ความคิดเห็นที่ 1 back ground ka ผู้ชาย- มาจากครอบครัวฐานะดีมาก พ่อเขารวยอย่างมาก มีธุรกิจ ที่รอให้เขากลับไปบริหารเป็น เมื่อพ่อเกษียญ มูลค่าหลายสิบล้านปอนด์คะ ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกคะว่ารวย คบกันตอนแรก ก็นั่งกันแต่แท็กซี่ ฟังเพลงหมอลำของพี่คนขับรถแท็กซี่กันไป จนเราไปบ้านเขามาคะ หลังจากคบกันได้เกือบปีเลยได้เห็นฐานะความเป็นอยู่เขา ส่วนหนึ่งที่เราชอบเขาเพราะ เราชอบคนขยันทำมาหากินคะ และเขาขยันทำงานมาก แต่พ่อเขารวยไปก็เท่านั้นคะ เพราะลูกไม่ได้รวยด้วย แค่พอมีเงินเก็บ 4 -7 ล้าน(ในบช เมืองไท) เมืองนอกมีเท่าไหรไม่รู้ เขาเป็นลูกชายคนเดียว ที่เหลือเป็นผู้หญิง บ้านนี้เป็นฝรั่งที่ไม่เหมือนในทีวีเลยคะ ที่คนในครอบครัวมักไม่ชอบกัน เพราะบ้านนี้ พวกเขารักและดูแลกันดีมาก ผู้หญิงจะทำงานบ้านหลักๆหมด เพราะพ่อเขาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวไงคะ ลูกสาวแต่งงานแยกบ้านไปหมดแล้ว ผู้ชายที่มาแต่งงานด้วย เซ็นสัญญาก่อนแต่งหมด ว่าจะไม่มาเอาสมบัติพวกเขา ตอนหลังพ่อเขาเอาธุรกิจเข้าทรัสต์ ไม่มีใครมีโอกาสขายแล้วคะ ทำงานเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์กันไปละกัน พี่น้องผู้หญิงเขาจะรักเขามาก และพวกเขาก็เรียนจบขั้นต่ำตรี มีงานดี ๆตำแหน่งสูงๆเป็น working women ทั้งหมด ยกเว้นแม่ ที่เสียสละดูแลบ้านคะ(สั่งคนใช้ทำงานอีกที) สามีก็ทำงานในระดับสูงกันทุกคน พ่อแม่เขาภูมิใจในลูกทุกคนคะ (เป็นเราก็คงภูมใจเดินหน้ากางเหมือนกันคะ) เรื่องนิสัย พวกเขานิสัยดีกันมากๆคะ nice and warm มีน้ำใจ เป็นครอบครัวที่เราอยากใช้ชิวิตอยู่ด้วยคะ เพราะเราชอบหลายๆอย่าง ทั้งเห็นวิธีที่เขาสอนลูกหลาน ให้เป็นคนดี มีเกียรติ บอกตรงๆว่าประทับใจคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 00:53:40 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเขาไม่คิดจะห่วงใยเราขณะที่ยังเป็นแฟนกันอยู่ ถ้าหากแต่งงานกันไปคงจะลำบากครับ เรื่องการเงินน่าจะเป็นเรื่องนิสัยของแต่ละคนนะครับ จากคุณ : giuseppe (Giuseppe) - [ 21 ก.ค. 51 00:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีดีก็ต้องมีเสียคะ แฟนเรา จิงๆต้องบอกแฟนเก่า ในตอนนี้เนอะ เขาเหมือนลูกคนรวยทั่วไป ที่ไม่ชอบดูแลใครคะ ชอบให้คนมาดูแล ชอบparty ชอบสนุกสนาน ไม่ทำงานบ้าน ไม่สนใจเรื่องเครียดๆบอกไม่สนุก--จะปรึกษาอะไร ยากเย็น เพราะรวยคะ เลยหน้าบาง ถ้าแฟนบอกจะไปลงทุนปล่อยเงินกู้ ทั้งที่ใช้เงินเราเอง เธอจะห้ามทำ (แต่ก็ไม่เคยให้เงินเราใช้นะ) บอกฉันอาย-- -__-" ไม่สนใจหรอกคะ ว่าเราทำงานหนักแค่ไหน เพื่อสร้างตัว ภูใจเสียอีก ว่าแฟนทำงานหนัก ดึกๆดื่นๆ เหมือนอยากอวดครอบครัว ว่าได้working woman ภาคหัวดำมาฝากแม่ ไปไหนกัน ให้เธอจ่ายหมดจะโกรธเราคะ ต้องช่วยบ้างนิดๆหน่อยๆ ไม่งั้นเขาจะคิดว่าเราเอาเปรียบเขา ทั้งที่บางทีไปกับครอบครัวเขา ไปกับเพื่อนสนิทเขา แต่เขาก็จะโกรธ ถ้าเราไม่offer ช่วยออกบ้าง ตรงนี้ เราไม่ได้เครียด แต่เขาเป็นฝ่ายเครียดมาก จนจะทะเลาะกันตายคะ อยู่เมืองไท ไม่เป็น แต่ไปเมืองนอกด้วยกันเมื่อไหร ไม่ช่วยจ่าย มีเย็นชา แสดงอาการสะบัดสะบิ้งไม่พอใจทันที---เหนื่อยเนอะ--คบกับคนคิดเล็กคิดน้อย จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:05:59 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฮือออๆๆๆY___Y คคห2 คะ นี่คือสิ่งที่เรา ห่วงและกลัว เครียดมากที่สุดคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:07:02 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นิสัยดีแต่ขี้เหนียว ขนาดแค่เป็นแฟนกันเขายังทำให้คุณแหนงหน่ายขนาดนี้ ไม่ไหวละมั้งคุณ คนแบบนี้เหมาะที่จะ live alone, die alone มากกว่า จากคุณ : PatPDX - [ 21 ก.ค. 51 01:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 back ground เราเองคะ เราทำงานสุจริต หน้าตาดีในสายตาเราเอง(555) ดูไม่แก่ตามวัย จบตรี บ้านเราฐานะกลางๆออกจนคะ อยู่บ้านเช่า พี่น้องก็มีดีๆห่วยๆปนกัน แต่ไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน ปัญหาเลยไม่มีอะไร เราขยันทำมาหากินคะ เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกจะทำดี มีฐานะดีได้(ด้วยตัวเอง) เราจึงมีเงินเก็บ7หลัก แต่ยังเป็นพวกอยู่แบบพอเพียงคะ ปฎิบัติธรรมบ้างเป็นพักๆ ไม่ดื่ม ไม่สูบ เป็นคนรักดีคะ มั่นใจในตัวเอง แบบผู้หญิงยุคใหม่ แอบฮาด้วย นิสัยเป็นลูกครึ่งฝรั่ง-ไท อาจจะเพราะเราดูทำอะไรเองก็ได้มั๊งคะ เขาถึงบ่นว่า ให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ เพราะไม่อยากเสียเวลามาช่วยเรา เวลาเราขอให้เขาช่วยเหลือ เช่น ขอให้เขียนจม ภาษาอังกฤษให้เวลาต้องติดต่องาน ตอนไปเมืองนอกกัน/ขอให้ขับรถให้..เพราะเราไม่มีใบขับขี่--อยู่เมืองไท เราขับรถให้เขาไปเมาไม่รู้กี่ครั้ง..คิดแล้วเซง ความไม่มีน้ำใจของเขา เป็นเฉพาะตอนอยู่เมืองนอกคะ แปลกใจเหมือนกัน ว่าอยู่เมืองไท ทำไมไม่เป็น เรานึกๆดูแล้ว คงเพราะ เมืองไท เราไม่เคยขอให้เขาช่วยเหลืออะไรเลยคะ ทำเองหมดทุกอย่าง ขับรถ เขียนอีเมล์(แล้วให้เพื่อนฝรั่งที่ทำงานเช็คให้อีกที) แต่เมืองนอก..มันเกินความสามารถเราจิงๆถึงต้องรบกวนเขา จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:23:56 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อยากจะบอกว่า ให้เชื่อในสัญชาตญาณลูกผู้หญิงเถอะค่ะ มันแม่นนักแล ถ้าสัญชาตญาณบอกว่า "ไม่"  ก็ต้องฟังค่ะ อายุปูนนี้กันแล้ว นิสัยคงไม่เปลี่ยนแล้วค่ะ นอกจากจะปรับกันคนละครึ่งทาง จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 21 ก.ค. 51 01:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราพยายามเข้าใจเขาคะ ว่าเขาไม่เคยมีแฟนจิงจัง เลยให้อภัยมาตลอด เพราะปมด้อย ทางร่างกายบางอย่าง แต่คบกับเรา เราก็ไม่เห็นว่ามันมีปหนะคะ ทุกอย่างไปได้ดี ปัญหาที่เขามีตลอดชิวิต ที่ทำให้เขาไม่มั่นใจ หมดไป เมื่ออยู่กับเราคะ แต่หลังๆเราชักคิดได้บ้างแล้ว ว่าที่แฟนเก่าทิ้งเพราะ เขาแต่ใจตัวเอง self center มากไปหรือเปล่า เลยไม่มีใครอยากอยู่ด้วย จะกินข้าว ก็ร้านที่เธอเลือก จะไปไหน ก็ให้เธอเลือก ถ้าเราเลือก แล้วไม่ถูกใจ ก็จะนั่งหน้าง้ำ หน้างอ.. เหมือนเขาอยากให้เราเป็นsuper women ตามตำราคะ เป็นเจ้าบ้านที่อวดแขกได้ บนเตียงกู๊ด ทำงานนอกบ้านดี หาเลี้ยงตวเองได้ และเขาก็ไม่ต้องช่วยเรื่องการเงินเราด้วย อ้อ..เขาสั่งอะไร ทำด้วยนะ เหนื่อยมากๆคะ ซึ่งมันไม่ใช่เราหรอก เราเหนื่อยมากแล้วคะ ชิวิตที่ผ่านมา กว่าจะมาถึงจุดนี้ จากพ่อล้มละลาย จนเรามาถึงจุดนี้ได้ มีเงินเก็บ ซื้อบ้าน ด้วยเงินของตัวเอง เราอยากมีผู้ชายที่ดูแลเราบ้างคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:30:58 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างที่คุณ CoolDubaiChic บอกล่ะค่ะ เชื่อสัญชาตญาณตัวเองเถอะค่ะ ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองบ้างเพื่อเรา คบไปก็มีแต่เสียใจค่ะ ขนาดยังไม่แต่งงานยังขนาดนี้ จากที่ฟังๆดู คุณจขกท you deserve a better person ค่ะ จากคุณ : rainy_sunshine - [ 21 ก.ค. 51 01:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราเข้าใจความรู้สึกของ จขกท นะคะ แต่อย่างที่เราบอกก็คือ ให้เชื่อในสัญชาตญาณลูกผู้หญิงค่ะ มีอะไรไม่ชอบมาพากล มันจะบอกเราทันใด ยังไม่แต่งกันยังต้องเหนื่อยขนาดนี้ (ตามที่ จขกท เล่ามา) หากแต่งกันไปแล้ว เรื่องใหญ่กว่านี้อีกค่ะ ถ้ามีลูก ก็ต้องมานั่งเป็นหัวเรือใหญ่ แม่ทัพเรือ คอยเป็นมันสมองของครอบครัว มันจะมีการเหนื่อยสมอง เหนื่อยหัวใจมากกว่านี้หลายเท่าค่ะ ยังไงก็คิดดีๆ นะคะ มีอะไรก็ระบายออกมาก็ได้ค่ะ อันนี้เราเตือนในแบบของคนที่เคยผ่านชีวิตคู่ที่ล้มเหลวมาแล้วนะคะ จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 21 ก.ค. 51 01:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลองคิดดูว่า หน้าที่การงานดี ทุกอย่างดีเกือบทั้งนั้น อายุ 40 ไม่แต่งงาน นี่มันต้องมี อะไรในกอไผ่แน่ๆ คงต้องมีสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงขยาดแน่นอน แล้วแต่ใครจะเจอช้า หรือเจอเร็วเท่านั้นเอง ถ้าเป็นแฟนกันเค้ายังดูแลคุณไม่ได้ดีพอ ก็อย่าหวังว่าจะไปแต่งแล้วมีความสุขเลยคะ คนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้ ถึงเค้าจะเปลี่ยนตอนนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยสันดานเดิมมันก็จะออก มาเหมือนเดิมนั่นแหละ จากคุณ : Scooterella - [ 21 ก.ค. 51 01:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัญหาล่าสุด ที่เราอยากขอความเห็นคะ เขาขอเราคืนดี มาตลอด--คงเพิ่งสำนึกว่า ไม่ดีกับเราหลายเรื่อง แต่คงนึกไม่ออกว่าเรื่องอะไรหรอก ฮ่าๆ เราก็ไม่ตัดสินใจกลับไปคะ เพราะยังไม่เห็น ว่าปัญหาเดิมๆมันหายไปตรงไหน แต่เห็นเขาพยายามจะแก้ไข เลยยังให้โอกาสเจอกัน กินข้าวคะ ล่าสุด บ้านที่เราซื้อมีปัญหาต้องซ่อม เราช็อตเงินคะ ขาดเงินไป1ล้าน เลยเล่าให้เขาฟัง ไม่ได้คิดจะยืมเงินเขาหรอกคะ แต่เขาเห็นเราเครียดเลยถาม ความที่เขาอยากคืนดีนะคะ รีบบอกว่า เดี๋ยว ฉันให้ยืมเอง แต่พอรู้ตัวเลข ก็เงียบไป เรารู้นิสัยอยู่แล้ว ว่าเขาระวังเรื่องการใช้เงินมาก เลยบอกเขาไป ว่าไปคิดดูดีๆแล้วกัน ถ้าจะให้ยืม ค่อยมาบอกเราใหม่ แล้วจะคืนให้ใน2เดือน..เราเป็นคนพูดคำไหน คำนั่นคะ คบกันผ่านมา เราต่างคนต่างใช้เงินของตัวเองคะ ไม่เคยยุ่งเกียวการเงินกัน เคยมีเรื่องที่เราเกือบต้องยืมเงินเขามาแล้ว ล้านนึง และเขาก็บอกปฎเสธมาแล้วด้วย เลยไม่คิดจะไปยืมเขาอีกคะ (จิงๆแล้ว ตอนนั้น อยากลองใจเขาคะ เลยซึ้งใจกลับมาเลย) เขาก็รู้ด้วยคะ เวลาเราให้เพื่อนสนิทยืมเงิน3-4แสน แต่เขาไม่เคยให้เพื่อนสนิทหน้าไหน ยืมเยอะขนาดนั้น--เยอะสุด2พันปอนด์-- เก็บเงินเก่งจริงๆพ่อคู๊ณณ หลังจากนั้น เราก็เล่าให้ฟังเรื่อง รถมีปัญหา เลยจะขายทิ้ง ไปนั่งรถเมล์-- เขาตกใจมากคะ เลยบอกเราว่า ให้ยืมล้านนึงมันมากเกินไป (ไม่ได้ขอนะ เอ่ยปากให้ยืมเอง แล้วก็เปลี่ยนใจเอง--นึกแล้วขำ ตาคนนี้ จริงใจแบบนี้แหละคะ) แต่ฉันให้เธอยืม1แสนแล้วกัน ช่วยค่ารถที่เธอบอกว่าขาดไป เราก็ปฎิเสธไปคะ ช็อตเงิน เพราะเราคำนวณแล้ว ซื้อรถใหม่ มันตึงมือ เราลำบากหน่อย นั่งรถเมล์ รถแท็กซี่ก็พอถูไถไปได้ ก็ไม่ช็อตแล้ว เสร็จแล้วกลับมานั่งนึกเพลียใจคะ คบกันจนเกือบจะแต่งกันแล้ว อยากให้เรากลับไปคืนดีด้วยจะเป็นจะตาย แต่พอเราลำบาก เอ่ยปากช่วยเหลือได้เท่านี้เองนะเหรอ แอบคิด จิตซึมเศร้าเล็กน้อย..ทั้งที่เราไม่ได้อยากจะแต่งเพราะได้รับความสะดวกสบายในชิวิต แต่ให้แต่งกับคนที่มีน้ำใจน้อยแบบนี้ เราคงกลับไปคบไม่ไหวมั๊ง มันเลยเป็นคำถามในใจคะ ว่า สามีคนอื่น แฟนคนอื่น เขาดูแลทางการเงินกันแบบนี้เหรอคะ หรือ เราบ้าคาดหวังอะไร มากเกินไป ก็ทำบุญมาน้อยเองนี่น๊าคนเรา จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:51:02 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ฝากคำถามให้เพื่อนๆในห้องตอบหน่อยเถอะคะ อย่างบอก เราหมดความมั่นใจคะ ไม่รู้ว่าเราโลภเกินไป แต่คิดดู..ก็คงไม่แน่ใช่ (แฟนเก่าคนไทที่ขอคืนดี บอกฉันซื้อรถใหม่ให้เธอเลย เราก็ปฎิเสธไป รายนั้นเจ้าชู้คะ น้ำตาเช็คหัวเข่าเปื่อยแน่) แต่เราไม่เคยคบคนต่างชาติ เลยไม่รู้นี่คือ ความต่างทางวัฒนะธรรมไหม หรือ มันไม่เกี่ยวก๊านนนเลย เฮ้อ..แสนนึง เขาให้ยืม แบบไม่คิดดอกเบี้ยด้วยนะ คืนเงินใน1ปี คงเป็นoffer ที่เริ่ดสุดจากผู้ชายคนนี้แล้วละคะ เรามีค่าตั้งแสนนึงเชียวนะ เหอๆๆ อยากไปกินแซลมอนให้ท้องแตกตายไปเล้ยย จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 01:57:56 A:124.120.36.69 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเกินไปนะ เราว่า ก็คาดหวังทั่วๆไป ตามที่ควรจะเป็น (ไม่มากแล้วก็ไม่น้อยเกินไป) ตอนที่เราคบกับสามี ตอนยังเป็นแฟนกัน แรกๆ ก็ใช้เงินคนละกระเป๋า เพราะต่างคนต่างมีงานทำ เวลาไปทานข้าวนอกบ้าน ไปเที่ยวข้างนอก ส่วนมากเขาก็จ่าย แต่เราเองที่จ่ายด้วยในบ้างครั้ง โดยที่เขาไม่ได้ขอ จนเป็นแฟนกันแบบเหนียวหนืด คบกันเป็นจริงเป็นจังแล้ว ถึงใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน แต่ในสถาณการณ์ยืนเงิน เราไม่มี เพราะตอนคบกันเป็นแฟนไม่เคยยืม ตรงนี้ไม่รู้จะคอมเม้นท์ยังไง เขาคนนั้นมาง้อขอคืนดี จขกท อาจจะเป็นเพราะว่า จขกท อดทนที่สุดในบรรดาสาวๆ ที่เขาเคยคบมาหรือเปล่า แต่ถ้าจะให้เขาเปลี่ยนนิสัยเนี่ย เราว่าลำบาก (มากๆ) อย่างที่บอกใน คคห ข้างบนว่า ปูนนี้แล้ว เปลี่ยนกันไม่ได้แล้วล่ะ คบกับคนที่ไม่คิดจะปรับตัวมาพบกันครึ่งทาง มันเหนื่อยนะ เปลืองพลังงานจะตาย เรื่องเล็กน้อยยังคิดจุกจิกขนาดนี้ ถ้าเจอเรื่องใหญ่กว่านี้ มิต้องเอาผ้าขาวม้าผูกกับขื่อหรือ? ------------------------------------------- ก็แค่ความคิดส่วนตัวของเรา ไม่จำเป็นต้องคิดแบบเราก็ได้จ๊ะ จขกท จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 21 ก.ค. 51 02:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ยักกะเหมือนเราแฮะ สามีดีสุด ๆ ให้เราเก็บบัตรเครดิต กระเป๋าตังค์ทุกอย่างเลย จะใช้อะไรจะซื้ออะไรถามเราก่อน แต่ข้อเสียคือ ไม่รวยอ่ะ เงินเดือนให้เราหมดก็จริง แต่จ่ายหนี้สิน หักโน่นหักนี่แล้ว ยังต้องเอาเงินเราเลย เฮ่อ จะดีใจดีมั้ยนี่.... ถ้าไม่เห็นแก่ว่า เค้าให้เกียรติเราดีมาก และรักเรา ป่านนี้ หนีกลับเมืองไทยไปแล้ว......... คุณเจ้าของกระทู้คะ เชื่อมั่นในความคิดเรา เซ้นส์เราก็ดีค่ะ เพราะมีแต่เราเท่านั้นที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และเราเท่านั้นที่จะรู้ดีกว่าคนอื่นค่ะ จากคุณ : จิ๊กซอร์ที่หายไป - [ 21 ก.ค. 51 02:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17  "ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกคะว่ารวย คบกันตอนแรก ก็นั่งกันแต่แท็กซี่ ฟังเพลงหมอลำของพี่คนขับรถแท็กซี่กันไป" ^^ ^^ ค่ะ สรุปว่า ถ้าใครนั่งแท็กซี่ ถ้าใครขึ้นรถเมล์ ฟังหมอลำ ต้องเป็นคนจน อย่างนั้นหรือคะ ? ระบบแบ่งชนชั้นวรรณะจากเปลือกนอก ของบางสังคม หยั่งรากลึกจริงๆ เฮ้อ..........   ส่วนตัวเราก็ขอเดินต่อไป เพราะค่ารถเมล์ร้อน เที่ยวนึง ก็ปาเข้าไป 8 บาทแล้นนน รถ ปอ. ไม่ต้องพูดถึง แพงกว่ามาก แต่ถ้าอยากสะดวก ก็กัดฟันนั่ง BTS หรือ MRT หรูขึ้นมาหน่อย หรือ ดึกดื่นขึ้นมาอีกนิดเราถึงนั่งแท็กซี่     ปล. กรุณาให้ความรู้แก่ดิฉันด้วยนะคะ ว่าคนรวย คนมีกะตังค์เนี่ย เขาต้องฟังเพลงประเภทไหนกันหรือคะ ? จะได้ตามไปฟังบ้าง เพราะเวลาได้ยินเพลงหมอลำ ดิฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่ก็สนุกไปด้วย เพลงอินเดีย เพลงเขมร ฟังหมดค่ะ เพราะดิฉันไม่แบ่งวรรณะคน และ ไม่แบ่งวรรณะเพลง ไม่แบ่งวรรณะศิลปะค่ะ  ศิลปะแบบบ้านๆ Folk Art นี่ชอบมาก ไม่สันทัดแบบ Baroque ค่ะ     ++++++++++++++++++++++++++++++++   เท่าที่เราอ่านเนื้อกระทู้มา คุณ จขกท. ให้ความสำคัญ กับความรวย กับชาติตระกูล และ ความมั่งมีของผู้ชายคนนี้มากค่ะ และ คอมเพลนแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ ตอนเราคบกับฝรั่งที่บ้านเรา คนที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยปัจจุบัน หรือ แฟนฝรั่งคนก่อนๆ ของเราที่เป็นฝรั่ง หรือ กับผู้ชายไทยที่เราคบด้วย เราไม่สนใจฐานะของใครทั้งสิ้นค่ะ และ เราไม่เคยเบียดเบียนใคร ในเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วย ไปทานอาหารก็ผลัดกันออก ของขวัญก็ซื้อให้ ถ้าไปเห็นอะไรแล้ว นึกถึงคนๆ นั้น กับแฟนๆ ที่เคยคบมา หรือ กับคนที่อยู่ด้วยเราไม่เคยละลาบละล้วง เรื่องรายได้ เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เคยรู้ละเอียดว่าเขามีรายได้เท่าไหร่ มีเงินเก็บเท่าไหร่ กับคนที่อยู่ด้วย เราไม่เคยทราบรายได้ของเขา จนกระทั่งย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วเขาให้เราจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้าน ปัจจุบันนี้ เรายังไม่สนใจเลย ว่าเขามีทรัพย์สินจริงๆ ทั้งหมดเท่าไหร่ และ อยู่ตรงไหนบ้าง อยากทราบเฉพาะตรงที่ตนเองต้องทราบค่ะ เขาบอกทุกอย่าง แต่เราไม่สนใจ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาเพราะเงิน ก่อนมาอยู่กับเขาเราก็ออกจากงานมาก่อนด้วยซ้ำไป เพราะไม่คิดจะเป็น ลูกจ้างในระบบทุนนิยมให้ใครมาทำนาบนหลังเราอีก ฐานะทางบ้านเราไม่ได้รวย แต่ก็ไม่ได้ยากจน เพราะฉนั้นไม่จำเป็นต้องให้ ใครมาเลี้ยง ความสามารถเราก็มี ถ้าเราคิดจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เราก็ทำได้ +++++++++++++++++++++++++++++++++++   อย่าว่าแต่แฟน หรือ คู่ของเราเลย ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อ-แม่ เรา พี่ๆ น้องๆ ของเรา ญาติๆ เรา ใครมีรายได้เท่าไหร่ เราไม่เคยทราบเลย ไม่ละลาบละล้วงถาม และ ไม่สนใจค่ะ และ เพราะที่บ้านสอนกันมาแบบนี้ ว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวใคร สอนให้มีมารยาทสังคมหลายๆ อย่าง รวมทั้งเรื่องการกินอยู่ด้วย ถ้าคุณ จขกท. ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เราขอแนะนำให้เลิกกับผู้ชายคนนี้ดังที่คุณได้ตัดสินใจไปแล้วค่ะ เพราะยังไง ยังไง เขาไม่เปลี่ยนนิสัยแน่ +++++++++++++++++++++++++++++++++++  จะเล่าให้ฟัง คุณจะได้ฟังเรื่องอื่นๆ บ้าง ว่า....... เรามีเพื่อนฝรั่งคนนึง เป็น Expat อยู่ในเอเชียนี่แหละ อยู่มา 10 กว่าปีแล้ว หน้าที่การงานดี มี Lifestyle ที่ดี ไม่ใช่คนขี้เหนียว แต่เขาจะใช้จ่ายเงินมากมายเพื่อปรนเปรอ ตนเองเท่านั้น ไม่เผื่อแผ่ใครทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่กับคนยากคนจน เช่นนั่งแท็กซี่ที่เมืองไทย เขาจะไม่ปัดเศษ ถ้าต้องมีทอน 5 บาท 10 บาท แท็กซี่ก็ต้องทอนให้เขา แต่เวลาเขาเดินทางท่องเที่ยว เขาจะไม่ลังเลเลย ที่จะนั่งเครื่องบิน ชั้นธุรกิจ พักโรงแรม 5 ดาวค่ะ กับเพื่อนฝูง เขาก็เอาเปรียบ เล็กๆ น้อยๆ เช่นมีอยู่หนนึง เจอกันที่ฮ่องกง อยู่ฮ่องกงในเวลาไล่ๆ กัน ก็นัดกันไปดูหนัง เพื่อนคนนี้บอกเราว่า จะพาสาวที่ตัวเองเดทด้วยมาด้วย ให้ซื้อตั๋วให้ด้วยสองใบ เพราะพวกเขาจะมาตอนเวลาหนังฉายพอดี ให้เราออกตังค์ไปก่อน แต่จนหนังเลิก ก็ไม่ยอมจ่ายตังค์ ดิฉันก็ทวง หรือ อย่างเวลาที่เขามากรุงเทพฯ ออกไปไหนด้วยกัน เพื่อนคนนี้ จะมาฟอร์มประมาณว่า ฉันลืมแลกตังค์บ้าง ฉันยังไม่ได้กด ATM บ้าง เธอออกค่าโน่นค่านี่ไปก่อนนะเดี๋ยวฉันให้ เราก็ประมาณว่า...เออ...กรู ออกให้เมริงก่อน แต่ถ้าเขาแกล้งลืม ดิฉันก็ทวงเช่นกันค่ะ (เพื่อนฝรั่งบางคนไม่ทวง หนี้สูญให้กับเพื่อนฝรั่งคนนี้ค่ะ แต่ดิฉันไม่ยอม) เพื่อนคนนี้ ไม่ได้ทำนิสัยแบบนี้ กับดิฉันคนเดียวเท่านั้น แต่เขาทำกับเพื่อนคนอื่นๆ ใน ปท. อื่นๆ ด้วย กับสาวๆ ที่เขาออกเดทด้วยเขาก็ทำ แต่ทุกคน ไม่มีใครเกลียดเขา เพราะส่วนดีของเขามีอยู่ค่ะ คือ เขาเป็นคนทำมาหากินเก่ง ฉลาด หล่อ มีเสน่ห์ เที่ยวมารอบโลกแล้ว ไปไหนๆ ก็มาเล่า และ เขาเล่าได้สนุกสนานมาก สาวๆ ในเอเชีย ติดกันตรึมเลยค่ะ และ พ่อเจ้าประคุณมีแฟนเยอะมาก มีเกือบทุกประเทศที่ไปเลย เวลาเขามาเมืองไทย ออกไปไหนๆ กับดิฉัน เขาชอบให้ดิฉันเดินตามหลัง เพื่อที่ดิฉันจะได้คอยรายงานเขา ว่ามีผู้หญิงมองเขาเยอะไหม Hahaha, สรุปว่า ไปไหนผู้หญิงก็มองกันตรึมค่ะ เพราะคุณเธอเป็น คนหน้าตาดี สูงตั้ง 180 กว่า ไปไหนก็เด่นเป็นสง่า แต่กับดิฉัน กับเพื่อนคนนี้ เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ ค่ะ คบกันประมาณว่า เขามาคุย มานินทา เรื่องผู้หญิงให้ดิฉันฟังได้ คุยกัน ปรึกษากันได้แบบถึงกึ๋น แล้วเวลาที่ดิฉันว่า หรือ กัดเขาเรื่องความงก หรือ เวลาที่ดิฉันทวงเงินที่ออกไปให้ก่อน เขายอมค่ะ แต่เวลาควักตังค์คืนให้ เขาจะชอบทำหน้าตาแบบไม่รู้ไม่ชี้ กวนโอ๊ยมาก แต่ดิฉันก็โกรธเขาไม่ลง คือสรุปว่า รู้จักกันมา 10 ปีแล้นน และ เราคบกันแต่ส่วนดี ส่วนที่สนุกสนานของกันและกันค่ะ   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++   "---เหนื่อยเนอะ--คบกับคนคิดเล็กคิดน้อย" ^^ ^^ เหนื่อยก็พักค่ะ ไม่ต้องเป็นแฟนกันต่อ อย่างที่คุณบอกเลิกหักดิบไป เขาไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยหรอก แต่มันเป็นนิสัย เป็นsundaan เป็นระบบความคิดของเขา ที่คุณอยากเปลี่ยนให้เป็นอย่างที่คุณคิด พอไม่ได้ดั่งใจก็ผิดหวังเป็นธรรมดา ฝ่ายนึงเห็นอีกฝ่ายมีเงิน เห็นอีกฝ่ายเป็นฝรั่ง ก็คาดหวัง เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนอีกฝ่ายมีเงิน แต่ไม่เผื่อแผ่ ไม่มีน้ำใจ แม้แต่กับแฟนสาว นี่ก็เรื่องธรรมดาของอุปนิสัยส่วนตัวเช่นกันค่ะ เพิ่งสูญเสียใหม่ๆ ก็ยังมีความอาลัยอาวรณ์ อะไรๆ หรือ คนที่คุ้นเคย มีอันต้องห่างหายไปจากชีวิตประจำวัน ต้องเข้มแข็ง ต้องทำใจค่ะ.....ของแบบนี้ต้องใข้เวลารักษาใจ แล้วอาการก็จะดีขึ้นเอง เมื่อถึงเวลาของมัน....กลไกธรรมชาติค่ะ โชคดีค่ะ     จากคุณ : Siamese Girl - [ 21 ก.ค. 51 02:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืมมม....ก็พูดยากนะคะ....ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น... ลองคิดในมุมกลับนะคะ...ถ้าคุณเป็น "ฝ่ายชาย" คุณจะทำอย่างไร? คุณจะคิดอย่างไร? บางทีคุณอาจจะได้คำตอบดีๆ ก็ได้นะคะ...และ "ความไม่เข้าใจ" หรือ "miscommunication" บางทีก็ทำให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บานปลาย... เรื่องเงินเรื่องทองไม่เข้าใครออกใคร...ขึ้นอยู่กับ "วินัย" และ "สมบัติ" ที่มีอยู่...แต่ละครอบครัวแต่คนละก็ปลูกฝังกันมาไม่เหมือนกัน...นอกจากนั้น "ความคาดหวัง" ที่จะได้อะไรๆ จากคนรอบข้าง บางทีก็อาจจะเป็น "ตัวแปร" ที่ทำให้มีเรื่องค้างคาใจกันได้... I can't judge others.   แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 02:17:43 จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 21 ก.ค. 51 02:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เหี่ยวว่าฝรั่งหรือไม่ฝรั่งหรอกครับเรื่องยังงี้ แฟน(เก่า)ของผม "ขี้เหนียว" กว่านี้อีกครับ เรียกว่า"งก"จัดเลยก็ได้ เรื่องของผมไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวจะยาวกว่า จขกท ไป เอาเป็นว่า ถ้าแค่ยืมเงินกันก็ไม่ได้ หวังให้เราเพอร์เฟคในสายตาของคนรอบข้างของเค้า (ที่มันไม่ใช่ตัวเราเลย) แล้วรวยซะเปล่า แต่ไม่สปอร์ต ผมว่าสำหรับเราๆ น่ารำคาญนะ เราจะใช้จ่ายเต็มๆมือก็เกรงใจ เพราะเค้าไม่ใช้เลย แต่ก็นะ ยังดีที่รวยแต่เห็นคุณค่าของเงิน มีคนเคยบอกผมว่า ถ้าใช้จ่ายตึงๆ น้ำใจงามๆเหมือนเรา ก็ไม่รวยอย่างทุกวันนี้หรอก เพราะเค้านิสัยอย่างนี้ (และคงเป็นกันทั้งบ้าน)ถึงรวยครับ สำหรับผมเอง ก็ไปด้วยกันไม่ได้จริง เห็นแล้วหงุดหงิด ขออวดนิดนึงแล้วกัน ความงกของเค้า ex1. ปาร์ตี้ไม่ไป เพราะต้องจ่ายตัง แล้วกลัวกินไม่คุ้ม (แค่300บาทเนี่ยนะ ตังมีเป็นแสน) ex2. หยิบเงินออกจากกระเป๋าตังแต่ละที แง้มรูนิดๆ เหมือนกลัวว่าตังจะหล่นออกมาได้ แล้วบรรจกใช้เล็บจิกแบงค์ที่ต้องการออกมา (เห้อ) ex3. ไปกินข้าวกัน แล้วบัตรเครดิตวงเงินเกิน ยื้มตังหน่อย ไว้เดี๋ยวคืน (แต่ยังไม่ได้พูดว่าเดี๋ยวไปกดคืนให้เลย) ทำหน้าเสียเลย ไรเนี่ย ยื้มพันเดียว จะตายหรือไง ปล/ ของ จขกท บวกไม่ยอมทำงานบ้าน ทำตัวคุณหนูด้วย คะแนนติดลบเลยครับ 55 ถ้าทนได้ ครอบครัวมั่นคงแน่ครับ แต่สงสัยทนไม่ได้อย่างรุนแรง 555 ผมก็เหมือนกันครับ จากคุณ : goodnightcry - [ 21 ก.ค. 51 02:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปล. คุณ จขกท. คบกับเขามาได้แค่ปีเดียวเท่านั้นเอง แล้วกล้าออกปากขอยืมเงิน 1 ล้านบาท เราว่ามากไปค่ะ 1 หมื่นบาท ก็ยังไม่ควรจะยืมเลยค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แค่ออกความเห็นทั่วๆ ไป จากมุมมองของเราเอง และ จากที่เราปฏิบัติต่อแฟนเก่าๆ ที่เป็นฝรั่ง หรือ คู่ของเราที่เป็นฝรั่ง หรือ กับคนไทยที่เราคบด้วยค่ะ   เพราะเราไม่คบคนที่เงินจริงๆ เรื่องพื้นฐานอย่างที่คนไทยทั่วๆ ไปชอบถามกันว่า เงินเดือนเท่าไหร่ ไอ้โน่น ไอ้นี่เท่าไหร่ ประเภทนี้ ก็ไม่อยู่ในสรรบพหน่วยความจำของเรามาตั้งแต่จำความได้ค่ะ เวลาคบคน โดยเฉพาะคบกับฝรั่ง อย่ามุ่งแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทองค่ะ มิเช่นนั้น ศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทยจะเหลือน้อยค่ะ และ พวกฝรั่งที่เขารู้จักเมืองไทยดี รู้จักคนไทยดี รู้จักคนเอเชี่ยนดี รู้จักวัฒนธรรมบางอย่างของพวกเราดี (เช่นระบบอุปถัมภ์ เป็นต้น) คนพวกนี้เขารู้ค่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร และ บางคนเขาระวังมาก ในการคบคนไทย หรือ คนเอเชี่ยนค่ะ   Best wishes.       จากคุณ : คห. 17 (Siamese Girl) - [ 21 ก.ค. 51 02:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยังอ่านไม่จบ แต่มีคำถามทีี่ข้องใจจริง ๆ ค่ะ คุณเจ้าของกระทู้ว่าทำไม เวลาสะกดเมืองไทย เป็น "เมืองไท" ทุกทีเลย แล้วทำงานอะไรไม่ทราบคะ จบปริญญาตรีเงินเดือน เจ็ดหมื่นบาท คืออยากจะได้งานที่เงินดี ๆ แบบนั้นบ้างนะคะ จากคุณ : แดง - [ 21 ก.ค. 51 02:53:35 A:71.232.24.235 X: TicketID:141116 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืม ดิฉันเข้าใจเจ้าของกระทู้นะคะ การที่เรามีแฟน มีคนรัก เราก็ต้องการให้เค้าดูแล เอาใจใส่ ปกป้องเรา ดูแลเราในยามทุกข์ยาก อย่างเรื่องเงิน ในเมื่อเราเดือดร้อนจริง ๆ แล้วเค้าก็อยู่ในฐานะที่พอจะช่วยเราได้ ถ้าเค้ายื่นมือมา อาสามาช่วยเรา ด้วยความเป็นลูกผู้หญิง มันก็ต้องมีแบบว่า ภูมิใจอ่ะค่ะ ที่แฟนรักเรา ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราได้แบบนี้ แต่ในกรณีอดีตแฟนของ จขกท ขี้เหนียวมากค่ะ ไม่สปอร์ต ขนาดเป็นแฟนกัน แล้วแฟนลำบาก ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้ ก็บายเถอะค่ะ ถ้าเค้าไม่รักเราแบบ Head over heal ก็หาคนใหม่เถอะค่ะ แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา จากคุณ : Jum - [ 21 ก.ค. 51 03:04:50 A:69.12.165.80 X: TicketID:024976 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สะกดผิดค่ะ แหะ แหะ หมายถึง Head over heels จากคุณ : Jum - [ 21 ก.ค. 51 03:10:04 A:69.12.165.80 X: TicketID:024976 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จขกท. อยู่ "เมืองไทย" แต่ไหงไม่รู้จักตัวสะกด ประเทศไทย อายุก็มากถึง ๓๗ ปี อยู่เมืองไทยมาถึง ๓๗ ปี น่าจะคุ้นเคยกับตัวสะกดประเทศ "ไทย" นะคะ จขกท. ลังเล ค้ำคอ อยู่เนี่ย เพราะ ผู้ชายมีชาติตระกูล อะไรๆก็ดีไปหมด... (แต่มีไม่สมประกอบ อะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ) ... ก็ช่างเหอะ จขกท. ยกเว้นให้ได้... เสียอย่างเดียวคือ "แฟนไม่ให้ยืมเงิน ๑ ล้านบาท เพราะแฟน ไม่ใจป้ำสอปร์ต อย่างที่จขกท. คิดไปเองว่า ฝรั่งควรจะใจป้ำ สปอร์ตทุกคน ฝรั่งก็คือมนษย์เมหือนคนชาติอิ่นๆ... ไม่จำเป้นต้องเป็นฝรั่งก็ได้... นิสัย ขี้งก เห็นแก่ตัว และอีกหลายๆอย่าง... มีกันทุกคน.. รวมถึงตัว จขกท. ด้วย มั่นใจว่า ถ้าจขกท. จะแต่งงานกับคนนี้.. ผู้ชายต้องให้จขกท. ยอมรับสัญญา Prenuptial agreement เมือ่จขกท. มีความสามารถพอตัวแล้ว... ไม่จำเป็นต้อง ตะบี้ตะบัน ทู่ซี้ กับผู้ชายแบบนี้เลยนี่... จขกท. คง เสียดาย มากกว่าน่ะค่ะ... เพราะเขารวย... นี่ถ้าฝรั่งคตนนี้จนกว่า เป้นพวกฝรั่งซำเหมา.. จขกท. จะไม่มาเสียดายแบบนี้หรอกค่ะ เพิ่มเติม... ไม่ต้องไป เสียดาย เวลาที่ทุ่มให้กับผู้ชายคนนั้น... ไม่เห้นว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่น่า จดจำ หรือเป็นความทรงจำที่ดีอะไร... รึจขกท. จะไปโอ้อวดกับใครๆว่ามีฝรั่งรวย แต่ (โคตรขี้งก) แล้ว จขกท. จะโม้ได้เต็มปากมั้ยล่ะคะ ที่รู้ๆอยู่เต็มอกแล้วว่า เขาเป็นคนยังไง แก้ไขมีตกหล่น แก้ไขครังที่สอง มีตกหล่น แต่สะกดคำว่า ไทย เป็น แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 03:29:23 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 03:25:57 จากคุณ : จิ๊ดนิ้นส์ (JidNince) - [ 21 ก.ค. 51 03:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องอื่นไม่ทราบนะคะ ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่อยากแนะนำว่าจะเลิิกหรือไม่เลิก ก็บอกความคิดเห็นเราไป ว่าทีชั้นขับรถให้เธอได้ ทีเธอไม่ยอมทำให่้ชั้น เพราะบางที เค้าอาจจะเป็นตัวของตัวเองมากไปก็ได้ค่ะ คือทำกับพี่น้องยังงัย ก็ทำกับคุณยังงั้น โตมาแบบนี้นี่คะ ผู้ชายกับผู้หญิงมักจะมองคนละแง่มุมอ่ะค่ะ มาจากคนละดาวกัน ต้องสื่อสารกัน แต่ส่วนตัวเราว่า 1 ล้านบาทมากจริงๆ ซ่อมบ้านนี่เราต่อรองจ่ายเป็นเฟสๆ ได้เปล่าคะ   ปล. เราไม่ชอบคนขี้งก แต่เราก็ไม่เอาเปรียบใครค่ะ หวังว่าเรื่องจะจบลงด้วยดีนะคะ จากคุณ : asiacuisina (asiacuisina) - [ 21 ก.ค. 51 04:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ง่ะ เป็นดิฉันก็เลิกค่ะ ไม่ยอมเสียเวลากับผู้ชายคนไหนทั้งนั้นที่ไม่ให้ความสำคัญกับเราอย่างเต็มที่ เกลียดผู้ชายเห็นแก่ตัว ผู้ชายงก คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน ผู้ชายนั้นไม่ว่าชาติไหนๆในโลกก็ควรที่จะมีน้ำใจกับผู้หญิงที่ตัวเองจีบ หรือเป็นแฟน ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องทุ่มทุนสร้าง เลี้ยงเราตลอดหรือเลี้ยงครอบครัวเรา ให้เงินใช้ ไม่จำเป็นเลย ไม่อยากได้ หาเองได้ บ้านไม่ได้ขัดสนขนาดนั้น แต่ต้องมีน้ำใจ ช่วยเหลือเราบ้างถ้าเราลำบาก ดูแลเราได้ด้านการเงินถ้าเรามีความจำเป็น พวกที่เงินไม่กระเด็นนี่ไปไกลๆเลย ผู้ชายขี้เหนียวนี่ ทุเรศมากๆ เสียชาติเกิด บอกตรงๆว่าไม่เคยสนว่าใครจะมีมากขนาดไหน ต่อให้มีหมื่นล้าน หน้าหล่อ ชาติตระกูลเริ่ด แต่นิสัยไม่ดี ดิฉันก็ไม่เอา ชอบผู้ชายที่นิสัย ไม่ไช่ส่วนประกอบไอ้สิ่งลวงตาทั้งหลายแหล่ ที่มันไม่จีรัง จากคุณ : Gisele - [ 21 ก.ค. 51 04:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เงินล้านบาทนี่มากนะคะ ไม่ว่าจะคิดกลับไปเป็นเงินสกุลไหนก็ตาม  คนปกติถึงรวยมีเงินมากมาย แต่เงินขนาดนั้นไม่ใช่ให้ยืมกันได้ง่าย ๆ  คุณเป็นแค่แฟนเค้า ไม่ควรคาดหวังจากผู้ชายมากขนาดนั้น  เหมือนผู้หญิงไทยบางคนที่พอเป็นแฟนกันแล้ว ผู้ชายต้องออกเงินให้ทุกอย่าง  เราว่าที่เค้าให้ยืมแสนนึงนี่ก็มากแล้วค่ะ   ส่วนที่บอกว่าเวลาออกไปไหนด้วยกัน แล้วเค้าจะโมโหหากต้องเป็นฝ่ายออกเงินคนเดียว อันนี้เค้างกเกินไปค่ะ  ไม่น่าคิดเล็กคิดน้อย  ผลัดกันออกก็ได้ เราคิดว่าคุณกับเค้ามีทัศนคติเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่ตรงกัน  เลิกไปก็ดีแล้วค่ะ ไม่ต้องคิดมาก  หากกลับมาคบกันใหม่ก็คงมีปัญหาแบบนี้เช่นเดิม เพราะนิสัยคนแก้ยาก  อย่าคิดอะไรมากค่ะ  คุณบอกว่าหน้าที่การงานคุณดี เงินเดือนตั้ง 70K เงินทองคงมีพอใช้แน่ ๆ อยู่คนเดียวคงไม่ลำบาก  สมัยนี้หากหาคนที่ถูกใจไม่ได้ ก็อยู่คนเดียวดีกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 05:42:30 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 05:34:49 จากคุณ : Sonnenschein - [ 21 ก.ค. 51 04:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เอ่อ รู้สึกว่าคอมเม้นท์ด้านบนหลาย ๆ ท่านอาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดนะคะ . . เจ้าของกระทู้เค้าไม่ได้บอกจะยืมเงิน 1 ล้านเลยนะคะ คุณแฟนเก่าเค้าเป็นคนบอกให้ยืมเอง . . แล้วเรื่องขึ้นแท๊กซี่ ฟังหมอลำ เราก้อไม่ได้รู้สึกว่าเค้าบอกว่าเป็นคนจนนี่คะ เราเข้าใจว่าเจ้าของกระทู้อาจจะนึกว่าเป็นคนฐานะปานกลางก็ได้ เราไม่เห็นเค้าจะพูดเลยค่ะ ว่านึกว่าเป็นคนจนเพราะนั่งแท๊กซี่ฟังหมอลำ . . เราเข้าใจเจ้าของกระทู้นะ ว่าเค้าไม่ได้เห็นแก่เงินหรือคาดหวังเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ อะไรหรอก แต่สิ่งที่เจ้าของกระทู้ต้องการคือความมีน้ำใจต่างหาก . เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : meme - [ 21 ก.ค. 51 04:51:10 A:24.206.252.57 X: TicketID:180706 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดิฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องยืมเงินแฟน (หรือสามี) หรือว่าได้แฟนร่ำรวย เลยไม่มีประสบการณ์ในเรื่องทำนองนี้ จริง ๆ อยากขอผ่านไม่เข้ามาแจม แต่อยากช่วยให้คุณเจ้าของกระทู้ มองตัวเอง แล้วก็ถามตนเองอีกครั้ง อย่างน้องคุณจะได้คำตอบ และในที่สุด คุณจะได้ไม่เสียความมั่นใจอย่างที่จั่วหัวกระทู้ไว้                         ขอตอบแบบทั่ว ๆ ไปว่า   คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า ต้องการมีแฟน เพื่ออะไร ... (อย่าตอบแค่ มีเพื่ออยากแต่งงาน จะได้มีลูกไว้สืบสกุล คงเข้าใจนะคะว่าดิฉันหมายถึงอะไร) แล้วก็ถามตนเองต่อว่า คน ๆ นั้น ที่คุณเลือกคบมาเป็นแฟนนั้น เขาได้ตอบสนองสิ่งที่คุณมุ่งหวังในอนาคตหรือเปล่า เอาแค่ง่าย ๆ แค่นี้พอค่ะ   ที่ให้คุณถามตัวเองแค่สองประโยค ก็เพราะว่า แต่ละคนมีข้อที่ตั้งใจไว้ต่างกัน คุณต้องฟังเสียงจากตัวคุณเอง  คิดออกมาดัง ๆ ให้ชัดเจน อย่าให้เปลือกนอกหลาย ๆ อย่างมาบดบังคุณค่าของคนที่คุณควรจะเลือก อยากให้นึกถึงเรื่องที่คุณเคยเรียนสมัยเด็ก ๆ คือ เรื่องสังข์ทอง นึกถึงว่า ทำไมนางรจนา จึงเลือกเจ้าเงาะป่า แทนที่จะไปเลือกเจ้าชายองค์อื่น ๆ   ในเรื่องอาจจะมีการบอกว่านางรจนามองเห็นกายรูปทอง ซึ่งจริง ๆ ก็คือ การมองหาคุณค่าของความเป็นคน   มากกว่ามองที่เป็นเจ้าชายจากต่างแดน รูปงาม  ผิวขาวผ่อง (อย่างเขย ๆ ทั้งหก) จริง ๆ ก็ไม่แปลกอะไรที่จะโชคดีได้คู่ที่มีทรัพย์สิน บวกกับนิสัยใจคอดีด้วย แต่คุณต้องถามตัวเองก่อนว่า อะไรกันแน่ที่สำคัญที่สุดในอันดับต้น ๆ ของการเลือกคู่ ซึ่งจะทำให้คนสองคนมาอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ลองกลับมาหาคำถามพื้นฐานก่อนนะคะ แล้วคุณก็จะได้คำตอบของเรื่องนี้ค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 21 ก.ค. 51 04:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Just some thing that annoy me a bit when I read your kratoo. Why you always use ไท instead of ไทย I don't get it....Don't you know how to write? จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 21 ก.ค. 51 05:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Now this is my opinion....!!! If he lend you a million bht.. will you be able to pay him back soon? How long do you have to save that money? Just want to know, that's it. What I think is he wants someone perfect to be his Mrs, not just someone who he calls his wife but it will have to be everything. My husband is not rich, he is a working man and tries to save all his life. He works hard all his life and he was not born in a rich family but he also wants to have a perfect wife,who can do anything , who can help herself in any circumstances but he will be there for me when I need him. I have to drive in the first day I arrived in his country. I have to do so many things that I don't think that many people can do in short time arriving overseas. I sometimes feel like he doesn't help and wants me to do everything for him. In fact he would like me to be able to live here happily and be on my own and be able to integrate myself in the society. However if you think he is not the right person for you. I don't think it is a good idea to maintain the relationship. Just keep going and be on your own as you have eveything in your life already. จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 21 ก.ค. 51 06:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เท่าที่อ่านมา ฝ่ายหญิงเขาเดือนร้อนเรื่องเงิน ฝ่ายชายเลย offer ว่าจะให้ยืม แต่พอรู้ว่า 1 ล้านบาท ผู้ชายก็เงียบไป ไม่ใช่เหรอ ไม่คิดว่าเจ้าของกระทู้เขามีเจตนาจะ"จับ" ผู้ชายฝรั่งคนนี้ เพราะว่าเขารวยเหมือนอย่างที่บางความเห็น เข้าใจนะ ประเด็นมันอยู่ที่ผู้หญิงเขาเสียความรู้สึก เจ้าของกระทู้ต้องการ "น้ำใจ"จากคนที่เป็นแฟนเท่านั้นเอง คบกันเกือบจะแต่งงานแล้ว มันก็ย่อมเสียความรู้สึกเป็นธรรมดา เพราะนิสัยแบบนี้หรือเปล่านะฝรั่งคนนั้นถึงอยู่มาจนถึงอายุ 40 โดยที่ยังโสด นิสัยที่ผู้หญิงขยาดนะ แต่ว่า ต่างคนนิสัยต่างกัน เจ้าของกระทู้เลิกคิดเล็กคิดน้อยดีกว่า เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครนะ พี่น้องยังฆ่ากันตายเพราะเงินได้เลย เอานิสัยแฟนคุณมาบวกลบคูณหารแล้ว ถ้าเหลือส่วนดีก็คบกับเขาต่อเถอะนะ อายุ 37 แล้วชีวิตเหนื่อยมาเยอะแล้ว จะมาเอาเรื่องไม่ดีมาใส่หัวทำไม เขาช่วยเหลือได้แค่ไหน เราก็ต้องยอมรับนะ "คนมีเยอะก็ไม่จำเป็นต้องใช้เยอะ" ผมอาจจะแนะนำอะไรได้ไม่มากนะ แต่ก็เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ก็แล้วกัน จากคุณ : A&B - [ 21 ก.ค. 51 08:12:27 A:124.120.170.70 X: TicketID:103981 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าดิฉันอยู่เมืองไทย รายได้เดือนละ 70k ดิฉันจะใช้ชีวิตโสดจนกว่าจะเจอคนที่ใช่จริงๆค่ะ จากคุณ : MCCGO - [ 21 ก.ค. 51 09:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 น่าเห็นใจจังค่ะ เท่าที่อ่านดู คุณ จขกท ก็ดูจะรักแล้วก็แคร์เค้ามากพอดู... ลองมาฟังมุมมองของคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่แบบเรานี้บ้างนะคะ เราคิดว่า... ผู้ชายคนนี้เค้ารักตัวเค้าเองมากกว่าที่เค้ารักคุณค่ะ การที่คนเราจะแต่งงานกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันนั้น มันต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันค่ะ จะมาแชร์แค่ความสุขกันอย่างที่เค้าทำให้คุณนั้น ไม่ได้ค่ะ เวลาคุณมีปัญหา เค้าควรที่จะช่วยเหลือคุณ ไม่มากก็น้อย ตามกำลังที่เค้าสามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ ไม่จำเป็นจะต้องช่วยครบ 1 ล้านบาท แต่แบบสักนิดไม่มีเอ่ยว่าจะกระเด็นมาบ้างเลยหรอ ไม่ใช่มาปฏิเสธไม่ช่วยเหลือแบบนี้ เราคิดว่าเค้าไม่มีน้ำใจ เพราะการใช้ชีวิตร่วมกันนั้น "เรา" หมายถึง เค้ากับคุณนะคะ จะต้องช่วยกันฟันฝ่าปัญหาต่างๆที่มันยิ่งใหญ่กว่านี้ ลองนั่งนึกภาพดูตอนที่คุณแก่ๆ ไม่สบาย เจ็บอ๊อดๆ แอ๊ด เป็นแรมปี (ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยรวมอาจจะมากกว่า 1 ล้านบาทก็ได้นะ) คิดว่าเค้าคนนี้เค้ามีแนวโน้มจะดูแลคุณไหม นั่นแหละคือประเด็นของการร่วมชีวิตกันในความหมายของเรา เรื่องค่าอาหารหรือค่าเดินทาง.. ถ้าเรามีปัญญาช่วยเค้าจ่าย การช่วยออกเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่... ถ้าเราไม่มีหรือว่าถ้าเราไม่มีปัญญาช่วยออกจริงๆ เค้าก็ไม่ควรจะงอน หรือ ออกอาการไม่พอใจ การออกค่าใช้จ่ายให้คนที่เรารักนั้น ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมันต่างจากการเลี้ยงเพื่อน นี่เลี้ยงแฟนตัวเอง ทำไมต้องมาทำท่าไม่พอใจด้วย ถ้าเราเป็นคุณ... ถ้ากลัวเหงาเราคงจะคบไปเรื่อยๆ แต่คงไม่ใส่ใจ หรือไม่คิดถึงอนาคตร่วมกันกับคนแบบนี้ เพราะถ้ามันไม่เกิดขึ้น เราคงจะเป็นคนเดียวที่เสียใจ ถ้ามีโอกาสเจอคนใหม่... ก็ควรปล่อยมือเค้าไปจะดีกว่าค่ะ ความจริงแล้ว มีเค้า หรือ ไม่มีเค้า เราคิดว่ามันไม่ค่อยต่างอะไรกันมาก เพราะเวลาชีวิตเรามีปัญหา เราอยากได้ใครสักคน เค้าก็ไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อเรา ดูเหมือนกับว่า เราต่อสู้กับชีวิตโดยลำพังเป็นปกติอยู่แล้ว มีเค้าหรือไม่มีเค้า... เราว่ามันมีค่าพอๆกัน เพราะเค้าดูจะเห็นแก่ตัวค่ะ มีเพลงมาฝากคุณ จขกท... ลองถามตัวเองก่อนนะคะว่าจริงๆแล้วต้องการอะไรจากชีวิตคู่ เพราะแต่ละคนก็อยากได้ไม่เหมือนกันค่ะ แต่เราอยากให้ใช้สติแก้ปัญหา อยากให้มองเหตุผลมากกว่าความรักค่ะ เป็นกำลังใจค่ะ จากคุณ : [7th Heaven] - [ 21 ก.ค. 51 10:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โหกระทู้มาแรงจริงๆเลยคะ ขอมาให้กำลังใจ จกขท อย่างเดียวดีกว่า แต่ถ้ามองข้ามจุดนี้ไปได้ และคบกันต่อ ก็อาจไม่น่าเสียหายอะไรมั้งคะ เพราะ เขาไม่ได้มีนิสัยที่ร้ายกาจอย่างอื่น เช่น มีกิ๊ก ทำร้ายคุณ เข้ากับครอบครัวคุณไม่ได้สุดๆๆ  มีแต่เรื่องเงินที่คุณเป็นห่วง ซึ่งจริงๆแล้ว เขาอาจยังไม่สามารถจะเชื่อใจคุณถึงขนาดในตอนนี้และให้คุณยืมเงินล้านนึงได้ แต่อนาคต เมื่อความสัมพัรธ์มันงอกเงย เมื่อคุณทั้งคู่ พิสูจน์ตัวเอง ให้แก่กันและกัน อะไรอะไรมันน่าจะดีขึ้นคะ ส่วนเรื่องการเสนอตัวออกเงินบ้างตอนเที่ยวเมืองนอก ก็ไม่แปลกคะ เช่นเวลาเราเที่ยวนอกเมือง เขาจะจ่ายเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ค่าเครื่อบิน หรือโรงแรม แต่บางเราก็ต้องเสนอตัวเลี้ยงอาหารเที่ยง หรือ กาแฟบ้าง คนจ่ายเงิน ถ้าเขาต้องจ่ายตลอดคนเดียวทั้งที่เราก็มีรายได้ แต่แอบน้อยกว่าเป็นของตัวเอง เขาก็แอบเครียดเป็นคะ นี่ขนาดคบมาสามปีนะ แต่คุณแค่ปีแรก อาจจะลองๆๆใจกันดู ก่อนก็ได้คะ แต่ขอแอบเล่าต่อนิดนึง ช่วงแรกๆที่คบกัน แฟนเราเขาไม่ออกให้เราเกือบทุกอย่างเหมือนตอนนี้หรอกคะ เหมือนต่างฝ่ายต่างดูเชิง กันไม่ลงทุนกันกับความสัมพันธ์จนเว่อเกิน อย่าพึ่งเอาเรื่องเงินมาชี้วัดอะไรขนาดนั้นคะ จากคุณ : yu เองคะ - [ 21 ก.ค. 51 11:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อืม จากคุณ : rainfull - [ 21 ก.ค. 51 11:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 agree with K.JidNince ka.. The only thing that bothers me a lot while reading this story is the word ไท, I don't think this is something any Thai should misspell na ka.. Anyway, good luck with your life ka จากคุณ : La Estrellita Brillante - [ 21 ก.ค. 51 11:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอแจมนิดค่ะ แฟนคุณอ่ะ เค้าเป็นธุรกิจกงสีป่ะคะ อย่าคิดว่ามีแต่คนจีนนะ ฝรั่งก็มีกงสีค่ะ เคยมีเพื่อนออสซี่คนนึง บ้านก็ร๊วยรวย ทำธุรกิจส่งออกอุปกรณ์พวกวงจรไฟฟ้า แต่เค้าไม่มีตังเลยอ่ะ แฟนมาน ( เป็นฝรั่งเหมือนกัน)ชอบมาบ่นให้ฟังว่าบักหัวเหลืองนี่เค็มจริงๆ ไปเที่ยวทีไรมันนั่ง business พักโรงแรมอย่างดี แต่เวลาแฟนขอตังหรือขอซื้อนู่นซื้อนี่อ่ะ มันไม่ให้ เราเลยไปถามมันว่า วายอายูโซขี้งกวะ  เค้าก็บอกว่า ก็บัตรเครดิตที่มันใช้อ่ะ เป็นชื่อพ่อ ถ้าเค้าใช้จ่ายของตัวเองพ่อไม่ว่า แต่ถ้ารูดให้แฟน พ่อมันด่าตาย  เงินเดือนเค้าก็มีแต่ก็ไม่ได้มากเวอร์ จากคุณ : จอมยุทธสุดอึ๋มส์ - [ 21 ก.ค. 51 11:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณหลายคคห นะคะ อ่านแล้ว มองเห็นอะไรขึ้นในความมืดๆมัวๆ เราคงพิมพ์ยาวไปหนะคะ หลายๆคนอ่าน เลยเข้าใจว่าเราไปยืมเงินเขา--ซึ่งไม่ใช่คะ เขาเป็นฝ่ายofffer เอง และ ขอยกเลิกเอง ต้องขอขอบคุณ คคห28 ที่เข้าใจถูก และอธิบายให้คะ รวมถึงเรื่องนั่งแท็กซี่ด้วย เป็นแบบที่คคห 28 เข้าใจทั้งหมดคะ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า read between the lines ใช่ไหมคะ เรื่องเมืองไท ไม่ได้พิมพ์ตกหรอกคะ แต่คงเอาความสะดวกเข้าว่ามานานแล้ว ต้องขอภัยด้วย ที่ทำให้ขุ่นเคืองสายตา เข้าใจว่าที่นี่เป็นชุมชนคนไทย ที่อยู่ต่างเมือง ตัวสะกดเลยเป็นสิ่งที่แสดงความเป็นชาติกำเนิด ตรงนี้เราขอน้อมรับผิดคะ อยู่ในสังคมไหน ก็ตามว่าตามสังคมนั้น จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 11:49:15 A:58.8.212.19 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เราคิดดูแล้ว เราคงผิดหวังคะ ที่คนคบกันมา เหมือนน้ำใจน้อยจังนะ ถ้าวัดด้วยค่าของเงิน หรือ ด้วยมาตรฐานตัวเราเอง เพราะแฟนเก่าเราคนไทย เราให้ยืมเงินไปลงบริษัท 5แสน(ทุกวันนี้ ฮียังไม่คืนเลยคะ..ก็เริ่มเข้าใจแล้ว ว่าทำไมคนเขาไม่ให้ยืมเงินกัน มุมมองคนเปลียนเพราะตาคนนี้แหละคะ จากผู้หญิงสปอร์ตๆ กลายเป้นคน ที่ไม่ต้องการให้ผู้ชาย มาเอาเปรียบอีก) คือ ด้วยเนื้อแท้ เราเป็นคนสปอ์ตมากๆคะ เมื่อคบกันถึงจุดที่สนิทกันมากๆแล้ว เราอาจะโชคดีที่ชิวิตทำงานหนักก็จริง แต่หนักแบบงานออฟฟิด และงานส่วนตัวก็ให้ผลตอบแทนมาก ๆ เวลาจะเป็นฝ่ายให้ เราเป็นคนที่ให้ได้อย่างแท้จริงคะ กับผู้ชายคนนี้ เรารู้สึกว่า ทำไมคิดเล็กคิดน้อยจังหว่า ในทางกลับกัน ถ้าเป็นแฟนเรา เงินล้านนึงเราให้ยืมคะ เพราะเราเชื่อใจในคนที่เราเลือก(ส่วนหนึ่งรู้ว่าฐานะทางการเงินเขาคืนเงินเราได้) กระทู้นี้คงพูดเรื่องเงินล้วนๆ เหมือนเราเป็นผู้หญิงหน้าเงินเลยนะคะ แต่ตามสถิติแล้ว มีผู้หญิงจำนวนมาก ที่หย่าเพราะมีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆในครอบครัวกับสามี และตรงจุดนี้แหละคะ ที่ทำให้เราหันมามอง เงิน ๆ ๆ ๆ จากคนที่ไม่ได้ใส่ใจว่าเธอได้เท่าไหร ฉันได้เท่าไหร ส่วนหนึ่ง เพราะคบกับคนๆนี้ แล้วเขาคอยแต่จะคิดว่าอะไร fair / not fair อยากจะกรอกหูให้ไปฟัง u2 บ้างได้ไหม love is the temple,love is higher law เราคงอยากได้คนที่มีน้ำใจเสมอ หรือ ใกล้เคียงกันกับตัวเราคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 12:03:10 A:58.8.212.19 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เราว่าที่คุณ จขกท ต้องคิดมากเรื่อง น้ำใจด้านการเงิน ก็ถูกต้องนะ ไม่ใช่ว่าความรักจากแฟนอย่างเดียวก็พอ คนเราต้องดูกันยามยาก เพราะ คนจะแต่งงานกับฝรั่ง ที่อาจจะมีโอกาสต้องย้ายถิ่นฐานติดตามสามีไปประเทศอื่นๆได้นั้น เรื่องความมีน้ำใจของสามีนั้นต้องคิดค่ะ ว่าช่วงที่เรายังไม่ได้ทำงาน หรือถ้าเราหางานเงินเดือนดีๆไม่ได้นั้น แล้วสามีเราจะดูแลเราด้านการเงินหรือเปล่า ยิ่งเคยทำงานออฟฟิศ เคยเลี้ยงดูตัวเองได้ ครอบครัวได้ แล้วเกิดต้องตามสามีไปเมืองนอก แล้วสามียังมางกเงินกับเราหรือกับครอบครัวเรา แบบนี้คงจะเครียดได้ ไหนๆก็จะเลิกกันแล้ว ก็บอกคุณฝรั่งคนนี้ไปตามตรงก็ได้ ว่าคุณมองที่เขาคิดหรือกระทำนี้ มันส่อให้เห็นถึงอนาคตอย่างไร บางคนเขาก็อาจจะไม่รู้ตัว หรืออาจจะปรับเปลี่ยนนิสัยกันได้ จากคุณ : yuy - [ 21 ก.ค. 51 12:16:01 A:124.121.16.65 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รักแล้วทุกข์ คบหาแล้วไม่เป็นสุขก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ คุณพี่ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องพึ่งเขาน่าจะเพียงพอแล้ว ความสุขเริ่มที่ตัวเราก่อน ขอให้โชคดีพบคนที่ดีไวๆนะคะ จากคุณ : Stila is Style - [ 21 ก.ค. 51 12:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ไม่ได้เสียใจอะไรมากเท่ากับเสียดายความฝันที่จะได้มีครอบครัวของตัวเองคะ บ้านเราไม่ค่อยรักกัน พอเราไปเจอครอบครัวที่เขารักและดูแลกัน ทำให้เราอยากไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครันั้น เรื่องเงินเราเฉยๆคะ ไม่สำคัญหรอกว่าคุณรวยแค่ไหน แต่สำคัญคือ คุณจะดูแลฉันได้ดีแค่ไหน เวลาฉันต้องเลี้ยงลูก หรือไม่มีงานทำคะ เราคิดว่า บ้านเขารวยก็จริง แต่ที่ดินเอากลับมาเมืองไทยก็ไม่ได้ ก่อนแต่ง ก็คงต้องสัญญากันก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นฐานะดีๆของพวกเขา คงช่วยได้แค่ ทำให้เราอยู่ในสภาพที่ไม่ลำบากเท่านั้น คะ ดังันั้นเรื่องเงิน เราไม่ได้หวังจากบ้านเขาเลยคะ เรามองข้ามชอร์ตแค่ว่า ลูกเราจะได้การศึกษาที่ดี และเขามีเงินพอจะส่งเสียลูกได้ เพระเราเห็นเพื่อนคนไทย ที่แต่งงานกับฝรั่งบางคน แล้วไม่ออกแม้แต่เงินส่งเสียลูก ค่าเช่าบ้านก็ให้เพื่อนเราจ่าย เห็นแล้วเศร้าคะ ผู้ชายคนนี้ ที่เราชอบเขามาก เพราะเป็นคนที่ใจเย็น เวลาอยู่ด้วยมีความสุขคะ เราคุยในเรื่องที่คุยกันได้นาน ปฎิภาณ ไหวพริบ ในการสื่อสารอยู่ในระดับเดียวกัน ถึงภาษาอังกฤษเราไม่ได้ดีมาก แต่การโต้ตอบเราถือว่าโอเค (แตภาษาเขียน เป็นส่วนที่เราไม่มั่นใจที่สุดคะ ) การงาน ก็อยู่ในสายงานที่ค้ำจุนกันได้ คบกันแบบผู้ใหญ่เลยมองภาพรวมหลายๆอย่างคะ(แต่บทจะเลิก กลับทำเหมือนเด็กเนอะ) ตอนที่เลิกกัน เด็กๆลูกน้อง ทั้งของเราและเขา ชวนกันเม้าว่า เก่งกันทั้งคู่ เลยอิโก้แรง ไม่ยอมลงให้กัน เลยเลิกกัน ทุกฝ่ายคิดว่า สักพักคงกลับมาดีกันได้ เพราะไม่เลิกเพราะเรื่องใหญ่ แต่เจ้าเรื่องเล็กๆนี่แหละคะ ประเภท ไม่ค่อยมีน้ำใจให้กัน หงุดหงิดเวลาเรารบกวน ขอให้ช่วยขับรถ เขียนจมภาษาอังกฤษ พาไปซื้อของ เวลาอยู่ตปท ด้วยกัน (เมืองไทยเราเองได้ไงคะ) เรื่องจิ๊บๆแค่นี่แหละคะ ที่ทำให้หัวใจเราโบ๋เบ๋ ในที่สุด จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 12:48:35 A:58.8.212.19 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคนที่ถามเรื่องงานที่เราทำ กับเงินเดือนคะ ต้องขอนุญาตไม่ตอบละเอียด เพราะมีเพื่อนเราบางคนรู้เรื่องบางส่วน เราอยากสบายใจคุยให้หมดเปลือก แบบมีบัตรผ่านเป็นเกราะคุ้มกันคะ เอาว่าอายุปูนนี้ ทำงานในสายงานเดิมมา15ปี ก็ได้เป็นหัวหน้างานแล้วคะ อยู่กับบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ เงินเดือนเรทนี้ปกติคะ เพื่อนๆเราเงินเดือนเยอะกว่านี้อีกคะ คนหนึ่งเป็นผู้จัดการอาวุโสแผนกบัญชีของเนลสัน เงินเดือน 80K/อีกคนเป็นdirector ของบริษัทจิเวลลี่ สาขาของนิวยอร์ค ในประเทศไทย เงินเดือน150k------พวกกลุ่มผู้หญิ่งทำงานเก่ง แต่ไม่ค่อยฉลาดคะ(ไม่งั้นคงมีคนหาเลี้ยงไม่ต้องทำงานหนักเนอะ) เรื่องพวกนี้ เราถึงปรึกษาเพื่อนๆไม่ได้เลย เพราะ1 พวกเธอ ไม่คบฝรั่งคะ ไม่เข้าใจว่าคนต่างชาติคิดอะไร เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันคะ 2 ถ้ากลับไปคืนดีกัน เดี๋ยว พวกเพื่อนจะรู้ว่าว่าที่สามีเรางกเกินคะ เขาจะโดนเม้าไปตลอดชิวิต น่าสงสารออกคะ(เพราะเราคงเม้าด้วยแน่ๆ ฮ่าๆ เศร้าจัง) จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 13:20:05 A:58.8.18.13 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เห็นด้วยกะคุณyuy คห.41 ค่ะ จากคุณ : WR - [ 21 ก.ค. 51 14:22:27 A:91.45.91.146 X: TicketID:174186 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอคิดออกความคิดอีกอย่างนะค่ะ คุณเป็นแึค่แฟนเขา แบบอยู่คนล่ะบ้านกันใช้มั้ยค่ะ สำหรับฝรั่งมันก็ึคือ ไม่จริงจังมาก ต้องถีงขนาดอยู่บ้านเดียวกันแล้วความจริงจังจะอีกแบบหนี่ง ขอประมาณเป็น 50% ของความจริงจัง ถ้าอยู่บ้านเดียวกัน 75 ถ้าแต่งงานกันยังมีแค่ 95% เลย  ถ้าเราคบใครไม่จริงจังขนาดนั้น เรามันจนไง เงินแค่หมืนหนี่งยังไม่อยากให้ยืมเลย เพราะการให้แฟนหรือเพื่อนยืมเงิน มันหมายความว่าอาจจะไม่ได้คืน   แล้วแฟนคุณนิสัยเปลียนตอนไปเมืองนอกกัน อาจเป็นเพราะของมันแพง สามีดิชั้นก็บ้านรวย แต่ว่าสามีดิชั้นจนค่ะ แล้วบางทีเขาคิดว่าไปพักผ่อนเลยไม่อยากทำอะไรมาก เลยดูเห็นแก่ตัวก็ได้ค่ะ แต่ว่าถ้าเบื่อก็เลิกกันล่ะดีแล้ว   ฝรั่งกับคนไทยจริง ๆ แล้วไม่ต่างกันมากหรอกค่ะคนเหมือนกัน จากคุณ : ด (มนชิจัง) - [ 21 ก.ค. 51 14:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตราบใดถ้าเป็นแค่แฟน เรื่องเงินใครๆก็คงต้องคิดมากเป็นธรรมดา ในกรณีที่เงินเป็นล้าน ณ เวลาที่เค้าเอ่ยปากให้คุณพี่ยืม คงเป็นช่วงที่เค้าหน้ามืด อยากได้พี่กลับมาจริงๆ แต่พอมานั่งคิดอีกที ความกลัว เลยทำให้เค้าไม่กล้า อย่างไรก็ตาม ดูตามที่คุณพี่เล่าๆมา ต่อให้เป็นสามี ภรรยา เค้าก็คงไม่ให้ยืมหรอก เยอะแยะไปที่นี่ สามี ภรรยา ออกค่าบ้านคนละครึ่ง สามีมีเงินเดือนสูง จ่ายสด ส่วนภรรยามีเงินเดือนน้อย ต้องมานั่งผ่อนแบงค์ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ! ถ้าคุณพี่ยอมได้ ก็กลับไปคบเถิด แต่ถ้าคุณพี่ยังมีนิสัยไทยอยู่เรื่องที่ผู้ชายต้องเทคแคร์ผู้หญิงมากๆ ผมว่าเลิกกันน่ะดีที่สุด เพราะดันทุรังต่อไปก็จะมีแต่ความระแวง และไม่มีความสุข จากคุณ : ingenioer student - [ 21 ก.ค. 51 15:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จากข้อมูลล่าสุดของ จขกท. ให้เห็นว่าผู้ชายอ่อนแอ... ไม่เป็นผู้นำที่แท้จริง เมื่อมีแฟนคนไทยที่เป็นสาวมั่น มีอาชีพการงานมั่นคงพอควร.. เขาจึงเห็นว่า ไม่จำเป็น ต้องช่วยอะไร... ดูเป็นคนที่มี อีโก้สูง... และ จขกท.เอง มีอีโก้สูงพอๆกัน คนอายุปูนนี้แล้ว... เขาไม่มาเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครแล้ว... ถ้าจขกท. อยากเสียสละ ทำเพื่อเขาก็ได้ค่ะ... เปลี่ยนตัวเอง... เสียสละความเป็นตัวของตัวเอง... เพื่อจะได้มีความสุขกับเขา และ ทำให้เขามีความสุขด้วย แต่สำหรับผู้หญิงส่วนมากน่ะสิ ที่กลัวขึ้นคาน... ก็ต้องเสียสละน่ะค่ะ เพื่อที่จะได้มาในสิ่งที่รอคอย คือการมีคู่ครอง จากคุณ : JidNince - [ 21 ก.ค. 51 15:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 51 กลับมาอ่านอีกที เราเห็นด้วยกับคุณ yuy นะคะ จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 21 ก.ค. 51 15:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังตัดสินใจเดินออกมาจากชีวิตแฟน ิคิดหนักเหมือนกันเพราะอายุเยอะแล้วและขี้เกียจตอบคำถามผู้คนรอบข้าง แต่เรื่องที่เราประสบด้วยตัวเองโดยตรงมันยากที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจนะ ดูเหมือนหยุมหยิมแต่พอสะสมมากเข้าก็กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย เคยคุยกันแบบเปิดอกหรือยังว่าเรารู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมของเขา และจริงจังแค่ไหนกับสัมพันธภาพครั้งนี้ มีอะไรสามารถปรับเปลี่ยนเข้าหากันได้บ้าง ถ้ามันยากเกินเยียวยาก็ควรเคารพการตัดสินใจของตัวเอง ็ จากคุณ : เดินหน้าลูกเดียว - [ 21 ก.ค. 51 15:26:19 A:90.224.228.236 X: TicketID:159141 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ และขอเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ คนเราคบกันไม่ได้สนใจหรอกค่ะว่าใครจะรวยจนอย่างไร ดิฉันเคยมีคนรู้จักคนนึงเป็นคนอังกฤษ ไม่เรียกว่าแฟนเพราะยังไม่ได้เป็น เราไปเที่ยวเขาดินกัน เดินไปสักพัก เหนื่อย เขาควักตังให้ดิฉัน 20 บาท บอกไปซื้อน้ำมาสิ ดิฉันอึ้งเลยค่ะ เลยบอกเขาว่า ยูไม่ต้องออกหรอก ฉันเลี้ยงเอง ดูดิ ทำไปได้ ถ้างกขนาดนี้ก็ออกของตัวเองไปก็ได้ ฉันไม่ใช่ขอทาน คุณไม่ได้ขอมากไปหรอกค่ะ สิ่งที่คุณขอคือน้ำใจต่างหาก ดิฉันตอนคบกับสามีใหม่ๆ ก็กระเป๋าใครมัน พอแต่งงานกันแล้ว แต่ฉันยังอยู่เมืองไทย เขาจะบอกเลยว่าถ้าเดือดร้อนอะไรให้บอกเลยนะ แค่นี้ดิฉันก็หน้าบานแล้วค่ะ ไม่ต้องเอาเงินส่งมาให้เยอะๆหรอก เพราะดิฉันทำงาน มีเงินเดือนที่เมืองไทย อยู่ได้สบายๆเหมือนกัน ไม่ง้อใคร แค่มีน้ำใจถามถึงหรือเสนอให้ก็ดีใจแล้ว ตอนนี้ย้ายมาอยู่ ตปท มีเงินเดือนจากสามีเดือนละไม่มากเลยค่ะเอาแค่พอมีเงินซื้อลิปสติก กับยาทาเล็บใหม่ได้ก็พอใจแล้ว ถ้าถามดิฉัน คุณคิดถูกแล้วค่ะที่เลิก เพราะถ้าไม่มีความสุขก็เลิกเถอะค่ะ ไม่ใช่คือไม่ใช่ อย่าฝืนเลย ยังไงก็ขอเอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : หมูตัวอ้วน - [ 21 ก.ค. 51 15:28:05 A:77.251.163.51 X: TicketID:180416 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กลับมาอ่านค่ะิ จากข้อมูลเพิ่มเติม .. ดูแล้วคุณทั้งคู่ยังไปกันได้นะคะ เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลาการปรับตัว อย่าว่าบีพีเข้ามายุ่งในชีวิตเลยนะค่ะ  แต่อยากให้รักกันต่อค่ะ  แล้วก็ถือว่านี่คือข้อหนึ่ง (คือเรื่องเงิน)ที่คุณไม่ควรไปคาดหวังมากนัก ขอถือว่าเป็นคำแนะนำจากคนแก่ ถ้าเขาคือคนที่คุณคิดว่าใช่มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เรื่องที่คุณคาดหวัง (ที่จะให้ไปตามมาตราฐานของคุณ) คุณต้องแสดงออกมาก่อนค่ะ แต่ต้องใช้เวลานานนิดหนึ่ง ว่ากันไปถึงขนาดเป็นสามีภรรยากันแล้ว ความไว้เนื้อเชื่อใจถึงจะตามมาค่ะ   เพียงแต่ว่าคุณต้องระลึกถึงจุดอ่อนนี้ไว้มาก ๆ คือ ถ้าแต่งงานกันไป  คุณควรมีเงินส่วนตัวของคุณเอง พูดตรง ๆ คือเลี้ยงตัวเองได้ในระยะเวลาที่ยัง หางานไม่ได้  (พูดอย่างงี้ ก็อาจจะผิดวิสัยธรรมเนียมของหญิง ที่ควรจะต้องพึ่งชายตามวัฒนธรรมของเรา) แต่คุณไม่จำเป็นต้องบอกเขา คือเปิดบัญชีส่วนตัวของคุณเอง  ทำอย่างนี้คุณยืนเป็นลำแข้งของตนเองค่ะ รับรองได้ว่า ไม่เครียด ไม่ทะเลาะกันแน่นอน   เิงินทอง ค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดให้สามีออกค่ะ เงินของคุณส่วนตัวก็มีไว้ใช้ประเภทเสื้อผ้า อะไรแ้ล้วแต่คุณ รวมทั้งควรแสดงน้ำใจออกเงินให้เลี้ยงข้าวเขา ซื้อของให้เขาบ้าง คือเงินคุณเก็บไว้หางานทำ  ... เชื่อแน่ว่าคุณต้องได้งาน (อ๋อ..งานก็ต้องเผื่อใจไว้มาก ๆ หน่อยนะคะว่าต้องใช้เวลานานกว่าเมืองไทยมากมาย และอาจจะไม่ได้งานในระดับที่เคยทำอยู่ แต่งานตำแหน่งดี ๆ มีโอกาสได้ค่ะ  เพราะขึ้นอยู่ที่ประวัติการทำงานของเรา และขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส รวมทั้งถิ่นที่เราอาศัยอยู่  ซึ่งบางครั้งจำต้องเ่ช่าบ้านเพื่อทำงานในสัปดาห์) ดูแล้ว อาจจะเหมือนแต่งงานเพื่อเปลี่ยนประเทศทำงานเพื่อพบกับความยากลำบากเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณรักเขา และเขารักคุณ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งแปลกค่ะ  สามีไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต และเขาก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องคุ้มครองภรรยาตลอด  เราเกิดมาต่างกรรม ต่างวาระ อยากบอกว่า พอคุณมีเงินมากขึ้น ไปไหนมาไหน คุณออกเงินให้เขาเห็น เขาจะเกิดการเรียนรู้ค่ะ ุคุณอาจจะคิดว่าผู้ชายต้องมีหน้าที่ออกเงินให้เราตลอด  ขอถือว่า ไม่ใช่กฏตายตัวนะคะ เพราะในต่างประเทศ ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพสูง  สามีภรรยาส่วนมากต้องช่วยกันอยู่แล้ว อาจจะต่างจากวัฒนธรรมเอเซีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่สามีออกให้หมดทุกอย่าง แต่สิ่งที่คุณจะได้มา คือความเป็นอิสระและความเคารพในตัวเราจากเขาค่ะ (คงไ่ม่ต้องถึงกับออกกันหารกันทุกอย่าง อย่างภาพยนตร์เรื่อง Joy Luck Club) ฉะนั้นถ้าคุณมีจุดที่อยากจะพักผ่อน ไม่อยากทำงาน ขอเป็นแม่บ้านอย่างเดียว คงจะนำมาใช้กับแฟนคุณคนนี้ไม่ได้ เพราะพิจารณาดูแล้ว คู่รักของคุณ เป็นคู่ชีวิตแบบเดินเคียงบ่าทำงานเก็บเงินไปด้วยกัน คือบีพีอาจจะสลับเคสกับคุณ แตกต่างกันก็คือ บีพีไม่ได้ร่ำรวยแบบแฟนคุณ และอาจจะเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลยทั้งคู่ แต่ีบีพีเป็นคนคิดเรื่องเงินทอง ไม่สปอร์ตแบบคุณที่จะให้ใครยืมเงินทีละห้าแสน ตอนตัดสินใจแต่งงานกับแฟน บีพีก็ไม่ได้ไว้ใจเรื่องเงินนะคะ ขอบอกว่า ชอบดูแลเอง และอาจจะงก แต่ไม่เคยแล้งน้ำใจ ไปไหนมาไหนส่วนมากจะออกเงินเอง หรือ ถ้าสามีจ่ายก็จริง แต่หลังจากเดินออกมาหรือกลับถึงบ้าน ก็จะบอกว่า ช่วยออกให้ส่วนหนึ่ง คือ เขาไม่ได้ออกปาก หรือแสดงอาการ แต่เราจะปฏิบัติเลย หรือบางครั้งเราจะออกให้เลย ณ ตรงนั้น ถ้าพิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการตัดหน้า หรือทำให้เสียหน้า แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็อาจจะเฉย ๆ ค่ะ จนมาถึงเวลาหนึ่ง เมื่อมองว่า สามีเป็นคนที่ซื่อสัตย์ และรักเรามาก ๆ บีพีถึงตัดสินใจทำบัญชีร่วมโอนเงินทุกอย่างมาเป็นชื่อสองคน   และตอนนี้กลายเป็นว่า เราต่างหากที่ทำงานไม่ได้ ต้องเป็นแม่บ้านเต็มตัว แต่ในส่วนของการเงิน บีพีเองก็ยังมีเงินส่วนตัว ใช้ของตนเอง เพราะอย่างน้อย ๆ เราก็จะสบายใจว่า อะไร ๆ ในชีวิตก็ไม่แน่นอน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นถึงขั้นเลวร้ายสุด ๆ ของ การมีชีวิตคู่  เราต้องมี exit strategy กับอะไรทุก ๆ เรื่อง ไม่ใช่เฉพาะกับแผนการทำงานเท่านั้น ที่เล่าเรื่องของตัวเอง ใช่อยากจะทำนัก แต่เห็นว่าเคสคุณไม่ได้มีอะไรมากกว่า แฟนคุณอาจจะอยู่ในวงการทำงานที่เน้นเรื่องเงิน มองผลกำไรขาดทุนมาเป็นหลัก  นานไปมันติดเข้าไปในแนววิธีคิด บีพีเคยเป็นค่ะ เลยจำต้องบอกว่า ต้องใช้เวลาแก้ไข .. คือเรื่องนี้ทุกคนก็จะเป็น โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานครอบครัว หรือต้องสร้างตัวเอง หรือมีประสบการณ์ เรื่องนี้เข้าใจได้ และก็เรียนรู้ได้ คนในยุโรปส่วนมากจะรู้จักการใช้เงิน คือ บ้านเราจะเรียกว่างก แต่เขาจะไม่ใ้ช้จ่ายเพื่อเอาหน้า ซึ่งก็แล้วแต่ครอบครัวหรือวัฒนธรรมแต่ละประเทศย่อยลงไปอีก อย่างเคสที่คุณเล่ามา ไม่คิดว่างกมาก เพียงแต่คุณคาดหวังมากเกินไป ลองลด ๆ ลงมาบ้าง แล้วคุณจะเห็น .. อย่างน้อยก็ให้ความเป็นธรรมกับเขาและตัวคุณเอง จากคุณ : บีพี - [ 21 ก.ค. 51 16:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ... จากคุณ : THE_NGAK - [ 21 ก.ค. 51 17:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาอ่านเพิ่ม จริงๆก็น่าเสียดายนะ การจะเจอคนที่คุยด้วยอยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เรื่องเล็กๆอย่างไม่ค่อยมีน้ำใจหรือไม่ค่อยช่วยเหลือเวลาลำบาก อันนี้ก็มองข้ามไม่ได้ คือ ถ้าคุณมั่นใจได้ว่า ชีวิตคู่กับคนนี้ คุณจะไม่ย้ายไปอยู่ประเทศอื่น มันก็น่าเสียงดู หรือถ้าจะต้องย้ายตามเขาไป ก็ต้องทำอย่างที่ความเห็นอื่นๆว่าคือต้องมีเงินเก็บและต้องตกลงเรื่องเงินให้ดีก่อนแต่งแล้วก็ต้องหาทางมีรายได้เป็นของตัวเอง คือ การที่เขาไม่ช่วยก็ทำให้เราแกร่งเหมือนกันนะ อย่างสามีเราตอนเป็นแฟนกัน บางอย่างก็ไม่ค่อยช่วย ไม่กะตือรือร้น ก็ต้องบอกเขาให้เข้ามาช่วย เหมือนกับว่าบางทีเขาไม่ทันคิดน่ะ คือ มันก็เป็นการดีกับตัวเราเองเหมือนกันเผื่อเราต้องอยู่คนเดียว แต่คือเรื่องเงินเขาไม่เคยมายด์เลยไงถ้าเรามีปัญหา จากคุณ : yuy - [ 21 ก.ค. 51 19:42:51 A:124.121.16.13 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คคห 45-46 ที่หายไป เราอ่านทัน ขอขอบคุณมากๆอย่างจริงใจคะ ลึกๆเรารู้คะ ว่าเงินเราไม่ได้อยากได้หรอก ถ้าโอนเงินมาจริง เราโอนกลับให้ทันทีเลย บ้านทำเมื่อไหรก็ได้ รออีก2เดือน เงินเราก็หมุนกลับมาทันแล้ว เราแค่อยากฟังคนที่คิดว่าเขารักเรา เอ่ยปากว่าจะช่วยเหลือ เพราะเขาอยู่ในฐานะที่จะช่วยได้ อยากหน้ากางเหมือนคุณหมูอ้วนคะ ^^ เราอยากกลับไปรักเขาอีกครั้ง ด้วยความมั่นใจ ว่าผู้ชายคนนี้รักฉัน ไม่ได้รักแต่เงินตัวเอง หรือ รักแต่ตัวเองเท่านั้น แต่ทำไมหนทางนั้น มันมืดมัวจังนะ คุณบีพี เดาเก่งจังนะคะ เขาทำงานด้านตัวเลขคะ บวกเลขเก่งมากๆ เมามากๆยังบวกถูกเลย ฮ่าๆภูมิใจเนอะ ส่วนเราเองก็ช้ำใจเพราะคบกับผู้ชายเห็นแก่ตัวมาคะ วันนี้-- แทนที่จะเสียสละ เป็นฝ่ายให้อย่างมากมาย ตั้งแต่เริ่มต้น เหมือนกับรักครั้งก่อนๆ กลับกลายเป็นฝ่ายรอดู ว่าเขาจะให้เราแค่ไหน เหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัว ไปเสียอย่างนั้น วันก่อนเราคุยกับเขาเรื่องการ analyse คะ สิ่งที่จำเป็นสำหรับความสัมพันธ์ หลังจากความรักแล้ว คุณต้องเข้าใจคนข้างตัวคุณ วิธีที่จะเข้าใจได้ คุณต้องanalyse เขาคะ ดูจากพื้นฐานครอบครัว ประสบการณ์ในชิวิต อะไรที่เขาอยากเติมเต็ม อะไรที่ทำให้เขามีความสุข อะไรที่ปรับพฤติกรรมเขาได้---เขาอ้าปากค้าง มองเราเลยคะ ----เหมือนได้ยินว่า หมาออกลูกเป็นไข่ ยังไงหยั่งนั้น 555 ฝรั่งงง-- ถึงว่า พยายามกลับเข้ามาในชิวิตเราเท่าไหรก็ไม่สำเร็จ เพราะไม่เคยวิเคราะห์ให้เข้าใจเรานี่เอง จริงอย่างที่คุณyuy บอกคะ เขาไม่เคยรู้ตัวเลย ว่าเรารู้สึกว่างเปล่าในใจ ในวันที่บอกเลิกกันเพราะอะไร ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้คุยกันถึงเรื่องที่ต้องคุยหรือเปล่าคะ คนไม่เข้าใจ อธิบายเท่าไหร เขาคงไม่เข้าใจ เรื่องทุกเรื่อง คุยกันเรื่อง แต่เรื่องของใจ กลับไม่สามารถสื่อสารกันได้ ชิวิตสาวแก่ของเรา เห็นลางๆแล้วคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 19:52:35 A:58.8.18.13 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 58 กลับมาอ่านอีกรอบหลังหมดวัน สาวแก่แล้วเป็นอย่างไรคะ ไม่ชอบเลยล่ะคำนี้ การแต่งงานเป็นแค่เส้นทางหนึ่งของชีวิตซึ่งไม่จำเป็นต้องเลือกเดินก็ได้ ผู้หญิงเราถ้าไม่รู้จักคุณค่าตัวเอง เอาตัวไปผูกอยู่กับการที่ต้องแต่งงานมีครอบครัวที่เป็นสุขกับผู้ชายคนหนึ่งที่เราปรารถนา เราก็เกิดมาเพื่อมีชีวิตแค่ครึ่งเดียว อิฉันเกลียดมากเวลาที่มีคนตำหนิผู้หญิงมีอายุไม่ได้แต่งงานว่าเพราะเป็นสาวแก่ ขึ้นค่านทองทำนองนี้ ถึงทำตัวงี่เง่าซึ่งโดยมากก็ผู้หญิงเราเองแหละที่ชอบว่ากล่าวผู้หญิงด้วยกันเองแบบนี้ อิฉันกลับนึกภูมิใจแทนคุณพี่จขกท.ที่ยืนหยัดดูแลตัวเองได้ดี ถึงเลิกรากับแฟนเก่า เขาเหล่านั้นก็ยังอยากกลับมาคืนดีด้วย คุณพี่คงมีดีในตัวมิใช่น้อย แต่ขอเถอะค่ะอย่าได้คิดว่าการต้องครองโสดต่อเป็นความบกพร่อง ผู้หญิงเราเลือกได้ แล้วการคุณพี่ก็เลือกที่จะละทิ้งคนที่ไม่ทำให้คุณพี่มีความสุขอย่างแท้จริงได้อิฉันกลับเห็นว่าควรทำ รีบเลิกรีบโสดเพื่อเพิ่มโอกาสและเวลากับตัวเองไม่ดีกว่าหรือคะ? จากคุณ : Stila is Style - [ 21 ก.ค. 51 20:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มีพี่ที่เรานับถืออยู่คนหนึ่ง  เรื่องคล้ายๆ จขกท. อายุพี่เค้า 40 เลิกกับสามีเก่า แล้วมาเจอฝรั่งคนนี้ อายุ 45 ไม่เคยแต่งงานมาก่อน และที่บ้าน ชายคนนี้พ่อ รวยมากๆ  มีห้องกลางเมืองให้คนเช่าทำกิจการ เช่าอาศัย  และตัวพ่อเองก็มี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ชายคนนี้ เป็นลูกชายเดียว มีน้องสาว พี่สาว ด้วยความที่พ่อรวยมาก  เปิดกิจการให้ลูกคนล่ะอย่าง เลือกเอาว่าอยากขายอะไร อยากทำอะไร แล้วชายคนนี้ก็มีร้านขายที่นอน เตียง ผ่าห่ม สุดหรู ลงของแบรนด์ทั้งนั้น คบกับพี่ผู้หญิงมานาน ไม่เคยออกเงินค่าอาหารเอง ทุกอย่างต้องหารครึ่งตลอด ชายคนนี้อยู่อาพาร์เมนท์ ห้องใหญ่ สุดหรู  กับหมา ตัวใหญ่อีกตัว พี่ผู้หญิงจะไปพักที่บ้านฝ่ายชายเป็นประจำ ศุกร์-อาทิตย์   ฝ่ายชายไม่ยอมมาหาพี่เค้า  ให้เหตุผลว่า ห้องเล็ก หมาเค้าอยู่ไม่ได้ ห่วงหมามั้ง พี่หญิงต้องเป็นฝ่ายไปหาตลอด แกเล่าให้ฟังอยู่ที่ห้องฝ่ายชาย ขยะของพี่เค้าไม่ว่าจะเป็น ทิชชู่ที่ใช่แล้ว กล่องนม ก่องโยเกริ์ต หรือ ของที่จะทิ้งกระจุกกระจิก   พี่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่าย เอาถุงพาสติกใหญ่ ไปใส่ต่างหาก แล้วเอากลับมาทิ้งที่บ้านตน ตอน ขากลับ ฝ่ายชายบอกว่า เค้าต้องจ่ายค่าทิ้งขยะ และไม่อยากให้ใครเอาขยะมาทิ้งร่วม พี่ผู้หญิงก็ทน  มีครั้งหนึ่งยืมเงินฝ่ายชาย 1,000ยูโรเอง แล้วพี่หญิง ซ๊อตเงิน ใช้คืนฝ่ายชายไม่ทันกำหนด  ชายบอกเลิกเลย ไม่ติดต่อ แถมด่าซะเจ๊บ แต่พี่หญิงก็ยังไปง้อ ตลอด   ไม่เคยได้อะไรจากฝ่ายชายทั้งที่รวยมากๆ เห็นแก่ตัว  ปรึกษาเรื่องซีเรียสไม่เคยได้ หงุดหงิดตลอด ไม่รับผิดชอบแสดงความมีน้ำใจเล็กๆก็ไม่มี    แต่ชอบพูดเป็นห่วงน่ะ คิดถึงน่ะ หยอกล้อ หน้าตาดี เราก็เคยถามน่ะ ว่าแล้วพี่ทนทำไม คำตอบทำเอาเราอึ้ง   พี่ผู้หญิงบอกว่า ตัวเค้าเองจบตรีมา แล้วมีหน้ามีตา คนรู้จักเยอะ จะให้ไปเอากรรมกร  หรือพวกช่างกิ๊กก๊อก พวกทำงานบริษัท มาทำแฟน เค้าอายน่ะ ถึงแม้ว่าชายจะเห็นแก่ตัว ไม่ช่วยอะไรเลย  เงินไม่เคยช่วย แต่ก็ภูมิใจ เวลาที่ได้เล่าให้ใครๆฟังว่า แฟนรวย พ่อแฟนฐานนะดี  ใช้แต่ของหรูๆ พูดง่ายๆว่าแกจะได้อวดเรื่องแฟนกับคนอื่นๆได้ว่างั้นเถอะ ว่าแกน่ะสมกัน การศึกษาแกสูง   แฟนก็รวย ทางบ้านแฟนก็รวย ทั้งๆที่ข้างในแกขมขื่นมาก เซ็กส์บนเตียงก็ต้องให้ได้ระดับเหมือนในหนังเอ๊กซ์น่ะเอ่อ    ไหนจะเรื่องหมาอีก  อ๊วกหมา ขนหมา  กลิ่นหมา สารพัด แต่พี่หญิงก็เลือกที่จะเอาหน้าไว้ก่อน แกก็รู้แหละว่ารวยก็เค้ารวย เงินเค้า เงินพ่อเค้า  แต่แกก็ภูมิใจที่แค่ได้ควงลูกชายคนรวย ได้ยืดหน้า ว่าแฟนรวย ได้มีส่วนร่วมว่าแฟนคนนี้รวย  แกพอใจตรงนี้ ..... ที่เล่ามาทั้งหมดไม่มีแต่งเติมสีใดๆ  แค่แชร์ประสบการณ์ของคนใกล้ตัว  ที่เรื่องคล้ายๆ จขกท.  ทุกวันนี้พี่คนนี้ก็ยังมาระบายกับเราตลอดจนหูเราเริ่มชินชา   กับความเห็นแก่ตัวของคนรวยๆ  และกับผู้หญิงที่อีโก้สูง  เอาหน้าไว้ก่อน แม้ข้างในจะอัดอั้นแค่ไหน ขอโทษน่ะที่ไม่ได้ช่วยตอบอะไรเลย จากคุณ : Pedantin - [ 21 ก.ค. 51 20:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 60 In my opinion, if you have some strange feeling about him, I mean each individual person usually has some expected qualifications from boyfriend / girlfriend who will become husband / wife or partner who you will spend the rest of your life together, if you feel it has something not right at the beginning, it might mean it maybe not the right person for you. If i were you, I will listen myself first, realize what I really want in my husband, what is important things that I want, etc. Don't need to feel bad / sad if have to say good bye to not right people for you. จากคุณ : Lah (khun lah) - [ 21 ก.ค. 51 20:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 61   คห. 12 ......เคยมีเรื่องที่เราเกือบต้องยืมเงินเขามาแล้ว ล้านนึง และเขาก็บอกปฎิเสธมาแล้วด้วย เลยไม่คิดจะไปยืมเขาอีกคะ (จิงๆแล้ว ตอนนั้น อยากลองใจเขาคะ เลยซึ้งใจกลับมาเลย) ^^ ^^ แล้วถ้าเขาให้ยืมจริงๆ เนี่ย คุณจะปฏิเสธไหมคะ ? เราแน่ใจนะ ว่าคุณคงจะปฏิเสธ อย่างเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด แน่นอนนะคะ เพราะก็แค่ถามลองใจ เพื่อพิสูจน์น้ำใจเท่านั้นเองนิ   ดีแล้วค่ะ ที่แค่ลองใจ เพราะเงินมากมาย ตั้ง 1 ล้านบาท และ เพิ่งคบกันมาได้แค่ปีเดียวเอง และ ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกัน ด้วยกัน ด้วยซ้ำไป ____________________________   "เขาก็รู้ด้วยคะ เวลาเราให้เพื่อนสนิทยืมเงิน3-4แสน แต่เขาไม่เคยให้เพื่อนสนิทหน้าไหน ยืมเยอะขนาดนั้น --เยอะสุด2พันปอนด์-- เก็บเงินเก่งจริงๆพ่อคู๊ณณ" ^^ ^^ ค่ะ ก็ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะเงินของคุณก็ควรจะเป็นสิทธิส่วนบุคคลของคุณ ส่วนเงินของเขาก็เป็นสิทธิ และ การตัดสินใจส่วนบุคคลของเขานะคะ ถูกต้องแล้วค่ะ และ เพราะคนเราไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรเหมือนกัน หรือ ไม่ควรจะมากะเกณฑ์ หรือ คาดหวังให้ใครทำอะไรเหมือนตัวเรานะคะ +++++++++++++++++++++++++++++++   คห. 44 ........ เรื่องพวกนี้ เราถึงปรึกษาเพื่อนๆไม่ได้เลย เพราะ1 พวกเธอ ไม่คบฝรั่งคะ ไม่เข้าใจว่าคนต่างชาติคิดอะไร เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันคะ คห.  13 ....... แต่เราไม่เคยคบคนต่างชาติ เลยไม่รู้นี่คือ ความต่างทางวัฒนะธรรมไหม หรือ มันไม่เกี่ยวก๊านนนเลย ^^ ^^ ตรงนี้ขอเตือนด้วยความปารถนาดีนะคะ ว่า ถ้ายังไม่เข้าใจวัฒนธรรมอื่น หรือ คนที่มาจากวัฒนธรรมอื่นเท่าไหร่นัก หรือ ยังไม่เข้าใจพื้นฐานของคน ไม่ว่าจะคบกันในฐานะความสัมพันธ์ ใดๆ ก็ตาม ยังไม่เข้าใจเรื่องของขอบเขตของความเป็นส่วนตัว ทั้งในเรื่องเงินทอง เรื่องความเป็นอยู่ ฐานะ ฯลฯ ก็อย่าเพิ่งคิดมีคู่เป็นชาวต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมค่ะ เพราะปัญหาที่จะตามมามากกว่านี้ยังจะมีอีกมากมาย ลำพังความแตกต่างระหว่างเพศ ของทั้งหญิง และ ชาย ก็ทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่มากมายแล้วค่ะ   +++++++++++++++++++++++++++++++   คห. 39 ......รวมถึงเรื่องนั่งแท็กซี่ด้วย เป็นแบบที่คคห 28 เข้าใจทั้งหมดคะ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า read between the lines ใช่ไหมคะ คห. 1 ....... ตอนแรกเราก็ไม่รู้หรอกคะว่ารวย คบกันตอนแรก ก็นั่งกันแต่แท็กซี่ ฟังเพลงหมอลำของพี่คนขับรถแท็กซี่กันไป จนเราไปบ้านเขามาคะ หลังจากคบกันได้เกือบปี เลยได้เห็นฐานะความเป็นอยู่เขา ^^ ^^ ค่ะ ไม่ว่าจะอ่านภาษาไทยกี่ครั้งก็ได้ใจความ และ ได้ความหมายว่า วัตถุ เงินทอง ความมั่งมี ต้องแสดงออกมาจาก จากสิ่งภายนอก เปลือกนอกเท่านั้น เฮ้อ.....ชักหิวแล้นนสิคะ ขอตัวนั่งรถเมล์ร้อน 8 บาทตลอดสาย ไปนั่งทานก๋วยเตี๋ยวผัดไทเจ้าอร่อยริมถนน แกล้มเพลงลูกทุ่งก่อนนะคะ ถึงเงินทองเป็นของนอกกาย แต่มีแล้วดีค่ะ และ ถึงงมีเงินทองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายแบบคนมีด้วยนะคะ ใช้แบบพอเพียงดีกว่าค่ะ จะได้ไม่ต้องไปอยากได้ของคนอื่นเขา เพราะของเราก็เพียงพอ (ตรงนี้ไม่ได้ว่าอะไรใครทั้งสิ้น แต่ให้ข้อคิด ในเรื่องความไม่โลภ ความจมลง ความติดดิน และ ความไม่ถือเรื่องเงินเป็นหลัก โดยที่มิต้องหายใจเข้า-ออกเป็นเงินเสมอไป ก็สามารถมีความสุขได้ค่ะ ถ้ารู้จักความพอเพียง ) Cheers!  โชคดีค่ะ       จากคุณ : Siamese Girl - [ 21 ก.ค. 51 20:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 51 13:55:42 จากคุณ : CHISWICK - [ 21 ก.ค. 51 20:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 พี่คะ เอาใจช่วยนะคะ เราคงให้คำปรึกษาอะไรได้ไม่มากเพราะว่ารู้จักแฟนพี่แค่จากคำบอกเล่า แต่ว่า บางทีเค้าอาจจะเติมเต็มเราได้ไม่หมดทุกด้าน ลองมองด้านอื่นๆ ที่เค้าเติมเต็มได้ดูมั้ยคะ จากคุณ : surfboard - [ 21 ก.ค. 51 20:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ชอบเรื่องของคุณ คห. 59 จัง อ่านแล้นนนน ทั้งสนุก ทั้งปลง ฟังดู คนคู่นั้น ก็เหมาะสมกันดีนะคะ เพราะต่างฝ่ายต่างมี สิ่งทื่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการ ผู้ชายมีอำนาจ บังคับคนอื่นได้ มีคนมาสยบ เพราะมีเงิน ส่วนผู้หญิงก็อยากได้หน้า จึงยอมทุกอย่าง ยอมเสียแม้กระทั่งศักดิ์ศรี แต่ก็หน้าชื่นอกตรม เฮ้อ....คนเรา   ปล.  อ่านประโยคนี้......   "เซ็กส์บนเตียงก็ต้องให้ได้ระดับเหมือนในหนังเอ๊กซ์น่ะเอ่อ"     ของคุณ คห. 59 แล้วขำกร๊ากกส์เลยค่ะ   Hahaha, ชอบเงินทั้งคู่แบบนี้ บอกให้ถ่ายคลิป แล้วอัดลงแผ่นขายเลยค่ะ ส่งออกไปทั่วโลก ช่วยกันทำมาหากิน เพิ่มจำนวนเงินในบัญชีค่ะ   จากคุณ : Siamese Girl - [ 21 ก.ค. 51 20:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณพี่กร่าง Siamese Girl อิน่องจ่ายตั้งแปดบาทห้าสิบสตางค์แหนะ ไหงคุณพี่จ่ายถูกกว่าหนูตั้งสองสลึงอะ????!!!! สายอะไรเนี่ยบอกมาซะดีดี!!! จากคุณ : Stila is Style - [ 21 ก.ค. 51 20:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 51 13:56:57 จากคุณ : CHISWICK - [ 21 ก.ค. 51 20:49:10 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณyuy คะ เอิ่มม.. ที่คิดมาก เพราะจะย้ายกลับไปบ้านเขาด้วยกันคะ ภายใน2ปี ก่อนจะเลิกกัน เราคุยเรื่องซื้อคอนโดทีเมืองไทย ทิ้งกันไว้แล้วคะ เขาขอให้เราออกบางส่วน เท่าที่เราออกได้ ห้ามให้เขาออกคนเดียว ถ้าเลิกกัน ให้ผ่อนเงินคืนเขา สงสัยจะได้ยินชื่อสาวไทยแสบๆมาเยอะแน่ๆ และนี่คือ ข้อเสนอของเขาคะ---อ่านแล้ว ต้องมีคนว่าเราแน่ๆ ว่าจะเอาอะไรกันมากมาย แต่ดูสิ่งที่เรามีทุกวันนี้ก่อนเถอะคะ หามาจากน้ำพักน้ำแรงทั้งนั้น ไม่เคยจับฉลากได้ หรือ มีผู้ชายซื้อให้เลย--ข้อเสนอการเป็นอยู่ของเราเขาเสนอมาเองตามนี้คะ ยังไม่แต่งคะ แต่จะหนีบเราไปด้วย ระหว่างที่เขาย้ายไปทำงานประเทศอื่นๆในยุโรป นับแต่ปีหน้า ค่าใช้จ่าย เขาจะจ่ายให้เรา กรณีที่ย้ายไปกันแล้วเราหางานที่เราชอบ ทำไม่ได้ ให้เงินใช้เท่าเงินเดือนที่เมืองไทย 70k แม่บ้านจ้างต่างหาก ฟังดูดีใช่ไหมคะ--สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้มีการงานขนาดเรา มันดูดีคะ--เราแน่ใจว่ามีคนที่ได้มากกว่านี้ หรือ ว่าไม่ได้อะไรเลย แต่ละคน ต่างกรรมต่างวาระคะ สำหรับเราแล้ว มันเสี่ยงมากๆๆๆ เพราะเขาไมได้เข้าใจชิวิตคู่เลย วันหนึ่งทะเลาะเลิกกันกลับมา เราตกงานในเมืองไทย ใครจะเลี้ยงดูเราละ ไม่มีใบรับประกันอะไรทั้งนั้นคะ การเงินที่เรามีขนาดนี้ มันสร้างสม connection ที่มี ลองหายไปสักัพก กลับมาอาจจะไม่เหลือ คลื่นลูกเก่า มันโดนซัดออกทะเลง่ายออกคะ แล้วจริงๆแล้ว ตัวเลขที่เราหาได้จริง ตกรวมเดือนละ 100k คะ เขาบอก ที่รัก--มันคือการเสี่ยง ---70K เยอะแล้ว อยากไปเรียนต่อ อยากทำอะไร ก็เอาเงินที่ไอให้รายเดือนไปใช้เอาเองนะ .. อ่า..แล้วดิฉันจะเสี่ยงกับคุณทำไมละคะ กว่าจะทำงานมาได้ยืนแถวกะไดสูงๆแบบนี้ มันไม่ได้มีโอกาสทุกวันนะคะ สรุปว่าเราไม่ไปคะ บอกเขาว่า ถ้าไม่แต่งงานกันก่อนไป ฉันไม่ย้ายไปไหนกับคุณทั้งนั้น .. จ๋อยไปแป๊บคะ คงคิดว่านี่คือ offer ที่ดีมากแล้ว โธ่ถัง..ใครจะไปกล้าเชื่อคะ ไปแค่ทริปยุโรป 2อาทิตย์ ไม่ช่วยออกค่ากิ๊กก๊อกทุกวัน ยังกระฟัดกระเฟียดขนาดนั้น ลองย้ายไปไหนด้วย มันจะรอดได้ยังไง แล้วเขาก็สรุปว่าจะย้ายจากที่ทำงานที่เชียงใหม่ ลงมาอยู่กับเราที่กรุงเทพก่อน จนกว่าจะแต่งงานกัน ถึงย้ายไปเมืองนอกคะ---ทุกอย่างดีหมดในประเทศ จนเราคิดว่า คนนี้แน่ๆ ดูแลเราก็ดี ถึงเวลาให้กันน้อย แต่ฉันก็งานเยอะ เวลาน้อย ครือๆกัน -- ยกเว้นไปเมืองนอกเมื่อใด ได้เรื่อง ทะเลาะกันเรื่องหยุมหยิมๆอยู่นั่นแหละ----ตอนนี้เขากำลังพยยามชวนเราไปเมืองนอกทริปสั้นๆคะ คงอยากแก้ตัว ว่าไปแล้วไม่ทะเลาะกันก็มีนะตะเอง วันนี้อ่านเมล์ที่เขาส่งมาให้เรา ขำก๊าก--เป็นผู้ชาย ที่หาวิธีทำให้เราหัวเราะได้บ่อยจริงๆ(นี่คือ สาเหตุ ที่เคยรักตาหัวเถิกคนนี้คะ) อยากบอกว่า ช่วยคิดเรื่องอะไร แฟร์ ไม่แฟร์ใฟ้มันน้อยกว่ายนี้ได้ไหม ฉันจะประสาทเสีย คิดแต่เรื่องเงินเพราะคุณนั่นแหละ ทั้งที่ๆเวลาดีๆที่เราทั้งคู่มี มันมากมาย แต่ทำไมกล้าเหยียบย่ำจิตใจเรา เวลาอยู่บ้านเธอ ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้จริงๆคะ จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 21:12:18 A:58.8.18.13 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ง่า คุณstila คะ ที่กล้าเรียกตัวเองว่า สาวแก่ เพราะดูยังไงก็ไม่แก่ ยามต้องแต่งตัวชะเวิบชะวาบ ดิฉันก็เปิดหลัง นุ่งสั้นแบบมีรสนิยม ใครเรียก ยังไงก็ไม่โกรธคะ เพราะความแก่ ทำร้ายเราไม่ได้ สำหรับดิฉัน สาวแก่ ไม่ได้เป็นคำตำหนิคะ เป็นคำเย้ยหยัน หน้าตึงๆหุ่นสเลนเดอร์ๆของตัวเอง อายุปูนนี้ ยังนุ่งทูพีซได้ แบบดูดี ----อุ๋ย..ห้ามให้โอกาสมั่นใจคะ ไม่งั้นจะกู่ไม่กลับเอา ชิวิตเราไม่แต่ง เพราะอยากได้ชื่อว่าได้แต่งหรอกคะ ไม่งั้นคงไม่ปล่อยล่วงโรย เอ๊ย ล่วงเลย มาจนป่านนี้ น่าจะตัดสินใจไปตั้งแต่ก่อนเลข 3 มาเยื่อนแล้ว แต่มันไม่ลงตัวคะ เลยไม่ได้แต่งเสียที เรื่องคุณ59 ดูน่าเศร้าใจมากคะ แต่ของเรากลับกัน เพราะเอาแต่ใจตัวเองมากไป อยากให้ผู้ชายเอาใจเยอะๆ ถือดี ว่าตัวเองมีดี ทั้งหน้าตา ศักดิ์ศรี และความดีที่มีอยู่ในตัว ไม่ได้ดูเลย ว่าคนอื่นเขาก็มีเนอะ ได้8จะเอา10 ไม่ได้สวยสั่งได้เสียหน่อย ปรับตัวคะ แบบนี้ต้องปรับ จะลองถามใจตัวเองดูคะ ว่าจะให้โอกาสตัวเองไหม ให้โอกาสเขาไหม ทางแก้มันมี หรือ เรามันทิฐิ บ้าโกรธเขาไม่ลืมหูลืมตา ถ้าให้โอกาสกันแล้ว จะยังรักเขาอยู่เหมือนเดิมไหม หรือ มันหมดๆไปแล้ว รักของเรา ขอบคุณความเห็นดีๆคะ ที่ทำให้เห็นอะไรบางอย่างจางๆในทางเดิน จากคุณ : 37 - [ 21 ก.ค. 51 21:27:21 A:58.8.18.13 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แฮ่ กว่าจะอ่านจบมึนเลยค่ะ ที่คุณ 37 บอกว่าทำงานได้เงินเดือน 70K ที่กทม. นั่นเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีความเก่งและโชคดีเรื่องงาน ขอโม้มั่งว่า... เพื่อนดิฉันอายุน้อยกว่านี้เยอะ แต่ทำงานได้เงินเดือนเหยียบ 100K และกำลังจะถูกปรับให้เป็น 5,000 USD ในไม่ช้า ดิฉันจึงเชื่อค่ะว่าคุณทำได้ 70K ไม่แปลก และคนที่ทำงานได้เงินเยอะแบบนี้ก็ใช่ว่าจะสบาย ได้มาเยอะก็ใช้จ่ายเยอะ ถ้าไม่งั้นคุณ 37 ก็คงไม่ช็อตเรื่องการเงิน เหมือนกับคนที่ทำงานรายได้ต่ำกว่าหมื่น ถึงต้องไปขอยืมเงินฝ่ายชาย ที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการลองใจหรือทีเล่นทีจริง (ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าได้ก็ดี) ดิฉันว่าค่าเงินมันมากมายมหาศาลเหลือเกิน โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่ได้ตกลงปลงใจใช้ชีวิตด้วยกัน คุณอาจมองว่าเป็นเงินเล็กน้อยที่คนรักกันจริง ไม่น่าคิดมาก ทั้งๆ ที่คุณก็รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร คุณกลับเค้นเอาจุดนั้นออกมา เพื่อให้เขาแสดงตัวตน ในเรื่องที่คุณรู้อยู่แล้ว ดิฉันว่าเขายังเป็นคนที่ไม่ย่ำแย่เกินไป ที่ยัง offer ความช่วยเหลือให้อยู่ ยิ่งทำให้คุณเกิดความหวังว่าเขาจะต้องทำเพื่อคุณได้ หรือคุณจะชนะจุดนั้นได้ แต่ยิ่งรู้ยิ่งทำให้คุณเจ็บปวดอีก เพราะเขาทำให้ไม่ได้ การ offer ความช่วยเหลือ ยังไม่ใช่เป็นการสัญญาว่าจะช่วยได้หรือไม่ แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ก็ต้องยอมรับความช่วยเหลือเท่าที่คนอื่นทำให้ได้ อย่าไปหวังให้เขาช่วยเหลือแบบที่ใจตัวเองต้องการ คนรวยมีสองแบบ รวยแล้วฟุ่มเฟือย(สปอร์ต) กับรวยแต่ประหยัด (งก) แต่นั่นมันก็ไม่ใช่จุดที่วัดว่าเป็นคนดีหรือเลว เลือกรักแต่สิ่งดีของเขา แต่ถ้ามันมีน้อยกว่าสิ่งไม่ดี ก็จบเกมส์ดีกว่า จากคุณ : thaispicy - [ 21 ก.ค. 51 22:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 70 "I can help you to be happy but I cannot make you happy." ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รวย แต่เขาก็พยายามทำให้เรามีความสุข เขาไม่เคยหวังที่จะเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมหรือกิจวัตรประจำวันของเรา และเราก็ไม่ควรพยายามเปลี่ยนเขาเช่นกัน .... คบกันที่ตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน ถึงตอนนี้ ถ้ามาตัดสินใจว่า ระหว่างคนรวย กับคนที่ไม่รวยแต่พยายามทำให้เรามีความสุขได้..........ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกใคร ถ้าเป็นนู๋ นู๋เลือกคนที่พยายามทำให้เรามีความสุข เพราะถ้าช่วยกันทำมาหากิน เก็บหอมรอมริบ ซักวันนึง ก็จะช่วยกันสร้างรังที่แข็งแรงและสวยงามได้ จากคุณ : ลำดับความสำคัญ (LoveIsColorBlind) - [ 21 ก.ค. 51 23:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ จขกท. คะ บางทีเค้าอาจจะรักคุณในแบบของเค้าคะ แบบของคนหยาบๆ เคยดูเรื่อง as good as it gets รึเปล่าคะ คนบางคนอาจจะต่างกันที่ nature แต่ว่าตวามรักที่เค้ามีต่อคุณอาจจะไม่ได้น้อยกว่าใคร ไม่รู้จะอธิบายยังงัยคะ ตอนนี้เราเองก้อรักผู้ชายคนนึงอยู่ เค้าก้อเป็นในแบบของเค้า แต่เรารับรู้ด้วยความรู้สึกว่าเค้ารักเรา และเราเองก้อรักเค้า เกิดมา กว่าจะหาคนที่คลิกกันได้ทุกมุม มันยากอ่ะคะ ถ้ามุมที่เหลือเราคลิกกันแล้ว ติดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก้อค่อยๆ แก้ไปนะคะ เปลี่ยนคนอื่นมันยาก ปรับตัวเราเข้าหาเค้าง่ายกว่าคะ บางที ถ้าลองชั่งใจดูนะคะว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกับเค้าได้มั้ย รึว่าแยกกับเค้ามันจะทำให้เรากิ๊วก๊าวกว่า คิดหลายๆ รอบนะคะ เลือกทางไหน เราก้อเอาใจช่วยทั้งสองทางคะ จากคุณ : shopaholic and dog - [ 21 ก.ค. 51 23:51:10 A:58.147.52.219 X: TicketID:179587 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ยาวดี ในฐานะที่ผมเป็นผู้ชาย ผมก็ไม่แนะนำให้แต่งงานกับผู้ชายขี้เหนียวหรอกครับ ชีวิตทั้งชีวิตไปฝากกับไอ้คนที่มันเห็นเงินมาก่อน เห็นตัวเลขขึ้นมาแล้วคิดเล็กคิดน้อย จะไปแน่ใจได้ไงว่าเวลาเราป่วยหนักมันจะไม่คิดเล็กคิดน้อย เช่น "I ว่า U ยังไม่ใกล้ตายหรอก ไปเข้าแถวรอที่รพ.ถูกๆก็ได้ ประหยัดเงินดี ไว้ค่อยใกล้ตายมาว่ากันใหม่นะ" ตัวอย่างอาจจะสุดโต่งเกินไป แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น จากคุณ : VeryBadman...โดนแล้วโดนอีก - [ 21 ก.ค. 51 23:56:20 A:128.242.106.124 X: TicketID:178545 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ VeryBadman...โดนแล้วโดนอีก คิดเหมือนเราเด๊ะเลยย... จากคุณ : [7th Heaven] - [ 22 ก.ค. 51 01:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผู้หญิงเราแม้ว่าจะแกร่งเพียงไหน ก็ย่อมโหยหาความมั่นคงของชีวิตกันทั้งนั้น ในฐานะผู้หญิง มันก็ไม่พ้นเรื่องคู่ครองนั่นแหล่ะที่จะให้ความมั่นคงกับชีวิต ผู้ชายคนนี้เขาไม่มีตรงนี้ให้คุณ และไม่แน่ใจด้วยว่าจะให้ได้เมื่อไหร่ ไม่มีอะไรรับประกัน อีกอย่าง you're not getting any younger เพราะฉะนั้นไม่ควรเสียเวลา จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 22 ก.ค. 51 01:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เรื่องที่คุณPedantin เล่ามาให้อ่าน น่าลุ้นระทึกดีจัง ว่าท้ายที่สุดแล้ว ความรักที่มีเงินตราและหน้าตาฐานะเป็นที่ตั้ง จะสรุปจบในบทสุดท้ายอย่างไร เรื่องหน้าที่การงานที่คุณเจ้าของกระทู้กังวล บอกได้เลยว่า ไม่มีอะไรจีรัง แม้แต่ว่างานที่เรา ๆ ทำกันอยู่ จะเจ็ดสิบ จะสองร้อยเค ก็ใช่ว่าจะอย่างนี้เรื่อยไป และก็ใช่อีกว่า อีกสิบปีกลับไปไทย จะไม่ได้เงินเดือนมากกว่าที่ได้รับตอนนี้ ... บีพีพิสูจน์มาแล้วกับประสบการณ์ชีวิตเอง เท่าที่อ่านเพิ่มเติม คิดว่าทั้งคุณและเขายังไม่ได้รักกันเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป และมองดูแล้ว เขาก็ใช้วิธีต่อรองธุรกิจกับความรักกับคุณ  ทำให้สงสัยว่า คุณทั้งสองมาจากต่างสายสาขาที่แตกต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า เข้าใจว่า คุณคงเป็นคนหนึ่งที่ไปทางด้านศิลป์มากหน่อย ในขณะที่เขาละเอียดละออเกินไปกับการใช้จ่าย (แอบสงสัยว่า จะไปจดทุกอย่างในไดอารี่หรือไม่นะเนี่ย .. บีพีชอบดูแลเงินตัวเอง แต่ก็ยังไม่มากถึงขนาดจดทุก ๆ อย่าง ยอมรับว่าเคยมีเพื่อนคล้ายแบบนี้ เราว่าเรางกแล้ว แต่เจอคนระดับจอมยุทธ์เนี่ย ก็บอกลาเหมือนกันค่ะ) ในแง่ของความแตกต่างถ้ามีมาก ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ เพราะช่วยเติมในสิ่งที่เราหรือเขาไม่มี แต่ถ้ามีมากเกินไป ก็ควรจะระวังในเรื่องความเหนื่อย "ใจ" (กว่าจะปรับแนวคิดปรัชญาชีวิตให้ไปด้วยกันได้ทุกเรื่อง) คงต้องให้โอกาสแบบเปิดใจ คือไม่ไปยืมเอาบรรทัดฐานที่เคยใช้มา ๆ ชั่ง ตวง วัด แต่ก็เห็นหลายคู่รักกันเหมือนกัน ที่แต่งกันไป (คือบางเืรื่องยอมที่จะหยวน ๆ กันไป) แต่ในที่สุด ก็ีีมีอันต้องขอแยกทางเดินกันก็มีเยอะ  ถ้าเกิดวันหนึ่งฝ่ายหนึ่งเกิดลุกขึ้น ขอปฏิวัติ .. ฉะนั้นอยากให้คุณ37 ลองมองย้อนกลับไปที่จุดตรงนี้ก่อน ว่าจริง ๆ แล้วพื้นฐานแนวคิดในด้านปรัชญาชีวิตของคุณทั้งสองเป็นอย่างไรกันแน่ ... ตอนที่บอกให้คุณให้โอกาสตัวเองและตัวเขาในการคบหาเป็นคนรักกันต่อก็ เพราะอย่างน้อย ถ้าจะจากกันจริง ๆ ก็จะได้ไม่เสียใจภายหลัง และคุณก็จะไม่รู้สึกเสียความมั่นใจ เพราะในขณะเดียวกันคุณก็จะได้ค้นพบตัวตนของคุณจริง ๆ ด้วยว่า คนแบบไหนกันแน่ที่คุณอยากได้มาเดินเคียงข้างชีวิตคุณตลอดไป ความรักนั้น ไม่ได้ต้องสรุปลงตรงการแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันเสมอ แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันช่วยเหลือกัน เป็นคู่สร้างคู่สม ก็ย่อมทำให้ทางเดินของชีวิตสมบูรณ์ขึ้น (อันนี้พูดตามคติพจน์แบบจีน) เพราะไม่มีใครรุ่งโรจน์ตลอดกาล หรือไม่มีวันเสื่อมสลาย หรือประสบเคราะห์ หรือเจ็บป่วย คนเราเกิดมา เมื่อมีกรรมเป็นตัวกำหนด การมีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมโศก (และร่วมสุขด้วย) ก็เปรียบเสมือนไ้ด้เป็น team work ที่ก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน ขออวยพรให้คุณได้พบได้เจอชีวิตคู่ที่ได้ช่วยเหลือจุนเจือกันตลอดไปค่ะ   จากคุณ : บีพี - [ 22 ก.ค. 51 06:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 "ยังไม่แต่งคะ แต่จะหนีบเราไปด้วย ระหว่างที่เขาย้ายไปทำงานประเทศอื่นๆในยุโรป นับแต่ปีหน้า ค่าใช้จ่าย เขาจะจ่ายให้เรา กรณีที่ย้ายไปกันแล้วเราหางานที่เราชอบ ทำไม่ได้ ให้เงินใช้เท่าเงินเดือนที่เมืองไทย 70k แม่บ้านจ้างต่างหาก " รับไม่ได้อ่ะความคิดแบบนี้ คนแต่งงานกัน ชีวิตแชร์กันแล้ว ยังจะมาแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ห้างหุ้นส่วนอะไรแบบนี้ ดิฉันว่าถ้าเขาไม่ปรับตัว คุณคงต้องคิดดีๆค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : yuy - [ 22 ก.ค. 51 10:17:19 A:124.121.19.122 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คุณบีพีคะ พื้นฐานแนวคิดในด้านปรัชญาชีวิต มันคืออะไร ความหมายกว้างขวางประมาณไหนคะ อยากรบกวนขอคำอธิบาย ไม่แน่ใจว่าเราเข้าใจถูกต้องแค่ไหนคะ ต้องขอขอโทษด้วย ที่เขียนกระทู้อย่างยาว และขอบคุณที่เสียสละเวลาอ่าน ให้โอกาสเราได้ระบาย ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะนะคะ ได้อ่านเห็นความคิดเห็นในมุมมองที่ต่างต่างดีๆ มันมีส่วนให้เราหันไปดูมุม หลายมุม ที่เราหลงลืมดูไป เรื่องหลายเรื่องที่สำคัญ ขอบคุณที่เจาะจงถึง ให้เราหันมามองคะ จากคุณ : 37 - [ 22 ก.ค. 51 11:05:38 A:58.8.18.13 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สวัสดีค่ะ คุณ 37 จากที่อ่านมา และจากความรู้สึกหลังการอ่าน พบว่า บางครั้งการที่แต่เดิมเราไม่ใช่คนที่คิดแต่เรื่องเงิน แต่สิ่งแวดล้อม หรือคนที่เราสัมผัสอยู่ทุกวี่ทุกวันในชีวิตประจำวัน สามารถผลักดันให้เราต้องตื่นตัวหรือรับมือกับคนประเภทนี้ตลอดเวลา จนบางครั้งดูเหมือนเรากลายเป็นคนประเภทเดียวกันไป เรื่องเงิน เราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตคู่ ย้ำ ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ การที่จะตัดสินใจใช้ชิวิตกับใครสักคน วิถีการใช้เงินของคนนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจ ถ้าจขกท. ตัดสินใจแล้ว ก็ขอให้มั่นใจ แล้วก็ขอให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดีค่ะ ปล. (อันนี้ฝากถึงทุกคนนะคะ) อย่าตัดสินคนอื่น เพียงเพราะเค้าคิดไม่เหมือนเรา อย่าวัดคนอื่นโดยเอาตัวเองเป็นบันทัดฐาน เราไม่ได้ดีกว่าใคร และใครก็ไม่ได้ดีไปกว่าเราค่ะ การดำเนินชีวิตของเราต่างกัน เพราะเรามีสาเหตุแห่งความสุขที่ต่างกันค่ะ ความสุขอยู่ที่ใจค่ะ ขอให้จขกท. มีความสุขค่ะ ด้วยความจริงใจ (แต่รู้สึกเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรจขกท.เลย) สวัสดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 51 11:40:16 จากคุณ : Mrs Mathur - [ 22 ก.ค. 51 11:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ^^ ^^ "ความรักนั้น ไม่ได้ต้องสรุปลงตรงการแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันเสมอ แต่ถ้าได้อยู่ด้วยกันช่วยเหลือกัน เป็นคู่สร้างคู่สม ก็ย่อมทำให้ทางเดินของชีวิตสมบูรณ์ขึ้น (อันนี้พูดตามคติพจน์แบบจีน) เ พราะไม่มีใครรุ่งโรจน์ตลอดกาล หรือไม่มีวันเสื่อมสลาย หรือประสบเคราะห์ หรือเจ็บป่วย คนเราเกิดมา เ มื่อมีกรรมเป็นตัวกำหนด การมีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมโศก (และร่วมสุขด้วย) ก็เปรียบเสมือนได้เป็น team work ที่ก้าวเดินไปพร้อม ๆ กัน" ^^ ^^ นั่นแหละค่ะ คุณ บีพี คุณพูดได้โดนมากๆ เลยค่ะ โลกหมุนไป ความคิดความอ่าน ประสบการณ์ชีวิต ทำให้ผู้คนต้องปรับตัวหมุนตาม เปิดใจกว้างๆ เข้าไว้ ทุกอย่างในชีวิตนี้สามารถเป็นไปได้ค่ะ การไม่ยึดติด การปล่อยวาง จะทำให้หลุดพ้นด้วยค่ะ Best wishes.     จากคุณ : สะใภ้นอกกฏหมายUKโดยสมัครใจ (Siamese Girl) - [ 22 ก.ค. 51 11:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ตามอ่านอยู่ ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : คุณนายเหรียญบาท - [ 22 ก.ค. 51 12:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 81 อ่านมานาน ขอออกความคิดเห็นบ้างนะคะ คุณ จขกท ถามตัวเองก่อนนะ ว่ารับได้มั๊ย สิ่งที่เขาทำ ทุกวัน ๆ ไม่ว่าเป็นเรื่องไปไหนแล้วไม่จ่ายตัง หรือสิ่งที่ คุณอยากให้เขาทำ แต่เขาทำให้ไม่ได้ นี่ขนาด แค่แฟนนะ ปรกติต้องเอาใจ มากเป็นพิเศษ สำหรับเรา เราเคยมีแฟน ไม่ว่าต่างชาติหรือคนไทย ยอมรับเลยว่า ถ้าเขาขี้เหนียวเราจะ อึดอัดใจมาก คิดดูว่าขนาดไปต่อรองค่าจอดรถ กับพนักงานจ่ายตั๋วจอดรถ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ระบุไว้แล้ว แล้วก็จ่ายเงินเท่าที่ ตัวเองต้องการจ่าย เรานี่อายสุด เขาไม่คิดเลยว่าเวลามันพิมพ์ บนบัตร ถ้าพนักงานเก็บเงิน ไม่คบพนักงานต้องเป็นคนควักกระเป๋า ทั้งที่ตัวเองนะรวยมาก เรื่องนี้เราจำจนตาย คนนี้คนไทย (ที่เล่านี่คนละคนกันนะ)  ส่วนอีกคน คนนี้ขี้เหนียวกิน เราหิวข้าวจะตาย ชวนเราไปกิน ข้าว ปรกติเรา เป็นคนกินเก่ง และไม่เสียดายตัง สั่งส้มตำแค่จานเดียว เราจะสั่งอะไร ไม่กล้าเลย นั่งแบ่งกันกินส้มตำจานเดียว ถ้าไปคนเดียวหรือ อะไรจะกินเราสั่ง ทั้งนั้น ทำให้เราคิดว่า เราไม่มีเขาเราได้กินอย่างที่เราอยากกิน ไม่ต้องนั่งรออึดอัดใจมากเลย คนนี้ฝรั่งนะ แต่ที่เล่ามาคืออดีต และ เรารุ้เลยว่า คนที่ทำ สิ่งที่เราไม่ชอบ ถึงแม้เราจะชอบเขา แค่ไหน แต่ถ้าเขาทำให้เราอึดอัด ได้อาย เรารู้แล้หละ ว่าไปเปลียน พวกเขาไม่ได้ ว่าไม่ใช่คนที่จะแต่งด้วย  แค่คบไปยังงั้น แต่ถ้าจะต้องแต่ง ขอเป็น โสดดีกว่า ขี้เหนียวนะไม่เท่าไหร่ แต่ขี้เหนียวเกินงามหนะไม่ไหว จากคุณ : Hula Girl (Hula Girl) - [ 22 ก.ค. 51 14:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตามอ่านจนต้องขอออกมาให้ความคิดเห็นด้วย มีเขยฝรั่งอยู่ค่ะ มันเป็นธรรมเนียมของเขา ก็ที่เขาว่ากันอเมริกันแชร์นะแหละ จริง 100 % ไม่เฉพาะเงินเท่านั้น แต่งไปอยู่ด้วยแล้วยังแชร์เรื่องงานด้วย เห็นมากับตา ยังเจ็บใจแทนลูก แต่ในสิ่งที่ดีเขาก็มี การใช้ชีวิตคู่มันเหมือนเส้นขนาน2เส้นที่ต้องค่อยๆหักหัวเส้นเข้าหากัน(ไม่ได้ทันทีนะ) เขาไม่ใจป้ำเท่าคนไทยเรา ถ้าอยากได้เรายอมสู้เต็มที่ แต่พวกฝรั่งเขาทำงานหรือธุระกิจใช้ตัวเลขทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะทำอะไรเขาต้องบวกลบคูณหารทั้งนั้น ็ป้าคนหนึ่งที่ลองใจเขามาแล้ว แต่เขาไม่คิดเหมือนคนไทย ไม่คือไม่ เอาคือเอา(เรื่องเงิน) ขอยืมกันตรงๆ แต่ถ้าเขาช่วยเขาจริงใจ เราต้องทำให้เขารู้ว่าจริงใจและเชื่อใจก่อนเขาถึงจะยอม ถ้าเขาเชื่อใจเขายอม พูดกันตรงๆ ไม่มีปัญหา ไปอยู่กับลูกสาวบ่อย ครั้งละหลายเดือน เห็นและรู้กับตัวเองมามาก รวมทั้งเพื่อนๆของลูกที่มีสามีเป็นฝรั่งก็เช่นกัน มีเรื่องที่บอกเล่ามากค่ะ เพราะขนบธรรมเนียมระหว่างเชื้อชาติมันไม่เหมือนกัน ทั้งอาหารการกิน ความเป็นอยู่ของครอบครัว ต้องไปอยู่ด้วยจึงจะรู้ค่ะ แต่ความรักทำให้อภัยกันได้ ในสิ่งที่ดีก็มี อย่ามองแต่ในสิ่งที่ไม่ดี ชีวิตคู่ ไม่ว่าเชื้อชาติไหน อยู่ที่ความเข้าใจกัน ความอบอุ่นเมื่อความเดือดร้อน ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย เขาจะทำได้ที่ชายไทยไม่ทำกันค่ะในสายตาและความรู้สึกของหญิงไทยอย่างป้า(ผู้สูงอายูพบเห็น)ขอโทษไม่ได้ว่าชายไทยค่ะ เท่าที่ประสพมาจนวัยชราแล้วค่ะ ขอให้สาวอายุ37 ชั่งใจตัวเองค่ะ น้อยคนนักที่จะโชคดีทุกอย่าง หรือถ้าข้องใจอยากคุยกันส่วนตัวได้ค่ะ จากคุณ : เต็มตา - [ 22 ก.ค. 51 16:44:33 A:125.24.239.55 X: TicketID:030220 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่เคยมีแฟนค่ะแต่พออ่านความคิดเห็นแล้ว เลยอยากบอกด้วย เคยได้ยินคำว่า American shares ไหมค่ะ(ไม่รู้สะกดถูกเปล่า) ถ้าเรารับไม่ได้ก็ยากที่จะอยู่ด้วยค่ะ ตอนนี้เราเลือกได้แต่ตอนแต่งงานแล้วเราเลือกไม่ได้แล้วนะ เรื่องเงินเนี่ยเค้าคงเคยมีประสบการ์ไม่ดีหรือเปล่า อย่างคุณแม่ดิฉันเนี่ย10กว่าปีที่แล้วเคยให้เพื่อนสนิท(โตมาด้วยกัน10กว่าปี) ยืมเงินไป5ล้านบาท เนื่องจากEเพื่อนเลวหลอกแม่ว่าสามีทิ้งเขา ไม่ได้ขอยิมเป็นก้อนนะค่ะ ค่อยๆยืม cheques12ใบ(ใน1ปี) รวมเป็นเงินก็5ล้าน แล้วก็โดนเชิดตามระเบียบ ตอนนี้หลังผ่านไป5ปี(คดีหมดอายุความ)ก็กลับมาเชิดหน้าชูตา... จากคุณ : เจ็บใจแทนแม่ (le_econ) - [ 22 ก.ค. 51 19:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ่า คือ เราอ่านไม่หมดนะคะ เพราะเยอะมาก แต่เราก็อยากเป็นกำลังใจให้คุณ 37 จขกท. บางทีผู้หญิงก็ชอบคิดไปเองนะคะ มีอะไรก็อย่าลืม สื่อสารกันก่อน ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไปนะคะ ปล. เค้าอาจจะไม่รู้ก็ได้นะคะ ว่า สมมุติ ในทางกลับกัน ถ้าเค้ามายืมเงินคุณหรือมีปัญหา แล้วคุณมี คุณก็จะให้เค้ายืมอ่ะค่ะ ฯลฯ หรือ จริงๆ แล้ว เค้าก็อาจจะไม่แน่ใจ ว่าคุณจะสามารถคืนได้ เพราะจำนวนค่อนข้างเยอะ เป็นเราๆ รู้จำนวนเงิน เราก็ผงะนะคะ (เพราะตอนแรกไม่รู้งัย) คนส่วนมากเวลาให้ยืมเงิน ต้องคิดว่าจำนวนเงินเท่านี้นะ ที่ชั้นจะยอมรับว่าชั้นสูญเสียได้ (หนี้ศูนย์) อันนี้บอกในฐานะที่เพื่ิอนมายืมเงิน เพราะถ้าเยอะก็ไม่ให้ จะเสนอแค่บางส่วนเท่านั้นค่ะ (ถ้าชักดาบ เราเองจะได้ไม่ต้องชีช้ำ) ดิชั้นนึกไปนึกมา แสนนึงที่เค้าให้ ก็ 10% เชียวนะ อันนี้ดิชั้นคิดแยกกับกรณีเรื่องค่าจ่ายประจำวัน เวลาไปดูหนัง ทานข้าวค่ะ **เป็นกำลังใจให้ห่างๆ นะคะ** อันนี้ขออนุญาต จขกท สอบถามในกระทู้นี้นะคะ เผื่อว่า วันนึงเรามีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ ตปท. เราจะได้เข้าใจวัฒนธรรมเค้ามากขึ้น คือส่วนใหญ่เวลาเราเจอฝรั่งที่ทำงาน หรือเป็น เพื่อนของเพื่อนอ่ะค่ะ เวลาไปทานข้าวทานน้ำ เค้าจะจ่ายให้เราทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นแค่เพื่อนกัน หรือเราบอกว่าเราเบิกได้ คุณๆ เค้าก็จ่ายให้ไม่เอาสตางค์เรา อันนี้เป็นเพราะว่า เค้าอาจจะเห็นว่า เราเงินเดือนน้อยกว่า junior กว่าหรือเปล่าคะ เพราะเรายังไม่เคยได้จ่ายเงินให้คุณ​ๆ พวกนี้เลย คือจริงๆ พยายามจะจ่ายคืนให้แล้ว แต่เค้าไม่เอากันอ่ะค่ะ หรือนี่เป็นแต่ฝรั่งที่มาทำงานที่เมืองไทยอ่ะคะ แบบพวกเค้ารู้อยู่แล้วว่าเราเงินเดือนน้อยกัน แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 51 23:56:53 จากคุณ : asiacuisina (asiacuisina) - [ 22 ก.ค. 51 23:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณสามสิบเจ็ดคะ ขอโทษที่พึ่งเข้ามา สงสัยคุณจะไปนอนแ้ล้ว พอดีวันนี้ไม่อยู่บ้านทั้งวันค่ะ เรื่องปรัชญาพื้นฐานชีิวิต เป็นคำที่มีนิยามกว้าง แต่หลัก ๆ ก็คือ การถือแนวคิดของความเป็นคน ซึ่งจะบ่งออกมาเป็นการใช้ชีวิตประจำวัน การมองโลก และการตัดสินปัญหาที่เข้ามาในชีวิต พูดแล้วอาจจะงงไหมเอ่ย  เช่น บางคนถือเรื่องจิตสำคัญกว่ากาย ในขณะที่บางคนมองเห็นสิ่งที่ทำประโยชน์ให้ตรง ๆ มากกว่าจิตใจ  ลองหาหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาพื้นฐานมาอ่านก่อนก็ได้ค่ะ  เพราะบางครั้งคน ๆ หนึ่งอาจจะมีความแนวคิดผสมผสานกันจนไม่ได้แยกออกมาให้เห็นชัด ๆ ว่าไปอยู่ขั้วไหนสุด ๆ สมมติคุณอ่านข่าว ๆ หนึ่ง คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อข่าวนั้น ลองนำไปถกกับแฟนคุณค่ะ หรือว่า คุณเห็นเหตุการณ์สักเหตุหนึ่ง คุณถามแฟนคุณว่าเขาคิดอย่างไร  แล้วเปรียบเทียบกับความคิดของคุณ  ดูแล้วอาจจะไปเหมือนพวกคำถามตามนิตยสาร หรือพวกยี่สิบคำถามเพื่อหาคู่ตามหนังสือจิตวิทยา แต่นั่นคือเขาพยายามจับคนใส่เป็นกล่อง ๆ เพื่อแบ่งแยกประเภทความคิดของคน อย่างที่บีพีบอกไงคะ ในความต่างมาก ก็มีความดึงดูดมาก แต่ถ้าต้องอยู่ด้วยกัน(แบบ..อยากจากกันแบบตายกันไป ไม่ใช่จากกันแบบเป็น ๆ) การมองหาคนที่มีมุมมองต่อชีวิตคล้ายกันหน่อย ย่อมเหนื่อยใจน้อยกว่าเป็นไหน ๆ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีคู่รักแบบที่ต่างกันในด้านปรัชญาชีวิตมาก ๆ เพียงแต่ว่าต้องปรับตัวกันมาก ๆ หน่อย และยอมให้อีกฝ่ายมี space ของเขาเอง .. หรือบางคนอาจจะพูดว่า มีห้องส่วนตัว ในที่นี้ไม่ใ่ช่แค่เป็นห้องที่มองเห็นเท่านั้น แต่หมายถึงยอมรับมุมมองแนวทางชีวิตของคน ๆ นั้นด้วยค่ะ สมมตินะสมมติว่า แฟนคุณเป็นคนที่เน้นหนักไปทางธุรกิจ คิดมองอะไรเป็นตัวเลขไปทุกอย่าง ในขณะที่คุณก็ออกศิลปินจ๊ะจ้า ... เกิดซื้อบ้าน แล้วจะแต่งบ้านกัน ... แค่คิดตรงนี้  คุณก็ต้องไปหาวิธีออกอุบาย ชักจูงให้เขาคล้อยตามแนวคุณ ซึ่งถ้าเขาคำนวณแล้ว ดี ก็ดีกันไป แต่ถ้าไม่แล้ว คุณจะอึดอัด เพราะอารมณ์ศิลปินของคุณถูกกดไว้ ไม่ได้แสดงออก หรือจะหาโลเกชั่นของบ้าน ... คุณอยากมีบ้านใกล้แม่น้ำ ติดทุ่งกว้างใหญ่  ห่างไกลผู้คน เขาอาจจะมองว่าโลเกชั่นนี้ถึงจะโรแมนติคจริง แต่ก็ไม่สะดวกกับการไปทำงาน สู้บ้านในเมืองไม่ได้ ทุกอย่างสะดวก ประหยัดน้ำมัน ถ้าจะขายก็ขายได้ง่ายเร็ว ทำผลกำไรดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น และถ้าเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ สะอาดทุกนิ้ว ทุกอย่างต้องเรียบเป็นแนว .. ในขณะที่คุณเป็นศิลปิน ก็อาจจะอยู่ด้วยยากหน่อย เพราะต้องปรับตัวอย่างมาก หรือไม่ยอมปรับไป แต่ก็อดอึดอัดไปด้วยไม่ได้ ... ไม่ทราบเคยดูภาพยนตร์เรื่อง sleeping with the enemy หรือเปล่าคะ ที่ยกตัวอย่างนี้ก็แบบง่าย ๆ แต่หลายคู่เขาก็ปรับกันได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าใครสักคนต้องยอมหน่อย และจะบอกได้ว่า ยิ่งอีกฝ่ายยอมมากขึ้น อีกฝ่ายก็จะยิ่งกระถืบรุกเข้าไป  ซึ่งอาจจะเป็นไปไ้ด้ว่า อีกคนมีลักษณะเด่น ข่ม ในขณะที่อีกฝ่ายไม่อยากมีเรื่อง  ถ้าอีกฝ่ายต้องพึ่งพิงด้านเศรษฐกิจ ก็อาจจำยอมเพราะเหตุผลนี้ หรือไม่ก็เพื่อลูก ถ้ามีบุตรด้วยกัน ... แต่สุดท้าย ถ้าอยู่กันไปหลายสิบปี แล้วไปถามความเห็นกันตรง ๆ แบบเปิดอก เขาก็ตอบไ่ม่ได้หรอกว่า ทำไม หรือเหตุใด ถึงไม่มีความสุขกับชีิวิตคู่ รู้แต่ว่า เขาหรือเธอก็ดีนะ ไม่ใช่คนไม่ดี ไม่เคยทำร้ายร่างกาย มีเงินมีทองให้ใช้  แต่ทำไมก็ไม่รู้  หรือไม่ก็อยู่กันไป แต่การสื่อสารระหว่างกันและกันจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ พูดง่าย ๆ คือ ไม่โรแมนติคเหมือนตอนรักกันใหม่ ๆ ไม่ทราบว่า ระบบสื่อสารได้ล้มเหลวไปเมื่ดใด แต่ยังเกื้อหนุนจุนเจือกันเพราะหน้าที่ความรับผิดชอบ อย่างไีร บีพีก็คงอธิบายไม่ได้ดีนัก แต่คิดว่า คุณสามสิบเจ็ดมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว อยากหาคนที่มาเติมเต็มด้านจิตใจมากกว่า กำลังมองหาคนที่มีความแตกต่าง (ก็แน่นอนนะคะ ชายหนุ่มย่อมต่างจากหญิงสาวอยู่แล้ว ใช่ไหม) แต่ควรมีความเหมือนในแง่ของการมองโลก คุณจะเหนื่อยใจน้อยลงมากจริง ๆ และเมื่อคุณประสบปัญหาใด ๆ ในชีวิต .. คู่ของคุณก็พร้อมที่จะยื่นมือลงมาในแนวทางที่คุณต้องการ โดยที่คุณไม่ต้องไปโน้มน้าวหรืออธิบายให้เขามองเห็นภาพในสิ่งที่คุณเห็น เคยไหมคะ ที่คุณได้เจอคนที่ไม่ต้องพูดกันมากมาย แต่ทำอะไรแล้วเหมือนใจปิ๊ง ๆ กันเลย บอกตรง ๆ คะ .. ถ้าคุณเจอ แม้แต่งานบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่อง ... งานนอกบ้านก็ไม่ใช่ปัญหา ทุกอย่างจะเป็น team work จริง ๆ  ถ้าคุณเจอ แต่งงานนะคะ คุณจะมีความสุขมากกับเพื่อนร่วมโลกของคุณ อย่าไปมองประเด็นเรื่องเงินมากมายนัก จนลืมมองพื้นฐานปรัชญาของคน ๆ นั้น .. เพราะอยู่กันแล้วไม่มีเรื่องต้องทะเลาะกัน ถ้าจะมี คือเรื่องที่ขอความคิดเห็น ให้เกียรติ และเคารพความคิดอีกฝ่าย ... จะเป็นความสุขใจของการมีชีวิตคู่ ซึ่งซื้อหาไม่ได้นะคะ คุณจะเห็นบ้านของคุณมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าบ้านค่ะ และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรือสัญชาติเลยค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 23 ก.ค. 51 01:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ครั้งแรกกับการเข้าโต๊ะไกลบ้าน.. แล้วก้อติดหนับอยู่กับกท.นี้ยาวนาน.. แฟนเก่าที่เราเคยรักมาก ก้อเป็นคนเห็นแก่ตัว เค้าคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ จนเราต้องผงะกับสิ่งที่เค้าเลือกตัดสินใจหลายครั้ง มันซึ้งใจเกินบรรยายค่ะ เวลาเราป่วยก้อทำอาการหงุดหงิดใส่เราเหมือนเราจงใจป่วยเรียกร้องความสนใจ ยืมเงินนี่หายห่วงอย่าได้หวัง เคยโดนปฏิเสธจนนอยด์เสียศูนย์ไปเหมือนกัน นิสัยพวกนี้มันปรากฎชัดในปีหลังๆๆ ช่วงแรกแสนดี แต่หลังจากนั้นก้อเริ่มแสดงความเห็นแก่ตัวออกมาให้เห็นเรื่อยๆ อันที่จริงเราจับเซนส์เห็นแก่ตัวได้แต่แรกๆ แต่พยามหลอกตัวเองหาเหตุผลให้เค้าเสมอ แล้วสุดท้ายเซนส์เราก้อถูกจริงๆ ถ้าเชื่อตัวเองสะตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่จบเจ็บๆอย่างที่เป็น จริงๆให้เชื่อเซนส์ลูกผู้ญ เราไว้ก่อนก้อดีค่ะ เพราะความรู้สึกพวกนั้นมันมักจะถูก ยังไง.. เอาใจช่วยคุณจขกท.นะคะ เราเข้าใจดีจขกท.ได้ดี ในมุมที่เราสามารถทำอะไรเพื่อเค้าได้ตลอดเมื่อเค้าต้องการความช่วยเหลือ แต่พอเราเดือนร้อนแม้แค่เล็กๆน้อยๆ ก้อชักสีหน้า ทำอาการหงุดหงิดใส่ มันเจ็บแปล๊บค่ะ ทุกวันนี้ดีใจค่ะที่ไม่ได้แต่งงานกับคนนี้ ถึงแม้จะเป็นคนผู้ชายที่เราเคยรักมากที่สุด ถ้าเราจะเริ่มต้นมีชีวิตคู่อีกครั้ง เราจะเลือกคนจิตใจดีเป็นหลัก เสียสละ อยู่ข้างเราในวันที่ทุกข์ยาก แต่ถ้าไม่มี ก้อยินดีอยู่เป็นโสด ดูแลพ่อแม่ หลานๆไป Women like us deserve better!! จากคุณ : sweetstrawberryzz - [ 23 ก.ค. 51 02:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จริงๆแล้ว เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่น่าคิดเล็กคิดน้อยเลย ทั้งๆที่เป็นแฟนกัน เรืองเขียนอีเมล์ หรือว่า ขับรถเนี้ย (มีเพื่อนคนอังกฤษ พวกexpat นิสัยประมาณนีเลย) ถ้าเรื่องเงินล้านนึงเนี้ยไม่ธรรมดาล่ะค่ะ เยอะน่ะค่ะนั้นน่ะ สำหรับฝรั่งก้อเยอะค่ะ ยิ่งฝรั่งระแวงผู้หญฺิงไทยเป็นกรณีพิเศษด้วย ไม่แน่ใจว่าสนิทกันขนาดไหน ถ้าสนิทไม่มาก เค้าอาจจะไม่อยากลงทุนความสัมพันธ์ ถ้าแน่ใจว่าใช่คนนี้ แล้วเค้าก้อแน่ใจว่าคุณใช่ คิดว่าสักพักคงปรับตัวกันได้น่ะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : super cute (super cute) - [ 23 ก.ค. 51 04:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มีคนออกความเห็นน่าสนใจหลายคน เช่นคุณบีพีเป็นต้น จขกท ฟังดูเป็นคนมีเหตุผลดี มีการงานที่ก้าวหน้า หน้าตาก็คงดีจริงตามที่บอก ลองถามตัวเองอีกทีว่าแต่งงานเพื่ออะไร ไม่สนใจเรื่องเงินทองของเขาจริงหรือไม่ บวกลบคูณหารแล้ว ผมว่าคุณมีคำตอบได้ไม่ยาก ขออวยพรด้วยใจจริงให้สมหวังโดยไว จากคุณ : อิสวาสุ - [ 23 ก.ค. 51 05:28:27 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คุณบีพีคะ ขอบคุณอย่างมากมาย ที่ช่วยอธิบายจนนึกภาพออกเลยคะ ^^ ความเห็นที่มีค่า คงช่วยให้หลายคนที่สับสนในบางมุมเหมือนเรา นึกอะไรออก เห็นอะไรชัดขึ้นได้อย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารขัดข้องในตอนท้าย อ่านแล้ว นึกภาพออก ว่าเราเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมากี่ครั้งแล้วหนอ(แปร๋ววว..) จบท้ายด้วยการเลิกกันไป กับผู้ชายที่คบหาดูใจมาหลายคน ทั้งที่บางคนถึงขั้นสู่ขอกันแล้วด้วยซ้ำ (แต่จับได้ว่าเธอมีกิ๊ก เลยเลิกคะ) เราคิดว่าเราค้นหาคนที่มีลักษณะ เป็นteam work อย่างที่คุณบีพีกล่าวถึงคะ ถึงผ่านร้อนหนาว มานานขนาดนี้ โดยไม่แต่งงาน และเราคิดว่าเราเข้าใจในจุดของการเป็นฝ่ายให้ก่อน เพื่อซื้อใจคนที่อยู่ด้วย ให้อภัย รวมถึงให้ความเข้าใจในข้อบกพร่องทางใจของคู่เรา เป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายมั่นใจเสมอเมื่อมีเราในชิวิต เอาใจใส่รวมถึงคนในครอบครัวเขา และนั่นคงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้แฟนเก่าเราที่เคยคบมาตั้งแต่อายุ 30 ที่เราดูแลเขาในลักษณะนี้ อยากให้เรากลับไปคบหาด้วยทั้งหมด ( อายุ30 เป็นจุดเริ่มต้นของวัยที่พบว่าความสัมพันที่รู้จักเป็นฝ่ายให้ก่อน และเติมให้อีกฝ่ายเต็ม ผลลัพธ์กลับเป็นยังไงคะ เมื่อก่อนคิดว่าฉันเริ่ด เชิด หยิ่ง ต้องตามใจฉัน ผู้ชายหนีโม๊ดดด ) สำหรับผู้หญิงที่มีสถานะทางการเงินและสังคมแบบเรา เราเลือกการเติมเต็มทางใจเป็นอันดับแรกคะ ถึงแม้จะแอบเสียดายนิโหน๋ย..ว่าง่า..ผู้ชายมั่นคงทางการเงินนะ แต่แค่เสียดายแปร๊บบเดียวคะ สติจะดึงเรากลับมาเอง มันจะมีค่าอะไร ถ้ามีแล้วไม่แบ่งปัน คบคนจน ขยัน แต่แบ่งปันกัน ดีกว่าอยู่แล้วคะ (มีแฟนเก่าเราคนหนึ่ง อยู่ในลักษณะนั้นคะ แต่ธรรม ไม่เท่ากัน เลยเปลี่ยนความสัมพันธ์กลายเป็นเพื่อนกันแทนถึงวันนี้) สุดท้ายสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนทุกวัย คือ ธรรมะคะ เราโชคดีที่สุด ที่ผลของการฝึกปฎิบัติ(แบบหยุดพักเป็นช่วงๆ) เห็นผลกับตัวเอง ให้ใจรู้สึกอิ่มเสมอ(ในสถานะการณ์ปกตินะคะ) เมื่อทุกข์มาเยือน อาจจะสับสน อาจจะเศร้า แต่เมื่อแยกความคิด ดูจิตตัวเองสักพักแล้ว จะมองเห็นทาง เหมือนจิตเรา ณ ตอนนี้คะ และจากเคยที่เป็นคน ที่ตัดสินเลือกผู้ชายด้วยฐานะที่เขามี เมื่อปฎิบัติธรรมไปในจุดหนึ่งคะ จะพบว่าเราไม่ต้องการเงินทองอะไรเลย มันมองลึกผ่านเปลือกตัวนั้น เข้าไปเห็นตัวตนอย่างแท้จริงของเขา---ไม่งั้นเราคงไม่กล้า ตัดสินใจเลิกกับแฟนคนนี้ ที่ดูดีและพร้อมทางสังคม หรอกคะ--- จากคุณ : 37 - [ 23 ก.ค. 51 14:02:31 A:58.8.240.8 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 90 พยายามอ่านเท่าที่จะอ่านได้นะคะ แต่ว่ามันดึกแล้วเลยต้องสแกนอ่านเอา ขอแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งนะคะว่า เห็นใจคุณพี่สามสิบเจ็ดมากค่ะ เข้าใจพี่มากเรื่องี่แฟนพี่ไม่ค่อยอยากรับฟังเวลาพี่อยากปรีกษาเรื่องซีเรียส และเขาคาดหวังให้พี่เป็นซุปเปอร์วูแมน เพราะว่าดิฉันเคยน้อยใจสามีเหมือนกัน ที่ตอนแรก ๆ ดิฉันยังไม่คุ้นกับประเทศนี้แต่ต้องช่วยตัวเองหมดทั้งเรื่องการติดต่อราชการ ไปสอบใบขับขี่ หรือแม้กระทั่งตอนท้องต้องไปหาหมอคนเดียวอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ ก็ปลงค่ะ เพราะสามีเป็นคนเครียดเวลาทำงานมาก และก็ละเอียดเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ คิดเล็กคิดน้อยค่ะ เค้าเก่งเรื่องตัวเลขมาก แต่ว่าดิฉันยังไม่ได้ทำงานค่ะเพราะว่าต้องเลี้ยงลูก ประเด็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของดิฉันสามีซัพพอร์ตทุกอย่างค่ะ แต่ว่าจะชอบมานั่งสาธยาย ว่าตอนนี้เป็นยังไง ต้องประหยัดแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่รายได้เค้าดีมาก แต่ว่าเอาเงินไปซื้อบ้านเพื่อลงทุนเรื่อย ๆ ดิฉันก็ไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอะไร พอสามีพูดมาก ๆ เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็อึดอัดค่ะ เพราะว่าก่อนแต่งงาน ทำงานเองใช้จ่ายสบายไม่ต้องง้อใคร ถ้าพี่คิดว่ารักเค้าพี่ก็ต้องพยายามมองข้ามประเด็นที่เค้าคิดจุก ๆ จิก ๆ นะคะ เพราะฝรั่ง หลายคน เค้าเห็นผู้หญิงฝรั่งต้องช่วยเหลือตัวเองเยอะ เค้าเลยคาดหวังว่าเราต้องทำได้เหมือนกัน โดยอาจลืมไปว่าเราเพิ่งมาประเทศเขา เรายังไม่คุ้น เราอยากให้เค้าดูแลเรา ไม่คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นะคะ เราเป็นผู้หญิงก็ยังอดต้องการคนดูแลไม่ได้ สนับสนุนหลายความคิดเห็นที่บอกว่าถ้าเห็นว่าไม่เวิร์กก็เลิกดีกว่านะคะ เพราะถ้าดิฉันย้อนเวลาได้ก็อยากเลิกเหมือนกันค่ะ เอาใจช่วยนะคะพี่ จากคุณ : Moonie - [ 23 ก.ค. 51 15:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ถ้าเชื่อในสัญชาติญาณตัวเอง ก็คงบอกว่า รู้สึกสบายใจเมื่อเลิกกับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนคะ แต่หลังจากนั้น เขาก็ยังวนเวียนในชิวิตเราเหมือนต้องการโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ทำให้เราไม่แน่ใจว่าเอาไงดีหว่า.. ฉันเลือกมากเกินไปเหรอ --ก็คิดแบบนี้หลายครั้งนะคะ--- แต่เมื่อถึงที่สุดของความคิดแล้ว เรารู้ว่า อะไรที่สำคัญกว่าในการมีคู่ครองของเรา กลับไปที่จุดที่บอกเลิกเขาคะ >>เราไม่อยากแต่งงานแล้ว รู้สึกเหงา โดดเดียว อยากอยู่กับคนที่เรารู้สึกดี อยากทำสิ่งดีๆให้เขาเสมอคะ (เข้าใจที่คุณmoonie คคห90 บอก อย่างเต็มที่เลยละคะ แฟนเก่าเรา เขาเป็นประเภทนั้นแน่ๆคะ..) สุดท้าย เราคิดว่า ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจอะไรตอนนี้หรอกคะ เขาวนเวียนขอโอกาสเรามานานแล้ว แต่เมื่อเขายังหาจุดที่ทำให้ใจเราเต็มไม่เจอ ก็ให้เขาอยู่รอบนอกเช่นเดิมแหละคะ ระหว่างนี้เขาก็จะอยู่ในหมวดหมู่แฟนเก่า แต่สถานะเป็นไฟเหลือง(ที่อาจเป็นถ่านไฟเก่าได้ 555 แต่คงยาก นิสัยคนเปลี่ยนยากคะ สงสัยจะได้เป็นเพื่อนกันตลอกชิวิตซะละมากกว่า) ดีใจที่ตัดสินใจถูกถอดล็อคอินมาถาม ไม่งั้นคงไม่กล้าเล่าละเอียดขนาดนี้ และกระทู้นี้ ทำให้เราได้เจอคนที่มีความคิดดีหลายคนนะคะ บางคนเป็นน้ำเย็นชื่นใจ ทำให้จิตใจดีขึ้น บางคนเป็นเสมือนพี่ที่น่าเคารพ ให้คำแนะนำที่มีค่า ส่วนบางคนอ่านแล้ว ต้องวางอุเบกขาก็มี คิดซะว่าได้ฝึก สมถะ วางโกรธ ไปในตัว หุหุ ขอบคุณมาก ถึงมากที่สุด ถึงน้ำใจที่มีให้ ขอให้ผู้คิดดี มีความสุขกาย สุขใจ กันถ้วนทั่วนะคะ ปล - ถ้าใครต้องการให้คำแนะ หรือ เล่าถึงเรื่องชิวิตคู่ในต่างแดน ที่อยู่ในประเด็นนี้ เชิญได้นะคะ คิดว่าคงเป็นแง่คิดที่ดี ให้กับเพื่อนๆในห้องได้เช่นกันคะ จากคุณ : 37 - [ 23 ก.ค. 51 15:42:49 A:58.8.240.8 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ก่อนออกจากบ้าน ... เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก่อน ดีใจด้วยค่ะ ที่คุณสามสิบเจ็ด จะมองหากายละเอียดภายในมากกว่ากายหยาบภายนอก คนที่ใช่ ก็คือ คนที่ใช่ค่ะ และเขาอาจจะใช่ ณ เวลานี้ แต่ก็ไม่มีใครทราบหรอกค่ะว่าจะใช่ ตลอดกาล ทุกสิ่งสรร ล้วน เกิด ดับ เพียงแต่ขอให้เรารู้เท่าทันจิต ดูแลรักษาสิ่งที่เรา "ควร" รัก และเอาใจเขามาใส่ใจเรา ปล่อยวางได้ จิตของเราก็จะไม่รุ่มร้อนเกินความจำเป็น ดีใจด้วยค่ะ ที่คุณคิดออกว่า คุณจะทำอย่างไรต่อไป และไม่เสียความมั่นใจ หรือ self esteem การที่รู้จักรัก และให้รักเป็นกับคนที่สมควรจะได้รับ คุณจะเหนื่อยน้อยลงกับชีวิตรักภายหน้าอย่างมากมายค่ะ ขอบคุณนะคะที่สนใจอ่านความคิดเห็นของบีพี และยินดีด้วยที่ความคิดเห็นนั้นได้ให้ประโยชน์อะไรบางอย่างแก่คุณสามสิบเจ็ด คงต้องไปแล้วละค่ะ เวลาเร่งรัดเหลือเกิน สวัสดีค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 23 ก.ค. 51 15:46:53 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตามอ่านมาสองวันแล้ว (ขอสารภาพ) เมื่อคืนดิฉันเล่าเรื่องของคุณและแฟนเก่าให้สามีฟัง แล้วถามความคิดเห็นเขาว่าเขาคิดอย่างไร เขาตอบว่า "This guy needs to get a broom off his butt!" สามีดิฉันบอกว่าข้อเสนอของเขาที่ต้องการให้คุณตามไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกด้วย โดยที่จะจ่ายเงืนเดือนเท่ากับที่คุณได้รับอยู่ตอนนี้นั้น is not a good start of a relationship มันดูเหมือนการต่อรองทางธุรกิจมากกว่าการที่คนสองคนจะไปใช้ชีวิตร่วมกัน อันนี้ยังไม่พูดถึงตัวเงินนะ เพราะถ้าจับตรงนั้นมาคิดแล้ว จะเห็นว่าเงินเจ็ดหมื่นกับการใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกนี่ไม่ได้มากมายอะไรเลย เรียกว่าเกินค่าแรงขั้นต่ำมาหน่อยเดียวเอง โดยส่วนตัว ดิฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่สามารถและไม่มีวันจะเติมเต็มทางใจให้คุณได้จริงๆ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของพี่บีพีที่บอกว่า เมื่อคุณพบใครสักคนที่ไม่ต้องพูดกันมากมาย แต่ทำอะไรแล้วเหมือนปิ๊งๆกัน คุณจะรู้ว่าคนนี้ใช่เลย ยังไงก็ขอให้โชคดี เจอคนที่เขาสามารถเติมเต็มชีวิตให้คุณได้อย่างที่ปรารถนาค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 21:38:58 จากคุณ : Northernlife - [ 23 ก.ค. 51 21:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณ 37 อายุเท่าเราเลยและหน้าตาดีเหมือนเราด้วย ฮิๆๆๆๆ เราก็จบตรี เราขอโม้มั่งนะ..จะเล่าให้ฟังน๊ะ,, เราแต่งงานแล้วสามีเป็นต่างชาติ สามีเราอายุ 39 ใจดีมาก มาดแมนแถมหล่อ เพื่อนเรามันพูดกันอย่างนั้นน๊ะ, เราอยู่เมืองไทย..สามีเราบินไปๆมาๆ ระหว่างหาแม่และหาเรา เพราะเป็นลูกชายสุดที่รักและคนเล็ก แถมดูท่าทางติดแม่นิดๆ...เราจะไปเยี่ยมแม่และพี่ๆ ของสามี ปีละ2ครั้ง แม่และพี่ๆ ก็ใจดีกับเราพอกับสามีทีเดียว..สามีพาเราไปเที่ยวพักพ่อนต่างประเทศทุกปี ที่ไหนก็ได้ขอให้เราบอกแค่นั้นแหละ, สามีจ่ายหมดทุกครั้งไม่ว่าไปไหน เรื่องนี้แน่นอนที่สุด..แต่เราเป็นคนถือบัตรเอทีเอ็มของสามีน๊ะ  เงินในบัญชีของสามีมีเกือบยี่สิบล้านที่เมืองไทย แต่สามีไม่เคยจำระหัสเอทีเอ็มของแกได้เลย เราจะต้องเป็นคนจำให้และกดให้แกใช้ทุกครั้งตั้งแต่แต่งงานกันมาจนถึงทุกวันนี้.. สามีไม่เคยถามว่าบัญชี่ส่วนตัวของเรามีเงินเท่าไหร่ เราจะใช้เงินส่วนตัวเวลาชอปปิ้งหรือเติมน้ำมันรถเพราะเราขับไปทำงาน...ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านใช้เงินสามี..สามีอยู่เมืองไทยไม่เคยออกไปเที่ยวกลางคืนเลยถ้าเราไม่ไปด้วย ไม่สูบบุหรี่และไม่เจ้าชู้ ดื่มนิดหน่อยเวลาเจอเพื่อนๆ  สามีเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เป็นแฟนกันจนแต่งงานรวม 9 ปีแล้ว.. สามีมีเงินเดือนประมาณห้าแสนบาทจากแม่ เพราะที่บ้านสามีทำธุรกิจค้าน้ำมัน แต่สามีไม่ค่อยได้ทำอะไรมากหรอกเพราะอยู่เมืองไทยมากกว่า ส่วนใหญ่พี่ๆ ของแกจะบริหารงาน.. พูดง่ายๆ ว่าบ้านรวยแล้ว.. เราไม่ต้องขออะไรจากสามีเลยเพราะแกซื้อให้หมดบ้านหลังน้อยของเราสองคนเกือบเจ็ดล้านบาท และรถสองคันประมาณห้าล้าน ทุกอย่างสดไม่ต้องมานั่งผ่อนให้เมื่อยตุ้ม (แต่เราต้องเป็นคนขับรถให้สามีเหมือนกันเพราะแกไม่ชอบขับรถในกรุงเทพ แกบอกว่ารำคาญมอเตอร์ไซ)   ...ตัวเราก็ทำงานเงินเดือนแสนสองหมื่นบาท สามีพูดบ่อยๆ ว่าอยากให้เราออกจากงานเพื่อไปอยู่ที่ประเทศของแก แต่เราเสียดายเงินเดือนแถมยังสนุกกับงานด้วย เลยขอทำอีกสักพักหนื่งก่อน และงานเราก็สบายๆ ไม่เครียด..เจ้านายคนอังกฤษใจดีโคตรเลย, สามีก็ยังตามใจเราถ้ายังอยากทำงานอยู่เมืองไทยแต่กำหนดให้อีก 2 ปีก็พอแล้ว..เราไม่ต้องให้เงินพ่อแม่หรือพี่น้องเพราะบ้านเราก็มีตังค์แต่ไม่ถึงขนาดรวยหรอก..ชีวิตสุขสบายมากๆ ทุกวันนี้ แต่สิ่งหนื่งที่ขาดไป คือเรายังไม่มีลูก สามีเราไม่ค่อยแข็งแรง เราสองคนไปหาหมอมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จซะที... สามีก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเราไม่มีลูกก็จะอยู่กันสองคนและเราก็เห็นด้วยกับสามี..สามีเราน่ารักมากและปฏิบัติกับเราอย่างดีมาตลอด 9 ปีแล้ว.. อนาคตเราไม่รู้นะ แต่ปัจจุบันเรามีความสุขมากที่เจอสามีแบบนี้....   คุณ 37 คิดดี ๆ นะค่ะ โอกาสไม่ได้มีครั้งเดียว ..ถ้าไม่แน่ใจก็ตัดใจซะ และเริ่มต้นใหม่กับคนที่ใช่ในความคิดของตัวเราเอง... จากคุณ : Sweet&K - [ 23 ก.ค. 51 23:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอออกความคิดเห็นซักุนิดนึงนะคะ คิดว่าคุณเจ้าของกระทู้คาดหวังในตัว ex-bf มากเกินไปหน่อย เราก้อมีแฟนเป็นฝรั่งนะคะ เราเจอกันที่ต่างประเทศ เค้าทำงานดีมาก บริษัทใหญ่มีสาขาทั่วโลก จบ Ph.D. ช่วงแรกที่คบกันเราไม่กล้าที่จะคิดว่าเค้าจะชอบเรา เพราะเราทำงานนวด (ไม่มีแอบแผงนะคะ) แต่เค้าเป็นระดับผู้บริหาร แรก ๆ เราก้อคบกันไปแบบเพื่อน ไปไหนเค้าก้อจะออกให้ตลอด แต่เราก้อเกรงใจเค้าไง บางครั้งเรายังต้องแย่งเค้าจ่ายตังค์เลย เพราะเราคิดว่าเราก้อทำงานหาเงินด้วยกันทั้งคู่ ไม่แฟร์ที่จะให้เค้าจ่ายทุกอย่าง ไปไหนเราไม่เคยทำตัวมีปัญหา ทำให้เค้าหัวเราะ ทำให้เค้ามีความสุขเวลาที่อยู่กะเรา และเราไม่เคยขออะไรจากเค้าเลยไม่ว่าเรื่องเงินหรือของขวัญ หลังจากคบกันได้ประมาณ 1 เดือน เค้าก้อขอเป็นแฟนกะเรา เค้าบอกว่าเราเป็นผู้หญิงที่ดีมาก และเค้ารักเรามากอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน ตอนนี้คบกับเค้ามาได้แปดเดือนแล้วค่ะ และได้ไปหาเค้าที่ยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว ได้พบกับครอบครัวเค้าด้วย พ่อแม่เค้าน่ารักมาก พวกเค้าดีใจที่ได้เจอกับเรา เราคิดว่าผู้หญิงไทยน่ะเก่งและแข็งแกร่งมาก และอดทนเป็นเลิศ แต่ว่าเราควรจะใช้ให้ถูกทางนะคะ ถ้าคุณคิดว่าแฟนคุณ treat คุุณไม่ดีพอ หรืออยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปทนกับความสัมพันธ์ที่ unhappy คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะคะว่าจะไม่มีแฟน you can enjoy with your life. คุณมีการงานที่ดี เงินเดือนสูงกว่าคนไทยทั่ว ๆ ไปอีกมากมายคุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกค่ะ อีกอย่างหนึ่ง เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนไทยส่วนใหญ่ชอบคิดว่าคบกับฝรั่งแล้วเค้าต้องให้เงินเรา ทำไมไม่คิดว่าเค้าก็เป็นคนเหมือนกับเรา ทำงานหาเงินเหมือนกัน เพียงแต่เค้าเกิดในประเทศที่พัฒนากว่า มีมาตรฐานชีวิต และรายได้ที่มากกว่าเรา ทีคนไทยคบกันผู้ชายไทยไม่เห็นให้อะไร แถมยังมาเอาเงินกับเราอีกทำไมยอมกันได้ การดำรงชีวิตอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วมันค่าใช้่จ่ายสูงมาก ไหนจะภาษี ประกันสังคม ฯลฯ ทำไมไม่คบกันที่ใจ ดูนิสัยกันไป เค้าเป็นคนดี เข้ากับเราได้ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็น่าจะพอแล้วนะ คุณอย่าให้เพียงแค่ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายมาทำลายโอกาสที่จะได้เจอคนที่ดีในอนาคตเลย เราเคยมีแฟนที่ไม่เคยห่วงใยความรู้สึกเราเลย ได้แต่ทำให้เราเสียใจ ตอนแรกคิดว่าเลิกกับเค้าแล้วเราจะไม่มีใครอีกเลย กลัวเจ็บ กลัวไปหมดทุกอย่าง และคืิดว่าเราคงไม่ได้เจอผู้ชายที่ดีสำหรับเราแล้ว แต่พอได้มาเจอกับแฟนเรา เค้าเป็นประเภทที่เรียกได้ว่า perfect man เค้าทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าอย่างที่คนอื่นไม่เคยทำกับเรามาก่อน ขอให้คุณพบกับหนทางที่นำไปสู่ความสุขนะคะ "don't exchange your life with a bad relationship, it's really unfair for you" จากคุณ : ๋Jazzzz (JP) - [ 24 ก.ค. 51 18:39:09 A:60.254.213.200 X: TicketID:177025 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โอย...อ่านเรื่องของคุณ Sweet&K แล้วอิจฉาจัง อิจฉาจริงๆนะ ไม่ได้ประชดนะคะ เรายังไม่ได้อยู่กับสามีแบบถาวรซะทีเลย เศร้าใจจัง ทำงานก็ไม่มีความสุข เงินเดือนก็น้อย แต่ก็พอใช้ตามอัตภาพ จากคุณ : เข้ามาบ่นซะงั้น (Fresita) - [ 24 ก.ค. 51 19:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ดิฉันว่า คุณ คิดถูกแล้วค่ะ การที่เรามีความต่างกันมาก จะเป็นปัญหาในชีวิตคู่ได้ค่ะ แม้ว่า จะไม่มีปัญหาด้านการเงินก็ตาม ขอให้โชคดี เจอคนที่ใช่ หรือ มีความสุขกับชีวิตของตัวเองค่ะ จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) - [ 25 ก.ค. 51 16:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ถ้าดิฉัน เป็น จขกท  ดิฉัน ไม่เอาค่ะ เพราะว่า ดิฉัน คิดว่า คุณไม่มีเขา คุณก็อยู่ได้ค่ะ ดิฉัน ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย กับคำว่า "รถด่วน ขบวนสุดท้าย"  ให้รีบคว้า ตอนนี้ กำลังรอ กลับไทย จะได้เลิกกับแฟน อย่างเด็ดขาด แฟน เป็นคนที่รักดิฉันมาก ๆ  แต่  เค้าอยากให้ดิฉันเป็น เลดี้ ของเค้าคนเดียวเท่านั้น เป็นนกน้อยในกรงทอง อยากได้อะไร หาให้ได้หมด ซื้อให้ได้ไหม เรื่องเงินไม่เคยเกี่ยง เป็นห่วงมาก รักมาก คิดถึงมาก ต้องโทรหา และโทรตาม ทุกวัน แต่ ดิฉันเบื่อ สิ่งที่ขาดไปคือ ความเป็นตัวของตัวเอง ชีวิต และ จิตวิญญาญ ของดิฉัน เค้าอารมณ์รุนแรง ถ้าโมโห  ควบคุมตัวเองไม่ได้ ขู่จะทำร้าย จะทำให้ดิฉันประจักษ์ว่า ผู้หญิงไม่มีทาง นำหน้าผู้ชาย ผู้หญิงต้องเป็นผู้ตาม เพราะฉะนั้น เค้าพูดอะไรให้เชื่อ ( คือว่า ดิฉันก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองเหมือนกัน ) เรื่องทีทะเลาะกัน ก็จะเป็นเรื่อง บ้า ๆ บอ ๆ แต่ ต้นเหตุ คือ ดิฉัน เป็ยคน ที่เป็นตัวของตัวเองสูง และชีวิตนี้ไม่หวังจะพึ่งใคร  แต่เค้า จะดูแลดิฉันโดย ที่ดิฉันต้องเชื่อฟังเค้า ยกตัวอย่าง  คือว่า หากจะไปไหน ก็ต้องบอกก่อน แม้ว่า จะลงไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ข้างล่าง  ถ้ามารู้ทีหลัง แล้วไม่บอกล่วงหน้า จะโมโหมาก ( คือเค้าเป็นห่วงมาก แบบ เมื่อใดที่ดิฉัน ย่างกรายออกจากที่พัก ต้องบอกตลอด และ ต้องรายงาน เมื่อกลับถึง ที่พัก ) คือ เค้าบอกว่า เป็นห่วง  ไอ้ แบบนี้ ก็เข้าใจ แต่ ให้ดิฉันรายงาน อย่างเป็นธรรมชาติ ได้ไหม ไม่ใช่ว่า ตั้งกฏ ( เค้าตั้งกฏ ) สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ดิฉัน รำคาญมาก เรื่องทำงานอีก  ที่ทำงาน มีผู้ชายเยอะ ( และดันทำงานที่เดียวกันอีก ) ก็หวง ๆๆๆๆ พอเห็นใครมา คุยงานด้วยนาน ก็จะโกรธ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เค้ามาคุยเรื่องงาน และ ทุกคน ที่ทำงาน ก็รู้ว่าเป็นแฟนกัน ดิฉัน หาเงินเองได้ ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ เค้าบอกว่า ต้องให้ ดิฉัน ออกไปจากประเทศ นี้ก่อน เค้าถึงจะทำใจได้ ตราบใดที่ดิฉันยังอยู่ ปท นี้ เค้าทำใจไม่ได้หากจะเลิก เค้าบอกว่า เป็นห่วงดิฉันมาก แม้แต่ ลมพัดมา ก็เป็นห่วงแล้ว ก็รักนะ แต่มันอึดอัด ( สั่งห้ามติดต่อ เพื่อนผู้ชายอีกต่อไป แม้ว่าจะเป็นเพื่อน  คือ ว่า ทำงานก่อสร้างมาอ่ะนะ  เพื่อน ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น เพื่อนจริงๆ ) แต่ไม่ได้ ต้องเป็น "เลดี้"  เท่านั้น เค้าอยากให้ ผู้หญิงของเค้าสูงส่ง มีแต่คนเคารพ ( เราเป็นประเภท ติดดิน บ้า ๆ บอ ๆ )  สอนเราแม้กระทั่ง "ท่าเดิน" ให้แต่งตัวเป็นเลดี้  วันไหนใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ก็บอกว่า ทำไมต้องแต่งตัวเหมือน ทอมบอย ไม่ชอบเลย และ อื่น ๆๆ  รักมาก ให้ได้ทุกอย่าง เงินทอง อะไรให้ได้หมด (แต่ไม่เคยขอ) คนไม่เจอเองไม่รู้หรอก   ได้แต่พูดว่า "อายุก็ปานนี้แล้ว จะหาใครอย่างนี้ได้อีก" สำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันอยู่คนเดียวได้ค่ะ จากคุณ : Freedom of Life - [ 25 ก.ค. 51 20:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เอ เท่าที่อ่าน คุณ จขกท ก็ไม่ได้บอกว่าฟังหมอลำเป็นคนจนนี่ครับ อ่านแล้ว ผมไม่ได้ตีความแบบนั้นนะ ส่วนเรื่องเงินนี่ ก็อีกฝ่ายหนึ่งเค้าถามเองไม่ได้ขอยืมด้วย นี่ครับ หรือผมอ่านพลาดไป อ่านบางความเห็นแล้วงง ต้องกลับไปเริ่มอ่านใหม่ สำหรับคุณ จขกท ดูมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ดีมากเลยครับขอนับถือ ผมอ่านแล้วก็ตอบไม่ถูกครับ หวังว่าคุณจะค้นหาคำตอบที่ถูกต้องได้ด้วยตัวเองนะครับ คิดว่าคงแค่อยากระบายก็เลยมาบ่น ๆ ให้ฟังมากกว่า...รึเปล่า... จากคุณ : dont wanna no - [ 30 ก.ค. 51 19:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ^ เข้าใจถูกแล้วคะ ^^ สงัสัยอยู่เหมือนกัน ว่าเวลาเราพิม์ และเรียบเรียง เราจะค่อยๆมองเห็น สิ่งที่มองผ่านไป เข้ามาเรื่อยๆ จนมีบางส่วน ที่ ไม่ต้องพิมพ์ ก็ได้คำตอบออกมาแล้ว ..ยูเรก้า นี่คงเป็นข้อดี ของการได้ระบาย การได้พูดๆๆๆ ออกมานี่เอง ถึงว่า คนยอมจ่ายเงินไปนั่งพูดให้นักบำบัดฟังเนอะ เราเคยมีช่วงอายุ22 เคยคบแฟนคนไทย นิสัยแฟนเหมือนของคุณfreedom of life ตอนนั้นเราเด็กมาก จนไม่รู้ ว่าการถูกตีกรอบ และไม่ได้เป็นตัวของตัวเองมันทรมานแค่ไหน รู้สึกแต่ว่ามันรู้สึกอึดอัดมากๆ ที่ยอมทุกอย่างเพราะถูกบ่วงของคำว่ารัก รัดจนแน่น เกินจะหายใจออกได้ ตอนเลิกกัน เราจะเป็นจะตาย(คลั่งรักตามวัย คิดถึงแล้ว เฮ้ออ ผ่านมานานจังเนอะ 55) เพราะผู้ชายต้องการคบแฟนเก่าด้วย และมีเราอยู่แล้วอีกคน .. นึกย้อนไปแล้วดีใจ ที่มีเรื่องให้เลิก ไม่งั้น กว่าจะรู้ตัว คงเสียเวลาไปมากมาย ...เราเข้าใจคุณ free of life คะ เสียดายติดต่อคุณ sweet ไม่ได้ ไม่งั้นจะขอให้เล่า เรื่องก่อนแต่งงานให้ฟัง คนเรากว่าจะมาถึงจุดของความสุขทุกวันได้ ย่อมมีเรื่องราวอยู่ข้างใน เผื่อเป็นจะแง่คิดดีๆ ให้น้องในห้องกันได้บ้างคะ จากคุณ : 37 - [ 2 ส.ค. 51 15:55:58 A:58.8.60.110 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณความปรารถนา และความเห็นที่ดี แสดงถึงจิตใจโอบอ้มอารีของคนไทยด้วยกัน จากเพื่อนๆในห้องนี้นะคะ เวลานี้ เรากลับมายืนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ปกติอีกครั้ง เห็นและมองโลกในวิถีที่เป็นตัวเราเอง ไม่สับสน ไม่งุนงงอีกแล้ว ทำงานต่อไป ก้าวเดินต่อไป และออกเดตต่อไปคะ (555 พลังใจสาวโสด) ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : 37 - [ 2 ส.ค. 51 16:02:28 A:58.8.60.110 X: TicketID:182133 ]

ความคิดเห็นที่ 102 แฟนเราก็เป็นต่างชาติเกษียณแล้ว ก็ไม่ได้ให้ตังค์เรา แต่ก็ซื้อของที่เราอยากได้ให้บ้าง แพงบ้างถูกบ้าง เขารู้จักใช้เงินน่ะค่ะ เวลาไปไหนด้วยกันเขาก็ออกตลอด ก็เกรงใจนิดหน่อยแต่ว่าเราเงินเดือนน้อยกว่าเขาเยอะ จากคุณ : พายองุ่น - [ 13 ส.ค. 51 19:17:43 ]