ความคิดเห็นที่ 1 มีวิธี แต่คงไม่อยากบอก เพราะไม่ได้รู้ตี้นลึกหนาบางใน case ของเพี่อนและตัวคุณ ขอให้นึกเสียว่าเชี่อคนง่ายๆ  ก็เป็นเช่นนั้นเอง..... จากคุณ : hollywop - [ 17 ก.ย. 51 07:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แจ้งไปยังอิมมิเกรชั่น โดยโทรศัพท์ไป ทางอิมมิเกรชั่นมีเบอร์โทรฟรี พูดกับพนง.... อธิบายไปตามที่จขกท. นำมาลงในกระทู้นี้... ให้ที่อยู่ และ ข้อมูลร้านที่ เจ้าของติดต่อจขกท. ในฐานะที่จขกท. เป็นสปอนเซอร์ ประกอบกับเสียรู้ ที่เสนอตัวเองไปช่วย.. และ เรื่องมันออกมาแบบนี้ จากคุณ : JidNince - [ 17 ก.ย. 51 07:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หากคุณวิ่งโร่ไปฟ้อง Immigration ตัวคุณเองอาจจะโดนเล่นงาน ในเรี่องความไม่รอบคอบของคุณเอง  และอาจจะโดนเจ้าหน้าที่เขาเล่นคุณอีกต่อหนึ่ง   เพราะว่าคุณเองก็มีำผิดเช่นกัน What is my responsibility concerning the authenticity of document(s) presented to me? You must examine the document(s) and, if they reasonably appear on their face to be genuine and to relate to the person presenting them, you must accept them. To do otherwise could be an unfair immigration-related employment practice. If a document does not reasonably appear on its face to be genuine and to relate to the person presenting it, you must not accept it. You may contact your local ICE office for assistance. To get the address and telephone number of the ICE office nearest you จากคุณ : hollywop - [ 17 ก.ย. 51 10:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Khun Veenja You have to initially file the report to RCMP, local police, or Canadian Border Service Agency officer in your area for immigration investigations . Practically, your friend  might have already vilolated Immigration and Refugee Protection Act (IRPA). Please follow this link : http://www.cbsa-asfc.gc.ca/security-securite/violation-infraction-eng.html#s1 Good luck krab. จากคุณ : JumboNanaimo - [ 17 ก.ย. 51 10:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทางที่ดี ปล่อยเขาไป เพราะการไปแจ้งอิมมิเกรชัน อาจจะไม่ปลอดภัยกับคุณด้วยซ้ำ และได้ไม่คุ้มเสีย แสนกว่าบาทไทยในแคนาดาไม่มากนัก อาจจะเสียความรู้สึกแต่ต้องทน จากคุณ : อิสวาสุ - [ 17 ก.ย. 51 12:54:07 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปล่อยวางค่ะ คนเราเดี๋ยวนี้กรรมติดจรวดค่ะ ไม่ต้องรอชาติหน้า อย่าไปทำไรที่ผูกพันกะอิมมิเกรชั่นเลย คราวหน้าก็จะได้ระมัดระวังมากขึ้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ จากคุณ : walaphako (walaphako) - [ 17 ก.ย. 51 13:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากประสบการณ์ของคนรู้จักที่เคยเป็นสปอนเซอร์ค้ำประกันแบบจขกท. ทำให้เพื่อน... เขาแจ้งอิมมิเกรชั่น เพื่อรักษาเครดิตของตัวเอง.. ต่อไป ในอนาคตเผื่อเขาต้องไปช่วยแอบพลายให้คนอื่นอีก เขาจะไม่เสียเครดิตการเป็นสปอนเซ่อ ถ้าจขกท. ทำเรื่อง เวิร์ค เพอมิท ให้เพื่อน อย่างถูกต้องตามกระบวน... จึงไม่มีความจำเป็น ต้องกลัวว่า จะเป็นคนผิดค่ะ... คุณไม่ใช่คนทำผิดกฏหมายอิมมิเกรชั่น... แต่เพื่อนคุณเองต่างหาก... จขกท. ต้องมีเอกสารสำเนาในการทำเวิร์ค เพอมืท อยู่นะคะ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเงินที่ช่วยไป... แต่มันเกี่ยวกับ เครดิตที่ จขกท. เป็นสปอนเซ่อ ช่วยเขามาต่างแดน ที่สัญญาผูกมัดว่า ทำงานกับ จขกท ที่อิมมิเกรชั่นมีข้อมูล.... ถ้าเขาหนีไป และ จขกท. ไม่แจ้งไป... เท่ากับ จขกท. ผู้ที่ทำเรือ่งรับประกันเขามาทำงานกับคุณ ...  จขกท. เอง ดูเหมือน "ร่วมเป็นใจ" ในการช่วยเขาให้ไปแคนาดา และ อ้างทำเป็นว่าเขาหนีไป... บุคคลที่เสียเครดิต คือคนทำเรื่องช่วยค่ะ จากคุณ : JidNince - [ 17 ก.ย. 51 13:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ที่เกี่ยวข้องกับเขา เว้นแต่ ถ้าทางการสอบถามมา จากคุณ : ธนิตา - [ 17 ก.ย. 51 13:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอถามเพราะสงสัยอ่ะค่ะ ทำไมกรณีแบบนี้ คุณ จขกท ถึงอาจกลยเป็นคนผิดได้อ่ะค่ะ ถ้าไปแจ้ง อิมมิเกรชั่นอ่ะ จากคุณ : จอมยุทธสุดอึ๋มส์ - [ 17 ก.ย. 51 14:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นั่นสิคะ สงสัยเหมือนกัน ขอความรู้หน่อยนะคะ จากคุณ : Susie - [ 17 ก.ย. 51 14:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สงสัยด้วยอีกคนค่ะ ในเมื่อทุกทุกอย่างถูกต้องแล้ว ทำไมพอเพื่อนหนีไป คนเป็นสปอนเซอร์เวิร์คเพอร์มิทให้ต้องผิดด้วย ไม่เข้าใจค่ะ ขอคำอธิบายค่ะ เห็นด้วยกับคุณ JidNince ว่า ถ้าไม่แจ้ง จะยิ่งมีความผิดมากกว่าเสียอีก จากคุณ : Le Cielo - [ 17 ก.ย. 51 15:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่รู้เรื่อง แต่อ่านคห.จากคุณ JidNince แล้วมีเหตุผลที่สุด จากคุณ : ตาน - [ 17 ก.ย. 51 15:49:12 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องที่ถูกต้องย่อมถูกต้องเสมอ แต่บางครั้งเรื่องที่ถูกต้อง มิใช่ว่าจะได้ผลดีในระยะสั้นเสมอไป ต้องใช้เวลาพิสูจน์กันยาว ได้ผลไม่คุ้มค่าในระยะสั้น เสียทั้งเงินเวลาและอารมภ์ บางคนติดคุกเป็นสิบปีกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ทำความผิด ผมเองชอบเลือกชีวิตง่ายๆมีความสุข จขกทคิดรอบคอบแล้วหรือยังว่าถ้าแจ้งเจ้าหน้าที่ แล้วจะได้ผลคุ้มค่าหรือว่าเพียงเสียใจน้อยใจที่ช่วยเพื่อนแล้วเขายังไม่มองเห็นความดีเอื้ออารีที่เรามี คุณจะได้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง แยกเรื่องการขออนุญาตให้เพื่อนของ จขกท ทำงานออกไป จขกทแน่ใจแล้วหรือว่าค่าจ้างที่ให้ยุติธรรมและถูกต้องด้วยกฏหมายแรงงานเสียภาษีครบถ้วน เคยคิดไหมว่าทำไมอีกร้านหนึ่งจ้างได้เราจ้างไม่ได้ จริงๆแล้วที่เขาจะไปนั้นเพราะเงินอย่างเดียวจริงหรือเปล่า ทำตามที่คุณคิดเห็นว่าดีนั่นแหละครับ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 17 ก.ย. 51 18:46:41 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นั่นซิคะ ... แต่ก่อนอื่นต้องถามคุณว่าก่อนเพื่อนคุณมาหรือทันทีที่เพื่อนคุณถึงแคนนาดาแล้ว คุณไม่ได้ทำสัญญาจ้างงานกับเพื่อนใช่มั้ยคะ ... ถ้าทำสัญญาเป็นเรื่องเป็นราวแล้วเพื่อนคุณทำผิดข้อตกลงตามสัญญานั้น เพื่อนคุณผิด คุณเอาสัญญาจ้างงานไปยื่นให้อิมมิเกรชั่นจัดการได้ค่ะ ... ถึงคุณไม่มีสัญญาเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนเลยไม่ทำ แต่เค้าก็ยังหนีไปทำงานที่อื่นเพียงเพื่อจะให้ได้เงินที่ดีกว่า ... คุณก็ทำได้เหมือนกัน มันเป็นสิทธิของคุณ เป็นสิทธิของผู้ว่าจ้าง เงินเป็นของคุณ ... ถ้าคุณปล่อยให้เพื่อนคุณหนีไปทำงานที่อื่น แล้วให้นายจ้างอื่นมาจ้างต่อแทนคุณ คุณก็เสียเปรียบเค้า ... เสียเงินที่ไม่ควรเสีย ... และข้อสำคัญ ไม่ควรส่งเสริม หรือ ปล่อยไปนะคะ .. เพราะปล่อยๆ กัน ถึงได้มีคนหนีวีซ่าทำงานผิดกฏหมายอยู่เต็ม คนไทยที่เมืองไทยเห็นว่าคนนั้น คนนี้ทำได้ พอไปได้บ้างก็จะทำตามกันอีกไปเรื่อยๆ ... เห็นได้บ่อยๆ ที่ห้องนี้ที่ชอบถามเรื่องการหนีวีซ่า หลายคนก็แนะนำกันดีจัง ส่งเสริมกันจังเลย ... พอหลายคนไม่เห็นด้วย ก็อ้างว่าเค้าทำเพื่อครอบครัวปล่อยให้เค้าทำงานเก็บเงินไปเถอะ ... ใช่ค่ะ บุคคลเหล่านั้นน่าสงสารจริงๆ ค่ะ ที่ต้องดิ้นรนหาทางมาทำงานอย่างผิดกฏหมาย ต้องมาอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เจอตำรวจไม่ได้... กลัว ... ไม่สบายก็ไม่กล้าไปหาหมอ ... **คนเราทุกคน ควรจะพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่** **ทำในสิ่งที่เราทำได้** **หาในสิ่งที่ได้มาด้วยความภาคภูมิใจ** **อยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี** **และไม่ทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน** ข้อนี้เราขอยกเว้นเฉพาะคุณสามีเราค่ะ :P จากคุณ : Strawberry Pie - [ 17 ก.ย. 51 19:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน จขกท. ถ้าคุณทำสัญญารับประกัน เป็น สปอนเซ่อ เป็นลายลักษณ์อักษร โดยมีอิมมิเกรชั่นปั๊มตราอนุมัติ... ทำให้เพื่อน หรือ ทำให้ใครก็ตามแต่ ไปแคนาดา เพื่อทำงานกับคุณ ในรุปแบบ "เวิร์ค เพอมิท" และต่อมาเกิดมีขัดแย้งกัน คนที่คุณทำเรื่องให้ เกิดชิ่งก่อนสัญญาหมด (ไม่ว่าเขาอ้างด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม)  คือผิดสัญญา ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า BREACH AGREEMENT (ปกติแล้ว คนส่วนมากที่คิดมาทำงานต่างแดนมักจะชิ่งกัน หลังจากอยู่ทำงานที่แรกไปได้สักพัก เพื่อไปหาสิ่งที่ดีกว่า ขั้นตอนแรกเพียงแต่เขาหาคนช่วยคำประกัน จากนั้นเมื่อเขา พอปีกกล้าขาแข็งได้แล้ว รู้จักคนมากขึ้น แทบทั้งนั้นจะไม่อยู่ทำงานที่ทำครั้งแรกหรอกค่ะ ต้องมีข้ออ้าง ก็เพื่อเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ตัวเองกันทั้งนั้น) ถ้าคนที่จขกท. ช่วยทำสัญญาค้ำประกันให้ เขาผิดสัญญา เขาคนนั้นต้องกลับประเทศไทยไป เมื่อเขา "ผิดสัญญา" ที่อิมมิเกรชั่นอนุญาตให้เขามาทำงานกับคุณ และ ไม่ทำตามสัญญาจนหมดสัญญา แต่หนีไปหาที่ทำงานใหม่ .. ถ้าคุณไม่ทำอะไรเพื่อรักษาประวัติตัวเอง คุณมีผิดด้วย คุณผู้เป็นสปอนเซ่อ ค้ำประกันให้เขามา ต้อง แจ้งปัญหานี้เพื่อ "รักษาเครดิตในฐานะผู้คำประกัน" เพราะต่อไป ตัวคุณเอง จะมีประวัติเสีย ที่ไม่สามารถเป็นสปอนเซ่อ ค้ำประกันให้คนอื่นๆมาทำงาน หรือ ช่วยคนอื่นๆทำเรื่องขอวีซ่ามา ถ้าคุณละเลย ไม่แจ้งเพื่อรักษาเครดิตตัวเอง ขณะที่คนนั้นหนีวีซ่า ไปหาทำงานที่อื่น และ ขณะที่ยังมีสัญญาผูกมัดกับคุณ... เท่ากับตัวคุณเอง "สมรู้ร่วมคิด" ทำเป็น อ้างว่า เพื่อนหนีไป..... อิมมิเกรชั่น เขาไม่มาเห็นใจคุณ แต่เขาจะพิจารณาให้คุณเป็นคนที่เสียเครดิต ช่วยเหลือคนเข้าแคนาดา ในรูปแบบของการทำเวิร์ค เพอมิท และ แต่ละคนที่ช่วยทำเรื่อง หนีวีซ่าไป... ลองทำแบบนี้บ่อยๆสิคะ แล้วรอดูว่า อิมมิเกรชั่นจะเอาเรื่องกับใคร... ในเมือ่คนหนีวีซ่า เขาก็ย่อมหลบซ่อนตัว.. แต่ จขกท. มีธุระกิจ จะหนีไปไหนได้... อิมมิเกรชั่นไม่จับคุณ จขกท. หรอกค่ะ แต่เขาจะไม่ให้เครดิตที่ดีในการเป็นสปอนเซ่อให้คนต่อๆไป เรื่องแบบนี้.. ไม่เกี่ยวกับ การเป็นเพื่อน หรือ การเงินที่ช่วยเขาไป... มันเกี่ยวกับ ประวัติเครดิตของผู้ร่วมทำสัญญา... อิมมิเกรชั่นเขาไม่มาสนใจถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งผูกพันอะไรค่ะ... กฏหมายอิมมิเกรชั่นมันร่างออกมาเพื่อให้คน "ทำตามกฏ" และ มีช่องโหว่โอกาสให้คน "แหกกฏ" ดิฉันก็ยังออกความเห็นซ้ำๆ เหมือนกับความเห็นก่อนหน้านี้ของดิฉัน จากคุณ : JidNince - [ 17 ก.ย. 51 21:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พอดีไม่ทราบกฏหมายของแคนาดา ตัวผมเองถือวีซ่าเอช1 ซึ่งผูกพันกับนายจ้าง ถ้านายจ้างเลิกจ้าง วีซ่าก็ยกเลิก จะไปทำงานกับนายจ้างใหม่ นายจ้างใหม่ก็ต้องดำเนินเรื่องโยกย้ายวีซ่าให้ถูกต้อง work permit กรณีนี้ต่างไปหรือครับ คือผมคิดว่า ถ้าผมลาออกแล้วโดดวีซ่าไปยิงธนู อิมมิเกรชั่นไม่น่าจะมาจับนายจ้างผมแต่อย่างใด --------------------------------- วันนี้มีเจ้าของร้านอาหารโทรมาบอกว่าเขาไปสมัครงานที่นั่น โดยเจ่้าของร้านเขาขอให้เราออกหนังสือว่าเลิกจ้างเพื่อน แล้วเขาจะจ้างเพื่อนทำงานต่อเลย ------------------------------- ^ อ่านอันนี้แล้วยิ่งงง ตกลงเพื่อนคุณเขาจะโดดใช่ไหมครับ แล้วทำไมอีกร้านนึงเหมือนพยายาม ดำเนินการให้ถูกต้อง ร้านนั้นจะสปอนเซอร์เพื่อนคุณต่อหรือเปล่า หรือว่าเขาจะจ้างแบบผิดกฏหมาย แค่สงสัยก็เลยพูดน่ะครับ แค่คิดว่าคุณ จขกท ไม่น่าจะต้องกังวลมาก ไม่ว่าคุณจะแจ้งเรื่องของเพื่อนคุณหรือไม่ก็ตาม คุณไม่น่าจะมีความผิดแต่อย่างใดถ้าตอนแรก ทำถูกกระบวนการทุกอย่าง จากคุณ : Gaignun - [ 18 ก.ย. 51 08:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นอกเรื่อง... ผม(คิดเอาเองว่า)ค่อนข้างจะเข้าใจในสิ่งที่คุณอิสวาสุพยายามสื่อ แต่อาจจะต่างออกไปนิดนึง จะเล่าให้ฟังครับ ผมกับพี่สาวเคยกลับเมืองไทย ก็กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดสำราญใจพักนึง ก็นั่งรถไฟกลับมากรุงเทพ ตื่นมา กระเป๋าเงินของพี่สาวหาย คิดว่าคงหล่นออกมาตอนนอน(ตู้นอน) มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งใจดี รีบบอกว่า น้าชายคนหนึ่งเก็บได้ แล้วก็ถามคนข้างๆว่าใช่ของเขาไหม อ้ายคนนั้นดันรีบตอบรับว่าใช่สิครับ อ้อยเข้าปากช้าง น้าชาย (ที่น่าเขกกะโหลกตรงไม่ตรวจดูเลยว่า บัตรต่างๆในกระเป๋า มันเข้ากับหน้าคนตอบรับหรือเปล่า เป็นคนดีอย่างเดียวไม่พอนะครับ ยุคนี้ต้องเท่าทันคนด้วย) ก็ให้กระเป๋าเจ้าคนนั้นไป มันก็รีบยกกระเป๋าเดินไปที่อื่นเลยครับ (พิรุธสุดขีด) ต้องขอบคุณพี่ผู้หญิงที่ช่างสังเกต ช่วยแจ้งเบาะแสแถมยังช่วยบอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายด้วย เราก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟที่ผ่านมาตรวจ (ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่มากๆเลยครับ ทำงานกันรวดเร็ว เป็นงานเป็นการ) เจ้าหน้าที่รีบวิทยุบอกกันว่าอย่าเพิ่งให้ใครลงจากรถไฟนะ ผมกับเจ้าหน้าที่ก็วิ่งจากตู้ท้ายไปตู้หน้า จนมาเจอขโมยสมัครเล่นนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ตู้เสบียง ก็รวบได้โดยละม่อม และก็ได้กระเป๋าคืนครับ แต่จะบอกว่าไม่มีท่าทีสำนึกเลย "ก็ผมนึกว่าของผมจริงๆ ผมไม่ขโมยหรอก นี่ผมเป็นครูบาอาจารย์มาดูงานที่กรุงเทพ" ผมก็เดือดใส่ครูเลยสิครับ เพราะกระเป๋านั้นมีบัตรสำคัญต่างๆและเงินค่อนข้างมาก เราสองพี่น้องจะเดือดร้อนมากๆ ถ้าไม่ได้คืนมา (พี่บอกรู้งี้ทิ้งเงินไว้บ้าน คือพวกเราเบิกมาให้พ่อ แต่พ่อเขาไม่เอาเลยติดกลับมาด้วย ตุงเลย) นายรถไฟรีบขอดูบัตรประจำตัวของคนๆนั้น จดชื่อสกุลที่อยู่มาเรียบร้อย (ขอบอกว่าเท่ห์จริงๆครับ ประทับใจเจ้าหน้าที่รถไฟทุกคนมากๆ) พอผมได้กระเป๋าคืนมา ก็วิ่งกลับไปหาพี่สาวที่อยู่อีกด้าน พอรถจอดสถานี นายรถไฟกับตำรวจคนหนึ่งก็ตามมาถามว่าจะเอาเรื่องไหม ผมกับพี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็บอกไปว่าไม่เอาเรื่อง ตำรวจว่าควรจะเอาเรื่องนะ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย (ครู) ทำผิดก็ต้องรับโทษ ผมบอกไปว่า ก็จริง แต่ที่นั่งมาในตู้นี่ก็คนจังหวัดเดียวกันทั้งนั้น ถ้าเอาเรื่องครูคนนั้นทางวินัย เกรงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พ่อแม่พวกเราก็ยังอยู่ที่นั่น ตัวเมืองก็เล็กๆ ไม่อยากต้องมากังวลเรื่องใครจะมาผูกใจเจ็บ ครูคนนั้นคงไม่ได้เป็นขโมยโดยนิสัย (ไม่งั้นคงเปิดไปแล้ว ไม่ไปนั่งดื่มกาแฟรอให้จับ) แต่เงินมันยั่วใจ ก็เลยตอบรับ ศักดิ์ศรีมันค้ำคอเลยไม่ขอโทษ คิดว่าคงจะเข็ดไปอีกนาน ตอนผมโมโหจนด่าไป ครูคนนั้นก็เถียงไม่ออกสักคำ ตัวผมโกรธมากนะ แต่ถ้ายกความกันเท่านี้ เราสบายใจกว่า --------- ก็เล่าให้ฟังเล่นๆครับ พอดีสมองย้อนมาได้เป็นฉากๆเลย ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้เท่าไร ขออภัย แหะแหะ จากคุณ : Gaignun - [ 18 ก.ย. 51 08:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอเสนอความคิดเห็นส่วนตัว ผมไม่รู้กฎหมาย ทั้งกฎหมายไทย กฎหมายอเมริกา และ กฎหมายแคนาดา ผมเชื่อว่า ส่วนหนึ่งในห้องนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทุกคนหวังดีอยากแสดงความคิดเห็น บางคนอาจจะรู้จริง บางคนอาจจะอ้างอิงประสบการณ์ เช่น อยู่อเมริกามา มั่นใจกับระบบนี้ และคิดว่าคงคล้ายๆกัน บางคน อยู่เมืองไทย ชินกับวิธีแบบไทย วิธีตัดสินใจที่คิดว่าเหมือนกัน บางคนเรียนกฎหมายมา และ กฎหมายทุกๆประเทศน่าจะเหมือนกันโดยหลักการ บางคนก็โชคดี บางคนก็โชคร้าย คำตอบก็ต่างกันไป คิดว่า สิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด คือ เอกสารสัญญาที่อยู่ในมือครับ คู่มือต่างๆ เจ้าหน้าที่ เอกสารในเวปไซต์ หรือ ส่ง E-mail ไปถามทนายครับ จากคุณ : CherryBoyd - [ 18 ก.ย. 51 11:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การเป็น Sponsor ขอ Work Permit ให้ในแคนาดา ไม่ใช่เป็นสัญญา(Contract) ระหว่าง Sponsor กับ คนงาน โดยในWork Permit จะบอกว่า ให้ทำงานกับ Sponsorใครที่ไหน นานเท่าไร พอทำงานกันแล้ว ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจภายในขอบเขตุกฎหมาย จะเลิกทำงานก็ได้ ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสัญญา (Breach of Contract) และไม่มีกฎระเบียบว่า Sponsor จะต้องไปแจ้งกับใคร แต่เป็นเรื่องของคนงาน ถ้าเขาจะทำงานที่ใหม่ เขาก็ต้องขอให้ที่ทำงานใหม่ ขอ Work Permit ให้เขาใหม่ ดังนั้นการที่เจ่้าของร้านใหม่ เขาขอให้ออกหนังสือว่าเลิกจ้างเพื่อน แล้วเขาจะจ้างเพื่อนทำงานต่อ ถ้า จขกท ไม่อยากเสียเงินค่าทนาย ก็ออกหนังสือไปตามความจริงว่า This is to certify that  Mr./Ms........... resigned from work on..... and stated that he/she wanted to go back to Thailand. จากคุณ : ธนิตา - [ 18 ก.ย. 51 15:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ : Gaignun ผมคิดว่าคุณเข้าใจครับ ผมเองถือว่าเรื่องการแจ้งอิมมิเกรชันนี่เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่มีผลได้ผลเสียมากต่อผู้ถูกแจ้ง ถ้าเขาผิดและถูกลงโทษ ส่งกลับ การคิดที่รอบคอบ ให้ยาวออกไป มีเมตตาสักนิด (บางทีผมก็ดีแต่พูด) มันก็ไม่ต่างอะไรมากนักกับการทำบุญ คิดเสียว่าเป็นการขอกันกิน ที่คุณ : Gaignunตัดสินใจไม่เอาเรื่อง อาจารย์คนนั้น เป็นตัวอย่างที่ดีได้เหมือนกัน ผมก็มีนิทานครับ สมัยที่ผมขายคอม คนอาฟริกัน ไม่รู้ว่าหัวหมอหรือเข้าใจผิด ฟ้องร้อง ศาลยกฟ้อง ศาลซึ่งอยู่ไกลมากจากที่เราอยู่ (ศาลอยู่Manasas บ้านเราอยู่ Alexandria ร้าผมอยู่ Falls Church) เขานั่งรถเมล์ไปศาล คิดดูว่าผมใจดีขนาดไหน ขากลับ ผมอาสาพามาส่งถึงบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลกับบ้านผม ผลหรือครับ เราเป็นเพื่อนช่วยเหลือกันหลายเรื่องมาหลายปี คุณ : CherryBoyd ด้วยความนับถือต่อทนายทั้งหลาย ทนายทุกประเทศแหละ ผายลมเขาก็จะแนะให้ฟ้องอยู่แล้ว จากคุณ : อิสวาสุ - [ 18 ก.ย. 51 19:16:11 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบในกระทู้ค่ะ  ทุกความเห็นมีมุมมองและแง่คิดที่ต่างกันไป เราก็หาแนวทางอย฿ว่าจะทำอย่างไรต่อไป คุณ : hollywop คงจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจจริง ๆ ค่ะ คุณ : JidNince     .”ต้องมีเอกสารสำเนาในการทำเวิร์ค เพอมืท อยู่นะคะ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับเงินที่ช่วยไป... แต่มันเกี่ยวกับ เครดิตที่ จขกท. เป็นสปอนเซ่อ ช่วยเขามาต่างแดน ที่สัญญาผูกมัดว่า ทำงานกับ จขกท ที่อิมมิเกรชั่นมีข้อมูล.... ถ้าเขาหนีไป และ จขกท. ไม่แจ้งไป... เท่ากับ จขกท. ผู้ที่ทำเรือ่งรับประกันเขามาทำงานกับคุณ ...  จขกท.   เอง ดูเหมือน "ร่วมเป็นใจ" ในการช่วยเขาให้ไปแคนาดา และ อ้างทำเป็นว่าเขาหนีไป... บุคคลที่เสียเครดิต คือคนทำเรื่องช่วยค่ะ   “                   คิดเหมือนกันเลยค่ะ  เลยหาข้อมูลเพื่มเติมอยู่เพื่อตัดสินใจอีกทีค่ะ และคุณ : JumboNanaimo  กราบขอบพระคุณงาม ๆ เลยค่ะ  ได้ประโยชน์มาก ๆเลยค่ะที่กรุณาเพื่มเติมข้อมูลมาให้ค่ะ คุณ : อิสวาสุ   แสนกว่าบาทสำหรับร้านเล็ก ๆอย่างเราก็แย่เหมือนกันค่ะ “ จขกทแน่ใจแล้วหรือว่าค่าจ้างที่ให้ยุติธรรมและถูกต้องด้วยกฏหมายแรงงานเสียภาษีครบถ้วน เคยคิดไหมว่าทำไมอีกร้านหนึ่งจ้างได้เราจ้างไม่ได้ จริงๆแล้วที่เขาจะไปนั้นเพราะเงินอย่างเดียวจริงหรือเปล่า”         เรียนตามตรงว่าแน่ใจค่ะที่ว่าจ่ายค่าจ้างให้ยุติธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย ปัญหาส่วนหนึ่งคือเพื่อนจะไม่ยอมเสียภาษี จะให้เรารับผิดชอบ เธอบอกว่าเธอต้องได้ net ค่ะ เพื่อนคาดการณ์ว่าทำงานเมืองนอก  เธอต้องเหลือเดือนละเกือบแสน เพื่อนำไปใช้หนี้ที่เมืองไทย (ซี่งเราไม่เคยรู้ว่าเธอมีหนี้มากเพราะเธอทำเหมือนคนมีเงินมาตลอด) พอได้เงินไม่ถึงแสนก็เลยมีปัญหา (ตำแหน่งผู้ช่วยแม่ครัว)     ร้านใหม่โทรมาถามเรื่องค่าแรงที่เราให้   พอเราบอกไป พร้อมให้เขาขอหลักฐานที่เราออกให้ สำหรับไปจ่ายภาษี  ดู  เขาก็บอกเหมือนกันว่าร้านคุณให้เขา ก็ถือว่ามากเหมือนกัน เขาก็งงว่าทำไมเพื่อนบอกว่าได้น้อย   ถึงตอนนี้เขาจะจ้างอย่างไรเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน และคิดว่าเพื่อนก็คงตระหนักดีแล้วว่าเราไม่ได้จ่ายเขาน้อยและทุกอย่างที่ทำให้เขาในฐานะเพื่อน   ทั้งความเป็นอยู่ ที่พัก ที่กิน พาไปเที่ยว  เราตั้งใจทำให้เธอเพียงแต่เธอมองข้ามไป ในหลาย ๆอย่าง “ทนายทุกประเทศแหละ ผายลมเขาก็จะแนะให้ฟ้องอยู่แล้ว”  สงสัยคงต้องยกเว้นทนายของเราซะแล้ว  เพราะเธอบอกให้เราอยู่เฉย ๆ อย่าไปเดือดร้อน เธอบอกว่าเขาไปทำงานร้านอื่นเขาก็ผิดเองตามกฎหมาย  ไม่เกี่ยวกับเรา คุณ : Strawberry Pie  เรื่องหนีวีซ่า เขามองกันเป็นเรื่องใคร ๆ ก็ทำกันแบบนี้ ก็เลยทำให้คนที่ต้องการไปเที่ยวหรือไปเรียนจริง ๆ ขาดโอกาสกันมากมายเพราะวีซ่าไม่ผ่าน สถานทูตก็ปวดหัวเพราะคนไทย  โดดวีซ่ากันเยอะจริง ๆ ค่ะ คุณ : Gaignun    เราทราบแต่ว่าร้านเขาขาดคนอยู่เพราะขายดีมากแล้วสปอนเซอร์คนไม่ผ่าน (แฟนพ่อครัวที่อยู่เมืองไทย)ก็เลยอยากได้เพื่อนทำงานด้วย  พ่อครัวร้านนี้+แฟน อบรมด้านอาหารรุ่นเดียวกับดิฉันและเพื่อน เพีบงแต่เราไมได้สนิทกับเขา  แต่เพื่อนสนิทกับเขามากกว่า   แต่ข้อเตือนใจที่คุณเขียนมาก็ทำให้เราได้ข้อคิดเหมือนกันค่ะ   ต่างกันก็คือคุณได้กระเป๋าคืน   ส่วนเราเสียเงินฟรี    แฮะแฮะ จากคุณ : veenja (veenja) - [ 8 ต.ค. 51 03:21:25 ]