ความคิดเห็นที่ 1 เห็นใจนะคะ ว่าแต่คุณไม่มีประกันสุขภาพหรือคะ? ยังไงทิ้งรายละเอียดว่าอยู่แถวไหนนะคะ เผื่อคนใจดีจะมาบอกว่าต้องทำยังไง ดิฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ขอให้หายป่วยเร็วๆนะคะ จากคุณ : pixp - [ 31 ก.ค. 51 13:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเจ็บป่วยกระทันหันมาก ไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือ 911 เรียกรถพยาบาล เขาจะมารับ ไปส่งที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเขาจะรักษา ให้ก่อน ถ้าเราไม่มีเงินหรือมีรายได้น้อย เขาก็จะมีนักสังคมสงเคราะห์มาสัมภาษณ์ พิจารณา แนะนำวช่วยเหลือว่าจะติดต่อกับหน่วยงานของรัฐเพื่อขอคามช่วยเหลือ หรือ ผ่อนเงินกันอย่างไร ถ้ายังเป็นไม่มาก ก็ไปที่ County Health Clinic or City Health Clinic or County Health Department ไปบอกเขา เขาก็จะช่วยเหลือ ขอให้โชคดี แล้วช่วยส่งข่าวด้วยนะ จากคุณ : ธนิตา - [ 31 ก.ค. 51 14:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่งกำลังใจให้หายป่วยโดยเร็ว และพบผู้อนุเคราะห์เกื้อกูล จากคุณ : jeejeeberry - [ 31 ก.ค. 51 14:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นใจมาก เอาใจช่วยนะคะ ไม่มีใครอยากเจ็บไข้ได้ป่วยหรอก ยิ่งมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก แต่คิดอีกทีก็ธรรมดาโลกนะคะ ทำใจให้สบาย จากคุณ : แม่เจ้าประคุณ - [ 31 ก.ค. 51 15:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กลับไปรักษาในเมืองไทยถูกกว่า ค่าตั๋วพันกว่าดอลฯ เมื่อเทียบกับค่ารักษาที่นี่... แพงกว่ามากกกกกกกกกกกกกกกก แม้แต่รัฐบาลเรื่องรับคนรักษาโรคบางอย่าง ต้องผ่านพิจารณารอนุมัติไปตามเคสๆไป... เพราะอุปกรณ์การรักษาบางชนิด มันแพงจริงๆ รัฐบาลมีงบให้กับคนมีรายได้ต่ำขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์การรักษาด้วยค่ะ มีคนรู้จักหลายคนที่เป็นทั้งคนต่างชาติ และ คนอเมริกัน... ที่มีรายได้ต่ำต้องระวังดูแลตัวเอง ไม่ให้เจ็บป่วย แบบตัวอย่างเช่นเกี่ยวกับรากฟันอักเสบ... รัฐบาลไม่ครอบคลุมการครอบฟัน ต้องจ่ายเอง แต่ครอบคลุมการถอนฟัน การทำความสะอาดฟัน และมีจำกัดเวลาในการไปหาหมอฟัน... ถ้าไปหาก่อนกำหนดไม่ว่าจะฉุกเฉิน คนไข้ต้องจ่ายเองเหมือนคนไข้ทั่วๆไป... จึงเห็นทั้งคนอเมริกัน และ คนต่างชาติ เลือกที่จะปล่อยให้ฟันหรอ เพระไม่มีเงินไปครอบฟันกัน เราเองก็กลัวกับการไปหาหมอในกรณีใหญ่ๆ ตรงที่ประกันไม่ครอบคลุมเกี่ยวกับอุปกรณ์แพทย์บางชนิด เพราะมันไฮเทค แม้แต่คนมีเงินจะจ่ายก็มีปัญหา (ปล. เราไม่รวยหรอก ถึงได้กังวลไง) ตอนนี้ถ้ายังลุกเดินไปไหนๆได้... พยายามหาทางกลับไปรักษาตัวอยู่ในเมืองไทยจนกว่าจะปกติหายดี เป็นทางออกที่ดีที่สุดค่ะ สำหรับคนที่ป่วยออดๆแอดๆ อยู่ต่างแดนถ้าร่างกายไม่สามารถทำงานได้ มีแต่ลำบาก กับลำบากต่อมาค่ะ เงินค่าตั๋วพันกว่าดอลฯ ถูกกว่าค่ารักษาระยะยาวในต่างแดนค่ะ โชคดีค่ะ จากคุณ : JidNince - [ 31 ก.ค. 51 20:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ติดต่อสถานทูตไทยดีไหมคะ จากคุณ : sarahqueen - [ 31 ก.ค. 51 20:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ทราบค่ะ เลยไปกูเกิ้ลมา ลองอ่านดูนะคะ http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20070425062653AAKo4x2 คนแรกแกบอกว่าประมาณ 150 สำหรับ EKG ถ้าไปที่ urgent care คนที่สองให้ลิ้งก์เยอะแยะ ที่ดูคร่าว ๆ แล้วน่าจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ของคุณ คนที่สามบอกอย่าไป urgent care แต่ให้หมอแนะนำว่าจะให้ไปไหน แล้วโทรไปถามราคาก่อน ดูแลรักษาตัวเองดี ๆ นะคะ จากคุณ : Genuine XXX - [ 31 ก.ค. 51 22:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 I agree with Khun JidNince. จากคุณ : Benz (BenzSiam) - [ 31 ก.ค. 51 23:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ามีใบเขียวและยื่นเสียภาษีทุกปียื่นขอ MedicAid ที่หน่วยงาน Social Service ของรัฐ(เงื่อนไขการอนุมัติแต่ละรัฐไม่เหมือนก้น)ผมว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมเองเมื่อคริสมาสปีที่ผ่านมาก็เป็นเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตันหน้าเขียวจนแทบหมดสติคิดว่าไม่รอดแล้วแถมไม่ยอมโทร.เรียกรถพยาบาลมารับอีกเพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายแพงมหาศาล ตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวคือกลับไปหาหมอเมืองไทย แต่ในที่สุดแล้วก็ไปไหนไม่รอดต้องเข้า ร.พ.ที่นี่ให้หมอทำ Balloon แต่ก็ไม่พอจนต้องผ่า bypass ไป 3 เส้นมีปัญหาแทรกระหว่างจะผ่าอยู่ 2 ปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนผ่าทำให้นอนอยู่ใน ร.พ.ร่วมเดือน ระหว่างที่อยู่ ร.พ.ก็เหมือนคห.2 บอกคือมีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาให้คำปรึกษาตลอดว่าจะทำอย่างไรกับค่าใช้จ่ายอันมหาศาลได้ ก็ได้ผลสรุปมาคือ             1.ยื่นเรื่องของความช่วยเหลือจากทาง ร.พ.ที่เข้าโดยตรงในกรณีที่ทาง ร.พ.มี Financial Assistant program             2. ยื่นเรื่องที่ Social Service ของรัฐของบัตร MedicAid เพื่อช่วยค่ายาและค่าหมอหลังการรักษา     ผมได้รับอนุมัติข้อ 1. ซึ่งเป็นรายจ่ายมหาศาล(ผมประมาณเองว่าน่าจะหลัก 2 แสนขึ้น)ไม่ต้องจ่าย 100 % แต่ค่าหมอที่ทาง ร.พ.เชิญมาช่วยรักษาจากข้างนอกเราต้องจ่ายเอง     ส่วนเรื่องบัตร MedicAid ผมได้รับแบบเงื่อนไขคือต้องจ่ายเงินที่เรียกว่า Spenddown เดือนละ 43 เหรียญ (ตรงนี้จ่ายน้อยมากขึ้นอยู่กับรายได้ของแต่ละคน) บางคนถ้ารายได้ต่ำจริงก็ไม่ต้องจ่ายเลย บัตรนี้จ่ายค่าหมอและห้องแลปที่ไม่ใช่ของ ร.พ.ย้อนหลังให้ผม 3 เดือน(เป็นเงินร่วม 2 หมื่นเหรียญ) ปัจจุบันผมใช้บัตรนี้ไปหาหมอ ซื้อยาซึ่งเยอะมากก็จ่ายค่ายาแค่ขนาดละ 50 cent-2 เหรียญแค่น้นนับว่าสามารถช่วยคนรายได้ต่าได้ดีที่สุด     มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นความรู้และลองทำอย่างผมดูก็ได้คิดว่าแต่ละรัฐคงคล้ายๆกัน ขอให้โชคดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 51 00:29:49 จากคุณ : KY_2003 - [ 1 ส.ค. 51 00:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ถ้าไม่ถือเป็นการละลาบละล้วง ไม่ทราบคุณ KY_2003 อยู่รัฐไหนคะ อยากทราบเป็นข้อมูลเฉย ๆ เพราะหลัง ๆ เห็นแต่ข่าวคนล้มละลายเพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว น่ากลัวสุด ๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Genuine XXX - [ 1 ส.ค. 51 02:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อมูลของคุณ KY_2003 ดีมากเลยค่ะ เราเคยได้ยินมาเหมือนกันแต่ยังไม่เคยไปหาข้อมูล แม้แต่สามีเราซึ่งเป็นอเมริกันก็ไม่เคยทราบมาก่อนเหมือนกัน เรามีประกันก็จริงแต่ก็คงไม่ได้คุ้มครองทั้งหมดเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยได้เยอะมาก เพราะเคยไปหาหมอมาหลายครั้งก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยนอกจาก copay แล้วก็ค่ายาตามใบสั่ง ถ้าโครงการ MedicAid นี้มีทุกรัฐก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากเลยค่ะ หากใครมีข้อมูลอันนี้หรือมีประสบการณ์มาบ้าง อยากให้ช่วยเข้ามาแชร์เพิ่มขึ้นนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : amskye - [ 1 ส.ค. 51 03:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 Where do you lived? If you lived in LOSANGELES YOU can go to THE Clinic they have a thai worker to help you .You can call to get the information @ 323-7301920 ext 3032 the worker name is Mr.Supachai I think it dosen't cost money จากคุณ meawww จากคุณ : meawww - [ 1 ส.ค. 51 08:12:19 A:71.105.251.235 X: TicketID:183203 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อมูลของคุณ KY_2003 อ่านแล้วน่าสนใจครับ ผมเคยได้ยินมาว่าพวกแม็กที่นี่ ที่แม้จะไม่มีสตางค์รักษา ทางโรงพยาบาลก็ไม่ปฎิเสษการรักษา เสร็จแล้วก็เบี้ยวโรงพยาบาลกันเป็นว่าเล่น ลูกๆก็เรียนฟรี ภาษีก็ไม่ต้องจ่าย เพราะทำงานกันนอกระบบ ไอ้คนที่มีใบเขียว อยู่ถูกต้องยังดูจะลำบากซะกว่า เจ็บไข้เป็นเรื่องธรรมชาติ รักษาไปก่อนครับ แล้วค่อยคิดว่าจะยังไง จากคุณ : Thai Texan - [ 1 ส.ค. 51 11:55:33 ]