ความคิดเห็นที่ 1 อยู่ที่อเมริกา ประเทศนี้ผู้คนหลากหลายค่ะ ยังไม่เคยเจอเรื่องเหยียดผิว ที่บริษัทเค้า serious เรื่องนี้มาก ใครโดนรายงานมีหวังถูกไล่ออก แคนาดาน่าจะคล้ายกันนะคะ   ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า ถ้าเราไป group tour หรือเข้ากลุ่ม volunteer ที่มีแต่ฝรั่งผิวขาว แล้วเราเป็นเอเชียเค้าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ช่วยเหลืออีกต่างหาก เคยได้ยินเหมือนกันว่าในอเมริกามีคนที่เหยียดผิวอย่างรุนแรง แต่คงเป็นเฉพาะบางพื้นที่ คนที่มีจิตใจดีเค้าไม่ค่อยคิดเรื่องแบบนี้กัน แต่อย่างว่าเตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะคะ ร้อยพ่อพันแม่คิดไม่เหมือนกัน จากคุณ : pixp - [ 8 ก.ย. 51 10:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เคยค่ะ...เพื่อนทุกคนก็ปฏิบัติและให้เกียรติดีทุกคนค่ะ... จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 8 ก.ย. 51 10:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เท่าที่อยู่เยอรมันมาหลายปี ยังไม่เคยเจอคนเยอรมันดูถูกค่ะ  เรื่องเลือกปฏิบัติก็ยังไม่เคยเจอ มีแค่โดนมอง ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะเราเป็นคนต่างชาติ  หรือโดนเด็กวัยรุ่นแซว เช่น ทักว่าหนีห่าว เค้าคงแยกไม่ออกจริง ๆ แหละว่าเราไม่ได้เป็นคนจีน   ส่วนเวลาไปติดต่อธุระอะไร เจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติกับเราเหมือนกับคนเยอรมันค่ะ  พ่อแม่และญาติของแฟนก็คุยกับเราดีทุกคน เพื่อนแฟนจะอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ว่าเรากับแฟนรู้จักกันได้ยังไง  แต่ไม่เคยแสดงกิริยาดูถูก  เราว่าอยู่ที่การวางตัวนะคะ ถ้าคุณวางตัวดี แต่งตัวสุภาพ กิริยามารยาทเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้จักเรียนภาษาท้องถิ่น สนใจเรื่องวัฒนธรรมและประเพณีของที่ที่คุณจะไปอยู่ ไปที่ไหนก็มีแต่คนอยากผูกมิตรด้วยค่ะ  ถ้าคุณวางตัวดี แต่ยังเจอคนท้องถิ่นดูถูกอีก ก็อย่าไปใส่ใจคนโลกทัศน์แคบพวกนั้นเลยค่ะ  ใช้เวลาให้มีความสุขกับคนที่คุณรักดีกว่ามานั่งกังวลว่าคนอื่นจะดูถูกนะคะ จากคุณ : Sonnenschein - [ 8 ก.ย. 51 11:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยโดนจังๆครับ ตอนมาใหม่ๆ สักราวสี่ทุ่มเลิกงานในครัวใหม่ๆขึ้นรถเมล์เข้าไปนั่งติดกับคนผิวขาว เขาลุกหนีเลย ชิชะ ไม่อยากนั่งใกล้เรา ยังจำได้อยู่ทุกวันนี้เลยครับ คิดไปคิดมา เวรแท้ๆน่าจะมีการเกรงใจกันบ้าง เพื่อนคงเหม็นกลิ่นในครัว คุณ จขกท ผมว่าเป็นโชคไม่ดีของเพื่อนคุณมากกว่าที่มีความคิดแบบนั้น ถ้าเป็นผม ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นตราบใดที่เขาได้แต่คิดไม่มาตอแย ผมอยู่อเมริกา ไม่ได้เกิดที่นี่แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเป็นพลเมืองชั้นสองเหมือนที่บางคนคิดแต่อย่างใด และไม่ได้คิดว่าเป็นพลเมืองชั้นอะไรทั้งสิ้น ใครจะคิดอะไรไม่ได้เอามาให้รกสมอง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นว่าใครจะมาวุ่นวายให้รำคาญ แต่ไม่แน่เพราะไม่เคยไปอยู่เมืองที่มีแต่คนผิวหนึ่งผิวใดล้วนๆ มีคนเล่าว่าคนขาวบางแห่งไม่เคยเห็นคนดำ เคยเห็นคนดำเฉพาะในทีวี อาหารจีนก็ไม่เคยรู้จัก อย่าไปสนใจจริงจังกับที่ผมพูดมากนัก จากคุณ : อิสวาสุ - [ 8 ก.ย. 51 11:39:37 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยู่ออสเตรเลียมายี่่สิบปี ไม่เคยเจอคนปฎิบัติไม่ดีเพราะเราเป็นคนเอเซีย เคยแต่เจอคนนิสัยไม่ดี ซึ่งคนพวกนั้นก็ทำกับคนฝรั่งคนอื่นเหมือนกัน ก็เหมือนกับอยู่เมืองไทยอ่ะ เจอคนนิสัยไม่ดีใส่ก็มี ดีด้วยก็มี เราคิดอยู่นะว่าคนที่ชอบคิดว่าฝรั่งชอบ "ชอบ" ดูถูกเรา เพราะคนไทยเรานี่แหละชอบดูถูกชาติอื่นที่ด้อยกว่าเราในเรื่องฐานะ อย่าง เขมร ลาว เวียดนาม....เลยพาลคิดไปว่าคนชาติอื่นเขาจะคอยจ้องดูถูกเรา ปล แต่เราก็ไม่ได้บอกนะว่า คนที่เหยียดผิวในหมู่คนขาวจะไม่มี มี แต่เราไม่เคยเจอด้วยตัวเองนั่นเอง จากคุณ : j.....y - [ 8 ก.ย. 51 11:52:33 A:58.107.114.91 X: TicketID:096428 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก็มีแหละ เพื่อนที่ไปเรียนออสเตรเลีย อยู่กับ host ก็เจอเหยียดหยามทุกวันประมาณว่าไม่ชอบคนเอเชีย แต่มีอีกคนเป็นเด็กเยอรมัน การรับรองนี่แตกต่างกันมาก อนุญาตให้อาบน้ำได้วันละไม่เกิน 5 นาที ประมาณว่าฟังชีวิตมันแล้วรู้สึกหดหู่น่าสงสาร จากคุณ : แฟนผมน่ารักสุด - [ 8 ก.ย. 51 11:55:27 A:74.65.159.248 X: TicketID:167342 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อยู่แคนาดามาเกือบห้าปี ยังไม่เคยเจอนะครับ จะมีบ้างแบบมองแปลกๆ ถ้าไปยังเมืองเล็กๆตามชนบทของแคนาดา ที่คนส่วนมากเป็นคนขาว จากคุณ : JumboNanaimo - [ 8 ก.ย. 51 12:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ คห 3 ค่ะ จากคุณ : Whitebutterfly - [ 8 ก.ย. 51 12:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใครทำมาเราทำกลับ เคยไปแลกเงินที่ western union เจ้าหน้าที่มันฟังภาษาอังกฤษเราไม่ออก ทำหน้าไม่พอใจ โยนเอกสารมาให้กรอก ขอย้ำว่าโยน เรากรอกเสร็จ ก็โยนคืนกลับไป แรงกว่าที่มันโยนกลับมาอีก มันมองเราตาเขม็ง เราก็มองกลับไม่หลบตาอะ จากคุณ : ^_^ - [ 8 ก.ย. 51 12:38:22 A:192.168.0.121 X:124.120.148.66 TicketID:103981 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยู่ออสเตรีย ถ้าเจอกันตัวต่อตัว ไม่เคยมีปัญหาโดนดูถูก หรือแสดงกิริยาไม่ดีอะไร ถึงเค้าฟังเราไม่รู้เรื่องเค้าก็พยายามจะคุยด้วย แต่ถ้าโทรศัพท์เมื่อไหร่ เราฟังไม่ออก หรือเค้าฟังไม่ออกไรเงี้ย พวกคนออสเตรียนขี้เกียจคุย จะชอบตัดบท บางครั้งก็ทำเสียงรำคาญ แล้วบอกให้คนอื่นโทรมาแทน แล้วก็วางเลย จากคุณ : The Joy Luck Club - [ 8 ก.ย. 51 12:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตามความรู้สึกจริงๆนะคะ อยู่ที่อเมริการู้สึกดีกว่าที่เมืองไทยอีก ไม่รู้สิ เวลาไปห้าง ไปซื้อของไรงี้ คนขายไม่ค่อยปฏิบัติดีด้วยเท่าไหร่ หรือเพราะหน้าตาเรามันไม่รวย ไม่ไฮโซหว่า จากคุณ : pink_ribbon - [ 8 ก.ย. 51 13:34:39 A:98.202.174.84 X: TicketID:180378 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อยู่เยอรมันค่ะ ก็ไม่เคยโดนนะ ทั้งๆที่เคยมีเพื่อนบอกว่าให้ระวังพวกคนแก่ๆชาวเยอรมัน มักดูถูกคนต่างชาติ แต่พอมาอยู่จริงๆ คนแก่ๆนี่แหละที่ถูกโฉลกกับดิฉัน แต่ดิฉันเองก็คิดว่า จริงๆแล้วเราก็ไม่รู้หรอกว่า คนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร จะชอบหรือ ไม่ชอบ จะจริงใจหรือไม่ เราก็ไม่สามารถไปอ่านใจเค้าได้  คิดว่า ต่างคนต่างอยู่ แต่ก็เป็นแบบมีมารยาทสังคมค่ะ เจอก็ทัก ยิ้มให้บ้าง คุยเรื่องดินฟ้าอากาศบ้าง ก็ว่ากันไป แต่ก็จะไม่สนิทมาก หรือ เล่าเรื่องครอบครัวให้ฟัง ปกติพาลูกเข้ากลุ่ม แม่ลูก อาทิตย์ละครั้ง ทุกคนก็ให้การต้อนรับขับสู้ดีนะคะ แบบไม่รู้สึกเลยว่า เราเป็นต่างชาติ ก็เท่าเทียมกัน แต่มันก็มีบ้างที่เค้าอาจจะสงสัยความเป็นอยู่ของเรา สามีทำงานอะไร ก็พยายามซักเรื่องส่วนตัวเหมือนกัน  แต่ดิฉันก็เล่าแบบกว้างๆ เพราะไม่ชอบเอาเรื่องในบ้านไปพูดกับคนอื่น ดิฉันว่า ถ้าเราไม่มองว่าเราด้อยกว่าเค้านะ คือ ไม่มองตัวเองให้ติดลบไปเสียก่อน อยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวค่ะ เชื่อว่า คนที่อยากคบเรา หรือ นิสัยน่าคบนั้นมีอยู่ทั่วไป อยู่ที่เราจะเจอที่ไหน และ เมื่อไหร่  ทางที่ดีคือ เราต้องเป็นคนเปิดกว้าง มองโลกในแง่ดี มองสิ่งรอบตัวแบบหลายๆมุมเข้าไว้ค่ะ  บางทีถ้าเราไม่เริ่มพูดก่อน หรือ ชวนเค้าคุยก่อน เราก็ไม่รู้ว่า คนๆนั้นนิสัยอย่างไร มีความคิดแบบไหน  ดังนั้นแทนที่จะเก็บเอาไปคิดเองว่า คนอื่นจะมองเราแบบไม่ดี มันก็เหมือนตัดต้นทุนตัวเองไปแล้ว ดิฉันว่า สิ่งที่จะช่วยให้คนอื่นมองตัวเราแบบโพสิทีพนะคือ เริ่มจากเป็นคนยิ้มง่าย แต่งตัวสะอาด เรียบร้อย ไม่ขี้อายเกินไป คำขอโทษ ขอบคุณ หัดไว้ให้ติดปาก  แล้วก็อยู่กับความจริงค่ะ  คนที่ดูถูกเราอาจจะมีบ้าง แต่ก็เพราะเค้าไม่รู้จักเราดีพอ ดังนั้นคนแบบนี้เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปใส่ใจค่ะ คนอื่นที่นิสัยดียังมีอีกเยอะ คิดไว้ก่อน  ที่สำคัญคือ ห้ามดูถูกตัวเองค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 51 13:43:35 จากคุณ : Walcher - [ 8 ก.ย. 51 13:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยู่ฝรั่งเศส ไม่เคยค่ะ เพราะที่นี้ไม่ชอบพวก อาหรับมากกว่าเอเชียค่ะ แต่อยู่เมืองไทยโดนเลือกปฎิบัติค่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็จะให้ฝรั่งก่อน บางทีพูดกับเราเหมือนเราเป็น เบ้ให้แฟน (จริง ๆ แล้วแฟนเป็นเบ้ให้เรามากกว่า) จากคุณ : มนชิจัง - [ 8 ก.ย. 51 14:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยู่ออสคะ เจอผู้หญิง เหยียดเสียมากกว่า พวกนี้ ขี้อิจฉา ทำนองว่า เราเข้าไปแย่งงาน แย่งผู้ชาย เขา   เคยโดน ด่าว่า เธอควรจะนึกดีใจ ที่ได้มาอยู่ในประเทศนี้ ไม่กรมาต่อกรกับหล่อน หลังๆๆ อิฉัน สับแหลก กวนมา เรากวนกลับไม่รอช้า เดี๋ยวเขาจะเข้าใจว่าเป็นเอเชียแล้วจะหงิมๆๆ ไม่ตอบโต้ แต่ก็เห้อ จากคุณ : yu เองคะ - [ 8 ก.ย. 51 15:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยู่อเมริกาค่ะ ถ้าพูดโดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้รู้สึกว่าโดนเหยียดหรืออะไรจนกลุ้มใจหรือกังวล แต่ถ้าจะคิดให้ละเอียดจริง ๆ แล้ว มีแน่ ๆ ค่ะ เพียงแต่ไม่โจ่งแจ้งอย่างที่หลายท่านข้างบนเล่ามา คิดว่าส่วนใหญ่ จะรู้สึกแบบนั้นได้ง่าย เพราะสำเนียงการพูดเราไม่เหมือนเจ้าของภาษาค่ะ ฝรั่งบางคน ความอดทนน้อย เค้าไม่สนใจมาขอให้เราพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก (ไม่เหมือนอย่างที่คนไทยใจดีชอบฟังฝรั่งพยายามพูดภาษาไทยเสียงเพี้ยน ๆ) ฟังครั้งแรกไม่เข้าใจ เค้าก็ไม่สนใจอยากจะคุยกับเราแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว เค้าดูถูกหรือรำคาญเรากันแน่? ที่เพือนคุณว่า เป็นหัวหมาดีกว่าหางมังกร มันก็คงจะจริงสำหรับกรณีของเค้า แต่ดิฉันว่า ถ้าเพื่อนคุณคิดว่าเค้าเป็นหัวหมา ได้ ดิฉันก็น่าจะสรุปได้ว่า เพื่อนคุณมอง "คนไทย" อีกหลาย ๆ คน ด้อยกว่าหัวหมา ใช่มั้ยคะ บางครั้ง ดิฉันรู้สึกว่า ฝรั่งในประเทศของเค้า ดูถูกเราคนไทยที่ไปอาศัยประเทศเค้าอยู่ ยังเจ็บน้อยกว่าการที่ เราโดนคนไทยด้วยกันเองดูถูกนะ จากคุณ : Genuine XXX - [ 8 ก.ย. 51 15:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อยู่ฮัมบูรก์ เยอรมันครับ ทำธุรกิจส่วนตัวกับแฟนสองคน ชื่อ Hotel ostseeblick เจอบ่อยครับ โรงแรมของผมจะเปิดรับแขกเฉพาะหน้าร้อน ส่วนแฟนก็จะมาช่วยเฉพาะช่วงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น เพราะเขามีงานประจำของเขาอยู่แล้ว วันธรรมดาผมก็ทำงานคนเดียว ทำทุกอย่างครับ เจอแขกหลายประเภท แขกที่เข้ามาวันแรกก็คงคิดเหมือนกันทุกคนว่าผมเป็นคนงาน เพราะเราเป็นคนต่างชาติ แต่พอเข้ามาในโรงแรมเห็นบรรยากาศ ภายในที่เป็นไทยๆ มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ถ้าคนฉลาดก็รู้ว่าเราเป็นเจ้าของ บางคนมาถึงวินาทีแรกเห็นปุ๊ปก็ไม่ถูกชะตาแล้ว ดูถูกเราด้วยสายตา เปิดมาเป็นปีที่สี่แล้ว แขกที่น่ารัก ถึงน่ารักที่สุดก็เจอมาแล้ว แขกที่ไม่น่ารัก นิสัยไม่ดี ก็เจอมาหมด ผมโชคดีตรงที่ไม่จำเป็นต้องอดทน ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับแขกที่ไม่สุภาพกับเราก่อน จากคุณ : มิตร - [ 8 ก.ย. 51 15:19:34 A:84.139.215.186 X: TicketID:173614 ]

ความคิดเห็นที่ 18 To: Khun Walcher I absolutely agree with your following comment kha .... " ดิฉันว่า ถ้าเราไม่มองว่าเราด้อยกว่าเค้านะ คือ ไม่มองตัวเองให้ติดลบไปเสียก่อน อยู่ที่ไหนก็ไม่ต้องกลัวค่ะ เชื่อว่า คนที่อยากคบเรา หรือ นิสัยน่าคบนั้นมีอยู่ทั่วไป อยู่ที่เราจะเจอที่ไหน และ เมื่อไหร่  ทางที่ดีคือ เราต้องเป็นคนเปิดกว้าง มองโลกในแง่ดี มองสิ่งรอบตัวแบบหลายๆมุมเข้าไว้ค่ะ  บางทีถ้าเราไม่เริ่มพูดก่อน หรือ ชวนเค้าคุยก่อน เราก็ไม่รู้ว่า คนๆนั้นนิสัยอย่างไร มีความคิดแบบไหน  ดังนั้นแทนที่จะเก็บเอาไปคิดเองว่า คนอื่นจะมองเราแบบไม่ดี มันก็เหมือนตัดต้นทุนตัวเองไปแล้ว ดิฉันว่า สิ่งที่จะช่วยให้คนอื่นมองตัวเราแบบโพสิทีพนะคือ เริ่มจากเป็นคนยิ้มง่าย แต่งตัวสะอาด เรียบร้อย ไม่ขี้อายเกินไป คำขอโทษ ขอบคุณ หัดไว้ให้ติดปาก  แล้วก็อยู่กับความจริงค่ะ  คนที่ดูถูกเราอาจจะมีบ้าง แต่ก็เพราะเค้าไม่รู้จักเราดีพอ ดังนั้นคนแบบนี้เราก็ไม่ต้องเสียเวลาไปใส่ใจค่ะ คนอื่นที่นิสัยดียังมีอีกเยอะ คิดไว้ก่อน  ที่สำคัญคือ ห้ามดูถูกตัวเองค่ะ...." จากคุณ : Whitebutterfly (Whitebutterfly) - [ 8 ก.ย. 51 16:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เราสามารถตอบคำถามคุณได้หลายแง่ 1. คนที่คิดว่ากำลังถูกดูถูก อาจเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองดีไม่พอ ซึ่งคนไทยเป็นกันเยอะ (แต่จริงๆคุณมีดีนะ) คนต่างชาติอาจจะทรีสเราไม่ดี อันนั้นขั้นอยู่กับทัศนคติของเขา การอบรมเลี้ยงดู การศึกษา และปัญหาส่วนตัว ควรมองว่านั่นเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่เป็นปัญหาของคุณ คนดีๆไม่ดูถูกใคร ไม่แสดงกริยาให้คนไม่สบายใจหรือเสียหน้าหรอกค่ะ 2. แต่ต้องยอมรับว่าคนที่เบลเยี่ยมมีกริยาอย่างนั้นอยู่มาก เพราะเขารู้สึกว่าเขาเป็นคนถิ่น เราเข้ามาอาศัยเขาอยู่ ในขณะที่อเมริกา เกือบทุกคนย้ายถิ่นฐานเข้ามากัน หรือไม่ก็ปู่ย่าตายายเขาย้ายถิ่นฐานเขามา ความรู้สึกมันต่างกัน เกือบทุกคนก็เป็นผู้เข้ามาอยู่อาศัยเหมือนกัน ลองจิตนาการดูสิว่าเวลาคุณอยู่เมืองไทยคุณมองพม่า มองเขมร ในประเทศเทศยังไง เหยียดหยามเขาหรือเปล่า มาทำอะไรที่บ้านเรา เรารู้สึกว่าเป็นเจ้าของใช่มั๊ย แล้วเวลาคุณอยู่เบลเยี่ยมคุณมองมอรอคกันอย่างไร ไม่รู้สึกใช่มั๊ย มันไม่ใช่บ้านเรา เบลเยี่ยมไม่ใช่บ้านเรา ที่พูดอุปมาอุปมัยข้างบน เพราะเคยใช้ชีวิตทั้งเมืองไทย อเมริกา มานานพอควร ส่วนปัจจุบันอยู่เบลเยี่ยม 3. ควรแยกคนเบลเยี่ยมกับคนดัชท์ที่อู่๋ในเบลเยี่ยมออกจากกัน คนเบลเยี่ยมจะเงียบๆ ไม่ค่อยแสดงออก คนที่ทำร้ายจิตใจคนได้มากคือคนดัชท์ ไม่ใช่เขาไม่ดี แต่เขาเติบโตมาแบบนั้น เขามี mentality แบบนั้น เขามีลักษณะการพูดตรงที่ล่วงล้ำเรื่องส่วนตัว คิดยังไงพูดยังนั้น ไม่ผ่านเครื่องกรอง โฉ่งฉ่าง เสียดัง (แต่คนพวกนี้ถูกด่ากลับจะเงียบ) เราเคยออกคห.ในกระทู้หนึ่งว่า คนดัชท์เป็นคนหยาบที่สุดตั้งแต่เราเคยเจอคนหลายๆชาติมา 4. เราทำงานส่วนตัวที่ลูกค้าที่มาหาเราเป็นคนมีปัญหา คนที่นี่ป่วยเพราะสังคมเยอะ 5. สังคมที่คุณอยู่อาศัย และลักษณะงานที่คุณทำ มันมีส่วนอยู่มาก ยิ่งถ้าเสริฟร้านไทยละไม่ต้องห่วง หญิงไทยมีชื่อเรื่องให้บริการทางเพศ แม้ว่าคุณไม่ได้ทำ แต่คนแวดล้อมคุณทำ เพื่อนร่วมชาติคุณทำ มันหลีกไม่ได้ที่ฝรั่ีง่บางคนจะมองหญิงไทยแบบนั้น ถ้าคุณอยู่ในสังคมการศึกษา หรือ professional work คุณจะไม่ค่อยเจอคนอย่างนั้นเท่าไร ขอแนะนำว่าถ้าเป็นคนมีการศึกษา เคยทำงานดีๆมาก่อน อย่าลดตัวไปเสริฟเลยค่ะ ได้เงินเยอะก็จริง งานสุจริตก็จริง แต่มัน make you down นี่พูดแบบตรงไปตรงมานะ เอาเวลาทีมีไปเรียนดีกว่าค่ะ การศึกษาในเบลเยี่ยมราคาถูก และประสิทธิภาพสูง ลองเรียนดู แล้วคุณจะพบว่าสวรรค์ใกล้ๆนรก มีจริง มีอะไรต้องการะบาย ต้องการข้อมูล ติดต่อมาได้ เพราะตอนนี้โรงเรียนเปิดแล้ว เราคงไม่มีเวลาในพันทิพยืเท่าไร 03 219 49 18 จากคุณ : ตาน - [ 8 ก.ย. 51 17:20:39 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าเราพูดและฟังภาษาเขาเข้าใจก็ตอบโต้ไปเลยค่ะ ดิฉันเคยโดนนินทาในระยะเผาขน เด็กวัยรุ่นที่เคยไปเที่ยวเมืองไทย แล้วมันบอกว่ากรุงเทพสกปรก ไม่น่าอยู่ ไม่น่าเที่ยว ดิฉันยืนหัวดำอยู่ข้างๆ มันคงคิดว่าเป็นเกาหลีมั้ง หรือไม่ก็คิดว่าเราฟังภาษาไม่ออก แต่ขอโทษหัน ไปตอบมันทันทีเลยค่ะ " ว่ากรุงเทพไม่น่าอยู่ สกปรก แต่ฉันก็มาจากที่นั่นแหล่ะค่ะ " สองคนนั่นเงียบเลย จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 8 ก.ย. 51 17:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 22 To Khun ตาน ตอบได้มีเหตุมีผลดีค่ะ แล้วก็หลากมุมดีด้วย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งสำหรับความเห็นในข้อหนึ่ง ตอนที่ดิฉันอยู่ที่เบลเยี่ยมก็ไม่เคยรู้สึกเป็นพลเมืองชั้นสองแต่อย่างใด กลับรู้สึกเพลิดเพลินกับการประสบการณ์ชีวิตที่โน่นมากกว่า เดี๋ยวจะให้เพื่อนเข้ามาอ่าน จริง ๆ เพื่อนก็เรียนภาษาอยู่ค่ะ สามปีแรกเรียนฝรั่งเศส ได้คะแนนท็อปของห้องประจำ ตอนนี้เรียนเยอรมันอยู่ ก็ได้ท็อปเหมือนกัน ต้องบอกว่าเธอมีเก่งและมีพรสวรรค์เรื่องภาษามาก ส่วนอังกฤษนี่ไม่ต้องพูดถึงผ่านฉลุย ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะได้ทำงานที่ทำให้เธอภูมิใจได้มากกว่านี้ในอนาคต โชคไม่ดีที่เมืองที่อยู่นั้นเล็ก ๆ และเงียบมากหางานดี ๆ สำหรับคนต่างชาติยากมากกกกก อีกอย่างอยู่ในย่านที่ต้องได้ทั้งฝรั่งและเยอรมันน่ะค่ะถึงจะหางานดี ๆ ทำได้ ไม่ทราบคุณตานทำงานอะไรคะที่เบลเยี่ยม อยู่เมืองอะไรคะ จากคุณ : Whitebutterfly - [ 8 ก.ย. 51 17:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่เมืองไทยแหละตัวดีนักเชียว บูชาฝรั่งนัก เคยไปเที่ยวพักโรงแรม 5 ดาวที่กระบี่ ค่าห้องก็แสนแพง เวลา พนง.เขามาช่วยยกกระเป๋า เขายกให้แต่ฝรั่ง เราคนไทยต้องลากมาในล็อบบี้เอง แฟนเราเลยถาม พนักงานเคาเตอร์ว่าฝรั่งเขาจ่ายค่าห้องแพงกว่าเรามากไหมถึงบริการแต่ฝรั่ง จากคุณ : motherhood (motherhood) - [ 8 ก.ย. 51 18:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Most of the time, I study: chocolate cooking, painting, sculpture, ceramic, harp, and this year I add one more: cello. Part time, I teach Belgian how to solve their physical problems by not taking medicine, or another name is "หมอเถื่อน". I solve most of the problems that MD can't do. By the way, where does your friend stay? sorry, I must type in English since I can't type Thai fluently and it takes me one hour to answer the above answer. จากคุณ : tan - [ 8 ก.ย. 51 18:16:20 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงคุณ คห 19 ถ้าเจอพนักงานที่ปฏิบัติไม่ดี แนะนำให้ complaint กะ GM ไปเลยค่ะ ดิฉันทำงานโรงแรมมาหลายปีเรื่องนี้จะเตือนเด็ก ๆ ตลอดให้ระวัง เพราะคนไทยเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ ที่เคยอยู่มาจะเป็นแบบห้าดาวส่วนใหญ่ถ้ามีคอมเพลนซีเรียสๆ นี่ จีเอ็มจะให้ดโน่นให้นี่ฟรีค่ะ แต่เรื่องแขกคนไทยคอมเพลนเพราะถูกพนักงานปฏิบัติไม่ดีนี่ยังไม่เคยเจอนะคะ เพราะพนักงานจะถูกอบรบมให้ปฏิบัติต่อแขกอย่างเท่าเทียมกัน จากคุณ : Whitebutterfly - [ 8 ก.ย. 51 18:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาเพิ่ม ไปห้างมา เรายืนรอสามีเอารถเข็นอยู่ ฝั่งตรงข้ามเป็นวัยรุ่นผิวดำ สามคนคุยกัน แล้วมีรถตำรวจผ่านมา ขอบอกว่าตำรวจ มองแทบจะหยุดจอด เพื่อดูเด็กผิวดำว่ามันทำอะไรกันอยู่ แต่กลับไม่สนใจเราที่เป็นคนเอเชียยื่นคนเดียวหน้าห้างเลย บางประเทศ เขาก็ไม่ดูถูกคนไทย เว้นประเทศสารขันธ์ ล่ะ ดูถูกคนไทย แบบสุดๆๆ จากคุณ : มนชิจัง - [ 8 ก.ย. 51 19:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 In my opinion, you don't need to accept treating bad or under standard in the society. What you can you do is first thing you should know  "your Right"  what you can do or what you can't do. If someone treats you wrong, then you should fight / response back in term of complaints, report to higher authority, legal etc. There is unfairness in everywhere not just here in US. You have to learn how to deal with it or just let it go. But sometimes from my experience it worths to fight back for not allow those kind of  people take advantage from you and from others. จากคุณ : Lah (khun lah) - [ 8 ก.ย. 51 20:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 การดูถูก ลบหลู่ กันมี "ทุกประเทศ" ค่ะ ส่วนมาก มักเกิดขึ้นกับคนแปลกหน้า ที่ไม่รู้จักกัน.. จึงมักมีมุมมองพื้นๆ โหลๆ และ บางคนมีอคติต่อสีผิวที่แปลกออกไป... และ บางคนเพียงแค่ "อยากหาเรื่อง" ก็มี เราอาศัยอยู่ทั้งในนิวยอร์ค อเมริกา และ มิวนิค เยอรมนี... ทั้งสองเมืองนี้ มีการเหยียดผิว ทั้งๆที่เป็นเมืองใหญ่ ผู้คนหลากหลายชาติ... แต่เป็นการเหยียดผิวด้วยความบังเอิญ หรือ มีเรื่องกันจากไม่ถูกชะตากันซะงั้น หรือ มีความเกิด "อยากหาเรื่อง" ขึ้นมาก็มี สำหรับเรา... ไม่กลัวค่ะ... อยู่ต่างแดนมานานสามสิบปีขึ้นไปแล้ว.. ไม่มีความรู้สึกว่า เป็นคนชั้นสองที่ไหน... พ่อแม่ส่งมาเรียน ไม่ได้ลี้ภัยการเมืองไปขออาศัย ... มีความรู้ ความสามารถ ได้ใช้ชีวิตต่างแดน เห็นโลกกว้าง มามากกว่า พวกบรรดาคนผิวขาวกระจอกๆ ที่ไม่เคยออกไปเที่ยวประเทศไหนๆ... คือคนผิวขาวเหล่านั้น มักจะมีมุมมองที่คับแคบ และ อิจฉาก็มี คนผิวขาวที่ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว จะมี "ใจเปิดกว้าง" กว่า บรรดาพวกคนที่จมปลักอยู่แต่ในประเทศ ด้วยไม่มีเงินจะออกไปเห็นโลกกว้าง... ให้สังเกตดูสิคะว่า คนเหล่านั้น มักมีมุมมองที่มีบรรทัดฐานรากหญ้า ลองให้พวกผิวขาว มาหาเรื่องกับเรา และ ลูกๆของเรา สิคะ... ดีเหมือนกัน จะได้งัดเอาวิทยายุทธชีวิตในนิวยอร์คออกมาใช้กับคนเยอรมัน พวกที่ไม่เคยเจอคนเอเชียนอาศัยในอเมริกา.. พวกเขาส่วนหนึ่งคิดอยู่ได้แค่ คนเอเชียนต้องมาตรงจากเอเชีย... และคิดได้เพียงว่า ไม่รู้ภาษาต่างชาติ เช่นเยอรมัน หรือ อังกฤษ ลูกๆเราเป็นลูกครึ่ง ที่เขาไม่มีความกลัว ไม่อ่อนข้อให้กับพวกผิวขาว... ลองไปหาเรื่องเขาสิ ถึงแม้ว่าเป็นเด็กวัยรุ่น แต่ เขาเอาตัวรอดได้สบายๆ...ฝึกหัด สอนกันมาให้อ่านคนให้เป็น ในเมืองมิวนิคมีคนผิวขาว "โลกแคบ" อยู่ส่วนหนึ่ง... ถึงต่อให้จ้องมองพวกเราก็เถอะ ..มองมากๆนัก เราเดินไปถามเลยว่า.. เออ.. นี่เธอ ช่างหยาบคายมากนะ ที่จ้องมองคนแบบนั้น ไม่ได้รับการสั่งสอนมาตอนเด็กๆหรอ... คนแบบนั้น ต้องเล่นของหนัก ให้อึ้งกินไป พวกคนเยอรมัน ไม่กล้าเผชิญกับคนจริงค่ะ... ไม่ชอบ confrontation เพียงแค่ได้แต่จ้องมอง แบบส่งสายตาลบหลู่ ทำได้แค่นั้น.... แววตานี่เป็นสื่อที่คนเราสามารถอ่านกันออกได้ว่า.. คนที่จ้องมองนั้น มีแววตาของการลบหลู่ ดูถูก หรือ แววตาของความเป็นมิตร... ให้แก่กัน เราใช้ชีวิต "เอาตัวรอด" ในนิวยอร์คมาได้ถึงปัจจุบัน... สามารถอ่านชนิดของคนออกแค่เห็นใบหน้า ก็พอสามารถที่จะดูโหงวเฮ้งคนบางคนได้แล้วว่า.. เป็น มิตร หรือ ศัตรูค่ะ จขกท. ฝึกให้เป็นตัวของตัวเอง แต่ เราไม่ได้หมายความว่า วางตัวให้สูงส่งกว่าคนอื่นๆนะคะ... คือ ฝึกให้มีใจที่เปิดกว้าง สนุกเฮฮา มีมิตรดี เป็นหลัก ... ชั่วโมงการบินจะฝึกให้เป็นบบทเรียนในการปกครองตัวเองให้อยู่ที่ไหนๆ ได้อย่างสบายๆ โดยไม่รู้สึกว่าตัวเอง ด้อยแต่อย่างใด จากคุณ : JidNince - [ 8 ก.ย. 51 20:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดิฉันไม่เคยโดนอะไรแบบนี้กับตัวเลยซักครั้ง หากจะโดนบ้างซักครั้งก็คงจะไม่สนใจและไม่ใส่ใจ ไม่เอามาคิด ไม่เก็บมาน้อยใจว่าเราเป็นพลเมืองชั้นสอง หากคุณมีความสามารถ ดิฉันคิดว่าคุณไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากหรอกค่ะ แต่เตรียมทำใจให้หนักแน่นไว้ก็พอ เพราะสิ่งไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้ในชีวิตเสมอทุกเรื่องแหละ และดิฉันก็เชื่อว่าที่ไหนในโลกมันก็ย่อมมีคนใช้สายตามองคนแปลกหน้าด้วยสายตาแปลกๆทั้งนั้น 1. เพราะอยากรู้คุณมาจากไหน 2. เพราะอยากรู้คุณคือใคร 3. เพราะอยากรู้คุณเป็นคนชาติไหน 4. เพราะอยากทำความรู้จักคุณ 5. เพราะคุณไม่พูดภาษาที่เขาพูดกัน หรือ สำเนียงการพูดอาจแปลกไปจากที่เขาเคยได้ยิน บลา บลา บลา ... เขาถึงได้มองคุณด้วยสายตาแปลกๆ หากคุณเลือกที่จะผูกมิตรด้วยการยิ้มตอบแทนสายตาเหล่านั้น คุณอาจจะได้มิตรภาพใหม่ๆจากคนแปลกหน้า คนในชาตินั้นๆ หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานต่างชาติก็ได้ ดิฉันทำเสมอในที่ทำงาน และในประเทศอังกฤษนั้น เรามีกฏหมายเรื่องความเท่าเทียมกันไม่ว่าคุณจะมาจากไหน เชื้อชาติไหน อ้วน ต่ำ ดำ ขาว หน้าหัก ฟันเหยิน หมาเมินมาจากที่ไหนก็แล้วแต่ หากมาทำงานที่อังกฤษ ใครมาดูถูกคุณหรือเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย ! ... ฟ้องร้องได้ ! บางครั้งคนไทยเรามักจะตัดสินใจจากพฤติกรรมหรือการแสดงออกจากฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันทั้งๆไม่ได้รู้จักกัน หรือแม้แต่ชาวต่างชาติในประเทศที่คุณอาศัยอยู่ว่าเขาไม่ชอบคุณ เขาดูถูกคุณหรือเขาเลือกปฏิบัติต่อคุณเพราะคุณเป็นกะเหรี่ยงอพยพมาหากินในบ้านเขา ฯลฯ ... ซึ่งบางครั้งคุณอาจคิดไปเองก็ได้ เพราะดิฉันเองนั้นไม่เคยโดนกับตัวซักครั้งเดียวไม่ว่าที่ไหนๆในต่างประเทศ ที่เดินทางท่องเที่ยวหรืออยู่อาศัย และอาจจะเพราะไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับเรา หรือนินทาเราลับหลังยังไงบ้าง ... ช่างมันชั้นไม่แคร์ ! จากที่หลายๆคนพูดว่าเลือกปฏิบัติหน่ะ ดิฉันเห็นด้วยว่าประเทศไทยเลือกที่รักมักที่ชังกับคนต่างชาติมากกว่าคนชาติอื่นๆเสียอีกค่ะ คนไทยบางกลุ่มเลือกที่จะต้อนรับฝรั่งมากกว่าคนไทย หรือ คนไทยหลายๆกลุ่มก็ดูถูกพวกพม่า ลาว เขมร ฯลฯ ที่เข้ามาทำมาหากินในประเทศไทย มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย หากไม่อยากให้คนต่างชาติในประเทศที่คุณจะไปอยู่มองคุณด้วยสายตาดูถูก ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่า คุณก็มีความสามารถเหมือนๆกับเขาหรือคุณเองก็ทำได้เหมือนพวกเขา แม้ว่าคุณจะเป็นกะเหรี่ยงในความคิดคุณเองก็ตามที การที่เพื่อนคุณคิดที่กลับไปอยู่เมืองไทยและหวังจะให้คนไทยด้วยกันเองปฏิบัติกับเพื่อนคุณและสามีของเขา แตกต่างจากเบลเยี่ยม มันก็อาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ถ้ามองในมุมกลับกัน เพราะสมัยนี้กระแสแอนตี้สามีฝรั่งในประเทศไทย กำลังแผ่ขยายไปในวงกว้าง เพื่อนคุณและสามีอาจจะอยากเลือกอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมและมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้ ... ในวันหนึ่งข้างหน้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ขอให้มีความสุขและภูมิใจในตัวเองก็พอ อย่าไปสนใจว่าใครจะชอบหรือจะชัง แล้วทุกๆคนจะมีความสุขกับชีวิตของตัวเอง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 51 21:28:33 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 51 20:18:55 จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง - [ 8 ก.ย. 51 20:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เคยเจอไม่กี่ที เคยเจอที่ตรวจคนเข้า/ออกเมืองของออสเตรเลีย เราก็เข้าใจเขานะว่าเขาต้องเลือกตรวจคนหัวดำแบบเราเพิ่มอยู่แล้ว เพราะตามสถิติคนเอเชียเราชอบลักลอบเอาอาหารเข้าไปโดยไม่ดีแคลร์ แล้วยาเสพติดด้วย แต่ทริปเดียวกันนี่โดนตอนจะออกจากประเทศด้วย โดนเพราะเราออกไปกับสามีฝรั่งเนี่ย (แน่ใจว่าเพราะแบบนี้ เพราะเห็น จนท ลุกขึ้นมาเล็งเลยพอเห็นคู่เรา) มันน่าโมโหอยู่เหมือนกันน่ะ ก็พยายามเข้าใจว่ามีคนทำชื่อเสียงไม่ดีเอาไว้ ถ้าไม่ใช่คนต่างชาติเนี่ย ก็เคยเจอพนักงานโรงแรมพูดแต่กับเพื่อนฝรั่งที่มากับเราแล้วก็สามีเรา แต่เราพูดถามเขาเป็นภาษาไทยด้วย เขาก็ไม่ตอบ คือถ้าไมนด์ว่าตอบเป็นภาษาไทยแล้วจะทำให้เพื่อนฝรั่งเราเข้าใจอะไรผิดได้ เขาก็ควรจะตอบเราเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ หรือถ้าเขาเป็นคนต่างชาติ เพราะหลายๆโรงแรมจ้างคนต่างชาติที่เป็นเอเชียไว้ต้อนรับแขกก็มี ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ควรจะหันมาบอกเราว่าเขาไม่เข้าใจที่เราพูดก็ได้ เราเลยหันไปถามเมเนเจอร์เขาแทน ซึ่งก็เข้าใจภาษาไทยเราดี แต่เราไม่ได้คอมเพลนอะไร เพราะไม่ไปบ่อยอยู่แล้ว โรงแรมที่แอร์พอร์ตเนี่ย ไม่อยากเสียเวลาและอารมณ์ จากคุณ : yuy - [ 8 ก.ย. 51 20:27:37 A:124.121.29.60 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าคุณเป็นคนคิดมากก็คงรู้สึกแบบนั้นบ่อยๆ แต่ถ้าปล่อยๆผ่านไป เผลอๆเย็นนั้นก็ลืมแล้ว จากคุณ : pervpanda - [ 8 ก.ย. 51 21:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 l;o; จากคุณ : ;o;io - [ 8 ก.ย. 51 21:16:22 A:210.118.108.254 X: TicketID:186753 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาตอบคุณ Jidnince ตอบได้ถูกใจแล้วก็มันส์ดีค่ะ มันต้องอย่างนี้แหละตาต่อตาฟันต่อฟัน ส่วนตัวดิฉันก็ประเภทนี้เหมือนกันคือไม่เคยกลัวว่าจะถูกมองอย่างดูถูกเพราะเรารู้จักตัวเราดีพอ ถ้ามีใครเริ่มมีการพูดทำนองดูถูกดิฉันก็จะตอกกลับหน้าหงายไปเหมือนกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเที่ยวคาสิโนที่น้ำตกไนแองการ่าที่แคนาดา ขณะรอแฟนเล่นโปกเกอร์อยู่ก็มีผีผนันท้องถิ่นเข้ามาคุยด้วย ฉันก็คุยด้วยแบบสงวนท่าทีเพราะคนในคาสิโนไม่รู้มาดีหรือมาร้าย แรก ๆ ก็คุยดี เม้าท์เรี่องความเชี่ยวชาญในฝีมือการนัน แล้วก็เล่าให้ฟังว่าเคยไปเที่ยวสิงคโปร์ แล้วทำนองว่ามีผู้หญิงไทยมาให้คั่วว่างั้นเหอะ แล้วก็พยายามจะเล่าให้ฟังต่อ ฉันก็รีบเบรกบทสนทนาทันที และบอกว่า ฉันไม่อยากรู้และไม่อยากฟังเรื่องที่เขาพูด และถ้าไม่รังเกียจ please leave me alone สังสัยสัยจะเสียหน้า ดันมาบอกฉันว่า ยูนั่นแหล่ะไป นี่มันถิ่นตู ตูอยู่ที่นี่มานาน ฉันก็ตอบไปว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ก่อน ยูเข้ามาคุยเอง ยูนั่นแหล่ะไป แล้วมันก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงหายไปเลย มิวนิคเคยไปเที่ยวเกือบสามปีแล้ว สวยนะคะ น่าอยู่ มีร้านผัดไทยคนไทยอยู่สถานีรถไฟใต้ดินใจกลางเมือง ที่เคยไปอุดหนุน ตัวเองทำงานโรงแรมมาตลอดและไปทำมาหลายประเทศ ไม่เคยมีปัญหาเรี่องนี้ค่ะ ส่วนใหญ่มีแต่แขกชื่นชมพอได้ยินว่ามาจากเมืองไทย แล้วก็ถามว่ามาทำงานที่นี่ได้ไง ทำไมถึงมา เมืองไทยออกจะสวย ตอนนั้นทำอยู่ Amanjena, Marrakech, Morocco ค่ะ ต้องบอกว่าจากประสบการณ์ที่ทำงานมา สามประเทศ feedback ของคนที่พูดถึงเมืองไทย 99% positive ka จากคุณ : Whitebutterfly - [ 8 ก.ย. 51 22:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จากประสบการณ์ในชีวิต ยอมรับค่ะว่า การดูถูกมีทั่วทุกหนทุกแห่งในโลก ขนาดคนไทยด้วยกันเอง คนภาคกลางยังดูถูกคนอีสาน ดิฉันก็อยู่เบลเยี่ยมค่ะ โดยทั่วไปผู้คนในเขตพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นคนที่น่ารักค่ะ ไม่เคยโดนดูถูกอย่างจัง ๆ  นะ แต่บางทีสายตาผู้คนที่มองเราแปลก ๆ ก็ทำให้เราคิดมากเหมือนกัน (เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง และเป็นคนคิดมาก)  แต่ก็เห็นด้วยอย่างจังกับ คุณ กุศลบายแห่งความจริงที่เขียนว่า "ดิฉันก็เชื่อว่าที่ไหนในโลกมันก็ย่อมมีคนใช้สายตามองคนแปลกหน้าด้วยสายตาแปลกๆทั้งนั้น 1. เพราะอยากรู้คุณมาจากไหน 2. เพราะอยากรู้คุณคือใคร 3. เพราะอยากรู้คุณเป็นคนชาติไหน 4. เพราะอยากทำความรู้จักคุณ 5. เพราะคุณไม่พูดภาษาที่เขาพูดกัน หรือ สำเนียงการพูดอาจแปลกไปจากที่เขาเคยได้ยิน และเห็นด้วยกับคุณกุศลบายฯอีกเรื่องค่ะ "การที่เพื่อนคุณคิดที่กลับไปอยู่เมืองไทยและหวังจะให้คนไทยด้วยกันเองปฏิบัติกับเพื่อนคุณและสามีของเขา แตกต่างจากเบลเยี่ยม มันก็อาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ถ้ามองในมุมกลับกัน เพราะสมัยนี้กระแสแอนตี้สามีฝรั่งในประเทศไทย กำลังแผ่ขยายไปในวงกว้าง เพื่อนคุณและสามีอาจจะอยากเลือกอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมและมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้ ... ในวันหนึ่งข้างหน้า" ส่วนตัวดิฉันเองทำงานทำความสะอาดในบริษัทแห่งหนึ่ง บางทีกำลังทำงานอยู่ ในส่วนที่จัดไว้ต้อนรับลูกค้า มีลูกค้าเข้ามาติดต่องาน เมื่อเจอดิฉันพวกเขาก็ทักทายยิ้มอย่างเป็นมิตรค่ะ มีบางคนเปิดประตูให้เพราะเห็นเราถือถังน้ำหนัก ๆเพื่อเอาไปทิ้ง ไม่เหมือนกับในเมืองไทยที่คนที่นั่นจะค่อนข้างดูถูกอาชีพพวกพนักงานเสริฟ คนทำความสะอาดว่าต่ำต้อย  ที่นี่แม้จะทำงานทำความสะอาดก็ภูมิใจที่ทำอย่างเสียภาษีถูกต้อง ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นภาระของรัฐบาลโดยการขอเงินเลี้ยง คนที่นี่เขาดูถูกพวกที่แบมือขอรัฐบาลแล้ววัน ๆ นั่งๆ นอน ๆ ไม่ทำอะไร บางทีเราก็ข้ามไปในเขตเยอรมัน เคยเจอเหตุการณ์ตำรวจจ่อเล่นงานคนผิวดำ แต่คนทำปัญหาจริง ๆ กลับเป็นพวกผิวขาว  เราจะสงสารคนผิวดำจากแอฟริกาใต้ค่ะ คนดี ๆ มีอยู่เยอะ แต่เพียงเพราะสีผิวที่ดำปี๋ เขาก็ได้รับการ treat ที่แย่กว่าพวกคนเอเชียอย่างเราอีก จากคุณ : เจน (เจนนี่เจ้า) - [ 8 ก.ย. 51 23:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบคุณกุศลโบบายแห่งความจริง เจอกันอีกแล้วนะคะ ขอบคุณค่ะที่เข้ามาตอบ ท่าทางคุณพิมพ์ไทยคล่องแน่เลย เพราะส่วนใจจะตอบ ยาว ๆ ด้วยสาระที่อัดแน่น ดิฉันเพิ่งหัดพิมพ์ไทยไม่นานมานี้เองเพราะที่ผ่านมาทำงานจะให้ภาษอังกฤษซะเกือบร้อยเปอร์เซ็น ....."หากไม่อยากให้คนต่างชาติในประเทศที่คุณจะไปอยู่มองคุณด้วยสายตาดูถูก ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่า คุณก็มีความสามารถเหมือนๆกับเขาหรือคุณเองก็ทำได้เหมือนพวกเขา แม้ว่าคุณจะเป็นกะเหรี่ยงในความคิดคุณเองก็ตามที"....I never think that I'm Karen...and actually nothing is wrong to be Karen. I respect all nations and all levels. I just refer to my friend's words. But thank you anyway for your suggestion....Sorry i have to change to English cause my fingers are getting tired. Actually I'm not quite worry about this problem because I have been dealing with foreigners in my work in the past ten years. Working aboard for 5 years helps me to learn how to deal with people. But of course it is always great to hear other people's opinion so I know what to expect if I eventually move to Canada. ...."การที่เพื่อนคุณคิดที่กลับไปอยู่เมืองไทยและหวังจะให้คนไทยด้วยกันเองปฏิบัติกับเพื่อนคุณและสามีของเขา แตกต่างจากเบลเยี่ยม มันก็อาจจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ถ้ามองในมุมกลับกัน เพราะสมัยนี้กระแสแอนตี้สามีฝรั่งในประเทศไทย กำลังแผ่ขยายไปในวงกว้าง เพื่อนคุณและสามีอาจจะอยากเลือกอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมและมีความสุขมากกว่าก็เป็นได้ ... ในวันหนึ่งข้างหน้า..."   Good point!! will definetely let her know ...."ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ขอให้มีความสุขและภูมิใจในตัวเองก็พอ อย่าไปสนใจว่าใครจะชอบหรือจะชัง แล้วทุกๆคนจะมีความสุขกับชีวิตของตัวเอง..."  Absolutely agree with this one...like it... Always good to hear your opinion....Thank you again จากคุณ : Whitebutterfly - [ 8 ก.ย. 51 23:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หวัดดีค่ะคุณจขกท  ตามที่คุณบอกว่าจากประสบการณ์ที่ทำงานมาสามประเทศ feedback ของคนที่พูดถึงเมืองไทย 99% positive ka    ก็แน่นอนล่ะค่ะว่าเวลามีพวกชาวต่างชาติเข้ามาพูดคุยกับคุณเพราะรู้ว่าคุณมาจากเมืองไทย เขาก็คงไม่มาพูดในแง่ไม่ดีหรือดูถูกให้คุณฟังหรอกค่ะส่วนมากพวกนั้นก็เคยมาเมืองไทยแล้วหรือมีญาติมิตรมาเมืองไทยแล้ว ส่วนพวกที่ดูถูกหรือคิดไม่ดีเกี่ยวกับเมืองไทยที่เห็นส่วนใหญ่ ก็จะแสดงออกจากสายตาและสีหน้ามากกว่าค่ะ  อยากให้ยอมรับความจริงค่ะว่า มีฝรั่งในยุโรปและอเมริกาเยอะมากที่ไม่มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวเห็นโลกกว้างอย่างเราและมองประเทศเอเชียอย่างเราด้วยความไม่เสมอภาคและดูถูก พวกนี้จะมีข้อมูลของบ้านเราก็เฉพาะจากสื่อทางทีวีซึ่งโดยมากชอบเรียกเรทติ้งเสนออะไรเว่อร์ ๆ เกี่ยวกับเมืองไทย โดยเฉพาะทีวีเยอรมัน  เช่น ว่าคนไทยกินแมลง กินสุนัข สกปรก แบคทีเรียเยอะ คนพวกนี้เขาไม่ได้มองเราอย่างเสมอภาคทัดเทียมกับเขา เขาคิดว่าพวกเขาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และเมืองไทยยังเป็นชาติที่ด้อยหรือกำลังพัฒนาอยู่     จะให้ดีที่สุดในการรับมือกับปัญหาแบบนี้ก็คือการไม่แคร์ไม่สนใจ และปฏิบัติตัวเองให้ดีไม่ให้เขาดูถูกได้   เราชอบที่คุณ JidNince เขียนตอบด้วย จากคุณ : เจน (เจนนี่เจ้า) - [ 8 ก.ย. 51 23:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 To Khun Tan, You have an interesting job!! It's great to be able to help people. You must be very proud :-) I can see you must like art alot. Me too, I played clarinet at school and learned painting in Morrocco. Those are you hobbies or you are learning to be professional? My friend lives in a country side in leige. It's quite a beautiful region though. I lived there 6 years ago....had a great time...always want to go back.... จากคุณ : Whitebutterfly - [ 9 ก.ย. 51 00:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบคุณเจนค่ะ ที่พูดไปว่าฟีดแบค 99% positive นั้นเพียงแต่อยากจะแชร์ให้ฟังว่ามีต่างชาติที่นิยมเมืองไทยที่ตัวเองเจอมานั้นมากมายแค่นั้นเอง ส่วนคนที่จะดูถูกนั้นแน่นอนเขาไม่เข้ามาพูดตรง ๆ หรอกค่ะดิฉันก็มีเซนต์ที่เข้าใจอยู่ค่ะ แล้วก็รู้มานานแล้วว่ามีฝรั่งหลายชาติที่ไม่เคยไปเมืองไทยแล้วเคยเห็นเมืองไทยจากรายการทีวีแปลก ๆ ในบ้านเมืองเขา เลยอาจจะมองประเทศไทยด้วยพัฒนา ...."จะให้ดีที่สุดในการรับมือกับปัญหาแบบนี้ก็คือการไม่แคร์ไม่สนใจ และปฏิบัติตัวเองให้ดีไม่ให้เขาดูถูกได้..." ดีค่ะที่คุณคิดได้อย่างนี้ ถูกต้องแล้วค่ะ ยินดีด้วยค่ะ . จากคุณ : Whitebutterfly - [ 9 ก.ย. 51 00:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีอีกรอบค่ะ ดิฉันอยู่เบลเยี่ยม ได้อ่านความเห็นของ" คุณตาน" แล้ว เห็นด้วยแทบจะทุกประเด็นทีเดียวค่ะ แล้วก็ข้อความที่ก๊อปมานี้ "ขอแนะนำว่าถ้าเป็นคนมีการศึกษา เคยทำงานดีๆมาก่อน อย่าลดตัวไปเสริฟเลยค่ะ ได้เงินเยอะก็จริง งานสุจริตก็จริง แต่มัน make you down นี่พูดแบบตรงไปตรงมานะ เอาเวลาทีมีไปเรียนดีกว่าค่ะ การศึกษาในเบลเยี่ยมราคาถูก และประสิทธิภาพสูง ลองเรียนดู แล้วคุณจะพบว่าสวรรค์ใกล้ๆนรก มีจริง"   แต่คุณตานคะ งานที่นี่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ นะคะ ตัวดิฉันก็เรียนจบในเมืองไทยและเคยทำงานดีๆ มาก่อน พอมาอยู่ที่นี่มันเลือกงานไม่ได้น่ะค่ะ ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้งานทำความสะอาดซึ่งเป็นงานยอดฮิตของคนไทย พยายามไม่คิดมาก แต่ถ้าให้บอกตรง ๆ แล้วบางทีก็เกิดความรู้สึกรับไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า เราได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หาเงินเองได้และไม่ต้องพึ่งสามี  จะหางานดี ๆ ที่เราภูมิใจได้ก็คงต้องเรียนให้จบจากสถาบันการศึกษาที่นี่ค่ะ  เคยลองเรียนดูแล้ว ยอมรับว่าท้อค่ะ มันต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก ๆ เลยในการเรียนภาษาที่ 3 ให้ได้ดีกรีของที่นี่ อายุก็เยอะแล้ว บางทีก็เริ่มปลงกับชีวิตค่ะ  ดิฉันดูเป็นคนไม่สู้เลยใช่ไหมคะ แล้วไม่ทราบว่าคุณตานทำอย่างไรถึงได้งานที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้คะ  จริง ๆ อยากคุยกับคุณตานเหมือนกัน เห็นให้เบอร์ไว้ แต่โรงเรียนเปิดแล้ว ก็ไม่อยากจะรบกวนมากกลัวคุณจะยุ่ง ถ้าไม่รังเกียจคุณว่างพอที่จะคุยได้ช่วงไหนของวันคะ จากคุณ : เจน (เจนนี่เจ้า) - [ 9 ก.ย. 51 03:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หากไม่อยากให้คนต่างชาติในประเทศที่คุณจะไปอยู่มองคุณด้วยสายตาดูถูก ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่า คุณก็มีความสามารถเหมือนๆกับเขาหรือคุณเองก็ทำได้เหมือนพวกเขา แม้ว่าคุณจะเป็นกะเหรี่ยงในความคิดคุณเองก็ตามที ***** **** *** ** * การที่ดิฉันใช้คำว่า ''คุณ''นั้น ... ไม่ได้หมายความถึง ''คุณ Whitebutterfly '' แต่เป็นสรรพนามแทนที่บุคคลที่ 3 หรือ ''คนทั่วๆไป'' ที่อาจจะคิดว่าตัวเองเป็นกะเหรี่ยงหรือชนชั้น2ของประเทศอื่นๆค่ะ คนอ่านกระทู้นี้คงไม่ได้มีคุณเจ้าของกระทู้คนเดียวหรอกค่ะ จึงเรียนมาเพื่อทราบ จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง - [ 9 ก.ย. 51 05:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 41 I’d like to share our experiences.  I twice was told “Chink bitch, go back to your country!”  The first time while in a train, a guy together with his statement gave me his middle finger.  I was in rage and perplexed, what I did wrong to receive such hostility.  At first, I did not want to create a scene, therefore; kept quiet the whole time.  Then I thought this man –simply because his skin is white- had no right to treat me as such.  When the train approached to my stop, I walked up to him and said “You do not want me to go back home because you probably are living off the tax I’ve been paying.  And keep that to f your own damn mother.  White trash!”  I was never furious like this before; and I did not like being mean.  Under this circumstance, I had to. แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 08:01:31 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 06:03:54 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 9 ก.ย. 51 05:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 42 My cases were minor when compared to my husband’s.  He is a black man.  The treatments he received at workplaces –though seemed subtle- can be appalling. During his first year with a company in VA, he was the main person for some major projects; and was responsible for 4 patents.  This Co. never had a single patent until his arrival.  It knew nothing about procedures/process in getting patents filed.  Since he had filed few patents for previous employer, thus was the instrumental in getting the whole process completed.  During that period, there was an opening position in Singapore.  It was a higher level.  Since it’s close to home for me, he applied for that position.  The Chief Engineer told my husband flat out that he could not give him the job.  The reason was he is too valuable to be far away.  The boss needed him near by for more important tasks.  The position was given to another white man who is less qualified.  When the annual performance appraisal approached, he asked for a promotion.  His achievements for that year were given as justifications.  His direct boss concurred that his performance was beyond the expectation.  But, he could not give him a promotion while the direct boss (a white man), who contributed nothing in the patents, got one.  Nor he received a bonus.  He received a $10 Starbuck gift certificate as a token of appreciation for his hard works. His colleagues of all races were displeased with the treatment.  Some suggested a discrimination lawsuit.  But, he did not want to bring race issue into this.  Five months later a better opportunity arose with another firm, he took it.  When resigned, the boss tried to convince him to stay (my husband was the key person on a proposal for another big contract).  A  promotion was offered, but for the sake of principle, he politely declined.   At the farewell party, his colleagues told me that they were very sad to see him leave. But, they were also happy for him because the firm did not treat him right.  After his departure, 4-5 staff also left.  The company did not win that contract. แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 08:06:06 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 06:10:03 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 06:06:59 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 9 ก.ย. 51 06:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 43 The Sr. VP (an Iranian) of the another firm approached my husband for a talk on the new project it won.  This man used to work with him on some projects in the past.  A scheduled was made.  That day, that Sr. VP offered him a job on the spot.  Actually, a position was created for him.  His role was the main system architect for this massive project. Unfortunately, my husband did not report to that Sr. VP directly, but to another VP (a white American).  The whole year, he met his boss twice: the first day and the day of the annual appraisal.   The boss was very pleased with his performance as he said.  When came to the annual bonus (in five digits amount), he received nothing but a $300 gift certificate at a shopping mall.  Other staff received bonus except him!  The reason was that he joined the company after 31 January of that year.  He came on board mid February.  My husband did not back down; a list of achievements, among many were 3 ideas possible for patents, together with the binding contract were presented to his boss.  The hiring contract states that he will be eligible for the annual bonus program of the year he joined.  The boss simply disregarded both his performance and the contract.  Concerning the contract, the boss gave an excuse of a typo error.  Honestly, I find this lame excuse is an insult to our intelligence. The VP of Human Resource approached my husband stating that though there is a binding contract, but it’s against the company policy to offer bonus to a staff who joins after 31-Jan.  She would have to escalate to the CEO and blah blah.  Bottom line, they will not honor the contract.  She did not flat out refuse not to consider; she would see what could be done.  This is an old trick I experienced before, giving a false hope (brinkmanship).   A manager at my company HR dept. suggested a lawsuit. As she and my colleagues put it, were my husband to be white, this sort of bull sh would have not happened.  I agreed. Months later nothing came through.  When a better opportunity presented, he without hesitation seized that opportunity.  When the resignation was submitted, his boss was obviously shocked.  He promised to take action, but it was too little too late.  Beside, he could not match the offer (compensation, benefits and other perks) my husband receives from the new firm.   Per your inquiry on coping with this issue, I suggest to know your self-worth that you are as a human as everyone else.  Never let anyone make you feel otherwise.  Deal with the issue head on, yet with calmness and firmness.  Don’t get mad, but get even like my husband did.   Best of luck to your to-be endeavor. แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 09:02:46 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 08:15:17 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 07:58:19 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 06:02:32 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 9 ก.ย. 51 06:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ Khun Thai Woman (ณารา): "I suggest to know your self-worth that you are as a human as everyone else.  Never let anyone make you feel otherwise.  Deal the issue head on, yet with calmness.  Don’t get mad, but get even like my husband did." I totally agree with you ka....totally love what u said ^0^ จากคุณ : nu yim (sweetkiwi) - [ 9 ก.ย. 51 07:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รู้สึกว่าไม่ค่อยเจอเรื่องแบบนี้ที่เมกานะคะ แต่เจอที่เมืองไทยมากกว่าซะอีก เมืองไทยใครแต่งตัวดี ผิวขาวเหมือนคุณหนู เดินไปเข้าร้านไหนคนก็มาต้อนรับเพราะคิดว่ามีเงิน แม้ความจริงแล้วบางครั้งมีแค่ 200 บาทในเป๋าด้วยซ้ำ ที่เมกาทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวใส่เกงขาสั้นกับรองเท้าแตะเข้าไปซื้อของ เค้าก็ต้อนรับดี แต่ที่เจอก็อาจจะเป็นผู้หญิงเมกันที่นี่มากกว่าที่บางครั้งเค้าเห็นเราและมองเราแปลกๆ ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : ......................... (Pinky_th) - [ 9 ก.ย. 51 07:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 "คุณเคยรู้สึกว่าถูกต่างชาติ เลือกปฏิบัติต่อคุณ หรือรู้สึกว่าโดยต่างชาติดูถูกไหม คุณมีวิธีรับมืออย่างไร" เคยบ้างนิดหน่อยค่ะ ไม่รุนแรง กรณีเลือกปฏิบัติ เช่นตอนจ่ายเงินที่ห้าง แคชเชียร์เป็นคนผิวดำและอ้วนๆ เขาจะไม่ค่อยต้อนรับเท่าที่ควร ตอนคิวเราไม่ยิ้มไม่แย้มอะไรเลย แต่คนต่อข้างหลังที่เป็นฝรั่งขาว แคชเชียร์ยิ้มเห็นฟันขาวให้อย่างเริงร่า ดิฉันเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้อ่ะค่ะ ใครทำอย่างไรกับใครไว้ ก็จะได้รับผลตอบแทนนั้น ปล่อยให้ฝรั่งขาวลงโทษเขาเหอะค่ะ คิกๆ แต่ส่วนมากได้รับการปฏิบัติอย่างดี โดยเฉพาะบรรดาเพื่อนๆของคุณแฟนทั้งหลายแหล่ทั้งหญิง ชาย แก่ หนุ่ม อิอิ จากคุณ : thaispicy - [ 9 ก.ย. 51 08:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 My husband’s sister was always mistaken as a cleaning maid while working as an engineer for the Euro Tunnel project.  She let none of this nonsense bring her down.  She went on to earn her master degree in engineering from UCL; and a PhD in the US.  She is now working with a well-known company; and as a part-time researcher at Harvard U.   My husband received the same.  Many times while working at our front lawn, he was approached by some unacquainted neighbors to work on their lawns.  When told that he lives in this house, they were taken aback that a minority like him could afford to live in an established neighborhood.  He sometimes went along; and gave them his hourly rate (rate he gets from work), these people simply walked away.   Racism can take place any where any time.  Black people tend to receive the most prejudice and discrimination.  Yet we can not let others’ ignorance and/or prejudice hinder us from reaching our main goals in life.  Nor should we loose our self-esteem/respect. Had my husband and his sister allowed others’ prejudice influence over them, they would have not had today.  Instead, they used the injustice as a driving force to keep them mobile upwardly! แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 10:17:40 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 09:40:05 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 09:39:09 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 9 ก.ย. 51 09:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 To Khun Nara, I like what you said to that "white trash" in the train! :-)) I really admire you and your husband for your strenght and his fight against the racism. Your husband and his sister story is really a good sample for ones to follow. Thank you very much for sharing such an interesting story. I wish  you and your family as well as everyone who never let anyone to bring them down a lot of happiness and success in life. Chok Dee Kha จากคุณ : Whitebutterfly - [ 9 ก.ย. 51 11:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณ กุศลโลบายแห่งความจริง จอบคุณที่เข้ามาชี้แจงค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะหมายถึงสรรพนามแทนบุคลที่สามเหมือนกัน แต่พออ่านใหม่อีกรอบในข้อความต้น ๆ ประโยคนี่มันคือเราที่หว่าเพราะว่ากำลัง (อาจจะ)จะย้ายไปประเทศแฟนอ่ะค่ะ ก็เลยเขียนแย้งไป ตอนนี้เข้าใจชัดแจ้งแจ่มแจ๋วค่ะ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่เข้ามาให้ข้อคิดดี ๆ เสมอ จากคุณ : Whitebutterfly - [ 9 ก.ย. 51 11:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 "...แต่คุณตานคะ งานที่นี่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ นะคะ ตัวดิฉันก็เรียนจบในเมืองไทยและเคยทำงานดีๆ มาก่อน พอมาอยู่ที่นี่มันเลือกงานไม่ได้น่ะค่ะ ...Yes, I agree. ไป ๆ มา ๆ ก็เลยได้งานทำความสะอาดซึ่งเป็นงานยอดฮิตของคนไทย พยายามไม่คิดมาก แต่ถ้าให้บอกตรง ๆ แล้วบางทีก็เกิดความรู้สึกรับไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า เราได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หาเงินเองได้และไม่ต้องพึ่งสามี ...It depends on your perception. If you don't care, that is a job that you can earn lots of money. However, I think most Thais people do care. จะหางานดี ๆ ที่เราภูมิใจได้ก็คงต้องเรียนให้จบจากสถาบันการศึกษาที่นี่ค่ะ เคยลองเรียนดูแล้ว ยอมรับว่าท้อค่ะ มันต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก ๆ ...If your Dutch or French is good, you can find a job. You don't need to graduate from here. เลยในการเรียนภาษาที่ 3 ให้ได้ดีกรีของที่นี่ อายุก็เยอะแล้ว ...I'm doing now. ...study in Dutch, every difficult, but if you try, you can do it. บางทีก็เริ่มปลงกับชีวิตค่ะ ดิฉันดูเป็นคนไม่สู้เลยใช่ไหมคะ ...jai yen yen, people can feel down sometimes. แล้วไม่ทราบว่าคุณตานทำอย่างไรถึงได้งานที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้คะ ...let's talk in private. จริง ๆ อยากคุยกับคุณตานเหมือนกัน เห็นให้เบอร์ไว้ แต่โรงเรียนเปิดแล้ว ก็ไม่อยากจะรบกวนมากกลัวคุณจะยุ่ง ถ้าไม่รังเกียจคุณว่างพอที่จะคุยได้ช่วงไหนของวันคะ ...no problem ka. 03 219 49 18, 0474 73 17 79. ...If you call my home number, I may not at home at all time. I like to cycling in a forrest behind a house. Also my GSM, it is not always with me. Don't worry, just send SMS to me. Hope you have a home phone since I don't like GSM mush, it makes my ear warm, and I feel the energy coming in. ...let me know where do you stay: Flemish or French part? ...I type in E since it is fast for me ka. จากคุณ : tan - [ 9 ก.ย. 51 17:01:40 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 51 to คุณ : Whitebutterfly " youhave an interesting job!! It's great to be able to help people. You must be very proud :-)" ...When I do the job that can help people, they all look at me with thankful eyes. Everyone smiles before leaving my place. I don't take lots of customers, just few per weeks since I want to pay fully attention to their problems. (also I have lots of hobbies to enjoy.) My purpose to work is to heal people, to restore them, not for money. People who can afford I charge 50 euro/hour. People who are young and poor, I do it for free. But most Belgian don't like to owe others, they will return me will small gifts. " I can see you must like art alot. Me too, I played clarinet at school and learned painting in Morrocco. Those are you hobbies or you are learning to be professional? ...most of them are my hobbies. But painting restoration, I can do for my part time job. Western Europe is a place of art. They have long history for that. Lots of paintings needed to be restored. Also, I can work for museum in a restoration department. ...as I told you above, money is not my main interest. Happiness, satisfaction and self-esteem are the most important. If you look for money, you can't do want you really want. I do what I really want, really happy about; money is extra. ...My husband said 'Do what you like, enjoy the rest of your life." I had worked a lots with my own business in Thailand, so now I have enough (doesn't mean much.) I don't use brand name products. I don't have luxury life. I just have natural life which doesn't require high expenses. ...welcome you back to Belgium some day. We live in Antwerp, in a quiet residential area opposite the city. จากคุณ : tan - [ 9 ก.ย. 51 17:22:58 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 52 To Khun Tan, Thank you for your reply kha... sound like we have a lot in commons. Wishing you a lot of happiness and enjoy life in Antwerp naka. จากคุณ : Whitebutterfly - [ 10 ก.ย. 51 13:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ขอบคุณ ทุก ๆ คห ที่เขียนกันเข้ามานะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับชีวิตในต่างแดนต่อไปค่ะ จากคุณ : Whitebutterfly - [ 10 ก.ย. 51 13:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สวัสดีค่ะ อ่านความเห็นคุณ Tan อันล่าสุด รู้สึกชื่นชอบในตัวคุณจริง ๆ คุณตรงไปตรงมาดี และก็มี ทัศนคติในการดำรงชีวิตดีมากค่ะ ขอบคุณสำหรับเบอร์โทรที่ให้มาค่ะ  ดิฉันจะส่ง sms ไปก่อนถ้าคุณว่างคุยสาย ณ ตอนนั้น เราก็จะได้ใช้โทรศัทพ์บ้านคุยกันค่ะ เพราะดิฉันก็ไม่ชอบ GSM เหมือนกัน คุยแล้วปวดหู เหมือนโดนคลื่นความถี่ ถ้าคุยนาน ๆ ก็ปวดหัวไปเลย  ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ   ดิฉันอยู่ในโซนพูดภาษาฝรังเศสค่ะ   ขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ด้วยค่ะที่ set กระทู้นี้ขึ้นมา  อ่านหลายความเห็นแล้ว ทำให้ดิฉันได้มุมมองชีวิตอันมีค่าของเพื่อน ๆ ค่ะ  ขอให้ทุกคนแฮปปี้กับชีวิตในต่างแดนค่ะ จากคุณ : เจน (เจนนี่เจ้า) - [ 10 ก.ย. 51 16:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณตานพูดเหมือนลูกผมครับที่ว่า If you look for money, you can't do want you really want. I do what I really want, really happy about; money is extra. ไม่ได้สร้างอะไรไว้ให้ลูก ตอนนี้เขาจึงต้องทำสิ่งที่ไม่ต้องการทำ และหวังว่าในอนาคตเขาคงมีโอกาสก่อนที่จะแก่เกินไป เป็นงานศิลปะเหมือนกัน คนโชคดีมีสุขเท่านั้น ที่มีโอกาสแบบคุณตาน จากคุณ : อิสวาสุ - [ 10 ก.ย. 51 18:39:08 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ : อิสวาสุ ที่บ้านก็ไม่ได้ให้สมบัตินะคะ ให้แต่การศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่พ่อแม่จะจ่ายให้ได้ มันอยู่ที่เราเลือกนะคุณอิวาสุ เงิน หรือ ความสุข บางคนสับสนนึกว่าความสุขต้องมากับเงิน ต้องมีเงินก่อนถึงจะมีความสุขได้ ย้อนไปเมื่อหกปีก่อน เดินออกไปที่สวนหลังบ้าน สามีเดินตามออกมา เราบอกว่าเกิดมาไม่เคยรู้สึกว่าจนแบบนี้เลย สามีตอบกลับมาว่า "แต่ยูก็ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้ใช่มั๊ย" มันก็จริงนะ ต้องบอกว่าโชคดีที่ได้สามีดี ที่มองเห็นถึงความพอ ทุกอย่างที่เขามีตอนนี้ เขาพอใจหมด วันหยุดพักร้อนขออยู่บ้าน ทำสวน ล้างรถ เป่าทรัมเปต ทำอาหารอร่อยๆกิน หรือทาสีบ้าน เราเคยถามว่าทำไมไม่ทำงานพาททาร์มกับลูกค้า ค่าแรงที่ลูกค้าจ่ายผ่านบริษัทต่อหนึ่งวัน มันมากกว่าค่าตั๋วไปกลับเมืองไทยอีก คำตอบคือ "เวลาว่างของไอมีค่ามากกว่านั้น" วันนั้นที่ฟังไม่เข้าใจ แต่วันนี้เข้าใจแล้ว หรืออาจเพราะเราแวดล้อมด้วยสังคมที่นี่แบบนี้ ไม่มีใครเห็นแก่เงิน ไม่มีใครฝืนใจทำเพื่อเงิน ลองดูสิค่ะ ตัดคำว่าเงินออก แล้วเราจะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เราจะทำสิ่งที่นำความสุขมาให้เราอย่างแท้จริง จากคุณ : ตาน - [ 11 ก.ย. 51 02:40:19 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ : เจน โทรเข้าเบอร์บ้านได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ บางทีมือถือมันก็ไม่รู้อยู่ไหน หวังว่าคุณคงเลิกท้อบ้างแล้ว เลือกทำในสิ่งที่คุณภาคภูมิใจ ยอมรับทุกอย่างที่เราเป็น ความสุขอยู่ใกล้ๆค่ะ จากคุณ : ตาน - [ 11 ก.ย. 51 02:44:07 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]