ความคิดเห็นที่ 1 ตาม พรบ.สัญชาติ มาตรา 22 เมื่อคุณแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวก็เท่ากับคุณเสียสัญชาติไทยทันทีโดยอัตโนมัติ คุณจะซื้อที่ดิน หรือครอบครองที่ดินไม่ได้เลย คุณจะอยู่ในไทยก็ต้องขอวีซ่า แต่ถามจริง ๆ เถอะว่าเวลาแปลงสัญชาติเป็นต่างด้าวแล้วใครเขาจะไปรู้ล่ะครับ ผมไม่แน่ใจนะ แต่คิดว่าทางปฏิบัติคุณไม่เสียสัญชาติไทยหรอก แต่ทางทฤษฎีคุณเสียทันที จากคุณ : dekzen - [ 22 ก.ย. 51 19:41:15 A:124.120.172.211 X: TicketID:188094 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว ที่ คห 1 บอกไว้นั่นแหละค่ะ เรื่องเสียสัญชาติคงเสียในทางเอกสาร แต่เชื้อชาติไม่มีวันเสียค่ะ หากคุณต้องกลับเมืองไทยแล้วมาอยู่เมืองไทยเป็นระยะเวลานานๆ คุณต้องขอวีซ่าและสแตมวีซ่า แต่ละทีก็ต้องเสียเงินค่ะ เลือกเอา นะ จากคุณ : lulu - [ 22 ก.ย. 51 19:48:14 A:93.179.5.183 X: TicketID:187984 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เปลี่ยนสัญชาติ??? No, you will not change nationality but you will acquire another nationality on top of the one you already have. If by getting another nationality causing you to lose Thai nationality then there is no point in doing it. http://www.multiplecitizenship.com/countrylist.html Thailand "The Thai Nationality Act (2535 B.E.) has opened the possibility for a (foreign born) person, born of a father or a mother of Thai nationality, to acquire Thai nationality" (link to Thai embassy in US). It is unclear exactly what status dual citizenship has in Thai law, though there is at least some recognition http://www.phuketgazette.net/issuesanswers/details.asp?id=694 http://www.thaiembassy.org.au/migration_info.pdf http://www.burmalibrary.org/docs3/THAILAND's_Nationality_Act.ht m If you keep your Thai passport and do not denounce your own Thai nationality then you will always be a Thai, no matter how many nationalities you have. If you do not make a song and dance about it and are clever enough to handle how you travel in and out of the country nobody would be any wiser. http://www.google.com/search?ie=tis-620&oe=tis-620&q=dual+nationality&sitesearch=pantip.com%2Fklaibann แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 20:00:13 จากคุณ : genf - [ 22 ก.ย. 51 19:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนสัญชาติ ใหุ้ืุถือสองสัญชาติไปเลย เวลาเดินทางเข้าออกผ่าน ตม เมืองไทยก็ให้ใช้หนังสือเดินทางไทย เวลาเดินทางเข้าออก ผ่าน ตม เมืองนอกก็ใช้หนังสือเดินทางเมืองนอก จากคุณ : ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้นแหละ - [ 22 ก.ย. 51 19:58:45 A:121.223.172.20 X: TicketID:083310 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตราบใดที่คุณไม่ได้ไปยื่นเรื่องขอยกเลิกสัญชาติไทยของคุณ การเพิ่มสัญชาติอื่นขึ้นมาย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิและความเป็นคนไทยของคุณแต่อย่างใด สำหรับข้อดีของการเพิ่มสัญชาติก็คือ ทำให้คุณมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกันกับประชาชนของประเทศนั้นๆ ปล. เคยได้ยินมาว่าบางประเทศไม่อนุญาตให้ถือสองสัญชาติ ดังนั้นควรจะศึกษาดูว่าประเทศที่คุณกำลังจะขอสัญชาตินั้น ทำได้หรือไม่ สำหรับประเทศไทยนั้นในทางปฎิบัติแล้วไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จากคุณ : CHISWICK - [ 22 ก.ย. 51 21:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ ขอไล่ถามดังนี้นะครับ รบกวนตอบหน่อยนะครับ 1. ที่เมืองไทยมันมีที่ดิน ที่เป็นชื่อผมอยู่ ถ้าผมเปลี่ยนสัญชาติ ที่ดินอันนี้ มันจะเป็นยังไงต่อไครับ เพราะว่า ห้ามซื้อ ห้ามครอบครอง 2. คำถามนี้อาจฟังดูตลก แต่ผมอยากทราบว่า สัญชาติในทางเอกสารมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ไหมครับ สมมตว่าห้าปีจากนี้ผมอยากเปลี่ยนกลับไปเป็นสัญชาติไทย มันทำได้ไหมครับ 3. อะไรคือการถือสองสัญชาติครับ และมันต่างกับการเพิ่มสัญชาติหรือเปล่าครับ 4. เราจะเช็คได้จากที่ไหนว่า ประเทศไหนอนุญาตให้ถือสองสัญชาติหรือไม่ ผมกำลังตัดสินใจอยู่ครับว่าจะเอายังไงดี ปัญหาคร่าวๆมีดังนี้ครับ เผื่อจะมีใครที่มีทางออกที่จะแนะนำ ผมเป็นนักเรียน อยู่ด้วยวีซ่านักเรียน ที่ต้องต่อทุกปี และต้องเสียค่าเทอมมากกว่าเด็กที่นี้ 2 เท่า ตามกฏหมาย (แต่จะได้คืนครึ่งหนึ่ง ในอีก3เดือนต่อมา ถ้าคะแนนในเทอมที่แล้วถึงเกณฑ์) ผมต้องทำงานด้วยเรียนไปด้วย เพื่อหาค่าเทอมค่าห้อง ทีนี้มันก็มีกฏหมายอีกว่า นักเรียนต่างชาติสมารถทำงานได้แค่ เดือนละ 40 ชม. ซึ่งไม่มีทางอยู่รอดได้ครับ ผมจึงต้องทำงานอื่นอีกที่ไม่ได้ลงทะเบียน คล้ายๆผิดกฏหมายนะครับ (มันผิดเลยล่ะครับ) เมื่อครอบครัวผมรู้ปัญหา เค้าจึงพยายามจะช่วย โดยการรับเป็นบุตรบุญธรรม ปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ไขทันที เพราะไม่ต้องกระเสือกกระสนทำงานที่มันเบียดเวลาเรียนอีก และไม่ต้องหาเงินก้อนในแต่ละช่วงการลงทะเบียนเรียน โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องสัญชาติเท่าไหร่ แต่มันจะมีปัญหาระยะยาวไหมครับ ผมแทบจะไม่มีข้อมูลในการช่วยตัดสินใจเลยครับ ขอบคุณทุกๆความเห็นที่เสียเวลาพิมพ์ตอบให้ครับ จากคุณ : koknam - [ 22 ก.ย. 51 21:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดูเหมือนกับว่าคุณ koknam จะยังไม่ค่อยเก็ทที่ผมอธิบายเท่าไหร่ คุณลองคิดดถึงสภาพความเป็นจริงดูนะครับ เมื่อคุณแปลงสัญชาติไปแล้ว ถามว่าประเทศที่คุณแปลงสัญชาติไปนั้น เขาจะมาบอกประเทศไทยเหรอครับว่าคุณได้แปลงสัญชาติแล้ว ในทางปฏิบัติเขาไม่บอกหรอกครับ เพราะฉะนั้นคุณก็ไม่เสียสัญชาติไทยหรอกไม่ต้องกลัวว่าจะเสียสัญชาติไทย ส่วนที่คุณถามเพิ่มมาผมขออธิบายดังนี้ ก็เท่ากับว่าคุณสามารถเป็นบุคคล 2 สัญชาติ จากคุณ : dekzen - [ 22 ก.ย. 51 22:22:35 A:124.120.167.111 X: TicketID:188094 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ่อ ผมพิมพ์ผิดนะครับ ไม่ได้จะอธิบายเพิ่มหรอก เพราะ 4 ข้อที่คุณถามไม่จำเป็นต้องอธิบายเท่าไหร่นะผมว่า เพราะว่าเมื่อคุณไม่เสียสัญชาติไทยแล้วก็ไม่ต้องไปกังวลหรอกนะ จากคุณ : dekzen - [ 22 ก.ย. 51 22:26:39 A:124.120.167.111 X: TicketID:188094 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาตรา ๑๕ พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๔๙๕                                “ผู้ใดมีสัญชาติไทยและสัญชาติตามกฎหมายของประเทศอื่นด้วย ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ทำคำขอยื่นต่อรัฐมนตรีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง                              การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้สละสัญชาติไทยนั้น ย่อมอยู่ในดุลยพินิจของรัฐมนตรี                                การสละสัญชาติไทยให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา                                การสละสัญชาติย่อมมีผลเฉพาะตัว” ตอบคำถาม : 1. ถ้าคุณไม่ได้ไปขอยกเลิกสัญชาติไทย ตามมาตรา 18 ด้านบน ถือว่าคุณยังคงไว้ซึ่งสัญชาติไทย เรื่องที่ดินนั้นก็ยังคงเป็นของคุณอยู่ตามเดิม แต่ถ้าคุณได้ขอยกเลิกสัญชาติไทย และ ได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีและมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็ถือว่าคุณคือบุคคลต่างด้าว ซึ่งตามกฎหมาย คุณไม่มีสิทธิถือครองที่ดิน (แล้วคุณจะไปยกเลิกทำไมให้วุ่นวาย)                  2. คงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ได้หรอกครับ เพราะทุกครั้งต้องผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ ถ้าเขาเห็นว่าคุณไม่มีเหตุผลเพียงพอ เขาคงไม่อนุญาตให้คุณกลับมาใช้สัญชาติไทยอีกครั้งแน่ๆ                      3. คุณคือคนไทยโดยกำเนิด ต่อมาคุณได้ทำเรื่องขอสัญชาติเป็นอเมริกัน ทำให้คุณมีสองสัญชาติ สอง Passport  คือไทย และอเมริกัน                  4. พระราชบัญญัติสัญชาติ กระทรวงมหาดไทยของประเทศนั้นๆ จากคุณ : CHISWICK - [ 22 ก.ย. 51 22:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรียน  ท่านเจ้าของกระทู้ ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความเห็นที่ 3, 4, และ 5    แต่ใคร่ขอเสริมข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง  สัญชาติ  ตามกระทู้นี้เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์  ดังต่อไปนี้ 1. ขออนุญาตอ้างข้อความตามความเห็นที่ 3  ของคุณ genf  ในวรรคแรก  ที่บอกว่า  ในกรณีของคุณ  คุณมิได้ "เปลี่ยนสัญชาติ" นะ  แต่คุณ  " ได้รับเอามา "  ซึ่งอีกสัญชาติหนึ่งต่างหาก   นั้น  ชัดเจนถูกต้องแล้ว ข้าพเจ้าขอยืนยันตามนี้ด้วย  เพราะ  การแปลงสัญชาติจากไทยไปรับสัญชาติอื่นอีกสัญชาติหนึ่งของคุณ  นั้น  โดยหลักสากลของกฎหมายสัญชาติทั่วโลก  จะไม่บังคับให้บุคคลผู้นั้นต้องสละสัญชาติเดิมทิ้งเสียก่อนจึงจะรับสัญชาติใหม่ได้  เพราะการแปลงสัญชาติ  มิใช่การเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม  นั่นเอง   ในภาษาอังกฤษเขาจึงไม่ใช่คำศัพท์ทำนองว่า  to change  the nationality  หรือใช้คำว่า transfer แต่อย่างใด  ทั้งนี้  เขามีคำศัพท์เฉพาะสำหรับการ " แปลงสัญชาติ " ในภาษาอังกฤษว่า  naturalization 2. ขอเรียนหลักการของกฎหมายในเรื่อง " สัญชาติ " ของไทย  และตามกฎหมายของประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก  ว่า ณ  ปัจจุบันนี้  " ยังไม่มีกฎหมายไทยฉบับใดห้ามคนไทยถือสัญชาติเกินกว่า  2  สัญชาติ  "  แปลความได้ว่า  คุณคนไทยทุกคน  สามารถจะมี  3 สัญชาติ  หรือ  4 หรือ  5 หรือ 10 สัญชาติรวมทั้งสัญชาติไทยในขณะเดียวกันได้โดยไม่มีความผิดใดตามกฎหมายไทย  (ทั้งนี้  ขึ้นอยู่กับว่า  หากประเทศอื่นๆนั้นเขายินดีมอบสัญชาติของเขาให้แก่คุณ ) 3. การที่บุคคลใด  หรือหน่วยงานของรัฐบาลแห่งใด หรือกฎหมายฉบับใดจะมีอำนาจถอดถอนสัญชาติไทยของคุณ  นั้น  เป็นเรื่องยากมากที่สุด  ยกเว้นตัวคุณเองเท่านั้น  you  the only one   เพียงคนเดียวที่จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตเรื่องสัญชาติไทยของคุณได้  (สรุปสั้นๆ  แบบชาวบ้านว่า  ณ  ปัจจุบันนี้  ไม่มีใครหน้าไหนในโลกนี้จะมาถอดสัญชาติไทยของคุณออกไปได้)  เหตุผลเป็นดังนี้  กรุณาติดตามอ่านให้ดี 3.1  พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ได้บัญญัติไว้ในมาตรา  22 มีความสรุปว่า .... ให้บุคคลเสียสัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติไปเป็นอื่น   หรือได้รับสัญชาติอื่น....  นั้น  ถือเป็นเพียงบทบัญญัติว่าตามทฤษฎีสัญชาติ  เท่านั้น  เพราะการเสียสัญชาติไทยตามกฎหมายมาตรา 22 นี้  "มิได้มีความสมบูรณ์"  หรือทำให้ต้องเสียสัญชาติไทยโดยเด็ดขาดในทันทีที่ได้รับสัญชาติอื่น 3.2  ขอให้ดูมาตรา 5  ของกฎหมายฉบับนี้....ความว่า...  "การเสียสัญชาติไทยตามมาตรา  22 จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้มีการประกาศชื่อบุคคลนั้นในราชกิจจานุเบกษาให้เสียสัญชาติ"  แปลความได้ว่า  ถึงแม้คนไทยคนไหนก็ตามที่ไปได้สัญชาติอเมริกัน  หรือได้สัญชาติอียิปต์  หรือได้สัญชาติญี่ปุ่น ฯลฯ ก็ตาม แต่หากคนไทยคนนั้นยังไม่ถูกจัดรายชื่อโดยกระทรวงมหาดไทยนำมาประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นบุคคลเสียสัญชาติไทย  ตราบนั้น  คนไทยคนนั้นก็ยังเป็นคนไทยอยู่โดยสมบูรณ์  สามารถทำบัตรประชาชนไทยต่อไปได้  สามารถออกเสียงเลือกตั้งได้  สามารถซื้อที่ดินในประเทศไทยเป็นกรรมสิทธิได้ ฯลฯ 3.3 แล้วใครล่ะ ? หน่วยงานใดล่ะ ? ที่จะเป็นผู้นำชื่อของคุณคนไทยที่ไปรับสัญชาติอื่นเอาไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้คุณเป็นบุคคลเสียสัญชาติไทย  ตามข้อ  3.2 ท่านที่เคารพทั้งหลาย  จะเห็นได้ว่าการเสียสัญชาติไทยนั้น  มิใช่เป็นเรื่องง่ายๆ แบบการ " เสียเงินเสียทอง "  หรือ  " เสียพนัน " นะท่าน  เพราะมันมีขั้นตอนหลายขยัก คำตอบคือ  กระทรวงมหาดไทย  ตามพ.ร.บ.สัญชาติ 2508  มีหน้าที่ดำเนินการ  ทั้งนี้  หากเป็นกรณีคนไทยที่มีหลายสัญชาติที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ  ก็ด้วยความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศ  โดยสถานทูต  หรือสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกมีหน้าที่สอดส่อง สืบเสาะหาคนไทยที่ได้สัญชาติอื่น  แล้วรายงานเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย  เพื่อถอนสัญชาติตามมาตรา  5  ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวข้างต้น แต่ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย  นับตั้งแต่ประเทศไทยมีกฎหมายสัญชาติมาตั้งแต่ปี 2508  ยังไม่เคยปรากฎว่ามีสถานทูต/สถานกงสุลใหญ่ไทยแห่งใดในโลกนี้ที่ทำรายงานคนไทยแปลงสัญชาติ  หรือคนที่มีหลายสัญชาติส่งไปให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อประกาศชื่อเป็น  " บุคคลเสียสัญชาติไทย "สักราย  ไม่เคยมีจริงๆ จะมีก็แต่คนไทยที่ได้แปลงสัญชาติไปเป็นอื่นเดินทางมาขอสละสัญชาติด้วยตัวเองที่สถานทูตไทย  เนื่องจากเจ้าตัวคนไทยคนนั้น สมมุติว่าได้รับสัญชาติอเมริกัน  และมีความรู้ดี  ได้สมัครงานไว้ที่หน่วยงานสำคัญของทางการสหรัฐ ฯ  เช่นในองค์การ NASA (มีจริงๆ ) ซึ่งหน่วยงานนี้มีความลับเยอะมาก  จึงต้องการคนซื่อสัตย์ที่มีสัญชาติเดียวกันมาร่วมทำงาน จึงแจ้งให้ผู้ที่แปลงสัญชาติมาเป็นอเมริกัน  ต้องสละสัญชาติเดิมเสียก่อนจึงรับเข้าทำงาน  อย่างนี้เป็นต้น ด้วยความสัตย์จริง  ขอเรียนว่า  สถานทูต/สถานทูตไทยทั่วโลกถึงแม้จะเคยได้รับมอบหมายให้สอดส่องดูแลคนไทยที่แปลงสัญชาติ  แต่ในข้อเท็จจริงกลับไม่เคยปฎิบัติหน้าที่ดังกล่าว  ก็เพราะประเทศไทยมีนโยบายที่เหนือกว่านั้น  คือนโยบายรักษาบุคคลสัญชาติไทยไว้ให้ถึงที่สุด  นั่นเอง  กล่าวคือ  ประเทศไทยจะไม่ยอมละทิ้งคนไทยไม่ว่าคุณจะไปได้รับสัญชาติใดก็ตาม  เพราะอย่างไร  อย่างไร  คุณก็คือคนไทยของพวกเรา   นานมาแล้วได้มีคำสั่งจากกระทรวงการต่างประเทศที่ " ลึก  แต่ไม่ลับ "  ออกมาหนึ่งเรื่อง   ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยทุกแห่งทั่วโลกต้องพยายามหาทางติดต่อกับคนไทยที่ได้สัญชาติประเทศนั้น ๆ รวมตลอดถึงเด็กลูกคนไทยที่เกิดและได้รับสัญชาติใหม่ในแผ่นดินประเทศนั้นด้วย(ไม่ใด้ติดต่อเพื่อเอาชื่อมาประกาศให้เสียสัญชาติดอกนะ) เพื่อให้คนไทยเหล่านั้นเข้ามาร่วมสังคมไทย  เช่น เชิญเข้ามาร่วมงานสำคัญ  5 ธันวามหาราช  ที่สถานทูต/สถานกงสุลไทยทั่วโลกต่างจัดงานนี้กันอย่างมีเกียรติ  มีศักดิ์ศรีที่สุดของปี ฯลฯ  นอกจากนั้น  กระทรวง ฯ ยังกำชับให้สถานทูตฯให้ความช่วยเหลือบุคคลเช่นว่านี้เป็นอย่างดีตามที่เขาต้องการในทุกกรณี พูดง่ายๆ  ก็คือ  รัฐบาลไทยไม่ยอมให้คุณคนไทยหลุดไปจากความเป็นคนไทยง่ายๆ   นั่นเอง เรื่องนี้  หลายๆประเทศในโลกก็มีนโยบายและมีการกระทำเช่นนี้สืบตลอดมา 4. คุณคนไทยที่มีสัญชาติไทย รวมทั้งผู้ได้สัญชาติอื่นอีกด้วยไม่ว่าจะอีกกี่สัญชาติก็ตามดังที่ได้อธิบายไว้ในข้อ 2 .  นั้น ขอให้คุณคำนึงไว้ว่า  เมื่อคุณกลับมาเมืองไทย คุณก็ต้องปฎิบัติตัวเป็นคนไทยให้สมบูรณ์แบบคนไทย 100 % ซึ่งจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับคุณ  เพราะคุณยังมีบัตรประจำตัวไทย  และไม่มีใครผู้ใดรู้ว่าคุณมีหลายสัญชาติ  ยกเว้นตัวคุณจะไปเที่ยวคุยไว้กับคนอื่นเอง คุณสามารถซื้อหาที่ดินในประเทศไทยเพื่อครอบครองกรรมสิทธิได้ 100 % เพราะไม่มี link ระหว่างกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ  หรือกระทรวงมหาดไทยอเมริกัน     (กรณีคุณได้แปลงสัญชาติเป็นอังกฤษหรืออเมริกัน) ฯลฯ แจ้งข้อมูลการแปลงชาติของคุณจาก  London  หรือจาก Washington D.C.  หรือจากที่อื่นๆ  ส่งมาให้กระทรวงมหาดไทยในประเทศไทย 5.  อย่างไรก็ตาม  ขอให้คุณคนไทยตระหนักในข้อต่อไปนี้ให้สำคัญว่า  ถึงแม้คุณ " มีสิทธิ "จะถือ 2 สัญชาติหรือมากกว่านั้นได้ก็ตาม  แต่ขอให้คุณคนไทยระลึกถึงเสมอว่า  คุณคนไทยก็ " มีหน้าที่ " ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศไทยด้วย  คือต้องรักชาติไทย  ต้องเสียภาษีให้ประเทศไทย  และต้องรับใช้ประเทศไทยเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น ข้าพเจ้าได้เห็นคนไทยที่แปลงสัญชาติไปเป็นชาติอื่นมาแล้วในหลายๆ  ประเทศ  โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา   ก็เห็นท่านเหล่านี้ยังกินอาหารไทย  มีเพื่อนคนไทย  ไปวัดไทย  ดูรายการทีวี-ละครจากเมืองไทยทุกคืน  หลายๆคนกลับมาเที่ยวเมืองไทยปีละ 1-2 ครั้ง  โดยเฉพาะคุณผู้หญิงแต่งกายชุดไทยสวยงามออกงานต่างๆในสังคมไทย  บางรายแต่งสวยกว่าคนไทยในเมืองไทยซะอีก แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 51 23:33:42 จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) - [ 22 ก.ย. 51 22:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 3. อะไรคือการถือสองสัญชาติครับ และมันต่างกับการเพิ่มสัญชาติหรือเปล่าครับ ...you were born as a Thai nationality. ...then you apply another nationality (US) ...then, you have both nationalities. 4. เราจะเช็คได้จากที่ไหนว่า ประเทศไหนอนุญาตให้ถือสองสัญชาติหรือไม่ ...Thai embassy near you. เมื่อครอบครัวผมรู้ปัญหา เค้าจึงพยายามจะช่วย โดยการรับเป็นบุตรบุญธรรม ...how old are you? I think if you are more than a certain age, you can't be adoped any more. ปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ไขทันที เพราะไม่ต้องกระเสือกกระสนทำงานที่มันเบียดเวลาเรียนอีก และไม่ต้องหาเงินก้อนในแต่ละช่วงการลงทะเบียนเรียน ...the adoption process will take some time. จากคุณ : tan - [ 22 ก.ย. 51 22:54:58 A:78.20.221.246 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 ตอบไ้ละเอียดดีครับ ตามนั้นเลย ขอคาราวะ จากคุณ : dekzen - [ 22 ก.ย. 51 22:59:20 A:124.120.167.111 X: TicketID:188094 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การจะถือสองสัญชาตินั้น จะต้องดูกฎหมายทั้งสองประเทศด้วยค่ะ สำหรับประเทศไทยหลายท่านก็ตอบไปแล้วคือ ตราบใดที่คุณยังไม่ทำเรื่่องสละสัญชาติไทย คุณก็ยังเป็นคนไทยอยู่ค่ะ (กฎหมายมีช่องว่างไว้) ทีนี้คุณก็ต้องไปดู กฎหมายของประเทศที่คุณต้องการถืออีกสัญชาติ ในหลายประเทศจะมีข้อห้ามไว้ว่าหากจะถือสัญชาติประเทศนั้น จะต้องทำเรื่องสละสัญชาติเดิมก่อน เท่าที่หมูหวานทราบคือ ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ญี่ปุ่น เยอรมันนี ส่วนประเทศ ที่ไม่ห้ามการถือหลายสัญชาติคือ ออสเตรเลีย แคนาดา สำหรับหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าหากทำเรื่องสละสัญชาติไทยเพื่อไปขอสัญชาติตามสามี ในกรณีที่มีการหย่าร้างหรือสามีเสียชีวิต สามารถกลับมาขอสัญชาติไทยได้ค่ะ ส่วนกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ อันนี้หมูหวานไม่ทราบว่าจะสามารถขอกลับมาใช้สัญชาติไทยได้หรือไม่ ลองไปอ่านที่นี่ดูค่ะ http://th.answers.yahoo.com/question/index;_ylt=AtwRQfep47yl5vkEvMTueMCSdRV.;_ylv=3?qid=20080912011843AAP9IJt http://www.chiangmailawyer.com/forum/display_topic_threads.asp?ForumID=10&TopicID=67&PagePosition=1 http://195.145.133.206/rtc/th/consular/INFOAusbuergerung.html จากคุณ : หมูหวาน - [ 22 ก.ย. 51 23:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 22 ก.ย. 51 23:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน  คุณเจ้าของกระทู้  อีกทีหนึ่ง เข้าใจว่าคุณเจ้าของกระทู้คงอาจจะสับสนด้วยความยังไม่เข้าใจในเรื่องสัญชาติ  การแปลงสัญชาติ  บางประการ  จึงใคร่ขอสรุปให้คำแนะนำท่านเจ้าของกระทู้เพื่อความสบายใจ  ดังต่อไปนี้ 1. เมื่อคุณได้แปลงสัญชาติเป็นอื่นไปแล้ว ( ไม่ทราบว่าคุณอยู่ในสหรัฐ ฯ หรือที่ไหน )  คุณไม่จำเป็นต้องไปสละสัญชาติไทย  ให้ถือ 2 สัญชาติไปเลย  เพราะประเทศไทยไม่ห้าม  และประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ก็ไม่ห้าม  เพราะเป็นการขัดต่อหลักปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษย์ชนแห่งสหประชาชาติในเรื่องของการเลือกถือสัญชาติ  เช่นเดียวกับการเลือกศาสนา  หรือถิ่นที่อยู่ ส่วนประเทศใดจะมีกฎหมายบัญัตติห้ามคนถือ 2  สัญชาติ หรือหลายสัญชาติ แค่ไหน  อย่างไร  นั้น  ให้ปฎิบัติตามความเห็นที่  11 คุณ  tan คือสามารถไปสอบถามได้จากฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตไทย  หรือสถานกงสุลใหญ่ในประเทศที่คุณต้องการแปลงงสัญชาติ 2. สำหรับเรื่อง " ที่ดิน " ที่คุณมีอยู่ก่อนได้รับสัญชาติใหม่  หรือที่คุณอาจได้จากมรดกในอนาคต  หรือซื้อหาใหม่  นั้น  บอกแล้วว่า  หากคุณเข้ามาเมืองไทยแล้วทำตัวแบบคนไทย  อย่าเที่ยวไปบอกใครว่าคุณมีหลายสัญชาติและโดยคุณหมั่นไปต่ออายุบัตรประจำตัวประชาชนไว้  คุณก็มีสิทธิแบบคนไทยทุกประการตามที่ได้อธิบายในข้อ 4 ของความเห็นที่ 10 การมีสองสัญชาติไม่เป็นเหตุกระทบกระเทือนใด ๆ ถึงที่ดินที่คุณมีอยู่เลยหากไม่มีเจ้าหน้าที่ทราบเรื่องมาตั้งคัดค้าน 3.  มีคนไทยจำนวนมากมายทั้งในอดีตและในปัจจุบัน  ตลอดจนในอนาคต  ที่ได้  หรือกำลัง  หรือที่พยายามจะแปลงสัญชาติ  ไปรับสัญชาติอื่นอีก  ส่วนใหญ่ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ในอนาคตที่ตนเห็นว่าดีในเส้นทางชีวิตของตนเอง  คุณไม่ใช่เป็นคนไทยคนแรกๆ ที่คิดอย่างนี้  มีมาแล้วมากมาย  และเกิดขึ้นกับคนหลายๆ ชาติทั่วโลกเป็นปกติ  ทางใครก็ทางมัน   ไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเอง และการแปลงสัญชาติ  ก็มิใช่การขายชาตินะ  มันคนละเรื่องกัน โปรดอย่าไปกังวลเลย  เพราะการแปลงสัญชาติเป็นเรื่องที่กฎหมายทั่วโลกเห็นชอบด้วย 4. คำถามของคุณที่ว่า  หากคุณสละสัญชาติไทยแล้ว  จะกลับมาคืนสัญชาติไทยอีกได้หรือไม่  นั้น ก่อนอื่นขอเรียนว่า  คำแนะนำนี้ตั้งแต่ต้นมิได้แนะนำให้คุณสละสัญชาติไทยแต่อย่างใด  แต่ได้ให้คำแนะนำอย่างดีว่า  ให้คุณถือไว้ทั้งไทยและสัญชาติที่สอง  คุณจะได้ประโยชน์ทั้งสองทาง (  ใคร ๆ เขาก็ทำอย่างนี้กันมามากรายแล้ว) แต่คำตอบในที่นี้สำหรับในกรณีหากคุณได้สละสัญชาติไทยไปแล้ว  และต่อมาเกิดคิดใหม่อยากขอคืนสัญชาติไทย  นั้น  คำตอบมีดังต่อไปนี้ 4.1 กฎหมายเรื่องสัญชาติ  พ.ศ. 2508 แบ่งออกเป็น 3 หมวด  ดังนี้ *** การได้สัญชาติไทย *** การเสียสัญชาติไทย และ  ***  การกลับคืนสู่สัญชาติไทย 4.2 หากคุณเป็นบุคคลสัญชาติไทยโดยกำเนิด  โดยมิใช่ได้สัญชาติไทยจากการแปลงชาติ(คนต่างด้าว)  เมื่อคุณได้สละ(เสีย)สัญชาติไทยแล้ว  คุณสามารถขอกลับคืนสู่สัญชาติไทยได้โดยง่ายกว่าคนชาติอื่นที่เคยแปลงชาติเป็นไทย โดยต้องยื่นเรื่องเสนอผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย *****  และทั้งนี้  กฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าคุณคนไทยจะสามารถสละสัญชาติ - ขอคืนสัญชาติ กลับไปกลับมามีกำหนดได้กี่ครั้ง   ก็แปลว่ากฎหมายไม่ได้ห้ามคุณสละสัญชาติ -  คืนสัญชาติ กลับไปกลับมาเป็นจำนวนกี่ครั้ง  หมายความว่าคุณจะทำอย่างนี้สักกี่สิบครั้ง  ก็ย่อมได้  ถูกต้องตามกฎหมาย  ไม่มีใครหน้าไหนมายับยั้งคุณได้  รัฐมนตรีก็มาห้ามคุณไม่ได้เพียงแต่ว่าคุณจะเบื่อไปเองเสียก่อน ***** *****  ขอให้สังเกตุ  ข้าพเจ้าใช้คำว่า  ไม่มีกฎหมายห้าม  หรือกฎหมายไม่ได้ห้าม  ซึ่งมีความหมายกินความกว้างลึกและครอบคลุมมากกว่าคำว่า " กฎหมายอนุญาต " ***** นอกจากคำแนะนำของข้าพเจ้า  โปรดอ่านคำแนะนำของท่านผู้อื่นด้วย  จะเป้นประโยชน์แก่ตัวท่านเอง ขอให้โชคดี จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) - [ 23 ก.ย. 51 00:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 6 ผมเป็นนักเรียน อยู่ด้วยวีซ่านักเรียน ที่ต้องต่อทุกปี และต้องเสียค่าเทอมมากกว่าเด็กที่นี้ 2 เท่า ตามกฏหมาย (แต่จะได้คืนครึ่งหนึ่ง ในอีก3เดือนต่อมา ถ้าคะแนนในเทอมที่แล้วถึงเกณฑ์) ผมต้องทำงานด้วยเรียนไปด้วย เพื่อหาค่าเทอมค่าห้อง ทีนี้มันก็มีกฏหมายอีกว่า นักเรียนต่างชาติสมารถทำงานได้แค่ เดือนละ 40 ชม. ซึ่งไม่มีทางอยู่รอดได้ครับ ผมจึงต้องทำงานอื่นอีกที่ไม่ได้ลงทะเบียน คล้ายๆผิดกฏหมายนะครับ (มันผิดเลยล่ะครับ) เมื่อครอบครัวผมรู้ปัญหา เค้าจึงพยายามจะช่วย โดยการรับเป็นบุตรบุญธรรม ปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ไขทันที เพราะไม่ต้องกระเสือกกระสนทำงานที่มันเบียดเวลาเรียนอีก และไม่ต้องหาเงินก้อนในแต่ละช่วงการลงทะเบียนเรียน โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องสัญชาติเท่าไหร่ แต่มันจะมีปัญหาระยะยาวไหมครับ ผมแทบจะไม่มีข้อมูลในการช่วยตัดสินใจเลยครับ ขอบคุณทุกๆความเห็นที่เสียเวลาพิมพ์ตอบให้ครับ จากคุณ : koknam   - [ 22 ก.ย. 51 21:57:11 ]   ---------------------------------------------------------------------------- ขออนุญาต เจ้าของกระทู้ค่ะ อ่านแล้ว สงสัยค่ะ  คุณถือวีซ่านักเรียนอยู่ แล้วครอบครัวที่ว่า จะรับเป็นบุตรบุญธรรม มันง่ายขนาดนั้นเหรอคะ การรับเป็นบุตรบุญธรรมเงื่อนไขมันมีมากมายและมีการกำหนดอายุด้วยไม่ไช่เหรอคะ จากคุณ : Justmint - [ 23 ก.ย. 51 03:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยกับคุณJustmintคะ ว่า การจะรับใครซักคนมาเป็นบุตรบุญธรรมนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยนะคะ เงื่อนไขมากมายหลายขั้นตอน  แล้วก็มีเรื่องอายุด้วยอ่ะคะ จากคุณ : ชบาไพร (Mme) - [ 23 ก.ย. 51 04:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตามมาอ่านค่ะ ได้ความรู้ อิอิ จากคุณ : clubspanky - [ 23 ก.ย. 51 08:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณทุกคนมากครับ ไม่นึกว่าจะมีคนใจดีมาอธิบายให้มากขนาดนี้ ผมเข้าใจเพิ่มขึ้นมากแล้วครับ ครอบครัวที่ว่า คือ คุณแม่ผมเค้าแต่งงานกับคนที่นี้ครับ และคุณพ่อเลี้ยงกำลังเดินเรื่องกับทนายความ เพื่อจะขอให้รับเป็นบุตรบุญธรรม ผมเองไม่ค่อยเข้าใจ ขั้นตอนเท่าไหร่นัก เค้าบอกว่าแม้มันจะยากแต่มันทำได้ เพียงแต่ต้องให้ผมสมัครใจด้วย ตัวผมเองไม่ค่อยจะเข้าใจ อยู่ดีดีก็มาบอกว่าจะให้เป็นบุตรบุญธรรม ผมเลยต้องหาข้อมูลหน่อยน่ะครับ เพราะผมวางแผนว่า เรียนจบก็จะกลับเมืองไทย ตอนแรกผมไม่เข้าใจว่า ถ้าเปลี่ยนสัญชาติแล้ว จะกลับไปใช้ชีวิตยังไงที่นั่น ตอนนี้พอจะทราบว่า ทำตัวเนียนๆไว้ ก็ไม่เป็นไร อีกประการนะครับ สมมตว่าผมได้รับสัญชาติเพิ่ม ผมจะได้รับมรดกจากพ่อเลี้ยงหรือครับ เพราะจะกลายเป็นลูก ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องนี้อยู่ตลอด ผมเกรงว่า มันจะมีปัญหาในอนาคตกับญาติๆเค้าที่นี่ เพราะความสัมพันธ์ทุกวันนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ถ้าพ่อเลี้ยงเกิดเป็นอะไรไป คงจะมีเรื่องให้ปวดหัวอีกมาก ตามมาแน่ๆ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเวลาที่เสียสละให้ครับ จากคุณ : koknam - [ 23 ก.ย. 51 10:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บุตรบุญธรรมมีสิทธิในเรื่องมรดกของพ่อแม่บุญธรรม เช่นเดียวกับลูกแท้ๆ ยกเว้นแต่จะมีพินัยกรรมเป็นอย่างอื่น แล้วในบางรัฐก็ยังมีสิทธิในมรดกของพ่อแม่เดิมอีกด้วย จากคุณ : ธนิตา - [ 23 ก.ย. 51 14:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วผู้ชาย แต่งงาน กับ ผู้ชาย มีสิทธิ ถือ สองสัญชาติ หรือ เปลี่ยนสัญชาติ ตาม คู่สมรส หรือ เปล่าครับ...........อยากรู้จริง จริง ไม่ได้มา กวน นะคับ.... แต่เป็น อิตาลี อะครับ ไม่ใช่ อเมริกา รบกวนเจ้าของกระทู้นอกใช้เนื้อที่สอบถามเรื่องนี้นิดนึงครับผม..... จากคุณ : เด็กตาดำดำ - [ 23 ก.ย. 51 22:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 http://en.wikipedia.org/wiki/Italian_Citizenship http://en.wikipedia.org/wiki/Same-sex_marriage_in_Italy Since Italy does not, as yet, recognise same sex unions so one cannot be naturalised based on marriage. But if one stays in Italy long enough then this is possible. Through naturalization: After 10 years of legal residence, absence of criminal record, and sufficient financial resources, a foreigner may naturalise (three years for former Italian citizens up to the second degree and for aliens born on Italian territory, four years for nationals of EU member states, five years for refugees or stateless persons and seven years for those "affiliated with an Italian citizen.") Dual/Multiple citizenship According to Italian law, multiple citizenship is permitted under certain conditions if acquired on or after August 15, 1992. Those who acquired another citizenship after that date but before January 23, 2001 have three months to inform their local records office or the Italian consulate in their country of residence. Failure to do so carries a fine. Those who acquired another citizenship on or after January 23, 2001 can send an auto-declaration of acquisition of a foreign citizenship by mail to the Italian consulate in their country of residence. On or After March 31, 2001, notification of any kind is no longer necessary. แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 01:57:10 จากคุณ : genf - [ 24 ก.ย. 51 01:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากครับ คุณ  genf อย่างนี้ถ้าไปแต่งงานกัน....ก้อไม่ได้มีผลอะไรทางกฏหมายอยู่แล้วใช่ไหมครับ...... งง... แต่ถ้าไปแต่งงานกันประเทศที่ สาม มันก้อไม่เกี่ยวกันอยู่ดี.....หรือเปล่า เพรากฎหมายมันไม่ครอบคลุม แต่ผมคิดว่า อย่างน้อย ก้อ ควรที่จะไปประเทศ อิตาลี ด้วยวีซ่า ท่องเที่ยว ก่อนจะดีกว่า จริงไหมครับ....... แล้วอย่างนี้ แฟนผมกำลังจะซื้อบ้านหลังไหม่ ผมก้อไม่สามารถ ที่จะใส่ชื่อของผมลงไปได้ ใช่ไหมครับ.....ก้อเพราะว่าผมยังไม่ได้แต่งงานกัน และยังไม่ได้ ถือ สองสัยชาติด้วย .......... จากคุณ : เด็กตาดำดำ - [ 24 ก.ย. 51 18:12:48 ]