ความคิดเห็นที่ 1 ตัวเล็กยังไม่คลอดน่ะค่ะ แต่เคยลองคุยๆกับแฟนดู เค้าบอกว่าไม่อยากให้ ลูกไปเนิสเซอรี่ เพราะว่ายังเล็กเกินไป อยากให้รอเข้าอนุบาลเลย ดิฉันเคยทำงานกับเด็กๆก่อนที่จะท้อง คุณแม่ที่ทำงานนอกบ้านก็จะเอาเด็ก มาฝากเนิสเซอรี่ รู้สึกว่าการฝึกให้เด็กอยู่ร่วมกันดีนะคะ เป็นการสร้างวินัย และพัฒนาการให้เด็ก (แต่ดิฉันไม่ได้คุมเด็กเล็กโดยตรง ครูคนอื่นรับผิด ชอบส่วนนี้) เด็กจะรู้ว่าเค้าเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้ ไม่งั้นจะไม่มีเพื่อนเล่น แล้ว ทางเนิสเซอรี่ก็สอนให้เด็กเรียนABCด้วยค่ะ (ไม่เน้นภาษาอังกฤษนะคะ สอน นิดๆหน่อยๆเท่านั้น) มีfinger plays สอนศัพท์ง่ายๆ แบบวัน/สี/อากาศ แล้วก็ ทำท่าทางประกอบเพลงเด็กภาษาอังกฤษ นอกจากนี้เห็นครูสอนเด็กทำพวกcraftworkอย่างง่ายๆ แล้วก็ปลูกต้นไม้ด้วย ค่ะ ส่วนตัวรู้สึกว่าเอาเด็กเข้าเนิสเซอรี่ก็ดีเหมือนกันนะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 07:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ เรื่องสามารถแก้นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ขอบคุณคุณ ฟัดจ์ มาก ๆ นะคะ ขอให้คลอดง่าย แข็งแรงทั้งแม่และลูกนะคะ จะให้เข้าเมื่อไหร่ดีน้า คือถ้าให้เข้า จะเหงา และเป็นห่วงไหมน้า ยิ่งที่ญี่ปุ่นมีคดีลักพาตัวเด็ก เยอะขึ้นทุกวัน แต่สักวันก้อต้องให้ลูกเข้าโรงเรียนอยู่ดีเนอะ เอาไงดีน้า จากคุณ : patiaey (patiaey) - [ 25 ก.ค. 51 08:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพิ่งให้ลูกเข้า เนอสเซอร์นี่ได้ประมาณเดือนนึงแล้วค่ะ ตอนเข้าอายะขวบกับสิบเดือน แล้วก็ไปแอบดูค่ะ เหมือนที่คุณ fudge-a-mania เค้าเริ่มเรียนรู้ ว่าอะไรได้ได้ สอนให้ทานอาหารเอง เล่นกับเพื่อน แย่งของเพื่อนไม่ได้ เล่นทราย เล่นดินนำมัน เล่นสนาม ส่วนตัวแล้วก็คิดว่าการไปเนอสเซอรรี่ เป็นทางเลือกที่ไม่เลวทีเดียว ลูกได้ออกสังคม ร้องเพลง ดีกว่าอยู่บ้าน ดูแต่ทีวี เหงาๆกับแม่สองคนน่ะค่ะ ที่สำคัญลูกเริ่มพูดมากขึ้น จำคำพูดจากเซนเซมาพูดน่ะค่ะ ที่อยากให้ไปเพราะลูกพูดช้านี่แหละค่ะ เพราะแม่ก็พูดน้อย ทั้งๆที่ตัวเอง เคยคิดว่า จะไม่มีทางส่งลูกไปเนอสเซอรรี่เด็ดขาด เพราะเราเองก็ไม่ได้ทำงาน เลี้ยงเองได้ รอไป รร.ทีเดียวเลยดีกว่า มันหลายมุมมองน่ะค่ะ จากประสบการณ์ของตัวเอง ประมาณเกือบสองเดือน ถือว่าโอเคทีเดียวค่ะ ไปแค่ สามวันต่อสัปดาห์ ลืมบอก ลูปไป เนสเซอรี่ญี่ปุ่นในไทยนะคะ อยู่ที่ไทยค่ะ ข้อเสียที่พบ คือ ลูกเป็นหวัดบ่อยเพราะติดจากเพื่อน่ะค่ะ จากคุณ : แม่อิหนู (bigbuta) - [ 25 ก.ค. 51 09:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ของลูกๆ ที่บ้านนี้ ตอนลูกสาวอายุได้ 8 เดือน ก็ไปเนิร์สเซอรี่ทุกวันค่ะ ตอนนั้น แม่กลับไปเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ดรอปไว้ช่วงคลอด คือไปต่ออีกหนึ่งเทอมให้จบหลักสูตรหนึ่งปี พอดีว่า เนิร์สเซอรี่อยู่ในที่ทำงานพ่อ เช้าก็ไปกับพ่อ เย็นก็กลับกับพ่อ สบายๆ    แต่ว่าสัมภาระของลูกจะเยอะ เหมือนกัน   ทั้งที่นอนและอุปกรณ์การกิน รวมถึงอาหารด้วย เพราะว่า เป็นเนิร์สเซอรี่เล็กๆ ในที่ทำงาน  เขาจะไม่มีการเตรียม อาหารให้ ส่วนลูกชาย  ไปโิฮฮิคุเอ็นตอนขวบกว่าๆ   แต่ไปแค่อาทิตย์ละวันนะคะ เป็นวันที่แม่ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นและแอบไปเรียนว่ายน้ำด้วยค่ะ ค่าใช้จ่ายคิดเป็นรายวัน  วันละ 1800 เยน  ซึ่งคิดว่ารับได้ค่ะ     โฮฮิคุเอ็นของเมืองเขาให้สิทธิ์แม่ที่ทำงานก่อน   รับเด็กได้จำกัดมาก  แต่ตอนนั้นไปคุยแล้วเขาให้ สิทธิ์พิเศษถือว่าการเรียนภาษา สำหรับแม่ต่างชาติเป็นสิ่งจำเป็น  ก็เลยโชคดีไปค่ะ โฮฮิคุเอ็นของเมืองดีมากๆ  ค่ะ มีกิจกรรมโน่นนี่เยอะ  มีอาหารมื้อเที่ยง อาหารว่าง ที่ปรุงที่นั่นเลย   (ดีกว่าอาหารที่แม่ทำให้กินเยอะเลย) การที่ลูกได้ห่างจากแม่บ้าง  แม่ได้ห่างจากลูกบ้าง ในเวลาไม่กี่ชม. คิดว่ามันดีกับทั้งแม่ ทั้งลูกด้วยเหมือนกันค่ะ จากคุณ : วดี - [ 25 ก.ค. 51 09:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลูกชายไปอยู่เนอสฯแบบเต็มวันตั้งแต่แปดโมงยันหกโมงตั้งแต่ขวบสองเดือนค่ะ เป็นการจับไปอยู่ฉุกเฉินไม่ได้เตรียมสภาพจิตใจลูกเลย ตอนเลี้ยงเค้าตั้งแต่แรกเกิดก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีเหตุผลอะไรที่จะเอาลูกเข้าเนอสฯนะคะ เป็นแม่บ้านเฉยๆ แล้วก็สนุกกับการเลี้ยงลูกมาก พอท้องสองได้สี่อาทิตย์ ก็แพ้ท้องมาก ร่างกายขาดน้ำเฉียบพลันก็เลยไปอยู่โรงพยาบาล(รอบแรก)สองอาทิตย์ รอบสองก็อีกสองอาทิตย์ ที่ลักปิดลักเปิดเข้าๆออกๆเพราะห่วงลูก ขอหมอกลับบ้าน ช่วงที่มานอนรพ.ก็ทำให้ลูกหย่านมแม่ไปโดยปริยายด้วยค่ะ เพราะไม่ได้เตรียมปั๊มเก็บไว้เลย โชคดีที่ลูกไม่ร้องงอแงเรื่องไม่มีนมแม่กิน จะหนักก็ตอนเค้าต้องปรับตัวในเนอสอ่ะค่ะ พ่อไปส่งทุกเช้าก่อนไปทำงานก็ร้องไห้อยู่สามอาทิตย์เลย แผนเก่าที่วางไว้คือพอตัวเองหายแพ้ท้องจะเลิกให้ลูกไปเนอสฯ แต่ปรากฏว่าดันแพ้ยันคลอด เลยอยู่ยาวต่อเนื่อง คราวนี้พอคลอดน้องเสร็จ ทุกอย่างลงตัว พอจะเอาออก ลูกดันถึงวัยอยากมีสังคมอยากมีเพื่อน วันหยุดไม่ได้ไปเนอสจะนั่งคุยเรื่องเพื่อนตัวเองอย่างโง้นอย่างงี๊ ข้อดีของการไปเนอสคงเป็นเรื่องเด็กได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นนะคะ แล้วก็ช่วยตัวเองได้เร็วกว่าเด็กอยู่กับแม่ทั้งวัน แต่ทั้งหมดไม่จำเป็นต้องไปเร่งเด็กหรอก ยังไงๆพอโตขึ้นเดี๋ยวเค้าก็ทำได้เหมือนๆคนอื่นน่ะแหละค่ะ ลูกฮัทจะโดนทักบ่อยว่าเป็นเด็กสองขวบ เพราะเค้าพูดเก่งมากกกกกกก มีหยุดพูดก็ตอนหลับ ขนาดกินยังพูดไม่หยุดเลย แล้วก็รู้ศัพท์เยอะ มากกว่าแม่มันอีกมั๊ง แต่ข้อเสียคือเด็กจะป่วยง่ายค่ะ เหมือนไปโรงเรียนน่ะแหละ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะคะ ยังไงเด็กเล็กก็ยังต้องค่อยๆสร้างภูมิต้านทานไปเรื่อยๆ ข้อเสียอีกข้อคือถ้าแม่ไม่ได้ทำงาน ลูกก็จะต้องเข้าเนอสฯของเอกชน ซึ่งแพงมากค่ะ กลายเป็นว่าบ้านมีรายรับเท่าเดิมแต่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมโหฬาร ทั้งๆที่เด็กวัยนี้จะมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเด็กที่ต้องไปโรงเรียนนะ   ถ้าเลือกได้ฮัทไม่ส่งลูกไปเนอสฯตั้งแต่เค้ายังเล็กแบบนั้นนะคะ ถ้าจะส่งคงเป็นช่วงขวบครึ่ง ไปแบบช่วงเช้าสี่ห้าชั่วโมงแล้วรับกลับมาเล่นกับแม่ต่อ อาทิตย์ละสามสี่ครั้งก็น่าจะพอ เวลาที่เหลือก็พาลูกออกไปสวนสาธารณะมั่ง สนามเด็กเล่นมั่ง เหนื่อยกว่าฝากที่เนอสฯแต่เราได้มีเวลาร่วมกับลูกนี่มีความสุขกว่าเหนื่อยกายอ่ะค่ะ ตอนนี้ลูกคนโตไปอยู่เนอสฯ เวลาคนน้องหลับนี่แม่มันนั่งคิดถึงคนโตมาก บางวันดูรูปเค้าช่วงที่ฮัทไม่ได้มีกิจกรรมร่วมกับเค้าเลย(ประมาณเจ็ดเดือน)น้ำตาตกอ่ะ รออีกสองเดือนให้ตัวเล็กคอแข็ง ฮัทก็จะเลิกให้ลูกไปอยู่เต็มวันแบบนี้แล้วค่ะ จะให้ไปแค่อาทิตย์ละสามวันแล้วที่เหลือก็จะพาลูกไปไหนต่อไหนเองดีกว่า รอให้ลูกเข้าอนุบาลเถอะค่ะ ปีนึงผ่านไปไวมาก เดี๋ยวพอลูกมีเพื่อนนะ มันไม่เอาแม่หรอก พูดจริงๆ เวลาเรียกคืนมาไม่ได้อ่ะค่ะ เข้าใจว่าเด็กพ้นขวบไปนี่เลี้ยงเหนื่อยมากๆ สู้รบปรบมือกันทั้งวันนี่ บางวันอยากหักคอจิ้มเกลือไปหลายทีเหมือนกัน วัยใกล้สองขวบยังไงก็ต้องพาออกไปเจอเด็กรุ่นๆเดียวกันบ้างนะคะ ลองสอบถามที่เขตหรือไม่ก็เพื่อนบ้านว่าละแวกแม่ลูกเล็กเค้าซ่องสุมกันที่ไหนบ้าง ง่ายๆก็พาไปสวนสาธารณะก่อนก็ได้ ยังไงก็ต้องได้เจอแม่พาลูกมาเล่นอ่ะค่ะ เริ่มชวนคุยกับเด็กๆก่อนเดี๋ยวแม่เค้าก็มาคุยด้วยเองแหละ ถ้าจะพาเข้าเนอสฯก็เลือกให้ดีๆ แต่ไม่มีที่ไหนปลอดภัยและอุ่นใจที่สุดเท่ากับการได้อยู่ในสายตาคนเป็นแม่หรอกค่ะ จากคุณ : Hatsu - [ 25 ก.ค. 51 09:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก้อยก็ส่งลูกชายเข้าเนิสตอนขวบแปดเดือนค่ะ  ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะไม่มีเวลานะคะ ตัวเองก็ออกจากงานแล้ว แต่ให้ลูกไปเพราะอยู่บ้านก็ชอบดูทีวี เล่นไปเรื่อยเปื่อย เลยพาไปเนิสกะลูกชายเพื่อนบ้านอีกคน เป็นเพื่อนกันไปค่ะ ข้อเสียของการส่งลูกไปแต่ยังเล็กคือ ลูกไม่สบายบ่อยค่ะ  เป็นหวัดบ้าง ไข้สูงบ้าง  ลาหยุดเป็นว่าเล่นค่ะ  แม่เหนื่อยกว่าอีกค่ะ ต้องคอยดูแล  หนักสุดก็เข้ารพ.สามคืน   มือเท้าปากเนี่ย เป็นสองครั้งแล้วค่ะ มาที่ญี่ปุ่นก็ติดมาจากเพื่อนที่อนุบาลค่ะ ข้อดีคือ แม่มีเวลามากขึ้น คลายเครียดได้มาก มีเวลาทำโน่นนี่ให้ลูกค่ะ เช่น อาหารว่าง อาหารเย็น เด็กๆที่ไปรร. ครูจะเล่านิทาน ร้องเพลง กินข้าวให้หมดจานกินแล้วเก็บเอง  นอนกลางวันเอง ตอนนี้คนโตปิดเทอมค่ะ เลยพาไปเข้ากิจกรรมรร.อนุบาลรัฐใกล้บ้าน อาทิตย์ละวันค่ะ เช้าถึงเที่ยง พอดีมีลูกสาวเล็กๆด้วย เลยได้เพิ่มเป็นอีกช่วงอายุค่ะ ได้ไปสองวันเลย  มีขนมกินด้วย ของเล่นเยอะแยะค่ะ  แบบนี้ก็สนุกดีนะคะ  ส่วนวันที่เหลือที่อยู่บ้าน  ทำเหมือนโฮมสคูลค่ะ  สอนภาษา  สอนระบายสี เล่นน้ำ เดินสำรวจ ไปซูเปอร์สอนชื่อผัก  ทำแพนเค้กกิน น้ำแข็งใสกิน  ใช้เวลาไม่นานค่ะ เดี๋ยวเบื่อก่อน   ระดับเนิสก็แพงพอสมควรนะคะ แถวบ้านก็สี่หมื่นเยนแน่ะ  ลูกได้สังคมหรือเปล่า...ก็ไม่ได้มากขนาดนั้นนะคะ แต่รู้จักการทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม แล้วแต่นิสัยเด็กด้วยค่ะ  ตอนลูกชายคนโตไปเนิสก็เหมือนเดิม เล่นอะไรตามใจฉัน พาเต้นก็ยืนเฉย พาร้องก็หุบปาก แต่ดีขึ้นมากตอนสี่ขวบที่เข้าอนุบาลนี่ค่ะ  ดีขึ้นเยอะค่ะ รู้มากขึ้น เรียนมากขึ้น จากคุณ : Mnki - [ 25 ก.ค. 51 11:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาเก็บข้อมุลค่ะ กระทู้นี้ดีนะคะ ได้ไอเดียเยอะแยะเลยสำหรับคนมีลูกเล็กค้า จากคุณ : zuling68 - [ 25 ก.ค. 51 11:59:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาอ่านเรื่องเนอสเซอรี่ของเพื่อนๆ เพราะเลี้ยงลูกเองยันสามขวบถึงส่งเข้าอนุบาล ก่อนที่เค้าจะเข้าอนุบาลในแต่ละวันจะพาเค้าไปเล่นที่สวนสาธารณะ หรือห้างที่มีสถานที่ให้เด็กเล่น สอนให้เค้ารู้จักทักทายและเล่นกับเด็กคนอื่น แต่พอเค้าเข้าอนุบาลรู้สึกว่าจะมีพัฒนาการที่ดีกว่าอยู่กับแม่สองคน จากข้อมูลคุณแม่ท่านอื่นการที่ลูกไปเนอสเซอรี่คงน่าสนุกและดีกว่าสำหรับเด็กๆ จากคุณ : morinaga - [ 25 ก.ค. 51 12:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาเก็บข้อมูลค่ะ เพราะจะให้ลูกเข้าเนอสปีหน้าเหมือนกันค่ะ จากคุณ : แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan) - [ 25 ก.ค. 51 13:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จริงหากมีแม่ๆในห้องนี้อยู่ในเขตใกล้ๆกัน และอายุลูกๆรุ่นราวคราวเดียวกัน อยากจะแนะนำให้เวียนบ้านกันจัดเนิร์สเซอรี่ซะเลย (จะทำได้มั้ยน้า) แต่ต้องทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่แบบแม่ๆมานั่งกินและเม้าท์กันแล้วปล่อยให้ เด็กเล่นกันเอง แต่กำหนดเป็นscheduleเลยว่าคราวไหนๆจะสอนอะไร จะ เรียนอะไร โดยดูจากความถนัดของคุณแม่แต่ละคนเป็นหลัก เพราะเท่าที่อ่านความเห็นข้างบน ดูเหมือนเด็กจะป่วยบ่อยจากเนิร์สนะคะ (เนิร์สที่ตัวเองรู้จักไม่รู้ว่ามีปัญหานี้บ้างหรือเปล่า) พอดีเนิร์สที่ดิฉันเคยอยู่ไม่ ได้มีเด็กมากน่ะค่ะ เป็นทั้งเนิร์สและโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก (อายุ4 ขวบ-ถึง 8 ขวบ ตอนที่ดิฉันสอน) ส่วนเนิร์สเห็นจะมีเด็กคราวละ 5-6 คนเองไม่เกินนี้ แต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว เพราะเด็กเล็กน้อยลงทุกที พอขึ้น อนุบาลหมด เจ้าของก็ตัดสินใจยุบส่วนนี้ทิ้ง (เจ้าของมีกิจการหลายอย่าง) - เด็กจะเอาปิ่นโตมาเอง แต่ทางเนิร์สจะมีขนมให้ช่วงหลังจากตื่นนอน - แม่ๆต้องเอาdiapersมาทิ้งไว้ที่เนิร์ส เพราะครูจะเป็นคนเปลี่ยนให้เด็กทุก ครั้ง (เด็กที่ฝากที่เนิร์สนี้ ฝากกันประจำเป็นรายเดือนเลย เพราะแม่ทำงาน) - ครูจะฝึกวินัยให้เด็ก(สอนให้ล้างมือด้วยสบู่ก่อนทานข้าว สอนให้เช็ดมือให้ แห้ง...โดยที่เด็กแต่ละคนจะมีผ้าขนหนูแขวนไว้ของใครของมัน สอนเข้า ห้องน้ำ สอนให้รู้จักทานข้าวเอง...ก่อนทานข้าวจะต้องพูดว่า "อิตะดาคิมัส" ทานเสร็จก็ต้องพูดว่า "โกจิโซซามะ เดชิตะ" สอนให้เด็กรู้เวลานอนกลาง วัน...ก่อนนอนครูจะอ่านหนังสือให้ฟัง ฯลฯ) และสมาธิ-พัฒนาการให้เด็ก (จะมีกิจกรรมที่เด็กได้กระโดดโลดเต้น เช่น เล่นเกมส์ เต้นประกอบเพลงเด็ก ภาษาอังกฤษ ปลูกต้นไม้ ออกไปเดินเล่นสวนสาธารณะ และกิจกรรมที่นั่ง โต๊ะ แบบทำcraftworks) * ทำcarftworksนี่เอาดิฉันทึ่งมาก ไม่เคยได้ดูว่าครูสอนเด็กยังไง เพราะเป็น คลาสช่วงเช้า ดิฉันเริ่มทำงานบ่าย 3 -6 โมงเย็น ไปถึงก็เห็นของเด็กแต่ละ คนโชว์หราติดป้ายชื่อไว้แล้วค่ะ บางทีดิฉันก็ยืมไอเดียของครูคนอื่นมาให้ เด็กในคลาสตัวเองทำเหมือนกัน ขี้เกียจคิดเอง ฮ่า....แล้วครูจะพยายามสอน เด็กทำcraftworksมาจากของที่recycleค่ะ เช่น แกนกระดาษทิชชู่ pet bottle กระดาษหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ดูตัวอย่างนะคะ อันนี้คลาสเด็กของดิฉันอายุ 5 ขวบ themeของอาทิตย์นั้น คือ "เมื่อโตขึ้นอยากเป็นอะไร" ก็เอาถุงกระดาษสีน้ำตาล แล้วให้เด็กมาวาดหน้า วาดเครื่องแบบที่ตัวเองอยากเป็นเมื่อโตขึ้น ระบายสี (แต่เราต้องคอยดูไปด้วย ให้คำแนะนำเค้าไปด้วย) เด็กของดิฉันไม่ใช้เด็กเล็กแบบเนิร์สนะคะ ปล. จัดหน้าใหม่ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 51 13:36:15 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 51 13:34:52 จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 13:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พี่ฟัด ไอเดียเริ่ดมากเลยค่ะ ชอบจังไอเดียนี่ มาก ๆ เลย จากคุณ : แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan) - [ 25 ก.ค. 51 13:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้theme คือ Mother's Day ได้ไอเดียมาจากครูคนอื่นอีกเหมือนกัน (ลอกประจำ ฮ่า...) คือสอนให้เด็ก weaving เป็นกระเช้าให้เด็กไว้ใส่ดอกไม้ ให้แม่ มีสอนให้ร้อยลูกปัดทำสร้อยให้แม่ด้วยหล่ะ(แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้) คือสอนมา 3-4 ปี มันก็ต้องพยายามหามุขใหม่ๆมา ไม่งั้นเด็กเบื่อค่ะ แต่ก่อนจะสอนเด็ก ดิฉันจะทำไว้ก่อนอันหนึ่ง เพราะหากเราทำไม่ได้ เราก็ สอนเด็กไม่ได้ใช่ป่ะคะ อันที่ดูแล้วสวยที่สุด ดิฉันทำเอา ฮ่า... จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 13:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามมาดูไอเดียพี่ฟัด จากคุณ : แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan) - [ 25 ก.ค. 51 13:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น้องติ๊กค่ะ น้องติ๊กก็ทำได้ชัวร์ๆ(น้องติ๊กเก่งกว่าพี่ 10 เท่ามั้ง) เพียงแต่เรา ต้องจูงใจให้ลูกทำ คือ ยอมรับว่าสอนลูกตัวเองน่ะยากกว่าสอนลูกคนอื่น... แต่หากพยายามจริงๆ จะบอกว่าทำได้แน่นอนค่ะ อย่าคิดว่ามีแต่themeวันแม่นะคะ theme Father's Day อิช้านก็มี ครั่กๆๆ (ลอกครูคนอื่นตามเคย) จานใบที่วับแว้บน่ะของอิช้านเอง ของเด็กๆเอา กระดาษธรรมดาไป (เปลืองงบโรงเรียน) ฮ่า... จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 13:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อันนี้ theme ของเดือน คือ How's the weather today? ก็แบบสอนศัพท์ ง่ายๆค่ะ แบบ It's sunny. It's snowy. It's cloudy อะไรเงี้ย....ใครๆก็สอน ได้ใช่ป่ะคะ กลัวเด็กไม่จำ ก็เลยให้เด็กวาด+ระบายสี ตามสภาพอากาศที่เราพูด แต่เราก็ วาดเป็นไอเดียให้เค้าดูคร่าวๆ (แผ่นซ้ายสุด) ไม่ต้องกลัวเด็กลอกนะคะ แบบ เดี๋ยวจะเป็น ว้าย...copycat ไม่ได้ๆ คือ ยิ่งเด็กลอกได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี (โดยเฉพาะเด็กที่ยังเล็กๆ แล้วไม่มีไอเดียของพวกเนี้ย...แรกๆต้องให้เค้าดู แล้วทำตามเรา หลังๆเค้าถึงจะมีไอเดียของเค้าเอง) กระดาษแบบนี้...โหลดจากตามเวบสอนภาษาอังกฤษฟรีเลยค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 13:57:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เด็กอิชั้น 4-5 ขวบ ก็ถูกครูหน้ายักษ์(อิชั้นเอง) สอนเขียนชื่อตัวเองเป็น ภาษาอังกฤษแล้วค่ะ เพราะหากไม่ทำอย่างนั้น ตกงานลูกเดียวค่ะ เพราะ แม่ๆexpectationสูงมากๆ themeนี้ คือ halloween อันนี้ไอเดียดิฉันเอง ก็พริ้นท์skeletonออกมาจาก เวบภาษาอังกฤษ เอาหมุดยึดๆข้อต่อ เด็กชอบมากค่ะ (อะไรผีๆสางๆ) แล้ว ส่วนของโรงเรียน(เนิร์ส)ก็จะเตรียมลูกอมไว้ให้เด็ก trick or treat แล้วดิฉันก็เล่นบิงโกกับเด็ก แผ่นบิงโกเราทำเอง ให้เด็กเลือกว่าจะเอาแบบ A/B/C รูปภาพจะเรียงไม่เหมือนกัน...ครูสุดสวย(อิช้านเอง) ก็จะหยิบflash cardขึ้นมาขานศัพท์ที่เราสอนแบบ witch/jack o' lantern/mummy/haunted house ฯลฯ เด็กๆชอบเล่นเกมส์ค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 14:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ประดิษฐ์ประดอยทำได้อยู่ล่ะพี่ แต่จะสอนลูกได้หรือเปล่าละค้าเนี่ย... (ฮ่า...) จากคุณ : แม่น้องคะน้าจัง (Kana Jan) - [ 25 ก.ค. 51 14:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คือจริงๆ ที่เขียนมา ไม่เกี่ยวกับเอาลูกเข้าเนิร์สโดยตรงนะคะ แต่จะบอกว่า ของบางอย่างเราไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินซื้อแพงๆมา ก็สามารถฝึก พัฒนาการให้ลูกได้ แต่เราต้องมีใจที่จะสอนลูกค่ะ ตัวอย่างดิฉันมีแต่ภาษาอังกฤษ จริงๆจะทำเป็นภาษาไทยก็ได้นะคะ ใช้วิธี คล้ายๆกัน คือ ต้องให้เด็กได้สัมผัส ได้ลองทำด้วยตัวเอง ให้เค้ารู้สึกสนุกที่ ได้ทำ (แต่แม่ควรจะทำไปด้วยนะคะ) แรกๆหาthemeง่ายๆ แล้วมีกิจกรรม ร่วมกับลูก เราก็ฝึกทักษะให้เค้าได้อย่างง่ายๆแล้วนะคะ ปล. มีหนังสือสอนทำพวกcraftworkอย่างง่ายๆของฝรั่งน่ะค่ะ ดิฉันก็เปิดดู ประจำตอนอยู่โรงเรียน ต้องคิดการสอนล่วงหน้าว่าจะสอนอะไร (แต่ง่ายสุด คือก๊อปปี้ไอเดียครูคนอื่น ฮ่า...) ---------------------------------------------------------------------- ว่าแล้วก็ชวนจัดเนิร์สเซอรี่เวียนตามบ้าน แต่แม่ๆต้องใจแข็ง ที่จะสอนวินัยให้ ลูกจริงๆ ไม่งั้นไม่ได้ผลน่ะค่ะ ยกตัวอย่าง หากอยากสอนให้ลูกร้องเพลง แม่ ก็ต้องร้องให้ลูกฟัง ทำท่าทางประกอบการร้อง (อย่าไปเขินลูก) มีซีดีพวก สอนfinger playsพร้อมหนังสือขายด้วยนะคะ ของภาษาไทยไม่รู้ง่ะ (รู้แต่ว่า ภาษาอังกฤษมี กะว่าจะซื้อมาสอนลูกเหมือนกัน เพราะว่าที่เคยสอนนร.ตอน นี้เริ่มเข้าหม้อแล้ว) แล้วเราก็ประดิษฐ์ของ/รูปภาพเอง ควบคู่ไปกับเพลงนั้น.. เพื่ออธิบายให้เด็กเข้าใจความหมายของเพลงมากขึ้น ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ ลาไปด้วยบรรยากาศชวนวังเวง ร้อนมากเลย...ได้เวลาไปรีดไขมันอีกแล้วค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 ก.ค. 51 14:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อุ๊ย....กระทู้นี้สนุกมากค่ะ  ได้ข้อมูลและไอเดียเพียบเลยค่ะ ส่วนตัวยังไม่คิดเรื่องเอาลูกเข้าเนอร์สเลยค่ะ  พอมาอ่านทู้นี้แล้วสงสัย ต้องลองหาข้อมูลให้มากกว่านี้  เพราะตัวเองเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร แต่ตอนนี้ลูกก็ได้ขวบนึงแล้ว  ดูท่าทางแล้วแม่มันอาจจะเอาไม่อยู่ นิสัย บางอย่างร้ายกาจมากค่ะ  เด็กผู้หญิง จากคุณ : ตา (tukuta) - [ 25 ก.ค. 51 14:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาเก็บๆๆๆๆ เป็นไอเดียต่า จากคุณ : แม่บ้านณ.โตเกียว - [ 25 ก.ค. 51 17:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เราเห็นด้วยนะ เหมือนพาลูกไปลองชิมลาง การอยู่รวมกับคนอื่นว่าต้อง ทำอย่างไร ลูกเราชอบและเพลิดเพลินมากเลยนะคะ ก็เพิ่งพาลูกมาเข้าเตรียมอนุบาลที่ไทย เค้าชอบเล่นและทำกิจกรรม กับโรงเรียน ตอนนี้มาอยู่อาทิตย์ที่ 3 ลูกได้ภาษาไทยเพิ่มอีก 3-4 คำ และไหว้โค้งสวยเชียว ที่ว่าสวย ไม่ใช่ว่าลูกคนอื่นไหว้ไม่สวยนะคะ เพราะลูกชายไหว้ทีไรเหมือนถวายบังคมซะมากกว่าอ่ะค่ะ ครูสอนให้ ไหว้แบบก้มหัว รู้สึกค่ะ ว่าการสอนบางอย่างคนเป็นแม่ก็สอนไม่ได้ เพราะลูกกลัวและเชื่อคุณครูมากกว่า ยอมที่จะทำตาม แม่พูดไปเหอะ พูดจนเจ็บคอ มานนนก็ไม่ฟัง พอครูบอกหน่อย แหม ทำอย่างง่ายดาย มันก็เรื่องเดียวกะที่แม่สอนแม่บอกแร่ะ เรื่องไม่สบาย ต้องทำใจค่ะ เพราะส่วนมากลูกๆจะติดโรคมาจากโรงเรียน เราก็พยายามรักษาความสะอาด ให้ลูกล้างมือ บ้วนปากทุกครั้งที่กลับ มาจากนอกบ้าน ช่วยลดเชื้อโรคได้ ลูกเราเป็นหวัด เป็นไข้แค่อาทิตย์แรก ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว เหมือนร่างกายเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น แต่ก่อนจะฝากลูกไปที่ไหน คุณแม่ๆลองไปดูสถานที่ก่อนก็ดีนะคะ เรื่องความสะอาดก็สำคัญมาก เคยมีเพื่อนคนญี่ปุ่นที่อยู่หอเก่าเรา เค้าบ่นและชวนเรา เอาลูกไปฝากเนสฯ เพราะเค้าอยากมีเวลาส่วนตัว คลายเครียดบ้าง แต่เราไม่ได้เอาไปฝาก ก็มาเจอเค้าอีกครั้ง ตอนนั้นเค้าเอาลูกออกจากเนสฯแล้วเพราะลูก ไม่สบายบ่อยมากๆ และหนักทุกครั้ง เค้าทนไม่ไหวเลยตัดสินใจเอาลูก มาเลี้ยงเอง เพราะเวลาลูกไม่สบายมากๆ เค้าสงสารลูกจับใจ เค้าเล่าไปน้ำตาก็คลอไป  เก็บมาเล่าให้ฟังค่ะ ก็มีข้อดีและข้อด้อยปนกันไปอ่ะค่ะ แต่ตอนนี้เราชักติดใจเตรียมอนุบาล ที่ลูกเรียนอยู่ตอนนี้แล้วซิ ก็คุยกๆกะคุณสามี หากปีหน้าทางเขตแถวบ้าน ไม่รับลูกเข้าอนุบาลเพราะไม่ถึงเกณฑ์  ก็คิดว่าจะกลับมาไทยอีก ให้เข้าเตรียมที่นี่ไปซะปี รอเข้าอนุบาลญี่ปุ่น เมื่อลูกก้าวไปข้างหน้าเป็นสเต็ปๆ เราก็จะสนุกไปกับลูก ได้เรียนรู้อะไร หลายๆอย่างจากลูก ยิ่งลูกเราเริ่มเข้าสังคม เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่น มันลุ้นนะ ว่าลูกจะทำยังไง ทำได้หรือป่าว  ได้แอบดูลูกเวลาเค้าทำ กิจกรรมของโรงเรียน ก็ได้เห็นพัฒนาการของเค้า หัวอกคนเป็นแม่ก็แสนจะเป็นปลื้มอ่ะ จากคุณ : My first love - [ 25 ก.ค. 51 22:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอ้ โห สาระเพียบเลย โดยเฉพาะ fudge ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีความคิดสร้างสรรค์เยอะขนาดนี้ ฮิฮิ ความจริงไอเดียดีนะคะ เจอกันตามบ้านแล้วร่วมกันสอนเด็ก แต่พี่หลิงว่าจะหนักไปทางเมาท์กะกินซะเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสิบเปอร์เซ็นต์อาจจะได้สอนเด็กๆ หง่ะ เพราะแม่แต่ละคนช่างเมาท์เหลือเกิน เจอกันคงอดใจไม่ได้หรอกค่ะ แต่สื่อการสอนน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ แต่ท่าจะต้องฝากความหวังไว้ที่คุณครูมืออาชีพมากกว่ามั๊ง จริงๆ แอบเห็นด้วยเรื่องเรียนเนอส์เซอรี่นะคะ เพราะลูกจะได้เจอผู้คน โดยเฉพาะเด็กญี่ปุ่นในวัยเดียวกัน จากคุณ : zuling68 - [ 26 ก.ค. 51 14:24:13 ]