ความคิดเห็นที่ 1 ขอออกความเห็นนิดหนึ่งนะคะ... อย่าทำเองเลยค่ะ... เรื่อง EM เป็นอะไรที่ฮือฮาในเมืองไทยมานานหลายปีแล้ว นักวิจัยด้านชีวภาพก็แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย (สนับสนุนและคัดค้าน)...โดยส่วนตัวแล้วจากที่เคยอ่าน proposal และ research report เกี่ยวกับงานวิจัยนี้ ไม่เห็นด้วยกับการใช้น้ำปุ๋ยหมักชีวภาพตัวนี้เลยค่ะ ลองคิดดูนะคะ... ๐ คนที่คิดค้นเรื่องนี้เป็นคนญี่ปุ่น แต่ไม่สามารถขายในญี่ปุ่นได้ เพราะรัฐบาลเขา "ห้าม" ด้วยเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต (อาจจะเกิดในรุ่นลูกรุ่นหลานก็ได้ ถ้าไม่เกิดตอนนี้) ๐ สินค้าตัวนี้เป็นเหมือน "ยาครอบจักรวาล" (จากที่เขาโฆษณา) สามารถใช้กับต้นไม้, บำบัดน้ำเสีย, รักษาโรค (อันนี้สยองสุด)...จะเป็นได้อย่างนั้นหรือ? สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือสิ่งที่อาจจะตกค้างอยู่ในธรรมชาติหากนำไปใช้กับต้นไม้และบำบัดน้ำเสีย ๐ ดูเหมือนก็มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่อนุญาตให้ขายให้ใช้ได้ เพราะมีเรื่อง "พาณิชย์" โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งในรูปของให้ทุนวิจัย และอื่นๆ เพื่อผลออกมาคือ "สนับสนุนสินค้า" นี้...แต่นักวิจัยอีกกลุ่มที่ได้รับทุนจากรัฐบาลเหมือนกันก็ค้านเพราะผลงานวิจัยที่ออกมา ๐ แนะนำว่าหาข้อมูลเรื่องนี้ให้ดีๆ ก่อนนะคะ โดยเฉพาะดูให้ดีว่าที่อังกฤษเขาอนุญาตให้ใช้ EM หรือเปล่า? ไม่งั้นปัญหาจะตามมาเยอะค่ะ "Microbiology" ก็บอกอยู่แล้วว่า...เป็นอะไรที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น... จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 25 ก.ค. 51 21:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากนะคะคุณ bmw ที่เราอยากจะใช้ EM  เพราะเข้าใจว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ และไม่น่ามีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม  เพราะใช้กากน้ำตาลเป็นตัวการช่วยในการทำ  และวัตถุดิบอื่นๆ ก็น่าจะหาเอาได้จากพืช ผัก หรือผลไม้ที่เหลือจากการบริโภค   น่าจะเป็นการลดมลพิษ  และช่วยแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อนได้บ้าง   เพราะถ้าใช้ปุ๋ยเคมี  ปุ๋ยเคมีน่าจะมีผลเสียต่อธรรมชาติมากกว่า  เพราะมีสิ่งตกค้างหลังการใช้ จากคุณ : coffeenut - [ 26 ก.ค. 51 07:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จุลินทรีย์ในธรรมชาติ มีมากมายหลายชนิด มีทั้งดีและไม่ดี การนำจุลินทรีย์ มาใช้ประโยชน์ต่อมนุษย์มีเยอะแยะมหาศาล ตัวอย่างก็ ใช้ผลิตของกิน เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ไวน์ เบียร์ เหล้า กิมจิ การบำบัดน้ำเสีย เช่น การผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย มันครอบจักรวาล เพราะจุลินทรีย์เป็นคนละตัวกัน แต่ยารักษาโรคนี่ไม่เคยเจอ และไม่เชื่อด้วย EM ก็เป็นการนำจุลินทรีย์ในธรรมชาติมาเพาะเลี้ยง เพื่อทำให้เป็นปุ๋ย 1.ไม่ใช่เฉพาะที่ไทยเท่านั้น ที่อนุญาตใช้ 2. การเพาะเลี้ยง EM เพื่อการค้า ไม่น่าจะได้กำไรมาก เพราะถ้ามีเชื้อใครก็ทำได้ 3. คนใช้ EM เยอะ แน่นอนว่า ปุ๋ยเคมีก็ขายไม่ได้ ย่อมมีคนต้านเป็นธรรดา 4. ผมไม่เห็นว่าที่ญี่ปุ่นแบน EM จากคุณ : THE_NGAK - [ 26 ก.ค. 51 15:04:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยซื้อใช้เมื่อหน้าร้อนปีที่แล้วก็โอเคดีค่ะ อยู่เยอรมันเลยซื้อผ่านเน็ต ปะกี้แวะไปดูก็เห็นมีขายอยู่เลย ใน ebayเยอรมันก็เห็นขายด้วย คุณอยู่อังกฤษ ลองเสริทหาในกูเกิ้ลดูนะคะ จากคุณ : melanie - [ 26 ก.ค. 51 20:49:53 A:81.173.128.183 X: TicketID:181086 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากนะคะ  คุณ THE_NGAK และคุณ melanie จากคุณ : coffeenut - [ 27 ก.ค. 51 14:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 oรัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ห้ามขายemนะครับ คุณbmw เอาข้อมูลมาจากไหนครับ นั่งเทียนพิมพ์หรือครับ oควรเป็นห่วงยาฆ่าแมลง กับ ปุ๋ยเคมีมากกว่านะครับ คนกินก็ตาย ลงน้ำปลาก็ตาย ผมใช้บำบัดนำเสียที่วัดญาณเวศกวันมีแต่ดีขึ้น ไม่มีผลเสียอะไรเลยครับ http://www.chivavithee.net/images/materiali/article8.pdf นอกจากนี้กองทัพบกนำโดย พลตรีพิเชษฐ์ วิสัยจร ก็ใช้ช่วยชาวบ้านมา10 กว่าปีแล้ว การเคหะแห่งชาติก็ใช้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็ใช้ ถ้าจะระแวง ควรจะสงสัยพวก ดร.มหาลัยเกษตร มากกว่านะครับ รับเงินบริษัทปุ๋ยเคมีมาเท่าไหร่ ด้านการรักษาโรค ผมลองกินมาEM 2 เดือน รักษาได้แน่ๆโรคท้องผูกครับ การขับถ่ายดีมาก เหมาะกับคนเป็นริดสีดวงครับ ส่วนโรคอื่นๆ ต้องใช้ EM-X มีขายที่ญี่ปุ่นครับ ในชีวิตนี้ คุณ bmw ไม่เคยกิน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ยาคูลท์ ซีอิ๊ว กิมจิ ไวน์ เบียร์ น้ำส้มสายชู และขนมปังเลยหรือครับ ของพวกนี้ก็ใช้จุลินทรีย์ในการผลิตกันทั้งนั้น oเขามีใช้ 100 กว่าประเทศทั่วโลกครับ oคุณ bmw นั่นแหละครับ ควรหาข้อมูลเรื่องนี้ให้ดีๆก่อน เว็บไทย http://www.kasetkyusei.com http://www.emkyusei.com http://www.chivavithee.net ณี่ปุ่น http://emrojapan.com สหรัฐ http://www.emrousa.com/ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 51 13:12:22 จากคุณ : วุฒิกร แสงรุ่งเรือง (mean2523) - [ 28 ก.ค. 51 13:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากๆ นะคะคุณวุฒิกร แสงรุ่งเรือง (mean2523)  สำหรับลิ้งค์และข้อมูล เดี๋ยวจะเข้าไปอ่านในลิ้งค์ที่ให้มาก่อนนะคะ จากคุณ : coffeenut - [ 28 ก.ค. 51 15:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปุ๋ยชีวภาพหรือ em นั้นคือเชื้อจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตซึ่งช่วยย่อยซากพืชซากสัตว์ให้เร็วขึ้น กากน้ำตาลนั้นก็น่าจะเป็นแค่อาหารของจุลินทรีย์ ซึ่งตัว em นั้นไม่ใช่ปุ๋ย(เพราะเป็นจุลินทรีย์)ฉะนั้นต้องใส่ซากพืชซากสัตว์ให้ด้วย ซึ่งถ้าคุณมีเศษอาหารเหลือทิ้งก็เอามาหมักก็เป็นเรื่องดีช่วยกำจัดเศษขยะ คงพอได้ธาตุอาหารมาบ้าง ตามเศษอาหารที่คุณใส่ลงไปนะแหละ แต่ถ้าจะหวังได้อะไรเยอะแยะนั้นเราคิดว่าคงไม่ใช่ หากจะให้ได้ปริมาณธาตุอาหารเท่ากับปุ๋ยเคมีนั้น ต้องใช้ในปริมาณมากกว่าหลายเท่า(ต้องใส่เป็นตัน) แล้วยังต้องใช้เวลาในการย่อยสลาย ปุ๋ยเคมี นั่นเราว่าไม่น่าจะมีผลเสียต่อธรรมชาตินะ เพราะมันก็มีแค่ NPK ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแตสเซียม ซึ่งก็เป็นธาตุอาหารพืชธรรมดา พืชชนิดไหนก็ต้องใช้อยู่แล้วถ้าจะตกค้างก็น่าจะเป็นธาตุอาหารพืชที่ตกค้าง em ย่อยสลายมาก็ได้ NPK เหมือนกัน มากน้อยตามของที่เอามาหมัก เคยเซิทในเน็ตลองหาอีกทีหาไม่เจอแล้วเป็นงานวิจัย EM ที่มีผลต่อข้าวเจ้าแต่มันยาวมาก เลยตัดเอามาแค่บางส่วน ตามภาพด้านล่าง ซึ่งได้สรุปว่า ใช้หรือไม่ใช้ em ก็ไม่ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ :) แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 00:24:45 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 00:10:10 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 51 00:08:49 จากคุณ : Belljang - [ 28 ก.ค. 51 23:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 :) จากคุณ : Belljang - [ 28 ก.ค. 51 23:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 :P จากคุณ : Belljang - [ 29 ก.ค. 51 00:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ:belljang  ขอบคุณมากนะคะสำหรับบทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำ em จากคุณ : coffeenut - [ 29 ก.ค. 51 15:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อันนี้เว็บของอังกฤษนะครับ http://www.effectivemicro-organisms.co.uk สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำเอง ผมลองใช้ทั้งดูแลต้นไม้ บำบัดน้ำเสีย ซักผ้า ถูบ้าน ลองกินเอง ได้ผลดีทั้งสิ้นครับ ลองดูด้วยตัวเองเถอะครับ อนึ่งเวลาใส่ต้นไม้ถ้าจะให้ได้ผลดีเขาต้องเอาEMไปหมักกับ กากน้ำตาล รำ แกลบ มูลสัตว์เช่น ค้างคาว ไก่ วัว ดูวิธีทำได้ตามลิงค์ข้างล่างครับ คลิกตรงข้อความด้านซ้าย การประยุกต์ใช้EMแบบแห้ง การทำปุ๋ยหมักโบกาฉิ http://www.emkyusei.com/index1.htm How to make bokashi http://www.emamerica.com/index.php?option=com_content&task=view&id=28&Itemid=226 ถ้ามีเงินพอสั่งซื้อได้ที่เว็บ http://shopping.netsuite.com/s.nl/c.471963/it.A/id.161/.f?sc=2&category=-102 จากคุณ : mean2523 - [ 30 ก.ค. 51 12:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากนะคะ คุณ mean2523 สำหรับลิ้งค์ที่ให้มาทั้งหมด  เป็นความรู้ใหม่ๆ ที่เพิ่งได้ทราบ  อยากทำเองมากๆ ค่ะ  แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน  ได้ความรู้จากเว็ปที่เพื่อนๆ ให้มาทั้งหมดค่ะ   ตอนแรกยังทำเองไม่เป็นคงต้องสั่งซื้อมาใช้ก่อน  และเพื่อให้มีหัวเชื้อ Em เพื่อเป็นการเริ่มต้น ต่อไปถ้ารู้วิธีทำแล้ว  ก็จะเริ่มทำเองเพื่อเป็นการประหยัดและนำ้ำทรัพยากรที่เหลือมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ  สำหรับทุกๆ ลิ้งค์ที่แปะให้มา  เป็นองค์ประกอบความรู้ที่ได้รับจากเพื่อนๆในห้องนี้  ขอบคุณมากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 51 02:40:42 จากคุณ : coffeenut - [ 31 ก.ค. 51 02:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าคุณ coffeenut ชอบพวกน้ำหมักมีอีกผลิตภัณฑ์ เป็นของกรมพัฒนาที่ดิน เป็นเชื้อ พด.มีตั้งแต่1-10 แยกตามความเก่งของเชื้อ รายละเอียดแต่ละตัวดูได้ตามเวปนี้ค่ะ http://www.ldd.go.th/Lddwebsite/WEB_r07/Webstation/nan01/amazing/pordor.html ขอฟรีได้ที่กรมพัฒนาที่ดินทั่วประเทศค่ะมีแผ่นพับแจกรายละเอียดชื่อเชื้อและวิธีทำ แต่คุณ coffeenut อยู่ตั้งลอนดอน คงจะเสียค่าขนส่งซะมากกว่าละมั่งเนี่ย อิอิ ถ้าลำบากจะใช้ EM ก็ได้ค่ะ พวกปุ๋ยอินทรีย์ มูลสัตว์ รำ แกลบ ถ้าเอามาหมักก็ดีค่ะ ก็ย่อยสลายเร็วขึ้น (ใช้พด.1 ก็ได้) แต่ถึงไม่หมักเราว่าก็ได้ผลดีอยู่แล้ว เพราะอย่างขี้ค้างคาวนี่ก็เป็นปุ๋ยคอกที่ให้อาหารสูงที่สุดอยู่แล้ว และก็น่าจะได้หมักตัวในถ้ำมาอยู่แล้วส่วนหนึ่ง ดูได้จากตารางที่3.1ด้านล่าง(ปริมาณธาตุอาหารนี้ยังต้องรอการย่อยสลายก่อนจึงจะนำมาใช้ได้) จุลินทรีย์บางชนิด ช่วยตรึงในโตรเจนมาใช้ได้อย่างไรโซเบียม แต่ไม่รู้ EM มีหรือเปล่าหรือที่มีทำหน้าที่อะไรบ้าง เพราะ EM ไม่บอกว่ามีจุลินทรีย์อะไรอยู่บ้างเพียงแต่ใช้คำกว้างๆว่าจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น รูปที่4 น้ำหมักชีวภาพ บางคนใช้ปุ๋ยชีวภาพแล้วงาม เป็นเพราะปุ๋ยชีวภาพมีธาตุอาหารเสริมอาหารรองอยู่ด้วย ซึ่งมีส่วนในการช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารที่ตกค้างในดินให้พืชดึงกลับมาใช้ได้ (การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน) ตามที่ได้ขีดเส้นใต้ในหัวข้อที่2 ทั้งที่ธาตุอาหารก็น้อยอย่างในตารางที่ 3.2 ด้านล่างนี่แหละค่ะ ไม่ได้จะมาว่าชีวภาพนะคะเพียงแต่อธิบายที่มาที่ไป แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 51 01:35:51 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 51 01:26:15 จากคุณ : Belljang - [ 1 ส.ค. 51 01:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 -o- จากคุณ : Belljang - [ 1 ส.ค. 51 01:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 :D จากคุณ : Belljang - [ 1 ส.ค. 51 01:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ;] จากคุณ : Belljang - [ 1 ส.ค. 51 01:18:35 ]