ความคิดเห็นที่ 1 ของผมเนื่องจากไม่มีพื้นฐานมาก่อน เลยลงเรียนที่โรงเรียนให้เขาสอนก่อน ลงไป 1 คอร์ส ให้พออ่านออก เขียนได้ หลังจากนั้นก็ซื้อหนังสือ minnano nihongo 1-4 มาอ่านเองคับ อ่านไปเรื่อยๆ ต้องตั้งใจ  ต้องมีจุดหมาย หนังสือเล่มนี้เขียนได้ดีมากคับ ตอนนี้ผมอ่านจบแล้ว  พอรู้เรื่องครับ ส่วนคันจิ  อาศัยเจอบ่อยๆ ผ่านตาบ่อย  ก็เริ่มจำได้ บางตัวอ่านได้ แต่ลำดับเส้นการเขียนยังเขียนไม่ได้คับ อ้อ  ฝึกเขียนไดอารี่เป็นภาษาญี่ปุ่นทุกวัน ก็ช่วยได้นะคับ ผมก็ทำอยู่   ตอนนี้สำนวนการใช้ดีกว่าตอนแรกเยอะเลย เคยลองกลับไปอ่านตอนเขียนวันแรกๆ ยังอดขำไม่ได้  (ใครเขียนวะ 555) เอาใจช่วยคับ   ปล. ปีนี้ผมจะลองสอบวัดระดับ 3 ดู  อิอิ จากคุณ : หล่อจริงไม่ได้โกหก - [ 23 ก.ย. 51 17:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณ หล่อจริงไม่ได้โกหก (55 ชอบชื่อจัง) เรียนแค่คอร์สเดียว เเล้วก็ไม่ได้ลงเรียนอีกเลยเหรอคะ แล้วคือตอนนี้อยู่ญี่ปุ่นหรือเปล่าคะ ตอนที่ไปนู่น อ่านเขียนได้มากขนาดไหน ต้องสอบวัดระดับไปด้วยหรือเปล่าคะ ? เคยท้อ และ หยุด เรียนไปค่ะ   วันนี้ตั้งใจ อยากกลับมาเรียน ทำให้ดีที่สุด.. จะพยายามค่ะ.. ก็เลยมาหาวิธีจากคนใจดีแถวนี้ค่ะ ^^ จากคุณ : kawaii raion - [ 23 ก.ย. 51 17:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดว่าต้องอ่านบ่อยๆนะคะ แบบว่า ถ้าผ่านตาบ่อยๆก็จะจำได้ค่ะ พวกตัวอย่างประโยค ทั้งศัพท์และไวยากรณ์ด้วย แล้วก็คันจิก็เขียนเอาค่ะ เขียนไปก็จำ แต่ถ้าเลิกเขียนก็ลืม แหะๆ เวลาเขียนประโยค คันจิตัวไหนเขียนได้ เคยอ่านผ่านมาแล้ว ก็พยายามอย่าเขียนฮิรางานะ ให้เขียนคันจินะคะ ดีกว่าค่ะ เขียนไดอารี่ก็ช่วยได้จริงๆนะคะ เพราะเรียนแล้วเขียนส่งอาจารย์ค่ะ แก้กระจาย จุดที่เข้าใจผิดก็แก้ไขให้ถูกต้องได้ แต่ถ้าไม่ได้ส่งอาจารย์ ถ้าเรียนด้วยตัวเองไปเรื่อยๆก็คิดว่าอาจจะเจอจุดที่ตัวเองเข้าใจผิดอยู่ได้ค่ะ พยายามเข้านะคะ เพราะเราก็พยายามอยู่เหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ จากคุณ : pikzy - [ 23 ก.ย. 51 19:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนคอร์สเดียวคับ หลังจากนั้นก็อ่านเองหมดเลย - -" เรียนที่เมืองไทย เรียนเสร็จก็ซื้อหนังสือ 4 เล่ม หอบไปญี่ปุ่นคับ ไปฝึกงาน 4 เดือน  มีเวลาว่างค่อนข้างมาก เลยมีเวลาอ่านจนจบ ได้ใช้พูดบ้าง ฟังบ้าง  งูๆปลาๆไป  ไปโน่น มานี่ได้เห็นป้ายคันจิจนชินตา ก็พอช่วยได้คับ ผมไม่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่นนะ  ตอนนี้กลับไทยแล้ว ทำงานอยู่บ.ญี่ปุ่น เลยตั้งใจอยากลองสอบดู เพราะว่าตอนผมกลับมา  พอพูดได้บ้างจากที่ตอนแรกพูดไม่เป็นเลย ผลคือ...ญี่ปุ่นที่นี่ต๊กกะใจมาก   tai e kaettekara nihongoga hanaseru youninatte, taide hataraiteiru nihonjinga totemo bikkuritanda!  555 ถ้ามีจุดหมายว่าเราจะเรียนไป เพื่ออะไร มันก็จะสามารถช่วย ลด ความท้อ ความเบื่อ ลงไปได้มากคับ  สู้ๆ ganbattene! ปล. อยากให้ pantip พิมพ์ภาษาญี่ปุ่นได้จัง  เฮ้อออ  ท่าจะมันส์ แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 19:46:22 จากคุณ : หล่อจริงไม่ได้โกหก - [ 23 ก.ย. 51 19:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 3 pikzy รู้จัก MIXI ไหมล่ะคับ ผมเขียนไดที่นั่น  ได้เพื่อนคนญี่ปุ่นมาเมนท์เต็มเลย ^___^ ได้อ่านสำนวนของคนญี่ปุ่นจริงๆ  ก็ถือเป็นบทเรียนที่ดีอย่างนึงเลยนะ... จากคุณ : หล่อจริงไม่ได้โกหก - [ 23 ก.ย. 51 19:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะ เอ๋เรียนภาษาญี่ปุ่นจากโรงเรียนค่ะ ถ้าจะให้แนะนำคงไม่กล้า เพราะทุกวันนี้ภาษาญี่ปุ่นของตัวเองยังไม่ได้เรื่องอยู่เลยค่ะ เอาเป็นว่าขออนุญาตแชร์ประสบการณ์จากโรงเรียนให้ฟังแล้วกันนะคะ ว่าเรียนมายังไงบ้าง เริ่มแรกเลยเอ๋เรียนภาษาญี่ปุ่นที่ สมาคมศิษย์เก่าไทย-ญี่ปุ่น ตรงสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ (ปัจจุบันที่นี่ไม่มีแล้วค่ะ) ประมาณปี 2005  เรียนไป 1 คอร์ส เรียนทั้งหมด 50 ชั่วโมง โดยเรียนสัปดาห์ละ 2 วัน วันละ 2 ชั่วโมงค่ะ  อาจารย์ผู้สอนเป็นคนไทย หนังสือที่ใช้เรียนทั้งหมดเป็นของสมาคมค่ะ เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด 1. จะเริ่มจากอักษร ฮิระงะนะ ค่ะ โดยอาจารย์จะสอนครั้งละ 15 ตัวอักษร ในห้องเรียนจะให้หัดอ่านก่อนว่า แต่ละตัวอ่านว่าอะไร และมีวิธีการเขียนที่ถูกต้องอย่างไร เพียงเล็กน้อย ที่เหลือต้องกลับไปทำแบบฝึกหัดเองที่บ้าน เพื่อให้จำได้ค่ะ (โดยปกติแล้วเอ๋เรียนในห้องแค่ไหนก็จบแค่นั้นล่ะค่ะ ไม่ เคยมีเวลาได้กลับไปทบทวนเลย เหนื่อยค่ะ เพราะต้องไปเรียนหลังเลิกงาน อาทิตย์หน้าเข้าห้องเรียนค่อยว่ากันใหม่ค่ะ) 2. พอเข้าเรียนครั้งต่อไป อาจารย์จะทวนอักษรฮิระงะนะ ของสัปดาห์ก่อน โดยให้อ่านบัตรคำ บัตรคำที่นำมาให้อ่านก็จะเป็นคำผสมของอักษรทั้งหมดที่เราได้เรียนไปแล้ว (เทคนิคที่ช่วยให้เอ๋จำ อักษรฮิระงะนะ ได้ก็คือ เขียน กับ อ่าน บ่อย ๆ ค่ะ) 3. พอจบอักษร ฮิระงะนะ แล้ว ก็เริ่มเรียน คะตะคะนะ ต่อค่ะ อาจารย์จะสอนเหมือน 1 และ 2 ค่ะ (ทุกวันนี้เอ๋ยังจำ คะตะคะนะ ไม่ค่อยได้เลยค่ะ เพราะรู้สึกเหมือนใช้พลังในการจำ ฮิระงะนะ ไปหมดแล้ว แป่ววว ) 4. พอเรียนอักษรครบทั้งหมดแล้ว อาจารย์ก็จะเริ่มเข้าประโยคง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อน ใช้ไวยากรณ์ นิดหน่อย พอให้เราดีใจว่า ฮ้า...ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วนะ (ครั้งแรกแค่พูด คอนนิชิวะ ได้ก็ดีใจจะแย่ค่ะ) 5. พอเริ่มใช้ไวยากรณ์เป็นแล้ว ก็จะเริ่มเข้าบทสนทนา ค่ะ โดยบทสนทนาในแต่ละบท ก็จะใช้ไวยากรณ์ที่เราได้เริ่มเรียนไปแล้ว เพื่อให้เข้าใจการใช้รูปประโยคได้มากขึ้น 6. ท้ายบทจะมี ตัวอักษรคันจิ บทละประมาณ 5 - 10 ตัวอักษร ที่จะเริ่มเรียนจากคันจิที่มีขีดน้อย ๆ ก่อน (เวลาเขียนคันจิ เค้านับกันเป็นขีดน่ะค่ะ) อาจารย์ไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ ว่าให้เขียนอย่างไรให้ถูกต้อง เพียงแต่สอนให้รู้ว่าอ่านว่าอะไรเท่านั้นค่ะ โดยบนตัวอักษรคันจิ เค้าจะมีตัวโยมิกานะ ( คือตัว ฮิระงะนะ เล็ก ๆ ที่อยู่บนอักษรคันจิน่ะค่ะ) เพื่อบอกให้รู้ว่าคันจิตัวนั้นอ่านอย่างไรค่ะ และเสียงในการอ่านคันจิก็มีสองเสียง คือเสียงออง (เสียงจีน) และเสียงคุง (เสียงญี่ปุ่น) 7. บางวันจะมี เทปวีดีโอ มาเปิดให้ดูค่ะ เป็นบทสนทนา โดยคนญี่ปุ่น (อ่ะ ฟังไม่เข้าใจเลย พูดเร็วจัง ) 8. แล้วก็เรียนอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ โดยเพิ่มระดับความยากของไวยากรณ์ไปในแต่ละบทค่ะ จนจบคอร์ส หลังจากเรียน จบ คอร์สนี้แล้ว เอ๋พอพูดได้นิดหน่อย แล้วก็เขียนได้อีกนิดหน่อย (ย้ำว่า นิดหน่อยจริง ๆ นะคะ) เพราะขาดเรียนบ่อย บางวันงานเยอะมาเรียนไม่ได้ อาศัยลอกของเพื่อนเอา แล้วก็เขียนอีเมลคุยกับเพื่อนที่เป็นญี่ปุ่นก็พอช่วยได้ค่ะ เค้าจะต้องคอยแก้ไวยากรณ์ให้เราตลอด (ผิดกระจาย ตกลงเรียนมาจริงป่าวเนี่ย) พอจบคอร์สแล้วก็ไม่ได้ต่อค่ะ งานเยอะมากก็ต้องหยุดเรียนไป เสียดายมากค่ะ อยากเรียนต่อ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย โดยส่วนตัวแล้วเอ๋ชอบมากการไปเรียนที่โรงเรียนเพราะเราได้คุยกับเพื่อนในห้อง ฟังสำเนียงเพื่อน และอาจารย์ก็จะชอบเล่าประสบการณ์ตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นให้ฟังค่ะ  สนุกมากกกกกก (มีต่อ...ค่ะ ลงเรียนใหม่อีกรอบ) จากคุณ : aechan1200s - [ 23 ก.ย. 51 19:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หนึ่งปีให้หลังจากผ่านมรสุมไฮซีซั่นของงานแล้วก็มาลงเรียนภาษาญี่ปุ่นใหม่อีกรอบค่ะ แต่ไม่ได้เรียนที่เดิมแล้ว มาเรียนที่ สสท. อยู่ถนนสุขุมวิท (เพื่อนแนะนำมาก็เลยลองดูค่ะ) ที่ สสท เค้าจะแยกคอร์ส ระดับต้นออกเป็น 2 คอร์สค่ะ คือ - มินนะโนะฮงโกะ โดย หนังสือแบบเรียนทั้งหมดจะเป็นภาษาญี่ปุ่น - นิฮงโกะ โยโรชิคุ โดย หนังสือแบบเรียนจะอธิบาย ไวยากรณ์เป็นภาษาไทยด้วย และมีบทสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ เอ๋ลงเรียนคอร์ส นิฮงโกะ โยโรชิคุ ค่ะ (มีภาษาไทยด้วย อุ่นใจไว้ก่อน เผื่อไม่เข้าใจกลับไปอ่านเองอีกที อิอิ) อาจารย์ที่สอนมีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นค่ะ เรียนวันละ 3 ชั่วโมงค่ะ แบ่งกันสอนคนละชั่วโมงครึ่ง โดยอาจารย์คนไทยจะเป็นผู้สอนไวยากรณ์และอธิบายหลักการใช้ ส่วนอาจารย์ญี่ปุ่นจะเป็นผู้ฝึกฝนการพูดและสำเนียงให้กับเราค่ะ (อาจารย์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย ถ้าท่านไหนพูดไทยไม่ได้ก็จะพูดภาษาอังกฤษกับเราค่ะ ) เรียนไปเรียนมาได้สองภาษา ฮาฮา คอร์ส นิฮงโกะ โยโรชิคุ มีทั้งหมด 5 คอร์สค่ะ ใช้หนังสือทั้งหมด 6 เล่ม (เดี๋ยวไว้หา ลิงค์ หนังสือมาให้นะคะ ไม่แน่ใจว่ามีตัวอย่างมั้ย)   เริ่มแรกก็จะเรียนอักษรก่อนเหมือนเดิมค่ะ จะสนุก หรือ ไม่สนุก ขึ้นอยู่กับเทคนิคของอาจารย์แต่ละท่านค่ะ แต่ตอนเรียนที่นี่เอ๋สนุกมาก อาจารย์จะมีเกมส์มาให้เล่นค่ะ แล้วก็คอยกดดันให้ทุกคนกระตืนรือร้น เพราะต้องตอบคำถามค่ะ (อันนี้อาจารย์ญี่ปุ่นนะคะ แถมหล่อมากกกกกกกกกก) อะ อันนี้นอกเรื่อง   พอเรียนอักษร จบ ก็มาเริ่มเรียนบทสนทนาและไวยากรณ์กันเลยค่ะ ส่วนของอาจารย์ไทยก่อนนะคะ - เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ของแต่ละบท ให้นักเรียนหัดอ่านออกเสียงและอธิบายความหมายของแต่ละคำ - สอนหลักการใช้ไวยากรณ์ และให้หัดแต่งประโยคเอง ง่าย ๆ - เรียนสำนวนที่คนญี่ปุ่นใช้ในชีวิตประจำวัน โดยสมมติสถาการณ์ว่าสำนวนแบบนี้เค้าใช้กันในกรณีไหนค่ะ - ทำแบบฝึกหัดท้ายบท (เอ๋ลอกเฉลยตลอดเลยค่ะ ไม่มีเวลาทำ อ้างอีกล่ะ) ส่วนของอาจารย์ญี่ปุ่นค่ะ - เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ของแต่ละบท แต่อาจารย์จะเน้นสำเนียงให้ค่ะ - อ่านบทสนทนา โดยฟังจากอาจารย์อ่านเองบ้าง หรือฟังจาก วีดีโอ เสร็จแล้วก็จะให้พวกเราผลัดกันอ่านคนละนิดละหน่อย - หัดเขียนคันจิ อย่างถูกวิธี ค่ะโดยหลักการแล้วก็จะเรียนประมาณนี้ล่ะค่ะ แต่จะมีอะไรเสริมเติมแต่งเพิ่มความสนุกมากน้อย นั้นขึ้นอยู่กับเทคนิคของอาจารย์ผู้สอนของแต่ละท่านค่ะ เอ๋เรียน นิฮงโกะ โยโรชิกุ ถึงเล่ม 4 ก็เลยลองไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ 4 ดูค่ะ ผ่านแล้วคะแนนพอดีเป๊ะ ค่ะ (ถ้าทำผิดไปอีกข้อ เอ๋ตกแน่) ปัจจุบันเอ๋เรียน นิฮงโกะ โยโรชิกุ เล่ม 5 อยู่ที่ สสท เหมือนเดิมค่ะ เดือนหน้าก็จะจบคอร์สแล้ว แต่คงไม่ได้ต่อเล่ม 6  เพราะต้นปีก็จะไปอยู่ญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แล้วก็คงไปเรียนต่อที่โน่น แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าต้องไปเรียนที่ไหนดี ถ้ามีที่แนะนำ ก็ยินดีนะคะ ปีนี้ลงสอบวัดระดับ 3 ไว้แล้วค่ะ เท่าที่เรียนมาจนถึงวันนี้ คิดว่าความรู้ของเอ๋ยังไม่สามารถสอบได้ แต่จะลองสอบไว้ก่อน เผื่อปีหน้าไปลงที่ญี่ปุ่นใหม่) มีอะไรสงสัยตรงไหนถามเพิ่มเติมได้นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ เขียนมาซะยาว หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ได้ ไม่มากก็น้อยนะคะ คุณหล่อจริงไม่ได้โกหก คะ เอ๋เล่น MIXI เหมือนกันค่ะ ฝึกภาษาญี่ปุ่นที่นั่นค่ะ แล้วเพื่อนญี่ปุ่นก็ได้ที่นั่นเยอะเหมือนกัน (แก้ไขคำผิดค่ะ) แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 20:49:19 แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 51 20:40:31 จากคุณ : aechan1200s - [ 23 ก.ย. 51 20:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้ ... ปิคเขียนของ fc2 ค่ะ ไม่มีเพื่อนญี่ปุ่นมาเม้นสักคน เพราะเขียนภาษาไทย -*- ฮ่าๆ แต่มีญี่ปุ่มาเม้นนึง เป็นเว็บวาบหวิวค่ะ เอิ้กๆ ทั้งคุณหล่อจริงไม่ได้โกหก แล้วก็คุณเอ๋เขียนไว้อย่างนี้แล้ว ก็เดี๋ยวไปลองเปิดบล็อกญี่ปุ่นอีกสักอัน ^^ เหะๆ จากคุณ : pikzy - [ 23 ก.ย. 51 21:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ : pikzy ถ้าจะใช้บริการบล็อคของ มิกซี่ เพื่อฝึกภาษาญี่ปุ่นนะคะ เป็นลักษณะคล้าย ๆ การเขียนไดอารี่ประจำวันน่ะค่ะ แล้วก็จะมี community ในแต่ละแบบตามแต่ที่แต่ละคนจะสนใจค่ะ โดยเวปนี่ ป๊อป มากในหมู่คนญี่ปุ่นค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 51 23:35:29 จากคุณ : aechan1200s - [ 23 ก.ย. 51 22:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเรียนกับอาสาสมัครแม่บ้านชาวญี่ปุ่นครับ เค้าพูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ เวลาเข้าเรียนจะพูดภาษาญี่ปุ่นกันทั้งคลาสเลย ขอบอกนะครับว่าเค้าสอนเก่งมาก ๆ เพราะสำหรับคนที่ไม่มีพื้นเลยอย่างผมเนี่ย ไปเรียนในคลาสที่ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย แต่เค้ากลับสอนให้เราเข้าใจได้แจ่มแจ้งเลย ค่าเรียน 500 เยนเองครับ เป็นค่าหนังสือเรียน ถ้าเรียนครบ 5 Level ก็จะพูดคุยกับคนญี่ปุ่นได้คล่องแล้วครับ ส่วนเรื่องอ่านเขียนก็จะได้มาไม่น้อย โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เห็นพี่ ๆ เรียนครบห้าขั้นแล้วพูดปร๋อเลยครับ ส่วนผมตอนนี้อยู่ระดับสาม ไม่ค่อยก้าวหน้ามาหลังเท่าไหร่ เพราะปกติต้องพูดภาษาอังกฤษเวลาอยู่ที่มหาลัย คลาสที่เรียนไม่ได้เป็นคลาสมาตรฐาน แต่เค้ามีใบประกาศเมื่อสอบผ่านแต่ละระดับให้ด้วยครับ และมันก็เป็นใบประกาศที่ได้รับการรับรองด้วย จากคุณ : Valar - [ 24 ก.ย. 51 10:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ค่ะ เข้าไปดูมาแล้ว เลยรู้สึกเหมือยว่า ต้องอินไวท์ งั้นรบกวนคุณอ๋ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : pikzy - [ 24 ก.ย. 51 13:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ววว... คนใจดีเพียบเลย ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ .. วิธีของทุกคนดี ๆ กันทั้งนั้นเลย เห็นแล้วทำให้มีแรงฮึดสู้เรียนอีกครั้ง จะตั้งใจค่ะ แต่ตอนนี้เรียนอยู่บ้านคนเดียว ไม่ได้คุยกะใคร ฟังจากวีซีดีเอา ว่าจะฝึกหัดให้คล่อง จะนัดเจอกะเพื่อนญี่ปุ่นซะหน่อย คราวนี้นะ จะพยายามไม่พูดไทย พูดอังกฤษเลย... ใครมีวิธีเด็ด เคล็ดลับของตัวเอง นำมาแชร์กันอีกท่าจะดีนะคะ คิดว่าคงมีอีกหลายคนสนใจกระทู้นี้เหมือนกัน ในฐานะที่น่ารัก ไม่หวงวิชาแบบนี้ เอาใจไปคนละดวงเลยค่ะ.. ^^ จากคุณ : kawaii raion - [ 24 ก.ย. 51 13:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันตอนนี้เรียนหนังสือมินนะ โนะ นิฮองโกะ ถึงเล่ม 4 แล้วค่ะ  เรียนกับอาจารย์ส่วนตัวที่บ้าน  และไปติวสอบวัดระดับที่ สนญ. ด้วย เพื่อเตรียมสอบวัดระดับ 3 ปีนี้ค่ะ แต่ว่าที่จะเอาติดตัวไว้เสมอไม่ว่าจะไปที่ไหน จะเจอคนญี่ปุ่นหรือไม่ ก็จะต้องพกไว้ในกระเป๋ากางเกงค่ะ ก็คือ สมุดจดเล่มเล็ก ๆ และเจาะรูเอาไว้ตรงมุมเพื่อผูกดินสอแท่งเล็ก ๆ ติดไปด้วย พอนึกคำศัพท์ไม่ออก ก็เขียนเป็นภาษาไทยไว้ก่อน แล้วค่อยถามเพื่อน หรือเปิดดิกส์เอาทีหลัง เจออาหารญี่ปุ่นที่ชอบก็จดไว้ก่อนจะได้สั่งคราวหน้าได้  เวลาอยากใช้คำที่เคยจดไว้กับเพื่อนคนญี่ปุ่นก็จะบอกว่า "chotto mattene" แล้วก็เปิดสมุดหาคำที่อยากพูด ก็ได้ฮากันทั้งกลุ่มตลอด แล้วยิ่งถ้ามีนัดกับเพื่อน ๆ คนญี่ปุ่นก็จะต้องเอาติดตัวไปด้วยเพราะว่าจะได้คำใหม่ ๆ หลายคำมาก ๆ ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำที่ไม่มีในหนังสือเรียน ซึ่งเป็นคำที่เขาใช้พูด ๆ กัน คำด่าบ้าง คำแซวบ้าง อะไรก็จดเอาไว้ค่ะ จะได้ใช้ได้  เพื่อน ๆ จะเอาไปใช้บ้างก็ไม่ว่านะคะ ภาพ :  ถ่ายเทียบกับมือถือว่าสมุดคู่ใจเล็กกว่ามือถืออีกค่ะ เอาไปด้วย สะดวกสบายทุกที่ทุกเวลา แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 22:43:39 จากคุณ : annz kiku - [ 24 ก.ย. 51 22:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หล่อจริงไม่ได้โกหก... "ถ้ามีจุดหมายว่าเราจะเรียนไป เพื่ออะไรมันก็จะสามารถช่วย ลด ความท้อ ความเบื่อ ลงไปได้มากคับ" ขอบคุณมากค่ะ ได้กำลังใจอ่านขึ้นมาเยอะเลย pikzy - ตอนนี้พยายามอ่านบ่อย ๆ อยู่ค่ะ ติด Post it ไว้เต็มห้องเลย วันนึงคงจะคล่อง หวังว่าอย่างนั้นอ่ะค่ะ .... - -" คุณ aechan1200s ตอบได้สะใจมาก ๆ ค่ะ ได้ความรู้เยอะ มากกก ขอบคุณที่สละเวลามาแชร์ความรู้กันขนาดนี้ค่ะ คุณ Valar ตอนนี้อยู่ที่ญี่ปุ่นเหรอคะ ไว้ถ้าไปอยู่ญี่ปุ่นบ้างเมื่อไหร่ จะมาขอคำแนะนำอีกนะคะ อยากไปเรียนกะแม่บ้านญี่ปุ่นบ้าง ยิ่งได้ใบประกาศด้วย ยิ่งอยากไปค่ะ คุณ annz kiku เป็นวิธีที่ดีมาก แถมถ่ายรูปมาประกอบให้ดูด้วย ขอบคุณมากค่ะ เมื่อก่อนเคยพกอย่างนี้เหมือนกัน นาน ๆ เค้าเริ่มขี้เกียจ อ้างว่าหนัก..แหะ ๆ  ต่อไปจะพกไว้งี้ตลอดเลยค่ะ อยากจะไปสอบวัดระดับกะเค้าบ้าง แต่ความรู้ยังไม่แน่ ต้องพยายามอีกค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะ ขอให้ผลบุญในการแชร์ประสบการณ์ ทำให้ทุกคนมีความจำ พัฒนาภาษาญี่ปุ่นได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ จากคุณ : kawaii raion - [ 25 ก.ย. 51 13:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ : kawaii raion ด้วยความยินดีอย่างที่สุดค่ะ รู้สึกดีทุกครั้งที่ความรู้หรือประสบการณ์ที่เรามีอยู่สามารถเป็นประโยชน์ต่อใครได้บ้าง หลาย ๆ ครั้งที่ได้อ่านกระทู้ แล้วมีผู้คนมากมายสละเวลาเข้ามาตอบกระทู้ และแต่ละอย่างก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ทึ่งในน้ำใจของคนเหล่านั้นค่ะ ก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าวันนึงถึงวันที่เอ๋สามารถทำความดีตอบแทนสังคม (โหหหหหหหห....ว่าไปน่าน) ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ตอนแรกที่เขียน กลัวจะยาวไปด้วยซ้ำค่ะ หากมีรายละเอียดตรงไหนที่ต้องการเพิ่มเติม แล้วเอ๋ตอบได้ ก็ยินดีช่วยเต็มที่นะคะ จริง ๆ เอ๋แนะนำว่าหากคุณ เรียนด้วยตัวเองมาขนาดนี้แล้ว น่าจะลองไปสอบวัดระดับดูนะคะ ไม่ยากอย่างที่คิด แถมพอเจอสนามสอบเราจะรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะมีผู้คนมากมายที่มาสอบวัดระดับกัน ทำให้เราตื่นตัว ลองดูนะคะ ปีนี้ไม่ทันแล้ว ปีหน้าอย่าลืมนะคะ เดือนหน้าเอ๋จะไปลงเรียน มินนะโนะฮงโกะ หลักสูตร เร่งรัด แล้วค่ะ เตรียมตัวไปญี่ปุ่น เรียนทุกวันเลย คิดว่าคงดีกว่าเรียนวันละสัปดาห์แบบตอนนี้ สำหรับภาษาญี่ปุ่นของคุณ เอ๋เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 25 ก.ย. 51 14:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 51 23:36:37 จากคุณ : aechan1200s - [ 25 ก.ย. 51 19:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเสริมนิดนึงครับเรื่อง mixi   แต่ก่อนนั้นเพียงแค่มี email ก็สามารถสมัครได้แล้ว แต่ว่าตอนนี้ถ้าจะสมัคร MIXI ได้นั้น จำเป็นต้องมี email มือถือของญี่ปุ่น เพื่อทำการยืนยันก่อนการใช้งานด้วยนะคับ นั่นหมายความว่า ถ้าใครอยู่เมืองไทย ... โอกาสจะสมัคร mixi ก็ยากพอสมควรครับ เว้นแต่รู้จักใครที่ญี่ปุ่นแล้วขอ mail มือถือเขา  ซึ่งก็ลำบากพอสมควรคับ จากคุณ : หล่อจริงไม่ได้โกหก - [ 25 ก.ย. 51 22:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยมีเพื่อนสมัครให้แล้ว mixi แต่ด้วยความที่ไม่รู้ภาษา เลยปล่อยทิ้งไป นี่ Password จำไม่ได้แล้ว นึกแล้วเสียดายจัง.. คุณเอ๋.. หรือท่านอื่น ๆ พอทราบวัน เวลา สถานที่ ของการสอบวัดระดับไหมคะ คืออยากจะลองสอบระดับ 4 ดูซักที อยากรู้ว่ามีเวลาเตรียมตัวพอหรือไม่ ใครทราบว่าดูได้ที่ไหน รบกวนด้วยนะคะ.. อีกเรื่องค่ะ .. อยากซื้อ Talking Dic แนะนำที่ดี ๆ ให้หน่อยได้ไหมคะ สำหรับคนเพิ่งเริ่มต้นเรียนน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : kawaii raion - [ 26 ก.ย. 51 11:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เดี๋ยวกลับมาช่วยตอบนะคะ ขอไปกินข้าวก่อน จะหาลิงค์ให้ด้วยค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 26 ก.ย. 51 11:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 kawaii raion "วัน เวลา สถานที่ ของการสอบวัดระดับ" 7 Dec 08 ที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต มีจัดสอบทั้งช่วงเช้า และช่วงบ่าย ขึ้นอยู่กับระดับที่เราลงสอบ ของผมสอบระดับสาม  สอบ 8.30 คับ ปล. หากอยากลองสอบ คงต้องรอสมัครปีหน้าล่ะครับ เพราะว่าปีนี้หมดเขตรับสมัครเรียบร้อยแล้ว อันนี้เวปหลักคับ  มีข้อสอบปีเก่าๆให้ลองทำด้วย ดีมากๆ ผมก็โหลดเอาจากเวปนี้ มาทำครับ (ฝึกทำจากข้อสอบเก่าๆ จะได้จับจุดได้) http://jlpt.biz จากคุณ : หล่อจริงไม่ได้โกหก - [ 26 ก.ย. 51 12:07:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อา...ตามที่คุณหล่อจริงไม่ได้โกหก ว่าตามนั้นเลยค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 26 ก.ย. 51 13:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเรียนที่ศูนย์เอเชียของ มธ ครับ วิธีการก็คล้ายๆกับคนที่เรียนที่ สสท เลยครับ เป้าหมายคืออยากสอบวัดระดับ 4 ให้ได้ปีหน้าครับ ที่นี่เรียนหนังสือมินนะโนะครับ มีคอร์ส B1-B4 M1 M2 M3 A1 A2 คิดว่าจบพอในระดับพื้นฐาน เผอิญว่าตอนนี้เรียนปี 2 มันแทบไม่มีวิชาพวกภาษาเรียนแล้ว ผมก็เลยอยากเรียนภาษาอื่นเพิ่มเติม เผื่อได้ใช้ตอนเรียนจบด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 51 23:07:35 จากคุณ : *omega* - [ 26 ก.ย. 51 23:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาช้าไปหรือเปล่าไม่ทราบ แหะๆ เราเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นตอนอายุ 27 นี่ก็ 3 ปีมาแล้ว เรียนแค่อาทิตย์ละ 3 ชม. ที่ สสท ค่ะ พอช่วงรอยต่อคอร์ส ก็ต้องเว้นอีก 2-3 อาทิตย์ ตอนนี้กำลังจะเริ่มเรียน เล่ม 6B ของโยโรชิคุ (ใจจริง เสียดาย อยากเรียนมินนะมากกว่า) ที่เรียนเพราะอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก แต่ไม่อยากไปกับทัวร์ เพราะจะไม่ได้สัมผัสวิถีชีวิต และคนท้องที่จริงๆ ก่อนเปิดคอร์สแรก ก็ซื้อหนังสือ คัดอักษร ฮิราคานะ คาตะคานะ มาหัดคัดเอง เล่มบางๆ ไม่กี่บาทหรอกค่ะ หัดคัด หัดท่อง จนเปิดคอร์สก็สบายแล้ว มีเวลาเหลือมาท่องศัพท์แทน ปีที่แล้ว กล้าหาญชาญชัย สอบวัดระดับ 3 แล้วค่ะ แบบลุ้นๆ แต่มีเพื่อนคอร์สเดียวกัน ที่เค้าเคยลงภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาโท ตอน ป.ตรี แล้วมาเรียนทบทวน ชวน ตอนอ่านเพื่อสอบ ก็อ่านเอง หาข้อสอบมาตะลุยทำ เพื่อนลงคอร์สติว แต่เราขี้เกียจไปเรียน ก็เอาหนังสือมาถ่ายเอกสารอ่าน สรุป เราผ่านทั้งคู่ แต่เราได้แค่ 249 ผ่าน 9 คะแนน (โชคช่วยแน่ๆ) เพื่อนเค้าเก่งกว่า ได้ 298 มั้งคะ ปีนี้จะสมัคร ระดับ 2 ไว้เฉยเลย ไม่ผ่านแน่ๆค่ะ แต่มันทำให้เราได้อ่าน ได้สนใจในสิ่งที่นอกจากคอร์สเรียน ตอนนี้หนังสือเต็มห้องเลย อ่านบ้าง ขี้เกียจบ้าง แต่ก็สนุกดีค่ะ อ้อ เราไปญี่ปุ่นมาแล้ว เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา ด้วยตัวคนเดียว คุณตา คุณยาย ที่นั่น น่ารัก ใจดีมากๆเลย (ไม่ค่อยกล้าพูดกับคนอื่น อาศัยคนแก่เป็นหลัก ^_^" ) จนเราเสียดายเลยค่ะ ที่พูดไม่เก่ง เค้าคุยมายาวๆ เราก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่มีอะไร อยากให้สู้ๆ ตัวเองก็จะพยายามเหมือนกันค่ะ จากคุณ : salamanka - [ 27 ก.ย. 51 11:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ว๊า แบบนี้คงสมัครยากแฮะ - -* ยังไงก็ พยายามเข้านะคะ สักวันคงเก่งแน่ จากคุณ : pikzy - [ 27 ก.ย. 51 20:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าไปดูตัวอย่างข้อสอบระดับสี่แล้ว ขอบอกว่า.. อึ้งค่ะ .. ภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมา เห็นข้อสอบแล้วงงเป็นไก่ตาแตกเลย... คงต้องพยายามอีกเยอะเลยค่ะ ทุกท่านในที่นี้ มีใครใช้ Nintendo DS เป็นตัวช่วยในการเรียนบ้างไหมคะ? ส่วนตัวแล้ว เราใช้เป็นเกมง่าย ๆ ที่มีแค่ Hiragana / Katakana เป็นเกม อันปังแมน น่ะค่ะ (จำชื่อเต็ม ๆ ไม่ได้) มีใครพอแนะนำเกมเพื่อการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้บ้างคะ.. ส่วนใหญ่เห็นมีแต่คันจิ อันนั้นค่อนข้างยากไปสำหรับเรา ขอแค่ ฮิรากานะ กะ คาตากะนะ ไปก่อนก็แล้วกัน.. ^^" ถามไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ.. ขอบคุณค่ะ.. จากคุณ : kawaii raion - [ 29 ก.ย. 51 16:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เกมที่เป็นฮิรางานะ คงต้องหาโหลดเกมแฟมิคอมfamicom , PC engine,Megadrive เก่าๆมาเล่นน่ะครับ เครื่องเกมสมัยก่อน มีข้อจำกัด ความจุน้อย ทำให้ใส่ตัวหนังสือคันจิลงไปไม่ได้ เกมส่วนใหญ่เลยมีแต่ฮิรางานะ กับคาตาคานะ จากคุณ : bodin - [ 30 ก.ย. 51 20:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เอ่อ...คุณ จขกท ยังเข้ามาอยู่มั้ยคะ เอามาแชร์เพิ่มค่ะ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ไปสอบภาษาญี่ปุ่นที่ สสท มาค่ะ เดิมเรียนอยู่วันอาทิตย์ค่ะ แต่ต้องการย้ายไปเรียนหลักสูตรเร่งรัด ในวันธรรมดา ทางโรงเรียนเค้าต้องให้เราสอบก่อน ว่ามีความรู้พอที่จะเข้าไปเรียนพร้อมกับเพื่อน ๆ ได้ สอบข้อเขียน (ไวยากรณ์เบื้องต้นง่าย ๆ , คำศัพท์ทั้งฮิระงะนะ+คันจิ และการฟัง) สอบสัมภาษณ์กับอาจารย์ญี่ปุ่น (ประมาณสิบคำถาม ส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับตัวเรา เช่น ชื่ออะไร, อายุเท่าไหร่, เกิดเมื่อไหร่, มีพี่น้องกี่คน, ตอนนี้อยากได้อะไรที่สุด, วันเกิดได้อะไรเป็นของขวัญ, วันหยุดทำอะไร ฯลฯ ) ผลสอบรู้วันจันทร์หน้าค่ะ (ผ่านที่หกสิบเปอร์เซ็นต์) ลุ้นมากๆๆๆ ทีนี้จากการที่เอ๋ต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบนั้น ได้พบข้อแตกต่างของหนังสือค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ จขกท เพราะว่าเรียนเองอยู่กับบ้านใช่มั้ยคะ ก่อนอื่นขอ อัพเดท ข้อมูลใหม่ให้ถูกต้องก่อนนะคะ ตาม คห. 7 ที่เอ๋เคยโพสไว้ก่อนหน้านี้นั้น >>ที่ สสท เค้าจะแยกคอร์ส ระดับต้นออกเป็น 2 คอร์สค่ะ คือ >> - มินนะโนะฮงโกะ โดย หนังสือแบบเรียนทั้งหมดจะเป็นภาษาญี่ปุ่น >> - นิฮงโกะ โยโรชิคุ โดย หนังสือแบบเรียนจะอธิบาย ไวยากรณ์เป็นภาษาไทยด้วย และมีบทสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ ไปซื้อหนังสือ มินนะ มาแล้วค่ะ เพราะต้องใช้อ่านสอบ มีภาษาไทยด้วยค่ะ แปลกใจมาก เพราะที่ครั้งแรกไม่เรียน มินนะ เพราะเค้าบอกมีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วนเป็นต้นฉบับมาจากญี่ปุ่น เลยถามเจ้าหน้าที่ของ สสท เค้าบอกว่า มีการพิมพ์ใหม่ และปรับปรุงให้เข้ากับการเรียนได้ง่ายขึ้น และจัดทำเป็นซีดีด้วยค่ะ (เมื่อก่อนเป็นเทป) ทีนี้จากประสบการณ์เรียน โยโรชิกุ 5 เล่ม กับ อ่านหนังสือ มินนะ แล้วนั้น พบว่า ทั้งสองแบบมี โครงสร้างของ แต่ละบท เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกัน ตามนี้ คือ (ขออนุญาตบอกเฉพาะในข้อแตกต่างนะคะ เพื่อว่าคุณ จขกท จะใช้เปรียบเทียบ หากต้องการหาหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมค่ะ แต่ถ้าต้องการให้ลงรายละเอียดตรงไหนเพิ่มเติม บอกได้นะคะ) 1. บทสนทนา (ไควะ) - มินนะ  ในบทสนทนาที่เป็นตัวอักษรคันจิ จะมีตัวโยมิกานะ (ตัวอักษรฮิรางะนะเล็ก ๆ ที่อยู่บนคันจิ) กำกับไว้ทุกตัว ว่าอ่านอย่างไร - โยโรชิกุ ในบทสนทนาที่เป็นตัวอักษรคันจิ จะมีตัวโยมิกานะให้เฉพาะตัวคันจิที่เป็น ตัวที่อักษรใหม่ในบทนั้น ๆ เท่านั้น ถ้าเป็นตัวอักษรคันจิที่เรียนไปในบทก่อนหน้านี้ จะไม่มีตัวโยมิกานะให้ ถ้าเราจำไม่ได้ ก็จะอ่านไม่ออกไปเลย (ออกอาการใบ้ รับประทานบ่อยๆ ต้องคอยฟังเสียงเพื่อนเอา) 2. คำศัพท์ใหม่ในแต่ละบท - มินนะ จะมี ฮิรางะนะ คันจิ และคำแปลภาษาไทย - โยโรชิกุ จะมี ฮิรางะนะ และคำแปลภาษาไทย (ไม่มีคันจิให้ค่ะ) โดยหลักการแล้วบางครั้งพอออกเสียงเป็นฮิรางะนะ จะเป็นเสียงเดียวกัน แต่พอเป็นคันจิ จะเป็นคนละตัว บางครั้งถ้ามีคันจิด้วย เราจะสามารถแปลความหมายของประโยคได้อย่างถูกต้องค่ะ 3. คันจิใหม่ในแต่ละบท - มินนะ คันจิใหม่ในแต่ละบท ก็ตามคำศัพท์ใหม่ในแต่ละบทที่เพิ่มขึ้นเลยค่ะ ไม่มีบอกว่ามีวิธีการเขียนอย่างไร แล้วก็เป็นศัพท์ที่ค่อนข้างยาก และมีจำนวนขีดเยอะ แต่จากการที่ได้สอบถามเพื่อน ๆ ที่เค้าเรียนในห้อง วันที่เอ๋ไปสอบนั้น บอกว่าอาจารย์จะเป็นผู้สอนให้ค่ะ ว่าวิธีการเขียนนั้น เขียนอย่างไร - โยโรชิกุ คันจิใหมในแต่ละบท จะมีประมาณบทละ 5-10 ตัวอักษร มีวิธีการเริ่มเขียนให้อย่างละเอียด และจะเรียงจากคันจิที่ง่าย ไปหาคันจิที่ยาก 4. คำอธิบายไวยากรณ์ท้ายบท อันนี้โดยรวมแล้วที่เอ๋อ่าน มีหลักการอธิบายเหมือนกันค่ะ อ้อ เสริมนิดนึงค่ะ เอ๋เรียน โยโรชิกุ 2 เล่ม ได้เท่ากับไวยากรณ์ของมินนะหนึ่งเล่มค่ะ 5. แบบฝึกหัดท้ายบท - มินนะ  มีแบบฝึกหัดให้หัดฟังจากซีดี - โยโรชิกุ ไม่มีแบบฝึกหัดให้หัดฟังจากซีดีค่ะ นอกนั้น หลักการท้ายบทคล้ายกันค่ะ คือให้ฝึก ไวยากรณ์ ที่ได้เรียนไป แต่โดยส่วนตัวแล้ว ตอนเอ๋ทำของ มินนะ ดูสนุกดี 6. สำนวนท้ายบท  มีเหมือนกันทั้งสองเล่มค่ะ 7. ความรู้ หรือ ข้อมูลเสริมท้ายบท   ของมินนะจะเยอะกว่าค่ะ เช่น พวกความรู้ทั่ว ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ , วันหยุดของญี่ปุ่น, เทศกาล ประเพณี ทำนองนี้ค่ะ ถ้าสอบผ่านแล้วได้เรียนคอร์สมินนะจริง ๆ เมื่อไหร่ จะเอามาฝากอีกนะคะ (แก้ไขคำผิดค่ะ) (ขอเพิ่มเติมค่ะ ยังพิมพ์ไม่จบ กดโพสไปก่อน) แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 01:37:00 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 01:32:40 จากคุณ : aechan1200s - [ 3 ต.ค. 51 01:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วก็ขอเสริมอีกนิดเป็นกำลังใจให้คุณ จขกท นะคะ สำหรับการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หากมีโอกาสปีหน้า เอ๋แนะนำ ลองไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นดูนะคะ เริ่มจากระดับง่าย ๆ ก่อนที่ระดับ 4 ก็ได้นะคะ เพื่อจะได้วัดความรู้เราได้ว่าหลังจากที่เรียนไปแล้ว เรามีความสามารถใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ระดับไหนแล้ว ข้อสอบจริงๆ ในสนามสอบ ไม่ยาก นะคะ และมีหลายคนที่ไปสอบเป็นผู้ที่เรียนด้วยตัวเอง และสามารถสอบผ่านนะคะ ปีที่แล้วตอนที่เอ๋ไปสอบ ได้รับแรงสนับสนุนจากเพื่อน ๆ ช่วยกันค่ะ ตอนแรกเอาแนวข้อสอบเก่า ๆ มาหัดทำดู โหหหห....ยากจัง ฉันทำไม่ได้เลย แล้วก็รู้สึกไม่พร้อมด้วย เหมือนอ่านหนังสือไม่จบ ทีนี้เพื่อนก็ช่วยให้กำลังใจ บอกว่าไปสอบเถอะ ทำไปเท่าที่อ่านมานั่นแหละ ได้ก็ได้ ไม่ได้ปีหน้ามาสอบด้วยกันใหม่ ถ้ามาสอบ อาจจะผ่าน หรือ ไม่ผ่าน (ถ้าหวังว่าไม่ผ่านอยู่แล้วก็ไม่น่าจะเสียใจมาก ) แต่ถ้าไม่มาสอบ ไม่เหลือโอกาส อะไรเลย แล้วเค้าเอาเปอร์เซ็นต์ผ่านแค่หกสิบเท่านั้น ไม่ได้เอาถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เอ๋ก็เลยตัดสินใจไปสอบ ขอบคุณเพื่อน ๆ (ผ่านด้วยกันทั้งหมด) ถ้าคุณ จขกท เกิดแรงบันดาลใจอยากจะสอบในปีหน้านะคะ จากที่เรียนมาด้วยตัวเองปีกว่าแล้วนั้น เอ๋ว่าก็คงมีพื้นฐานอยู่พอสมควร งั้นแนะนำอันนี้นะคะ ที่ สสท มีหนังสือรวบรวมตัวอย่างข้อสอบเก่า แล้วก็สรุปหลักการสั้น ๆ ของไวยากรณ์แต่ละส่วน ไว้ให้เราท่องจำได้ แยกเป็นแต่ละละดับค่ะ และทุก ๆ ปีจะเปิดรับสมัครประมาณเดือน สิงหาคม สมัครได้ที่ สมาคมศิษย์เก่าไทย - ญี่ปุ่น เท่านั้น (ปัจจุบันอยู่ที่ พหลโยธินเพลส สถานี บีทีเอส อารีย์) และจะมีการสอบในต้นเดือน ธันวาคม ของทุกปีค่ะ รายละเอียดติดตามได้ที่เวปของ สมาคมศิษย์เก่าไทย - ญี่ปุ่น นะคะ ขอลาไปนอนก่อนล่ะค่ะ ฝันดีค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 3 ต.ค. 51 01:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณเอ๋  ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ โอ้ว แม่เจ้า... คุณเอ๋ เป็นคนดีจังค่ะ.. ขอบคุณมาก ๆ นะคะ โมเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ ค่ะ แอบหวังเล็ก ๆ  ว่าจะมีคนมาตอบเพิ่มหรือเปล่าน้อ.. แวะเวียนมาทุกวี่วัน... แล้วคุณเอ๋ก็เอาสาระความรู้ดี ๆ มาเเบ่งปันเสมอ.. ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ขอให้สอบผ่านนะคะ .. มีน้ำใจ และ ขยันแบบนี้ รับรองผ่านแน่ค่ะ.. ^^ จากคุณ : kawaii raion - [ 3 ต.ค. 51 13:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ด้วยความยินดีค่ะ ตอนนี้คุณโม เรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นยังไงบ้างคะ หลังจากที่เอ๋ได้เรียนคอร์ส มินนะ จริง ๆ แล้วถ้ามีเวลาอยากเอามาฝากอีกนะคะ เวลาเรียนแล้วมีเพื่อนคุยด้วยจะสนุกมากเลยค่ะ สู้ ๆ นะคะ จากคุณ : aechan1200s - [ 3 ต.ค. 51 19:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณโมมมมมมมมมมมม............ เอ๋สอบผ่านแล้วน๊า (ดีใจจนน้ำตาไหล) ลงทะเบียนเรียนเรียบร้อยแล้ว เริ่มเรียน 15 ต.ค. นี้ค้า วันที่ 11 - 23 ต.ค. มีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เอ๋จะไปขนซื้อหนังสือหอบไปญี่ปุ่น (อาจารย์แนะนำมาหลายเล่มเลย) ในงานหนังสือเค้าลด 15 % สนใจไปด้วยกันมั้ยคะ จากคุณ : aechan1200s - [ 6 ต.ค. 51 09:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ว้าวววว..... ดีใจด้วยค่ะ คุณเอ๋.... กะเเล้วเชียว ว่าเก่งอย่างนี้ต้องสอบผ่านแน่นอน ดีใจด้วยจริง ๆ ค่ะ สัปดาห์หนังสือเเห่งชาติโมว่าจะหาเวลาไปซักวันเหมือนกัน แต่ยังไม่รู้จะว่างวันไหนเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสได้ไปด้วยกันก็ดีสินะ... ดีใจด้วยอีกครั้งค่ะ.. จากคุณ : kawaii raion - [ 6 ต.ค. 51 12:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Valar ครับ ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรียนกับอาสาสมัครได้ที่ไหนครับ มีwebsite ไหมครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่โตเกียวอะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : golfer007 - [ 6 ต.ค. 51 14:04:18 A:133.9.111.29 X: TicketID:189443 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณค่ะ แต่..แหม ชมกันซึ่ง ๆ หน้า เขินค่ะ (วันหลัง หลังไมค์มาชมก็ได้นะ ) กร๊ากกกกก ถ้าคุณโมตั้งใจจะไปงานหนังสืออยู่แล้ว และถ้ามีโครงการจะซื้อหนังสือภาษาญี่ปุ่นด้วยล่ะก็ หาโอกาสไปด้วยกันดีมั้ย ตั้งใจไว้ว่าจะไปเมื่อไหร่คะ หลังไมค์รายละเอียดกันดีกว่าค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 6 ต.ค. 51 21:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พอดีเจอกระทู้นี้ เข้ามาอ่านแล้วค่อยมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาหน่อย:) จากคุณ : blueraccoon - [ 9 ต.ค. 51 13:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พยายามเข้าจ้า ปีนี้เราก็จะไปสอบระดับ 4 เราเรียนเองมาตลอดเลย เรางกหน่ะไม่อยากไปเรียนกับสถาบัน 555 เราวางแผนไว้ว่าจะสอบให้ผ่านระดับ2ก่อนเรียนจบหน่ะค่ะ แต่ได้ข่าวแว่วมาว่า ตั้งแต่ปีหน้าเค้าจะเปลี่ยนเป็น 5 ระดับแล้วใช่มั๊ย เห็นมีคนรู้จักที่ ญป เค้าบอกว่าอาจจะไม่มีสอบระดับ 1,2ที่ไทยแล้ว เพราะคนสอบน้อยมากๆ ต่อไปใครจะสอบก็ต้องถ่อไปสอบกันถึง ประเทศที่เค้าจัดไว้หน่ะค่ะ อันนี้ไม่รู้จิงป่าว T w T ยังไงก็สู้ๆนะคะ จากคุณ : เซียนซากุระ - [ 9 ต.ค. 51 23:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณเอ๋ เดี๋ยวโมรู้ว่าจะไปวันไหนแน่จะหลังไมค์ไปนะคะ.... แล้ว... ปีหน้าจะเปลี่ยนเป็น 5 ระดับแล้วจริงเหรอคะ งั้นอย่างนี้ก็ต้องรีบสอบดีกว่าใช่ไหมคะ จะได้ไม่ต้องสอบหลายครั้ง แม่เจ้า.... -*- สู้ ๆ นะทุกค๊นนนน.... จากคุณ : kawaii raion - [ 10 ต.ค. 51 14:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบวัดระดับนิดนึงนะคะ เผื่อปีหน้ามีคนสนใจจะได้ใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นได้ค่ะ การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นประจำปี 2551 ตามนี้นะคะ http://www.jeducation.com/THAI/FRAME/frame.html รายละเอียดของการสอบและเกณฑ์การสอบวัดผลของแต่ละระดับ http://www.jeducation.com/THAI/FRAME/frame.html พอเข้าหน้าหลักแล้วคลิกที่ > กำหนดการวัดระดับภาษาญี่ปุ่น > อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น > จะเห็นหัวข้อ "การสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น" การเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการสอบวัดระดับภาษา ตามนี้นะคะ http://www.jfbkk.or.th/jl/announce0134th.html แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 51 17:40:48 จากคุณ : aechan1200s - [ 10 ต.ค. 51 17:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ : golfer007 ขออนุญาตช่วยตอบแทนคุณ Valar นะคะ เท่าที่เอ๋ทราบมา หากต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่นกับอาสาสมัคร สามารถไปติดต่อได้ที่อำเภอที่เราอาศัยอยู่ค่ะ ต้องเช็คก่อนว่าอำเภอที่เราอยู่นั้นมีอาสาสมัครเปิดสอนภาษาญี่ปุ่นมั้ย อย่างกรณีของเอ๋ อยู่เขตอะคิชิมะ แฟนไปเช็คให้แล้วอำเภอนี้ ไม่มีอาสาสมัครสอนภาษาญี่ปุ่นให้ แต่เห็นแฟนบอกว่า ไปเรียนที่อำเภออื่นก็ได้ อันนี้เอ๋ไม่ทราบในทางปฏิบัตินะคะว่าสามารถเรียนข้ามเขตได้มั้ย เพราะว่าแฟนเสียภาษีกับเขตที่อยู่ เรียนฟรีแน่นอนอยู่แล้วค่ะ หวังว่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้ได้นะคะ โชคดีค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 10 ต.ค. 51 17:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เอาใหม่นะคะ ลิงค์เมื่อกี้มันไปขึ้นที่หน้าหลักน่ะค่ะ ไม่ขึ้นให้ที่หน้าย่อย อีกทีนะคะ     http://www.jeducation.com/THAI/FRAME/frame.html     กำหนดเวลาการขายใบสมัครและการยื่นใบสมัคร   กรุงเทพฯ (แห่งที่1) สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สาขาสีลม) BTS ศาลาแดง 1/7 ชั้น 2 อาคารสีบุญเรือง 2 ถนนคอนแวนต์ สีลม บางรัก กทม. 10500 โทร. 02-234-6951 จำหน่ายใบสมัครเท่านั้น วันที่ 1-31 สิงหาคม 2551 (หยุดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551)   วันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 9.00 - 20.00 น. วันเสาร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.       กรุงเทพฯ (แห่งที่ 2) สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สาขาพหลโยธิน) BTS อารีย์ 408 อาคารพหลโยธินเพลส ชั้นที่ 16 ห้องเลขที่ 408/65 ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร 02-357-1241-5 จำหน่ายและยื่นใบสมัคร วันที่ 1-31 สิงหาคม 2551 (หยุดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551) วันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 9.00 - 19.00 น. วันเสาร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.       หลักฐานในการยื่นใบสมัคร  1.ใบสมัครที่กรอกสมบูรณ์ 2. ติดรูปถ่ายที่สองแผ่นหลัง 3. สำเนาบัตรประชาชนที่เห็นรูปชัดเจน     ค่าสมัครสอบ    ระดับ 1 และ ระดับ 2 = 600 บาท ระดับ 3 และ ระดับ 4 = 400 บาท     วันสอบ วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2551     หมายเหตุ สมัครสอบที่จังหวัดใดจะต้องสอบที่ ๆ สมัครไว้เท่านั้น สมัครสอบได้เพียงระดับเดียวเท่านั้น หากทางโรงเรียนของท่านมีนักเรียนพิการทางสายตามาสมัครสอบกรุณาแจ้งให้ทราบด้วย * กรณีทำบัตรสอบหายให้ติดต่อในวันสอบ ก่อนเวลาสอบ 1 ชั่วโมง 1. เสียค่าปรับในการออกบัตรแทน 100 บาท 2. ให้นำบัตรประชาชนมายื่นประกอบในการออกบัตรแทน 3. กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้นำบัตรนักเรียนหรือใบรับรองจากโรงเรียนที่มีรูปถ่ายติดไว้มาด้วย         รับสมัคร  วันที่ 8 สิงหาคม - 5 กันยายน 2551 (หยุดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551)   วันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 10.00 - 19.00 น. วันเสาร์ เวลา 9.00 - 16.00 น.   สถานที่ : สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สำนักงานภาคเหนือ) 3/3 ถ.สามล้าน ต. พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 52000 โทร. (053) 814-344 , 814-550             รับสมัคร  วันที่ 8 สิงหาคม - 5 กันยายน 2551 (หยุดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551)   วันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 10.00 - 17.00 น. สถานที่ : มหาวิทยาลัยทักษิณ 140 หมู่ 4 ต. เขารูปช้าง อ.เมือง จ. สงขลา 90000 โทร. ( 074 ) 311-885- 7 ต่อ 1310         รับสมัคร  วันที่ 8 สิงหาคม - 5 กันยายน 2551 (หยุดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2551)   วันจันทร์ - วันศุกร์  เวลา 10.00 - 17.00 น. สถานที่ : สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชั้น 4 อาคารศูนย์วิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40002 โทร. ( 043) 204-141 จากคุณ : aechan1200s - [ 10 ต.ค. 51 17:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากนะครับคุณเอ๋ (aechan1200s) จากคุณ : golfer007 - [ 10 ต.ค. 51 18:10:25 A:219.184.145.122 X: TicketID:189443 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณโม ยังอยู่มั้ยคะ ไปซื้อหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่งานหนังสือมาบ้าง หรือยังคะ เอ๋ยังไม่ได้ไปเลยค่ะ งานยุ่งมาก พรุ่งนี้เอ๋จะไปนอน รพ. ผ่าตัดทอนซิลอักเสบค่ะ ถ้ากลับบ้านเมื่อไหร่ แล้วแข็งแรงดีแล้ว จะเอาเทคนิค มาฝาก (จะว่าเทคนิคก็ไม่ใช่ซะทีเดียวค่ะ) เอาเป็นว่ามันเป็นข้อผิดผลาดจากการเรียนในอดีต ที่เอ๋ค้นพบว่า เพราะอะไรเอ๋ถึงเรียนแล้วไม่สามารถ จำในส่วนสำคัญได้ดีกว่าค่ะ รอหลายวันหน่อยนะคะ ปล. ช่วยบอกเอ๋เพิ่มนิดนึงนะคะ ว่าคุณโม เรียนด้วยตัวเองไปถึงขั้นไหนแล้ว เพราะเอ๋จะได้อธิบายแบบง่าย ๆ ให้ตรงกับที่คุณโมได้เรียนไปแล้วด้วย จากคุณ : aechan1200s - [ 13 ต.ค. 51 23:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณเอ๋... จะบอกว่าเป็นทอนซิลอักเสบเหมือนกันเลยค่ะ แต่โมไม่ถึงขนาดต้องผ่าตัด.. ก็เลยยังไม่ได้ไปงานหนังสือเหมือนกันเลย สำหรับเรื่องการเรียน ไม่รู้จะบอกยังไง มันมั่วมาก เรียนหลายเล่ม แต่ละเล่มไม่จบอีกต่างหาก มีเล่มใหม่ก็เปลี่ยนไปอ่าน 55+ นั่นคือที่มาของกระทู้นี้ค่ะ ตอนนี้จำคาตากานะอยู่ค่ะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายเลยหยุด ๆ ไป ใช้เวลานอนซะเยอะเลย.. ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ เป็นห่วงค่ะ... ^^ จากคุณ : kawaii raion - [ วันออกพรรษา 16:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณโม เอ๋กลับมาบ้านแล้ว ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง คุณโมก็หายเร็ว ๆ เช่นกันนะ เรื่องภาษาญี่ปุ่น คุณโมลองทำตามคำแนะนำ ตาม คห. ข้างบนดูนะคะ พยายามเข้านะคะ ดูที่จุดมุ่งหมายของเราค่ะ ว่าเราทำไปเพื่ออะไร แล้วเราก็จะมีแรงใจเองค่ะ ส่วนที่สัญญาไว้ ถ้าแข็งแรงแล้วจะกลับมาเขียนให้นะคะ ตอนนี้ยังไม่ไหวค่ะ ผ่าตัดมาแล้ว เจ็บคอมาก พูดไม่ได้เลย ถ้าพยายามจะพูดจะเจ็บมาก ตอนนี้กินได้แต่น้ำข้าว กับน้ำซุป อ้อ แล้วก็ไอติมเย็น ๆ กับน้ำแข็งค่ะ จะช่วยให้แผลปิดเร็ว วันนี้เอ๋ได้วีซ่าหนึ่งปีแล้ว ดีใจมาก เฮ้อ หมดเรื่องกันซะที กว่าจะทำเรื่องเสร็จทั้งหมดใช้เวลากันเกือบสี่เดือนเลยทีเดียว รักษาสุขภาพนะคะ หายเร็ว ๆ เป็นห่วงเช่นกันค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 17 ต.ค. 51 21:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณโม ทอนซินอักเสบหายหรือยังคะ ของเอ๋แผลหลังผ่าตัดยังไม่หายเลยค่ะ ยังเจ็บอยู่ แต่ดีขึ้นกว่าวันแรก ๆ มากแล้ว แล้วคุณโม จะเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่คะ ขอวีซ่าเรียร้อยหรือยังคะ วันนี้เอ๋เอาที่เคยสัญญาไว้มาฝากค่ะ ปัญหาที่เกิดหลังจากที่เอ๋เรียนในแต่ละส่วนนะคะ 1. อักษรฮิรางานะ คุณโม บอกว่าจำได้แล้วใช่มั้ยคะ แต่การจำนี้จำในลักษณะไหนลองมาดูกันค่ะ ไหน ๆ ก็จำแล้วก็จำกันอย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าค่ะ อักษรฮิระงานะนั้นมีทั้งหมดด้วยกัน 5 แถว(แนวตั้ง) คือ   a   i   u   e   o - ทุกวันนี้เอ๋ไม่มีปัญหาเรื่องการเขียนหรือการอ่านอักษรฮิรางานะ - แต่ปัญหาคือ ตัวอักษรในแต่ละแถว(แนวนอน) ของมันค่ะเอ๋จำไม่ได้ในทันทีต้องมานั่งนึกค่ะว่าในแต่ละแถวมีอะไรบ้าง - ทีนี้พอเอ๋เรียนมาถึงการผันรูปกริยา ตัวอักษรในแต่ละแถวจะสำคัญมากเลยค่ะ และการผันกริยาให้เป็นแต่ละรูปถือเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนขั้นต้น เพราะว่าเป็นโครงสร้างของรูปประโยคค่ะ - โดยกริยาจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แบ่งยังไงนี้ขอยังไม่กล่าวถึง เพราะเอ๋กลัวว่าละลงลึกเกินไป แต่ถ้าคนโมอยากรู้ตรงนี้ก่อน ก็ถามได้นะคะ - และในแต่ละแถว (แนวตั้ง)ของ   a   i   u   e   o  ก็จะมีการผันรูปของกริยาเพื่อใช้ในรูปประโยคต่างกันดังนี้ แถว   a   จะใช้ผันกริยาเป็นรูป nai หรือรูปปฏิเสธ แถว   i    เป็นรูป masu Form หรือรูปธรรมดา แถว   u   จะใช้ผันกริยาเป็นรูป  Dict. Form หรือรูปพจนานุกรม ซึ่งเวลาเปิดพจนานุกรมเราต้องเปิดในรูปนี้ด้วยค่ะ แถว   e   จะใช้ผันกริยาเป็นรูปสามารถ แถว   o   จะใช้ผันกริยาเป็นรูปความตั้งใจ ทีนี้เวลาเอ๋เจอคำกริยาใช่มั้ยคะเอ๋ก็จะลืมว่ามันแถวไหน เช่น แถวของ na ต่อไปก็จะเป็น  ni  nu  ne  no  ใช่มั้ยคะ เอ๋ต้องมานั่งนึก มันทำให้เอ๋ผันรูปกริยาได้ช้า และสร้างประโยคช้าตามไปได้วย (ไม่ค่อยจะทันเพื่อนเท่าไหร่ ซึ่งเค้าจะทำการบ้านกันมาดีค่ะ) ทุกวันนี้เอ๋เลยต้องมานั่งจำแถวของตัวอักษรกันใหม่อีก (เศร้าเลย) วันนี้เท่านี้ก่อนนะคะ พิมพ์มาก ๆ แล้วเอ๋เจ็บแผลจัง (นอนพิมพ์ค่ะ) จากคุณ : aechan1200s - [ 20 ต.ค. 51 22:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณเอ๋ กลับมาแล้วเหรอ ดีจัง ขอบคุณสำหรับความรู้เพิ่มเติมนะคะ ตอนนี้โมเรียนแบบไม่มีหลัก เพราะฉนั้น เรือง แถว   a   จะใช้ผันกริยาเป็นรูป nai หรือรูปปฏิเสธ แถว   i    เป็นรูป masu Form หรือรูปธรรมดา แถว   u   จะใช้ผันกริยาเป็นรูป  Dict. Form หรือรูปพจนานุกรม ซึ่งเวลาเปิดพจนานุกรมเราต้องเปิดในรูปนี้ด้วยค่ะ แถว   e   จะใช้ผันกริยาเป็นรูปสามารถ แถว   o   จะใช้ผันกริยาเป็นรูปความตั้งใจ เป็นความรู้ใหม่สำหรับโมเลยค่ะ ตอนนี้กระทู้นี้ คล้าย ๆ จะเป็นของเราสองคนไปแล้ว จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าจะหลังไมค์มาบอกเมล์ จะได้แอด MSN คุยกันได้ด้วยอ่ะค่ะ... คุณเอ๋ เล่นเอ็มบ่อยไหมคะ.. สำหรับเรื่องการไปญี่ปุ่น ยังไม่รู้เลยว่าจะไปช่วงไหน อาจจะไปเที่ยวปีใหม่ และไปอยู่เดือน 4 ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่สรุปค่ะ.. ดีใจด้วยสำหรับวีซ่าที่ผ่านแล้ว อย่างนี้โมต้องรีบขอเมล์เลย จะได้คุยกันง่ายขึ้นเนอะ.. ขอบคุณและขอบคุณค่ะ จากคุณ : kawaii raion - [ 21 ต.ค. 51 18:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กลับมาแล้วจ้า เออ..แหะ หลัง ๆ เราคุยกันแค่สองคนเองเนอะ ไหน ๆ กระทู้นี้คุณโม ก็ตั้งมาเพื่อการเรียนภาษาญี่ปุ่น หากมีอะไรเอ๋ก็อยากเอามาโพสไว้ที่นี่ เพื่อว่าใครที่ ผ่านเข้ามาอ่าน แล้วเค้ากำลังต้องการความรู้อยู่พอดี ก็อาจจะได้อะไรกลับไปบ้างไม่มากก็น้อยค่ะ ส่วนหลังไมค์คุณโม ส่งเมลมาทิ้งไว้ให้เอ๋ได้เลยค่ะ วันนี้เอ๋ลากสังขาร(ที่ย่ำแย่) ไปเรียนมาค่ะ รู้บ้างไม่รู้บ้าง แล้วก็ไปเหมาหนังสือภาษาญี่ปุ่นมาอีกสิบกว่าเล่มค้า ซื้อจนไม่มีปัญญาขนกลับบ้าน ต้องส่งกลับมาทางไปรษณีย์น่ะค่ะ แต่อันนี้แฟนเป็นสปอนเซอร์ทั้งหมดค้า (เลยซื้อไม่อั้น ฮุฮุ) จากคุณ : aechan1200s - [ 21 ต.ค. 51 20:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณโม ไม่เข้ามาแล้วเรอคะ เอ๋หายดีแล้วน้า (ดีใจมาก พูดได้แล้ว) ช่วงนี้เอ๋เรียนหนักมาก การบ้านเยอะ แต่สนุกมากมาย แล้วก็ต้องเตรียมงานแต่งงานด้วย คงไม่มีเวลาเข้ามาเขียนอะไรอีก ช่วงนี้ก็เลยไม่ค่อยได้ตอบกระทู้ (แต่มีเวลาให้กิฟเค้าไปทั่ว) อิอิ จริง ๆ อยากชวนคุณโม มาเรียนที่โรงเรียน มันสนุกดีนะ ได้คุยกับเพื่อน ได้คุยกับครู แล้วเอ๋ก็ได้ฝึกพูดทุกวัน ตอนนี้ใช้ภาษาได้ดีขึ้น (นิดนึง) แล้ว คุณโม สู้ๆๆ นะคะ จากคุณ : aechan1200s - [ 29 ต.ค. 51 22:09:40 ]