ความคิดเห็นที่ 1 ญี่ปุ่นเป็นประเทศทุนนิยม แต่พัฒนาไปมากในแง่การลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน เช่น - คนรวยยอมจ่ายเงินให้รัฐไปใช้เจือจุนคนจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสังคมจะได้ไม่ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อสวัสดิภาพของคนรวย - ค่าโรงเรียนของเด็กระดับเนสเซอร์รี่ถึงอนุบาล กรณีโรงเรียนที่เป็นของรัฐ จะขึ้นอย่กับรายได้ของพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่มีรายได้ต่ำ ก็เสียค่าโรงเรียนถูก ซึ่งทางโรงเรียนจะไม่รู้รายละเอียดพวกนี้ เพราะการกำหนดอัตราค่าโรงเรียนนั้น อำเภอจะเป็นผู้กำหนด และเราจ่ายเงินให้กับอำเภอ โรงเรียนก็จะดูแลเด็กอย่างเท่าเทียมกัน - เพื่อส่งเสริมให้คนมีลูก เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนจบป.6 จะได้เงินจุนเจือจากรัฐ ทั้งนี้ จะได้มากน้อยขึ้นอยู่กับท้องที่ ในถิ่นทุรกันดารจะได้มากกว่าในเมือง ลูกคนน้องที่รองลงมาจะได้มากกว่าหรือเท่ากับคนพี่   - ภาษีมรดก มหาโหด เพื่อบีบคนรวยให้ใช้จ่ายมากกว่าเก็บ จะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อเม็ดเงินไหลเวียน และบีบให้คนขยัน พึ่งตนเอง ไม่ต้องหวังรอรับมรดก เป็นต้น จากคุณ : สำเภาเหิร - [ 20 ส.ค. 51 18:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากให้ไทยเป็นแบบญี่ปุ่นนะ จากคุณ : คงเจริญ (meaw_1985) - [ 20 ส.ค. 51 18:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นที่ 1 ตรงกับคำตอบในใจเลยค่ะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาก็จริง แต่จิตสำนึกต่อธรรมชาติยังมีอยู่เยอะ นโยบายแยกขยะยังใช้ได้จริงอยู่ ที่บ้าน แม้แต่ล้างถ้วยตอนเช้ายังใช้น้ำเปล่าล้างเลยค่ะ แม่แฟนบอกว่า มันจะดูไม่ดี ที่เห็นฟองลอยไปตามท่อระบายน้ำแต่เช้า โอ...คิดล้ำลึกจริงๆ  แล้วมีผงล้างจานแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมแจกให้ฟรีค่ะ ขยะเปียก ทิ้งในถังพลาสติก เอาผงฝุ่นกลบทับ กลายเป็นปุ๋ยหมักไป บางทีก็ไปขุดๆแปลงผักหลังบ้าน ฝังเอาค่ะ นานๆไปเป็นปุ๋ยให้ผักไป ลูกชายไปขุดเล่น เจอกระดูกไก่ ยังว่าเป็นฟอสซิลไดโนเสาร์เลยค่ะ ซื้อของจ่ายเงิน มีคิวค่ะ  ไม่มั่ว ไม่แซง  ขับรถสวนกันก็แอบให้กัน แล้วก็ยกมือขอบคุณกัน   เดินเล่นแถวหมู่บ้าน เจอหน้ากันก็ทัก คอนนีจิวะ ทั้งที่ไม่รู้จักกันค่ะ มานี่ไม่เคยถูกโกง ไม่โดนเอาเปรียบ  ทำอะไรสบายใจค่ะ  สังคมทัดเทียมกัน ผู้หญิงที่เป็นแม่แล้ว ยังออกไปทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัวได้ค่ะ คนที่นี่ไม่เหยียดอาชีพ  งานอะไรที่สุจริต ยอมรับได้หมดค่ะ   ที่นี่ทุ่มเทกับเด็กมาก เห็นความสำคัญของเด็ก  สร้างสวนสาธารณะมากมาย เล่นได้แบบไม่เสียตังค์ก็เยอะ  จัดกิจกรรมวันโน้นนี้  แม้แต่ตามบ้านนอกก็มีสอนทุกอย่าง สอนเปียโน สอนยูโด สอนภาษา   รร.ประถม รัฐบาลมีตังค์จ้างฝรั่งมาสอนภาษาอังกฤษ ให้เด็กๆได้เรียนกับเนทีฟมากขึ้น ตอนลูกสาวเกิด ได้รับเงินค่าคลอดจากอำเภอ  รับเงินขวัญถุงจากธนาคารที่สามีมีบัญชีอยู่  ได้เบิกค่าคาร์ซีท และตอนนี้ได้ขยายอายุในการรักษาพยาบาล ถึงอายุ 12 ปีแล้วค่ะ  คลีนิคหรือรพ. รักษาในมาตรฐานเดียวกันได้ค่ะ ไม่ต้องไปหาเอกชนดังๆ จากคุณ : Mnki - [ 20 ส.ค. 51 19:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนคัวคิดว่า เป็นชาติที่มีวินัยและการทุ่มเทค่ะ นับถือ"ผู้นำในอคีต" ที่สร้างทัศนคติให้กับคนญี่ปุ่นให้เป็นแบบนี้ได้ นอกจากนั้นก็คิดว่า ภาวะภูมิประเทศที่พื้นที่เพาะปลูกก็น้อย มีแต่ภูเขา คนจะอดตายได้ง่ายๆ ในสมัยก่อน ทำให้เกิดการดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด จริงๆ คืนนี้ไว้จะลองคุยกับสามีเรื่องนี้ดู ดูสิว่าคนญี่ปุ่นเค้าคิดยังไงด้วยเนอะ น่าสนใจดี (เคยถามเหมือนกันแต่จำคำตอบไม่ได้แล้ว ไว้ถามใหม่ค้า) จากคุณ : zuling68 - [ 20 ส.ค. 51 19:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อคืนเอาคำถามนี้ ถามลุุงสาหร่ายเหมือนกัน เขาก็ตอบมาว่า เพราะญี่ปุ่นเคยแพ้สงคราม ความพ่ายแพ้นำความเจ็บปวดมาให้คนญี่ปุ่นมาก สำหรับคนรุ่นเก่า แต่เด็กสมัยนี้อาจจะไม่ค่อยเจ็บปวดเท่าคนแก่ เพราะการแพ้สงคราม ทำให้พวกเขาต้องเป็นคนที่ประหยัด อดทน และมุ่งมั่นเพื่อที่จะทำให้ชาติกลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิม เป็นความจริงอย่างที่คุณMnki พูดมาข้างต้น คนของเขามีความรับผิดชอบกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้ที่ทิ้งขยะ(แถวบ้านที่อยู่)การวางทิ้งถุงขยะ เขายังให้ความสำคัญ ถ้าอยู่ใกล้บ้านใคร เขาก็จะคอยดูแลกวาดล้างหลังจากที่รถขยะมาเก็บขยะไปแล้ว ไม่มีเศษขยะหรือน้ำขยะไหลเลอะเทอะให้สกปรก มีการรวมกลุ่มกันเพื่อออกเก็บเศษกระดาษ เศษหญ้า เพื่อให้ถิ่นที่อยู่สะอาดเจริญหูเจริญตาไม่สกปรกเลอะเทอะ ตามความเห็นของคุณสำเภาเหิร ก็เห็นด้วยว่า อยู่ที่ญี่ปุ่นคนเขาแม้จะจนหรือรวยก็ไม่แบ่งกันเหมือนที่ไทย คนรวยก็ยังสามารถขี่จักรยาน นั่งรถไฟ เหมือนชาวบ้าน การเก็บภาษีมรดกก็ทำให้เกิดการกระจายรายได้ ญี่ปุ่นก็มีหลายๆด้านที่เป็นปัจจัยให้ชาติเขาเจริญก้าวหน้า หันกลับไปมองเมืองไทย ยังทะเลาะกันไม่เลิก คนที่ออกมาก่อม๊อบกู้ชาติ ถ้าเปลี่ยนความคิดใหม่ นำความสามัคคีแบบนั้น กลับมาทำให้เรื่องวุ่นวายที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกที่เมืองไทยกลายเป็นเรื่องสร้างสรรค์ คงจะดีกว่าทุกวันนี้ที่เดี๋ยวเฮไปปิดถนนที่โน่นที่นี่ ดูๆแล้วก็เหมือนตลกข้างถนน หากินกับความศรัทธาของประชาชน มีวาทะศิลปิ์ดีก็สามารถหาพวกได้ จากคุณ : พนอจัน - [ 21 ส.ค. 51 05:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าไปอ่านกระทู้ที่ป้าลิงค์ไว้รู้สึกจะมีประเด็นเรื่อง ญี่ปุ่น เยอรมัน แพ้สงครามทั้งคู่ ทำไมพัฒนาฟื้นตัวเร็ว แถมแซงหน้าประเทศอื่นๆอีก หนูพอมีความเห็นจากที่สังเกตมานิดหน่อยค่ะ หลังสงคราม สองประเทศพบกับความลำบากแสนสาหัส ข้่าวยากหมากแพง พลังงานขาดแคลน ทำให้รัฐบาลต้องรณรงค์ให้คนในประเทศอยู่กันอย่างประหยัด ขยันขันแข็ง อดทน และสร้างระเบียบวินัยในประเทศเป็นอย่างมาก โดยการออกกฏหมายเข้ม และปลูกฝังประชาชนกันตั้งแต่เด็ก และสิ่งที่อดนึกไม่ได้คือ ศาสนากำลังหมดไปจากสองประเทศนี้ในขณะที่ความกลัวประเทศชาติจะหายนะเข้ามาอยู่ในจิตใจแทน คนไทย...ที่ไม่กล้าทำผิดไม่ใช่เพราะกลัวกฎหมาย แต่กลัวบาปซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น คนไทยที่ไม่ได้ละอายเกรงกลัวต่อบาปจะเห็นแก่ตัวและไม่นึกถึงส่วนรวม กฏหมายก้อไม่สามารถควบคุมคนพวกนี้ได้ แต่คนญี่ปุ่นเห็นแก่ความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นหลักในการที่จะไม่แหกกฏ ระเบียบไหนรัฐตั้งไว้ จะไม่ค่อยฝ่าฝืน แต่ถ้าไม่มีระเบียบตั้งไว้ อย่าหวังจะให้คนญี่ปุ่นทำ สิ่งที่เห็นบ่อยๆเช่นบนรถบัส หรือรถไฟ ถ้าหนุ่มๆสาวๆนั่งอยู่ที่นั่งธรรมดาไม่ใช่ที่นั่งพิเศษสำหรับคนแก่ คนท้อง คนพิการแล้ว จะไม่มีทางลุกให้คนพวกนั้นแม้ว่า ที่นั่งพิเศษนั้นเต็มแล้วมีคนแก่ขึ้นมาใหม่ เพราะถือว่าตัวไม่ผิด มีสิทธิ์เต็มที่ ในขณะัที่คนไทยที่จิตใจอ่อนโยนเพราะมีธรรมะในจิตใจจะทนเห็นคนแก่ยืนไม่ได้ ส่วนเยอรมัน กลัวมากเรื่องพลังงานจะหมดไป คิดไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานแล้วว่าจะไม่มีพลังงานใช้ ใครที่ใช้น้ำ ใช้ไฟเปลือง ถึงจะมีเงินจ่ายค่าน้ำไฟ ก้อจะถูกประนามว่าไร้สำนึกต่อพลังงาน แต่คนเยอรมันจะไม่เสียดายพลังงานเลยถ้าเอาไปใช้รักษาสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่น คนเยอรมันเวลาล้างจาน(ุถ้่าไม่ใช้เครื่อง)จะเปิดน้ำลงอ่างล้าง บีบน้ำยาล้างจานใส่ เอาจานสกปรกแบบยังไม่ได้ล้างเศษอาหารอะไรก่อนเลยนี่แหละจุ่มลงไป ถูๆด้วยสก๊อตไบรท์ แล้วยกขึ้นไปตากทั้งฟองฟอดเลย(เค้าว่าน้ำยาล้างจานเนี่ยกินได้) ประมาณว่าเสียดายน้ำกันจนขึ้นสมอง แต่แปลกที่หน้าร้อน ฝนแล้ง จะกลัวต้นไม้ตายมากกว่า เลยยอมเปิดน้ำรดต้นไม้เป็นชั่วโมงได้ไม่ยักกะกลัวเปลืองน้ำ เมื่อวาน หนูทะเลาะกะลุงเจ้าของบ้าน เพราะหนูไปซื้ออูล่งจ๊ะเป็นขวดจากร้านเอเชียมาดื่ม ลุงบอกว่าเธอจะบ้าเหรอ ไอ่ขวดหนักๆเนี่ยต้องขนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปลืองพลังงานเรือตั้งเท่าไหร่ กะแค่เอามากินเพื่อความอยาก ทั้งที่ชงกินเองก้อได้เนี่ยนะ หนูก้อบอกว่า อ้าวก้อบริษัทเรือเค้าไม่ได้คิดน้ำหนัก คิดแต่พื้นที่ ปริมาตรของ เพราัะงั้นถ้าร้านเอเชียเค้ามีที่เหลือในคอนเทนเนอร์เค้าจะเอาไรใส่มาก้อได้ ก้อเป็นสิทธิ์ของเค้าเพราะเค้าจ่ายเงินเต็มราคาไปแล้วนี่ แล้วถ้าจะให้เรือมาทั้งตู้ว่างๆเนี่ยมันเสียเที่ยว เสียเวลา ไม่ถูกหลักโลจิสติค กำไรหดแน่ แกก้อบอกว่า ก้อเธอนึกกันแบบนี้ พลังงานมันเลยหมดไปเรื่อยๆ โลจิสติคก้่อเป็นเรื่องของการค้าส่วนบุคคล แต่สำนึกในพลังงานมันเป็นส่วนรวมทั้งโลกเลยนะ ... บลาๆๆๆโดนเทศน์อีกเพียบ ก้ออืมมม พยายามจะเข้าใจในแบบของเค้าอ่ะค่ะ เลยยอมรับปากว่าจะไม่ซื้อมากินอีก เพราะฉะนั้นหนูคิดว่า ประเทศพวกนี้ปลูกฝังให้คนในชาติมีสำนึกต่อสังคม และสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าประเทศอื่นเพราะมันมีตัวอย่างจากบรรพบุรุษที่เห็นได้ชัด ที่จะชี้ให้เห็นว่าผลร้ายต่อการทำผิดระเบียบสังคมกับการไม่รักษาพลังงานจะนำประเทศกลับสู่ภาวะวิกฤตเหมือนตอนหลังสงครามอีก แต่ถ้าเปรียบกับไทยนั้น แทบจะไม่มีใครนึกถึงเรื่องพวกนี้เลย ขอแค่มีตังทำอะไรก้อได้ จะเปิดน้ำเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งวัน มันไม่บาปนี่ ใครจะคิดว่าเป็นความผิด แต่ในขณะเดียวกัน ความกตัญญูไม่ได้รวมอยู่ในกฏหมาย เพราะฉะนั้น คนญี่ปุ่น(สมัยนี้)กับเยอรมันกล้าด่าว่าพ่อแม่ตัวเองได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นบาป นั่นแล อีกเรื่องคือ รัฐบาลญี่ปุ่นกับเยอรมันนั้นโอบอุ้มคนตกงาน เพราะฉะนั้นประชาชนไม่ค่่อยหวังจะกอบโกยหรือรวยทางลัดใดๆทั้งสิ้นเพราะไม่ต้องกลัวอดตาย(อันนี้หมายถึงส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทุกคนนะคะ) แต่คนไทยถ้าไม่มีงานทำก้ออดตายแน่ๆ ความกลัวในการขาดปัจจัยสี่ของคนไทย(เป็นรายบุคคลแบบไม่ได้คำนึงถึงทั้งประเทศ)เลยรุนแรง จึงทำให้คิดว่า ตัวใครตัวมัน ใครดีใครได้ ต้องรวยเข้าไว้ให้มากๆเพราะการอดตายมันน่ากลัว... วิเคราะห์เอาเองได้ประมาณนี้อ่ะค่ะ.... ยาวเชียว ^^; จากคุณ : enjoymiracle - [ 21 ส.ค. 51 06:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีอย่างนึงที่ญี่ปุ่นดูจะน่าเป็นห่วงมาก คือ ประชากรเด็กลดลงค่ะ หมอสูติก็น้อยลงทุกวันเนื่องจากอัตราการเกิดน้อยลง  ส่วนหมอเด็กก็ไม่มากเท่าไหร่ค่ะ ต่อไปอนาคตอาจจะลำบากในการไปหาหมอมากขึ้น คนแก่จะเต็มไปหมด แล้วใครจะดูแล  คนสาวก็แต่งงานช้าลงและบางคนก็ไม่อยากมีลูก ค่าใช้จ่ายที่สูงด้วย ส่วนสามีเป็นห่วงว่าเมื่อถึงอายุ 60 ปีจริงๆ วันนั้นจะได้รับเงินคืนจากรัฐบาลจริงหรือเปล่า เพราะตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ขาดทุนอยู่เยอะค่ะ ขอชื่นชมญี่ปุ่นอย่างนึง ที่หาไม่ค่อยได้ในไทย คือ การคอรัปชั่น  การรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทุกคนมีความละอาย และเมื่อใครทำผิด ก็จะถูกประนามอย่างมาก  แม้แต่เรื่องรับสินบนเล็กๆน้อยๆ โทษรุนแรงมากและปฏิบัติได้จริงค่ะ จากคุณ : Mnki - [ 21 ส.ค. 51 06:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอมองแบบคนมองโลกในแง่ร้ายบ้างนะคะ คิดว่าที่เห็นว่าญี่ปุ่นพัฒนาแบบนี้ในปัจจุบัน คิดว่าญี่ปุ่นกินบุญเก่าค่ะ ตอนนี้ก็ ต้องมาดูกันแล้วว่าบุญเก่าที่สะสมมาตั้งแต่คนรุ่นปู่กำลังจะหมดไปเพราะคน รุ่นหลาน เหลนหรือเปล่า ที่เห็นรอบตัวทุกวันนี้มีแต่.... - คนไร้ศีลธรรมมากขึ้น - คนไร้ความรับผิดชอบมากขึ้น - คนไร้ระเบียบวินัยมากขึ้น ยกตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมนะคะ - การแยกขยะ 1. คอนโดที่บ้านสามารถทิ้งขยะได้ 24 ชม. มีการติดผังแยกขยะให้เห็น อย่างชัดเจน แล้วยังมีcircular bulletinเวียนบอกซ้ำบอกซาก ก็ยังมีคนที่ไม่ แยกขยะเผาไหม้กับพลาสติก ซึ่งแน่นอนทางเขตก็ไม่เก็บไปทิ้งให้ ขยะถุง นั้นก็ถูกแยกออกมาวางพร้อมปิดสติ๊กเกอร์หราประจานว่า "เอ็งทำผิดกฎ" ทิ้ง เอาไว้นานเป็นอาทิตย์ เจ้าของขยะ (ต้องรู้ว่าถุงนี้เป็นของเค้าชัวร์ๆ) ก็เอาหู ไปนาเอาตาไปไร่ สุดท้ายคอนโดก็ต้องจ้างคนมาทำการแยกขยะให้พวกมัก ง่ายเหล่านั้น (อยู่มา 2 ปี เคสแบบนี้ยังมีเห็นตลอด) 2. การทิ้งขยะชิ้นใหญ่ รู้ทั้งรู้ว่าต้องซื้อสติ๊กเกอร์ จ่ายเงิน โทรไปนัดกับเขต ให้มาเก็บไปทิ้ง แต่ก็ยังมีคนที่เอาฟูตงใหญ่ๆทิ่มตา มาวางทิ้งไว้ ผ่านไป 1 เดือนฟูตงนั้นก็ยังอยู่ โดยที่เจ้าของไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเลย ฯลฯ - ทัศนคติของคนรุ่นใหม่ 1. ตอนนี้คนจบใหม่ๆหลายคน ไม่มีความรู้สึกที่จะต้องทำงานเพื่อพัฒนาให้ ชาติเจริญอีกแล้ว ค่านิยมแบบใหม่คือ ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนทำ งานบริษัท พอใจกับการทำarbeitได้เงินไปวันๆ อยากออกเมื่อไรก็ออก อยากเข้าเมื่อไรก็หางานใหม่ ไม่ต้องมีข้อผูกมัด ไม่ต้องทนความกดดันภาย ใต้กรอบสังคมในบริษัท 2. ผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนอยากได้ลูกสาว เพราะคิดว่าลูกสาวจะมีชีวิตที่สบาย กว่าลูกชาย ไม่ต้องรับผิดชอบครอบครัว ไม่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือ ครอบครัวอย่างหามรุ่งหามค่ำ ไม่ต้องเสียภาษีให้รัฐนำไปเลี้ยงคนแก่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ ภาระหนักๆแบบนี้เป็นภาระของพวกผู้ชายเค้า แต่แม่ๆญี่ปุ่นหารู้ไม่ว่า ในอนคตลูกสาวก็ต้องทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดไม่แพ้ลูกชายเหมือน กัน เพราะปริมาณการเกิดของญี่ปุ่นน้อยลงไปมาก - การขาดจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม 1. เมื่อวานเพิ่งดูข่าวหยกๆ ที่เต่าทะเลขึ้นมาไข่บนบกที่เกาะYakushima นัก ท่องเที่ยวที่ไปเฝ้าดูใช้กล้องที่มีแฟลชถ่ายภาพตอนเต่ากำลังออกไข่ ทำให้ เต่าบางตัวไม่ยอมออกไข่แล้วกลับลงทะเลไป (ทั้งๆที่เป็นฤดูวางไข่) บ้างก็ ขุดหลุมเพื่อดูไข่ที่เต่าเพิ่งวางไป ฯลฯ 2. (ใกล้ตัวหน่อย) ช่วงวันหยุดฤดูร้อน เด็กชั้นม.ต้นพาเพื่อนหลายคนเข้ามา ใช้ฟิตเนสในคอนโด แต่ไม่เคารพกฎระเบียบที่ทางคอนโดวางไว้ เช่น ขึ้นไป วิ่งบนtreadmillโดยไม่ใส่รองเท้ากีฬา(วิ่งเท้าเปล่า กับใส่ถุงเท้า) เปิดแอร์ กระหน่ำ 3 ตัวของข้างนอก (22 องศา) แล้วตัวเองกับเพื่อนก็เข้าไปตีปิงปอง อีกห้องหนึ่ง (ก็เปิดแอร์กระหน่ำห้องนั้นเหมือนเดิม) เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน ตลอดช่วงวันหยุดฤดูร้อน จนตัวเองอยากจะโทรไปเรียกconciergeให้ขึ้นมา จัดการเลย แต่ก็ทำได้แค่ไล่ตามปิดแอร์ (รู้สึกกับตัวเลยว่า พ่อแม่สมัยนี้ไม่ค่อยสั่งสอนลูกตัวเอง) ตอนนี้นึกออกแค่นี้ค่ะ แต่ก็รู้สึกว่าสังคมญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยนไปจริงๆ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 21 ส.ค. 51 08:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีความคิดคล้ายคลึงกับความเห็นด้านบนหลายความเห็นค่ะ สิ่งดีๆของเขาเยอะค่ะ ก็ชื่นชอบค่ะ อยากทำได้แบบเขาค่ะ แต่มีบางสิ่งที่ดูเหมือนว่า กลไกทางสังคมที่นี่เหมือนเครื่องจักรที่ทำงาน ขาดชีวิตชีวาค่ะ ขาดมิตรภาพที่จริงใจ และน้ำใสใจจริงค่ะ แต่โดยรวมแล้ว ก็โอเคนะคะ ของเค้าดีจริงๆ (แอบชม)   ไม่รู้จะนอกเรื่องไปนิดหรือเปล่า ขอโทษด้วยนะคะ ยกตัวอย่างที่ไม่ชอบเลย คือสังคมที่เร่งรีบ เช่น เวลาไป supermarket แม่บ้านจะรีบกันมากๆ หน้าบึ้งตึง แย่งกันหยิบของ รู้สึกเสียความรู้สึกกับแม่บ้านบางคนแถวบ้านค่ะ ไม่ใช่คนเดียวนะคะ เป็นกันเยอะมาก คือ ชอบเดินกระแทกและแซงคิว ไม่ขอโทษค่ะ สามีก็เจอบ่อยแต่ก็ทำใจค่ะ คุณพี่ๆ ป้าๆ น้าๆ คงรีบกลับไปเตรียมอาหาร จากคุณ : Yuki no hana - [ 21 ส.ค. 51 08:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้นี้อาจจะเป็นวิชาการไปเสียหน่อย แต่ก็ดี ได้ฟังความคิดเห็นหลากหลายจากท่านผู้วิชาความรู้หลายท่าน ป้าคิดว่า ตอนนี้หญิงไทยหลายๆท่านได้มาแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อไปก็มีส่วนเป็นอย่างมาก ที่จะอบรมบุตรธิดาของท่านที่จะเป็นพลเมืองญี่ปุ่นต่อไปในอนาคต หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณแม่บ้านคงจะอบรมสั่งสอนให้บุตรหลานของท่าน เป็นเด็กที่ฉลาดและมีคุณธรรมสมเป็นเด็กรุ่นใหม่สายเลือดไทย-ญี่ปุ่น ต่อไปอนาคตของญี่ปุ่นก็คงต้องมีเด็กญี่ปุ่น-ไทย เป็นกำลังที่จะช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่นได้บ้างไม่มากก็น้อย จากคุณ : พนอจัน - [ 21 ส.ค. 51 11:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ : enjoymiracleอยุ่เยอรมันหรอครับ เคยไปทีต้นไม้เยอะมากกกแต่ไม่ชอบตรงเข้าห้องนำต้องเสียตัง ว่าแต่ที่คนญี่ปุ่นกับเยอรมันไม่ค่อยมีเด็กเหตุผลเหมือนกันไหมครับ จากคุณ : J@ - [ 21 ส.ค. 51 13:17:57 A:123.223.45.202 X: TicketID:131201 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนอยู่ญี่ปุ่นปีแรกๆอะไรก็ปลื้มก็ตื่นเต้นไปหมด แต่พออยู่ไปนานๆเริ่มเซ็งและไม่ชอบบางอย่างในญี่ปุ่น ( แต่อยู่ญี่ปุ่นก็ยังดีกว่าไทยนิดนึง ) คงเป็นประเภทได้คืบแล้วจะเอาศอกละมั้ง.. แต่ยังไงยังงั้น อยู่ญี่ปุ่นทุกคนก็ยังได้รับความเท่าเทียมกันในสังคม ทุกคนได้ใช้ระบบสาธารณูปโภค  หรือการคมนาคมได้อย่างคล่องตัวและเท่าเทียมกัน  รวมไปถึง การรักษาพยาบาล ( แม้ว่าการรับไข้จะมีขีดจำกัดเวลาเพียงนิดเดียว และห่วยแตกเพียงใด แต่ทุกคนก็รับสิทธินั้นเหมือนกัน ) ไม่เหมือนเมืองไทย  ใครมีตังค์ก็ได้รับการบริการที่ดี   ส่วนคนจนคนบ้านนอก คนชนบทก็ตามมีตามเกิดกันต่อไป แต่ไม่แน่นะคะ  ตอนนี้ญี่ปุ่นก็เปลี่ยนไปมาก คนรุ่นหลังดูเหมือนไม่มีระเบียบวินัยเท่าคนรุ่นก่อนเท่าไหร่ เจริญทางด้านวัตถุ แต่เสื่อมถอยทางด้านจิตใจ ( แต่ก็ไม่รู้นะ  ทุกวันนี้ในโลกนี้ด้านจิตใจก็เสื่อมถอยกันมาก ก็ส่วนใหญ่ก็คงเห็นวัตถุเป็นสำคัญล่ะมั้งคะ  แม้แต่ที่ไทยเราเมืองชาวพุทธ  หรือจะเถียงว่าไม่จริง   ) อีกอย่างตอนนี้รู้สึกว่า ญี่ปุ่นเค้าจะปลื้มอเมริกาหรือคนที่มาจากฝั่งยุโรปมากๆเลย  ดูไม่ค่อยชาตินิยมแล้ว สังเกต แม่บ้านที่มีลูกจะหันไปใช้ของที่มาจากทางนั้นกันเยอะ เค้าคิดว่ามันดี ทั้งๆที่ ของในบ้านตัวเองที่ผลิตมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ( ยกเว้นอาหารเท่านั้นแหล่ะ ที่เค้ายังคิดว่า บ้านเค้าทำผลิตมาดีเลิศ ปลอดภัยกว่าประเทศไหนๆ ซึ่งมันก็จริง มันถึงเป็นผลดีต่อเกษตรกรในญี่ปุ่นไงคะ  ถึงแม้ว่าจะทำงานด้านเกษตรแต่ก็มีเงินทัดเทียมกับคนอื่นๆ ไม่เหมือนบ้านเรา  เกษตรกรทำงานยังไงก็ยากจนวันยังค่ำ  สงสัยต้องปรับปรุงหลายๆอย่างแล้ว  บ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรมนี่นา พื้นที่อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าจะมีเกษตกร ผู้บุกเบิกใหม่ๆเห็นความสำคัญกับตรงนี้มากกว่า อุตสาหกรรมอย่างเดียว ) แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 51 17:56:36 แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 51 17:19:43 จากคุณ : LilyAi - [ 21 ส.ค. 51 17:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วัสดีค่ะคุณป้า  ความคิดหลายท่านพูดตรงใจเกือบหมด ส่วนตัวชอบความมีระเบียบวินัย เคร่งครัดในกฏระเบียบมากเลย อยากให้ประเทศเป็นแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ จากคุณ : หนูริวจัง - [ 21 ส.ค. 51 20:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 วันนี้ป้ามาแปลก "คนที่นี่ไม่เหยียดอาชีพ  งานอะไรที่สุจริต ยอมรับได้หมดค่ะ  " ผมก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน แต่เพราะอย่างงี้ คนที่พี่ฟัดจ์ว่าทำแต่ไบต์ ไม่ทำงานประจำ เพราะสะดวก ออกง่าย งานสบาย เงินก็พอๆกันจึงมีเยอะมาก ญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ ผมก็คิดเหมือนกันว่า มีบารมีเก่าเยอะมาก เด็กรุ่้นใหม่ ก็ังมีความรู้สึกของความเป้นญี่ปุ่นที่มีระเบียบวินัยบ้าง แต่ว่า แทบจะครึ่งหนึ่งก็เปลี่ยนไปแล้ว คนญี่ปุ่น ไม่ได้ขยันและมีระเบียบวินัยอย่างที่หลายๆคนคิดเลยจริงๆ การเปลี่ยนไปแบบนี้ น่าเสียดายเหมือนกัน จากคุณ : teddyblooh - [ 21 ส.ค. 51 22:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องสงครามก็คงเป็นส่วนนึง แต่จริงๆแล้วไม่ว่าเยอรมันหรือญี่ปุ่น ก่อนสงคราม ก็มีรากฐานดีอยู่แล้ว เพราะมีทรัพยากรมนุษย์ที่ดี มีระเบียบวินัยเคร่งครัด เห็นได้ว่า ประเทศเวียดนามก็แพ้สงครามเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้คุณภาพประชากรยังไม่ดีเท่าไหร่ ปัญหาความยากจน ก็ยังแก้ไม่ได้ และการพัฒนาประเทศก็ยังไปไม่ถึงไหน ส่วนเรื่องที่ว่าคนญี่ปุ่นตอนนี้ที่เปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องธรรมดาของบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว ประชากรสุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนมาก แต่ยังไงเสีย ระบบต่างๆของบ้านเมืองพัฒนาได้ดีอยู่แล้วก็คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : Laura Ashley - [ 22 ส.ค. 51 07:33:32 A:60.41.80.24 X: TicketID:118782 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอตอบด้วยคนนะคะ คิดว่ามีหลากหลายปัจจัยมากค่ะ ที่เกื้อหนุนให้ญี่ปุ่นโตได้ขนาดนี้ ข้อที่หนึ่ง  ปัจจัยทางด้านทรัพยากรบุคคล การศึกษา ประชากรญี่ปุ่น ตั้งแต่ก่อนสงคราม มีอัตราการรู้หนังสือค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการกระจายการศึกษามามากตั้งแต่ก่อนสงคราม นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นเป็นเกาะ ทำให้ผู้คนยึดมั่นกันเหนียวแน่น แบ่งแยกระหว่างตนกับต่างชาติ (จนถึงปัจจุบัน) หรือที่เราเรียกว่าชาตินิยม  และการเป็นสังคมซามูไรมาก่อน จึงเกิดความเคารพกฎ เคารพองค์กร ทำงานหนักเพื่อความสำเร็จขององค์กรโดยรวม  และการกระจายความเจริญไปทั่วประเทศ ทำให้คนมีความเท่าเทียมกัน มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นชนชั้นกลางเหมือนกัน ไม่มีความแตกต่างทางสังคมที่ชัดเจนแบบบ้านเรา ข้อที่สอง นโยบายการใช้อุตสาหกรรมนำประเทศ มีเพียงสิ่งเดียวที่ญี่ปุ่นจะทำให้ชาติอื่นๆยอมรับ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของประเทศได้อย่างรวดเร็ว และญี่ปุ่นก็สามารถทำได้สำเร็จ อย่างที่เราได้เห็นไปแล้ว ผลิต(เลือกผลิตแต่ของที่ขายได้) เพื่อการส่งออกจนโตได้ขนาดนี้   ข้อที่สาม  ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรที่ว่านี้หมายถึงสินแร่เหล็กค่ะ ญี่ปุ่น มีเหล็กอยู่มาก ช่วยได้อย่างมากในการรองรับนโยบายใช้อุตสาหกรรมนำประเทศหลังสงคราม และทุกวันนี้ญี่ปุ่นก็ยังส่งออกเหล็กขายให้ประเทศที่ตัวเองไปวางอุตสาหกรรมเอาไว้ และประเทศกำลังโตอย่างจีน   ข้อที่สี่  ปัจจัยทางด้านการเมือง รัฐธรรมนูญที่อเมริกาเขียนไว้ช่วงยึดครองญี่ปุ่นหลังสงคราม ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศประชาธิปไตย ที่ไม่สามารถเน้นการสงคราม มุ่งแต่ความสงบ และพร้อมสำหรับพัฒนาเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ การเมืองญี่ปุ่น ถือว่ามั่นคงมากเพราะพรรคผู้นำในรัฐบาลตั้งแต่หลังสงคราม เป็นพรรคเดิมตลอด ทำให้การพัฒนาประเทศดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คิดว่า ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆอีกค่ะ ส่วนปัจจุบันเราก็คงเห็นกันอยู่แล้ว ปัญหาความแตกต่างทางสังคม การศึกษา ทัศนคติของคนหนุ่มสาวต่อการทำงาน ระเบียบวินัย ทุกอย่างเริ่มหย่อนยาน แล้วที่สำคัญเด็กมากคนแก่น้อย ปัญหายอดฮิตของประเทศพัฒนาแล้ว ก็กำลังออกฤทธิ์   คิดว่าญี่ปุ่นก็เหมือนกับต้นไม้ที่โตเต็มที่แล้ว การพัฒนาก็จะไม่เป็นไปแบบก้าวกระโดด กำลังกินบุญเก่าที่มีอยู่มากมาย  นับถือที่ญี่ปุ่นมีปัจจัยพวกนี้พร้อมๆกัน ในขณะที่บ้านเรา มีอย่างขาดอย่าง คิดว่าสุดท้าย ญี่ปุ่นก็จะยังเป็นหนึ่งในผู้นำสำคัญอยู่เหมือนเดิมค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 51 23:34:51 จากคุณ : minisealion (minisealion) - [ 23 ส.ค. 51 23:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมกันออกความเห็นค้ะ อย่างที่บอกว่าเท่าที่สังเกตุคนญี่ปุ่น เขาเป็นสังคมที่ชอบทำอะไรเหมือนกันๆ การทำอะไรเป็นหมู่คณะ มีความนับถือผู้นำ เหมือนสมัยก่อนที่ซามูไรให้ความคำรพเชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้า การพ้ฒนาบ้านเมืองของเขาก้าวหน้าเพราะเขามีความมุ่งมั่น อยากให้ประเทศลืมตาอ้าปากได้ จึงร่วมแรงร่วมใจกัน คนในชาติเขาก็มีความเป็นนักวิทยาศาตร์ เห็นอะไรก็อยากคิดค้น ดังจะเห็นได้จากเขาจะคิดอะไรหลายอย่างจากวิถึชีวิตธรรมดา แม้แต่แม่บ้าน ก็คิดหาวิธีการทำงานบ้านให้ได้สะดวกขึ้น จึงเกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ การกีฬาของเขาก็พยายามหมั่นฝึกฝน เมื่อก่อนฟุตบอลไม่เก่ง เขาก็ลงทุนจ้างผู้สอนที่เก่งๆมาสอน แม้แต่ล่าสุดกีฬาซอฟบอล ซึ่งญี่ปุ่นได้เหรียญทอง ชนะชาติที่เป็นต้นกำเหนิดนำมาซึ่งความยินดีของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่า คนของเขาถ้าตั้งใจทำสิ่งใดก็พยายามทำให้ได้ดี ก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ประเทศเขาพัฒนาไปได้เร็ว จากคุณ : พนอจัน - [ 24 ส.ค. 51 18:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 51 12:27:37 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 51 10:10:31 จากคุณ : " ยูกะ " (YUCCA) - [ 25 ส.ค. 51 02:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาอ่านเก็บความรู้ค่ะ จากคุณ : Nippon Friday - [ 25 ส.ค. 51 06:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องอธิบายมากเลยครับ ก่อนที่จะพัฒนาประเทศ  ต้อง  พัฒนาคน ก่อนครับ การพัฒนาคน ก็คือ การให้การศึกษาอย่างทั่วถึงและการปลูกฝังจิตสำนึกต่อส่วนรวม แล้วสนับสนุนให้คนที่ถูกพัฒนาแล้ว ให้ขึ้นมาบริหารชุมชนหรือประเทศ ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ แต่เรื่องแค่นี้ทำกันจริงๆ มันยากเสียเหลือเกิน จากคุณ : T-E-N-A - [ 25 ส.ค. 51 10:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุญาตคุณป้าพนอจัน มาตอบ คห ที่ 11 ค่ะ แล้วแต่ว่าคุณไปเมืองไหนของเยอรมันนะคะ เมืองเล็กๆบ้านนอกๆห้องน้ำเข้าฟรีค่ะ แต่ยิ่งเมืองใหญ่ยิ่งค่าเข้าแพง ทางที่ดี ถ้าคุณเดินทางโดยรถไฟ ก้อเข้าห้องน้ำในรถไฟเอาดีกว่าค่ะ เรื่องไม่ค่อยมีเด็ก เราว่าตอนนี้ทั้งญี่ปุ่นทั้งเยอรมัน เด็กเยอะมากจนสวนสนุกกะร้านขายของเด็กรวยไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ (ตอบตามที่เห็นนะคะ ไม่ทราบข้อมูลจริงๆเหมือนกัน) จากคุณ : enjoymiracle - [ 25 ส.ค. 51 16:05:39 ]