ความคิดเห็นที่ 1 คิดว่าสามารถ มาฉีดวัคซีน ต่อ ที่ญี่ปุ่น ได้ค่ะ แต่ต้องให้คุณ หมอ ที่ไทยเขียน บันทึกการ รักษา มาเป็นภาษาอังกฤษ ด้วยนะคะ ตอนที่ดิฉันไปผ่าตัด ที่ไทย หมอ ที่ รพ. จะมีสมุดบันทึกการรักษาให้ เล่มโตเหมือนกัน ว่าผ่าตัดอะไรไปบ้าง ตรงไหน ใช้ยาอะไร ไปบ้าง คนไข้แพ้ยาอะไร หน่ะค่า คือถ้ามีอาการแทรกซ้อน ในขณะอยู่ญี่ปุ่นไป รพ ก็ยื่นสมุด เล่มนี้ให้หมอ ญี่ปุ่น รักษาต่อ ได้เลย และถ้ากลัวไม่แม่นเรื่องภาษาแพทย์ ก็ให้ล่ามในไทย ( ตาม รพ.เอกชนใหญ่ๆๆจะมี ) ให้เขาแปลมาเป็นภาษาญี่ปุ่น อีกทีก็ได้ (แต่จริงๆๆๆ ภาษาหมอที่เขาใช้คุยกัน หมอกับหมอ เขาก็เข้าใจแหล่ะ) เรื่องค่ารักษา ไม่ทราบจ๊ะ รอท่านอื่นต่อไปนะคะ จากคุณ : maguro - [ 19 ก.ย. 51 21:51:04 A:210.131.4.147 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณ : maguro ขอบคุณมากนะคะสำหรับคำแนะนำ รบกวนถามเพิ่มอีกนิดนะคะ ตอนที่เอ๋ไปตรวจสุขภาพ เอ๋ใช้บริการของ รพ.เกษมราษฎร์ เพราะว่าใกล้บ้านและไปสะดวกค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบบริการของแพทย์และพยาบาลที่นี่ซักเท่าไหร่ ดังนั้นหากจะทำการฉีดวัคซีนเอ๋คิดว่าจะใช้บริการของ รพ. อื่นแทนน่ะค่ะ ในเคสนี้เอ๋เอาสมุดผลตรวจสุขภาพไปยื่นให้ที่อีก รพ. นึงได้เลยมั้ยคะว่าเรามีความประสงค์จะฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี โดยที่ไม่ต้องทำการตรวจกันใหม่อีกรอบ ทีนี้เอ๋คิดว่าคงจะไปใช้บริการของ รพ. พญาไท แทนเพราะมีประวัติการรักษาอยู่ที่นี่และให้บริการดี (ถึงจะแพงไปหน่อยก็เหอะ T_T กระซิก กระซิก) หากเอ๋จะขอให้ทาง รพ. ออกสมุดบันทึกการรักษาให้ แบบที่คุณ maguro บอกนั้นจะได้มั้ยคะ เพราะตอนนี้เอ๋กำลังอยู่ระหว่างการรักษาเกี่ยวกับทางสมอง เนื่องจากปวดหัวรุนแรง (ดูอาการกันอยู่) กลัวตอนที่ไปญี่ปุ่นแล้วเกิดมีอาการจะได้มีการรักษาได้อย่างต่อเนื่องน่ะค่ะ คุณmaguro มีการผ่าตัดที่ไทย นี่เป็นอะไรคะ แล้วอาการตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ หายหรือยัง จากคุณ : aechan1200s - [ 19 ก.ย. 51 22:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามีสมุดบันทึกการรักษา ของแพทย์ คิดว่าไม่มีปัญหาค่า เอาสมุดไปยื่นที่ไหนก็ได้ หมอเขาก็จะดูและรักษาต่อให้เลย ก็จะดี ตรงที่ว่า ไม่ต้องมานั่งตรวจเลือด เช็คร่างกาย กันใหม่หมด แต่เคส เราที่ไปผ่าตัดที่ไทยคือ หมอ ทราบอยู่แล้ว พอผ่าตัดเสร็จ 3วันก็กลับมาญี่ปุ่น เลย หมอเลยทำสมุดบันทึกการรักษาให้ เผื่อ มีอาการแทรกซ้อน (ที่แรกไม่ทราบ ว่ามีสมุดบันทึก การรักษา เจ๊เจ้ ที่เป็นหมอ ข้างใน จัดการให้เสร็จสรรพ กระทั่งถ่าย VDO เอาไว้ให้ดู) คุณ เอ๋ ต้องลองถาม คุณ หมอ ดูนะคะ บอกไปว่า มีประวัติ อยู่อีก รพ นึงและไม่สะดวกมาฉีดวัคซีนที่นี่ ขอให้ทาง รพ ทำหนังสือ ประวัติ คนไข้ ได้ไหม? หน่ะค่า หรือ จะต้องย้ายไป ต่างประเทศ ด่วน คงไม่มีเวลากลับมาไทยมากนัก ปวดหัวรุนแรง เป็นไมเกรน หรือเปล่าคะ? ถ้าใช่ ลองหายาจีนทานดูนะคะ เพราะเราก็เป็น กินยา ตาม รพ ไม่หาย มากินยาจีนแล้วรู้สึกดีขึ้น ไม่ปวดถี่เหมือนเหมือนก่อนก็ถือว่า อาการ อยู่ในระดับที่ ดีมาก ถ้า เมนไม่มาหรือเมนใกล้หมดก็จะไม่ค่อยมีปัญหา ยาจีนที่ญี่ปุ่น แพงนิด กินทีเลือดซิบๆๆๆ หุหุ ไปหาครั้งนึงต้องมีประมาณ 30,000 เยน หมอสั่งกินติดต่อนาน 3 เดือน กั้นใจกินสุดๆๆๆ 5555 ที่ไปผ่าตัดที่ไทย เป็นซีดค่ะ ชีดช๊อกแล๊ต เป็นทั้งสสองข้างเลย ที่แรกเช็ค ที่ญี่ปุ่น หมอจะมีแต่ผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง สยองอ่ะ แถมราคาก็เท่ากับ เจาะ ที่ไทยเลย คือเป็นเงินราวๆๆๆ 1แสนบาท แต่ที่ไทย เราสามารถทำแบบใหม่โดยการเจาะ เอากล้อง+ เครื่องมือแพทย์ ส่องลงไปได้ แต่ถ้าญี่ปุ่นทำเคสนี้ปุ๊บ เบิกค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ ก็เลย กลับไปทำที่ไทย +ทั้งเรื่อง ภาษา + เบิกค่ารักษาพยาบาล +แผลจะ ต้องไม่ใหญ่มาก + ฟื้นตัวไว +และ บ้านเราด้วยถ้าเป็นไร เลือกได้ขอไปไทยดีกว่า ฮา..... จริงๆๆเจาะ ดูเหมือน น้อยนิด แต่ของเรา อาจารย์หมอ 2 ท่านใช้เวลาทำประมาณ 4-5ชมได้ ก็นอนพัก รพ 1คืน ก็ออกมาพักที่ รร. และกลับมาญี่ปุ่นเลย ไม่มีอาการแซกซ้อนใดๆๆหลังผ่าตัด และแฟนก็เชื่อมั่นในฝีมือหมอไทย ก็สบายไป ตอนนี้แผลหายเป็นปกติดีแล้วค่า ถ้าแผลไม่ใหญ่จะหายไว การรักษาดูแล หลังการผ่าตัด ก็ไม่ยาก หน่ะค่ะ รพ ไหนหว่า เห็นบรรดาเจ้ๆๆนิยมไปคลอดลูก เกษมราษฎร์ หรือบำรุงราษฎร์ นี่แหล่ะ สับสนกับสองชื่อ แฮะๆๆๆ(ขอไปถามเจ้ อีกรอบ )เห็นว่า หมอและพยาบาลดีมากๆๆๆ เลยนะ รองมาก็รพ สมิติเวช รพ กรุงเทพ ที่นิยมไปคลอดลูก เรื่องพยาบาล เราว่าเป็นจังหวะ นะ บางรอบ เราก็เจอ เจ้ใส่ชุดธรรมดา ยังเจอเลยทั้งๆๆที่ทำงาน เป็นหมอในนั้น ฮา.....เจ้ บอกดีเหมือนกัน จะได้รู้ฮืมๆๆๆๆๆ.... จากคุณ : maguro - [ 20 ก.ย. 51 07:15:48 A:210.131.4.154 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฉีดได้ค่ะ เคยฉีดเมื่อห้าปีที่แล้วค่ะ แต่ฉีดสองเข็มแรกมาจาก ออสเตรเลียนะค่ะ เค้าจะมีการ์ดประวัติการฉีดเข็มที่หนึ่งและสองว่าวันที่เท่าไรแล้วเข็มที่สามครบกำหนดเมื่อไหร เราเอาการ์ดนั้นไปยื่นที่คลินิคใกล้บ้าน(ชินจูกุ)เค้าก็ฉีดให้ค่ะ ราคาจำไม่ได้แต่คิดว่าไม่น่าจะเกินสามเซ็งเยนค่ะ จากคุณ : meru chan - [ 20 ก.ย. 51 08:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ : maguro ขอบคุณมาก ๆๆๆ เลยค่ะ ชี้ทางสว่าง ขอกราบงาม ๆ หลาย ๆ ที เอ๋ไม่เคยรู้ว่าก่อนเลย ว่ามันมีสมุดประวัติคนไข้แบบนี้ได้ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องไปอยู่ต่างประเทศ งั้นเอ๋จะลองไปปรึกษากับทางโรงพยาบาลดูหากจะขอประวัติคนไข้ของเราทั้งหมดให้ช่วยออกเป็นภาษาอังกฤษในกรณีที่เราจะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศและต้องการ การรักษาที่ต่อเนื่อง จะได้มั้ย (คิดว่าน่าจะคุยกันได้กับ รพ. เพราะเป็น รพ. เอกชน) ผลเป็นยังไงจะแจ้งข่าวให้ทราบอีกทีนะคะ เผื่อเป็นความรู้ให้เพื่อน ๆ ในห้องนี้ด้วย กรณีเจอเคสแบบนี้ โอ้แม่เจ้า....คุณ maguro  คะ เอ๋มีประวัติหลาย รพ. มาก ถ้าต้องไปทุก รพ. เหนียงยานแน่ (เอ๊ะ แล้วไอ้เหนียงยาน มันเป็นยังไงหว่า...) เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟัง (เอ๊ะ หรือ เล่าสู่กันอ่าน?) เป็นประสบการณ์แลกกันแล้วกันนะคะ คือเอ๋เคยใช้บริการของ รพ. เอกชนแห่งหนึ่งย่านสะพานควายติดกับบีทีเอส (ไม่กล้าเอ่ย ชื่อ กลัวโดนฟ้อง ค่ะ) บริษัท (บ.) เดิมที่เอ๋เคยทำงานเค้ามีสวัสดิการประกันสุขภาพให้กับ พนง. กับ รพ. นี้น่ะค่ะ แล้วเอ๋ไปใช้บริการประกันสุขภาพบ่อย ๆ กับที่นี่ ประทับใจอย่างสุดซึ้ง พอลาออกจาก บ. เดิม ก็หมดสิทธิในประกันสุขภาพไปด้วย พอย้าย บ. ใหม่ (คือ บ. ปัจจุบัน) ก็เลยเลือกประกันสังคม กับ รพ. นี้ต่อ (บ. ใหม่ไม่มีสวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพให้ค่ะ) แต่ขอโทษเถอะค่ะ เวลาใช้บริการในฐานะที่เราเป็นผู้ประกันตนของประกันสังคมนะคะ เหมือนเราเป็นธาตุอากาศน่ะค่ะ ไม่ให้ความใส่ใจในการบริการกับผู้ป่วยค่ะ เอ๋ไปนั่งรอหมอตรวจประมาณสามชั่วโมงครึ่ง (ประกันสังคมคนเยอะคะ ต้องทำใจ) เข้าพบหมอประมาณครึ่งนาที หมอ - เป็นอะไรมาคะ เอ๋ - หูเจ็บค่ะ มันบวมแล้วก็ปวดด้วยค่ะ เจ็บข้างในหูค่ะ หมอ - เป็นมานานเท่าไหร่แล้วค่ะ เอ๋ - ประมาณสัปดาห์นึงค่ะ ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวมันก็ยุบเอง แต่มันไม่หายซะทีเลยมาหาหมอค่ะ หมอ - (เอากล้องมาส่องดูในหูค่ะ ) โอเค เรียบร้อยแล้วค่ะ รอรับยาได้ เอ๋ - (ออกอาการ งง อยู่ เสร็จแล้วเรอ) ตกลงหนูเป็นอะไรคะหมอ เกิดจากสาเหตุอะไรคะ หมอ - หูอักเสบค่ะ ไม่มีอะไรมาก สวัสดีค่ะ เอ๋ - (งง รอบสอง ยังไม่เข้าใจสาเหตุของอาการ) ค่ะ สวัสดีค่ะ (ยกมือไหว้คุณหมองาม ๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณที่รักษาหนูนะคะ) เอ๋ก็ไปรอคิวรับยา ผลปรากฎว่า ยาที่คุณหมอสั่งให้คือ แต่น แต้น แต๊น....."พราราเซตามอน" ค่ะ โอ้...แม้เจ้า นี่หรือหมอประเทศไทย เอ๋ก็เลยถามคุณเภสัชที่จ่ายยาว่า คุณคะไม่ทราบว่าตอนที่คุณหมอจ่ายยาให้ดิฉันได้ดูประวัติดิฉันมั้ยคะว่า ดิฉันเคยมีประวัติการ "แพ้ยาพาราเซตามอน" คุณเภสัชก็เข้าไปถามคุณหมอมา ได้ความว่าอะไรไม่รู้แต่เค้าก็หยิบยาตัวใหม่ให้เอ๋ค่ะ หลังจากนั้นลากันทีค่ะ ยาที่ได้มาก็ไม่กล้ากิน ขนาดแพ้ยายังไม่ดู แล้วชีวิตชั้นจะเป็นยังไงเนี่ย ที่บอกว่าปวดหัวรุนแรงนั้น ไม่ได้เป็นไมเกรนค่ะ คุณหมอบอกว่าเป็น "เส้นประสาทในสมองบีบตัว" (มันอาการเดียวกับ ไมเกรน หรือเปล่าเนี่ย) เอ๋ปวดหัวด้านซ้ายค่ะ ใกล้ ๆ กับขมับ มันปวดเป็น ช่วง ๆ แล้วเป็นจังหวะ ปวดทั้งวัน วันละหลาย ๆ รอบ มันจะจี๊ด ๆ ขึ้นสมอง โอ๊ยยย จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก็รอดูอาการประมาณอาทิตย์นึง (รอดูอาการอีกล่ะ คิดว่ามันจะหาย) แค่หวีผมก็ปวดค่ะ เลยตกใจทำไมแค่หวีผมแล้วเราถึงปวดหัวด้วย (แล้วปวดมาก) กลัวค่ะก็เลยไปหาหมอ คุยกับคุณหมอ บอกอาการ บลา บลา....หลังจากนั้นก็ได้ยามากินค่ะ กินไปแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลับค่ะ หลับตื่นมาเช้าเลย (ปกติจะตื่นระหว่างคืน บ่อยมาก) กินไปซักอาทิตย์นึง อาการปวดหัวหายไปค่ะ แต่คุณหมอก็ให้ยามากินต่ออีกอาทิตย์นึง ตอนนี้ก็ยังปวดหัวอยู่แต่ไม่รุนแรงเท่าตอนที่ไปหาหมอแล้ว ก็เลยรอดูอาการอยู่ว่า จะมีอาการอะไรร้ายแรง ที่จะต้องกลับไปหาหมออีกมั้ยน่คะ แผลจากการผ่าตัดของคุณmaguro หายแล้วดีใจด้วยค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 12:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ : meru chan ขอบคุณค่ะ เอ๋จะได้รีบไปฉีดสองเข็มแรกที่เมืองไทยไว้ก่อน เพราะหากไปฉีดเข็มแรกที่ญี่ปุ่นก็ต้องรออีก 6 เดือนถึงจะมีบุตรได้ (เผื่ออยากมีลูกเลยน่ะค่ะ) อิอิ ใจร้อน จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 12:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบคำถามเจ้าของกระทู้นะครับ 1. เราสามารถไปฉีดวัคซีนต่อที่ญี่ปุ่นเข็มสุดท้ายได้มั้ยคะ สามารถฉีดวัคซีนที่ไหนก็ได้ครับ  โดยทั่วไปเวลาฉีดวัคซีนควรเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวกันครับ  แต่วัคซีนป้องกันตับอักเสบบีสามารถฉีดข้ามยี่ห้อกันได้ครับ  หลักฐานมีอยู่ในเว็ปนี้ครับ  http://www.cdc.gov/mmwr/preview/mmwrhtml/rr5416a3.htm CDC (Center of Disease Control)  แนะนำว่า...Although the antigen contents of vaccines differ, vaccines made by different manufacturers are interchangeable Hepatitis B Vaccine ในอดีตผลิตจากเลือดของคนที่เป็นตับอักเสบบีครับ  ปัจจุบันวิธีที่ดีกว่าก็คือ  ใช้การตัดต่อยีนให้ยีสต์เป็นตัวผลิตวัคซีนให้ครับ  โดยมันจะผลิดส่วนเปลือกของไวรัสซึ่งเมื่อถูกฉีดเข้าร่างกายก็จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา  และเนื่องจากมันเป็นแค่ส่วน "เปลือก" ของไวรัส  จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด  เพราะไม่ได้เกิดการติดเชื้อต่อร่างกายครับ  แต่ว่า...แต่ว่า...ถ้ามีประวัติแพ้ยีสต์ก็เป็นข้อห้ามในการฉีดครับ  วัคซีนตับอักเสบในโลกนี้มีสองบริษัทที่ผลิตครับคือ GSK (GlaxoSmithKline  ใช้ชื่อว่า Engerix-B ครับ)  และ Merck (ใช้ชื่อว่า Recombivax HB ครับ)   2. หรือว่าควรไปฉีดที่ญี่ปุ่นทั้ง 3 เข็มเลยคะ แล้วค่าใช้จ่ายแพงมากมั้ยคะ อันนี้ไม่ทราบราคาจริงๆครับ  และไม่รู้ว่าระบบจะเหมือนกันหรือเปล่า  กล่าวคือราคาในโรงพยบาลเอกชนบ้านเราแพงกว่าโณงพยาบาลรัฐหลายเท่าตัวครับ  แต่ถ้าเป็นวัคซีนอาจจะไม่ต่างกันมากครับ  แล้วแต่นโยบายของแต่ละโรงพยาบาล  ในญี่ปุ่นค่าครองชีพสูงกว่าปกติบริษัทยาจะตั้งราคาตามนั้นครับ  ก็จะไม่แปลกใจเลยถ้าราคายาที่นี่จะสูงกว่าครับ(ก็รายได้เค้าก็สูงกว่าหลายเท่านี่ครับ) 3. คุณหมอแจ้งเพิ่มเติมว่า ระยะเวลา 6 เดือนที่ฉีดวัคซีนอยู่ ห้ามมีบุตรเด็ดขาดค่ะ คุณหมอแนะนำถูกแล้วครับ  วัคซีนหรือยาทั้งหลายหรือเกือบทั้งนั้นจะแนะนำไม่ให้ใช้ในสตรีตั้งครรภ์ครับ  ยกเว้น...ยกเว้น  ถ้าจำเป็นและยานั้นไม่มีอันตรายครับ  โดยทฤษฎีแล้ว  วัคซีนตับอักเสบทำจากส่วนเปลือกของไวรัสครับ  ไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นจริง  ในความเป็นจริงมีคนพลาดเกิดการตั้งรรภ์ในขณะฉีดวัคซีน  หรือในกรณีที่มารดามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีครับ  เช่น เป็นบุคลากรทางการแพทย์  ที่ต้องสัมผัสเลือดหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเลือดบ่อยๆครับ  ก็จะมีข้อแนะนำให้ฉีดในระหว่างตั้งครรภ์ได้ครับ  หรือถ้าเกิดไม่ทราบตั้งครรภ์ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ  ดังนั้นถึงแม้ว่าเกิดการตั้งครรภ์ระหว่างฉีดก็ไม่มีอันตรายใดๆครับ  หลักฐานมีอยู่ใน Website ของ CDC เช่นกันครับ (http://www.cdc.gov/vaccines/pubs/preg-guide.htm#hepb) โดย CDC สรุปว่า Hepatitis B - Pregnancy is not a contraindication to vaccination. Limited data indicate no apparent risk for adverse events to developing fetuses when hepatitis B vaccine is administered to pregnant women. Current vaccines contain noninfectious HBsAg and should cause no risk to the fetus. หวังว่าคงให้ความกระจ่างแก่เจ้าของกระทู้ได้บ้างนะครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 20 ก.ย. 51 15:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ : NaughtyDoc ขอบคุณนะค๊า ขอบคุณมากค่ะ (กราบงาม ๆ เลยค้า) ไม่ได้ให้แค่ความกระจ่างอย่างเดียวหรอกค่ะ แต่ให้ความรู้ด้วยค่ะ เอ่อ....ด้วยความเคารพ ขออนุญาตถามค่ะ คุณ NaughtyDoc มีอาชีพเป็นหมอ หรืออยู่ในวงการแพทย์หรือเปล่า สำหรับความรู้ที่เอามาฝากกันนี้ คุณให้ทั้งหลักการ ทฤษฎี แล้วก็ที่อ้างอิง ได้ดีมากเลยค่ะ คุณ : maguro ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับน้ำใจของคุณนะคะที่เข้ามาช่วยตอบคำถาม เพราะถ้าไม่มีข้อมูลเบื้องต้นของคุณก็ไม่รู้ว่าจะไปเริ่มคุยกับทาง รพ. ยังงัย ขอแจ้งเพิ่มเติมนิดนึงนะคะ เมื่อซักครู่ได้มีการสอบถามไปยัง รพ. พญาไท แล้วค่ะ 1.เราสามารถไปฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม แล้วเข็มสุดท้ายไปฉีดต่อที่ญี่ปุ่นได้ค่ะ โดยทำดังนี้ค่ะ - นำผลตรวจเลือดของ รพ. ที่เราไปตรวจมา แจ้งความประสงค์ที่เค้าเตอร์พยาบาลว่าเราต้องการ ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดกันอีกครั้ง (ประหยัดเวลาและสตางค์ค่ะ) - แจ้งความประสงค์ให้ทำสมุดประวัติคนไข้ สำหรับการฉีดวัคซีนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เนื่องจากเราจะต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ - ค่าฉีดวัคซีนค่ะ เข็มล่ะ 700.00 บาท ไม่รวมค่าแพทย์ และ ค่าบริการ (คุณพยาบาลแจ้งว่า รวมแล้วประมาณ 1,000.00 บาทต่อครั้ง) สำหรับ รพ. เกษมราษฎร์ ที่เอ๋เคยถามราคามานั้น ค่าฉีดวัคซีน เข็มล่ะ517.00 บาท ไม่รวมค่าแพทย์ และ ค่าบริการ เช่นกันค่ะ แต่ถ้าเทียบกันแล้วบริการของ รพ. พญาไท ดีกว่าเยอะเลยค่ะ 2. สำหรับประวัติคนไข้ที่เอ๋เคยมีอยู่กับ รพ. นั้นหากต้องการให้ทาง รพ. ทำสมุดคนไข้ เป็นภาษาอังกฤษอย่างละเอียด ให้เข้าไปคุยกับทาง รพ. อีกครั้งถึงค่าใช้จ่าย ค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 17:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โดยทั่วไปแล้วการขอประวัติเพื่อการ Refer ผป.  ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรครับ  นี่พูดถึงว่า  ถ้าให้แพทย์เขียนจดหมายส่งตัวให้นะครับ  ในรพ.รัฐนะครับ  แต่ถ้าขอเป็นแฟ้มประวัติเลยนี่...อึมมม...ถ้าเป็นรพ.รัฐก็ยุ่งยากหน่อยครับ  ขั้นตอนเยอะ  แต่ถ้าเป็นเอกชนน่าจะง่ายกว่า  แต่ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยครับ  ปัญหาคือประวัติการรักษามันเป็นภาษาไทยครับ  ผมไม่คิดว่าเค้าจะบันทึกเป็นภาษาอังกฤษ   แต่ถ้าเพื่อฉีดวัคซีนแค่ให้แพทย์เจ้าของไข้เขียนประวัติก็พอแล้วครับ  ไม่ต้องถึงกับทำสำเนาประวัติครับ  ยกเว้นแต่มีโรคประจำตัวอย่างหนึ่งอย่างใดที่ต้องการการรักษาเป็นกรณีพิเศษ  แล้วเดี๋ยวนี้ก็ใช่ Email กันบ่อยๆครับ   ส่วนเรื่องต้องตรวจเลือดก่อนหรือไม่  ไม่มีความจำเป็นครับ  ถ้ามีประวัติว่าฉีดวัคซีนมาแล้วต้องการฉีดต่อ  อย่างไรก็ตาม...วัคซีนถือเป็น "ยา" ครับ  ต้องการ Prescription ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น  จำเป็นต้องให้แพทย์เป็นผู้lสั่งการรักษาครับ  อย่าว่าแต่ยาฉีดเลย  ยาคุมกำเนิดในญี่ปุ่นนี่ก็ต้องให้แพทย์สั่งจ่ายยานะครับ  ไม่ใช่ OTC(Over The Counter drugs)ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาครับ ข้อมูลในเน็ตนี่ถึงมีมากมายก็ต้องระมัดระวังในการบริโภคเช่นกันครับ  อย่าเชื่อเพียงเพราะว่าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อครับ...อ่ะ...อย่าซีเรียสด้วยครับ  กำลังจะบอกว่า  คุณ Aechan1200s ต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยครับ  ในบางครั้ง  ผมยกตัวอย่างเรื่องการห้ามฉีดวัคซีนในสตรีตั้งครรภ์  เป็นข้อห้ามโดยทั่วไปจริงๆครับ  แต่ถ้าจำเพาะเจาะจง  วัคซีนแต่ละตัวไม่เหมือนกันครับ  แพทย์เองก็อาจจะไม่ทราบถ้าไม่ได้เข้าไปดูข้อมูลดังกล่าวครับ  อย่าเข้าใจผิดว่าผมกล่าวร้ายเพื่อนร่วมวิชาชีพนะครับ  ผมเคารพในความเห็นของทุกท่านเสมอครับ  แล้วผมก็ไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องดอกครับ  คำถามดีๆนำมาซึ่งความรู้ดีๆครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 20 ก.ย. 51 17:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ : NaughtyDoc ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำตอบค่ะ แล้วก็เห็นด้วยค่ะ ว่าคำถามดี ๆ นำมาซึ่งความรู้ดี ๆ ค่ะ (^_^) - แต่ถ้าเพื่อฉีดวัคซีนแค่ให้แพทย์เจ้าของไข้เขียนประวัติก็พอแล้วครับ  ไม่ต้องถึงกับทำสำเนาประวัติครับ   >> ค่ะ สำหรับการฉีดวัคซีนนั้น ต้องการเพียงประวัติเพียงมาฉีดต่อที่ญี่ปุ่นได้เท่านั้นค่ะ >> ที่อยากให้ทำสำเนาประวัติ เนื่องจากเอ๋มีประวัติการรักษาเกี่ยวกับสมอง เนื่องจากอาการปวดหัวอยู่ รักษาอาการหายไปแล้วระยะนึง แต่ตอนนี้มันก็ยังปวดอยู่ เป็นระยะ ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนครั้งก่อนค่ะ (ดูอาการอยู่) ดังนั้น หากไปอยู่ญี่ปุ่นแล้ว หากมีอาการลักษณะนี้เกิดขึ้น คิดว่าคงจะดีกว่า ถ้ามีประวัติเก่าการรักษา ให้แพทย์ดู เพราะด้วยความสามารถทางภาษา (ที่มีอย่างล้น จนไม่เหลือ เลยนี่ ) คงไม่สามารถอธิบายได้ละเอียดเท่าคุณหมอเองค่ะ แล้วอีกอย่างเอ๋ก็เคยมีประวัติแพ้ยาด้วยค่ะ >>ค่ะ แล้วก็เนื่องด้วยประวัติการรักษาเป็นภาษาไทยใช่มั้ยคะ ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ก็คือ การแปลไปเป็นภาษาอังกฤษค่ะ (ตามที่คุณพยาบาลแจ้งมาค่ะ) - ส่วนเรื่องต้องตรวจเลือดก่อนหรือไม่  ไม่มีความจำเป็นครับ   >> ค่ะ อันนี้เอ๋หมายถึงเอ๋ตรวจเลือดจาก รพ. เกษมราษฎร์ มาน่ะค่ะ แล้วต้องการไปฉีดวัคซีนที่ รพ. พญาไท ค่ะ คุณพยาบาลก็เลยแจ้งว่าให้นำผลการตรวจเลือดของ รพ. นั้นมาด้วย เพื่อที่จะไม่ต้องตรวจเลือดซ้ำค่ะ (เอ๋เข้าใจความหมายถูกต้องมั้ยคะ) - อย่าเชื่อเพียงเพราะว่าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อครับ...อ่ะ...อย่าซีเรียสด้วยครับ  กำลังจะบอกว่า  คุณ Aechan1200s ต้องตรวจสอบข้อมูลด้วยครับ   >>ค่ะ ไม่ได้ซีเรียสค่ะ แต่กลับรู้สึกขอบคุณสำหรับประสบการณ์และความรู้ที่นำมาฝากกันมากกว่า มันทำให้เราได้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นค่ะ >>สำหรับการตรวจสอบข้อมูล ทำเป็นอาชีพอยู่ในสายเลือดเลยค่ะ (ในฐานะที่ปัจจุบันเป็น Auditor ค่ะ) (^_^) สำหรับคำถามนี้นอกประเด็นกระทู้นะคะ แต่อยากรบกวนถามคุณNughtyDoc ค่ะ ปกติแล้วเอ๋เป็นพวกโรควิตกจริต เกี่ยวกับสุขภาพมากค่ะ เวลาเป็นอะไร จะกังวลไปร้อยแปดว่าเราเป็นโรคอะไรกันแน่ เอ๊ะ แล้วมันจะร้ายแรงหรือเปล่า บวกกับอาชีพที่ทำอยู่ในปัจจุบันไม่ค่อยจะมีดูแลสุขภาพ แถมยังใช้ร่างกายทำงานอย่างหนักหน่วงในช่วงไฮซีซั่นของงานอีกต่างห่าง เอ๋เคยมีอาการอ่อนเพลียมาก ยืนก็เหนื่อย เดินก็เหนื่อย ขึ้นรถเมล์นี่ยืนนาน ๆ ไม่ได้เลยค่ะเหนื่อยมาก แถมจะเป็นลมด้วยซ้ำ ก็เลยไปพบแพทย์ คุณหมอสอบถามอาการ บลา..บลา... เล่ากันเสร็จ คุณหมอก็บอกว่าไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ตกลงเอ๋เป็นอะไร ก็เลยขอตรวจเลือดดูก็แล้วกัน พอตรวจเลือดก็ไม่พบอะไรทุกอย่างปกติ งั้นเอาเกลือแร่กลับไปกินบ้านแล้วพักผ่อนมาก ๆ ก็แล้วกัน กลังจากนั้นหนึ่งเดือนอาการนี้ก็เป็นอีกค่ะ ไอ้อาการเหนื่อย ๆ (ยังกับคนปอดรั่ว) แต่ไม่รั่วค่ะ ปอดปกติ แถมเพื่อนทักว่าตัวเหลือง ตาเหลืองอีกต่างหาก ก็เลยลองเปลี่ยน รพ. ดู คุณหมอก็สอบถามอาการอีก บลา..บลา... แล้วคุณหมอก็ถามอาชีพ พอรู้ว่าทำงานเป็น Auditor เท่านั้นแหละ ก็สรุปออกมาว่า มันเป็นเรื่องปกติของอาชีพคุณนะผมว่า คุณเอาเกลือแร่ไปกินแล้วก็วิตามินก็พอ กลับบ้านได้ครับ ทุกวันนี้อาการพวกนั้นไม่เป็นแล้วค่ะ ตกลงเอ๋ก็ไม่รู้ว่าเอ๋เป็นอะไร แต่มันหายไปแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 51 18:34:57 จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 18:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อึมมมม..มันไม่ได้เป็นคำถามนะค่ะคุณเอ๋ แบบว่า... ผมอาจจะเข้าใจผิดนะครับ งั้นผมเล่าก่อน  อย่างแรก...การวินิจฉัยโรคเกิดจากการซักประวัติ และตรวจร่างกายครับ  ผลการตรวจเพิ่มเติมอื่น(ซึ่งก็คือการตรวจเลือด ตรวจเอ็กซ์เรย์ เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ บลา บลา บลา...)จะช่วยก็ต่อเมื่อส่งถูกอันครับ  ตัวอย่างเช่น  สมมติว่าเป็นตับอักเสบ  เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ก็ไม่เจออะไรครับ  ดังนั้น...การที่จะได้คำตอบต้องมาจากการค้นหาต้นตอด้วยคำถาม(การซักประวัติ)  และสอบทาน(Audit ด้วยการตรวจร่างกาย)  และสอบทาน(Audit ด้วยการส่งตรวจเพิ่มเติมที่ช่วยในแต่ะกรณี)  ซึ่งส่วนใหญ่คนทั่วไปเชื่อว่า  ถ้าเข้าเครื่องอะไรซักอย่างแล้วจะทราบครับ เหนือไปกว่านั้นก็คือ...บางทีแพทย์ก็ไม่ทราบดอกครับว่าเป็นอะไร  ถ้ามันไม่มีหลักฐานชัดเจนนะครับ  เค้าตรวจร่างกายทั่วไปแล้วไม่ผิดปกติ  ก็จะ...ให้การรักษาตามอาการไปก่อนครับ  ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปหาใหม่ครับ  เค้าก็ะตรวจมากขึ้นๆ(อึมมม...ถึงตอนนี้คุณเอ๋อาจจะถามว่าแล้วไมไม่ตรวจตั้งแต่ตอนแรก)  การตรวจมากขึ้นมันอาจจะทำให้เจ็บตัวมากขึ้น  และเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นครับ  ถ้าไม่มีหลัฐานชี้ชัดว่าเป็นอย่างนั้นเค้าก็จะไม่ส่งไปตรวจ  อึมมม...บางคนบอกว่าก็ตรวจเลือดน่าจะรู้  การตรวจเลือดหรืออะไรก็ตามต้องทราบก่อนว่าจะตรวจอะไรครับ  มี Test หลายร้อยอย่างในเลือด  เราไม่สามารถตรวจทุกอย่างได้(หรือเอาเลือดไปหมดตัวก็ตรวจไม่ครบทุกอย่างครับ) กับมาตรงที่อาการของคุณเอ๋  ส่วนใหญ่มันจะไม่จำเพาะเจาะจงครับ  ถ้าเค้าตรวจไม่เจออะไร  เค้าจะคิดว่าอาจเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ  หรือเกิดจากความเครียดครับ  กลุ่มโรคทางใจนี่เค้าเรียกว่า Psychosomatic "ใจ(Psychic) มีผลต่อกาย(Somatic)"  จริงๆผมว่ามันเป็นการเสียสมดุลของใจทำให้ร่างกายมีอาการเหมือนอยากพัก  หายใจไม่อิ่ม  หายใจเหมือนไม่สุด  เหนื่อย ถอนใจ  เหมือนไม่มีแรง  ทานข้าวไม่อร่อย  นอนไม่หลับ  เป็นกลุ่มอาการของ Anxiety แต่...แต่(แต่จัง...)การที่จะเหมาเอาว่าใคร "ป่วยใจ"  ต้อง Rule out หรือต้องแน่ใจก่อนครับว่าเค้าไม่ได้ป่วยกาย  หมายถึงว่า  แพทย์จะต้องตรวจให้ละเอียดก่อนว่าไม่ได้มีโรคทางกาย  ในกรณีของคุณเอ๋  ผมคิดว่ามันมี Clue อยู่ด้วยว่าคุณเอ๋ไม่เป็นอีกแล้ว  ถ้ามันเป็นโรคทางกายนะครับ  ตัวอย่างเช่น  เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว  อาการมันก็จะเป็นอีกครับ อาจมากขึ้นๆๆด้วย  ไม่ใช่หายไปเฉยๆ  โอเคว่ามีบางโรคเป็นๆหายๆได้  แต่ถ้าไม่รักษามันก็ต้องกลับมาครับ  ผมยกตัวอย่างเช่น  รถ....ถ้ามีอะไรเสีย  ยังไงก็...เดี๋ยวก็ต้องมีอาการขึ้นมาใหม่ครับ  ดังนั้นในทางกลับกัน  หากคุณเอ๋เป็นอีก...ก็ไปหาใหม่ครับ อึมมม...ผมตอบปัญหาหรือเปล่าเนี่ย  เอ...คุณเอ๋ถามหรือเปล่าครับ ไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ต้องออกจากนี่ตั้งแต่ตีห้าถึงจะไปถึงนาริตะได้แปดโมงครับ  ขอให้มีควาสุขกับการมาอยู่ที่ญี่ปุ่นนะครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 20 ก.ย. 51 19:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัดดีค่าคุณ เอ๋ คุณ หมอNaughtyDoc ขำที่คุณ เอ๋ เล่ามา เห็นภาพเลย รพ เอกชน รพ รัฐ ในไทย หรือในญี่ปุ่น ก็เป็นค่า สงสัย เป็นโรคระบาด แฟนเป็นไข้ ก็ไล่ให้ไปหาซื้อยาที่ร้านขายยา ไปน๊านนาน พอกลับมาเขาก็เล่าด้วยความตื่นเต้น (ไปเจอไรเนี่ย???) ไปเจอ เภสัชกร ที่ร้านขายยาคุยกันถูกคอ แถมแนะนำ วิธีการเลือกยาจากที่ร้าน ???เภสัชกร บอกว่า เราไม่สบายไปถามหมอหมอเขาจะรู้หรอ ตัวเราเองต้องรู้ตัวเองมากที่สุด ว่าจะใช้ยาอันไหน ลองนึกภาพ ร้านขายยา อาแป๊ะ นะ ที่ คนตามต่างจังหวัดชอบไปหา นะคะ อาแป๊ะก็จะถามๆๆๆอาการแล้วแกก็จัดยาให้ตามอาการ 5555สรุป ยาที่อาแปะจัดมาให้กองโตมากก คือเอาทุกๆๆอย่างมารวมกัน แล้วการเลือกซื้อยาตามร้านขายยาในญี่ปุ่น เขาบอกให้เลือกที่วางแถวบนๆๆ ที่ญี่ปุ่น จะจัดเป็นโซน เช่นยาแก้ไข้หวัด ก็เลือกบนๆๆเข้าไว้ ถึงแม้ด้านบนจะกล่องไม่เตะตาราคาถูกก็ตาม แต่ยากล่องล่างๆๆที่มีราคาแพงจะแพงค่าโฆษณา ไม่ได้หมายความยายาจะดีเลิศ แต่อย่างใด ฮา ว่าแล้วว ไปหาเภภัชกรในร้านขายยาทีไรได้แต่กล่องยาเชยๆๆ แทบไม่เคยเห็นในทีวีเลย แต่ขอบอกยาดีมากกก สังเกตมาหลายครั้งแล้ว ยาบางตัวถูกกว่า หลายร้อยเยน เลยก็มี คุณ เอ๋ เจ็บหูได้ยาพารา กุ้งว่ายังดีกว่าน้องสาว กุ้งนะ ขานั้นรถคว่ำ กระดูกไหปาร้าหัก หมอจ่ายยาพาราให้ แค้นเป็นหนักหนา ตอนนี้ ไม่กล้าเข้า รพ รัฐ เท่าไหร่ เกิดอาการหลอน ปวดหัวไมเกรน เคยก๊อปเอามาลง ตอนนี้ทู้หายไปแล้ว ไม่ได้เซฟ ไว้ซะด้วยซิ แต่อาการปวดที่เราเป็นมันจะปวดข้างเดียว หรือปวดทั้งสองข้าง ปวดเหมือนสมองจะแตกยังงั้นแหล่ะ มีอาการเวียนหัวคลื่นไส้ ร่วมด้วย (นี่คือการรุนแรงนะ) ปวดแบบ ทำงานไม่ได้ นอนไม่ได้ ต้องกินยาพาราและนอนในที่มืดๆๆๆ เงียบๆๆๆ บางครั้งอาการเบาลงแต่ไม่ใช่หายขาด คือยังมีอาการมึนๆๆ บางทีปวดมึนๆๆไป 2-3 วัน อาการปวดปล่อยไว้นานๆๆ ไม่ดีแน่ คนที่เป็นส่วนใหญ่มักจะเครียด พักผ่อนน้อย กินข้าวไม่เป็นเวลา แล้ว หมอจีนก็บอกว่าเกี่ยวกับเลือดลม ของผู้หญิง อืมมๆๆ แล้ว กุ้งก็ตลกอย่าง แบบเวลาหิวข้าว แล้วไม่ได้กิน จะปวดหัวทันที เคยไปเที่ยวก็บอกแฟนหิวข้าว แต่วันนั้นแฟนจะกินบะหมี่ ขัดใจอย่างแรง สรุปก็กินบะหมี่ แต่เหมือนมันไม่ใช่ อาการปวดหัวเริ่มมาเยือนทันที เหอะๆๆ ถ้ายังอยู่ไทยลองไปแถวเยาวราช ดูนะคะเห็นน้องๆๆ บอกยา จะถูกกว่าที่ญี่ปุ่นเยอะ คิดว่าใช่ยาตัวเดียวกันหน่ะค่า เมื่อก่อนแฟนก็เป็นไมเกรน รักษาที่รพ หมอก็ไม่ทราบสาเหตุ ให้ยาพรารา มาเหมือนกันก็ไม่หาย พอมากินยาจีน ไม่มีอาการปวดหัวเลย เรื่องแฟ้มประวัติคนไข้ ของเรา ได้มาจากรพ เอกชนค่ะ ไม่เสียค่าใช้จ่ายนะ(หรือรวมไปในยอดที่จ่ายไปแล้วก็ไม่รู้ ฮา) ก็อยู่ที่หมอล่ะค่าถ้าเขาละเอียด ละเอาใจใส่คนไข้จริงๆๆๆ เรื่องแค่นี้จิบๆๆๆๆ และหมอส่วนใหญ่ ก็เก่งภาษากันอยู่แล้ว เอาแฟ้มประวัติ ติดตัวมาก็ดีค่ะ สมมุติ คุณ เอ๋ มียาที่ต้องทาน ตลอด ตอนเข้าด่านถ้าเจอตรวจ จะได้มีเอกสาร ยื่นให้เจ้าหน้าที่เขาดู เพราะยาบางตัวก็ห้ามเข้ามาในญป แต่มันละเอียดมากกก จะถามว่ายากล่องนี้มีสาร ต้องห้ามเข้าญี่ปุ่นไหม ตอบยากอ่ะ ยาที่ว่าพื้นๆๆๆ ที่คนไทยชอบใช้ เช่นยาดม ห้ามนำเข้ามาในญี่ปุ่น นะคะ ถ้าเจ้าหน้าเจอ เป็นเรื่องแน่ๆๆๆ และยังมีอีกหลายตัว จำไม่ค่อยได้แล้ว เวลาไปไทยแฟนชอบซื้อหนังสือ มาดูเขาจะมีเตือนไว้ อาการคุณ เอ๋ คงจะพักผ่อนน้อย ทานอาหารน้อยหรือเปล่าคะ?เพื่อนเป็นไกด์ ผู้ชายตัวโตๆๆๆนะคะ เคยไปนอนรพ เพราะพักผ่อนน้อยมาแล้ว หมอให้น้ำเกลือไปหลายขวดกว่าจะกลับมาห้องได้ ถ้าเป็นคนทำงานหนักๆๆลองหาวิตามิน มาทานเสริมๆๆก็ดีนะคะ เพราะบางมื้อ ที่ทานบางครั้งสารอาหารอาจจะไม่พอหน่ะค่า กุ้งก็กิน กินมั่วซั่ว5555น้ำมันปลาฉลาม บลูเบอรี่ คอลาเกน DHA แคเซี่ยม กินสับไปสับมา เพราะช่วงนี้หยุดกินยาจีน จากคุณ : maguro - [ 20 ก.ย. 51 19:54:53 A:210.131.4.142 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ้าวคุณ หมอ ไปนอนแล้วหรอค๊ะ ??? พรุ่งนี้ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ และอย่าลืมแวะเข้ามาให้ความรู้ในห้องนี้บ่อยๆๆๆ ด้วยนะค้า จากคุณ : maguro - [ 20 ก.ย. 51 20:00:21 A:210.131.4.142 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ : NaughtyDoc ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่เสียสละเวลามาให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเอ๋ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ซักเท่าไหร่ ไม่รู้คำถามเอ๋ดีหรือเปล่า แต่นำมาซึ่งความรู้ดี ๆ ของคุณค่ะ - ผมตอบปัญหาหรือเปล่าเนี่ย  เอ...คุณเอ๋ถามหรือเปล่าครับ >> คุณ NaughtyDoc ตอบคำถามค่ะ เคลียร์ด้วยค่ะ ไปหาหมอมากี่ครั้ง ไม่เคยมีคุณหมอท่านใด อธิบายเป็นรูปธรรมขนาดนี้ให้เข้าใจเลยค่ะ >> ของเอ๋เป็นทั้งประโยคบอกเล่า(อาการ)  และประโยคคำถามค่ะ - ต้องออกจากนี่ตั้งแต่ตีห้าถึงจะไปถึงนาริตะได้แปดโมงครับ >> โอ้..ต้องออกเดินทางเรอคะ เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ - ขอให้มีควาสุขกับการมาอยู่ที่ญี่ปุ่นนะครับ >> ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ (เอ๊ะ วันหลังเอ๋รวมประโยคแล้วขอบคุณทีเดียวดีกว่าค่ะ) - สอบทาน(Audit ด้วยการตรวจร่างกาย)  และสอบทาน(Audit ด้วยการส่งตรวจเพิ่มเติมที่ช่วยในแต่ะกรณี)   >> ฮุฮุฮุ คุณหมอคะ ในหมายความของ Auditor คำว่า "สอบทาน" กับ "ตรวจสอบ (Audit)" เราให้ความเชื่อมั่นในการแสดงความเห็นของผลงานที่ตรวจสอบต่างกันค่ะ (อิอิ แซวเล่น คะไม่มีความหมายอะไร...อย่าซีเรียสค่ะ ขำๆ) - กับมาตรงที่อาการของคุณเอ๋  ส่วนใหญ่มันจะไม่จำเพาะเจาะจงครับ  ถ้าเค้าตรวจไม่เจออะไร  เค้าจะคิดว่าอาจเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ  หรือเกิดจากความเครียดครับ  กลุ่มโรคทางใจนี่เค้าเรียกว่า Psychosomatic "ใจ(Psychic) มีผลต่อกาย(Somatic)"  จริงๆผมว่ามันเป็นการเสียสมดุลของใจทำให้ร่างกายมีอาการเหมือนอยากพัก  หายใจไม่อิ่ม  หายใจเหมือนไม่สุด  เหนื่อย ถอนใจ  เหมือนไม่มีแรง  ทานข้าวไม่อร่อย  นอนไม่หลับ  เป็นกลุ่มอาการของ Anxiety >> อาการที่เล่ามาทั้งหมดนี่ เอ๋เป็นหมดเลยค่ะ งั้นอย่างนี้....จะเรียกว่าเอ๋ "ป่วยทางใจ" ก็ได้น่ะซิคะ จะบอกว่าเครียดมากก็ใช่เลยค่ะ รู้สึกอยากที่จะป่วย เพื่อที่จะได้พักผ่อน (อย่างงั้นใช่มั้ยคะ) >>ตอนนี้ที่บอกว่าอาการนั้นหายไปแล้ว ก็ใช่ค่ะ แต่อาการใหม่ที่เกิดก็คืออาการปวดหัว แบบที่ได้กล่าวไว้ในความเห็นข้างบนค่ะ (ขอไม่เอามาเขียนใหม่นะคะ เดี๋ยวจะยาวไป) คุยกับคุณหมอ บลา...บลา... คุณหมอก็ให้ข้อสรุปมาว่าอาการของเอ๋ เกิดจากความเครียดจากการทำงาน พักผ่อนไม่เพียงพอ บลา..บลา.... เอ๋ก็ตอบกลับไปว่า ตอนนี้ไม่เครียดแล้วค่ะ ไม่ใช่ไฮซีชั่นของงานแล้ว คุณหมอก็ให้คำอธิบายมาว่า บางครั้งมันเป็นอาการสะสมค่ะ จนในที่สุดมันก็แสดงอาการออกมา ไม่จำเป็นว่าเราต้องมีความเครียดอยู่ในขณะนั้น >>ทีนี้เอ๋ก็เลยกลัวอาการจะเป็นอีก ก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมถึงต้องการให้มีการสำเนาประวัติคนไข้ขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อตอนที่มาอยู่ญี่ปุ่นจะได้ง่ายขึ้นค่ะ (^^) จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 20:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ : maguro โห..มีเทคนิคการเลือกยาด้วยเรอคะ เอ๊ะ แล้วคุณแฟนของเอ๋เค้าจะรู้เทคนิคนี้มั้ยล่ะเนี่ย ตอนที่เอ๋ไปญี่ปุ่นเห็นเค้าซื้อยา หยิบ แล้ว ก็จ่าย จบ (ตกลงเค้ารู้มั้ย -_- ) ตกลงหมอที่ไหนในโลกเป็นอะไร เค้าก็รักษากันด้วยพารา ฯ เรอคะ แย่แน่ เอ๋แพ้พารา ฯ อยู่ญี่ปุ่นจะมียากินมั้ยคะเนี่ย แฟนเอ๋ก็บอกมาเหมือนกันค่ะเรื่องเอายาเข้าญี่ปุ่น แต่เค้าไม่ได้รู้ละเอียดถึงขนาดว่าอะไรเอาเข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เอ๊ะ ยาดมไม่ให้เรอคะ คราวที่แล้ว เอ๋เอาใส่ไว้ในกระเป๋าติดตัวด้วยค่ะ แต่ก็เอามาได้นะ (เอ..หรือเค้าไม่รู้ว่าเรามี รอดตัวไป อิอิ) - กุ้งก็กิน กินมั่วซั่ว5555น้ำมันปลาฉลาม บลูเบอรี่ คอลาเกน DHA แคเซี่ยม กินสับไปสับมา เพราะช่วงนี้หยุดกินยาจีน >> เอ่อ...คุณกุ้งคะ...คือว่า ไอ้ที่กินไปทั้งหมดน่ะ มันเกินความจำเป็นของร่างกายไปหรือเปล่าคะ จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ก.ย. 51 21:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่เอ๊ะ ยาดมไม่ให้เรอคะ คราวที่แล้ว เอ๋เอาใส่ไว้ในกระเป๋าติดตัวด้วยค่ะ แต่ก็เอามาได้นะ ถ้าเจ้าหน้าเจอ เป็นเรื่องแน่ๆๆๆ กรณีคุณ เอ๋ ก็ถือว่าโชคดีไป เอ่อ...คุณกุ้งคะ...คือว่า ไอ้ที่กินไปทั้งหมดน่ะ มันเกินความจำเป็นของร่างกายไปหรือเปล่าคะ เอาไว้มาอยู่ญี่ปุ่น แล้วจะเข้าใจนะ ว่าอะไรก็น่าซื้อ น่ากินไปหมด และที่ญี่ปุ่น พวกวิตามิน ต่างๆๆหาซื้อง่ายๆๆๆๆมากกกกอยู่ไทยไม่ค่อยจะกิน เหมือนกัน เต็มที่ก็ วิตตามินอี และ สรรพคุณ แต่ละตัว โหหหเห็นแล้ว น่าสนใจทั้งน้าน นี่ว่าจะสอย นมผึ้งมากินอยู่เนี่ย ฮา ที่กินคอลาเกน ก็กลัว เหี่ยว อิอิ ใครว่าไรดี ก็กินหม๊ดนั่นแหล่ะ จากคุณ : maguro - [ 20 ก.ย. 51 23:12:48 A:210.131.4.188 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ : maguro โห...จริงเรอคะ เพราะอะไรเค้าถึงได้ซีเรียสเรื่อง ยาดม ล่ะคะ มันมีสารอะไรพิเศษเรอคะ ฮาฮา อย่าว่าแต่คุณกุ้งเลยค่ะ เอาแค่อยู่ไทยเอ๋ก็หากินสารพัดเหมือนกัน แต่ออกแนวของไร้ประโยชน์ แถมกินแล้วมีแต่อ้วนอีกต่างหาก คอนลาเจนที่ว่าเอ๋ก็กินนะ เค้าบอกว่ากินแล้วจะไม่เหี่ยว (ไม่รู้จริงป่าว) พอกินแล้วไม่รู้คิดไปเอง เอ๊ะ ทำไมรอยตืนกาหายไป (ออกอาการ เข้าข้างตัวเอง) อิอิ เข้าใจเลยว่าญี่ปุ่นมีแต่ของน่ากินคราวที่แล้วเอ๋อ้วนเพิ่มขึ้นมา 3 กิโล ภายใน 7 วัน (โอ้..แม่เจ้า...) ถ่ายรูปออกมาแก้มบวนเป่ง พุงเป็นก้อนเลย (-_-) วันนี้เอ๋ไป รพ. มาแล้วค่ะ ที่จะไปฉีดวัคซีนตามที่บอกไว้ข้างบน คุณหมอไม่แนะนำให้ฉีด บอกว่าถ้าไปญี่ปุ่นเดี๋ยววัคซีนที่ฉีดให้จะเป็นคนละยี่ห้อกันหรือเปล่าเค้าไม่รู้ แต่ถ้าเอ๋อยากฉีดก็ได้ คุยไปคุยมา (เริ่มกลัวอีกล่ะ) งั้นไม่ฉีดก็ได้ค่ะ หนูกลัวมีปัญหา สรุปก็ไม่ได้ฉีดค่ะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว คุณหมอก็เลยตรวจภายในให้เลย (ตรวจหามะเร็วปากมดลูกค่ะ) ยังไม่รู้ผล รออีกห้าวันค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 21 ก.ย. 51 22:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลับบมาบ้านแล้ว    เย้!!! ตื่นเต้นเล็กน้อยเนื่องจากรถไฟทั้งสองต่อ  เสียเวลาทั้งสองขบวน  แทนที่จะไปถึง 8.01 เลยเลทไปเกือบขึ้นขบวนที่สองไม่ทัน  และไปถึง 8.30 แน่ะ กลับมาที่เรื่องวัคซีน  อย่างที่บอกไงครับ  ส่วนใหญ่เข้าใจว่าจะต้องฉีดยี่ห้อเดียวกันครับ  ผมก็เข้าใจเช่นนั้น  จนกระทั่งไปทำการบ้านมาว่าฉีดข้ามยี่ห้อก็ได้  แต่ผมไม่ซีเรียสในกรณีคุณเอ๋ครับ  เพราะว่าการติดต่อของตับอักเสบบีเกิดจากการสัมผัสสิ่งคัดหลั่ง  เช่น เลือด  หรือการมีเพศสัมพันธ์  ดังนั้นหากแฟนคุณเอ๋ไม่ได้เป็น  ก็ปิดประตูเลย  ถ้าไม่ได้ไปรับเลือดของใครนะครับ  และปัจจุบันการให้เลือดจะต้องตรวจไวรัสตับอักเสบบีทุกครั้ง  ผมว่าโอกาสจะติดแทบไม่มีเลย  จะฉีดหรือไม่ฉีดก็คงไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันครับว่า  แพทย์ก็เป็นคนธรรมดานี่เอง  มีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมาย  ลำบากตรงที่คนคาดหวังว่าต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ  นานๆเข้ามันก็สะสมอัตตาครับ  ไม่รู้ก็ต้องบอกว่ารู้  หรือบางทีที่รู้  อาจจะไม่ได้รู้จริงๆก็ได้ครับ  ต้องทำการบ้านเหมือนกัน(หมายถึงอ่านหนังสือนะคะ  555) ขอบคุณคุณ Maguro และ คุณเอ๋สำหรับคำอวยพรและความปรารถนาดีครับ   ขอบอกว่าในขณะที่คุณเอ๋ได้ความรู้  ผมก็ได้ความรู้ใหม่ๆเหมือนกันครับ  ในวงการคุณเอ๋  เค้าเรียก Win-Win อ่ะ  อันที่จริง Win-Win-Win ครับ   Win(คนถามได้ความรู้)-Win(ผมก็ได้ความรู้)-Win(คนอ่านได้ความรู้ด้วย) แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 07:45:00 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 22 ก.ย. 51 07:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ดีใจด้วยค่ะที่กลับมาบ้านโดยสวัสดิภาพนะค๊า วันนี้กรุงเทพอากาศร้อนมากๆๆๆ (เนื่องจากฝนไม่ตก) ระวังเรื่องอาหารด้วยนะคะ (เอ๊ะ สอนจระเข้ว่ายน้ำหรือเปล่านี่ ริอ่านเตือนหมอ !) ด้วยความห่วงใจจากกองสาธารณสุข(อ๊ะ ไม่รู้สุขไหนล่ะคะ แต่ระวังเรื่องอาหารมาก ๆ ก็ดีค่ะ ถ้าไม่ได้กลับบ้านนาน ๆ เดี๋ยวท้องเสีย ได้ง่าย ๆ ค่ะ) อา...สอนหมออีกล่ะ หนูขอโทดค๊า.... _/\_ เมื่อวานนี้ไปพบคุณหมอมา คุณหมอน่ารักมากค๊า ให้ความรู้แล้วก็พูดอย่างใจเย็น ถึงแม้เอ๋จะถามมากไปหน่อยก็เถอะ ( หัวใจของ Auditor ต้องสังเกตและสงสัยค่ะ) ไม่โดนดุด้วยค่ะ ปกติเวลาพบหมอท่านจะพูดเร็วมากค่ะ ฟังไม่ทัน บางครั้งฟังทันก็ไม่เข้าใจ (คุณหมอคะ เอ่อด้วยความเคารพอย่างหาที่สุดมิได้ ดิฉันเรียนบัญชีมาค่ะ มิได้เรียนหมอ -_- ) โดนหมอดุก็บ่อยค่ะ (อา...เอ๋ เอาหมอมานินทา ตายแน่เล้ย...) อย่าซีเรียสค่ะ...อย่าซีเรียส....เล่าสู่กันฟังค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 22 ก.ย. 51 10:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับคุณเอ๋  ถึงเมืองไทยจะร้อนกาย แต่เย็นใจกว่าไปอยุ่ที่ไหนๆในโลก  ขอบอกกกกกกก ปล.หมอน่ารักมีเยอะยะครับ  555 จากคุณ : NaughtyDoc - [ 23 ก.ย. 51 07:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ๊ะ...คุณหมอ หลงตัวเองไปนี๊ดดดดด นะค้า  (- _ -) จากคุณ : aechan1200s - [ 23 ก.ย. 51 20:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 555...ไม่ได้หมายความว่าเป็นผมซักหน่อยนะครับ จากคุณ : NaughtyDoc - [ 27 ก.ย. 51 07:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ maguro คะ คือว่าเราอายุ 21 ปี (จะเรียกตัวเว่าหนูคงแปลกแฮะ) ตอนอายุ 20 ปีเป็นช็อกโกแลตซีด ข้างซ้าย ประมาณสิบเซน ตรวจโรงบาลแรกบอกว่าให้ผ่าออกอย่างเดียว แต่พอมาหมออีกที่ หมอก็ให้ฉีดยาคุมแก้ ตอนแรกๆฉีดทุกหนึ่งเดือน จนกว่าซีดจะฝ่อ ตอนนี้มันก็ฝ่อเหลือ หนึ่งเซนแล้ว ตอนนี้รวมๆฉีดยาคุมมาได้หนึ่งปีแล้วคะ หลังๆจะเป็นสามเดือนฉัดที บอกหมอว่าไม่ฉีดยาได้ไหม หมอบอกว่าไม่ได้ เพราะถ้ามีประจำเดือนอีก ซีดจะกลับมาโตอีก ก็เลยหมอว่าถ้างั้นผ่าออกให้หมดไปเลยดีไหม หมอบอกว่าถึงจะผ่าออก มันก็เป็นซีดอักรอบได้เพราะเราเป็นคนมีเชื้อซีดในร่างกายแล้ว หมอบอกว่าก็ฉีดยาไปเรื่อยๆจนกว่าจะแต่งงานมีลูกแหละถึงจะหาย เพราะฮอร์โมนตอนท้องสามารถรักษาซีดได้ คือว่าปีหน้าเดือนสามจะต้องไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นหนึ่งปี (ไปอาโอโมริ) ถ้าไปญี่ปุ่นการฉีดยาที่ไทยก็จบลง แล้วแบบเรียนเราจะไปฉีดยาต่อที่ญี่ปุุ่นได้ไหมแล้วพอไปถึงที่โรงพยาบาลเราต้องบอกเขาว่าอะไรบ้างอะคะ จำเป็นต้องแปลเอกสารให้เขาเข้าใจไหมคะว่าเรามาทำอะไร (พูดไม่เป็น) แล้วค่ายาจะแพงไหมคะ จริงๆฉีดแค่ยาคุมทุกๆสามเดือนเอง ถ้าไปอยู่หนึ่งปีต้องการค่าประกันสุขภาพไหมคะ และในส่วนฉีดยานี้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไหมคะ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Sachiko_KU - [ 29 ก.ย. 51 11:44:50 ]