วค่ะ  ภาษาม้าเค้าเรียกว่า  เหงื่อตกถึงกีบ  ตอนมาใหม่ๆบอกที่บ้าน  โหย...หนาวจะตาย  ตอนนี้ร้อนจนตับ ม้าม หัวใจ เซี่ยงจี๊ ผ้าขี้ริ้วออกมากองข้างนอกแล้วอ่ะ   เรื่องวัยทองนี่ม่ายแน่จายว่าเคยเขียนไปหรือยังครับ  หมายถึงเขียนลงหนังสือฮะ  แล้วเด่วไปคุ้ยๆ(ที่ฝังเอาไว้...เอออ..เหมือนหมาเข้าไปทุกทีแล่ะ)  เอามาตบซ้ายขวา  ให้เจ้าของหนังสือจำไม่ได้  แล้วจะเอามาแปะน่ะค่ะ  แต่ตอนนี้พอดีมีคนหลังไมค์มาถามเรื่องตรวจภายในหลายคน เลยว่าจะเอาที่ตอบๆเค้ามายำได้อีกหนึ่งกระทู้  555  แบบว่าอยู่นี่มีเวลาปั่นกระทู้ค่ะ  กลับบ้านต้องไปปั่นกะตัง  แต่จะพยายามมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยๆฮะ  เ อ...ไม่รู้ว่าเขียนเรื่องสุขภาพบ่อยๆ เด่วห้อง@Japan จะกลายเป็นห้องตรวจภายในซะละกระมัง ปล.รูปสวยครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ วันเข้าพรรษา 18:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 44 หวัดดีคะ คุณหมอ.. เพิ่งจะอ่าน ได้นิดหนึ่ง.. ติดใจสำนวนคะ..ขอเป็นลูกค้า เอ๊ย คนไข้ ด้วยคน .. แต่ไม่เอาตรวจภายในนะคะ 55555.. ขอลงชื่อ ไว้ก่อน แล้วจะ ตามมาอ่านต่อ.. ขอบคุณมากคะ.. ปล.ยัย ตัวลีป Nada อะ เป็นทุกอย่างที่ขวางหน้า ละคะ .. ตั้งแต่หมอ นักร้อง นางแบบ..เหลือแต่ เป็นแม่ของลูกนี่แหละ.. กำลังเล็งๆ อยู่ 5555.. ไปละเดี๋ยว โดนบีบคอ จากคุณ : **ความฝัน..และ..สุดที่รัก** - [ วันเข้าพรรษา 19:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ ^ ^ ข้างบนน่ะ อิช้านจุดธูปเสกของไปแล้วนะเจ้าค่ะ ขอแหกปาก กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หน่อยนะตะ ทำไมเอาความจริงมาพูดดดดดดดดดดดดดด รับไม่ด้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อย่างนี้เค้าก็รู้หมดสิ ว่าหนูน่ะ หา....ปั๋วไม่ได้สักที กร๊ากกกกกกกกกก ปล. ช่วงนี้งานอดิเรก ไม่ค่อยมีเวลาไปหาจ๊อบทำกระตังค์เลยเจ๊ขา เนื่องมากจากต้องคุ้ยๆ ขุดๆๆๆๆหาแต่ข้อมูล หูก็ตูบลงทุกวันๆ อยากกินเค้กผลไม้อ้า ง้า ุุ้ถ้าวันนี้คุณเจ๊รู้สึดร้อนหนาวตอนหลับแสดงว่าของที่อิช้านเสกไปมันไปถึงแล้วจริงๆ (บอกแล้วโรค(จิต)) ฮ่า แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 51 20:07:42 จากคุณ : Nada Sousou - [ วันเข้าพรรษา 20:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมก้อแอบไปอ่านบล็อกของคุณความฝันและสุดที่รักบ่อยๆครับ  ได้บรรยากาศบ้านที่อบอวลไปด้วยความสุข  อิ่มใจดีฮะ แถมได้วิธีทำกับข้าวอร่อยๆด้วย  ทำให้รอดชีวิตไปอีกมื้อนึงฮะ อย่างคุณ Nada เนี่ยนะหาแฟนไม่ได้ อึมมม...เดินไปปากซอยเข้าร้าน Lawson ก็มีตามออกมากระบุงนึงแล้วแหล่ะค่ะ  แต่ว่าผู้ายดีๆคงหาทำยายากกกกส์ขึ้นทุกวัน  แถวบ้านถ้าหน้าตาดี เรียบร้อยก้อโดนสงสัยว่า  ม่ายช่ายปู้ชายยยย ซะงั้น จากคุณ : NaughtyDoc - [ 19 ก.ค. 51 09:06:19 ]