|
เรื่องเล่าของผู้ชายคิดบวก THE END{แตกประเด็นจาก H6667716}
++++++++++++++++++THE END++++++++++++++++++++
วันปีใหม่ที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมมีนัดกับหลินเพื่อนทานข้าวด้วยด้วยกันเนื่องในโอกาสพิเศษ และเราต่างไม่ได้ของขวัญใดๆ ให้กัน นอกจากทานข้าวทานเล็กๆ ข้างทางด้วยกันเพียงสองคน หลังทานข้าวเสร็จ หลินเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนหวานของเธอ... และเป็นครั้งแรกที่หลินเธอยื่นมือมาจับมือผมก่อน
ตัวเล็กค่ะ...หลินขอบขอบคุณตัวเล็กนะค่ะที่ตัวเล็กเป็นคนดีที่เสมอต้นเสมอปลายกับหลินมาโดยตลอด ปีใหม่ปีนี้ หลินไม่มีสิ่งของใดๆ มาเป็นของขวัญ ให้ตัวเล็กนะ แต่หลินมีเพียง ความลับในใจที่แน่ใจแล้วมาบอกตัวเล็กค่ะ
ผมหันหน้ามองหลินและยิ้มให้เธอและไม่อยากพูดใดๆ เกรงจะขัดจังหวะหลิน...
หลินมีคำตอบมาบอกตัวเล็กแทนของขวัญวันปีใหม่ จากนี้ต่อไปหากมีใครถามหลินว่ามีแฟนหรือยัง หลินจะขอตอบว่า ตัวเล็กคือแฟนหลิน ตัวเล็กจะไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทอีกต่อไปนะค่ะ
เธอพูดเสร็จเราสองสบตากันเบาๆ โลกของผมเป็นสีชมพูอย่างแท้จริง หลินเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของผมเธอทำให้ฝันของผมเป็นความจริง
ขอบคุณครับหลิน ผมรักหลินรักครับ ผมบอกรักเธอด้วยหัวใจที่มั่นคง ปราศจากความคลางแครงใดๆ อนาคตของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อผมกับหลิน มีความรู้สึกและความเข้าใจที่ตรงกัน...ผมจึงพบคุณค่าความรักอย่างแท้จริง ว่ารักแท้นั้นไม่ใช่ ของเล่นที่ซื้อหามาโดยง่าย ความรักต้องซื้อด้วยหัวใจและความรักอย่างแท้จริง....
ความรักของผมกับหลินจึงเปลี่ยนสถานะตั้งแต่ปีใหม่ปีนั้น ผมเริ่มวางแผนอนาคตต่อทันที เมื่อเรียนจบปริญญาโท ผมตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อทำงานที่ใหม่ให้มีรายได้ที่สูงขึ้น เตรียมสร้างครอบครัวกับหลิน ขณะเดียวกันก็อยากศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกเพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัวเราในอนาคต....
ครอบครัวของหลินนั้นเป็นครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน 100% มีบ้านอยู่ย่านสุขุมวิท มีคุณปู่คุณย่า ที่ย้ายจากฮ่องกง มาตั้งรกรากและทำธุรกิจที่เมืองไทย จนครอบครัวเธอมั่นคง ขณะที่ผมเองเป็นเพียงลูกชาวนาจนๆ ที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ แม้ผมจะมีเลือดนักสู้เต็มหัวใจ แต่ผมก็กังวลอยู่ลึกๆ ผมห่วงความรู้สึกหลิน หากเราจะต้องมีอนาคตร่วมกัน หรือต้องแต่งงานกัน...ผมมิต้องการให้ใครๆ มองแฟนของผมว่า คบกับใครก็ไม่รู้ ไม่มีอนาคต..และไม่มีปึกแผ่น แบบนี้ผมจะคู่ควรกับหลานสาวคนโต ของคุณปู่หลินได้อย่างไร...
โดยเฉพาะหลินเองเคยเปรยให้ได้ยินว่า ที่บ้านคงไม่ให้หลินแต่งงานหรือมีครอบครัวเป็นแน่หากเรายังไม่มีความมั่นคงในชีวิตพอ อย่างน้อยเราก็ควรมีการงานที่มั่นคงและบ้านช่องที่เป็นหลักเป็นฐาน. คำพูดหลินทำให้ผมกลับมาคิดอย่างหนัก
โจษท์ข้อนี้ของ ผมมันช่างยากจริงๆ ครับ ในขณะที่ความฝันขั้นต่อไปคืออยากเรียนต่อปริญญาเอกให้จงได้
หลังเรียนจบผมจึงมุ่งมั่นสอบเข้าทำงานที่ใหม่เพื่อรายได้ที่สูงขึ้นและได้ตำแหน่งงานใหม่ในระดับวุฒิปริญญาโท แล้วผมก็ทำได้ครับ แน่นอนรายได้ผมเพิ่มขึ้น แต่ทว่าก็ยังคงไม่พอที่จะซื้อบ้านหลังเล็กๆ ของครอบครัวใหม่เราแน่นอน และผมเองก็คิดไม่ตก หากผมมีครอบครัวจริงๆ ผมคงไม่สามารถเรียนต่อปริญญาเอกได้อย่างแน่นอน ผมกับหลินก็อายุมากขึ้น ใกล้เลขสามขึ้นทุกขณะ ผมจึงเก็บโจทษ์นี้ไว้ในใจผู้เดียว และเริ่มกลับมาทำงานอย่างหนักอีกครั้ง นอกจากทำงานประจำแล้วตอนกลางคืนผมกลับไปเป็นดีเจวิทยุ อีกครั้ง 3ทุ่ม -เที่ยงคืน และรับงานโทรทัศน์โดยเป็นพิธีกรโทรทัศน์อีกทางหนึ่งเพื่อที่จะทำให้ฝันของผมเป็นจริงให้เร็วยิ่งขึ้น...แต่หลินเองเธอก็รู้ว่าผมเองก็อยากเรียนต่อปริญญาเอก และเธอไม่อยากให้ผมทำงานหนักจนเกินไป หลินเองก็มุ่งมั่นนอกจากทำงานประจำแล้วเธอก็สอนพิเศษจนเรียกได้ว่า จันทร์ยันอาทิตย์ เราทั้งคู่ทำงานแข่งกับเวลากันจริงๆ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน การท่องเที่ยวหรือโรงหนังเราทั้งคู่ไม่เคยรู้จักนานแล้ว
ครั้งหนึ่งผมเคยพาหลินขับรถไปดูบ้าน ตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อดูว่าเราต่างชอบบ้านแบบไหน เทียบราคา และความเป็นไปได้ อยู่หลายครั้งจนเหนื่อย และหลินเองก็บอกผมว่า หลินไม่อยากดูแล้วล่ะ เพราะดูไปเราก็คงไม่สามารถซื้อได้ และตัวเล็กเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตดี จะมีครอบครัวหรือจะเรียนต่อ หลินเธอเริ่มล้ากับชีวิตคู่ของเราสองอีกครั้ง.ผมเองก็เหนื่อยไม่แพ้กัน.ผมถามหลินในวันหนึ่ง...
แล้วบ้านในฝันของหลินเป็นอย่างไรเหรอ หลินไม่ค่อยกล้าฝันหรอกค่ะตัวเล็ก ถ้าเราฝันแล้วมันไม่สมหวังจะเสียใจเปล่าๆ หลินตอบ ตัวเล็กถามความฝันของหลินนี่ ไม่ได้ถามหาความหวัง แค่อยากรู้เฉยๆ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราฝันอะไรนี่ครับ ผมปลอบใจเธอ
อืม ถ้าเป็นจริงได้ หลินอยากได้บ้าน เดี่ยวหลังเล็กๆ มีสนามหญ้าบ้านไว้ให้ปลูกต้น และสงบเงียบ น่าอยู่ มีสระว่ายน้ำด้วยก็คงจะดี เหมือนหมู่บ้านที่เราไปดูครั้งก่อนน่ะ ถ้าได้แบบนั้นก็ดีนะหลินชอบค่ะ...อุ๊ย!!! หลินฝันมากไปหรือเปล่านี่ เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ! หลินเป็นคนชอบอยู่กับความจริงมากกว่าอย่าไปฝันมันมากเลย เธอรีบตัดบท
ครับไม่พูดก็ได้ ผมบอกเธอเสียงอ่อยๆ ต่อไปตัวเล็กอย่าชวนหลินไปดูบ้านอีกนะ หลินไม่อยากดูแล้ว เธอพูดต่อ ทำไมล่ะ ผมถาม เอาไว้เราพร้อมมีงินจริงๆ ก่อน ค่อยว่ากัน ดูไปก็เท่านั้น เหนื่อยกับการวิ่งตามฝันน่ะคะ เธอตอบผมเองก็เห็นด้วยเราจึงไม่เคยคุยกันเรื่องซื้อบ้านอีกเลย ผมจึงเล่าให้เธอฟังเฉพาะเรื่องผมสมัครสอบ ทุนทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อหาทุนเรียนต่อ.....
ขณะเดียวกันผมก็อยากสร้างฝันให้เป็นจริงและเอาความฝัน แปรมาเป็นพลังทำให้ผมสามารถทำงานได้อย่างหนัก โดยที่มีความฝันคือปลายทางขณะที่คนรักคือกำลังใจ....ผมจึงทำงานหนักอย่างต่อเนื่องและประหยัดอย่างสม่ำเสมอหลินเอง ก็เป็นกำลังใจให้ผมป็นอย่างดี เพราะเรามีความรักให้กันอย่างแท้จริงครับ....
จากคุณ :
ผู้ชายคิดบวก
- [
22 ก.ค. 51 16:48:21
A:10.226.7.172 X:203.185.131.3 TicketID:172270
]
|
|
|
|
|