 |
สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน ฟิสท์แอนด์ชิ้ปใส้โรตีเมืองผู้ดี
สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน ฟิสท์แอนด์ชิ้ปใส้โรตีเมืองผู้ดี Episode VIII: A Roti inside Fish & Chips
คุณอู๋คิดว่าคุณนักอ่านคอลัมน์คงเคยได้ยินที่เค้าพูดกันว่า ดูหนัง ดูละคร ให้ย้อนดูตัว บ้างก็แปลความหมายว่าเวลาดูละครน่ะให้มองว่าบางแง่บางมุมของมันก็มีแง่ดีที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเรา แง่ไม่ดีก็ให้ดูเป็นตัวอย่างจะได้ไม่เอามาใช้ แต่พูดก็พูดเถอะค่ะ ในโลกความเป็นจริงเนี่ยคนส่วนน้อยหรอกค่ะที่ดูหนังดูละครเสร็จปุ๊บก็เอามานั่งคิดเป็นจริงเป็นจังว่า เอ ดูละครไปเมื่อตะกี้อะไรน้าที่ชั้น (กู) ควรนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ คนส่วนใหญ่น่ะพอดูหนังจบก็จะคิดไปทำนองว่า แหม ถ้าชั้นเป็นนางเอกในเรื่องก็ดีเนอะ พระเอกหล่อโคตร รึไม่ก็ โธ่ ถ้าชั้นเกิดมาสวยหน่อยอย่างนางเอกก็ดีคงดี ป่านนี้คงมีคนมารุมจีบ ไม่ต้องขึ้นคานอย่างงี้ คุณอู๋เองก็คนนึงล่ะค่ะที่เวลาดูหนังดูละครเสร็จปั๊บน่ะไม่ค่อยมานั่งคิดเป็นการเป็นงานว่าจะนำอะไรจากหนังจากละครที่เพิ่งดูมาใช้ในชีวิต ก็มีบ้างแหละค่ะที่คิดได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยจะมุ่งไปทางจินตนาการว่าตัวเองน่ะเป็นนางเอกในหนังในละครซะมากกว่า แล้วคุณนักอ่านละคะเป็นแบบไหนกัน
ตอนคุณอู๋ทำงานเป็นสาวออฟฟิสเมืองไทยได้ดูหนังที่มาจากเมืองผู้ดีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ ที่จำได้น่ะก็มี Harry Potter, Love Actually, Notting Hill แล้วก็ Bridget Joness Diary เรื่องหลังสุดเนี่ยถึงจะไม่ใช่เรื่องที่คุณอู๋ดูบ่อยที่สุด แต่ขอบอกค่ะว่า ทันทีที่คุณอู๋ได้รับการตอบรับให้ไปทำงานออฟฟิสที่เมืองผู้ดี ภาพของบริดเจด โจนส์ สาวออฟฟิส (โสด) รุ่นราวสามสิบที่ใช้ชีวิตหรูเริ้ดอยู่ที่มหานครลอนดอนและฉากต่างๆในหนังเรื่องนี้มันก็แว๊บเข้ามาในหัวสมองของคุณอู๋ทันทีเลย คุณอู๋ก็คิดไปโน่นเลยค่ะว่า เดี้ยนนี่แหละจะเป็น บริดเจด โจนส์คนต่อไป (ถึงแม้ว่า ขอประทานโทษ หน้าตาคุณอู๋จะไม่ได้มีแววว่าจะได้ใกล้เคียงเรเน่ เซววีเกอร์คนแสดงก็เถอะ) แต่ทว่าชีวิตจริงของสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีอย่างคุณอู๋กับบริดเจด โจนส์ในหนังเนี่ยจะเหมือนหรือต่างกันยังไง ลองอ่านกันดูดีมั้ยคะ...
หลังจากการเทรนที่คันทรี่คลับนอกเมืองลอนดอนได้ไม่นาน เค้าก็ส่งคุณอู๋และเพื่อนร่วมงานอีกประมาณสิบกว่าคนไปเฮดควอเตอร์แถวๆลอนดอนบริดจ์ค่ะ ทางบริษัทบอกว่าออฟฟิสที่ลอนดอนเนี่ยใหญ่ที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากออฟฟิสที่ไทม์สแควร์นิวยอร์ค คุณอู๋ฟังครั้งแรก ก็เอาอีกแล้วค่ะ แม๊ ฟังดูจริงๆเลย คิดในใจว่าเนี่ยมันต้องเป็นเหมือนในหนังแน่ๆที่ออฟฟิสอยู่ในตึกกระจกไฮโซสูงระฟ้ามองลงมาเห็นทั่วลอนดอน ในที่ทำงานก็คงมีแต่คนแต่งตัวเวอร์ๆ ใช้แบรนด์เนมกับพรึ้บตั้งกะหัวจดเท้า ที่สำคัญเนี่ยคุณอู๋จินตนาการค่ะว่าในออฟฟิสคงเต็มไปด้วยสุภาพบุรุษหนุ่มเมืองผู้ดีหน้าตาดี สูงโปร่ง ตาสีฟ้า ผมสีน้ำตาลอ่อนประมาณฮิวส์ แกรนด์ รึ เดวิท เบคแฮมให้หัวใจคุณอู๋ได้ตุ้มๆต่อมๆทั้งวันแน่ๆ แค่นึกคุณอู๋ก็อดใจแทบไม่ไหวแล้วค่ะ พลางคิดว่า เอาล่ะวะ โอกาสที่จะได้ทำให้เจ้านายสุดเท่ห์ในออฟฟิสเมืองผู้ดีมาตกหลุมรักเหมือนบริดเจด โจนส์ ในหนังน่ะมีมาให้เห็นๆค่ะ
เช้าวันแรกที่ไปคุณอู๋ก็กะสวยเต็มที่ แต่แล้วก็ซวยค่ะเพราะคืนนั้นดั้นนอนไม่หลับเลยเพราะแฟลตรูหนูที่คุณอู๋อยู่เนี่ยมันหนาวมากๆแล้วคุณอู๋ก็ดันงกอีกตะหากไม่ยอมใช้ฮีทเตอร์ค่ะ พอตื่นมา คุณพระช่วย! หน้าตาคุณอู๋แทนที่จะดูสดใสเปล่งปลั่งดั่งราศีสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีจับกลับดูสลึมสลือราวกับว่าเย็บตุ๊กตาผ้าในโรงงานมาทั้งคืนซะงั้น คุณอู๋ตะลีตะเหลือกออกบ้านไปถึงมอร์ลอนดอนเพลสตามที่แผนที่บอก ไม่นานก็เจอออฟฟิสตั้งตะหง่านอยู่หน้าคุณอู๋ค่ะ ว้าว ยังกะในหนังแน่ะ เป็นตึกกระจกไฮโซริมแม่น้ำเทมส์เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด ก่อนคุณอู๋จะเดินเข้าไปในออฟฟิส คุณอู๋ก็สูดลมหายใจซะลึกเชียวค่ะ พลางคิดในใจว่า วันนี้แหละที่สาวโสดอย่างเราจะได้สละคานคอนกรีตเสริมใยเหล็กซักที ได้ฝรั่งตาน้ำข้าวเมืองผู้ดีเป็นสาระมีขึ้นมาจริงๆเนี่ยคุณอู๋ (:-)) จะได้ปั้นลูกสาวลูกชายให้เป็นดาราให้ดังกว่าคุณน้องทาทาเลย จากนั้นคุณอู๋ก็รีบลัลลัลล้าเข้าไปในออฟฟิสด้วยความหวังเปี่ยมล้นและด้วยใบหน้าราวกับการ์ตูนญี่ปุ่นตาโตที่เพล่งพลายไปด้วยประกายดาวในแววตา
แต่แล้ว..
ทันทีที่คุณอู๋ก้าวไปในออฟฟิสก็ถึงกับลมจะจับกับภาพผู้คนที่เดินพลุกพล่านอยู่ตรงหน้าค่ะ คุณพระคุณเจ้าช่วย! นี่มันลอนด้อนเมืองผู้ดีรึบอมเบย์เมืองอินตะระเดียกันแน่เนี่ย!!!
ตอนดูหนังเรื่องบริดเจดส์ โจนส์คนในหนังมีแต่ฝรั่งหน้าตาดี ตาสีฟ้า ผมทองผมน้ำตาลเกือบทั้งนั้นเลย แต่พอเข้าไปถึงที่ออฟฟิสเมืองผู้ดีจริงๆเนี่ย ยังกะคนละโลกเลยค๊า จากการสังเกตุคนที่เดินผ่านคุณอู๋มาสิบคนเนี่ยนะคะเป็นพี่แขกซะห้า พี่ดำซะหนึ่ง เอเชียอย่างคุณอู๋อีกซะหนึ่ง แล้วฝรั่งเมืองผู้ดีจริงๆเนี่ยก็แค่สามเองอ่ะค่ะ กรรมจริงๆ ความฝันที่จะปั้นลูกให้เป็นดาราดังแซงหน้าคุณน้องทาทาเนี่ยท่าทางจะล่มแน่ๆ แต่แล้วคุณอู๋ก็เอะใจนึกขึ้นได้ค่ะว่า เอ๊ะ...ไม่แน่ คุณฝรั่งหน้าตาดีอาจจะทำงานอยู่ชั้นบนก็ได้ นี่แค่ชั้นล่างเอง อย่าเพิ่งหมดหวังสิเรา ว่าแล้วคุณอู๋ก็เริ่มบูสต์กำลังใจตัวเองขึ้นมาให้มีแรงเดินหน้าต่อไปค่ะ
พอขึ้นไปถึงชั้นที่ทำงานเค้าก็เริ่มแนะนำตัวให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นค่ะ ความหวังคุณอู๋มีมาอีกรอบแล้ว จะเป็นรักแรกพบรึเปล่าหนอ... Hi, My name is Rajal. Nice to meet u. เพื่อนร่วมงานคนแรกเข้ามาแนะนำตัว Hi, My name is Nissy. Nice to meet u too. คุณอู๋ยิ้ม พลางคิดในใจ ชักส่อแววไม่ดีแฮะ พี่แขกคนแรกเลย Hello, Im Rahul. Pleasure to meet u. เพื่อนร่วมงานคนที่สองเข้ามาแนะนำตัวไม่นานหลังคนแรก Hi, Im Nissy. Pleasure to meet u too. คุณอู๋ตอบยิ้มเจื่อยๆ แต่ในใจคิดว่า อะไรกันวะ พี่แขกอีกแล้วอ่ะ Hello, Im Ramaj and this is my colleague Rajah. There are a few more people I want to introduce too. They are Rama, Rajani, Rajhans
blah blah blah
ถึงตอนนี้คุณอู๋เองเข่าอ่อนแทบจะเป็นลมแล้วค่ะ ปัดโธ่ คุณอู๋เราอุตส่าห์ดั้นด้นจากเมืองไทยมาหาสาระมีผิวขาวตาน้ำข้าวเมืองผู้ดี แต่ดั๊นกลับเจอแต่หนุ่มผมดำตาดำ (สนิท) และผิวที่แทน (เอาม๊ากมาก) ไอ้ความฝันที่จะได้เป็นบริดเจดส์ โจนส์เนี่ยคงเป็นไปได้ยากแน่ๆ แค่วันแรกในออฟฟิสก็หาหนุ่มหน้าตาละม้ายคล้ายเศษเสี้ยวของฮิวส์ แกรนด์ซักคนยังมีเลย ท่าทางชาตินี้ถ้าไม่สงวนโสดตลอดชีพก็คงจะได้สมรสกับสุลต่านอินเดียเป็นแน่ แม๊ นึกแล้วก็แอบเคืองนิดนึงนะคะกับเรื่องบริดเจดส์ โจนส์ เนี่ย ในหนังน่ะมีแต่ฝรั่งให้เห็น แต่ชีวิตจริงแล้วเนี่ยหาแทบไม่ได้เลย เห็นอย่างนี้ก็ทำให้คุณอู๋คิดได้ค่ะว่า เอ จริงๆแล้วออฟฟิสเมืองผู้ดีที่คุณอู๋ทำงานอยู่เนี่ยก็ไม่ต่างอะไรกับฟิสท์แอนด์ชิ้ปใส้โรตีเล้ย มองจากนอกออฟฟิสเนี่ยดูฝรั่งเมืองผู้ดีจ๋าเชียวแต่พอเข้าไปจริงๆมีแต่พี่แขกค่ะ นี่คุณอู๋ไม่ได้มีอคติอะไรกับคุณพี่แขกนะคะเพียงแต่ว่าคุณอู๋อยากมีลูกเป็นลูกครึ่งฝรั่งเท่านั้นเองค๊า ฉบับหน้ามาติดตามกันต่อค่ะว่าชีวิตสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีของคุณอู๋เนี่ยจะมีส่วนคล้ายรึต่างกันสุดขั้วโลกกับบริดเจดส์ โจนส์ในเรื่องไหนอีก อดใจรอกับแป๊บนึงนะคะ
คุณอู๋
ถามคุณอู๋ (Ask Nissy) Q: เห็นได้ว่ามีอุปสรรคมากมายกว่าจะได้ไปเมืองผู้ดี คุณอู๋เคยนึกท้อใจ แบบว่าถอดใจไม่อยากไปเลยหรือเปล่าค่ะ แล้วอะไรเป็นแรงบรรดาลใจให้คุณอู๋มุ่งมั่นไปที่นั้นได้ค้ะ (จาก กบในกะลา)
A: เหมือนที่เล่าไปในฉบับก่อนๆมีบ่อยมากค่ะที่บางทีคุณอู๋ก็ถอดใจไม่อยากโกอินเตอร์เลยเพราะอุปสรรคเยอะมาก แต่ว่าสิ่งที่เป็นแรงผลักดันสำคัญสามอย่างของคุณอู๋คือ หนึ่งอยากหาตังค์ได้เยอะๆ สองคืออยากไปท่องเที่ยวดูโลกกว้างค่ะ คุณอู๋คิดว่าทำงานเมืองไทยคงจะยากที่จะเก็บเงินไปเที่ยวเมืองนอกบ่อยๆก็เลยคิดได้ว่าถ้าอยากไปเที่ยวบ่อยๆก็ต้องหาทางไปทำงานเมืองนอกมันซะเลย อย่างที่สาม (ที่สำคัญเลย) คือคุณอู๋คิดๆดูแล้วค่ะว่าอยู่เมืองไทยไปคงหาสามีไม่ได้แน่ๆ อยู่มาเป็นยี่สิบปีกว่าปีแล้วยังไม่มีแฟนเลยค๊า ดังนั้นเลยจึงต้องออกปฏิบัติการตามล่าหาสามีฝรั่งที่ต่างแดน แต่ก็นะคะ ผ่านมาจะสามปีแล้ว มิสชั่นหลังนี่ท่าทางจะไม่สำเร็จค่ะ ป.ล.ถ้าคุณนักอ่านคอลัมน์คนไหนมีคำถามอยากถามคุณอู๋เรื่องสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีสามารถส่งอีเมล์มาได้ที่ ns_nissy@yahoo.com ได้นะคะ จะนำคำถามมาตอบเรื่อยๆค่ะ
จากคุณ :
คุณอู๋
- [
22 ส.ค. 51 05:46:55
A:86.135.207.103 X: TicketID:184548
]
|
|
|
|
|