Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี: ตอนลุ่มๆดอนๆถึงเมืองผู้ดี (ภาคสอง)

    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี: ตอนลุ่มๆดอนๆถึงเมืองผู้ดี (ภาคสอง)
    Episode III: A bumpy ride to London (Part II)

    คุณอู๋คิดว่าคุณนักอ่านคอลัมน์หลายๆคนคงเคยขับรถบนถนนลาดยางมะตอยมาก่อน เคยมั้ยคะที่กำลังขับอยู่เพลินๆอยู่เชียว แต่แล้ว แม๊... ไอ้ถนนเจ้ากรรมที่เราเห็นว่าลาดยางมะตอยซะอย่างดีเนี่ยดั๊นมีหลุมที่เรามองไม่เห็น ทำเอาใต้ท้องรถเนี่ยสั่นสะเทือนเป็นเจ้าเข้าไปพักนึงเลยล่ะ ถึงรถมันจะไม่ได้คว่ำรึเราจะบาดเจ็บอะไรแต่คนขับนี่สิเกิดอารมณ์ “เซ็งเรยย”ขึ้นมาทีเดียวเชียว ที่เล่ามาไม่ใช่ไรหรอกค่ะ จะบอกว่าถนนลาดยางมะตอยที่เราเห็นน่ะ คิดๆไปคุณอู๋ว่าก็ไม่ต่างกับถนนชีวิตคนเราเลย ตามทางเดินชีวิตก็คงต้องมีสะดุดลุ่มๆดอนๆกันบ้าง จะให้เรียบตลอดทางก็คงเป็นไปได้ยาก ถนนสู่สาวออฟฟิสเมืองผู้ดีของคุณอู๋ก็เหมือนกันค่ะ ลุ่มๆดอนๆเอาการน่าดูอยู่เหมือนกัน อารมณ์ “เซ็งเรยย” นี่ก็เข้ามาเป็นพักๆเลยล่ะค่ะ

    หลังจากที่คุณอู๋โพทนาคุยโม้ไปทั่วว่าจะได้ย้ายไปทำงานที่สิงคโปร์ (จนชาวบ้านเริ่มเบื่อระอาว่าเมื่อไหร่ยัยนี่มันจะไปซะที) ไม่นานแค่เดือนกว่าๆก่อนไป ข่าวร้ายก็มาเยือนค่ะ อยู่ดีๆทางสิงคโปร์เค้าไม่ต้องการคนไปช่วยแล้ว อ้าว เวร ซวยล่ะสิ นี่ไม่ใช่แค่หน้าแตกธรรมดานะคะ เรียกว่าหน้าแหกคงจะเหมาะสมกว่า จบกันความฝันโกอินเตอร์ครั้งแรก ตอนนั้นถามว่าเสียใจรึเปล่าก็คงใช่ แต่เสียใจน่ะยังไม่เท่าไหร่ค่ะ เสียฟอร์มนี่สิคุณอู๋รับไม่ได้ค๊ะ (ก็โม้ไว้ซะเยอะนิ) เช้าๆไปทำงานเนี่ยแทบไม่อยากโผล่หน้าไปออฟฟิสเลย เพราะคนที่ยังไม่รู้เนี่ยก็จะคอยถามว่าจะไปเมื่อไหร่ นี่ยังไม่รวมพวกญาติๆนะคะที่คอยจิกถามคำถามเดียวกันเลย โอ๊ย อกอีแป้นจะแตกค่ะ ทนไม่ได้ มีทางเดียวค่ะคือต้องล้างอาย ทำไงเหรอคะ หนึ่งเดือนต่อมาคุณอู๋ก็เลยลาออกมันซะเลยแล้วย้ายไปทำงานบริษัทที่สองซึ่งก็อยู่แถวสาทรเหมือนกัน ด้วยความหวังที่ว่าคราวนี้ล่ะชั้นได้โกอินเตอร์แน่เพราะบริษัทใหม่นี้เป็นกิจการร่วมระหว่างไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ โอกาสโกอินเตอร์ (ไปประเทศเพื่อนบ้าน) เห็นกันชัดๆ แต่แล้ว...เคราะห์ซ้ำกรรมซัดค่ะ หนีเสือดั๊นปะจระเข้

    ตอนสัมภาษณ์เข้าบริษัทที่สองเค้าบอกว่ามีโปรเจคให้คุณอู๋ไปมาเลเซีย คุณอู๋ก็แอบดีใจ ได้กู้หน้ากันก็คราวนี้แหละ และด้วยนิสัยปากสว่างที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด คุณอุ๋ก็ (เหมือนเดิมค่ะ) ป่าวประกาศบอกชาวบ้านไปซะทั่วเลยว่า ลาออกจากที่บริษัทแรกเพราะที่ใหม่จะให้โกอินเตอร์ แต่ที่ไหนได้ อ้าว พอเข้าไปทำงานจริงๆจากที่ว่าจะให้ไปกัวลาลัมเปอร์ก็ดั๊นกลายเป็นไปโรงงานงานน้ำหวานแถวถนนราชพฤกษ์ซะงั้น หน้าแตกอีกแล้วเรา แถมที่ใหม่เนี่ยก็ดั๊นทำงานหนักกว่าที่เก่าซะอีก ทำงานเป็นกระบือเลยค่ะ ตอนนั้นคุณอู๋คิดอยู่อย่างเดียวว่าปีนั้นเป็นปีที่ซวยที่สุดแล้ว โกอินเตอร์ก็ไม่ได้ไป แถมหน้าแตกมาก็ตั้งก็สองหน จะให้พูดตามจริงคือตอนนั้นเริ่มถอนใจค่ะว่าชาตินี้คงโกอินเตอร์ยากแน่ๆ

    แต่แล้ววันนึงในเดือนกรกฏาคม ในขณะที่กำลังรู้สึกเซ็งๆอยู่เลย คุณอู๋ก็ได้รับอีเมล์ฉบับนึงจากบริษัทในเมกาบอกว่าอยากจะสัมภาษณ์งานกับคุณอู๋ ตอนนี้คุณนักอ่านคอลัมน์คงเริ่มงง เอ๊ะมันจะเหมือนนิยายไปรึเปล่า อยู่ดีๆเค้าจะได้ชื่อคุณอู๋มาจากไหน เวอร์ไปหน่อยมั้ง เรื่องของเรื่องก็คือ ช่วงก่อนคุณอู๋เรียนจบจากเมกา คุณอู๋ได้ร่อนใบสมัครงานไปทั่วเลยค่ะ (ก่อนที่จะหาไม่ได้แล้วก็ย้ายกลับมาเมืองไทย) ในที่สุดเค้าก็ได้ไปเจอใบสมัครของคุณอู๋ซึ่งคงซ่อนอยู่ในซอกในหลืบมาเป็นปีแล้วก็เพิ่งติดต่อมา คุณอู๋ตื่นเต้นมากค่ะ นึกว่าฝันไปด้วยซ้ำ แต่คราวนี้ไม่ได้ปากสว่างโพทนาบอกชาวบ้านเท่าไหร่แล้ว ก็เพราะหน้าแตกมาสองหนแล้วนี่คะ ที่รู้น่ะก็มีเพื่อนที่สนิทกันจริงๆไม่กี่คนหรอก พ่อแม่เองยังไม่บอกเลย แต่ดีนะคะเนี่ยที่ไม่ได้บอกเพราะสุดท้ายเค้าก็บอกคุณอู๋ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่คุณอู๋จะย้ายไปทำงานที่เมกา เพราะวีซ่าทำงานส่วนใหญ่ออกให้กับคนที่ตัวอยู่เมกาเท่านั้น อ้าว ปัดโธ่ คุณอู๋อกหักอีกแล้ว ตอนนั้นความหวังโกอินเตอร์เนี่ยตกวูบลงมาเลยค่ะ

    อีกอาทิตย์ต่อมา คุณอู๋ก็ได้อีเมล์จากบริษัทเดิมอีกค่ะบอกว่าเนี่ยมีตำแหน่งว่างที่ลอนดอนสนใจรึเปล่า แต่บอกตามตรง ตอนนั้นคุณอู๋ไม่ได้หวังไรแล้วค่ะ ก็ตอบไปงั้นว่าสนใจ แต่ในใจคิดว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่กี่วันถัดมาทางลอนดอนเค้าก็ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ นี่ถ้าเป็นการสัมภาษณ์โกอินเตอร์ครั้งแรกๆคุณอู๋คงตื่นเต้นน่าดู แต่เนื่องจากว่าอกหักมาหลายทีแล้วค่ะ เลยตื่นเต้นน้อยลงไปเยอะเลย ตอนเค้าโทรมาสัมภาษณ์ครั้งแรกเนี่ย แค่ครึ่งชั่วโมงเองมั้งคะเพราะพูดก็พูดเถอะ สำเนียงอังกฤษเนี่ยฟังยากนะคะ ยากกว่าอเมริกันเยอะแลย แถมคุณอู๋เองก็ไม่เคยไปเรียนที่อังกฤษซะด้วยสิ เดาคำถามที่เค้าถามก็หลายทีอยู่เหมือนกันค่ะ สัมภาษณ์ครั้งแรกผ่านไป โดยที่ไม่ได้หวังอะไร ก็ตามด้วยการสอบข้อเขียนแต่งรายงานและภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน ตามด้วยสัมภาษณ์ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งที่สี่ไม่ใช่แค่โทรศัพท์เฉยๆแต่เป็นการเทเลคอนเฟอรเรนซ์ซึ่งบ้านเรายังไม่ค่อยใช้กัน คิดดูสิคะคุณอู๋เนี่ยต้องลางานนั่งตุ๊กๆเข้าซอย (โคตรลึกเลย) ไปเช่าห้องที่การสื่อสารแห่งประเทศไทย โน่นแน่ะค่ะแถวๆโรงแรมแชงกะรีร่า หัวงี้ฟูเชียวตอนสัมภาษณ์น่ะแต่การสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ค่อนข้างดี ไม่เครียดด้วย จำได้ว่าเค้าถามว่าทำไมถึงอยากไปทำที่อังกฤษ คุณอู๋คิดไม่ออกค่ะ ตอบไปว่าเพราะชอบ Harry Potter มากๆ อ่านทุกเล่มเลย คนสัมภาษณ์งี้ขำกลิ้งเลยค่ะ สงสัยไม่คิดว่าจะมีคนตอบแบบนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น บริษัทเค้าก็โทรมาค่ะ บอกว่าเค้ารับคุณอู๋เข้าทำงาน เดี๋ยวจะโทรมาอีกทีเพื่อคุยเรื่องวีซ่า ไชโย้ ได้โกอินเตอร์แล้น คุณอู๋ยิ้มหน้าบานแทบไม่หุบเลยค่ะ

    แต่แล้ว...หลายวันผ่านไปเค้าก็ไม่ได้โทรมาค่ะ

    จากวันกลายเป็นอาทิตย์ เอ๊ะ มันชักยังไง ทำไมไม่โทรมาซักที คุณอู๋เองก็คันปากยิบๆอยากจะป่าวประกาศบอกใครต่อใครซะที สุดท้ายทนไม่ได้ค่ะยอมจ่ายเงินโทรไปถึงเมืองผู้ดี ให้มันรู้กันไปเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเค้าไม่โทรมาซักที คำตอบที่ได้ก็คือ ทางฝ่ายบุคคลเค้าเริ่มไม่แน่ใจค่ะ (ว่าจะจ้างยัยนี่ดีรึเปล่า) อยากจะสัมภาษณ์อีกรอบทางโทรศัพท์ ตอนนั้นคุณอู๋เกิดอารมณ์ “เซ็งเรยย”อีกแล้วค่ะ คือทำไมขั้นตอนมันถึงได้เยอะแยะขนาดนี้ แต่รู้สึกดีใจว่าดีนะเนี่ยยังไม่ได้ป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ ขณะเดียวกันก็เริ่มถอดใจอีกรอบค่ะเพราะถ้าสัมภาษณ์รอบนี้ไม่ผ่านแล้วก็คงหมดกัน แต่สัมภาษณ์รอบหลังเนี่ยสั้นมากค่ะ ยังไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ พอวางโทรศัพท์คุณอู๋รู้สึกหมดหวังมากเลยค่ะเพราะส่วนใหญ่พวกที่สัมภาษณ์กันแป๊บเดียวเนี่ยจะหมดสิทธิ์

    ...แต่ก็แปลกดีนะคะ บางทีอะไรดีๆก็เข้ามาในชีวิตเราตอนที่เราคาดหวังน้อยที่สุด

    ไม่กี่วันถัดมาเค้าก็โทรมาคอนเฟิร์มค่ะว่าเค้ารับคุณอู๋เข้าทำงานที่ออฟฟิสที่ลอนดอน จากกรกฏาคมจนถึงกันยายน เกือบสามเดือนแน่ะค่ะตั้งแต่สัมภาษณ์รอบแรกถึงรอบสุดท้าย(จริงๆ) เห็นมั้ยคะว่าถนนสู่เมืองผู้ดีของคุณอู๋เนี่ยลุ่มๆดอนๆน่าดูเชียวล่ะ แต่ว่าถนนจากจุดนี้ไปจนถึงตอนเหยียบแผ่นดินเมืองผู้ดีเนี่ยจะโรยด้วยกลีบดอกกุหลาบรึเปล่าคงต้องติดตามกันได้ในฉบับหน้านะคะ

    คุณอู๋





    ถามคุณอู๋ (Ask Nissy)
    Q: ตอนนี้ทำงานออฟฟิสอยู่เมืองไทยค่ะ ไม่ได้เรียนเมืองนอกแต่ว่าอยากโกอินเตอร์เหมือนคุณอู๋บ้าง จะเป็นไปได้มั้ยคะ อยากให้คุณอู๋ช่วยแนะนำว่าอย่างแรกที่ควรเตรียมตัวคืออะไรคะ (จากเด็กเมืองนนท์)

    A: เรียนเมืองนอกช่วยเปิดโอกาสให้ก็จริงแต่คุณอู๋ขอบอกว่าไม่จำเป็นค่ะ คุณอู๋มีเพื่อนที่ทำงานมาจากแอฟริกาหลายคนที่ไม่เคยได้เรียนหนังสือเมืองนอกเมืองนาแต่ก็ได้ไปทำงานที่เมืองผู้ดีเหมือนกัน สิ่งแรกที่จะแนะนำให้เตรียมตัวคือฝึกฟังและพูดภาษาอังกฤษค่ะ เพราะการสื่อสารได้เนี่ยสำคัญที่สุด ถึงเก่งแค่ไหนแต่สื่อสารไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ หัดฟังเพลงฝรั่งและดูหนังฝรั่งหลายๆรอบแล้วฝึกออกเสียงตามก็ดีค่ะ แต่ถ้าจะเอากันจริงๆจังๆ ขอแนะนำให้เรียนกับครูฝรั่งตัวต่อตัว (รึมีแฟนฝรั่งไปเลย) จะช่วยได้เยอะทีเดียว

    จากคุณ : NS - [ 17 ส.ค. 51 15:57:35 A:86.135.189.88 X: TicketID:184548 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom