ความคิดเห็นที่ 1 ผมจะมาเล่าถึงการมาเรียนต่อที่เยอรมันนีครับ  ทำไมผมถึงบอกว่ามันเป็นทางเลือกที่นี่สนใจ ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลหลักๆ ดังนี้ 1. กว่า 90% ของ course เรียนที่นี่ เสียค่าเรียนประมาณ 600 Euro ต่อเทอมเท่านั้น เทียบกับเมืองไทย เผลอๆ ถูกกว่าเรียน course inter ของที่ไทยเสียอีกครับ ยิ่งถ้าเทียบกับ ที่ อเมริกา นี่คนละเรื่องเลยครับ ส่วนอีก 5 % จะเป็น พวก MBA ที่เสียค่าเรียนแพงหูฉี่ (บางที่ก็แค่ 500 eu แต่น้อยมาก) และอีก 5% คงเป็นที่ที่ยังฟรีอยู่ (ไม่รู้ยังเหลือหรือเปล่า)     หมายเหตุ ตัวเลขพวกนี้ ผมประมาณเอาเองจากความรู้สึกนะครับ แหะๆ ขอโทษที่ไม่มีข้อมูลแม่นเป้ะๆ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. งานพิเศษ ไม่ได้หายากเหมือนที่อเมริกา ไม่ต้องทำแบบผิดกฏหมาย ถ้าเราได้ visa นักเรียนมาแล้ว เราจะทำงานได้ อย่างถูกกฎหมาย สามเดือนเต็มๆ ครับ อาจดูน้อย แต่ว่า นี่คือเฉพาะ การทำงานนอกมหาวิทยาลัย เช่นในบริษัทหรือตามร้านอาหาร ส่วนในมหาวิทยาลัย  เราสามารถทำงานที่เรียกว่า HIWI (Hilfswissenschaftler หรือ ผู้ช่วยทางวิทยาศาสตร์)  ในมหาวิทยาลัยได้ ไม่จำกัดชั่วโมง (ไม่จำกัดจริงๆตามกฎหมายครับ แต่ ส่วนใหญ่ มหาลัยจะกำหนดไว้เองว่าทำได้ไม่เกิน 80 ชม. เป็นต้น เพราะเกินกว่านี้เค้าจะหาว่าเรามาทำงานแล้ว ไม่ได้มาเรียน ซึ่งเราต้องไปคุยกับ Professor เอาเอง)  ปกติ ก็จะได้ชม. ละ 8 Eu อย่างผมทำตอนนั้น ทำเดือนละ 40 ชม ตกอาทิตย์ละ 8 ชม. ทำอยู่บ้านก็ได้  ได้แล้ว 320 Eu ไม่ต้องเสียภาษี (ถึงโดนหักไปก่อนก็ขอคืนได้หมดครับ เพราะรายได้ไม่เกิน 1500 Eu ต่อเดือน)  ถ้าขยัน จะทำเดือนละ 80 ชม. ก็ได้ 640 Eu ทีเดียว เยอะกว่าเงินเดือนที่ไทยอีก งาน Hiwi ก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่ช่วยในห้องสมุด จนถึง ช่วย Professor ทำวิจัย ก็แล้วแต่ว่าเค้าอยากได้อะไรในช่วงนั้น ส่วนใหญ่ผมเห็นไม่ค่อยจะมีใครทำเลย สมัครไปยังไงก็ได้ทำอ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 51 13:50:13 จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. ทุนการศึกษา เยอรมันนี ต้องการเผยแพร่ภาษาของตัวเอง ยุทธวิธีหนึ่งก็คือ พยายามดึงคนเข้ามาเรียนที่ประเทศของเค้าครับ เค้าเลยมีองค์กรที่ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ทุนการศึกษาด้วย หลายคนคงรู้จักแล้ว ซึ่งนั่นก็คือ DAAD (Deutsch Akademischer Austausch Dienst) หรือ ทุน DAAD นั่นเอง (ไม่ใช่ทุน DAD ที่ป้ะป๋าจ่ายให้นะงับ)  ซึ่ง DAAD เมืองไทยเองก็มีทุนมาให้นักเรียนไทยอย่างสม่ำเสมอ ล่าสุด ผมเห็นมีทุนให้นักเรียนกฏหมาย (แต่จะหมดเขตสมัครวันที่ 15 ต.ค. นี้แล้ว สงสัยมาบอกช้าไปแหะๆ) ถ้าหากต้องการทุนจริงๆ ก็หมั่นเข้าไปหาข้อมูลได้ ที่ http://www.daad.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=74&Itemid=77 ครับผม. ทุน DAAD เป็นทุนที่ไม่ผูกมัด หรือทุนให้เปล่าที่เราๆเรียกกัน เพราะฉะนั้น ก็สบายๆ เลยครับเรียนจบอยากทำอะไรต่อก็เรื่องของเราหล่ะ ในความเป็นจริง แล้ว DAAD จะให้เงินแต่ละเดือน ประมาณ 715 Eu + ค่าประกันสุขภาพต่างหาก ซึ่งเพียงพอกับการใช้จ่ายในแต่ละเดือน แบบเหลือเก็บ กลับบ้าน ได้ปีละ สองครั้ง สบายๆ แถมเหลือเงินไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ ได้อีก ในแต่ละปี แต่ว่า ถ้าเราทำงานพิเศษเพิ่ม รวมเงินที่ได้กับเงินทุนแล้ว เกินrate ที่จะต้องเสียภาษี ทาง DAAD จะหักลดเงินทุนลงไปครับ แต่สำหรับผม เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผมใจดีมาก บอกกับผมว่า ถ้าทำงานจริงๆ ตามกฎแล้วต้องบอกเค้า แต่เค้าบอกว่า ไม่ต้องบอกหรอก เก็บเงินไว้เถอะ ผมเลย ล่ำซำเลยครับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 22:51:55 จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. ฝึกงาน หลักสูตร ของที่นี่ มักจะบังคับให้เราต้องฝึกงานกับบริษัทต่างๆ  (Pflichtpraktikum) เนื่องจากว่ามันบังคับตามหลักสูตร เพราะฉะนั้นเงินที่ได้มาช่วงนี้ไม่ต้องเสียภาษีครับ เก็บอย่างเดียว! ช่วงนี้เป็นช่วง make money จริงๆ เนื่องจากว่า เจ้าหน้าที่บอกแล้วว่าไม่ต้องบอกเค้าเรื่องเงินที่ได้จากการฝึกงาน ก็เลยรับทรัพย์สุดๆครับช่วงนี้ ขั้นต่ำ บ. ส่วนใหญ่จะให้ประมาณ 600 Eu ต่อเดือน ถ้าได้ทำงานบ. อเมริกา หรือ บ.ใหญ่ ก็อาจจะได้มากถึง 1300 Eu ต่อเดือน เป็นไงครับ เยอะกว่าเงินเดือนที่ได้ตอนทำงานอยู่เมืองไทยอีกอ่ะ นี่แค่ฝึกงานนะเนี่ย ภาษีก็ไม่ต้องเสีย สุดๆอ่ะครับ (ตอนผมทำ ผมได้ 1250 Eu ต่อเดือนครับ) แล้วขอแนะนำนิดนึงว่า อยากทำงานกับบริษัทไหน ให้สมัครตั้งแต่ตอนฝึกงานเลยครับ เพราะ โอกาสที่จะได้งานทำต่อสูงมาก แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 22:53:54 จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5. Master thesis ถ้ามาเรียน Master ก็ต้องทำ Master thesis ครับ ซึ่งระบบของที่นี่ มักจะอนุญาตให้นักเรียนทำ Thesis กับบริษัทข้างนอกได้ ซึ่งก็เช่นกัน ได้เงินอีกแล้ว อาจไม่เยอะเท่าตอนฝึกงาน แต่ว่า 6 เดือน ได้รวมๆ ประมาณ 2000 Eu ครับ ได้ทีเดียวตอนงานเสร็จ ถึงไม่เยอะมาก แต่ก็บรรเทารายจ่ายได้ไปเยอะเหมือนกัน จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 6. ค่าครองชีพ ถ้าเป็นนักเรียน ส่วนใหญ่จะมีส่วนลดให้ในเรื่องสาธารณูปโภคครับ ตั๋วรถก็ซื้อได้ในราคาถูก หรือบางทีก็ฟรีเลยสำหรับบางเมือง ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ จึงไปตกอยู่ในส่วนของค่าที่พัก แล้วก็ ค่ากิน ซึ่งแต่ละเมืองก็แตกต่างกันไป สำหรับเมืองนักเรียนอย่าง Aachen นี่ค่อนข้างจะถูกเลยทีเดียว ส่วนเมืองใหญ่ๆ อย่าง Muenchen ก็จะแพงน่อย สำหรับผมค่าใช้จ่ายตกอยู่ที่ประมาณ 450 – 500 Eu ต่อเดือนครับ  นี่คือกลางวันกินข้าวโรงอาหาร เย็นทำกินเองที่บ้านนะครับ ถ้าจะประหยัดด้วยการทำข้าวกล่องไปกินด้วยค่าใช้จ่ายก็คงลดลงมาได้อีก แล้วอีกอย่าง ค่าเช่าบ้านเมืองที่ผมอยู่มันค่อนข้างแพงด้วยอ่ะครับ แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจาก DAAD ให้ทุนมา 715 แล้วนั่นแปลว่า ผมเหลือเก็บเดือนละ 200 กว่าๆ สบายๆ เลยครับ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 22:57:43 จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 7. ภาษา หลายคนอาจจะกังวลเรื่องภาษา แต่ว่าเยอรมันก็เปิดกว้างโดยการเปิดคอร์สภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น มาที่นี่ก็มาเรียนด้วยภาษาอังกฤษได้ครับ ไม่ต้องกลัวไม่รู้เรื่อง ส่วนภาษาเยอรมัน เราก็เรียนไปด้วย ได้เพิ่มอีกเป็นภาษาที่ 3 ผมมาที่นี่ด้วยความรู้ภาษาเยอรมันอันเป็น 0 แต่ตอนนี้ ผมก็ต้องทำงาน กับคนเยอรมัน ใช้ภาษาเยอรมันทุกวัน ถูกๆผิดๆ แต่อย่างน้อยก็ยังทำงานได้อ่าครับ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ ภาษาทุกภาษาล้วนแต่ยากทั้งนั้น หากจะเรียนรู้เราก็ต้องเอาใจใส่กับมัน กล้าที่จะพูด กล้าที่จะใช้ กล้าที่จะเรียนรู้ครับ ถ้าเราทำได้ ซักพักมันก็จะได้เองแหละครับ คนเยอรมันเค้าชอบจะตายเวลาเราพูดภาษาเค้ากับเค้า ถึงจะถูกๆผิดๆ เค้าก็จะพยายามพูดกับเรามากๆ เลยครับ ถือเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีส่งเสริมการเรียนรู้ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 8. ได้เที่ยวยุโรป ไปในที่ต่างๆ เรียนรู้วิธีชีวิต นิสัย ของคนชาติต่างๆ นี่คือข้อดีของการมาเรียนยุโรป ครับ ถ้าใครเข้าห้อง Blueplanet อาจจะเคยเห็นรูปที่ผมเอามา postๆ ตอนไป tour แถบๆนี้มาบ้าง ซึ่งผมคงไม่มีโอกาสเช่นนั้น หากยังทำงานอยู่เมืองไทย (แบบว่าบ้านจนอ่ะ) จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อาจจะเขียนเกี่ยวกับเงินเยอะไปหน่อย แต่ใจความสำคัญที่ผมอยากจะบอกก็คือ มาที่นี่ถ้ารู้ลู่ทาง เราสามารถมาเรียนได้อย่างสบายกระเป๋าจริงๆครับ แถมทำอย่างถูกกฎหมายทุกอย่างด้วย เทียบกับการไปเรียนที่อื่น (เช่น อเมริกา) ที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บางคนก็ดิ้นรนทำงานอย่างผิดกฎหมาย (ซึ่งผมไม่อยากสนับสนุนเลย) ผมมาที่นี่ ไม่ได้ใช้เงินของพ่อแม่แม้แต่สตางค์เดียว แถมยังมีเงินเก็บส่งกลับไปให้พ่อแม่ด้วยอีกต่างหาก แอบภูมิใจเล็กๆ แน่นอน ผมเชื่อว่า เพื่อนๆที่มีความคิดอยากไปเรียนเมืองนอก ย่อมมีความรับผิดชอบในตัวเองสูง และมีศักยภาพพออยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องงาน Hiwi/ทุน การศีกษา ผมจึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหามากนักหน่ะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าใครสนใจอยากทราบข้อมูลด้านไหนเพิ่ม ก็ถามมาได้นะครับ ถ้าทราบ ยินดีตอบให้เสมอ หรืออยากทราบประสบการณื ส่วนไหนที่ยังไม่ได้เล่า หรือตกหล่นไปก็ถามมาได้เช่นกันครับ เช่นสมัครทุนอย่างไร หรือ สมัครที่เรียนอย่างไร ก็พอตอบได้ตามประสบการณ์ที่มีอ่ะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 16:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กินข้าวเที่ยงแล้ว ก็ยังว่างงานอยู่ มาเล่าต่อดีก่า :D ต่อไป ก็คือเรื่อง "ถอนทุน" ครับ พอเรียนจบ ก็เป็นสูตรตายตัว ตามที่หลายๆคนอาจจะเดาเอาไว้แล้ว ใช่ครับ เรียนจบก็ต้องหางาน ประเทศเยอรมันตอนนี้กำลังต้องการ Engineer มากครับ สมัยก่อน การหางานสำหรับนักเรียนไทย อาจจะยากลำบากหน่อย เนื่องจากว่า คนเยอรมันเอง ตกงานกันเยอะมาก แล้วไหนจะยังมีพวกจาก EU มาแย่งงานกันอีก เค้าเลยมีกฎขึ้นมาว่า งานนึง จะต้องรับคนเยอรมันก่อน ถ้าหาคนที่มีคุณสมบัติไม่ได้ ก็ต้องไปมองหา จาก EU แล้วสุดท้าย ถึงจะรับคนนอก EU ครับ ดังนั้น เมื่อก่อน ถ้าเจ้านายอยากจะจ้างเราจริงๆ เค้าจะต้องเขียนไปบอกรัฐบาล ว่าทำไมถึงจ้างคนนี้ ทำไมไม่จ้างคนเยอรมัน ผมขอเรียกระบบนี้ว่าระบบจัดคิวละกันนะครับ แต่ว่าโชคดี เมื่อปลายปีที่แล้ว ระบบนี้ถูกเปลี่ยนแปลงไป โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วมีผลกับนักเรียนไทยมากที่สุดคือ การที่เค้าเปลี่ยนให้ นักเรียนต่างชาติ ที่จบการศึกษาจาก มหาลัยในเยอรมัน ไม่ต้องเข้าระบบจัดคิวนี้แล้ว ถ้าบริษัทรับเข้าทำงาน ก็สามารถออก workpermit ให้ได้เลย (แต่เจ้านายอาจจะต้องเขียนอยู่ดี ว่างานที่ให้เราทำนั้นมีลักษณะแบบไหน) จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 17:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรียนจบแล้ว เราจะได้ Visa พิเศษ เรียกว่า Arbeitsucher ( Visa คนหางาน) ซึ่งจะอยู่ต่อได้อีก 1 ปี เพื่อหางาน ถ้าหาไม่ได้ก็อาจจต้องกลับบ้าน หรือไม่ก็ อาจมีลู่ทางอื่น อันนี้ผมก็ไม่รู้จริงๆ แต่จากประสบการณ์ ผมก็เห็นเพื่อนๆผมที่ตั้งใจหางานกัน ก็หากันได้หมด อาจจะนานหน่อย 6 เดือน 8 เดือน แต่ถ้าอดทนก็หางานกันได้แทบทุกคน พอได้งานแล้ว เราก็จะต้องไปทำเรื่องขอ Workpermit ครับ ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ปัญหาแล้ว เพราะว่าถ้ามีคนจ้างเค้าก็ออก Workpermit ให้เหมือนกัน (สำหรับคนที่จบจากที่นี่) ส่วน technic การหางานสำหรับผมก็คือ อยากทำที่ไหน ให้สมัครไปตั้งแต่ตอนฝึกงานเลย แล้วทำ thesis ต่อกับที่นั่นด้วย โอกาสได้งานต่อ สูงมาก ถึงมากที่สุดครับ นิสัยการทำงานอย่างคนไทย ฝรั่งชอบ! ฝรั่งมันขี้เกียจกันจะตายครับ เห็นเราขยันๆหน่อย รักตายเลย จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 17:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าไม่อยากทำงาน อีกลู่ทางหนึ่งก็คือ เรียนต่อเอกครับ การเรียนต่อ ปริญญาเอกที่นี่ เหมือนกับการทำงานเช่นกัน ได้เงินเดือนเหมือนทำงานที่บริษัท ต้องช่วยสอน ช่วยวิจัย เนื่องจากเหมือนทำงานไปด้วย จึงทำให้ต้องใช้เวลาเรียนนานหน่อย ประมาณ 5 ปีครับ ถ้าอยากจบเร็ว ก็ขอไม่ทำงานได้ ทำวิจัยอย่างเดียว ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ปีครับ แต่เงินที่ได้ในแต่ละเดือนก็จะน้อยลงไป อยู่ที่ประมาณ 1100 - 1300 Eu ต่อเดือน หลังหักภาษีแล้ว แต่ข้อดีก็คือ ถึงแม้จะเป็นนักเรียน ปริญญาเอกแล้ว ในบางมหาวิทยาลัย ยังจะได้สิทธิของนักเรียนอยู่ ซื้ออะไรก็จะถูกลง จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 17:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เงือนเดือนที่ได้กัน อย่างน้อยจะอยู่ที่ประมาณ 1600 Eu ต่อเดือน หลังหักภาษีแล้ว นั่นคือ ถ้าใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ให้เกืน 600 Eu ต่อเดือน ก็จะเหลือเก็บเดือนละ พันยูโรได้อยู่ เสร็จแล้วก็ช่วยกันขนเงินกลับไทยเอาเงินเข้าประเทศ อิอิ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 18:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เล่าไปๆ ชักเพลิน แต่นึกไม่ออกแล้วว่าเล่าอะไรอีกดี พอก่อนแล้วกันนะครับ อยากทราบอะไรเพิ่มเติม ก็ถามมาละกานนะครับ จะตอบเต็มความสามารถเลยอ่ะ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 18:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ได้เป็นักเรียน แต่ชอบที่คุณเขียนกระทู้จากประสบการณ์จริง เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ผู้อยากเรียนต่อต่างประเทศ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : GlowPopJigglyJam - [ 1 ต.ค. 51 18:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ขอบคุนที่เอามาแบ่งปันน้า ปล.เยอรมัน ด้าน IT เค้าแข็งมาก ความรู้แน่นสุดยอด เรียนด้าน engineer แบบว่าหินมากๆเลยค่า ยากมากมากมากมากมากกกกกกก จากคุณ : Living Doll - [ 1 ต.ค. 51 18:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากๆเลยนะคะ มีประโยชน์มากๆเลยคะ เพราะตอนนี้กำลังหาข้อมูลพร้อมกับเรียนภาษาไปด้วยคะ จากคุณ : AnGio^LeTTo - [ 1 ต.ค. 51 18:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณ Living Doll #17 ครับ เห็นด้วยครับว่าระบบการเรียนการสอนการสอบ ที่นี่ค่อนข้างโหด หลายคนอาจจะได้ 4.0 ไปอวดเพื่อนๆที่เมืองไทยบ้างเป็นบางครั้ง (แหะๆ 4.0 นี่คือ พอดีผ่านที่นี่อ่ะนะครับ ดีสุดคือ 1.0 แบบว่ามันกลับกัน) แต่ว่าด้วยนิสัยคนไทยที่เป็นคนขยัน (รึเปล่า) กว่าชาติอื่น ผมว่าเราผ่านไปได้แน่ๆอยู่แล้วครับ ถ้าคุณ Living Doll เรียนอยู่ก็ขอเอาใจช่วยนะครับ ^^ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 18:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากนะคะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเรียนต่ออยู่พอดี แอบๆ มองเยอรมันไว้เหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะรู้ข้อมูล อ่านแล้วเพลินดีค่ะ ถ้าจะเรียน ป.เอก ทางด้าน Computer Engineering จะยากมั้ยคะ? ถ้าจบโททางด้านนี้มาจากอินเดีย จากคุณ : acuteorchid - [ 1 ต.ค. 51 18:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบคุณ acuteorchid #20 (ชื่ออ่านยากจังครับ อิอิ) อย่างที่บอกว่า ป.เอก ที่นี่ไม่เหมือน เรียนป.โท มันเหมือนทำงานมากกว่า เพราะฉะนั้น เค้าต้องมีตำแหน่งว่างก่อน ถึงจะรับเรา ผมคิดว่า มีโอกาสเป็นไปได้ครับ อันดับแรกเลย คือต้องหาก่อนว่า ตำแหน่งที่ไหน เปิดว่างบ้าง ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่มี Course inter เค้าก็จะรับแต่คนที่รู้ภาษาเยอรมันครับ ซึ่งการจะหา คงต้องพึ่งน้อง Google เอา เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า มี Link กลางที่ไหนที่มีข้อมูลเยอะๆบ้าง หรือหากสนใจมหาวิทยาลัยไหน ก็ให้ติดต่อ Professor โดยตรงเลยครับ เข้าไปในเวบ หา e-mail แล้ว เมล์ไปได้เลย บางทีเค้ามีตำแหน่งแต่ไม่ได้มา Post ไว้ในเนทก็มีครับ ส่วน Link นี้ก็มีข้อมูลอยู่บ้าง แต่ว่าอาจมีสาขาอื่นที่ไม่ใช่ Computer รวมอยู่ด้วย คงต้องไปนั่งค้นๆดูอีกทีอ่านะครับ http://www.getscholarship.net/category/germany/ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 18:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้ะจ้าก เข้ามาขออภัยครับ เขียนชื่อเยอรมันนีผิดตรงหัวกระทู้ แก้ไม่ได้ซะด้วย แหะๆ T T นอกเหนือจากที่เขียนมาแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า สังคมนักเรียนไทยที่เยอรมันค่อนข้างดีทีเดียวครับ มีอะไรช่วยเหลือกัน สังสรรกันอยู่เป็นนิจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชวนกันไปเที่ยว รู้สึกได้ว่าดีมากๆ ครับ ไม่รู้ว่าที่ประเทศอื่นเป็นอย่างไร แต่ว่าผมว่าผมมีความสุขดีในระหว่างที่มาเรียนที่นี่นะครับ อาจเป็นเพราะเรามีกันไม่มาก เลยไม่ค่อยมีปัญหากันก็ได้มั้ง จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 19:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าไปเรียนจริงๆครับ จากคุณ : เปื้อน - [ 1 ต.ค. 51 19:57:16 A:202.28.245.164 X: TicketID:188866 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากมายค่ะที่มาแบ่งปัน ทำให้สนใจมากๆเลยค่ะ เพิ่งจบตรีภาษาอังกฤษ กำลังไปออแพร์ที่เมกาค่ะ คิดๆ อยู่ว่า อยากเรียนต่อ แต่ไม่อยากให้แม่ขายนาส่งฟายเรียนแล้ว ฮ่าๆ อยากขอคำแนะนำค่ะ ว่าอย่างเอ้นี้เรียนอะไรต่้อได้คะ หรือจำเป็น ต้องเป็นแนววิศวะ กฏหมายอะไรงี้ ไม่ถนัดเลยง่าาา ชอบโรงแรม ท่องเที่ยว หรืองานบริการค่ะ รบกวนด้วยค๊าาา จากคุณ : เอ้ (nina_thaigirl) - [ 1 ต.ค. 51 20:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีประโยชน์ค่ะ อาจารย์ๆที่รู้จักหลายคนทางสายวิทยาศาสตร์ อย่างสายเคมี ไปเรียนต่อเยอรมันนีกันเยอะค่ะ จากคุณ : yuy - [ 1 ต.ค. 51 20:08:32 A:124.121.26.230 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบคุณเอ้ ความคิดเห็นที่ 24 แย่เลยครับ ด้านนั้นผมไม่สันทัดซะด้วย ไม่รู้จะแนะนำยังไงเลย สงสัยต้องรอผู้รู้ท่านอื่นมาช่วยแหะๆ ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นคนมาเรียนที่นี่ก็จะเป็นสายวิทยาศาสตร์ วิศว บริหาร เศรษฐศาสตร์ กฎหมาย และ สายสุขภาพครับ (หมอ เภสัช) การโรงแรมที่นี่น่าจะมีนะครับ แต่ผมไม่ทราบจริงๆ เนื่องจากเป็นคนละสายกับผมอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณเอ้ อยากเน้นภาษาอังกฤษเหมือนเดิม ก็คงต้องไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอ่ะครับ แล้วก็ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มาก แต่อย่าทำงานผิดกฎหมายเลยนะครับ ต่อไปภายหลังผลเสียคงไม่คุ้ม จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 20:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้อมูลคุณ De-ace เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ ตอนเราอยู่ม.6 เคยคิดอยากไปเรียนที่เยอรมันเหมือนกันค่ะ แต่ว่าตอนนั้นเราเคยเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ หลักสูตรส่วนใหญ่จะเป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งเราต้องใช้เวลาเตรียมตัวด้านภาษาหนึ่งปี ความรู้ภาษาเยอรมันเราไม่มีเลย แถมใกล้เอ็นท์ด้วย เลยเป็นอันต้องล้มเลิกโครงการไป ตอนนี้เราก็ยังอยากไปเรียนต่อที่นั่นอยู่ค่ะ แต่ว่าส่วนใหญ่เยอรมัน จะดังทางด้านวิศวะและไอทีใช่มั๊ยค่ะ ส่วนตัวเราสนใจทางด้านไอทีมาก แต่ว่าเรียนมาทางสายศิลป์(นิเทศ)ค่ะ เลยคิดว่าน่าจะยากที่จะต่อทางด้านนี้ จริงๆแล้วมีอีกด้านนึงที่ตั้งใจอยากไปเรียนที่เยอรมัน คือ ผู้ฝึกสอนการกีฬา(โค้ช) ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้มีหลักสูตรภาษาอังกฤษหรือยัง กระทู้คุณ De-ace ชวนให้อยากสานความฝันต่อจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายแตกต่างจากหลักสูตรเรียนอื่นๆหรือเปล่า พอจะทราบบ้างไหมค่ะ จากคุณ : BluE field - [ 1 ต.ค. 51 20:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องสุขภาพ มาถึงแล้ว เป็นนักเรียนเค้าบังคับทำประกันสุยภาพอยู่แล้วครับ ซึ่งราคาสำหรับนักเรียนก็ประมาณ 60eu ต่อเดือน มีประกันแล้ว ก็สบายใจได้เรื่องสุขภาพ หาหมอ เจ็บไข้ได้ป่วย ประกันจ่ายหมดครับ ทันตกรรมพื้นฐาน อุดฟัน ขูดหินปูน รักษารากฟัน ประกันก็จ่าย (แต่เพื่อความสวยงามไม่จ่ายนะครับ แหะๆ อุดฟันก็ได้แต่สีดำๆอ่ะ ฟรี) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบมากๆ เลยก็เรื่องการไปหาหมอเนี่ยแหละ เป็นอะไรก็ต้องนัด ผมมีประสบการณ์เลวร้ายกับโรงพยาบาลที่นี่ ตอนนั้นปวดท้องมาก หมดแรง ต้องแบกตัวเองนั่งรถไฟไปโรงพยาบาล ก่อนไป ก็เปิดหาดูว่ามีที่ไหนเปิดวันเสาร์บ้าง (หมอที่นี่ไม่ทำงาน เสาร์อาทิตย์ครับ) ไปถึง เค้าไม่รับผม ไล่ให้ไปโรงพยาบาลอีกที่นึงที่รับฉุกเฉินโดยเฉพาะ ให้ไปเองอีกต่างหาก (ตอนนั้นไม่ไหวแล้ว T T) ผมก็ต้องแบกสังขารตัวเองไปที่นั่น ไปถึงก็ต้องรอคิวอีกนาน กว่าจะได้ตรวจ เฮ้อ เบื่อสุดๆ เลยครับ ระบบนี้ ตอนนี้ก็มีปัญหากับการนัดหมอฟัน ไม่ลงตัวซะที เหอๆ เอาเป็นว่า อยู่เมืองนอกให้หมั่นรักษาสุขภาพกันนะครับ เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันลำบากมากๆ ถึงไม่เสียเงินก็เถอะ แต่จะเหนื่อยใจได้ง่ายๆ แล้วก็จะอยากกลับบ้าน ฮ่าๆ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 20:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ก็เล่าได้ดีนี่คะ แทรกมุกขำๆ ด้วย อ่านง่าย เข้าใจง่าย สบายตา  ข้อมูลน่าสนใจจ้ะ ... จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 1 ต.ค. 51 20:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีค่ะ ทำให้คนที่พับโครงการเรียนต่อ ต้องเปิดแฟ้มขึ้นมาทบทวนใหม่ได้ดีทีเดียว อยู่เยอรมันเหมือนกันค่ะ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : Brunnett - [ 1 ต.ค. 51 20:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบคุณ BluE field #27 ครับ ถ้าจบทางด้าน นิเทศ มาน่าจะมาต่อ IT โดยตรงยากครับ แต่ว่า ถ้าเป็น It เพื่องานสื่อผมก็เห็นลู่ทางอยู่ คือว่าที่นี่มีหลักสูตรเรื่อง Media Technology ครับ ตัวอย่างเช่น http://www.hdm-stuttgart.de/english/studycourses/ Hochschule der Medien ที่ Stuttgart มีเปิดสอน Master ที่เกี่ยวกับสื่อครับ โดยมีหลาย course ที่ใช้ Computer ช่วยในการผลิตสื่อเช่น Computer animation เป็นต้นดังตัวอย่าง Courses ใน Link ข้างล่างนี้ http://www.hdm-stuttgart.de/hochschule/einrichtungen/aaa/exchange_students/05_English_Courses__Sep06.pdf นี่เป็นเพียงตัวอย่างนะครับ ถ้าสนใจจริงๆ คงต้องลองหาข้อมูลในเวบที่ให้ไปเพิ่ม หรือติดต่อกับทางนั้นโดยตรงเลยก็ได้ครับ ส่วนเรื่อง Coach นั้น ผมว่าน่าจะเข้าข่าย Sport Science นะครับ ผมไม่รู้ว่าจบมาทางสายศิลป์จะมาทางนี้ได้หรือไม่ แต่คิดว่ามีคอร์สภาษาอังกฤษเปิดสอนแน่ๆ ตัวอย่างเช่น http://www.uni-stuttgart.de/studieren/angebot/sport/index.en.html#master ต้องขออภัยหากให้ข้อมูลได้ไม่ครบถ้วนนะครับ บางอย่างไม่ใช่สายผมผมก็ไม่รู้จริงๆอ่ะ T T ถ้ามีผู้รู้มาช่วยกันตอบ จะดีมากเลยครับ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 20:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอโทษครับ ผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ได้อ่านว่า SportScience ของ Uni-Stuttgart มันสอนเป็นเยอรมัน - -" เห็นหน้าเวบเป็นภาษาอังกฤษ เอาอันนี้แทนครับ โปรแกรมภาษาอังกฤษของ uni-erlangen http://www.sport.uni-erlangen.org/programs-of-study/master-physical-activity-and-health.shtml จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 20:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นมีกระทู้ไปเรียนแถบ Scandinavia ของคุณ hi_tidty แล้ว เลยขอเอาเยอรมันมาโฆษณาบ้าง อิอิ แบบว่าหลังจากรุ่นผมไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาเรียนอีกเลย หายไปไหนกานโม้ด เงินที่นักเรียนจะหาได้ที่นี่อาจไม่ได้เยอะมาก ถ้าเทียบกับแถบ แสกนอ่านะครับ แต่ก็เป็นที่รู้ๆกัน ว่าค่าครองชีพแถบนั้นก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ที่เยอรมัน ก็ถือว่าค่าครองชีพ ไม่ได้ต่ำมากนักแต่ก็ไม่ได้สูงมากนักเช่นกัน เพราะฉะนั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้ครับ เสียดายที่เค้าเพิ่งเริ่มหันมาเก็บค่าเทอม ไม่อย่างงั้นเมื่อก่อนจ่ายค่า Student Union เทอมละร้อยกว่าๆเอง แต่ก็เอาเถอะ ยังไงซะโลกมันก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่แล้วเนอะ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 20:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ดูด้านดีมาแล้ว มาบ่นด้านไม่ดีต่อครับ นอกจากเรื่องหมอที่ไม่ทำงานเสาร์อาทิตย์แล้ว ก็มีอีกอย่างก็คือ วันอาทิตย์ ทุกอย่างปิดหมดครับ ยกเว้นร้านอาหาร ผมเคยกลับมาจากไทยมาถึงที่นี่วันอาทิตย์ แล้วเผอิญวันจันทร์ก็เป็นวันหยุดอีก ไม่มีไรกินเลยอ่ะ ดีนะหอบหมูหยองมาจากไทยด้วยเลยทำข้าวต้มกินไป ห้ามื้อ ฮ่าๆ ตอนนั้นก็โง่ลืมไปว่าร้านอาหารยังเปิดอยู่ไม่ยอมไปกิน การที่ร้านค้าปิดวันอาทิตย์ และวันธรรมดา หลังสองทุ่มก็ปิดหมด ทำให้เราต้องเป็นคนที่วางแผนชีวิตเป็นแล้วครับ จะทำอะไรสบายๆหิวก็เดินไปซื้อ Smokie Bite ที่ seven แบบเก่าไม่ได้แล้ว ต้องคำนวนไว้ในหัวตลอด อาทิตย์นี้จะกินอะไรบ้าง วันเสาร์จะไปซื้อของต้องซื้ออะไรมาบ้างสำหรับเมนูในอาทิตย์นี้ จะไปไหนกี่โมง ต้องวางแผนไว้หมด ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ยังไงไม่รู้ แต่อย่าเลยนะครับ คอมพิวเตอร์อย่าได้มาเสียวันอาทิตย์ หรือ หลอดไฟอย่าได้มาขาดวันอาทิตย์ทีเดียวเชียว ไม่งั้น อดเล่น MSN หรือต้องอยู่มืดๆ ไปวันนึงอย่างแน่นอน จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 21:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้นี้ ยอดเยี่ยมไปเลย!!  ขอบคุณจขกท ค่า ^^ อ้าว ลืมได้งัย  โหวตโลดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 21:45:13 จากคุณ : Gigolina - [ 1 ต.ค. 51 21:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความเห็นที่ ๒๘ "เรื่องสุขภาพ " นี้จริงค่ะ... ทำตามระเบียบเกินไป จนทำให้คนไข้พาลเป็นหนัก และ หรือ อาจพิการ หรือ อาจตายได้ด้วยค่ะ จากปสก. ของตัวเอง ที่มักมีฉุกเฉินด้านสุขภาพตอนกลางคืน หรือ วันสุดสัปดาห์... จะซวยมาก เพราะ ร้านหมอปิด.... และ ต้องรู้ด้วยว่า รพ. ไหนรับฉุกเฉิน และ ฉุกเฉินของที่มีหลายรพ. ไม่เปิด ตลอด ๒๔ นะคะ... เขาจะมีเวลาเปิดตอนเช้าค่ะ  และต้องตามคิวคนไข้ค่ะ ไม่รับคนที่อาการหนักเข้ารักษาก่อน (แล้วยังเรียกว่า ฉุกเฉินได้ยังไงคะวะเนี่ยยยย) ครั้งหนึ่ง ตอนกลางคืนมีอาการหวัด ทำให้หูอักเสบเฉียบพลันภายใน ๑ ชม. ในหูเจ็บปวดมาก ชนิดร้องโอยๆ เดินคอเอียง หูตกไปข้าง... ต้องค้นหาในสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองจ้าละหวั่น ว่ารพ. ไหนมีฉุกเเฉน เชี่ยวชาญด้าน HNO คอ จมูก หู.... จะไปรพ. ฉุกเฉินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ค่ะ เพราะ จะไม่รับ กว่าจะได้ไปรพ. ก็ใกล้สว่างแล้ว เพราะ รพ. แรกบอกว่า เปิด ๖ โมงเช้า... ช่วงรอ ปวดทรมานมาก กินยาระงับปวดก็ไม่หาย เพราะต้องกินยาแก้อักเสบ แต่ว่าเราไม่มี ต้องไปเอาใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น พอรอจนถึง ๖ โมงเช้า รพ. แรกเปิด... พนง. กลับบอกว่า ไม่รับเกี่ยวกับ  HNO โน่นต้องไปอีกแห่งที่มีหมอด้าน HNO ก็ต้องขับไปกันอีก ไปถึงจะ ๗ โมงเช้า... แต่ รพ. "คลีนิคฉุกเฉิน" นี้ เปิดรับคนไข้ตอน ๘ โมงเช้าค่ะ .. ยังลงทะเบียนไม่ได้ ต้องรอออฟฟิสเปิด... ในหูก็มีเสียงเหมือนกับ ภูเขาไฟลาวามันคุ แบบประสาทหูมันจะแตกหรือไง เสียงเหมือนถ่านแตกไฟ... เจ็บปวดมากกก พอถึงเวลาเปิด... ปรากฏว่ามีคนไข้ก่อนหน้านี้มาก่อน แต่ไม่ไดมีอาการปวดแบบเรา ดูเขาปกติดี (ในใจถามตัวเองว่า นี่หรือฉุกเฉินของที่นี่) พอถึงตาเราถูกเรียกไปตรวจ หมอตรวจๆดู และให้ ใบสั่งยา เพื่อต้องนำไปร้านขายยา ไปซื้อยา... ก็ต้องตะเวนหาร้านขายยาที่ "รับเวร" เปิดขายยาของวันสุดสัปดาห์นั้นๆ... ซึ่งอยู่ไกลพอควร กว่าจะขับไปถึง... พอถึงบ้านรีบกินยาแก้อักเสบ ไม่รอกินอะไรแล้ว เพราะท้องว่างกินยาเข้าไปแล้ว เกิดอยากอ้วก แล มีอาการท้องเสียควบคู่กัน จากผลข้างเคียงของยา แต่นั้นมา... หูข้างที่อักเสบ เพี้ยนไปแล้ว ได้ยินน้อยกว่าอีกข้างที่ไม่อักเสบ... ผลเสียมาจาก ตลอดคืนต้องรอเวลาเปิดทำการของห้องฉุกเฉินตอนเช้า เรือ่งปวดฟัน รากฟันอักเสบอีก... อย่าได้เจ็บป่วยฉุกเฉินตอนวันหยุด หรือ สุดสัปดาห์ในเยอรมนี... ((ถ้าไม่มีอาการปางตายจริงๆ)) แก้ไขตรวจทานสะกด แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 51 21:32:59 จากคุณ : JidNince - [ 1 ต.ค. 51 21:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณ JidNince ความคิดเห็นที่ 36 ครับ เห็นใจมากๆเลยครับ มันอะไรของมันก็ไม่รู้อ่ะที่นี่ แต่ยังดีที่ Stuttgart มันมีโรงพยาบาลที่รับฉุกเฉิน 24 ชม. แล้วก็มีหลายแผนกอยู่ด้วยกันเลย ตอนแรกผมไม่รู้ว่ามันต้องไปที่นี่ คราวนี้รู้แล้วก็คงช่วยบรรเทาทุกข์ได้เหมือนบ้างอ่ะครับ แต่ยังไงก็ยังไม่ค่อยสะดวกอยู่ดี แย่ๆ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 21:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เขียนดีมากครับ อ่านเข้าใจง่าย ได้ใจความ ถ้ายังว่างอยู่ น่าจะมาเล่าเรื่องการใช้ชีวิตยามว่างต่อนะครับ จากคุณ : Roby - [ 1 ต.ค. 51 21:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนเรื่องการสมัครทุนนั้น ทุน DAAD นี้ค่อนข้างจะขึ้นอยู่กับดวงด้วยครับ คือว่าในแต่ละปีนั้นทุนที่มีให้อาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นมีใคร Sponsor อยู่หรือเปล่าด้วย ถ้าเกิดสมมติว่าเราโชคดีมีทุนที่เราสนใจพอดีในปีนั้นๆ ก็ต้องมาสมัครกันหล่ะครับ เริ่มด้วยการเตรียมเอกสารให้ครบตามที่เค้าขอ Essay ต้องเด่น ต้องทำให้เค้ารู้ว่าทำไมเค้าต้องเลือกเรา ไม่เลือกคนอื่น ที่บอกว่า Essay ต้องเด่นนั่นก็เพราะว่า (สำหรับตอนผม) ทุนนี้ไม่มีการสัมภาษณ์ครับ ผู้คัดเลือกน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เยอรมันนี ดังนั้น เมื่อไม่มีการสัมภาษณ์แล้วเค้าจะรู้จักตัวตนของเราได้อย่างไร ก็จาก Essay นั่นแหละครับ เลยต้องทำให้เด่น แต่ไม่ใช่โม้ เรื่องไม่จริงอย่าใส่ไป ปกติทุน DAAD จะต้องให้เราส่งเอกสารการตอบรับจากมหาวิทยาลัยไปให้เค้าด้วย ส่วนทางมหาวิทยาลัยก็ต้องให้เราส่งเอกสารรับรองเรื่องค่าใช้จ่ายว่าเราจ่ายไหวให้เค้าด้วย เอาหล่ะสิครับ ปัญหาไก่กับไข่อะไรจะเกิดก่อนกัน มาซะแล้ว แล้วทำอย่างไรหล่ะทีนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ได้คำตอบมาว่า สำหรับคนที่ไม่มีทุนส่วนตัวเพื่อส่งไปยืนยันกับมหาวิทยาลัยนั้น ก็ใช่ว่าจะหมดสิทธิ์สมัครทุน DAAD นะครับ ยังสามารถสมัครได้อยู่โดยทำไปควบคู่กัน ในขณะที่สมัครมหาวิทยาลัยก็ให้ระบุไปเลยว่า ต้องการเงินทุนจาก DAAD แล้วให้เอาหลักฐานการสมัคร การติดต่อกับ Professor ไปยื่นให้ทาง DAAD เป็นใช้ได้ครับ ในปีของผมนั้นผมทราบผลทุนก่อน พอทราบแล้ว ก็จัดการอีแมวไปบอกทางมหาลัยว่าได้ทุนแล้วนะ เค้าจะได้ไม่ต้องเอาเรื่องเงินมาคิดครับ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 21:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ Roby ครับ คาดว่าพรุ่งนี้ก็ยังน่าจะว่างอยู่ เดี๋ยวมาเล่าต่อ กลัวแต่จะยาวไปจนขี้เกียจอ่านกัน อิอิ ส่วนวันนี้ ต้องจรรีกลับบ้านก่อน ถ้ายังไง ถึงบ้านแล้วยังว่างๆ จามานั่งเฝ้ากระทู้ตัวเองต่อครับ แหะๆ จากคุณ : De-Ace - [ 1 ต.ค. 51 22:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านแล้วรู้สึกดีใจจังครับที่ตัดสินใจเลือกมาเรียนที่นี่ เดี๋ยวถ้ามีอะไรสงสัยจะหลังไมค์ไปถามนะครับ จากคุณ : Finnegan 'Finn' Bell - [ 1 ต.ค. 51 22:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เดี๋ยวนี้ห้างซุปเปอร์มาร์คหลายแห่งได้เปิดให้บริการ ถึง 22.00น. กันแล้ว  kaufland,, EDK ,,ฯลฯ  แต่ลิเดล อาลดี้ไม่   ถ้ามีบัตร เข้าเมโทร เซโกรซ ได้เค้าเปิดถึง เที่ยงคืน  มีของทุกอย่าง ทั้งกิน ใช้.. เรื่องหาหมอนี่ดิฉันชอบเป็นพิเศษ ได้ประสบแย่ๆก็เยอะ ดีก็น้อย ฮ่า ฮ่า นี่ก็เพิ่งไปให้หมอเอากล้องส่องลำไส้ มาสดๆ   เคยมีครั้งนึง ดิฉันเป็นลมพิษ(วันอาทิตย์ด้วย) ไม่ได้เป็นแบบตุ่มผื่นนะ แต่เป็นแบบรอยคูยาวๆ คันมากๆ  ยิ่งเกามันยิ่งขยับเป็นรอยปูดยาว ไปเรื่อย แดงเป็นรอยเการอบขาเลย  เหมือนมีตัวอะไรซอนไซในผิวหนัง  มันขยับได้ แต่ที่จริงเป็นเพราะดิฉันเกามันเลยลามทุ่ง   เป็นคลองยาว ไม่เคยเป็นมาก่อน  ที่แรกก็ไม่รู้ไงว่ามันคือลมพิษ สามีก็ตกใจ เอากล้องมาถ่ายรูปไว้  นึกว่ามันมีตัวอะไรซอนไซจริง  รีบขับรถไปโรงพยาบาล ตรงห้องฉุกเฉินนั้นแหละ   พวกพยาบาล เรียกว่านักศึกษาเด็กมากกว่า นั่งมองกันหน้าสะล่อน สามีก็ร้อนร้นบอกช่วยเมียฉันด้วย เหมือนมีอะไรสักอย่างซอนไซขาเมียฉัน นักศึกษาพวกนั้นแตกวงฮือ ขยับตัวหนีห่างดิฉันเป็นแถว  น่าตบกระโหลกมาก  มียายแก่อ้วนแฟะ อยู่สอง สามคน  บอกที่นี้ไม่มีหมอ วันอาทิตย์ ให้ไปอีกเมือง ตอนนั้นก็เริ่มค่ำมืด อีกเมืองก็ไกล ก็เลยเปิดสมุดหาร้านขายยา ที่เปิดวันอาทิตย์ ก็โอเคอยู่ไม่ไกลมาก กะว่าไปซื้อครีมมาทาแก้ทุเลาก็แล้วกัน ต้องไปกดกริ๊งเรียก  มีหญิงวัยกลางออกมารับ (โผล่แค่หน้าออกมาจากช่องเล็กๆ)  เราแอบเห็นหล่อนใส่ชุดนอนด้วย  สามีก็บอกอาการเราไปว่าคันมาก พอจะมีครีมอะไรไหม  หล่อนมองหน้าเรา แล้วบอก "ไม่มีครีมอะไรจะฆ่าสัตว์ที่ไซอยู่ในขาเมียเธอได้หรอก ต้องไปหาหมออย่างเดียว  ฉันรู้ว่าที่แถบเอเซีย มีเยอะ" ว่าไปนั้น.. สุดท้ายวันรุ่งขึ้นไปหาหมอ  ถึงได้รู้ว่ามันคือ ลมพิษ... เฮ้อ ทำเอาวุ่นไป  คิดถึงเมืองไทยจับใจ.. นี้ว่าจะจัดฟันที่เมืองไทย แล้วเอามาให้หมอที่นี้ดูแลต่อ ไม่รู้จะยังไง  อยากลองของ  .. จากคุณ : Pedantin - [ 1 ต.ค. 51 22:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ดีจัง อยากโหวตให้จัง กระทู้มีประโยชน์ จากคุณ : จอมยุทธสุดอึ๋มส์ - [ 1 ต.ค. 51 23:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ช่ายครับคุณ Pedantin เดี๋ยวนี้เริ่มมีร้านเปิดถึงสี่ทุ่ม แต่มันก็ยังปิดวันอาทิตย์อยู่ดีอ่ะ เศร้า เห็นมีบางเมืองที่เป็นเมืองท่องเที่ยวถึงจะมีร้านค้าเปิดวันอาทิตย์ แล้วก็เห็นมี Ikea ที่เริ่มเปิดวันอาทิตย์ แต่ก็เปิดถึงบ่ายสองเองมั้ง คงต้องรอซักสอบปี ไม่รู้จะเหมือนเมืองไทยได้ป่าว ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเข้ามา Vote นะครับ ผมคิดว่ายังน่าจะมีหลายๆคนที่อยากมาเรียนเมืองนอกแต่งบน้อย แล้วไม่รู้จะทำอย่างไร คงพอมีประโยชน์บ้างอ่ะนะครับ เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นที่อยากมามากๆ แต่ที่บ้านฐานะไม่ได้ดีมากอ่ะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 00:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ จอมยุทธสุดอึ๋มส์ ครับ vote ไม่ได้ไม่เป็นไรครับ เข้ามาตอบก็ดีใจแล้วครับ แบบว่ากลัวพล่ามอยู่คนเดียวแหะๆ ว่าแต่ อึ๋มส์ จริงอ้ะป่าวครับ อิอิ (แซวเล่นนะอย่าโกรธกัน) จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 00:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อยากไปเรียนนอกเหมือนกันค่ะ แต่สนใจด้านรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์...ค่ะ เหอะๆ พอจะมีบ้างไหมน้อ.. แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 01:13:09 จากคุณ : แค่เด็กคนนึง (OliViaZ) - [ 2 ต.ค. 51 00:51:39 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอชวนคุยเรื่องป่วยไข้ของเจ้าของกระทู้ก่อนนะคะ ทีหลังไม่ต้องทรมาณ พาตัวเองไปหาหมอแบบนั้น ให้โทร.เรียกหมอให้เอารถพยาบาลมารับเลยค่ะ เพราะเราไปเองไม่ไหวนี่ หรือลองเรียกเพื่อนบ้านดู คนที่นี่ดูเย็นชาแต่เค้ามีน้ำใจนะคะ (แต่ไม่รู้ฉพาะบ้านนอกที่เราอยู่หรือเปล่า แต่เอาน่าลองเรียกเค้าดูถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่างน้อยเค้าคงแนะนำเราได้ว่าต้องทำอย่างไร) ดีใจด้วยนะคะ ที่เจ้าของกระทู้ชอบเรียนที่นี่ ถ้าใครอยากมาเรียนต่อที่นี่แล้วมาจากกรุงเทพ หรือเมืองใหญ่ๆในเมืองไทย ที่มีแสง สี เสียง แนะนำให้เลือกเรียนเมืองใหญ่ค่ะ ไม่งั้นจะเหงามากๆ เพราะที่นี่เป็นอย่างที่ จขกท ว่ามาจริงๆ ไม่อยากบอกตอนเรามาอยู่ใหม่ๆวันเสาร์เปิดร้านแค่บ่ายโมง วันธรรมดาพักกลางวันด้วย นี่ทันสมัยขึ้นเยอะแล้วนะ (แต่ชอบแบบแต่ก่อนมากกว่านะ สงสารคนต้องทำงานวันหยุด) จากคุณ : แมวต่างแดน - [ 2 ต.ค. 51 03:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ <---- Ja , genau. Deutschland T___T Sonntag, alles zu T___T denke an 7-11 T____T จากคุณ : BakedMonkey - [ 2 ต.ค. 51 04:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มาแจมค่ะ  แถมโหวตให้ด้วยละกัน ถ้าจะมาเรียนเยอรมัน แนะนำสาขาวิศวะค่ะ  วิศวะเกือบทุกสาขา (ยกเว้นโยธาฯ) หางานที่นี่หลังเรียนจบได้ไม่ยาก   หลักสูตรอินเตอร์ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษสาขาต่าง ๆ ก็น่าเรียนค่ะ เพราะส่วนใหญ่เสียค่าเทอมประมาณ 600 ยูโร ถูกกว่าหลักสูตรในอังกฤษหรืออเมริกา หลักสูตร Bachelor ภาษาอังกฤษที่เยอรมันเรียนสามปี  Master อินเตอร์ที่สอนเป็นอังกฤษเรียนสองปี  บางคนใช้เวลาสองปีครึ่งหรือสามปีจึงจบ Master แต่ส่วนใหญ่ก็สองปีค่ะ ไม่โหดร้ายเรียนนานเหมือนหลักสูตรเก่าที่สอนเป็นภาษาเยอรมัน คุณคห. 46 ลองหาหลักสูตรดูได้ที่ http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html หรือ http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/alle-studiengaenge/06541.en.html นะคะ เท่าที่อ่านเจอ ทางด้านนี้ส่วนใหญ่จะสอนเป็นเยอรมันค่ะ  ถ้าเป็นภาษาอังกฤษอยากแนะนำหลักสูตร http://www.gsp.uni-freiburg.de/Masters%20Programme.html  มีคนไทยเคยเรียนจบไป  แม้จะไม่ใช่สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยตรง แต่ผู้เรียนต้องมีความรู้ด้านรัฐศาสตร์ค่ะ  หลักสูตรนี้เทอมแรกเรียนที่เมือง Freiburg เยอรมนี เทอมสองให้เลือกไป Durban (แอฟริกาใต้) หรือ Buenos Aires  เทอมสามที่ New Dehli หรือกรุงเทพฯ  เทอมสี่ฝึกงาน เทอมห้ากลับมา Freiburg อีกครั้งเพื่อทำ Thesis เรื่องการหางานระหว่างเรียนนั้น  ถึงแม้วีซ่านักเรียนจะทำงานได้ 90 วันต่อปี หรีือ 180 ครึ่งวันต่อปี ทำได้ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย  แต่จะต้องพูดภาษาเยอรมันได้  ถ้าพูดไม่ได้ก็หางานยากค่ะ  ที่นี่ร้านอาหารไทยมีเยอะ เพราะอาหารไทยเป็นที่นิยมของคนเยอรมัน แต่ถ้าอยากฝึกภาษา ก็ไม่ควรทำงานในร้านอาหารไทย เพราะจะได้ใช้ภาษาเยอรมันน้อยมาก  หากใครมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ก็สามารถหางานประเภทเขียนโปรแกรม ออกแบบเว็บไซต์ หรือทำงานในร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ก็ได้ จากคุณ : Sonnenschein - [ 2 ต.ค. 51 05:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อยากถามคุณ Sonnenschein เรียนสาขาวิศวโยธาอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าถ้าสนใจเรียนต่อ Phd ที่นั้นเรียนยากไหมคะ แล้วที่แนะนำว่า หางานยากหลังเรียนจบ ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไรคะ จากคุณ : geoengineer (Geoengineer) - [ 2 ต.ค. 51 06:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาอ่าน ได้ความรู้ ชอบ ชอบ จากคุณ : clubspanky - [ 2 ต.ค. 51 08:21:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตอบคุณคห. 50 และผู้สนใจที่จะไปเรียนต่อเยอรมันคนอื่น ๆ นะคะ  พอดีเราเรียนสายวิทย์แต่ไม่ได้เรียนวิศวะค่ะ ขอตอบเท่าที่ทราบและหาข้อมูลได้ละกัน   การเรียน Ph.D. ในเยอรมันนั้นคือการทำงาน  ขั้นแรกคุณต้องหา Doktorvater (อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์) ให้ได้ก่อน  โดยเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของหน่วยวิจัย (Arbeitsgruppe) ที่โปรเฟสเซอร์คนนั้นเป็นหัวหน้า  ให้ดูว่าเรื่องที่หน่วยแกทำ เป็นเรื่องเดียวกับที่คุณสนใจหรือไม่ และมีตำแหน่ง Ph.D. ว่างหรือไม่ โดยมากตำแหน่ง Ph.D. ทางสายวิทย์ส่วนใหญ่จะมีเงินเดือนให้  แต่ว่าคุณก็ต้องช่วยโปรเฟสเซอร์เตรียมการสอน คุมแล็บเด็ก undergrad. ช่วยตรวจข้อสอบ หรือบางทีต้องนั่งเป็น Beisitzer กับโปรเฟสเซอร์คุมสอบปากเปล่าเมื่อมีเด็กมาขอสอบกับโปรเฟสเซอร์คุณ  การเรียน Ph.D. ในเยอรมันไม่มี course work ค่ะ  มีแต่ทำงานวิจัยเหมือนไปทำงานจริง ๆ วันละแปดชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ  ความยากง่ายก็ขึ้นอยู่กับงานวิจัยของคุณล่ะค่ะ  ถ้างานมีปัญหา ก็จบยากนิดนึง  หลังจากที่คุณดูเว็บไซต์ของหน่วยวิจัยของที่คุณสนใจแล้ว ก็ควรจะไปโหลดเปเปอร์ของโปรเฟสเซอร์และนศ.ป.เอกในสังกัดมาอ่านดู  แล้วจึงติดต่อกับโปรเฟสเซอร์โดยตรงว่าคุณสนใจจะร่วมงานกับเค้า   อ่านเกี่ยวกับการเรียนป.เอกในเยอรมันได้ที่ http://www.thaistudents.de/index.php?mode=read_book_content&id=5 นะคะ และแนะให้อ่านข้อเขียน http://web48.srv9.mw-internet.net/index.php?mode=read_book_content&id=49 ของอ.ดร. บุญยัง ปลั่งกลาง ซึ่งจบการศึกษาป.โทและเอกด้านวิศวะไฟฟ้าจากเยอรมัน ส่วนเรื่องการหางานสายโยธาทำหลังเรียนจบนั้น อ้างจาก http://www.uni-kassel.de/fb14/stud/chancen.html ว่าภายหลังจากการรวมเยอรมันตะวันตกและตะวันออกแล้ว แขนงการก่อสร้างบูมขึ้น ทำให้วัยรุ่นสนใจเรียนด้านโยธากันมาก ทำให้ปริมาณคนจบการศึกษามีมากกว่าปริมาณที่ตลาดต้องการ คนจึงตกงาน ปัจจุบันจึงมีผู้เรียนโยธาน้อยลง ซึ่งก็ทำให้ในอนาคตมีการแข่งขันน้อย และหากเริ่มเรียนโยธาตั้งแต่วันนี้ วันหน้าอนาคตสดใสมีงานทำดี ๆ แน่ สอดคล้องกับ http://www.stern.de/wirtschaft/arbeit-karriere/539568.html?fb=30 ที่พูดถึง perspective อาชีพนี้ในอนาคตว่าไฟเขียวโลด เพราะมีคนเรียนน้อยลง และหนึ่งในสามของวิศวกรโยธาอายุมากกว่า 50 ปี จึงทำให้ในอนาคตมีวิศวกรด้านนี้ที่เกษียณมาก  ตอนนั้นคนรุ่นหนุ่มสาวก็หางานสายนี้ไม่ยาก  แต่การเรียนยากมากค่ะ จาก http://www.stern.de/wirtschaft/arbeit-karriere/539568.html?fb=30 ใน FH (Fachhochschule) มีผู้สำเร็จการศึกษาด้านนี้ 70 เปอร์เซ็นต์  ใน Uni มีผู้สำเร็จการศึกษาสาขานี้แค่ 50 เปอร์เซนต์ ที่เหลือเลิกเรียนกลางคัน  ความแตกต่างของ FH และ Uni ดูได้ที่ http://www.thaistudents.de/index.php?mode=read_all_book&id=3#8   ทีนี้มาพูดถึงเงินเดือนวิศวกรกันมั่ง (ใครเป็นวิศวกรในเยอรมันกรุณาช่วยให้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้างนะคะ) จาก http://www.spiegel.de/unispiegel/jobundberuf/0,1518,514203,00.html วิศวกรในเยอรมันมีรายได้ start สูงเมื่อเทียบกับอาชีพอื่น ๆ  บางคนเรียนวิศวะไฟฟ้า เขียน Thesis ป.โทยังไม่ทันจะจบก็มีบริษัทรับเข้าทำงาน  สามในสี่ของวิศวกรไฟฟ้าที่เพิ่งจบการศึกษา เขียนจดหมายสมัครงานน้อยกว่าสิบที่ (ในขณะที่บางสาขาในสายสังคมศาสตร์ต้องเขียนหลายสิบถึงเกือบร้อยฉบับ และใช้เวลาหางานเป็นปี ๆ)  รายได้ start ของวิศวกรมือใหม่เพิ่งจบโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 36,000 ยูโร - 46,500 ยูโรต่อปี (ใน Article นี้ไม่ได้เขียนว่าก่อนหรือหลังหักภาษี แต่เราคิดว่าน่าจะก่อนหักภาษีค่ะ เพราะแต่ละคนอาจเสียภาษีไม่เท่ากัน ขึ้นกับว่าแต่งงานแล้วหรือโสด มีบุตรหรือไม่มี คู่สมรสทำงานหรือเป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน) หากทำบริษัทใหญ่ ๆ ก็ได้เงินเดือนเยอะไปด้วย และยังขึ้นอยู่กับสายงานด้วยเช่นกัน วิศวกรในสายการผลิตมีรายได้ start ราว ๆ 43,200 ยูโรต่อปี  ในสาย maintenance และการก่อสร้างก็ start 39,600 และ 39,000 ยูโรต่อปี  ถ้าเป็นวิศวกรในสาย sale หรือ marketing ล่ะก็ start 47,500 ยูโรต่อปี  วิศวกรโยธานี่ได้น้อยกว่าเพื่อนเลย start 32,400 ยูโรต่อปี  นอกจากนี้เงินเดือนยังแตกต่างกันตามวุฒิการศึกษาด้วย เช่น วิศวกรที่มีวุฒิ Master start ราว 42,250 ยูโรต่อปี  วุฒิจาก FH ก็ start เฉลี่ย 39,500 ยูโรต่อปี  วุฒิระบบเก่า Diplom-Ingenieur(in) จาก Uni start 40,900 ยูโร  และถ้าคุณฝ่าฟันเรียนจนจบด็อกเตอร์ก็จะได้ start ราว 51,600 ยูโรต่อปี  นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรด้านยานยนต์ semiconductor และอากาศยาน เงินเดือนสูงมาก ๆ ค่ะ  เสียดายที่เราไม่เก่งเลขและฟิสิกส์เลยเรียนวิศวะไม่ได้ หากคุณเรียนจบการศึกษามหาวิทยาลัยที่นี่แล้ว ก็สามารถไปเปลี่ยน residence permit จากสำหรับนักเรียนไปเป็นสำหรับผู้หางาน (Aufenthaltserlaubnis zur Arbeitssuche) ได้  โดย residence permit นี้สามารถต่ออายุได้มากที่สุดอีกหนึ่งปี  หลังจากที่ได้งานทำ(ที่ตรงกับสาขาที่เรียนมา)และนายจ้างทำเรื่อง work permit เรียบร้อยแล้ว  คุณก็ไปเปลี่ยน residence permit เป็นสำหรับทำงาน  เมื่อทำงานและจ่ายภาษีรวมถึงประกันต่าง ๆ เป็นเวลาห้าปี และมีความรู้เกี่ยวกับภาษาเยอรมัน กฎหมาย และระเบียบสังคมในเยอรมัน คุณก็มีสิทธิขอ permanent residence (Niederlassungserlaubnis) เพื่ออยู่ในเยอรมันตลอดไปได้  โดยผู้ถือ permanent residence นี้ มีสิทธิต่าง ๆ เทียบเท่าคนเยอรมัน เว้นแต่เลือกตั้งไม่ได้เท่านั้น  แต่เราคิดว่าคงมีคนไทยไม่มากที่อยากปักหลักอยู่ที่นี่ค่ะ  ถ้าคุณเป็นคนรักชีวิตสันโดษ ไม่ชอบวัตถุนิยม รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ชอบทำผิดกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เยอรมันเหมาะกับคุณ  โดยเฉพาะตาม Dorf (หมู่บ้าน) ตามเมืองเล็ก ๆ นี่สันโดษได้ใจเลยล่ะค่ะ เงียบมาก ๆๆๆๆ  ถ้าคุณอยู่เมืองเล็ก ๆ หากกลับบ้านดึก ๆ คุณแทบจะไม่เห็นรถวิ่งผ่านเลย เงียบจนคุณ(และเพื่อนบ้าน)จะได้ยินฝีเท้าคุณ(โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบใส่รองเท้ามีส้น) หากคุณไปซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นี่ เค้าไม่มีถุงพลาสติกแจกให้นะคะ  ถ้าจะเอาถุง คุณต้องเสียตังค์ซื้อเอง (กี่ cent จำไม่ได้แล้ว เพราะส่วนใหญ่เราเอากระเป๋าเป้หรือกระเป๋าผ้าไปด้วย)  และแน่นอน เมื่อคุณเอาถุงผ้าหรือเป้ไปใส่ของ คุณก็ต้องเป็นผู้หยิบของที่คุณซื้อใส่ถุงผ้าด้วยตัวเอง  หากคุณเก็บของเข้ากระเป๋าช้า ชาวเยอรมันที่ต่อแถวถัดจากคุณจะมองด้วยความไม่พอใจ บางคนจะพูดออกมาเลยด้วยซ้ำ  ดังนั้นถ้าคุณมาอยู่เยอรมันนาน ๆ  กลับไปเมืองไทยสามารถไปรับจ็อบเป็นพนักงานแพ็คของใส่ถุงตามซุปเปอร์ได้เลยล่ะค่ะ เพราะรับรองว่า คุณสามารถเอาของใส่ถุงให้ลูกค้าเร็วว่าพนักงานคนไทยแน่นอน ตอนแรกจะปั่น Thesis ให้เสร็จ เพราะ deadline เดือนหน้าแล้วค่ะ แต่อยากส่งเดือนนี้  แต่เห็นกระทู้นี้เลยเข้ามาแจม  ขอบคุณคุณ De-Ace นะคะที่เปิดกระทู้  ใครมีคำถามอะไรเกี่ยวกับการเรียนต่อเยอรมันหรือการใช้ชีวิตที่นี่ เราจะแวะเข้ามาช่วยคุณ De-Ace ตอบละกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 10:15:59 จากคุณ : Sonnenschein - [ 2 ต.ค. 51 10:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่า แล้วถ้าอยากเรียนปริญญาโทประเภทสายศิลป์ พวก ดีไซน์ แฟชั่นดีไซน์ ประมาณนี้ ทุนDAAD มีให้ไหมคะ? จากคุณ : The Dog Day - [ 2 ต.ค. 51 10:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เข้ามาดูตอนเช้ากระทู้ยาวซะแล้วว ขอบคุณ คุณDe-Ace สำหรับข้อมูลนะคะ จริงแล้วเราว่าทางด้าน MEdia Technology นี่น่าสนใจทีเดียว ว่าแล้วก็ตามลิงห์ไปดูดีกว่า... จากคุณ : BluE field - [ 2 ต.ค. 51 11:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมอยากเรียนต่อป.ตรี ทีเยอรมันผมครรทำอย่างไรดีเป็นอย่างเเรกช่วยด้วยผมงงไปหมด แล้วไปเเล้วผมจะต้องเรียนภาษาไหม... จากคุณ : มะนาวจืด - [ 2 ต.ค. 51 13:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณ พี่ De-Ace สำหรับข้อมูลนะครับผม ส่วนตัวผมตอนแรกตั้งใจจะไปเยอรมัน เหมือนกัน อุตส่าห์เตรียมเรียนภาษาเยอรมันไว้เต็มที่ สุดท้าย ๆ ไป ๆ มา ๆ มีเหตุ และผล ดลใจให้ไป ฝรั่งเศสแทน (ต้องเรียนภาษากันใหม่หมด ...) แต่ยังไงก็ยังอยากไปเยอรมันอยู่ดี แหละ รักเยอรมัน >< จากคุณ : SainIChi - [ 2 ต.ค. 51 13:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แล้วถ้าไปเรียนต่อโทเภสัชที่นั่น ต้องหาข้อมูลจากที่ไหนคะ แล้วจบมาจะทำงานที่นั่นได้หรือเปล่าคะ รบกวนผู้รู้ทุกท่านด้วยค่ะ จากคุณ : ราเม็งคุง (ราเม็งคุง) - [ 2 ต.ค. 51 14:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณคุณ Sonnenschein ครับ มีคนมาช่วยแล้วเย่ ผมเห็นด้วยกับข้อมูลของคุณ Sonnenschein ข้อมูลแน่นปึกมากๆ ผมช่วย confirm แล้วกันว่าเรทเงินเดือนที่ให้มานั้นเก็นก่อนหักภาษีครับ แต่ว่า อย่างเพิ่งตกใจที่เงินเดือนต่างกันได้ถึงเหมือนยูโรต่อปี ทั้งนี้ทั้งนั้นจะบอกว่าภาษีที่นี่แพงมาก เกือบๆ 45% ได้ (รวมประกันสังคม ประกันสุขภาพ และประกันตกงาน) จึงทำให้เงินเดือนหลังหักภาษีออกมาแล้ว ไม่ต่างกันมากนักครับ ตัวอย่างเช่น คนๆนึง อาจจะได้เงินเดือน 3900 Eu ต่อเดือน (46800 ต่อปี) จะได้เนทหลังหักภาษีประมาณ 2100 (โสด ยังไม่แต่งงาน) อีกคนได้เงินเดือน 3200 Eu ต่อเดือน (38400 ต่อปี) จะได้หลังหักภาษีประมาณ 1900 Eu ครับ จะเห็นว่า เนทออกมาไม่ค่อยต่างกันเลย แล้วก็คอนเฟิร์มว่า ตอนนี้เยอรมันต้องการวิศวกรครับ โดยเฉพาะสาย IT หางานไม่ยากมาก ถ้าพยายามหน่อย น่าจะหาได้ เรื่องวีซ่า ผมคนนึงหล่ะ ที่คงไม่ปักหลักอยู่ที่นี่ แบบว่ายังไงอยู่บ้านเราก็สบายใจกว่าเยอะ แต่ก็มีพี่ที่รู้จัก ที่เค้าชอบที่นี่นะครับ แบบว่าเป็นระเบียบ เลยกะว่าจะอยู่ตลอดไปก็มีอ่ะ เรื่องซื้อของ จริงอย่างคุณ Sonnenschein ว่าครับต้องเตรียมถึงผ้าไปเองแล้วก็ต้องจัดของเอง ที่นี่ค่อนข้างห่วงธรรมชาติสภาพแวดล้อมของประเทศเค้าครับ อะไรๆ ก็ Umweltschutz (Environment Protection) ไม่ว่าจะเรื่องถุงผ้า ภาษีที่เก็บเพิ่มจากน้ำมัน เพราะเค้าถือว่ารถยนต์ทำลายสิ่งแวดล้อม การแยกขยะ และอื่นๆอีกมากมาย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีบางร้านแถมถุงพลาสติกฟรีบ้าง แต่ก็น้อยมากครับ จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 14:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบคุณ The Dog Day เท่าที่ลองหาๆดูก็พอมีด้าน Design บ้างนะครับ แต่อาจจะไม่ใช่ Fasion Design อ่ะ แล้วก็ ทุนเท่าที่ทราบตอนนี้ไม่มีด้านนี้นะครับ แต่อีกหน่อยอาจจะมีก็ได้ http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html?iplevel=2&ipterm=&ipfield=09&ipsubject=800&iptypehei=&iptownhei=&iphei=&iplangdistribution=&ipenter.x=90&ipenter.y=15 ตอบน้องมะนาวจืด อันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ พอดีมีเพื่อนที่มาเรียนที่นี่ในหลักสูตร Diploma คือ มาเรียนตั้งแต่ป.ตรีอ่าแหละ เรียน7 ปี จบมาได้เทียบเท่าปริญญาโทเลย เค้ามาด้วยทุน ก.พ. ครับ แล้วมันก็บ่นอยู่ตลอดเวลาเวลาที่เพื่อนๆคุยกันถึงชีวิตในมหาลัยที่เมืองไทย มันบ่นบอกว่า เหมือนเกิดมาแล้วไม่มีชิวิตวัยรุ่น เป็นเด็กแล้วโตเลย - -" ถ้ามีทางเลือกนะ เรียนตรีที่ไทยก่อนก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้าอยากมาเลยก็แนะนำว่า ให้เริ่มดังนี้ครับ 1. คิด คิด แล้วก็ คิด ว่าเราชอบอะไร อยากเรียนอะไร มีหลายคนที่เรียนมาแล้ว จบมาแล้ว กลับไม่ชอบไม่อยากทำงานต่อด้านนั้นๆ เสียโอกาสไปเยอะทีเดียวครับ 2. คิดได้แล้ว ก็เริ่มมองหาดูว่ามีที่ไหนเปิดสอนบ้าง Link ที่คุณ Sonnenschein ให้ไว้ ดีมากครับ มีคอร์สเยอะให้ลองเลือกหา สำหรับน้องก็กด bachelor อ่ะ แล้วก็หาดู http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html 3. ทำรายการไว้ว่า แต่ละที่ ต้องการคุณสมบัติของผู้สมัครอย่างไรบ้าง เอกสารอะไรบ้าง หมดเขตในแต่ละขั้นตอนเมื่อใหร่ แล้วก็เริ่มสมัครครับ บางที่อาจจะให้เริ่มสมัครจากใน internet ก่อน ถ้าผ่านขั้นแรกจึงให้ส่งเอกสาร ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้บางส่วน บางทีอาจจะให้ส่งเอกสารเลย ก็ต้องดูเป็นแต่ละที่ไปครับ อ่อ สำหรับคนที่จะสมัครเรียนโทนะครับ ที่นี่ปกติเค้าเอาทรานสคริบตั้งแต่ ม.ปลาย เลยอ่ะครับ ก็งงๆ ว่าเอามาทำไม ของผม เกรด กศน.อ่ะ จบแบบผ่านพอดีอีกต่างหาก เหอๆ - -" เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมเอกสารตัวนี้ด้วยหล่ะ ส่วนคุณราเมง ก็แนะนำให้ลองเข้าไปดูใน link ของ DAAD นั่นแหละครับ ลอง ดูตรงสาย Medicine อ่ะครับ ไม่รู้ว่ามีอันไหนใกล้เคียงหรือเปล่า จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 15:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เรื่องการหางานระหว่างเรียนนั้น ถ้าคิดจะทำข้างนอก ก็อย่างที่คุณ Sonnenschein ว่าไว้จริงๆ คนที่ได้ภาษาก็ย่อมมีโอกาส มีทางเลือกมากกว่า ถ้าภาษาดี เดินๆ ไปในเมือง มองหาป้าย "Aushilfe suchen" ที่มักจะมีแปะตามร้านต่างๆ ได้เลย ชอบร้านไหน เดินเข้าไปบอกได้เลย ปกติ ร้านค้าขายของตามถนน shopping มักจะมีพนักงานอยู่แต่ไม่พอ เค้าไม่อยากจ้างแพงก็หา aushilfe จากนักเรียนเนี่ยแหละครับ แต่ผมก็เห็นถ้าป้ายร้านไหนมีแปะไว้ มันก็จะอยู่อย่างนั้นไปนานแสนนานทีเดียว สงสัยคนเยอรมันไม่อยากทำกัน เอาเวลาไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์กินเบียร์กันหมด เหอๆ ส่วนนักเรียนต่างชาติก็ไม่กล้าจะสมัครเพราะภาษาไม่ค่อยดี ถ้าภาษายังไม่ดี ทางเลือกก็คงน้อยลง อาจจะเหลือร้านอาหารไทย ที่ได้พูดบ้างเล็กๆน้อยๆ เวลาลูกค้าสั่งอาหารหรือเก็บเงิน ส่วนทำงาน Hiwi ในมหาวิทยาลัยนั้น ภาษามักไม่ค่อยจำเป็นครับ เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นนักเรียน Master เค้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะต้องพูดภาษาได้ดี ตอนทำ Hiwi ความรู้เยอรมันผมก็ยังเด็กแบเบาะมากๆ ก็ใช้ภาษาอังกฤษเรื่อยมา จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 15:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เนื่องจากว่างงานอยู่ มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณ Roby ว่าจะมาเล่าชีวิตยามว่างต่อ สมัยเรียน ผมพักอยู่หอพักแบบที่เรียกกันว่าเวเก (WG) ที่พักแบบนี้มีลักษณะเป็น คอนโด 4 ห้องนอน แต่ share กันอยู่ 4 คนครับ ช่ายนั่นก็คือ เรามีห้องนอนส่วนตัว แต่ว่าแชร์ห้องน้ำห้องครัวกับเพื่อนๆอีก สามคน เผอิญว่าผมโชคดีหรืออย่างไรไม่ทราบเพื่อนบ้านผมทุกคน ไม่ค่อยอยู่บ้าน (เลยเป็นสาเหตุให้วันนั้นต้องแบงสังขารไปโรงพยาบาลคนเดียวอ่ะครับคุณแมวต่างแดน) เพราะฉะนั้น เมื่อได้ฤกษ์ วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเกิดอยากขึ้นมา ผมก็จะชวนเพื่อนๆคนไทยมาสังสรรกันครับ ทำกับข้าวกินกันแล้วก็หารค่าใช้จ่าย กินเสร็จก็มาร้องคาราโอเกะหรือดูหนังกันต่อ อิอิ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำความเดือนร้อนให้คนอื่นนะครับ เพราะผมคนขี้เกรงใจอยู่แล้ว ก่อนจะร้องเกะหรือดูหนังกัน ผมจะต้องสอบถามให้แน่ใจก่อนว่าเพื่อนๆไม่อยู่ห้องจริงๆ แล้วเราก็จะร้องกันเฉพาะหน้าหนาว ที่สามารถปิดประตูหน้าต่างทุกบานได้ ผมขี้เกรงใจมาก ขนาดว่ากลัวห้องอื่นๆจะรำคาญ ถึงกับต้องออกไปยืนฟังอยู่ข้างนอกบ้านว่าเสียงที่ร้องๆกันมันดังมั้ย แต่ก็ confirm ครับว่าไม่ดัง หลังจากปิดหน้าต่างหมดแล้ว ข้างนอกแทบไม่ได้ยินอะไรเลย เหอๆ เทียบกับวันนึง เพื่อนคนเยอรมันก็ร้องเกะบ้าง วันนั้นผมเพิ่งกลับมาจากที่ไหนซักทีไม่รู้ เข้าห้องไปถึงกับอึ้งเล็กน้อย มันร้องกันในครัวดังมาก เหอๆ แต่ก็ว่าเค้าไม่ได้เพราะเราไม่ได้บอกก่อนว่าจะกลับวันนี้แล้วดันซวยเค้ามาร้องกันวันนั้นพอดี เค้าก็ถามเราว่า Ok มั้ย ผมเชื่อว่าถ้าผมตอบว่าไม่ OK เค้าจะหยุดกันครับ แต่แบบเกรงใจกลัวเค้าหมดสนุกกันผมเลยบอกว่า Ok แล้วก็ต้องนอนฟังเสียงมันร้องกันไปทั้งคืน 5555 แต่นานๆที ไม่เป็นไรเห็นใจอ่ะแบบว่าเค้าก็คงกำลังสนุกกัน ผมมีคาราโอเกะเยอะมากขนาดร้านเกะในเมืองไทยอายอ่ะครับ เมื่อมีเยอะมานั่งเลือกๆเพลงก็ทีละแผ่น DVD ก็จะลำบาก ผมเลยมีกล่อง karaoke ส่วนตัว อิอิ มีเพลงกว่า 100 GB พร้อมโปรแกรมเล่น karaoke แบบตามร้านเกะที่ให้ใส่รหัสเพลงอ่ะคับแบบทำมือ สรุป Karaoke เลยเป็นกิจกรรมหลักของผมและเพื่อนๆแถวๆนี้อ่านะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 15:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วเราก็ผลัดๆกันไป อาทิตย์นี้บ้านคนนั้น อาทิตย์โน้นบ้านคนนี้ ถ้าไปบ้านอื่นที่เค้าเสียงดังกันไม่ได้ (คือที่นี่มีกฎหมายหน่ะครับ เสียงดังหลัง 4 ทุ่มนี่เรียกตำรวจมาจับได้เลย) เราก็หากิจกรรมอย่างอื่นทำกัน เช่นเล่น เลี้ยบตุ่ย (เหอๆ) เล่นเกมคอม เกมบอร์ด เกมการ์ด หรือนั่งเม้า เล่นกีตาร์ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าบ้านใครมีอะไรให้ทำ สมัยที่ Virtual Tennis 3 ออกใหม่ๆ เราก็ทำข้าวกันกันแล้วก็ตีเทนนิสกันครับ ออกกำลังกาย(นิ้ว) กันหน่อย เดี๋ยวนี้กิจกรรมก็กลายเป็น เตะบอล(เล่นwinning) กันแทน ผมย้ายบ้านแล้วมาอยู่ข้างนอกเลยไม่กล้าทำเสียงดัง กลัวเจ้าของบ้านดุอ่ะครับ เลยไม่ได้ร้องเกะแล้ว เสียดายๆ พอมีวันหยุดยาวๆ ก็จะนัดกันไปเที่ยวครับ แล้วแต่ว่าจะไปไหนกัน ถ้าหน้าหนาวก็อาจจะไปเล่นสกีกัน แหมฟังดูหรูนะ แต่หารู้ไม่ไปกันแบบยาจกๆอ่ะครับ นั่งรถไฟหวานเย็น ตั๋วถูกที่สุดหารห้า ที่พักถูกที่สุดที่หาได้ หรือไม่ก็อาจไปเช้าเย็นกลับ แต่จะว่าไป มาที่นี่โอกาสได้เล่นสกีนี่ก็ถือเป็นกำไรจริงๆครับ ไปเมกาอาจจะหาเล่นยากหน่อย(มั้ง ไม่รู้เหมือนกัน) แต่ที่นี่มีที่ให้เลือกเล่นเยอะแยะมากมาย เยอรมันเองก็มี หรือถ้ามีตังหน่อยก็ซื้อ package ไปเล่นที่ Austria/Switz ก็ได้ ผมเล่นสกีครั้งแรกก็ชอบมากแล้วครับ มีโอกาสก็ต้องไปให้ได้ เพื่อนผมมันเพิ่งได้มาคบๆกับคนไทยมากๆก็ปีสุดท้ายก่อนมันกลับ - -" เลยเพิ่งได้มีโอกาสไปเล่นสกี และเป็นหน้าหนาวสุดท้ายที่มันจะได้เล่น มันชวนผมไปเล่นทุกอาทิตย์เลยอ่ะ แบบว่าไม่มีคนอื่นไปด้วย ก็ไปกันสองคนเหอๆ ใจรักสุดๆ เล่นเสร็จก็ระบบกลับมานอนโอดครวญแต่ก็ไม่วายที่จะไปเล่นต่อ ใครอยู่แถวนี้แล้วยังไม่ได้ลองก็ไปลองซะนะครับ สนุกดี :D จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 15:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 63 พี่คนไทยที่นี่บางคนมีใบขับขี่ครับ บางครั้งเราก็จะเช่ารถแล้วไปเที่ยวกัน ถ้ามีรถ ก็จะได้ไปไกลๆ หน่อย บางทีก็อิตาลี่ ออสเตรีย สวิส แล้วแต่ว่าคนขับมีแรงขับแค่ไหน 555 พอมีรถ หารค่าใช้จ่ายกันออกมา มันก็จะถูกกว่าไปเที่ยวด้วยรถไฟอ่ะครับ แถมสะดวกกว่าด้วย ยิ่งถ้าไปหลายๆที่ วางแผนดีๆ นี่คุ้มมาก พูดเรื่องเที่ยวแยะๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นมาเรียนแบบไม่สบายกระเป๋าซะแล้ว 555 เอาเป็นว่า มาแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองครับ วางแผนให้ดี เงินเรามีเท่าใหร่ หาใด้เท่าใหร่ ที่ต้องใช้จ่ายเท่าใหร่ คำนวณดีๆ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา :D นานๆที เราก็จะนัดกันไปกินข้าวนอกบ้านครับ ร้านประจำของพวกเราก็คือร้านสุกี้แบบจีนๆ กินสุกี้ที่นี่ทีไร นึกถึง MK ทุกที มันช่างเทียบกันไม่ติดเสียนี่กระไร แต่อย่างว่านะครับมีอะไรก็ต้องกินไปตามสภาพ เลือกมากก็อดกิน มาเรียนที่นี่ อีกทักษะหนึ่งที่ได้ก็คือการทำอาหารครับ แหะๆ อยู่เมืองไทยผมหุงข้าวยังไม่เป็นเลย มาที่นี่ ตอนจะหุงข้าวเพื่อนมันก็มาช่วย มันก็ถามผมว่า ไม่ล้างข้าวหน่อยเหรอ ผมก็ตอบมันไปว่า "อ่าวเฮ้ย เค้าไม่ได้ หุงข้าวไม่ซาวน้ำกันเหรอวะ" ฮ่าๆ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ (แล้วจะมาเล่าให้อายทำมัยเนี่ย)  หลังจากนั้นเราก็คิดได้ว่าเค้ามีแต่หุงข้าวไม่เช็ดน้ำนี่หว่า แป่ว จะว่าไป วีรกรรมผมก็เยอะใช้ได้นะ แต่ไม่เล่าดีกว่า ขายหน้าเปล่าๆ - -" จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 16:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอขำคุณ BakedMonkey ความคิดเห็นที่ 48 หน่อยครับ คิดถึง 7-11 เหมือนกัน ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ -> ขับรถมา เจอทางม้าลายคนข้ามที่มีไฟเขียวไฟแดงด้วย ไฟมันแดงอยู่ คนข้ามเดินไปไหนไม่รู้แล้ว เค้าก็ยังหยุดรถไม่ขับต่อ ต้องรอไฟเขียว เป็นระเบียบมาก! จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 16:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ได้ความรู้มากมายเลยค่ะ (^^) พี่สนใจเรียนต่อที่เยอรมันเหมือนกัน แต่สาขา Linguistics มีทุนน้อยเหลือเกิน ก็อย่างว่าล่ะนะ เยอรมันเขาดังเรื่อง Engineer มาก ทุนเลยเยอะ :) พี่อ่านแล้วได้ความรู้เยอะดี ยังไงจะพยายามหาทุนไปเรียนต่อที่เยอรมันให้ได้ ฮ่าๆๆๆ ไม่ยอมแพ้ๆ ;) จากคุณ : ป้าหมี (cowboy_syd) - [ 2 ต.ค. 51 17:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ De-Ace คะ ดิฉันชอบเรื่องที่คุณนำมาถ่ายทอดแบ่งปันแบบนี้มากค่ะ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้คุณเขียนบล็อกด้วยจะดีมากเลยค่ะ เพราะคนที่ไม่รู้จะได้ย้อนกลับมาดูได้ และดิฉันเชื่อเหลือเกินค่ะว่าคุณจะต้องมีเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันให้คนไทยอีกแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : Flowerfun - [ 2 ต.ค. 51 18:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้มากค่ะ จะลองหาดูค่ะ จากคุณ : ราเม็งคุง (ราเม็งคุง) - [ 2 ต.ค. 51 18:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Thanks for your information ,,  >< ,, may b next year I'll apply for,, anyway, what are you studying ka K.De-Ace?? I mean,which field a ka. Good day จากคุณ : BakedMonkey - [ 2 ต.ค. 51 18:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณที่มาให้ประสบการณ์ดีๆ จขกท. อยู่เมือง Aachen เหรอครับ ปล.เคยฝันว่าอยากไปเรียน RWTH-Aachen ที่คงเป็นฝันอยู่ จากคุณ : พยัคฆ์มรกต - [ 2 ต.ค. 51 20:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีครับ คุณ Flowerfun ผมเคยเขียนอยู่บ้างตอนเรียนครับ แต่ตอนนี้ทำงานแล้วไม่มีเวลามาดูแล Blog ตัวเองจนมันร้างไปแล้วหล่ะครับ เลยขอเป็นขาจรมาเขียนเล่าเรื่องราวเวลามีเวลาว่างดีกว่าครับ - -" คุณ BakedMonkey ผมเรียน IT ครับ แหะๆ แบบว่าเดี๋ยวนี้อะไรๆก็คอมพิวเตอร์ครับเลยได้เปรียบหน่อย ภาษาไม่ต้องดีขั้นเทพเค้าก็รับทำงานแล้ว คุณพยัคฆ์มรกตครับ ตอนแรกผมก็อยากไปเรียน RWTH-Aachen ครับ แต่ว่าสมัครไม่ทัน ก็เลยเอาที่สมัครไว้ที่แรกที่ Stuttgart เลยเพราะว่าเนื้อหาคอร์สที่ผมสมัครที่แรกไว้ก็ดูน่าเรียนและตรงตามความสนใจแล้วครับ(แต่ว่าตอนนั้นคอร์สที่ผมเรียนมันมีต้องสอบ Qualification ให้ผ่านด้วยไม่ผ่านไม่ให้เรียน คนเลยไม่ค่อยเลือกกันครับ) ผมว่าผมเลือกไม่ผิดอ่ะเพราะว่าเรียนที่นี่ไม่ได้ยากมาก ไม่ต้องปวดหัวมากเหมือนเด็กอาเคน เห็นบ่นกันใหญ่สองปีจบมีน้อย ส่วนใหญ่เรียนกันสามปีทั้งนั้น จบมาก็เข้าทำงานแถวๆนี้ต่อเลย เพราะ Stuttgart ก็มีทั้ง IBM HP Sony และ บริษัทเล็กบริษัทน้อยให้เลือกทำมากมายครับ ถ้าเป็นสายยานยนต์ เครื่องกล ก็มี Benz Porsche Bosch ประมาณว่าเมืองอุตสาห์กรรมมันอยู่ใต้ๆหมด ฝึกงานก็ไม่ต้องย้ายที่เพราะหาแถวนี้ได้ เพื่อนผมจบอาเคนกันแต่ต้องย้ายมาทางใต้ก็ตอนหาที่ฝึกงานนี่แหละครับเพราะเหนือๆมันไม่มีเลย ^^ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 21:38:13 จากคุณ : De-Ace - [ 2 ต.ค. 51 21:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับข้อมูล :D จากคุณ : love_hurts (love_hurts) - [ 2 ต.ค. 51 21:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณเจ้าของกระทู้ หุงข้าวไม่เป็น ไม่เท่าไหร่ครับ นักเรียนอิตาเลียน ข้างห้องผม จะต้มพาสต้า มันเรียกผมมาดู ว่าอย่างงี้น้ำเดือดรึยัง 55+ จากคุณ : บุ้ง (B Oprysk) - [ 2 ต.ค. 51 22:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สนใจมากเลยครับ อยากทราบว่าเขามีทุนปริญญาโทยุโรปศึกษาไหมครับหรือไม่ก็พวกวิชารัฐศาสตร์ (เอามาจากกระทู้เชคฯ) อ่านแล้วเยอรมันน่าไปเรียนมากกว่า คือผมจะจบตรีปีหน้านี่เอง ถ้าผมอยากไปเรียนต่อเลย ควรเริ่มต้นในช่วงไหนของปีครับ จากคุณ : newuno - [ 2 ต.ค. 51 22:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อยากไปเรียนที่เยอรมัน มาตั้งแต่เด็กๆค่ะ เริ่มจากแค่ ที่บ้านใช้รถ bmw แค่นั้นจริงๆ แต่แล้ว... เป็นไงไม่รู้ ตอนนี้ติดแหงกมาเีรียนที่อเมริกา ตั้งแต่มัธยม ถึงตรี.. อยากไปต่อโท มากค่ะ ตอนนี้เรียน วิศวะอยู่ พื้นฐานภาษาเยอรมันนั้น เคนมี แต่สงสัยต้องไปแงะออกมาใหม่ จริงมั้ยคะ ที่หลักสูตรวิศวะ อินเตอร์ส่วนใหญ่ สอนเป็นเยอรมัน 50% จากคุณ : tu-at-anz - [ 3 ต.ค. 51 00:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอขอบคุณ จขกทและเพื่อนๆที่ใจดีให้ข้อมูลมากๆค่ะ โดยส่วนตัวชอบประเทศเยอรมนีมานานแล้วค่ะ แต่ยังไม่เคยไปเลยคิดว่าหากมีโอกาสก็คงอยากไปศึกษาต่อ หรือ ไม่ก็ไปเที่ยวดูสักครั้ง รบกวนถาม จขกท ค่ะ ดิฉันเคยได้ยินมานานว่าคนเยอรมัน มีระเบียบวินัย รักษ์ธรรมชาติ และรักงานมากๆ ประมาณว่า works make life sweet ประมาณนี้ค่ะ จึงสงสัยว่าปัจจุบันคนเยอรมันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วหรือคะ เห็นคุณ จขกท บอกว่าฝรั่งขี้เกียจ จากคุณ : รพีพร - [ 3 ต.ค. 51 08:24:34 A:10.90.4.164 X:202.28.181.11 TicketID:189145 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ De-Ace ครับ Study Account และ Study Credit คืออะไรหรือครับ เพราะจากหลักสูตรที่ผมสนใจนั้น เขาบอกว่าค่าเทอมนั้นขึ้นอยู่กับ Study Account (may also be free, depending on your study account) ตามไปอ่านใน Link ของมหาวิทยาลัยก็งงๆ ครับ ไม่รู้หมายถึงอะไรแน่ (ไม่กล้าฟันธง) ปล. พอมีข้อแนะนำสำหรับ Kaiserslautern ไหมครับ จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ 3 ต.ค. 51 08:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ คห. 73 http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/alle-studiengaenge/06541.en.html?sachgebiet1=429&sachgebiet2%5B%5D=258&show=liste&send.x=103&send.y=2 European study เยอะอยู่นา ------------------------------------------------------------ คุณเจ้าของกระทู้ใจดีจัง ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ตอนนี้กำลังดูเยอรมันอยู่เลยค่ะ ว่าจะไปต่อโท แต่คอร์สที่เฟื่องฟูนี่ไอทีทั้งนั้นเลย -"- คุณเจ้าของกระทู้หรือใครพอจะรู้จักคนเรียนสายปรัชญา การเมือง หรือจิตวิทยาบ้างมั้ยคะ -"- แบบว่าอยากจะปรึกษา เคยไปเปิดดูในเว็บ DAAD แล้ว คอร์สช่างน้อยเหลือเกิน -"- ยังคงมึนๆอยู่ อ้อ ตอนนี้ยังมีสอบเข้าอยู่มั้ยคะ ปริญญาโทอ่ะค่ะ แห่ะๆ ถามๆ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 12:10:14 จากคุณ : PADAPA--DOO - [ 3 ต.ค. 51 12:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุงค๊าบ อ่านแย้วจุดประกายดีมั่กๆ อยากไปอยากไป จากคุณ : thaiguy (thaiguy96) - [ 3 ต.ค. 51 12:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีมีประโยชน์ค่ะ แล้วเค้ามีกำหนดอายุหรือเปล่าคะ ว่าต้องอายุไม่เกินเท่าไหร่จึงจะสามารถเรียนได้ จากคุณ : JETA - [ 3 ต.ค. 51 13:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สวัสดีครับ ตอบคุณ newuno ถ้าอยากมาเรียนต่อเลย ให้เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ ผมคิดว่าปรกติแล้วมหาลัยจะปิดรับสมัคร ประมาณ กุมภาครับ แล้วจะเริ่มเปิดเรียน ตุลา ปีหน้า เพราะฉะนั้นถ้าอยากมาเรียนต่อปีหน้าเลยให้เริ่มช่วงนี้เลยครับ หาข้อมูลแล้วก็ deadline ให้พร้อม ตอบคุณ tu-at-anz ความเห็นที่ 74 บางมหาลัยสอนคอร์สอินเตอร์เป็นเยอรมัน 50% จริงๆ ครับ อย่างเช่นที่ Aachen มีวิชาที่ต้องไปเรียนกับนักเรียนเยอรมันเยอะครับ อาจถึง 50% หรือบางมหาวิทยาลัยก็จะให้เรียนเป็นภาษาอังกฤษปีแรกๆ ปีถัดๆมาก็จะมีสัดส่วนของวิชาที่เป็นภาษาเยอรมันเยอะขึ้นเรื่อย(ป.ตรี) แต่มหาลัยที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษตลอดหลักสูตรก็มีครับ อย่างเช่น uni-stuttgart ที่ผมเรียน ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหลักสูตรครับ รวมทั้ง thesis และฝึกงานด้วย ตอบคุณ รพีพร ค.ห. 75 ครับ คำพูดนั้นก็ยังเป็นจริงอยู่ครับ แต่ว่าเค้าทำงานมีระบบ งานตัวเองเสร็จเป็นพอ ไม่ได้จะขวนขวายหางานมาทำเพิ่มครับ เลยดูขี้เกียจนิดหน่อยในสายตาผมถ้าเทียบกับการที่เพื่อนร่วมงานที่ไทยมักจะถามเสมอๆว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย แต่ว่าเค้าก็รับผิดชอบส่วนของเค้าเต็มที่เหมือนกัน ส่วนที่ขี้เกียจแบบไม่เอางานเลยก็มีครับ (แต่ผมว่าก็มีทุกที่แหละ เราคงเหมารวมไม่ได้) ผมกำลังปวดหัวอยู่ตอนนี้ โปรเจคไม่เดินเพราะว่าติดที่คนๆนึงอ่ะครับเศร้า จากคุณ : De-Ace - [ 3 ต.ค. 51 14:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณหนองน้ำแห้ง ค.ห. 76 คือว่าผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอ้ Student Account/Credit ของเค้าหมายถึงอะไร  แนะนำให้คุณ e-mail ถามทางโน้นเลยครับ ส่วนใหญ่คนที่นี่ที่ดูและเรื่องนักศึกษาใหม่จะใจดีกันแทบทุกคนเลยครับ * แก้ไขเดาผิดพลาดครับ แหะๆ (สำหรับข้อมูลที่ถูกต้องดูได้ที่ค.ห. 87 ของคุณ Sonnenschein ครับ) คุณ PADAPA--DOO คห.77 ช่ายครับ IT มันบูมมากเลยอ่ะครับ ก็อย่างว่านะครับมันใช้กันทุกบริษัทไม่ว่าจะทำอะไรก็ใช้คอมพิวเตอร์ ตอนก่อนผมเลือกเรียนสายนี้ ผมมองว่า ถ้ามาทางวิศวกรรมศาสตร์ สายงานที่ไม่ตกงานแน่ๆ ก็น่าจะมี ไฟฟ้า/สื่อสาร แล้วก็ คอมพิวเตอร์นี่แหละครับเพราะมีใช่ในชิวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เลือกคอมพิวเตอร์เพราะชอบอยู่แล้ว ส่วนป.โทที่ต้องสอบผมว่าน่าจะไม่ค่อยมีแล้วนะครับ คอร์สที่ผมเรียนเมื่อก่อนก็ต้องสอบแต่เค้ายกเลิกไปแล้ว คุณ JETA  ค.ห79 ครับ เห็นคนถามมาเยอะเรื่องอายุ ผมก็ลืมบอกไป ส่วนใหญ่แล้ว Course การเรียนของที่นี่ไม่มีกำหนดอายุครับ แต่ว่าจะมีก็ทุนนั่นแหละที่กำหนดบ้างว่าห้ามเกินเท่านั้นเท่านี้ ทั้งนีั้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละทุนครับ ส่วนใหญ่ที่ผมเห็นคือ 32 ปี หน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 51 15:20:56 จากคุณ : De-Ace - [ 3 ต.ค. 51 14:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มีประโยชน์มากคะ ขอบคุณทุกท่านได้ความรู้เยอะดี จากคุณ : Eye blue Buse (Eye blue Busch) - [ 3 ต.ค. 51 16:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณคุณ De-Ace มากเลยค่ะที่ให้ความรู้เรื่องการเรียนที่เยอรมัน  อ่านแล้วเพลินมากเลยค่ะ*-* อยากไปเรียน  บ้างแต่เงินไม่มีอิอิ  จะสอบชิงทุนก็ไม่เก่งภาษาเอาซ่ะเลย  เลยได้แต่นั่งอ่านเรื่องของเพื่อนๆที่เรียนที่ต่างประเทศกัน  ชอบมากเลยค่ะเวลาที่เพื่อนมาเล่าเรื่องที่ไปเรียนสนุกดี   แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 18:41:54 จากคุณ : panda_thailand - [ 3 ต.ค. 51 18:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ดีจัง แบ่งปันข้อมูลมีประโยชน์มากมาย ว่าแต่ เขารับ สว ไปเรียนไหมอะ สูงวัย ไง จากคุณ : แก้วก๊า_04 - [ 3 ต.ค. 51 19:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มีประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ^^ จากคุณ : ammzii - [ 3 ต.ค. 51 19:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขอบคุณมากเลยครับ คือผมงงอ่ะครับ เรื่องขั้นตอน ถ้าอยากได้ทุน เราต้องสมัครทุนกับทาง DAAD ก่อน แล้วเขาจะตอบรับมาว่าได้หรือไม่ได้ใช่ไหมครับ จากนั้นจึงค่อยไปสมัครกับทางมหาวิทยาลัย เมื่อทางมหาวิทยาลัยตอบรับ เราจึงเอาเอกสารไปยื่นเพื่อยืนยันกับทาง DAAD หรือ เราต้องสมัครกับทางมหาวิทยาลัยก่อน พอเขาตอบรับ เราจึงไปยื่นของทุนกับทาง DAAD (ถ้าเป็นแบบนี้เกิดมหาวิทยาลัยตอบรับแล้วเราขอทุน  DAAD ไม่ได้ เราจะทำอย่างไร) สงสัยอ่ะครับ จากคุณ : newuno - [ 3 ต.ค. 51 21:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 87 มาช่วยคุณ De-Ace ตอบคห. 76 ค่ะ  ข้อมูลจาก http://verwaltung.uni-koeln.de/studsek/content/studienkonten_bis_ws_2006_07/studienkonto  Study account (ภาษาเยอรมันคือ Studienkonto) เปรียบเสมือนบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน  ยกตัวอย่างเลยละกันค่ะ สมมติว่าคุณลงทะเบียนเป็นนศ.ในโปรแกรมหนึ่งที่มีระยะเวลาเรียนตามกฎ (Regelstudienziet) 7 ภาคการศึกษา  คุณก็จะได้ Studienkonto มาอันนึงที่มี Studienguthaben (เปรียบเหมือนเงินฝากในบัญชีธนาคาร ที่เว็บ TU Kaiserlautern http://www.uni-kl.de/wcms/314.html?&L=1 ใช้คำว่า study credit) 200 SWS (SWS คือหน่วยกิตในเยอรมัน)  ให้คุณเอา Regelstudienziet คูณกับแฟคเตอร์ 1.5 ก็จะได้ 7x1.5 = 10.5  แล้วเอา 200 SWS ซึ่งเป็นหน่วยกิตในบัญชี Studienkonto ที่คุณได้มาตั้งหารด้วย 10.5 นี้ จะได้ 19.1 (ต้องปัดตัวเลขหลังทศนิยมให้มีแค่หลักเดียว)  ตัวเลข 19.1 นี้หมายถึงว่าในแต่ละเทอม คุณจะต้องเอา 19.1 ไปหักออกจากจำนวนหน่วยกิต (Studienguthaben) ที่คุณมีในบัญชี Studienkonto   ถ้าคุณใช้เวลาศึกษา 9 เทอม  คุณก็จะเหลือ Studienguthaben 28.1 SWS ในบัญชี Studienkonto ของคุณ (คิดจาก 200 - (19.1x9))  สรุปว่าถ้าคุณยังมี Studienguthaben เหลืออยู่ใน Studienkonto คุณก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการศึกษาค่ะ  concept นี้เพิ่งเริ่มใช้มาได้ไม่กี่ปี  ถ้าเป็นนักศึกษาเก่า ๆ ที่เรียนมานานแล้วก็ไม่มี Studienkonto แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 22:44:28 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 51 22:35:37 จากคุณ : Sonnenschein - [ 3 ต.ค. 51 22:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ข้อยกเว้นที่จะไม่ได้ Study account ก็เช่น การเรียนระดับป.เอก  ทางที่ดีให้คุณถามทางมหาลัยอีกครั้งค่ะ จากคุณ : Sonnenschein - [ 3 ต.ค. 51 22:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อยากถามว่านอกจากด้านวิศวะแล้วก็ไอทีที่เยอรมัน มีสาขาอื่นที่น่าสนใจอีกมั้ย เพราะตัวเองมีพื้นฐานทางด้านภาษาเยอรมันมาปีหนึ่ง จบป.ตรีมนุษยศาสตร์ที่เมืองไทย แล้วก็กำลังเรียนโทด้านจัดการอยู่ที่เมกา แต่ก็สนใจ อยากไปเยอรมันอยู่เหมือนกัน แต่รู้ตั้งนานแล้วว่าเยอรมันดังวิศวะ เพราะอาจารย์ที่สอนภาษาเยอรมันบอกตลอดเวลา แต่คิดไปคิดมา ก็เลยไม่รู้ว่าคุณสมบัติอย่างตัวเองจะเรียนได้หรือป่าว มีสาขาไหนจะพอแนะนำได้บ้างคะ แบบว่าน่าจะเหมาะอะคะกับคุณสมบัติแบบนี้คะ ขอบคุณล่วงหน้าเลยคะ จากคุณ : เด็กบางนาคิดถึงบ้าน - [ 4 ต.ค. 51 01:53:16 A:69.245.201.5 X: TicketID:182779 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ชอบๆ เรื่องเรียน กดโหวตให้ ุถึงแม้อายุเกินเรียน จากคุณ : p-annipe - [ 4 ต.ค. 51 02:57:36 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อยากถามเรื่องสายวิทย์ที่ไม่ใช่สายวิศวะค่ะ เพราะเราไม่เก่งคำนวณเลย จะให้ไปเรียนฟิสิกส์ คณิตคงไม่ไหวแน่ๆอ่ะค่ะ ตอนนี้ที่แพลนไว้คือจะไปเรียนที่Hamburgคะ แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหน(ในHamburg)สอนอะไรที่เกี่ยวกับสายวิทย์บ้างคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ จากคุณ : AnGio^LeTTo - [ 4 ต.ค. 51 02:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คุณคห. 89  สาขาอื่นที่น่าสนใจคือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ และวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่นแพทย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ  เภสัชฯ  สายสังคมศาสตร์เช่น กฎหมาย (แต่ยากบรมเพราะมีแต่เป็นหลักสูตรภาษาเยอรมัน) เพราะบ้านเราเอาแบบแผนกฎหมายมาจากเยอรมันและฝรั่งเศส  ภาษาศาสตร์ก็น่าสนใจค่ะ แต่ก็ยากมากอีกนั่นแหละ ถ้าเรียน Germanistik (ภาษาและวรรณคดีเยอรมัน) ก็ต้องเจอภาษาโบราณ Mittelhochdeutsch ซึ่งคนเยอรมันเองยังว่ายาก และการเรียนทางภาษาเยอรมันในมหาลัยที่นี่ไม่เหมือนกับการเรียนภาษาเยอรมันที่สถาบันเกอเธ่ค่ะ เพราะเรียนลึกและยากกว่ามาก หากไม่มีพื้นทางละตินอาจลำบากได้  แนะนำว่า ให้เรียนที่คุณชอบดีกว่าค่ะ  เราได้บทเรียนมาแล้ว  ตัวเองเป็นคนชอบภาษา แต่ต้องมาเรียนชีววิทยา  เรียนผ่านมาได้ค่ะ แต่คะแนนไม่ดี และในอนาคตคงทำงานด้านภาษา ยังเสียดายอยู่เลยว่า ถ้าเราเรียนด้านภาษาคงคะแนนดีกว่านี้และไปได้ถึงป.เอก คุณคห. 91 สายวิทย์ชีวภาพถ้าไม่เก่งคำนวณจะมาต่อโท อาจไม่มีปัญหามาก มาต่อด้านเคมีก็คงต้องเจอคำนวณเคมี  ถ้ามาเรียนตรีสายวิทย์ คุณต้องเรียนวิชาพื้นฐาน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลข ครบถ้วนค่ะ  เลขที่นี่ยากด้วยแหละ  เด็กเยอรมันคณะเรา(ชีววิทยา) ยังต้องเรียน Analysis ยาก ๆ เลย ในขณะที่วิทย์ชีวภาพเมืองไทยเรียนแค่ Cal. กับ Stat.   สำหรับที่ Hamburg มีคอร์ส Master สอนเป็นภาษาอังกฤษเปิดสอนด้าน Biotechnology ค่ะ http://www.tu-harburg.de/education/master/biotechnology/course.html  แต่คุณก็ต้องไปเจอวิชา Applied Statistics for Engineers  Bioinformatics  Biological Engineering และวิชาเกี่ยวกับ Process Engineering ที่ต้องอาศัยคณิตศาสตร์ทั้งนั้น ถ้าไม่ถนัดเลขอาจตายได้  โปรแกรมอื่นก็เช่น Master ทางชีววิทยา http://www.uni-hamburg.de/biologie/MasterBiologie/Index.html ซึ่งสอนเป็นภาษาเยอรมันและกำลังจะเปิดสอนเป็นเทอมแรกเดือนนี้ อีกสองหลักสูตร Master ทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ Hamburg คือ http://www.uni-hamburg.de/biologie/amb/index.html และ http://www.uni-hamburg.de/ihf/masterstudiengang.html หลักสูตรภาษาเยอรมันทั้งคู่ ส่วนเคมีที่ Hambug ยังไม่เปิด Master ค่ะ มีแต่ Bachelor และ Diplom (หลักสูตรเก่าที่จะไม่เปิดรับสมัครแล้ว)  เราว่าที่ Konstanz ก็น่าสนใจนะคะ http://www.uni-konstanz.de/studium/?cont=studienangebot&subcont=faecher&site=faz&id=1 เป็น Master ทางชีววิทยา  มหาลัย Konstanz นี่สวยทีเดียว อยู่ตรงทะเลสาป Bodensee เลย  เมืองก็สวย เล็ก ๆ น่ารัก บรรยากาศดีมาก  อยู่ไม่ไกลจากสวิตฯด้วย  เราชอบ Konstanz มากกว่า Hamburg อีก  คอร์สทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่สอนเป็นภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ เช่น โทควบเอก Molecular Biology ที่ Goettingen http://www.gpmolbio.uni-goettingen.de แต่ต้องมีสอบ Subject test เหมือนการสอบ GRE ด้วย  คุณ Angio^Letto สนใจด้านไหนล่ะคะ  เพราะสายวิทย์ที่ไม่ใช่ฟิสิกส์หรือเลขนี่กว้างมากเลยนะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 51 04:53:51 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 51 04:52:52 แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 51 04:50:44 จากคุณ : Sonnenschein - [ 4 ต.ค. 51 04:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอถามอีกรอบนะจ้าคุณแสงแดด คือว่าฮัมบวกเป้นมหาลัยที่ดังมากเลยหรือคะ เพราะว่าเพื่อนสนิทที่เป็นเยอรมันก็เรียนอยู่ แล้วเวลาเราจะเข้าไปเรียน ก็ต้องยื่นเกรดไป แล้วก็มีจดหมายรับรองจากอาจารย์เหมือนกับที่เมกาช่ายม่ายคะ แล้วถ้าเรามีปริญญาโทจากที่นี้ ถ้าคิดจะเรียนเพิ่มก็ต้องเรียนสองปีเหมือนกันช่ายมะ เห็นเพื่อนสนิทที่อยู่ฮัมบวกบอกว่า บางสาขาก็เรียนควบป.ตรี ไปกับป.โทได้ช่ายหรือป่าวคะ อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะว่าคุยกับเพื่อนนานแล้ว พวกสายวิทย์ก็พอได้อยู่ แต่พยายามหลีกเลี่ยงเลขไปหน่อยก็จะดี คำนวณได้ แต่ไม่ถนัด แล้วตลาดของเยอรมัน เขาต้องการงานประเภทไหนอีกบ้าง แล้วถ้าน้องจบมาทางด้านวิศวะ อุตสาหการ จากเกษตรมา ถ้าอยากไปเรียนที่เยอรมัน สาขาอุตสาหการดังหรือป่าวคะที่เยอรมัน จากคุณ : เด็กบางนาคิดถึงบ้าน - [ 4 ต.ค. 51 05:32:43 A:69.245.201.5 X: TicketID:182779 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ฮัมบวร์กจริง ๆ เป็นเมืองท่าและเมืองใหญ่ของเยอรมันค่ะ  มีมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ที่สำคัญคือ TUHH http://www.tu-harburg.de เน้นทางเทคนิคและวิศวะ และ Universitaet Hamburg http://www.uni-hamburg.de ซึ่งมีเปิดสอนสาขาอื่นด้วย  ทั้งสองแห่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ และมหาวิทยาลัยรัฐในเยอรมันมีคุณภาพไม่แตกต่างกันนัก แต่ละมหาลัยอาจเน้นสาขาต่างกันหรือมีผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ว่าที่ไหนดีกว่า ที่ไหนดังกว่า   เมืองที่นักศึกษานิยมมาเรียนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเมืองทางใต้ เช่น Munich Heidelberg Freiburg Karlsruhe เป็นต้น  ค่านิยมในเยอรมันนั้น ถือว่าแคว้นทางใต้ (Bayern และ Baden-Wuerttemberg) มีคุณภาพทางการศึกษาดีกว่าแคว้นทางเหนือค่ะ คนเยอรมันมักพูดกันว่า การสอบเอา Abitur (ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย) ของแคว้น Bayern นั้น ยากมาก ๆ ยากกว่า Abitur ใน Hamburg หรือแคว้นทางเหนืออื่น ๆ  แต่ในเยอรมันนั้นชื่อเสียงของมหาลัยไม่มีผลต่อการตัดสินใจของนายจ้างมากเหมือนเมืองไทย คนที่นี่ไม่บ้าปริญญา และส่วนใหญ่จะเลือกสาขาการเรียนตามความสนใจของตัวเองมากกว่าความต้องการของตลาด ปัจจุบันคนเยอรมันก็ด่าระบบการศึกษาของตัวเองอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าสู้ประเทศแถบสแกนดิเนเวียไม่ได้  มหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ ของเยอรมันมักมีปัญหาเรื่องการแย่งวิชากันเรียน เช่น บางวิชาโดยเฉพาะวิชาแล็บและสัมมนากำหนดจำนวนผู้เรียนไว้ว่าไม่เกิน 10-20 คน  ในขณะที่มีผู้สนใจจะลงเรียนวิชานั้นในเทอมนั้นเป็นร้อย  คนที่ไม่สามารถลงชื่อได้ทันก็ต้องไปลงเรียนเทอมถัดไป  หรือบางวิชาโดยเฉพาะวิชาของนักศึกษาปีหนึ่งทางสายสังคมศาสตร์ นักศึกษาต้องนั่งกับพื้นเพื่อฟังเล็คเชอร์ เพราะที่นั่งมีไม่พอ   ที่เพื่อนของคุณคห. 93 บอกว่ามีหลักสูตรตรีควบโท นั่นคือหลักสูตรเก่าค่ะ (Diplom  Magister  Staatsexamen) มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่เปิดรับนักศึกษาในหลักสูตรนี้แล้ว แต่เปิดเป็น Bachelor และ Master เหมือนประเทศอื่นแทน  มีบางสาขาที่ยังเปิดตรีควบโท Staatsexamen อยู่เช่นแพทยศาสตร์ ทันตฯ  เภสัช  กฎหมาย  เรื่องระบบการศึกษาในมหาลัยที่นี่ขอแนะนำให้ผู้สนใจไปอ่านได้ที่ http://www.thaistudents.de/index.php?mode=read_book_content&id=2 ส่วนถ้าคุณมีป.โทอยู่แล้วและจะสมัครป.โทที่นี่อีก ก็น่าจะต้องใช้ระยะเวลาเรียนสองปีค่ะ หรือถ้าตัวเนื้อหาของหลักสูตรใกล้เคียงกันมาก ก็อาจคุยกับมหาลัยเรื่องเทียบโอนวิชาดู  การสมัครเรียนนั้นคุณต้องดูในระเบียบการสมัครของมหาลัยแต่ละแห่งค่ะว่าเค้าต้องการเอกสารใดบ้าง ตลาดแรงงานที่นี่ต้องการวิศวกรมากมายค่ะ โดยเฉพาะไฟฟ้า สื่อสาร และคอมฯ  ถ้าได้ภาษาเยอรมันด้วยและเรียนพวกนี้ พอปิดเทอมสามารถไปหาที่ฝึกงานตามโรงงานหรือบริษัทซึ่งส่วนใหญ่จะได้เงินดีมากค่ะ  สาขาอื่นที่ที่นี่ต้องการคือแพทยศาสตร์ค่ะ แต่เท่าที่ติดตามข่าวมา แพทย์ในเยอรมันรายได้ไม่ดีเท่าแพทย์ในประเทศที่เจริญแล้วประเทศอื่น แถมสภาพการทำงานก็แย่กว่า จึงทำให้มีแพทย์เยอรมันสมองไหลไปทำงานต่างประเทศเยอะ เยอรมันก็เลยขาดแพทย์  แต่การสมัครเข้าแพทย์ที่นี่ก็การแข่งขันสูงทีเดียวค่ะ  การเรียนการสอนมีแต่หลักสูตรภาษาเยอรมัน  สาขาอื่นที่รุ่ง ๆ ก็คืออุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์  แต่สายนี้ส่วนใหญ่จะต้องจบป.เอกค่ะ  ส่วนสาขาวิศวะอุตสาหการ (Wirtschaftsingenieur) ที่นี่ก็รุ่งนะคะ แต่เราไม่ทราบว่าการเรียนการสอนที่นี่ในสาขานี้ต่างจากเมืองไทยมั้ย  คงต้องรอให้คนเรียนด้านวิศวะที่นี่มาตอบค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 51 06:54:16 จากคุณ : Sonnenschein - [ 4 ต.ค. 51 06:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณคุณ Sonnenschein นะครับเข้ามาช่วยกันตอบเมื่อวานผมไม่ค่อยได้เปิดเวบเลยมัวแต่เล่น bommerman กับเพื่อนที่นี่แหะๆ เล่นกันห้าคนสนุกดี ไม่รู้กลับบ้านกันได้ป่าวเล่นกันซะดึกเลยเหอๆ ตอบคุณ newuno ค.ห. 86ครับ ถ้าเราไม่มีเงินทุนของตัวเอง ให้สมัครทั้งคู่ไปพร้อมกันเลยครับ วิธีการสมัครให้ทำตามค.ห.ที่ 39 ครับ คือสมัครมหาวิทยาลัยก่อน แล้วเอาหลักฐานการติดต่อกับ Professor ไปยื่น DAAD ก็ได้ครับไม่จำเป็นต้องเป็นผลขั้นสุดท้าย เนื่องจากกำหนดหมดเวลาไม่ค่อยสอดคล้องกัน (กว่าจะรู้ผลว่าได้หรือเปล่าก็ประมาณ มีนา - พ.ค. ปีหน้าแล้วครับ ในขณะที่DAAD กำหนด Deadline ไว้ภายในปีนี้) ทำให้สมัครอย่างใดอย่างนึงก่อนไม่ได้ ก็ต้องสมัครไปพร้อมกันเลยครับ จากคุณ : De-Ace - [ 4 ต.ค. 51 15:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 96 สำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาเยอรมันอยู่แล้ว ต้องการมาใช้ภาษาจริงๆที่นี่ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีอีกโปรแกรมหนึ่งที่น่าสนใจครับ นั่นก็คือ IAESTE Program นี้เป็นการให้นักเรียนที่ไทยมาฝึกงานกับ บริษัทที่นี่เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ไม่ได้มาเรียนแต่อย่างใดมาทำงานล้วนๆครับ ซึ่งผู้ที่สนใจ Program นี้อาจจะต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันด้วยทั้งนี้แล้วแต่ว่าแต่ละบริษัทกำหนดไว้อย่างไร ถ้าสนใจ ลองเข้าไปดูได้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.daad.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=37&Itemid=44 หรือ http://www.iaeste-thailand.org ครับ สำหรับโปรแกรมนี้สำหรับปี2552 กำลังจะจัดสอบในวันที่ 5 ต.ค. มาบอกช้าไปอีกแล้ว T T ผู้ที่สนใจคงต้องรอปี 2553 เลยครับ T T จากคุณ : De-Ace - [ 4 ต.ค. 51 15:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบพระคุณมากๆ ครับ คุณ Sonnenschein และคุณ De-Ace สำหรับข้อมูล ถ้าอย่างไร ขออนุญาตถามต่ออีกสักนิดได้ไหมครับ การสอบ DSH นี่ยากไหมครับ พอๆ กับ Toefl เลยหรือเปล่า แล้วถ้าคนที่ไม่มีความรู้ภาษาเยอรมันแม้แต่นิดเดียว ลำพังเรียนแค่ Course Intensive จะพอไหวไหมครับ (มหาลัยที่ผมสนใจ เขาให้สอบ DSH เมื่อเรียนไปได้ 2 เทอมน่ะครับ T_T) จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ 4 ต.ค. 51 20:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 98 DSH นี่มีระดับความยากอยู่ระหว่างภาษาเยอรมันชั้นกลาง (Mittelstufe) และชั้นสูง (Oberstufe)  ซึ่งถือว่ายากค่ะ  แต่คงเอาไปเทียบกับ Toefl ไม่ได้ เพราะคนละภาษากัน และคนไทยส่วนใหญ่เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ประถม และคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากกว่า  แต่ถ้าคุณจะเรียนคอร์สที่สอนเป็นภาษาเยอรมัน ข้อสอบ DSH นี่ง่ายกว่าของจริงที่คุณจะต้องเจอในมหาลัยค่ะ  เพราะบางอย่างคอร์สติวสอบ DSH หรือ Test DaF ก็ไม่ได้สอน เช่น การใช้ภาษาในการ discuss ทางวิชาการ  การเขียนรายงานทางวิชาการ ซึ่งไม่ได้เขียนแค่ 2-3 หน้ากระดาษแน่ ๆ  เรียนสายวิทย์อาจดีหน่อยเจอแค่รายงานแล็บ  Present ในวิชาสัมมนา  และเขียน Thesis  ส่วนสายสังคมศาสตร์และภาษาศาสตร์ต้องเขียน Hausarbeit กันเทอมละหลายวิชา บางทีต้องอ่านหนังสือหลายเล่มและเขียนวิจารณ์พร้อมสอดแทรกความคิดเห็นของเรา  อ้อ...ข้อสอบในมหาลัยที่นี่ไม่มี choice ค่ะ  และไม่ใช่ข้อสอบแบบท่องจำ  ถ้าจะเรียนสายสังคมและภาษาศาสตร์ที่นี่ ภาษาเยอรมันต้องดีมาก ๆ ค่ะ  แต่ถ้าสายวิทย์อาจารย์จะไม่ซีเรียสเรื่องภาษามากนัก ยกเว้น Thesis ถ้าเขียนเป็นเยอรมันก็ต้องหาคนช่วยตรวจแก้ภาษาไม่ให้ผิด  เท่าที่ทำข้อสอบมา (สายวิทย์) เราจะเขียนตอบเป็นประโยคสั้น ๆ แบบประธาน+กริยา+กรรม หรือวาดแผนผังประกอบ  ถ้าเขียนประโยคยาว ๆ มีขยายโน่นนี่กลัวผิดค่ะ แถมคนตรวจอาจไม่เข้าใจ การเรียนภาษาเพื่อสอบ DSH ให้ผ่านภายในสองเทอมนั้นเป็นไปได้ค่ะ  ถ้าคุณตั้งใจเรียน หมั่นทำแบบฝึกหัด และไม่อยู่กับคนไทยมากเกินไป มันก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ จากคุณ : Sonnenschein - [ 4 ต.ค. 51 23:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณครับที่ยังไม่ลืม ผมแวะมาลงชื่อว่ายังอ่านอยู่ พอดีแอบไปแรดที่ปารีสมาสามวันแล้วลืมเอาที่แปลงไฟไปเลยเล่นไม่ได้ จากคุณ : Roby - [ 5 ต.ค. 51 02:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 100 กราบเรียนท่านเจ้าของกระทู้ คือว่า เข้ามาแจม แล้วขอเชิญไปเที่ยว ที่เช็ก ครับ อะไรที่มันบิ๊กๆ รอคุณอยู่ แล้วจะเปิดบ้านต้อนรับครับ จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 5 ต.ค. 51 04:32:21 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตอนนี้อยู่ปี 4 วิศวะ อยากเดินตามรอยพี่บ้างต้องทำยังไงคะ ทางบ้านฐานะไม่ค่อยดี ไม่มีพื้นฐานเยอรมันค่ะ ช่วยทีนะคะ จากคุณ : ซี - [ 5 ต.ค. 51 11:07:27 A:124.120.17.32 X: TicketID:189337 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอขอบคุณ คุณ Sonnenschein และคุณ De-Ace อีกครั้งครับในความกรุณา กระทู้นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและมีประโยชน์มากทีเดียวครับ ไม่ยากจนเกินความพยายาม...ขอบคุณครับ จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ 5 ต.ค. 51 14:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คนที่นั่นสนับสนุน หรือสนใจงานศิลปะกันมากแค่ไหนคะ พวกวาดรูปอะไรแบบนั้นอะค่ะ แนวทัศนศิลป์ จากคุณ : *BAD-DAB*G - [ 5 ต.ค. 51 15:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณ Sonnenschein ที่เข้ามาช่วยกันตอบนะครับ เรื่อง DSH หรือ TestDAF นี่ผมไม่มีประสบการณ์เลยดีที่คุณ Sonnenschein เข้ามาช่วย เพราะว่า Program ผมเค้าไม่ต้องการอะไรพวกนี้เลยครับ ตอนทำงานเค้าก็ไม่สนใจ (ขอเจ้านายเรียนภาษาไปด้วยเค้าบอกว่าไม่จำเป็น เศร้า) ตอบคุณซี ถ้าในกรณีนี้ผมว่าคงต้องรอสมัครทุนไปด้วยครับ หากทางบ้านไม่ค่อยมีฐานนะ (แบบผม) การจะขอ visa เพื่อมาเรียนคงยากครับเพราะในการขอ Visa ต้องระบุแหล่งเงินทุนด้วย หากระบุว่าได้ทุน DAAD ทุกอย่างจะง่ายเหมือนมีอภิสิทธิ์ ตอนผมไปสัมภาษณ์ เค้าก็ถามๆ พอมาเห็นว่าเรากรอกว่า DAAD เค้าก็หยุดถามเลย แล้วบอกว่าอีกสามวันให้มาเอา visa รวดเร็วมากครับ มาต่อ Visa ที่เยอรมันก็ไม่ต้องเสียค่าทำเนียม แต่ก็อย่างที่บอกว่าคงต้องขึ้นกับดวงด้วยเพราะแต่ละปี ทุนที่มีให้ก็ไม่เหมือนกัน ตอบคุณกมล ถ้ามีโอกาสก็อยากไปอีกนะครับ ผมเคยไปปรากกับแฟนแฟนผมก็ชอบมากๆครับ ว่าแต่ไอ้อะไรบิ้กๆนี่มันอะไรอ่ะครับ แหะๆ ตอบคุณ *BAD-DAB*G คนที่นี่ก็สนใจศิลปะเหมือนกันครับ เห็นได้จากใน Museum ต่างๆก็มีคนแวะเวียนมาบ่อยๆ ไม่ได้ร้างราแต่อย่างใด แต่ว่า ก็อาจไม่เยอะเท่าที่ฝรั่งเศส นอกจากนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ตามแนวถนนที่คนเดินเยอะก็จะมีบรรดาศิลปินข้างถนน (Strassekuensler - Street Artist) ทำมาหากินกันอยู่อย่างเนืองนิจ บรรดาศิลปินเหล่านี้ทำอะไร ก็เช่น ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ เป็นเทพีสันติภาพ ยืนนิ่งๆ เล่นดนตรีแปลกๆ วาดรูปบนถนนด้วยสีชอร์ค วาดรูปเหมือน รับเขียนชื่อด้วยตัวอักษรแปลกๆ ฯลฯ ที่ผมเห็นมุงกันเยอะมาก ก็จะมีนายหุ่นยนต์ ที่ทำตัวเลียนแบบหุ่นยนต์ได้เหมือนมากๆ แล้วก็มีนักร้องกลุ่มคนดำสามคน คนหนึ่งร้อง คนหนึ่งเอาตู้ลำโพงเปล่าๆมาเคาะเป็นกลองเบส แล้วอีกคนเล่นกีตาร์ครับ สามคนนี้มาทีไรคนมุงกันเต็ม  มีทีนึงเค้ามาเล่นหน้าธนาคาร (ไม่รู้จักหาที่เล่นแหม่) แล้วผมจะกดตัง ต้องเดินฝ่าฝูงชนเข้าไป แถมตอนออกเปิดประตูไม่เป็น เหอๆ อายเค้ามั้ยหน่ะ ประตูก็ใสเห็นหมดๆ อาจารย์สอนภาษาเคยบอกว่าคนเหล่านี้ได้เงินแต่ละวันๆ ไม่ใช่น้อยๆนะครับ แต่ว่าจะทำแบบนี้ได้คงต้องเป็นพลเมืองของ EU เท่านั้นมั้งครับ เพราะต้องขอนุญาตให้ถูกต้อง แล้ว visa ทำงานที่เราๆจะได้มันจะกำหนดนายจ้างเอาไว้ชัดเจน ไม่สามารถทำงานส่วนตัวที่ไม่มีนายจ้างได้ จากคุณ : De-Ace - [ 5 ต.ค. 51 15:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สนใจๆ พอดีมีญาติอยู่ที่ Frankfurt แต่ว่าเราติดที่ว่า พูดภาษาเยอรมันไมได้ จะเรียน ป โท ไม่รู้เขาจะรับหรือเปล่านี่สิ เมลล์มาบอกเราด้วยค่ะ nongnok_nok@yahoo.com จากคุณ : nok - [ 5 ต.ค. 51 18:10:06 A:58.147.36.87 X: TicketID:185243 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถ้าไปเรียนเรื่อง  accouting จะดีรึป่าวค่ะ คือไม่มีความรู้ภาษาเยอรมันด้วย อยากเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ป.โทน่ะค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ ziz_ziz911@hotmail.com จากคุณ : sa-by-dee - [ 5 ต.ค. 51 19:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 107 พี่คะรบกวนแอดด้วยคนนะคะ ^^ มีหลายเรื่องมากๆอยากปรึกษาพี่ ตอนนี้เครียดเรื่องเรียนต่อมากๆเลยค่ะ zipzeezoo@hotmail.com จากคุณ : ซี - [ 5 ต.ค. 51 20:32:29 A:124.122.64.93 X: TicketID:189337 ]

ความคิดเห็นที่ 108 คห. 106 กับ 107 พี่แอด msn ไปแล้วนะคะ  ยังไงออนไลน์คุยกันได้   คุณคห. 106 เท่าที่ทราบ สาขา Accounting ที่นี่เป็นแขนงนึงของ Betriebswirtschaftslehre (บริหารธุรกิจ) ค่ะ ถ้าจะเรียนต่อด้านนี้ก็คงต้องต่อทาง MBA  http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html?iplevel=2&ipterm=accounting&ipfield=03&ipsubject=&iptypehei=&iptownhei=&iphei=&iplangdistribution=&ipenter.x=128&ipenter.y=24  ถ้าสนใจด้าน finance ก็มีโปรแกรม Master ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษเช่น http://master.econ.uni-freiburg.de/overview/aimsandscope  มีคนไทยจบไปแล้วและกำลังเรียนอยู่ด้วยค่ะ คุณคห. 105  ถ้ามีคำถามอะไร ถามที่นี่เลยก็ดีค่ะ  จะได้ตอบเผื่อคนอื่นที่สนใจด้วย  ก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ อยากให้คุณหาข้อมูลจากเว็บ DAAD หรือ เว็บของมหาวิทยาลัยดูก่อน  ที่ Uni Frankfurt ก็มีโปรแกรมภาษาอังกฤษค่ะ http://www.uni-frankfurt.de/english/study/progs/index.html  ถ้าโปรแกรมเยอรมันก็หาเอาในเว็บมหาลัยนั่นแหละ  เว็บมหาลัยส่วนใหญ่จะมีภาษาอังกฤษค่ะ   ถ้าเรื่องการศึกษาในเยอรมันทั่วไปแนะให้อ่านเว็บของสมาคมนร.ไทย http://www.thaistudents.de ในส่วนแนะแนวการศึกษา  การเรียนที่นี่คุณต้องช่วยเหลือตัวเองนะคะ  ไม่มีใครมาป้อนข้อมูลให้คุณ  รายละเอียดเรื่องการรับสมัครล้วนมีอยู่ที่เว็บของมหาลัยทั้งนั้น  ลองไปศึกษาดูนะคะ  แล้วถ้ามีปัญหาอะไรค่อยถามมาอีกที คุณ De-Ace เมืองเราก็มีคนที่แสดงท่าเลียนแบบหุ่นยนต์ค่ะ  แต่ที่ฮิตมากคือดีดกีตาร์ร้องเพลงตามถนน หรือบางคนเล่นดนตรีคลาสสิกกัน เช่นสีไวโอลิน เชลโล่ เป่าฟลุ้ต จากคุณ : Sonnenschein - [ 5 ต.ค. 51 22:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ถึง จขกท. รับแอดแล้วนะคะ เด๊วไว้คุยกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : sa-by-dee - [ 5 ต.ค. 51 22:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สวัสดีครับ คุณ De-Ace และคุณ Sonnenschein (สวัสดีอีกครั้งครับ พร้อมมีเรื่องรบกวนอีกแล้ว) ไม่ทราบว่าที่เยอรมันมีคอร์ส ป.โท (ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ) ทางด้าน Marketing บ้างไหมครับ ผมพยายามหาใน DAAD แล้ว แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอสักที T__T ขอบพระคุณครับ จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ 6 ต.ค. 51 09:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ให้ความรู้ได้มากเลยค่ะ จากคุณ : S@_KASSEL (S@_KASSEL) - [ 6 ต.ค. 51 12:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ตอบคุณหนองน้ำแห้งครับ ปกติ Marketing มันมักจะรวมกับ MBA ไปเลยครับ คือ Marketing เดี่ยวๆน่าจะมีน้อยหน่ะครับแต่ก็พอมีบ้างนะ เช่น http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html?ipid=1059&iplevel=2&ipterm=Marketing&ipfield=0&ipsubject=0&iptypehei=0&iptownhei=&iphei=0&iplangdistribution=0&iplangtest=0 จากคุณ : De-Ace - [ 6 ต.ค. 51 14:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 113 สวัสดีคะ ^^ ตอนนี้เรียน ป.ตรีอยู่อ่ะคะ ด้าน IT อ่ะค่ะ คืออยากจะถามนิดหน่อยคะ คือว่าที่เรียนอยู่ตอนนี้ ทางมหาลัย เค้ามีให้เลือก 3 สาขาอ่ะค่ะ (1) Programmer (2) SA-System Analysis แล้วก็ (3) Audit คะ แล้วแบบว่าพี่ De-Ace เรียน IT เหมือนกันแล้วที่นั่นเค้ามีให้เลือกอย่างนี้รึป่าวค้ะ หรือว่ามีมากกว่านี้ แล้วที่นั่นสาขาไหนบูมสุด แล้วความต้องการของตลาดเค้าดูเรื่องสาขารึป่าวค้ะ ถ้าจะต่อโทเค้าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากมั๊ยค้ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ :) จากคุณ : roch - [ 6 ต.ค. 51 17:17:04 A:125.24.12.45 X: TicketID:189474 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เรียนคุณ หนองน้ำแห้งง เพื่อเป็นตัวเลือกได้ครับ สวัสดีครับ ผมเป็นอีกคนที่ตอนนี้เรียนอยู่ที่ประเทศเยอรมัน เป็นโปรแกรมโค กับของ ABAC ครับ โดยจะจบโทได้ที่เดียวสองใบ เรียนที่เมืองไทยประมาณหนึ่งปี แล้วก็มาเรียนที่เยอรมันอีก หนึ่งปี ประเทศอื่นก็มีให้เลือก แต่จะไม่ได้โท สองใบเหมือนเยอรมันนะครับ สาขา : Master of Art in International Business ที่เยอรมัน และ Master in Business Administration in Marketing ของ ABAC ครับ ค่าเทอม : จ่ายตาม Rate ปกติของเอแบคครับ ค่าเทอมเยอรมัน : เทอมล่ะ 198 Euro ครับ แต่พูดตรง ๆ เหมือนฟรีเลยครับ เพราะว่าได้ตั๋วสำหรับเดินทางในเมือง และเมืองใกล้ ๆ อย่าง Frankfurt Wisbaden ฟรีครับ เมืองที่เรียน : Mainz ใกล้ ๆ กับ FrankFurt ครับ ค่าใช้จ่าย : เนื่องจากว่าผมโชคดีครับ ได้ทุนเรียนที่ ABAC เลยเสียปีนึ่งประมาณ 40000 ครับไม่เกิน ส่วนที่เยอรมันค่าใช้จ่ายก็ประมาณนี้ครับ ค่าหอ : 155.50 Euro ค่าประกัน : 66 Euro แค่เนี้ยอ่ะครับ ที่ต้องเสียหลัก ๆ ประจำทุกเดือน อ้อ หอนี่รวมน้ำไฟ Gas ทุกอย่างแล้วนะครับ แต่พวกค่าซักผ้าก็ต้องเสียเอง ส่วนเรื่องการกิน หากเป็นคนที่ทำอาหารพอได้บ้าง ไม่ต้องห่วงครับ แต่ละมื้อราคาพอ ๆ กับไทยแหละครับ ถ้าทำแบบง่าย ๆ ธรรมดานะ สำหรับนึงคน ก็คงต้องรู้จักประหยัดครับ ถ้าสนใจด้าน Marketing ก็น่าจะใกล้ ๆ เคียงกันครัับ หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็หลังไมค์มาละกันครับ อ้อ โปรแกรมเรียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับ ผมเองก็อาจจะขอรบกวนคุณ De-ace แล้วก็คุณ Sonnenschein บ้างครับ เพราะตอนนี้ใหม่กับที่นี่จริง ๆ จากคุณ : LuPangBig - [ 6 ต.ค. 51 19:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 115 สวัสดีครับ น้อง roch ตอนที่เรียนป.ตรี ไม่มีแยกสาขาย่อยแล้ว แต่ว่าวิชาที่เลือกๆเรียนก็จะเป็นตัวบอกโดยปริยายว่าเรามาทางไหนครับ ส่วนตอนมาเรียนโท โปรมแกรมที่เรียนมีสาขาย่อยลงไปอีก 3 ด้านครับ 1 Network/Communication 2 Embedded System 3 Media Technology. ทั้งนี้ จะแยกหรือไม่แยกมันก็แล้วแต่ course ที่เรียนครับ ถามว่าสำคัญไหม มันสำคัญแน่ๆครับว่าเราจะเลือกเรียนอะไร เพราะว่า งานที่ทำมันต่างกันแน่ๆครับ 1. Programmer ก็จะเป็นแนว Technical อยู่กับ software นั่งเขียน program สาขานี้ที่ไหนก็มีงานครับ ความสามารถทางด้านภาษาการสื่อสารก็ไม่จำเป็นมาก 2. SA ก็จะต้องคุยกับผู้คนมากขึ้น ต้องรู้ภาพรวมของเทคโนโลยี แน่นอนเมื่อต้องคุยกับผู้คนมากขึ้นก็ย่อมต้องการความรู้ทางภาษามากขึ้นเช่นกันครับ 3. Audit ก็คืองานจะจับผิดชาวบ้าน ฮ่าๆ การสื่อสารสำคัญที่สุด ความรู้ทาง technical ต้องมีอย่างกว้างขวางและก็ต้องรู้ลึกด้วย คิดว่าคนจะทำ audit ได้ดีคงต้องมีประสบการณ์เยอะพอสมควรครับ หวัดดีคุณ LuPangBig โปรแกรมนี้ก็น่าสนใจนะเนี่ย แถมโชคดีมากเลยครับที่ยังจ่ายค่าเทอมถูกมากๆ ราคานี้คิดว่าเป็นค่า Student Union อย่างเดียวทางมหาลัยคงไม่มีการเก็บค่าเทอมมั้งครับ (เป็น 5% ที่ผมพูดถึง) เพราะเมื่อก่อนสมัยที่ยังไม่มีการเก็บค่าเทอม แต่ละเทอมก็จะจ่ายกันประมาณร้อยกว่าๆนี่แหละครับ ส่วนเมือง Mainz นี่ถือว่าใจดีอีกแล้ว ให้ตั๋วใน Frankfurt ด้วย เหมือน Aachen เลย ได้ตั๋วไป Koeln/Duesseldorf โน่น อิจฉาๆ อยู่ Stuttgart ต้องซื้อตั๋วเทอมสำหรับนักเรียนต่างหากครับ แต่ก็ยังดีที่ราคาพอรับได้ มาแรกๆ อาจจะต้องปรับตัวเยอะหน่อย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถครับผม ถ้าอยากหากิจกรรมทำก็ลองแวะเข้าเวบไซต์สมาคมนักเรียนไทยในเยอรมันนีได้นะครับที่ www.thaistudents.de เห็นล่าสุดกำลังจะมีการแข่งกีฬากันที่ Berlin น่าสนใจทีเดียว เสียดายผมคงยุ่งอยู่ช่วงเดือนนั้นๆ แถมไม่ใช่นักเรียนแล้วด้วยสิ จากคุณ : De-Ace - [ 6 ต.ค. 51 19:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตอนนี้คืออยากทราบจังคับว่า มีหลักสูตรของMBA หรือเปล่าคับ และยังจะมีทุนสำหรับหลักสูตรMBA หรือFilm ไหมคับเพราะสนใจ อยากจะเรียนที่นี่แต่ก้อยังไม่มีทุนทรัพย์พอ เพราะไม่ได้เรียนสายวิทย์ และตอนนี้ก้อเรียนComm Art /Advertising อะคับ จากคุณ : josangki - [ 6 ต.ค. 51 20:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ผมใกล้จะจบ ป.ตรี แล้ว กำลังคิดอยากจะเรียนที่เยอรมันมานานแล้ว ตอนนี้ผมตั้งใจแล้วว่าจะเรียนวิศวะแน่นอน แต่ยังเลือกสาขาไม่ได้ ยังลังเลอยู่ อยากถามว่าที่เยอรมันมีสาขาอะไรที่แปลก ๆ น่าสนใจมั่งครับ แล้ว Logistics ที่นู้นเป็นยังไงมั่งครับ คือผมเรียนทางนี้มาพอดี จากคุณ : pariwatz - [ 6 ต.ค. 51 21:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 118 มีทุนของสัตวแพทย์ไหมคะ  search หาเองกี่ประเทศๆก็ไม่เห็นมีทุนให้เด็กต่างชาติ ถ้าจะขอทุนจากไทยก็เห็นมีแต่ต้องเป็นอาจารย์มหาลัย  แต่อาจารย์เดี๋ยวนี้ก็เต็มทุกอัตราตลอด  สงสัยจะไม่ได้มีโอกาสไปเรียนต่อแน่เลย จากคุณ : ไข่แดงลอยฟ้าตอนเช้า - [ วันเกิด PANTIP.COM 02:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 119 คห. 118: ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ว่าถ้าจะมาต่อด้านสัตวแพทย์นั้น ทางมหาลัยจะเทียบวุฒิให้คุณอย่างไร  เพราะที่นี่สาขาสัตวแพทย์ไม่มีแบ่งเป็น Bachelor หรือ Master  มีแต่ Staatsexamen (State exam) ซึ่งเทียบเท่าปริญญาโท และต่อด้วย Promotion (ป.เอก)  บางทีคนจบป.โทจากไทยยังต้องมาสอบวัดความรู้ก่อนที่โปรเฟสเซอร์จะรับเข้าต่อเอกเลยค่ะ ให้คุณลองถามทางมหาลัยอีกทีเรื่องนี้  ถ้าคุณจะมาต่อเอก ก็ต้องเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่มีตำแหน่งป.เอก (Doktorandenstelle) แบบมีเงินให้ ซึ่งถ้าหน่วยวิจัย (Arbeitsgruppe) ไหนมีตำแหน่งว่าง เค้าก็จะประกาศที่หน้าเว็บไซต์ คุณก็ดูตำแหน่งที่มีเงินเดือนหรือทุนให้ หรือไม่งั้นคุณก็ต้องขอทุน DAAD  มหาลัยที่เปิดสอนสัตวแพทย์ในเยอรมันมีไม่กี่ที่คือ http://www.tiho-hannover.de/studium/index_e.htm http://www.fu-berlin.de/studium/studienangebot/grundstaendige/veterinaermedizin_stex/index.html http://www.uni-giessen.de/cms/fbz/fb10/studium-und-prufungen http://www.vetmed.uni-leipzig.de/ENG http://www.vetmed.uni-muenchen.de/index.html เว็บไหนเป็นเยอรมันให้คุณใช้เว็บแปลภาษาอย่าง http://babelfish.yahoo.com หรือ http://translate.google.com/translate_t# นะคะ คห. 116: หลักสูตร MBA ลองหาดูที่เว็บ DAAD นะคะ  ทุนทาง MBA นี่ถ้าจะยากค่ะ  เพราะคอร์ส MBA ที่นี่ส่วนใหญ่แพงมาก เทอมละหลายพันยูโรก็มี ถือว่าค่าเล่าเรียนแพงสุดเลยค่ะ  ทุนด้าน Film นี่ไม่ทราบค่ะ  เราว่าทุนที่ไม่ใช่สายวิทย์นี่หายากมากค่ะ  มีคนเยอรมันที่รู้จักเรียนป.เอกสาขาดนตรีศาสตร์ เธอบอกว่าโปรเฟสเซอร์ไม่มีทุนให้  งานค้นคว้าวิจัยที่เธอทำก็ต้องออกเงินเองทั้งสิ้น เลยต้องรับงานนอกหลายจ็อบเลย จากคุณ : Sonnenschein - [ วันเกิด PANTIP.COM 04:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ดัน post ซ้ำซะงั้น... แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 51 17:51:45 จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ วันเกิด PANTIP.COM 07:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ขอบคุณครับ คุณ De-Ace สำหรับข้อมูล (ต้องรบกวนอยู่เรื่อยเลยผม) และขอบคุณครับ คุณ LuPangBig สำหรับอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจ ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลครับ จะได้ทำ Presentation เสนอที่บ้านถูก (ฮา) ปล. คุณ De-Ace ครับ บรรยากาศในการเรียนการสอนที่เยอรมันเป็นอย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ วันเกิด PANTIP.COM 10:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ขอบคุณครับ คุณ De-Ace สำหรับข้อมูล ผมมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับการขอวีซ่านักเรียน ถ้าหากเรากำลังมีภาระทางการเงิน เช่น กู้ซื้อรถ หรือ กู้ซื้อบ้านเนี่ย จะมีปัญหาอะไร ในการพิจารณาวีซ่ารึป่าวครับ ลืมบอกไปว่า เราก็ยังมีเงินสด อยู่อีกประมาณ 1 ล้านบาท ขอบคุณครับ จากคุณ : LordTa (LordTa) - [ วันเกิด PANTIP.COM 10:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอบคุณ คุณ Sonnenschein มากเลยค่ะ  ตอบละเอียดมากๆๆๆ จากคุณ : ไข่แดงลอยฟ้าตอนเช้า - [ วันเกิด PANTIP.COM 14:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ต้องขอบคุณคุณ Sonnenschein จริงๆครับ เข้ามาช่วยกันตอบจะได้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมากที่สุด ตอบคุณ หนองน้ำแห้งครับ บรรยากาศการเรียนการสอน (เอาที่ผมเจอนะครับ) ถือว่า ดีครับ นักเรียนส่วนใหญ่จะไม่เขินอายเหมือนนักเรียนที่ไทย ทำให้มีการ discuss กันในห้องเรียนมาก ครับ แต่บางทีผมก็จะรู้สุกว่าคำถามกับคำตอบมันไม่ค่อยตรงกันเท่าใหร่ เค้าพูดกันได้งงมากครับ แล้วบางทีก็จะจบอย่างงงๆ (ผมอาจจะงงคนเดียวก็ได้) การเรียนก็เป็นลักษณะที่ต้องรับผิดชอบตัวเองครับ ถ้าเป็นวิชาที่มีแต่ lecture นี่ ไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ ตราบใดที่คุณสอบแล้วผ่านถือเป็นอันใช้ได้ บางวิชาก็จะมี Excercise ด้วยโดยการเอาข้อสอบหรือแบบฝึกหัดมาหัดลองทำแล้วเฉลยกันใน class ซึ่งถือว่าสำคัญครับ (แต่ก็ไม่มีเชคชื่ออีกเช่นกัน อยากโดดก็โดดตราบใดที่คุณคิดว่าสอบผ่านก็ตามสบาย) วิชาที่จะมีเชคชื่อหรือต้องให้เข้าร่วมจริงๆก็อาจจะมีแค่ Lab กับ Seminar เท่านั้น แต่ผมว่ามันดีตรงที่นักเรียนมีการถกเถียงกันในห้องนี่แหละครับ ทำให้ไม่น่าเบื่อไม่ง่วงนอน ตอบคุณ LordTa ค.ห. 122 ถ้ามีเงินในบัญชี 1 ล้านบาท คิดว่าเพียงพอในการขอ visa ครับ คำนวณง่าย (ตามหลักการให้วีซ่าที่นี่) ให้คิดค่าใช้จ่ายเดือนละ 500 Eu ถ้ามาต่อ visa ที่นี่ มีเงืนในบัญชี 3000 Eu ส่วนใหญ่จะได้ 6 เดือน ถ้าที่ไหนใจดีก็จะให้ 1 ปี ครับ เพราะฉะนั้นถ้ากะมาเรียนสองปี ก็ต้องมีเงิน 6 แสนบาท 1 ล้านน่าจะเหลือเฟือครับ ส่วนเรื่องภาระ ผมว่าทางสถานทูตไม่น่าจะดูนะครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจ เพราะอย่างที่บอกว่าตอนขอ visa ใช้อภิสิทธิ์ทุน DAAD ครับ แหะๆ จากคุณ : De-Ace - [ วันเกิด PANTIP.COM 20:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 125 แล้วถ้าจะไปเรียนแค่ภาษาเยอรมันอย่างเดียวล่ะคะ ค่าใช้จ่ายแพงไหม แล้วขั้นตอนการดำเนินเรื่องยากหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ จากคุณ : JuSt Walking - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขอบคุณมากเลยครับสำหรับข้อมูล มีประโยชน์มากๆ ยิ่งตอนนี้กำลังเตรียมตัวเรียนต่อที่เยอรมันอยู่ด้วย จะพยายามไปเป็นรุ่นน้องคุณ De-Ace ให้ได้นะครับ :) ปล.ขอถามนิดนึงนะครับ มีเรื่องการเหยีดเชื้อชาติที่เยอรมันมั้ย ผมว่าจะไปอยู่ Munich ครับ จากคุณ : MrX (MrX Studio) - [ วันเกิด PANTIP.COM 22:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 127 คุณ Just Walking ครับ ถ้าจะมาเรียนภาษาอย่างเดียว นี่อาจจะลำบากหน่อยครับ ข้อแตกต่างกับการมาเป็นนักเรียนก็คือ 1. Visa นักเรียนภาษาจะได้สูงสุดแค่ 1 ปี ครับ 2. Visa นักเรียนภาษาทำงานไม่ได้ครับ 3. อาจจะไม่ได้สิทธิ์เหมือนอย่างนักเรียนทั่วๆไป เช่น บัตรรถสำหรับโดยสารเป็นต้น เพราะฉะนั้น ค่าใช้จ่ายอาจจะมากกว่าเป็นนักเรียนปกติเล็กน้อยครับ คุณ MrX ครับ สำหรับประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิว ผมว่าที่นี่มีน้อยนะครับ ผมไม่ค่อยรู้สึกว่าโดนเหยียดหยามเท่าใหร่ คนดำที่นี่ก็เห็นเดินทั่วๆไปแต่ไม่เยอะเท่าที่ฝรั่งเศส  แต่ถ้าถามว่ามีไหม ผมว่าก็ต้องมีอยู่แล้วหล่ะครับ แต่ว่าคงไม่เยอะมาก ยิ่งเมืองใหญ่ๆ อย่าง Frankfurt หรือ Munich ยิ่งมีความหลากหลายเยอะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 8 ต.ค. 51 00:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 124 ครับ อยู่ที่นี่ทำอะไรต้องวางแผนนิดนึงครับ ทุกอย่างมันเป็นระบบไปหมด บางทีก็ตามไม่ค่อยทัน หากได้สถาบันที่ให้บัตรเดินทางฟรีในเมือง และเมืองข้าง ๆ ฟรี ล่ะก็จะประหยัดไปเยอะเลยครับ แล้วทำให้เรากล้าไปนู่นไปนี่มากขึ้นด้วย แล้วที่เยอรมันนี่อะไรถูกครับ นอกจากสตรอเบอรี่ ผมยังไม่เห็นเลย แหะ ๆๆๆๆ จากคุณ : LuPangBig - [ 8 ต.ค. 51 03:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 129 อยากสอบถามเรื่องสายเศรษฐศาสตร์อะครับ ว่าเป็นยังไง มีหลักสูตรภาษาอังกฤษรึเปล่า แล้วก็ตลาดงานหลังจากจบ ดีรึเปล่าครับ ??? ขอบคุณมากครับ จากคุณ : สาManUtd - [ 8 ต.ค. 51 09:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ จากคุณ : หนูจะเป็นเด็กดี - [ 8 ต.ค. 51 11:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 131 คุณ De-Ace ครับ (รวมทั้งท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ) พอจะทราบการเทียบเกรด ระหว่างเมืองไทยกับเกรดของเยอรมันไหมครับ เพราะมีบางที่เขากำหนดเกณฑ์เกรดเฉลี่ยไว้ด้วย เช่น 2.5 เป็นต้น แต่ก็ไม่แน่ใจน่ะครับ ว่า 2.5 ที่เยอรมันเขียนไว้ เท่ากับเกรดเท่าไรของเมืองไทย ปล. ขออภัยครับ ถามซะเยอะแยะ ^___^ จากคุณ : หนองน้ำแห้ง - [ 8 ต.ค. 51 14:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณ De-Ace จากคุณ : LordTa (LordTa) - [ 8 ต.ค. 51 14:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 133 อยากถามเกี่ยวกับไปเรียนต่อโททางด้าน Law ครับ ว่าต้องวางแพลนอะไรไว้เปนพิเศษรึป่าว เพราะภาษาไม่ได้ เกรดก้อ3นิดๆเอง ตอนแรกกะว่าจะขอทุนไปญี่ปุ่น แต่กฏหมายที่เยอรมันก็ถือเปนแม่แบบของเราเหมือนกัน ดังนั้นเจอกระทู้คุณ De-Ace ถึงกับสนใจเปนพิเศษเลยครับ ได้ข้อมูลเยอะมาก ถ้าไม่เปนภาระรบกวนหลังไมค์ด้วยครับ เพราะยังสมัครสมาชิกถาวรไม่ได้เพราะสมัครซ้ำ pekky_pktfoa27@hotmail.com จากคุณ : pekky_san - [ 8 ต.ค. 51 18:09:48 A:125.24.213.215 X: TicketID:189816 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ปรกติเป็นขาจร แค่จะเข้ามาอ่านเฉยๆ แต่คุณ De-Ace ทำให้ถึงกับสมัครเป็นสมาชิกของ pantip เลยค่ะ อยากมีส่วนรวมกับข้อความดีๆ มีน้ำใจ แบบนี้ ขอบคุณมากๆค่ะ กำลังดูอยู่ว่าจะต่อโทวิศวะ ด้านไหนดี เป็นพวกค้นหาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรค่ะ T_T จากคุณ : MissMiss&TakeCare (MissMiss&TakeCare) - [ 8 ต.ค. 51 21:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คห. 129: เศรษฐศาสตร์โปรแกรมอังกฤษแนะนำ http://master.econ.uni-freiburg.de/overview  ตลาดงานที่นี่สายนี้หลังเรียนจบหางานยากค่ะถ้าภาษาเยอรมันคุณไม่ได้หรือไม่ดีพอ   คห. 131: ในเยอรมัน 1=very good 2=good 3=satisfied 4=pass 5=fall  การเทียบเกรดบางคนเทียบเกรด 4 บ้านเราเท่ากับ 1 ของเยอรมัน เกรด 3 บ้านเราเท่ากับ 2 ในเยอรมัน  เกรด 2.5 ในมหาลัยเยอรมันถือว่าอยู่ในเกณฑ์ good  เราว่าถ้าคิดเป็นเกรดไทยคง 3 ขึ้นค่ะ  เพื่อน ๆ ในเยอรมันคนไหนมีประสบการณ์หรือทราบเรื่องการเทียบเกรด ช่วยตอบอีกทีละกันนะคะ คห. 133: ถ้าคุณภาษาไม่ได้ มีที่สอนเป็นอังกฤษคือ http://www.miplc.de เป็นด้าน intellectual property law  ส่วนโปรแกรม LL.M. ที่อื่นเช่น  http://www.jura.uni-freiburg.de/studium/InternationaleStudierende/llmInFreiburg-en/informationen-en จะสอนเป็นภาษาเยอรมัน และคุณต้องได้ปริญญาทางกฎหมายที่เทียบเท่ากับ first state exam ของเยอรมัน (เทียบเท่าป.โทบ้านเรา) ใช้เวลาเรียนสองปีแต่นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่ก็เรียนนานกว่านั้นค่ะ  เพราะมันยาก  ภาษาเยอรมันคุณต้องดีมากๆๆ ถ้าคุณได้ทุน น่ามาเรียนต่อโทและเอกด้านกฎหมายที่นี่มากค่ะ  แต่ถ้าไม่ได้ทุนล่ะก็ แนะนำให้ไปประเทศอื่นดีกว่า เพราะคุณต้องใช้เวลาเรียนนานมากค่ะกว่าจะจบเอกและยากมากด้วยเช่นกัน  คณะกฎหมายในมหาลัยเยอรมันถือได้ว่าเป็นคณะที่ให้เกรดนักศึกษาโหดสุด  คณะอื่นเช่นเลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และคณะสายสังคมอื่น นี่เกรดเฉลี่ยของนักศึกษาเยอรมันที่จบมักอยู่ที่ 1.3 ถึง 2 ต้น ๆ (คือ very good ถึง good) แต่เกรดเฉลี่ยของนักศึกษาที่จบกฎหมายจะอยู่ที่ 3 (satisfied) ค่ะ  พวกเรียนกฎหมายแล้วได้ 1 หรือ 2 ต้น ๆ นี่หายากมาก คนเยอรมันถือว่าบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมต้องผ่านการทดสอบที่เข้มข้นก่อนที่จะมาทำงานด้านนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่ปล่อยเกรดและให้คงระบบเก่าตรีควบโท (State exam) ไว้เป็นดีกรีมาตรฐานของนักกฎหมาย (ระบบใหม่เริ่มมี Bachelor of Laws แต่คนที่จบแค่นี้ที่เยอรมันหางานยากค่ะ เป็นได้แค่ผู้ช่วยในสำนักงานกฎหมาย ไม่สามารถเป็นทนายได้) แก้ไขเมื่อ 08 ต.ค. 51 22:45:38 จากคุณ : Sonnenschein - [ 8 ต.ค. 51 22:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ถึงคุณ Sonnenschein ขอบคุณมากครับที่ตอบกระทู้ผม คือ อันที่จริงผมใกล้จะจบแล้วเกรดจบถือว่าค่อนข้างดี แต่ภาษาผมไม่เก่งเลย เลยจะลงเรียน เยอรมันกับญี่ปุ่นเป็นทางเลือกในอนาคตด้วยนะครับ มีปัญหาที่ว่า ถ้าผมไม่ได้รับทุนต้องเรียนต่อโทที่นี่ก่อนถึงค่อยไปต่อเอกที่โน่นใช่ไหมครับ ถ้าไปด้วยทุนตัวเองค่าใช้จ่ายจะประมาณเท่าไหร่ครับ คงจะสูงมิใช่น้อย เหอๆ แล้วทำไมถึงต้องเรียนที่นั่นนานมากละครับเพราะต้องเรียนภาษาก่อนหรือเขาเข้มงวดมากครับ ไปเรียนตรีอีกใบที่นั่นได้มั้ยครับ จะได้ขยันเรียนภาษามากกว่าเก่าเพราะขนาดมัธยมยังใช้เวลานานเลย ปุปปับคงเอาอะไรกับผมได้ไม่มาก เท่าที่ไปอ่านในเวปที่ให้มา ทั้งสอบ DSH ทั้งภาษาอีก เรียกว่าหนักใจเลยทีเดียวครับ ขอบคุณที่ตอบล่วงหน้านะครับ จากคุณ : Pekky_san - [ 9 ต.ค. 51 00:00:12 A:124.120.128.30 X: TicketID:189816 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เรียนคุณ De-ace และคุณ Sonnenschein สืบเนื่องจากความเห็นที่ ๑๓๕ ก็ขออนุญาตแจม ครับ การเรียน กฎหมายที่เช็กเองก็คล้ายๆ กับเยอรมัน กับ ออสเตรีย ล่ะครับ กว่าจะได้ปริญญาโท ผมกินน้ำตา ผสม อาหารเช็ก มานานแล้วครับ (มันเพิ่มความเค็มเข้าไปอีก)ยาก ตะละโคตร เพราะที่นี่ไม่มี LL.M อย่างที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันแบบ อังกฤษ อเมริกา แล้วแถมเรียนเป็นภาษาเช็ก ผมเรียนภาษาเช็กพื้นฐานแค่เพียง ๑ ปี แล้วต้องมาเรียน มาสอบเข้าแข่งกับชาวบ้าน เด็กเช็ก เรียนอะไรทุกอย่างเหมือนชาวบ้าน ผมเองสอบวิชา กฎหมายอาญาเช็ก ผมก็ได้แค่ ๓ แค่ ผ่านแบบเส้นยาแดงเท่านั้นครับ แต่มันเหลือเชื่อ เพราะเพื่อนที่รู้จัก ตก หมด ดังนั้น ผมคิดว่าใครก็ตาม เรียน กฎหมายเยอรมันระบบเก่าที่มี สเตต เอ็กแซม แล้วเรียนจบ นี่คือ ของจริงครับ เท่าที่รู้จัก เช่น ศ.หยุด ศ.ประกอบ ศ.ปรีดี เกษมทรัพย์ ศ.คณิต ศ. บุญศรี รศ.กมลชัย ผศ กิติศักดิ์ รศ.สุรศักดิ์ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ อัจฉริยะ ครับ ส่วนผมเอง สิ้นปี คาด ว่า วิบากกรรม สเตตเอ็กแซมเจอแน่นอนครับ เขารอเชือดผมอยู่ มีคนถามผมเยอะทนเรียนอยู่ที่เช็กไปได้อย่างไร ผมตอบสั้นๆว่า สาเหตุที่ที่ทนเรียนอยู่ทุกวันนี้ เพราะ อึ๋มๆเพรียบ ครับพี่น้อง แถมใหญ่อีกต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 9 ต.ค. 51 00:21:42 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เรียนคุณ De-ace และคุณ Sonnenschein สืบเนื่องจากความเห็นที่ ๑๓๕ ก็ขออนุญาตแจม ครับ การเรียน กฎหมายที่เช็กเองก็คล้ายๆ กับเยอรมัน กับ ออสเตรีย ล่ะครับ กว่าจะได้ปริญญาโท ผมกินน้ำตา ผสม อาหารเช็ก มานานแล้วครับ (มันเพิ่มความเค็มเข้าไปอีก)ยาก ตะละโคตร เพราะที่นี่ไม่มี LL.M อย่างที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันแบบ อังกฤษ อเมริกา แล้วแถมเรียนเป็นภาษาเช็ก ผมเรียนภาษาเช็กพื้นฐานแค่เพียง ๑ ปี แล้วต้องมาเรียน มาสอบเข้าแข่งกับชาวบ้าน เด็กเช็ก เรียนอะไรทุกอย่างเหมือนชาวบ้าน ผมเองสอบวิชา กฎหมายอาญาเช็ก ผมก็ได้แค่ ๓ แค่ ผ่านแบบเส้นยาแดงเท่านั้นครับ แต่มันเหลือเชื่อ เพราะเพื่อนที่รู้จัก ตก หมด ดังนั้น ผมคิดว่าใครก็ตาม เรียน กฎหมายเยอรมันระบบเก่าที่มี สเตต เอ็กแซม แล้วเรียนจบ นี่คือ ของจริงครับ เท่าที่รู้จัก เช่น ศ.หยุด ศ.ประกอบ ศ.ปรีดี เกษมทรัพย์ ศ.คณิต ศ. บุญศรี รศ.กมลชัย ผศ กิติศักดิ์ รศ.สุรศักดิ์ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ อัจฉริยะ ครับ ส่วนผมเอง สิ้นปี คาด ว่า วิบากกรรม สเตตเอ็กแซมเจอแน่นอนครับ เขารอเชือดผมอยู่ มีคนถามผมเยอะทนเรียนอยู่ที่เช็กไปได้อย่างไร ผมตอบสั้นๆว่า สาเหตุที่ที่ทนเรียนอยู่ทุกวันนี้ เพราะ อึ๋มๆเพรียบ ครับพี่น้อง แถมใหญ่อีกต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 9 ต.ค. 51 00:22:57 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เรียนคุณ De-ace และคุณ Sonnenschein สืบเนื่องจากความเห็นที่ ๑๓๕ ก็ขออนุญาตแจม ครับ การเรียน กฎหมายที่เช็กเองก็คล้ายๆ กับเยอรมัน กับ ออสเตรีย ล่ะครับ กว่าจะได้ปริญญาโท ผมกินน้ำตา ผสม อาหารเช็ก มานานแล้วครับ (มันเพิ่มความเค็มเข้าไปอีก)ยาก ตะละโคตร เพราะที่นี่ไม่มี LL.M อย่างที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจกันแบบ อังกฤษ อเมริกา แล้วแถมเรียนเป็นภาษาเช็ก ผมเรียนภาษาเช็กพื้นฐานแค่เพียง ๑ ปี แล้วต้องมาเรียน มาสอบเข้าแข่งกับชาวบ้าน เด็กเช็ก เรียนอะไรทุกอย่างเหมือนชาวบ้าน ผมเองสอบวิชา กฎหมายอาญาเช็ก ผมก็ได้แค่ ๓ แค่ ผ่านแบบเส้นยาแดงเท่านั้นครับ แต่มันเหลือเชื่อ เพราะเพื่อนที่รู้จัก ตก หมด ดังนั้น ผมคิดว่าใครก็ตาม เรียน กฎหมายเยอรมันระบบเก่าที่มี สเตต เอ็กแซม แล้วเรียนจบ นี่คือ ของจริงครับ เท่าที่รู้จัก เช่น ศ.หยุด ศ.ประกอบ ศ.ปรีดี เกษมทรัพย์ ศ.คณิต ศ. บุญศรี รศ.กมลชัย ผศ กิติศักดิ์ รศ.สุรศักดิ์ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ อัจฉริยะ ครับ ส่วนผมเอง สิ้นปี คาด ว่า วิบากกรรม สเตตเอ็กแซมเจอแน่นอนครับ เขารอเชือดผมอยู่ มีคนถามผมเยอะทนเรียนอยู่ที่เช็กไปได้อย่างไร ผมตอบสั้นๆว่า สาเหตุที่ที่ทนเรียนอยู่ทุกวันนี้ เพราะ อึ๋มๆเพรียบ ครับพี่น้อง แถมใหญ่อีกต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 9 ต.ค. 51 00:23:12 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 140 สวัสดีค่ะ ขอรบกวนถามด้วยนะค่ะ พอดีว่าได้ยินจากอาจารย์ที่สอน บอกว่าทางเยอรมันก็มีเอก เกาหลีศึกษา ที่ดังๆอยู่ ไม่ทราบพอทราบไหมคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : seoul-station - [ 9 ต.ค. 51 02:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 141 อะไรหญ่ายยคะ คุณกมล ฮ่า ฮ่า... ยังไงขอให้โชคดีกับ State exam นะคะ  เราสอบปากเปล่า Diplom ผ่านไปหมดแล้ว  เกือบตายเหมือนกัน  วิชาเมเจอร์สอบกับโปรเฟสเซอร์สองคน ถามคนละครึ่งชม. กว่าจะผ่านมาได้แทบแย่ ตอนนี้มีน้องคนไทยเด็กทุนกพ.เรียน State exam กฎหมายอยู่ไฟรบวร์กอยู่สองคนค่ะ  คนนึงคาดว่าจะจบแล้ว มาเรียนที่เยอรมันตั้งแต่เตรียมมหาลัย จนถึงตอนนี้ก็เก้าปีแล้วมั้ง (ใกล้เคียงกับเราเลย อิอิ พวกที่เรียนหลักสูตรเก่าตรีควบโทที่นี่นานทั้งนั้นแหละค่ะ มีอัจฉริยะสี่ปีหรือห้าปีจบโทในหลักสูตรตรีควบโทนี่น้อยมาก)  เมื่อก่อนมีนร.ไทยเรียนกฎหมายที่เมืองเราอยู่อีกหลายคน แต่ต่างก็เรียนไม่ไหว สอบตกบ้าง เลยต้องย้ายไปเรียนที่อื่นหรือสาขาอื่น  ที่นี่กฎหมาย State exam นี่โหดมากค่ะ เห็นน้องคนที่กำลังจะจบบอกว่าต้องทำ Schwerpunkt (เหมือนเลือกเมเจอร์) 3 สาขา ส่วนคุณ Pekky_san ถ้าจะมาเรียนจริง ๆ  แนะนำให้คุณถามมหาลัยก่อนค่ะ ว่าเค้ายอมรับป.ตรีของคุณรึเปล่า  และให้เลือกเรียน LL.M.  เพราะ Staatsexamen (State exam) ยากมากสำหรับนักศึกษาต่างชาติ  ข้อสอบภาษาเยอรมัน DSH ที่คุณต้องสอบถ้าจะเรียนโปรแกรมภาษาเยอรมัน ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยเมื่อเทียบกับภาษากฎหมายที่คุณต้องเจอหากเลือกเรียนกฎหมายที่นี่ ขนาดเราอยู่มาแปดเก้าปี บางทียังมีปัญหาอ่านภาษากฎหมายในสัญญาต่าง ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องเลยค่ะ  ถ้าคุณไม่ได้ทุนและมหาลัยไม่ยอมรับป.ตรีคุณและให้คุณไปเริ่มใหม่ เราแนะนำให้คุณไปอังกฤษหรือประเทศอื่นดีกว่าค่ะ  เพราะมันใช้เวลาเรียนนานมาก ปีนึงค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างตก 400000 บาทถ้าอยู่อย่างประหยัด ถ้าป.เอกไม่ได้ทุนกว่าจะจบเอก(ตีซะว่าตรีโทแปดปี เอกห้าปี รวมเป็น 13 ปี) ก็ต้องมีงบห้าล้านกว่า วีซ่านักศึกษาสามารถทำงานได้ 90 วันหรือ 180 ครึ่งวันต่อปีก็จริง แต่เงินจากงาน part-time ก็ไม่พอสำหรับค่าครองชีพที่นี่ค่ะ ถ้าคุณมีผลการเรียนดี น่าจะขอทุนไปดีกว่าค่ะ แต่เราไม่ทราบเรื่องทุนสายกฎหมายเลยค่ะ ลองสอบถามอาจารย์ที่คณะคุณ หรือที่ DAAD Study Information Center ที่สถาบันเกอเธ่ กรุงเทพฯ จากคุณ : Sonnenschein - [ 9 ต.ค. 51 02:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 142 คห. 140 วิชาเกาหลีศึกษา (Koreanistik) บางมหาลัยมีเปิดสอนค่ะ เช่น http://www.aai.uni-hamburg.de/korea http://www.ruhr-uni-bochum.de/skk/lehrangebot.html แต่นอกจากคุณจะต้องได้ภาษาเกาหลีแล้ว ยังต้องได้เยอรมันด้วย เพราะการเรียนการสอนเป็นเยอรมัน  ถ้าจะเรียนด้านนี้ เราว่าไปเกาหลีเลยดีกว่าค่ะ จากคุณ : Sonnenschein - [ 9 ต.ค. 51 02:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 143 กราบเรียนคุณ Sonnenchein ขอแสดงความยินดีที่คุณสอบผ่าน ระบบนี้มันอำมหิต เจงๆ ล่อไปคนละ แปด เก้าปีทั้งนั้น เคยถามอาจารย์เช็กว่า เรียนกี่ปี ? กว่าจะจบเอก ให้ดิ้นตายท่านตอบ ๙ ปีครับ ท่านตอบว่า ตอนเรียน ตรีควบโท ไม่เท่าไร แค่ ห้า สแตนดาร์ด แต่เอกล่อไป ๔ ปี ไปเสียเวลาตอนสอบป้องวิทยานิพนธ์ ๑ ปี เต็ม ท่านยังบอกอีก สมัยนี้ง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ (เป็นงั๊นไปท่าน ผมแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน อ่านหนังสือทุกวัน ) อาจารย์ที่สอนกฎหมายที่ธรรมศาสตร์มีหลายท่านจบมาจากเยอรมัน ถ้าคุณ Pekky san เรียนที่นั่นก็น่าจะไปถามท่านเหล่านั้นดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าน ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี เกษมทรัพย์ ถ้ารุ่นกลางๆหน่อยก็ท่าน รศ.ดร.สุรศักดิ์ มณีศร (ท่านใจดี) ก็น่าจะให้คำแนะนำได้ดี ส่วนท่านอื่นๆรุ่นใหม่ๆที่ตอนนี้กำลังมีชื่อเสียง ผมไม่มีประสบการณ์ไปขอคำแนะนำจากท่าน และไม่มีความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น ครับ เท่าที่ผมพอทราบ LL!M น่าจะมีที่ โบคุ่ม กอตติงเก้น ทูบิงเก้น บอนน์ มิวนิค แต่ต้องลองไปถามเขาดูว่า คุณสมบัติ ตรี สี่ปี เรียนได้หรือเปล่า ? เพราะเท่าที่ทราบส่วนใหญ่จะจบโท เมืองไทยแล้วไปต่อ LL.M อีกที (ต้องลอง งานนี้ ต้องลอง ) ส่วน DAAD มีทุนให้ แต่ คำถามที่ต้องตอบ และตอบได้แล้วด้วยคือ ถ้าคุณได้ทุนนี้มาเรียน คุณต้องทำทุกวิธีเพื่อให้คุณอยู่รอด เพราะ แม้จะเป็น LL:(M แต่มันก็ยากโคตร ขอให้พึงพิจารณาดูให้ดี การเรียนภาษาเยอรมัน เพียง ๑ ปีต่อจากนั้นเข้าไปเรียนในคณะนิติศาสตร์ มันก็คล้ายกับผมแหละเรียนไม่รู้เรื่องเลย มันต้องอดทนมาก คุณลองคิดดูผมเจอ Text ภาษาเช็ก ๘๐๐ หน้า สามเล่ม วิชากฎหมาย อาญา แล้วก็เจ้า รวมคำพิพากษาฏีกา เช็ก อีกหนึ่งปึก เท่ากับสมุดหน้าเหลือง ผมก็ต้องทนอ่านเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ยิ่งเรียนในเยอรมัน มันยากกว่าที่เช็กเยอะ ยิ่งถ้าคุณ สารภาพ ไม่ไหวต่อหน้าอาจารย์เยอรมัน ผมว่าเขาจะเกลียดคุณมาก แล้วชี้ไปที่ สนามบิน ทันที ผมว่าบรรยากาศการเรียนแถวนี้มัน มาคุ พอสมควร เพื่อนร่วมรุ่น เขาก็ไม่สนใจคุณหรอก ยิ่งคุณมาจากเอเซียแล้ว หนัก การที่คุณจะทำให้เขามาคุยกับคุณได้นั่นคือ คุณต้องแสดงให้เห็นว่า คุณเรียนได้ดี หรือ รอด (มาตรฐานเยอรมัน คือ ต้องเก่ง มาตรฐานเช็กคือ รอด ) กว่าผมจะทำให้สาวผมทองตาสีฟ้ามาคุยกับผมได้ ผมใช้เวลานานอยู่พอสมควร เลยแหละคุณ แรงจูงใจที่จะเรียนคุณก็ต้องหาเอา อย่างเช่น ผมไปเรียน ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเพราะ สาวน้อยผมทอง ตาสีฟ้าเป็นต้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดังนั้น คุณ Pekky San ถ้าอยากมาเรียนแถวนี้จริง ก็ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จ ครับ ผมเข้าใจความฝันคุณดี เพราะผมสมัยก่อนเรียนที่เมืองไทยก็เกรด ห่วยกว่าคุณอีก แต่พยายามอยากได้ทุนไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส แต่ก็ไม่ได้ แถมโดน บรรดาท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย นินทา ซ้ำอีก ว่า เรียนก็ไม่ได้เกียรตินิยม ยังสะเออะ อยากไปเรียนต่อฝรั่งเศส แต่วันนี้ ผมอยู่ที่เช็ก มีความสุขดี เพราะ!!!!!!!!!!!!!!!! ผมชอบ............ อ้าว !!!!! คำตอบก็มีธงอยู่ในใจ พ่อแม่พี่น้องชาวพันธ์ทิพย์ อยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องตอบย้ำอีกหรอกครับ เพรียบ ครับพี่น้อง ขอให้โชคดี ครับ คุณ Pekky San จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 9 ต.ค. 51 03:19:54 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 144 เท่าที่ทราบ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันแบ่งการปกครองเป็น 16 รัฐ แต่ละรัฐจะมีรัฐบาลของตัวเอง หากรัฐไหน มีรัฐบาลมาจากพรรค SPD มหาวิทยาลัยในรัฐนั้น จะไม่เก็บค่าเรียน เช่น รัฐเบอร์ลิน รัฐ Rheinland-Pfalz และรัฐ Hessen www.deutschland.de เว็บเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 9 ต.ค. 51 14:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เอ่อ ถาม พี่ จขกท คับ หรือพี่ Sonnenschein ก็ได้คับหรือถ้าพี่ กมลหรือท่านอื่นๆทราบ ก็ยินดีคับ นอกจากทุน daad เเล้วพวกทุน ของพวก stiftung ต่างๆ อย่าง Konrad andenauer stiftung หรือที่อื่นๆ อะไรพวกนี้ ขอยากไหมครับ พอดีพวกทุนdaad นี่ไม่มีในสาขาที่อยากเรียนเลย จากคุณ : Mayakovskaya - [ 9 ต.ค. 51 14:51:04 A:125.24.190.237 X: TicketID:181782 ]

ความคิดเห็นที่ 146 สวัสดีครับ ไม่ได้เข้ามาซักพัก ดีใจจัง มีคนมาช่วยกันตอบเยอะดี :D เรื่องกฎหมายนี่ผมเป็นเด็กอมมือจริงๆครับ ไม่รู้เรื่องเรียนที่คุณ Sonnenschein กับคุณกมลคุยกัน ผมรู้แค่ว่า ผมเรียนกฎหมายวิชาเลือกตอนป.ตรี เป็นภาษาไทย ยังอันกฎหมายมันไม่ค่อยเข้าใจเลย ฮ่าๆ ก็พอจะจินตนาการได้ ว่าถ้ามาเรียนเป็นภาษาเยอรมันจะเป็นอย่างไร ดีนะที่ผมไม่ต้องไปปวดหัวกับ Thesis การสอบ อีกแล้ว แต่ตอนนี้ต้องมาปวดหัวกับลูกค้าแล้วก็เพื่อนร่วมงานแทน เหอๆ ถึงคนละรสชาติแต่ก็ปวดหัวเหมือนกันอยู่ดี เรื่องการเทียบเกรด ถ้าว่ากันตาม official แล้ว เกรดเยอรมันสามารถเทียบได้กับเกรดทางอเมริกา คือ 1.0 = A 2.0 = B 3.0 = C 4.0 = D 5.0 = F ซึ่งเกรดบ้านเราใช้แบบเดียวกับ อเมริกาครับ นี่ว่ากันตาม official นะ แต่ว่าเอาเข้าจริงๆ 1.0 ของที่นี่เป็นอะไรที่ได้ยากมากครับๆ เอาง่ายๆ 4 เมืองไทยถ้าอิงเกณฑ์ก็จะต้องได้คะแนนมากกว่าประมาณ 80% ของคะแนนทั้งหมด จึงได้ 4 แต่ที่นี่ จะต้องได้มากกว่า 90% หรือ 95% ขึ้นไปครับ ในบางวิชาที่ข้อสอบมันยากมากๆ เค้าก็อาจจะพิจารณาให้เป็นอิงกลุ่มแทนในการตัดเกรด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ Professor ดังนั้น ที่นี่ถ้าได้เกรด มากกว่า 2.5 ก็ถือว่า Ok แล้วครับ อ่อ แล้วก็ที่นี่เกรดมันจะแบ่งย่อยระหว่างขั้นมากกว่าด้วย ระบบเมกา จะมีก็ B+ C+ ... แต่ที่นี่มันจะแบ่งเป็น 1.0 1.3 1.7 2.0 ... ระเอียดกว่านิดหน่อย แล้วเกรดสุดท้าย หลังจากเฉลี่ยมาจะปัดเหลือแค่ตำแหน่งเดียวโดยปัดตำแหน่งอื่นๆทิ้ง คือ ถ้าคุณได้ 1.29 มันก็จะปัดเหลือ 1.2 แล้วก็ ถ้าคุณได้ 1.2 ขึ้นไป ในใบจบก็จะมีคำหรูๆเขียนเอาไว้ว่า mit Auszeichnung (ไม่รู้จำมาผิดหรือเปล่า แหะๆ ใครช่วยแก้ที)  หรือเทียบก็คือ เกียร์ตนิยมอันดับ 1 ถ้าเกิดได้ 1.30 พอดีแป๊ะ (อย่างผมซวยไป) หรือ ต่ำกว่า 1.5 ก็จะได้ Sehr Gut (very good) เป็นต้น แล้วก็มาสวัสดีเพื่อนสมาชิกที่มาใหม่ด้วยครับ ก็ยินดีที่ประสบการณ์ของผม (และเพื่อนๆท่านอื่น) เป็นประโยชน์กับสมาชิกท่านอื่นๆด้วย ถ้าตอยช้าก็ขออภัยนะครับ กำลังปวดหัวกับ Project อยู่จะรอดไม่รอดก็ไม่รู้เศร้า T T จากคุณ : De-Ace - [ 9 ต.ค. 51 17:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 147 พี่ De-Ace ครับ ผมสนใจด้าน IT น่ะครับ แต่ไม่ได้เรียนวิศวะมา  ป.ตรีเรียนสาย IT ครับ ไม่ทราบว่า ป.โท คอม  นอกจากวิศวะแล้ว พอมีคอร์สประเภท MSc. พวก com-sci หรือคอร์ส IT อื่นๆมั้ยครับ ถามอีกเรื่องครับพี่ ทุนที่ DAAD ให้นี่มีแค่ ป.เอก กะกฎหมาย ทุนวิจัย กะอื่นๆตาม list เท่านั้นใช่มั้ยครับพี่ มีบ้างมั้ยครับที่จะให้ทุนสาขานอกเหนือจากนี้ ขอบคุณค้าบ จากคุณ : ฟิ้วววว (นายแบบแอบรักเธอ) - [ 9 ต.ค. 51 19:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เพิ่งกลับเข้ามาเว็บครั้งแรกในรอบหลายเดือนก็เจอกระทู้ที่ดีและน่าสนใจซะแล้ว อ่านซะจนตาแฉะเลย แถมยังได้ความรู้หลายเรื่องที่เราไม่เคยรู้มาก่อนด้วย ขอบคุณมากนะคะคุณ  De-Ace  สนใจเรื่องไปเรียนเมืองนอกมาตลอดเลย แต่...ไม่มีตังค์ แถมยังเรียนไม่เก่ง เรื่องทุนเรียนต่อนอกเลยได้แค่ฝัน อย่างมากก็แค่ไปหางานทำเมืองนอกแล้วก็กลับเมืองไทย (พูดซะหรูเริศแต่ขอโทษเถอะค่ะ งานแรงงานทั้งนั้น) ไม่รู้ว่าถ้าประสบการณ์การทำงานเยอะจะมีเจ้าของทุนที่ไหนเทียบให้บ้างน้า...>>>???? คุณ De-Ace พอจะมีข้อมูลดี ๆ บ้างรึเปล่าคะ จากคุณ : มดตะนอยตัวน้อย ๆ (matako) - [ 9 ต.ค. 51 19:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ตอบ #147 ครับ คอร์สที่นี่ส่วนใหญ่เป็น M.Sc เกือบหมดครับ ถึงที่อเมริกาเองก็เห็นเป็น M.Sc. ซะส่วนใหญ่นะครับที่เป็น M.Eng นี่น้อยมากๆๆ เพราะฉะนั้น ถึงจะไม่ได้จบวิศวมาก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ก็ต้องเลือกสายที่เรียนหน่อยครับ ถ้าเลือกไปทาง Hardware (อย่างพวก embeded system) นี่ก็คงยากหน่อยเพราะเชื่อว่าป.ตรีคงไม่ได้เรียนทางไฟฟ้ามามาก จะเหนื่อยหน่อย เรื่องทุน DAAD นี่คือถูกแล้วว่าส่วนใหญ่มีให้ ป.เอก ครับ แต่ว่าในแต่ละปีก็จะมีทุนสำหรับป.โท มาบ้าง ตามแต่ว่ามีใคร Sponsor ให้ DAAD มาหรือเปล่า นอกจาก DAAD ที่ผมเห็นก็เป็นทุนของ Siemens โดยที่เป็นทุนผูกมัดอ่าครับ เห็นน้องที่นี่ขอมาได้อยู่แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าขอมายังไง ลองเข้าไปดูที่ http://www.generation21.siemens.de/generation21/deutschland/en/pages/hochschulprojekte/masterstipendien.jsp ครับ ส่วนคุณ Matako ครับ แหะๆ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ให้ทุนเค้าจะพิจารณายังไงนะครับ แต่ถ้าสนใจจริงๆ แล้วเค้าไม่ได้มีกำหนดไว้แต่ต้นในเงื่อนไขการสมัครขอรับทุน ลองดูก็ไม่เสียหายนะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 9 ต.ค. 51 19:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ขอบคุณมากนะค่ะ คุณSonnenschein ^^ จากคุณ : seoul-station - [ 9 ต.ค. 51 19:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เคยกำลังจะบินไปเรียนต่อที่เยอรมันอีกสองอาทิตย์ เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ลาออกจากงานด้วย แต่ว่ามหาลัยส่งจดหมายมาปฏิเสธกลางคันว่าเปลี่ยนใจไม่รับเข้าเรียนแล้วเลยเคว้ง  แต่ตอนนี้มาอยู่เมกาได้สามปีและกำลังจะเรียนจบสมใจ พร้ิอมสรัางครอบครัวอบอุ่นๆที่นี่ต่อไป ทั้งๆที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะได้มาที่นี่ เพราะใจมุ่งไปทางยุโรปตั้งแต่เด็ก เนื่องจากชอบสถาปัตยกรรมแถบนั้นมากๆ หวังว่าสักวันนึงจะได้ไปเที่ยวที่ทางแถบนั้น ซักครั้งนึงในชีวิต จากคุณ : jao jing - [ 10 ต.ค. 51 03:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 152 แล้วเกี่ยวกับ Logistic ล่ะคะ สำหรับที่นั่นถือว่า น่าสนใจหรือป่าว เราทำงานเกี่ยวกะการขนส่งทางเรือ และ ทางอากาศมา แต่ตอนนี้มาเรียนภาษาอยู่อังกฤษ อยากเรียนต่อโทเกี่ยวกะ Logistic Management หรือ สายที่เกี่ยวข้อง พอมีข้อมูลหรือคำแนะนำบ้างหรือป่าวคะ จากคุณ : khoonchin - [ 10 ต.ค. 51 04:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 153 เคยอ่านข่าวจาก นสพ ว่า คนจีนที่มีเงินไม่มากพอจะส่งลูกหลานไปเรียนต่อที่ อเมริกาหรืออังกฤษ จะส่งให้ลูกหลานมาเรียนที่เยอรมนี เนื่องจากค่าเรียนถูก ตอนนี้ในเยอรมนีจึงมีนักศึกษาจากประเทศจีนมาเรียนมาก จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 10 ต.ค. 51 13:10:30 ]

ความคิดเห็นที่ 154 พี่ De-Ace ครับ ขอบคุณมากเลยครับ พี่รู้ที่ให้ทุนเยอะจังครับ ผมนี่ search เอาตาม goggle  แล้วมันก็ไม่ค่อยจะมี เป็นแบบว่า หมดอายุไปแล้ว  เก่าบ้าง ไม่ตรงคุณสมบัติบ้าง ตอนนี้กำลังหาข้อมูลเรื่องทุน Erasmus Mundus อยู่ครับ ฝันไกลแต่ไม่มีทุนทรัพย์ 55555 ขอบคุณอีกครั้งนะครับ จากคุณ : นายแบบแอบรักเธอ - [ 10 ต.ค. 51 18:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 155 อ่าน Requirement ของ Siemens แล้ว แบบว่า  T_T   German is either your mother tongue or you have very good knowledge of the German language. จากคุณ : นายแบบแอบรักเธอ - [ 10 ต.ค. 51 18:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 156 จขกท สุดยิดมากครับ เขียนอ่านง่าย แล้วยังมาตอบคำถามเรื่อยๆ อีก แต่ผมก็ยังเป้นห่วงเรื่องที่ เด็กไทยส่วนใหญ่ ชอบคิดอะไรง่ายๆ จะเข้าใจผิด แล้วผิดหวังที่ไม่ได้ไป แล้วอาจจะมาโวยวาย โทษจขกท ที่สร้างความหวังให้เค้า คงต้องเน้นย้ำว่า ไปได้จริง แต่คุณต้องขยัน ต้องขยันมาก่อนนานแล้วด้วย ไม่ใช่เพิ่งมาขยัน คือ ง่ายๆ หมายความว่า ทำเกรดไว้ดี ภาษาก็ต้องสอบได้คะแนนดี ซึ่งไม่สามารถสร้างได้ในเร็ววัน ยังไงก็เป็นทางเลือกสำหรับ คนที่สนใจเรียนจริงๆ และมีความตั้งใจมานาน จากคุณ : g9h - [ 10 ต.ค. 51 18:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 157 กระทู้ดีมีประโยชน์มากค่ะ จขกท. เขียนได้อ่านง่ายดีนะคะ เคยเมียงมองจะเรียนต่อที่เยอรมันเหมือนกันค่ะ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีข้อมูลเลย พอตอนนี้ ก้อไม่ทันแล้วค่ะ อยู่อังกฤษแล้วอ่ะ แต่ว่าเรื่องร้านค้าปิดวันอาทิตย์เนี่ย น่าเบื่อเหมือนกันเลยนะคะ แบบว่า จะทำอะไรเราก้อต้องคิดไว้ก่อนอ่ะ มันก้อมีข้อดีข้อเสียแหละนะ จากคุณ : +~sarakung~+ - [ 10 ต.ค. 51 22:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ต้องขออภัยไว้ก่อนนะครัย หากว่าผมไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องที่เรียน/ทุน เฉพาะด้านบางสาขาได้ ถ้าอยากไร อยากให้ลองเข้าไปหาข้อมูลคอร์สป.โทที่ เวบ DAAD ก่อนนะครับ ที่นั่นมีข้องข้างเยอะ #151 น่าเห็นใจมากครับ จริงๆเค้าก็ทำไม่ถูกนะ เปลี่ยนกันอย่างงี้เฉยเลยได้อย่างไร #153 ผมก็เคยได้ยินคนพูดถึงในแง่นี้เช่นเดียวกันครับแล้วผมก็ว่ามันก็จริงนะ ที่นี่มีคนจีนเรียนเยอะมากๆๆๆ แต่จะว่าไป คนจีนเค้าอยู่ทุกประเทศทั่้วโลกอยู่แล้วอ่ะ แหะๆ #154 สู้ๆ นะครับ ตอนผมหาทุนคราวแรก มันก็ไม่ได้ง่ายซะทีเดียวหรอกครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของน้องเลย บางทุนน่าสนใจมากๆ แต่เก่าไปซะแล้วสมัครไม่ทัน พลาดท่าผิดหวังมาก็เยอะ เอาเป็นว่า พยายามต่อไป ยังไงก็คงได้แหละครับ #156 ตอบได้ตรงใจผมมากเลยครับ ผมก็ว่าผมอยากจะเขียนประเด็นนี้เหมือนกันมันแวบขึ้นมาในหัว แต่ดันเล่าเรื่องอื่นเพลินลืมไปซะได้ ผมเองกว่าจะได้มาลงเอยที่นี่ก็ขวนขวายหาทุนอยู่ตั้งนาน อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเรีย สวีเดน ลองมาหมดแล้ว หาข้อมูลเยอะมากๆครับ ขนาดเกรดผมก็ว่าดีแล้ว บางที่เค้าก็ไม่ให้ทุน บางทุนก็พลาดเพราะเหตุผลโง่ๆ (ทำให้ผม เกลียด ETF ไปเลย แบบว่ามีปัญญากับการส่งผล TOEFL ของ ETF จนทำให้ผมเสียโอกาสอันสำคัญไป ผมตั้งปณิธานว่าจะไม่เสียตังให้ ETF อีก ไม่ไปสอบ GRE อีก ที่ไหนเอาผล GRE ผมไม่สมัคร) แต่สุดท้าย ก็ได้มาลงเอยที่นี่ จะบอกว่ามันเป็นไปได้ แต่ก็อยู่ที่ความพยายามของพวกเราด้วยครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่พยายามจะหาทุน มันต้องพยายามตั้งแต่ ตอนเรียนเลย นอกจากเกรดแล้ว การแข่งขันทางวิชาการหรือประสบการณ์อื่นๆก็มีส่วนช่วยเยอะนะครับ #157 คิดในแง่ดีก็วันอาทิตย์จะได้หยุดพักผ่อนอยู่บ้านไม่ต้องออกไปซื้อของข้างนอกไงครับ อิอิ จากคุณ : De-Ace - [ 11 ต.ค. 51 03:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 159 จริงๆ สุดท้ายหลังจากได้ทุนแล้ว ผมมีทางเลือกอยู่สามที่ครับ คือทุนไปเมกา ไปอังกฤษ แล้วก็ ทุนมาเยอรมัน สุดท้ายผมเลือกเยอรมัน พอคุยกับใครๆ เค้าก็ถามว่าทำไมเลือกที่นี่ไม่ไปเมกาแบบคนอื่นเค้า ผมก็เลยมานั่งๆคิดดูว่าทำไมเราไม่ได้คิดเหมือนอย่างคนอื่นเค้า ซึ่งเหตุผลมันก็คือทั้งหมดที่ผมพูดไปตั้งแต่แรกนั่นแหละครับ โดยเหตผลที่มีน้ำหนักมากที่สุดก็คือเรื่องของเงินและค่าเล่าเรียนนั่นแหละ จึงเป็นที่มาของกระทู้เรียนอย่างสบายกระเป๋านี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 11 ต.ค. 51 03:36:17 จากคุณ : De-Ace - [ 11 ต.ค. 51 03:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 160 คุณ De-Ace เก่งจังครับ แล้วปกติ thaistudents.de นี่เล่นห้องไหนดีล่ะครับ??? จากคุณ : LuPangBig - [ 11 ต.ค. 51 04:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 161 พี่De-Ace ตอนนี้หนูมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนgymnasiumอยู่ frankfurt an der oder เมืองชายแดนติดกับโปแลนด์ ตอนแรกก่อนมาหนูตั้งใจไว้ว่าจะมาหาลู่ทางเรียนต่อมหาลัยที่เยอ แต่พอมาอยู่ได้สามเดือนความคิดของหนูก้อเปลี่ยนไป มันไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ที่นี่ หนูมั่นใจมากก่อนมาว่าหนูพร้อมแล้ว หนูอยากมาค้นหาตัวเอง อยากเปิดโลกกว้าง แต่ความจิงหนูยังไม่พร้อม หนูรู้สึกว่าความรักความเข้าใจหาไม่ได้เลยที่นี่ หนูเหงามาก เหงามากจิงๆ และคิดว่าจะอยู่ได้ยังไงอีกตั้งเก้าเดือน หนูไปเจอพี่ๆคนไทยที่เรียนอยู่ที่cottbus หนูคิดว่าเค้าอยู่กันได้ไงตั้งห้าปีเจ็ดปี เค้าอยู่ได้ไง หรือเป็นเพราะว่าพี่ๆเค้าอยู่กับคนไทยเลยไม่เหงา แต่หนูมาอยู่นี่เพื่อฝึกภาษาเยอรมัน หนูไม่เข้าใจตัวเองเลย อ่านข้อความที่พี่เขียนทำให้หนุหยุดคิดถึงความตั้งใจของตัวเองก่อนมาเยอรมัน ว่าหนูเคยอยากมาเรียนต่อที่นี่มากแค่ไหน หนูหวังมากจิงๆ เวลาหนึ่งปีที่นี่หนูหวังว่าหนูจะเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพราะกลับไปเมืองไทยหนูต้องเอนทรานซ์แล้ว หนูต้องเลือกระหว่างเรียนที่เมืองไทยหรือที่เยอ หนูไม่อยากเรียนเมืองไทยเพราะไม่ชอบระบบการศึกษาที่ไม่มั่นคง ไม่น่าเชื่อถือ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่หนูจะมีความสุขมากกว่า สำหรับเยอเป็นที่แน่นอนว่าระบบการศึกษาดีมาก เพราะหนูเห็นด้วยตัวเองแล้ว แต่มีข้อดีก้อมีข้อเสีย ณ ขณะนี้ความรู้สึกหนูบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความสุข ความรัก จากครอบครัว เพื่อน ทุกคน หนูควรจะเลือกสิ่งนี้ ขอโทดนะคะที่มันไม่เกี่ยวกับกระทู้ เห็นพี่ตอบกลับทุกความคิดเห็น เลยอยากฟังคำแนะนำจากพี่ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ice_tupink - [ 11 ต.ค. 51 06:21:36 A:77.24.149.247 X: TicketID:190167 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ซักวันหนึ่ง เราจะไป๊ เราจะไป....เยอรมนี หุหุ ตอนนี้เรียนภาษาอยู่ค่ะ ไว้พูดรู้เรื่องแล้วก็ว่าจะไปเรียนต่อที่โน่นอยู่เหมือนกัน ^^ จากคุณ : Dory (conejodulce) - [ 11 ต.ค. 51 10:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ตอบ 160 ปกติเวบบอร์ด thaistudents.de อาจจะไม่ค่อยขยับอ่ะนะครับแหะๆ ส่วนใหญ่ก็เข้าไปหาข่าวสารกิจกรรมว่าอย่างจะมีอะไรเมื่อใหร่แล้วก็เข้าไปร่มกับเค้า 161 ร้อง ice_tupink ตอนที่พี่มาเรียนที่นี่พี่ก็เหงาครับ ถึงแม้จะมีคนไทยอยู่ใกล้ๆสองสามคน แต่มันก็ไม่เหมือนตอนเรียนที่ไทยหรอก อย่างที่เคยเล่าในความเห็นที่ 59 ว่ามีเพื่อนที่มาเรียนที่นี่ตั้งแต่จบม.ปลายแล้วบ่นว่าขาดชีวิตวัยรุ่นไป เป็นเด็กแล้วโตเลย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ ถ้าเราเรียนที่นี่ คบเพื่อนเยอรมัน กิจกรรมที่วัยรุ่นเยอรมันทำมันก็ไม่เหมือนวัยรุ่นไทยทำในรั้วมหาวิทยาลัย ตามความเห็นพี่ ถ้าเป็นพี่พี่คงจะเรียนป.ตรีในไทยก่อน อย่างน้อยก็ได้เพื่อน ได้เนทเวิร์คที่ไทย ถ้าไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ยังไงมีเนทเวอร์คที่ไทยไว้จะดีกว่า กลับไป หางานหรือมีอะไรก็ปรึกษาเพื่อนๆที่ไทยได้ ระบบการศึกษาที่ไทยก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะครับ อย่างน้อยถ้าเรารับผิดชอบตัวเองเราก็เป็นคนที่มีคุณภาพได้แน่นอน น้องมาเมืองเล็กๆ คนน้อยๆ ชีวิตเรียบง่ายไม่อึกทึกครึกโครม ถ้าไม่ใช่คนรักสันโดษมันเหงาแน่ๆอยู่แล้วหล่ะครับ ช่วงนี้ วันธรรมดาก็ตั้งใจเรียนไปก่อน ส่วนเสาร์อาทิตย์ ก็ลองไปเที่ยวหาเพื่อนๆพี่ๆคนไทย หรือไม่ก็ไปเที่ยวเมืองใกล้ๆก็ดีนะครับ Berlin ก็น่าไป มีอะไรให้ดูเยอะดี พี่ๆคนไทยในเบอร์ลินก็เยอะ เดี๋ยวเค้าจะมีกิจกรรมกีฬากัน ก็ลองไปร่วมกับเค้าดูจะได้หายเหงานะ # 162สู้ๆครับ ผมยอมแพ้แล้วอ่ะ ภาษามันยากเหลือเกิน แหะๆ ผมไม่ได้เรียนต่ออีกเลยไปมั่วเอาพูดแล้วเค้าเข้าใจเป็นอันใช้ได้ แกรมม่าโยนทิ้งหมด 555 T T (ยากอ่ะ) จากคุณ : De-Ace - [ 11 ต.ค. 51 14:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 164 น้องคห. 161 สู้ ๆ นะคะ  มาอยู่ต่างประเทศคนเดียวแรก ๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนพี่มาอยู่เยอรมันเดือนแรก ๆ ก็เป็น  อยากให้น้องลองมองดูด้านดี ๆ และประโยชน์ที่ได้ในการมาครั้งนี้นะคะ เช่นเป็นการฝึกตัวเองให้มีความรับผิดชอบเพราะที่นี่ไม่มีพ่อแม่ ฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง ฝึกภาษาเยอรมัน เปิดโลกทัศน์ตัวเอง น้องมีโอกาสดีกว่าเพื่อน ๆ น้องที่อยู่เมืองไทยนะคะ ฉะนั้นสู้ต่อไป เวลาเก้าเดือนไม่นานเลยค่ะ พี่อยู่มาแป๊บ ๆ ก็แปดปีผ่านไปแล้ว แถมไม่ได้กลับบ้านมาตั้งสี่ปี  ดีที่สิ้นเดือนนี้พ่อกับน้องพี่จะมาหา จากคุณ : Sonnenschein - [ 11 ต.ค. 51 18:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 165 กราบเรียน น้อง Ice_topink และกราบเรียนคุณ De-Ace และ คุณ Sonnenschein พี่เข้าใจความรู้สึกของน้องอย่างมาก ในตัวอย่างที่ใกล้เคียงกัน พี่เรียนที่เช็ก โดยไม่มีคนไทยมาคอยรับเลยแม้แต่คนเดียว แถมพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ต้องใช้มือ อย่างเดียว เพราะ คนเช็ก ไม่พูด ภาษาอังกฤษ และอุปนิสัย คนเช็ก ค่อนข้างจะเย็นชาและเฉยเมย ไม่ยินดียินร้าย ชนิด คนนอนตายข้างถนนก็ไม่มีใครสนใจ เดี๋ยวเทศบาล ก็มาเก็บไป เขาคิดกันเช่นนั้น แล้วยังต้องเจอ บริการยอดแย่อีกต่างหาก คือ คนเช็กจะไม่สนใจ บริการ เข้าไปในห้างซื้อของ พวกยามมันก็เอาแต่จ้องเรา (เออ เพิ่งรู้วันนี้ ว่า กรูเองก็หล่อว่ะ !!!) อาจจะเป็นเพราะพี่แก่แล้วเลยไม่ค่อยรูสึกเหงา ทั้งๆที่เมืองที่เรียนอยู่ มีคนไทยแค่คนเดียว คือ พี่เอง เท่าที่ทราบและอยู่มานานหลายปีแล้ว รอบข้างพี่ไม่เช็ก ก็ สโลวัก (ไม่เป็นไร อึ๋มๆ พี่ชอบ ) แถมตอนอยู่ใหม่ๆ พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง เลยทำให้ต้องหัดเรียนภาษาเช็ก อย่างจริงจัง อย่างเช่น ไปเที่ยวกับเพื่อน แล้วก็คุยกับเพื่อน โดยเฉพาะในร้านขายเบียร์ (ที่เช็ก ไลฟ์สไตล์คือ ไปดื่มพูดคุยกันในร้านขายเบียร์ เป็น Folk way ของเขา ) พี่เองก็ไปกับเพื่อน พูดคุยกันทุกวัน จนเดี๋ยวนี้ แม้กระทั่ง พ่อครัวในโรงอาหาร ก็เพื่อนพี่ บางครั้ง สาวน้อยเช็กน่ารักก็จะชวนไปดูปิงปอง เด็กขยันเรียนเช็กบางคนก็ชวนเราไปดูสาวเต้นแอโรบิก (มันสุดยอด เจงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ) บางทีเวลามีฟุตบอล ก็มีคนมาชวนเราไปดูด้วย โดยเฉพาะนัดที่สามารถถล่มทีมเยอรมันได้ ชาวเช็กจะฉลองกันเป็นพิเศษ ยอมรับเรียนที่เยอรมัน มันยาก แต่ถ้าน้องมีโอกาสขนาดนี้ น้องน่าจะอดทนสู้ต่อไป ชีวิตน้องดีกว่าพี่เยอะ มีโอกาสได้มาเรียนต่างประเทศโดยที่อายุน้อยมาก ส่วนพี่เองมาเรียนที่เช็กเอาตอนแก่มากๆ แล้วด้วย เพราะกว่าจะพยายามหาทุนมาเรียนต่อได้ พี่ใช้เวลา ๘ ปี เต็ม ปี ๒๕๓๙ พี่สอบเข้าปริญญาโท ที่จุฬาได้ แต่ไม่มีโอกาสเรียน เพราะบ้านจน ไม่มีตังค์จ่ายค่าเทอม เหยื่อระบบการศึกษาไทย คือ ตัวพี่เองล่ะน้อง ตอนนี้ แก่มาก ชนิด ถ้าชีวิตเป็นถนน พี่ก็ขับรถมาถึงซอยวัชรพลแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงหลักสี่ น้องมีโอกาสดีกว่าพี่เยอะ แถมเรียนเก่งกว่าพี่อีก แล้วจะกลัวอะไร ขอให้อดทน ตั้งใจเรียนในวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีในวันหน้า เพื่อนเล่นในวันนี้ เขาไม่สามารถเป็นเพื่อนเล่นเราในวันหน้า ทุกคนมีชีวิตในอาคต ที่ต้องจัดการด้วยมือ ตัวเอง น้องก็เช่นกัน เหตุใดจะทิ้งโอกาสทองหลุดลอยไปล่ะ ? เพื่ออนาคตที่ดี ขอให้น้องอดทนสู้ต่อไปเถิด จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 11 ต.ค. 51 20:55:58 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาโพสไว้ มีประโยชน์มากเลย อยากจะถามหน่อยค่ะ ว่าที่เยอรมันมีเปิดเรียนป.โทรหรือป.เอกเกี่ยวกับสาขาทางสุขภาพรึป่าว?ค่ะ จากคุณ : War_Be - [ 11 ต.ค. 51 23:58:08 A:58.9.60.181 X: TicketID:190258 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ขอบคุณเจ้ากระทู้ที่ตั้งกระทู้ที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับหลายๆคนที่อยู่เยอรมัน โดยเฉพาะเราเอง อยากขอคำแนะนำจากหลายๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ว่า ตอนนี้กำลังหาที่เรียนภาษาเยอรมัน ได้ข้อมูลมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่เกี่ยวกับเรียนภาษาเยอรมันที่ Uni Hannover.ใครมีข้อมูลดีๆช่วยแนะนำด้วยคะ ว่าเขามีให้เรียนไหม เรียนเมื่อไหร่( เรียน เอ 1 เอ2 บี บี 2) จากคุณ : trekking - [ 12 ต.ค. 51 03:25:10 A:84.130.88.186 X: TicketID:173950 ]

ความคิดเห็นที่ 168 เมื่อประมาณเจ็ดแปดปีที่แล้วมีนักเรียนทุนกระทรวงวิทย์ฯ เรียนที่มหาวิทยาลัย Aachen เกือบสิบคน มีคนหนึ่งที่จำชื่อได้แม่น ชื่อ เขมจิต เสนา(ป๋า) ป่านนี้คงเรียนจบและกลับไปรับราชการที่เมืองไทยกันหมดแล้ว ที่จบปริญญาเอก วิชากฎหมายจากเยอรมนี และเป็นข่าวในหน้า นสพ พิมพ์บ่อย ดร ปริญญา  ดร บรรเจิด สิงหะคะเนติ และอีกหลาย ดร มีตำแหน่งเป็น รศ กันหมดแล้ว จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 13 ต.ค. 51 03:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 169 คห. 167 สำหรับคอร์สเรียนภาษาที่ Uni Hannover ดูได้ที่ http://www.fsz2.uni-hannover.de/index.php?id=sprachen&L=4 นะคะ  ที่อื่น ๆ ก็มีเช่น http://www.isk-hannover.de/ISK_en/isk/german/standard.htm คห. 166 วิทยาศาสตร์สุขภาพนี่กว้างมากเลยนะคะ สาขาอะไรล่ะ  ลองหาดูที่ http://www.daad.de/deutschland/studienangebote/international-programmes/07535.en.html ก่อนมั้ยคะ  ส่วนป.เอกนี่คุณต้องหาอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ (Doktorvater) ให้ได้เองค่ะ และไม่มีการเรียน course work ทำแต่วิจัย  คนเยอรมันถือว่าการทำป.เอกไม่ใช่การเรียน แต่เป็นการทำงานค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 51 03:32:52 จากคุณ : Sonnenschein - [ 13 ต.ค. 51 03:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ไม่เห็นตอบความเห็นที่ 152 เลยค่ะ แอบดูมาหลายวันแล้ว แงแง จากคุณ : khoonchin - [ 13 ต.ค. 51 04:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 171 กราบเรียนคุณ Khoonchin กราบเรียนคุณ De Ace and คุณ Sonnenschein ผมเกรงว่าคุณ Khoonchin จะเสียใจที่ไม่มีใครตอบ งั้นเอาข้อมูลหลักสูตรอินเตอร์ ของเช็ก ไปแทนก็แล้วกัน ค่าเทอมยังถูกอยู่ http://cemsmim.vse.cz/english/ แล้วนี่ www.vse.cz ลองไปดูเอาก็แล้วกัน ไม่มีทุน แต่ ค่าเทอม และค่าดำรงชีพในเช็ก ยังถูกมากออยู่ ช่วยได้แค่นี้ครับ จากคุณ : กมล ตันจินวัฒนกุล - [ 13 ต.ค. 51 05:56:52 A:158.194.181.186 X: TicketID:153431 ]

ความคิดเห็นที่ 172 เรียนคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มาแล้วจะเรียนป.โท ด้านบริหาร หรือด้านคอมพิวเตอร์ดีค่ะ จากคุณ : p1919 (p1919) - [ 13 ต.ค. 51 18:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 173 ขอโทษครับคถณ Khoonchin ตกสำรวจแหะๆ อย่าเพิ่งน้อยใจครับ แล้วก็ขอบคุณคุณกมลที่เข้ามาช่วย ผมกำลังปวดหัวกับหลายๆเรื่องเลยอาจจะเข้ามาไม่ถี่มากนักต้องขออภัยนะครับ เรื่อง Logistics ผมเคยได้ยินน้องคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เยอรมันมีรายได้มากที่สุด ไม่ใช่จากอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่เป็น จาก Logistic (เช่น DHL) อันนี้ผมไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ว่า ด้านนี้ในเยอรมันถือว่าเจริญก้าวหน้าเหมือนกันนะครับ ถ้าสนใจเรียนมันก็มีคอร์สอยู่แล้วหล่ะครับ ใน daad ถ้าลอง search หา ก็จะหาเจอบ้างเหมือนกันครับ ผมเอามาฝาก ซักที่นึงแล้วกันครับ ลองเข้าไปดูที่ http://www.uni-due.de/ise/study/m-me-pl-elective.shtml นอกจากนี้สาย Logistic ก็อาจจะรวมอยู่ในพวกๆ Production Engineering อ่ะครับ ก็ลองหาดู เห็นมีหลายที่อยูนะ #172 ถ้าจะต่อ บริหาร (MBA) ก็ต้องมีประสบกรณ์ทำงานครับ ถ้าต่อ computer ก็จะเป็นทางเทคนิคอล ก็ต้องถามตัวเองว่าชอบแบบไหน อันนี้คงมีใครติดสินใจแทนให้ไม่ได้อ่ะนะครับ จากคุณ : De-Ace - [ 13 ต.ค. 51 22:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 174 ขอถามเพิ่มเติมหน่อยนะคะ - ทุน DAAD มีจำกัดอายุหรือป่าวคะ - อยากไปเรียนทางด้าน finance คะ - ต้องมีคะแนนภาษาอังกฤษด้วยหรือเปล่าคะ ถึงจะสมัครทุนได้ ขอบคุณคะ จากคุณ : tsubomi - [ 13 ต.ค. 51 23:21:03 ]

ความคิดเห็นที่ 175 สาขาทางสุขภาพ เช่น การพยาบาลค่ะ พอดีจบตรีพยาบาลมาค่ะ ไม่แน่ใจใจว่ามีมหาลัยที่นั่นเปิดบ้างมั้ย? ขอบคุนน่ะ จากคุณ : War_Be - [ วันออกพรรษา 00:57:40 A:58.9.58.131 X: TicketID:190258 ]