ความคิดเห็นที่ 2

credit-to-debt ratio คืออัตราส่วนของเครดิต (จำนวนเงินที่เครดิตคาร์ดเสนอให้คุณ) กับ หนี้ (จำนวนเงินที่คุณใช้/เป็นหนี้บัตรเครดิต) เช่น คุณมีบัตรเครดิต 1 ใบ มีลิมิต 1,000 เหรียญ คุณใช้บัตรซื้อของไป 200 เหรียญ อัตราส่วนเครดิตต่อหนี้คือ 1,000 ต่อ 200 หรือ 5 ต่อ 1
บทความนี้น่าจะแนะนำเรื่องผลของการปิดบัตรเครดิตที่มีต่อเครดิตสกอร์
Before you make the decision to cancel a card, make sure that canceling it won't negatively affect your credit score. ก่อนจะตัดสินใจยกเลิกบัตรซักใบ ขอให้แน่ใจว่า มันจะไม่มีผลกระทบทางลบกับเครดิตสกอร์
Don't cancel a card that you've had for a long time because you want to maintain the longevity component of your credit history. อย่ายกเลิกบัตรที่คุณมีมานานแล้วนะ เพราะคุณต้องการรักษาส่วน (ในการคิดเครดิตสกอร์) ที่เป็นความยาวนานของประวัติเครดิต --- มีประวัติยิ่งนาน คะแนนก็จะมากขึ้น แต่อายุของประวัติเครดิตไม่ใช่องค์ประกอบเดียวในการคิดเครดิตสกอร์ ในบทความนี้เค้าก็ให้ดูอัตราส่วนหนี้ประกอบด้วย
Also, if it's a card with a high credit limit, you may consider hanging on to it so your credit-to-debt ratio doesn't take a hit. อีกอย่าง ถ้าบัตรนั้นมีลิมิตสูง คุณก็น่าจะเก็บไว้ มันจะได้ไม่กระทบอัตราเครดิตต่อหนี้ --- จากตัวอย่างแรก ถ้าคุณมีบัตรอีกใบนึง ที่มีลิมิต 10,000 เหรียญ คราวนี้ อัตราส่วนตรงนี้ก็กลายเป็น 11,000 ต่อ 200 จากบัตรสองใบนี้ ถ้าคุณจะยกเลิกหนึ่งใบ คุณก็ควรจะยกเลิกใบที่มีลิมิต 1,000 เหรียญ มันก็จะดึงอัตราส่วนลงมากลายเป็น 10,000 ต่อ 200 ซึ่งดีกว่า 1,000 ต่อ 200 ถ้าคุณเลือกที่จะปิดใบที่สอง
If you're not carrying credit card balances, credit-to-debt ratios are less of an issue, ถ้าคุณไม่ค้างยอดชำระ (จ่ายหมดทุกเดือน) เรื่องอัตราเครดิตต่อหนี้พวกนี้ ก็ไม่ได้เป็นเรื่อง (สำคัญ) อะไร คือไม่ต้องเอามาเป็น issue ไม่ต้องเอามาคิดมาก
but if you tend to have balances carry from one month to the next you especially need to pay attention to this number. แต่ถ้าคุณมักจะชำระยอดไม่หมด (เหลือค้างไว้เดือนต่อไป) คุณควรใส่ใจกับอัตราส่วนอันนี้เป็นพิเศษ
หวังว่าคงช่วยให้มองเห็นภาพได้บ้าง ถอดความแบบหยาบ ๆ นะ
จากคุณ :
Genuine XXX
- [
10 ก.ย. 51 13:48:18
]
|
|
|