 |
สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน แพะไทยเหยียบเมืองผู้ดี
สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน แพะไทยเหยียบเมืองผู้ดี Episode V: Stamping two feet on the Brit ground
ครั้งนึงนานมาแล้วมีคนเคยบอกว่าดวงคุณอู๋น่ะเหมือนแพะถึงจะไม่ได้เกิดปีแพะก็เถอะ ได้ฟังครั้งแรกก็งงค่ะ ไม่เข้าใจ เค้าก็อธิบายต่อค่ะว่าอย่างแรกเลยคือแพะเนี่ยไม่ค่อยฉลาด (อ้าว เวร หลอกด่าเราเหรอเนี่ย) ธรรมชาติของแพะชอบออกหากินเองมากกว่าที่จะให้คนเอาอะไรมาป้อนให้ อีกอย่างแพะไม่ชอบที่กินอะไรเดิมๆติดต่อกันนานๆ เลยไม่แปลกที่แพะเนี่ยจะเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อแสวงหาสิ่งใหม่ๆกิน ถึงแม้จะต้องเดินทางลำบากขึ้นเขาลงเขาก็ตาม คนที่ดวงเหมือนแพะก็เหมือนกันเป็นคนรักอิสระที่ทำอะไรด้วยตัวเอง ที่สำคัญก็คือพำนักพักพิงอยู่ที่ไหนได้ไม่นานเพราะคอยมองหาประสบการณ์รึสิ่งใหม่ๆเข้ามาเติมสีสันใหักับชีวิตอยู่เรื่อย พอคุณอู๋ได้ฟังก็ขำค่ะ ไม่เชื่อด้วยเพราะตอนนั้นคุณอู๋เองยังไม่เคยได้ออกนอกประเทศไทยไปไหนเลยด้วยซ้ำ แต่มาถึงตอนนี้คุณอู๋เริ่มสงสัยค่ะว่า เอ...ดวงคุณอู๋เนี่ยอาจจะเป็นเหมือนแพะจริงๆก็ได้
หลังจากที่คุณอู๋ได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมายเป็นเวลาเกือบสามเดือน ในที่สุดคุณอู๋ก็ได้ขึ้นเครื่องมาลงเมืองผู้ดีซักทีค่ะ ตอนแรกคุณอู๋กะว่าจะมาอยู่โรงแรมชั่วคราวซักห้าหกวันจนกว่าจะหาบ้านได้เพราะคุณอู๋ไม่มีเพื่อนฝูงที่เมืองผู้ดีเอาซะเลย แต่พอแม่คุณอู๋รู้เข้ากรี๊ด ถึงกับจะเป็นลมค่ะ ไม่ใช่เพราะกลัวอันตรายที่ลูกสาวคนเดียวของบ้านต้องไปนอนในโรงแรมต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวหรอกนะค๊ะ แต่เพราะกลัวเปลืองเงินตะหากเพราะไอ้โรงแรมที่ว่าถูกๆในลอนดอนเนี่ยก็ปาเข้าไปอาทิตย์เกือบสองหมี่นบาทได้ แม่คุณอู๋ทนไม่ได้หรอกค่ะ รีบจัดการหาที่พักชั่วคราวให้คุณอู๋ทันทีด้วยการติดต่อเพื่อนๆของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน..คือขอโทษเถอะค่ะ แบบว่าบางคนเนี่ยตั้งกะเกิดมายังคุณอู๋ยังไม่เคยเห็นหน้ารึได้ยินชื่อด้วยซ้ำ หลังจากที่แม่คุณอู๋เพียรพยายามอยู่นาน ในที่สุดก็เจอที่นอนว่างในบ้านของคุณป้าไวกิ้งค่ะแล้วเค้าก็ใจดีให้คุณอู๋พักอยู่ชั่วคราวซะด้วยสิ (โอ๊ย แม่โล่งใจ ประหยัดเงินได้ตั้งเกือบสองหมื่นแน่ะ)
หลังจากที่คุณอู๋ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินฮีทโทร์วแล้ว อันดับแรกเลยก็คือต้องหาทางเข้าเมืองเพื่อไปบ้านคุณป้าไวกิ้งค่ะ เอาล่ะสิคะ คุณอู๋คิดในใจจะไปยังไงกันล่ะหนอ จะให้ง่ายก็นั่งแท๊กซี่แต่ว่าแพงมากๆเลยค่ะ สี่สิบห้าสิบปอนด์คุณอู๋จ่ายไม่ลงหรอก นึกถึงตอนนั้นทีไรก็สงสารตัวเองเอาการอยู่เหมือนกันนะคะ คิดดูสิคะว่าคุณอู๋เนี่ยหัวเดียวกระเทียบลีบจริงๆ เดินทางก็มาคนเดียว คนมารับที่สนามบินซักคนก็ไม่มี กระเป๋าก็ใบบ่ะเล้งเท่งตั้งสองใบ แถมฟังสำเนียงอังกฤษก็ไม่ค่อยจะออก จะไปทางไหนก็ไม่รู้ กว่าจะตะเกียกตะกายหาทางออกจากสนามบินได้เนี่ยก็ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะค่ะ หลังจากที่ใช้ภาษาอังกฤษสำเนียงไทยๆบวกภาษามืออยู่นานสองนานกับเจ้าพนักงานสถานีรถไฟเมืองผู้ดีคุณอู๋ก็หาทางเข้าเมืองจนได้ค่ะ
คุณอู๋ขึ้นรถทิ้วป์เข้าเมืองเพราะพนักงานบอกว่าถูกที่สุดแล้ว ที่เมืองผู้ดีเนี่ยเค้าเรียกรถไฟใต้ดินว่าทิ้วป์ค่ะ แต่คุณอู๋สังเกตุว่าจริงๆแล้วเนี่ยมันวิ่งอยู่บนดินเหมือนรถไฟธรรมดาเป็นสิบๆสถานีเลยค่ะก่อนที่จะมุดลงดินจริงๆตอนใกล้ๆถึงใจกลางเมือง ระหว่างทางมีบ้านแบบผู้ดีให้คุณอู๋ได้เห็นมากมาย แต่ว่าตอนนั้นเนี่ยคุณอู๋ไม่ได้มีอารมณ์ชื่นชมมันเลยค่ะเพราะง่วงนอนสุดๆ ในเครื่องเนี่ยแทบไม่ได้หลับเลย (ก็คุณอู๋เป็นโรคกลัวเครื่องบินน่ะสิคะ) ที่สำคัญนี่สิคุณอู๋เป็นกังวลว่าจะหาบ้านคุณป้าไวกิ้งเจอมั้ยเนี่ย ช่วยลุ้นหน่อยนะคะ
บ้านคุณป้าไวกิ้งอยู่หน้าไฮด์ปาร์คแต่ตอนนั้นคุณอู๋เองก็จำไม่ได้หรอกค่ะว่าไฮด์ปาร์คเนี่ยมันอยู่ส่วนไหนของมหานครลอนดอนกันแน่ พอทิ้วป์มาลงที่สถานีเซ้าท์ เคนซิงตั้นคุณอู๋ก็ลงค่ะ พอลงมาถึงได้รู้ค่ะว่านรกเนี่ยมีอยู่จริงๆค๊ะ! ไม่ใช่ว่าสถานีมันร้างรึน่ากลัวหรอกนะคะ แต่หลังจากที่คุณอู๋ฉุดกระชากลากถูกระเป๋าใบโตสองใบออกมาจากทิ้วป์ได้สำเร็จ ที่รอคุณอู๋อยู่เนี่ยก็คือบันไดเจ้าค๊ะ พระแม่เจ้า ไม่ใช่แค่สองสามขั้นนะค๊ะ เป็นสิบๆขั้นเลย คุณอู๋เห็นแล้วแทบทรุด คิดในใจ อะไรกันนี่ ขนาดบ้านเมืองเราที่เค้าว่ากันว่าไม่พัฒนาเท่าเมืองผู้ดียังมีบันไดเลื่อนเลย ไอ้สถานีเจ้ากรรมเนี่ยดั๊นมีแต่บันได เซ็งเรยยจริงๆค่ะ คุณอู๋เองก็พยายามมองซ้ายมองขวาอยู่นานแต่ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววของสุภาพบุรุษหนุ่มเมืองผู้ดีที่จะมาช่วยเอาซะเลย เฮ้อ ซวยเลยตู ทำไงได้ล่ะคะ คุณอู๋ก็เลยต้องแบกมันขึ้นไปเองน่ะสิ กรรมจริงๆค่ะ นี่ดีนะคะที่ในกระเป๋าคุณอู๋ไม่ได้มีพวกหม้อไหกระทะรึครกมาด้วย ไม่งั้นละก็เป็นอันได้หลังหักก่อนได้เป็นสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีแน่ๆ ตอนแรกคุณอู๋ก็ว่าจะยกขึ้นไปทีเดียวทั้งสองใบ แต่หลังจากพยายามแล้วหลายทีมันไม่ไหวจริงๆค่ะ มิชชั่นอิมพอสสิเบิ้ล สุดท้ายคุณอู๋ก็ต้องแบกขึ้นไปทีละใบ ฟังดูเหมือนไม่ยาก แต่มันไม่ได้ธรรมดาเลยนะค๊ะ คิดดูว่าตอนลากใบนึงขึ้นไปก็ต้องคอยหันหลังมาเช็คอีกใบที่ทิ้งไว้ข้างล่าง กลัวคนมาขนไปน่ะสิคะ แล้วพอตอนลงมาขนอีกใบข้างล่างก็กลัวคนมาลากเอากระเป๋าอีกใบที่อยู่ข้างบน ที่เค้าบอกกันว่าอาชีพจับกังขนข้าวสารมันเหนื่อยเนี่ยขอบอกค่ะว่าได้รู้สึกจริงๆก็วันนั้นนั่นเอง มันเหนื่อยมากจริงๆค่ะ ตอนนั้นเองคุณอู๋คิดอยู่อย่างเดียวว่าความลำบากทั้งหมดเนี่ย (:-)) จะโยนให้แฟนคุณอู๋คนเดียวเลยแต่ไม่รู้มันไปอยู่ไหน ไม่มาจุติบนโลกใบนี้ซักกะที ทำให้คุณอู๋เนี่ยต้องเป็นแพะแบกของหนักขึ้นเขาอย่างนี้อยู่คนเดียว คิดแล้วเคืองค่ะ ได้เจอแฟนคุณอู๋เมื่อไหร่เนี่ย จะใช้ซะให้เข็ดเลย (ถ้ามีจริงนะค๊ะ)
หลังจากมิชชั่นลากกระเป๋าสำเร็จคุณอู๋ก็เริ่มมิชชั่นสองค่ะคือตามล่าหาบ้านคุณป้าไวกิ้ง คุณป้าบอกว่าออกจากสถานีเลี้ยวขวา แล้วเดินจนถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายแล้วตรงมาเรื่อยๆจนถึงปาร์ค ก็จะเจอบ้านคุณป้าอย่างง่ายดาย ไม่ถึงสิบนาที ก็แน่ล่ะสิคะ สำหรับคนที่อยู่ที่โน่นอยู่แล้วก็คงง่ายจริงๆเหมือนคุณป้าว่าแหละ แต่สำหรับบ้านนอกเข้ากรุงอย่างคุณอู๋เนี่ย พุธโธ่พุธถัง มันยังกะงมเข็มในมหาสมุทรยังไงยังงั้นเลยล่ะค่ะคุณนักอ่านคอลัมน์ขา ตึกรามบ้านช่องของที่นี่ก็ดูเหมือนๆกันหมดเลย แยกไม่ค่อยออกหรอกค่ะ มันเป็นบ้านทรงวิคตอเรี่ยนเหมือนกันซะทุกหลังเลย แถมตอนนั้นยังไม่ถึงแปดโมงเช้าด้วยซ้ำ คนก็ไม่ค่อยมีให้ถาม คนที่ถามก็พูดไม่รู้เรื่องอีกแน่ะ สุดท้ายแพะอย่างคุณอู๋ก็ต้องทำอะไรด้วยตัวเองอีกแล้วค่ะ ออกเดินทางสุ่มๆมั่วๆไปเรื่อย ทางเดินไปไฮปาร์คเนี่ย ดั๊นเป็นทางขึ้นเขาซะด้วยสิ เหงื่อคุณอู๋เนี่ยไหลเป็นสายเลยค่ะจนต้องถอดเสื้อกันหนาวกันเลย คุณอู๋เดินอยู่ได้นานสองนาน อ้าวเอ๊ะ นี่มันปาเข้าไปจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมบ้านคุณป้าไวกิ้งไม่มีวี่แววให้เห็นซักทีวะเนี่ย จะโทรหาคุณป้าก็เกรงใจเพราะยังเช้าอยู่เลย สุดท้ายเอาวะคุณอู๋ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าแท๊กซี่ค่ะ แต่พอขึ้นไปคุณอู๋อยากจะเขกหัวตัวเองกับไอ้คุณแท๊กซี่เมืองผู้ดีจริงๆค่ะเพราะจากจุดที่คุณอู๋เรียกแท๊กซี่ไปถึงบ้านคุณป้าไวกิ้งเนี่ยมันแค่ไม่ถึงนาทีเลย ไอ้คุณแท๊กซี่นี่มันก็เหลือเกิน น่าจะบอก ขูดรีดกันชัดๆ เสียเงินไปสามปอนด์กว่าไม่พอยังมาเสียโง่อีก คุณอู๋คิด อ้าวตูเหมือนแพะอีกแล้วไม่ฉลาดเอาซะเลย
พอคุณป้าไวกิ้งมาเปิดประตูให้คุณอู๋ หน้าเค้าตกกะใจมากค่ะ ถามว่ามายังไงเนี่ย คุณอู๋ก็เล่าไปตามจริง เท่านั้นเองค่ะคุณป้าก็วิ่งพรวดพราดเลยค่ะเข้าไปอีกห้องเพื่อโทรศัพท์หาคุณลุงสามีแก ทำไมน่ะเหรอค่ะ อ้าว ก็คุณลุงขับรถไปรับคุณอู๋ที่สนามบินน่ะสิคะ คุณป้าบอกว่าคุณลุงกลัวว่าคุณอู๋จะหลงทางเลยขับรถออกไปรับตั้งกะเช้า ปัดโธ่ แล้วก็ไม่บอก คุณอู๋เนี่ยบุญมีแต่กรรมบังจริงๆเลย นี่ถ้ารู้ ป่านนี้คุณอู๋ก็คงได้นั่งเป็นคุณนายสบายใจเฉิบอยู่บนรถเบนซ์ของคุณลุงไม่ต้องเหงื่อไหลใครย้อยฝ่าฟันอุปสรรคมากมายกว่าจะมาถึงบ้านคุณป้าหรอก แม๊ คุณอู๋ดวงแพะอีกแล้วนะเนี่ย ต้องทำอะไรเองไปซะทุกอย่างจริงๆ
แต่ว่าการเดินทางของแพะโง่ตัวนี้จะเป็นอย่างไรหลังจากมาถึงเมืองผู้ดีแล้วเนี่ย ติดตามกันได้ในฉบับหน้านะคะ
คุณอู๋
ถามคุณอู๋ (Ask Nissy) Q: ในเมื่อคุณอู๋เป็นโสดมาตลอด พอย้ายมาทำงานที่ลอนดอน พอมีความหวังว่าจะได้มีแฟนที่นี่ไหมคะ แล้วสถานะตอนนี้เป็นยังไงคะ สงสัยค่ะ (จาก Peppa)
A: คุณอู๋อยู่ได้ด้วยความหวังค่ะแต่ความหวังเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆเลยค่ะ ตั้งแต่วันแรกที่คุณอู๋เหยียบเมืองผู้ดีแล้วเจอเหตุการณ์ลากกระเป๋าใบโตขึ้นบันไดเองคุณอู๋ก็รอมาตลอดว่าวันนึงคุณอู๋จะมีคนมาช่วยขนกระเป๋าให้ แต่จนแล้วจนรอดค่ะ จากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบสามปีผ่านมาแล้ว คุณอู๋เองก็ยังขนกระเป๋าเองตลอด ถ้าถามสถานะตอนนี้ก็คงตอบได้ว่าโสดสนิทเลยค่ะ ยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสาวโสดต่อไปอย่างขันแข็งค่ะ
ป.ล.ถ้าคุณนักอ่านคอลัมน์คนไหนมีคำถามอยากถามคุณอู๋เรื่องสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีสามารถส่งอีเมล์มาได้ที่ ns_nissy@yahoo.com ได้นะคะ จะนำคำถามมาตอบเรื่อยๆค่ะ
จากคุณ :
NS
- [
18 ส.ค. 51 20:05:25
A:10.64.22.106 X:213.86.213.196 TicketID:184548
]
|
|
|
|
|