ความคิดเห็นที่ 1 ปกติทำงานขายของในซุปเปอร์มาร์เก็ตเนี่ย ไม่น่าจะได้วีซ่าทำงานง่ายๆนะคะ ท่าทางเค้าจะให้คุณไปโดดวีซ่า หรือไม่ก็ขอวีซ่าผิดประเภท (ปล.วีซ่าท่องเที่ยวของมอลต้า ขอผ่านสถานทูตออสเตรีย ซึ่งหมายความว่ายังไงก้อได้ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน) แล้วขายของในซุปเปอร์มาร์เก็ตเนี่ย พูดภาษามอลต้าไม่ได้จะขายได้ยังไงคะ คือตามหลักแล้ว คนที่จะทำตำแหน่งขายของ (ต่อให้แค่จัดของ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกค้าก็เหอะ) ยังไงก็ต้องพูดภาษาท้องถิ่นได้ และอ่านออก แปลออกบ้าง แต่นี่เราเดาได้เลยว่าคุณไม่รู้ภาษามอลต้า (เพราะคงไม่มีใครเรียนภาษานี้จากเมืองไทย ถ้ารู้ภาษาเค้าจริงๆแปลว่าคงเคยอยู่ที่นู่นมาบ้างแล้ว)   ถ้าคุณจะไป นอกจากจะเสี่ยงต่อการดร็อปเรียนแล้ว ยังเสี่ยงกับการโดนหลอกไปขายด้วยนะคะ เงินสามหมื่นต่อเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไร เพราะถึงคุณจะไปอยู่กะ family คุณก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ารถเมล์ ค่ากิน ค่าของใช้ เผลอๆต้องไปช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าห้อง เงินสามหมื่นคุณจะเหลือไม่กี่พัน (ยิ่งเมื่อไปเทียบกับโอกาสที่จะโดนหลอกไปขาย) ถ้าคุณทนเรียนให้จบ จบมาไปสมัครงาน โอกาสได้งานมั่นคงอยู่ที่เมืองไทยก็มี ไม่ต้องไปอยู่ห่างไกลพ่อแม่ด้วย  ระหว่างยังเรียนไม่จบก็ลองหางานพาร์ททาร์มตามห้างหรืออะไรก็ได้ หารายได้เพิ่มให้ครอบครัวไปก่อน ทนหน่อยสักหนึ่งปี พอเรียนจบอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง เราไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อเราหรือเปล่า แต่การไปทำงานเมืองนอก ไม่ได้สร้างโอกาสเสมอไป ลองคิดดีๆนะคะ จะตัดสินใจยังไงก็ขอให้โชคดี จากคุณ : The Joy Luck Club - [ 9 ก.ย. 51 12:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับ คห ที่ 1 เพิ่มเติมด้วย...เพราะหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ ปัจจุบันนี้ แก๊งค์ขายส่งหญิงไทย ประสบปัญหาเรื่องกฏระเบียบต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้นในหลายๆ ประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ก็เลยหันไปหาตลาดประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่เข้มงวดเรื่องการตรวจตราพาสปอร์ตมากนัก เพราะยังสามารถใช้พาสปอร์ตแบบเก่า ซึ่งสามารถสวมรูปคนอื่นลงไปได้ อย่าคิดว่าเรื่องนี้แต่ในหนังสารคดีนะคะ มีจริงๆ และเจอของจริงมาหลายครั้งแล้วค่ะ จขกท เรียนให้จบก่อนค่อยคิดขยับขยายดีกว่านะคะ อีกแค่ปีเดียว จากคุณ : Lawanwadee - [ 9 ก.ย. 51 13:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ในฐานะที่ข้าพเจ้าเคยไปเล่าเรียนในประเทศนี้มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ( ทุนของ  IOI ,International  Ocean  Institue  at the University of Malta)   ใคร่ขอเรียนเสนอความเห็นตามกระทู้นี้  ดังต่อไปนี้ 1. ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความเห็นของทั้ง 2 ท่านข้างบน  คือคุณ The Joy Luck Club  และคุณ  Lawanwadee  ที่มีความปราถนาดีต่อเจ้าของกระทู้  ด้วยประสบการณ์ที่มองโลกกว้างไกลของเธอทั้งสอง 2. ณ ที่นี้  ข้าพเจ้าจึงขอสนับสนุนความเห็นของทั้งสองท่านที่ได้เอ่ยนามมา  ซึ่งสรุปความเห็นได้ตรงกันว่า "  คุณเจ้าของกระทู้ยังไม่ต้องไปทำงานที่ Malta  ในขณะนี้  เหลืออีก 1  ปี  เรียนให้จบเสียก่อน " 3. เหตุผลสนับสนุนที่สำคัญมี 2 ประการ คือ 3.1 รายได้ 30,000 บาทต่อเดือนสำหรับที่นั่น  หรือประมาณ 600 ยูโรซึ่งไม่ใช่เงินมากมายอะไร  ก็ขนาดค่าแรงงานระดับล่างทั่วไป  เด็กเรียนจบมหาวิทยาลัยที่นั่นมีรายได้สูงกว่านี้  และยังไม่ทราบเลยว่าใครจะเป็นผู้ชำระค่าเช่าห้องพัก  ค่าน้ำ  ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์  ค่าพาหนะ ฯลฯ   หากคุณต้องชำระเอง ก็จะเหลือเงินเก็บอยู่ไม่เท่าไร  ไหนคุณยังต้องซื้อหาอาหาร + ของใช้ส่วนตัวเพื่อบริโภคเองอีกด้วย  ซึ่งเป็นไปตามที่คุณ The Joy Luck Club  ตั้งข้อสังเกตุไว้ ค่าครองชีพที่ Malta ไม่แตกต่างจากอิตาลี  หรือกรีกมากนัก  กล่าวคืออาจไม่แพงมากสำหรับคนยุโรปเหนือ ( Malta  เป็นเมืองพักผ่อนของคนอังกฤษ  และคนเยอรมัน) แต่แพงมากสำหรับคนที่มีรายได้ 30,000  บาทซึ่งยังไม่รู้เลยว่าต้องจ่ายค่าอะไรอีกบ้าง 3.2 อย่างที่คุณ Lawanwadee  เธอบอกไว้  ให้ระวังเรื่องแก๊งค์ขายส่งหญิงไทยตอนนี้กำลังหาตลาดใหม่เพื่อการส่งออก  เป็นเรื่องที่ต้องระวังด้วย 4. ประเทศ  Malta  เป็นเกาะตั้งอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  อยู่ใต้อิตาลี  ประกอบด้วยเกาะใหญ่สำคัญ 3 เกาะ  ใช้ภาษาพูด 2 ภาษา คือภาษาท้องถิ่น  Maltese  และเนื่องจากเคยตกอยู่ใต้อารักขาของอังกฤษเป็นเวลายาวนาน  จึงใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการอีกภาษาหนึ่ง  ผู้คนที่นั่นพูดอังกฤษได้ดี  นอกจากนั้นยังใช้ภาษาฝรั่งเศสปนอิแทเลี่ยน  และหลายคนใช้ภาษาอาหรับได้ดี Malta ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประเทศมุสลิมในแอฟริกาเหนือ  จึงมีนักการเมือง  หรือพ่อค้าผู้ร่ำรวยชาวอาหรับจากประเทศลิเบีย  ตูนีเซีย  มอรอคโค เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนกันมาก  เพราะผู้คน Maltese ส่วนใหญ่เป็นคริสต์ ( Catholic) จึงมีทั้งสุรา เบียร์  ไวน์ ฯลฯ  ขายอยู่ตามร้านค้าเครื่องดื่ม ทั่วประเทศ และทั้งมีผับ Pub แบบอังกฤษอีกมากมาย    ขณะเดียวกัน ที่นี่เป็นแหล่งสำคัญกลางเมดิเตอร์เรเนียนที่มีโสเภณีต่างชาติมาให้บริการอีกด้วย  ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในเมืองหลวง Valletta  หรือตามเมืองชายหาดอื่นๆ เช่นที่  Sliema หรือ St. Julien มีทั้งประเภทหากินอิสระ บินเดี่ยว  หรือสังกัดอยู่ตามซ่อง  และแน่นอน  ต้องมีโสเภณีประเภทถูกหลอกจากที่อื่นมาด้วย  ตามที่คุณ Lawanwadee  ได้เตือนไว้ Malta  เป็นแหล่งพักผ่อนช่วง Summer ของฝรั่งอังกฤษ เยอรมันหรือชาวยุโรปทั่วไปด้วยการมานอนเล่นรับแสงแดดที่บ้านเมืองตนมีน้อย  ที่สำคัญคืออยู่ใกล้บ้าน  ไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาะภูเก๊ต  หรือแถวทะเลแคริบเบียน (มีร้านอาหารไทยเปิดอยู่ 2 ร้านแถว St. Julien) ขณะเดียวกัน  Malta  เป็นแหล่งพักผ่อนของชายอาหรับร่ำรวยที่ไม่มีสิ่งบันเทิงใจแบบสุรา-นารีในบ้านเมืองของตน สุดท้าย  มีสถานกงสุลของ Malta อยู่ในกรุงเทพอยู่ 2 แห่ง คือ The Republic  of Malta และ The Order of Malta  ซึ่งตั้งอยู่คนละทิศละทาง ( แตกต่างกันในรายละเอียด) และสถานกงสุลทั้ง 2 แห่งไม่มีหน้าที่ออก Visa  การขอวีซ่าเข้ามอลต้า ทำได้ 2 ทางคือ  หากบินตรงเข้า Valletta ก็ต้องไปขอวีซ่า  Shengen ที่สถานทูตออสเตรีย (Austria/Vienna)  ซึ่งดูแลอยู่ตามที่คุณ The Joy Luck Club บอกไว้  หรือหากบินเพื่อไปเปลี่ยนเครื่องที่ Rome  ก็อาจไปขอวีซ่า Shengen ที่สถานทูตอิตาลี ขออวยพรให้ท่านเจ้าของกระทู้โชคดี  และไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 23:41:14 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 51 17:08:42 จากคุณ : The Maltese Falcon (Detente) - [ 9 ก.ย. 51 16:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ มีประโยชน์มากจิงๆคะ จากคุณ : aikimi (aikimi) - [ 9 ก.ย. 51 22:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลสุดยอด ครับ    เห็นด้วย ทั้ง The Joy Luck Club , Lawanwadee , The Maltese Falcon (Detente)  ข้อแนะนำดี มากครับ จากคุณ : วอนลมพัด เอา ฝากใจไปที (เชนชัย) - [ 11 ก.ย. 51 15:34:24 ]