ความคิดเห็นที่ 1 คห. ข้างล่าง ให้คำแนะนำที่ดีไว้แล้วครับ พยายามเข้านะครับ แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 14:47:20 จากคุณ : T-E-N-A - [ 2 ต.ค. 51 10:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จะมาเรียนแบบอินเตอร์หรือเป็นภาษาญี่ปุ่นคะ ถ้าเรียนแบบอินเตอร์ ไปประเทศที่เป็น Native Speaker ดีกว่านะคะ เพราะอย่างอเมริกาจะดังกว่ามาก แต่ถ้าอยากเรียนเป็นญี่ปุ่นจริงๆ ถ้าไม่ได้ระดับหนึ่งอาจไม่รอดนะคะ เพราะคุณต้องเข้าเซมิ ค้นคว้าวิจัย และเขียนงานวิจัยของคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด มาเริ่มจากศูนย์คงเหนื่อยแย่เลย ป.เอกที่มหาลัยเรานะคะ จบสามปี ยืดได้ถึงหกปี แต่รับน้อยมาก ปีที่แล้วรับสามคนเองค่ะ ขนาดคนญี่ปุ่นคนนึงโตที่อเมริกา จบฮาวาร์ดมา ( เอ็มบีเอ ) ยังตกสัมภาษณ์เลย เพราะภาษาญี่ปุ่นไม่แตกฉาน แต่มหาลัยอื่นไม่ทราบนะคะว่าโหดขนาดนี้มั๊ย คนที่เรียนส่วนใหญ่จะมุ่งมั่นเป็นอาจารย์กันค่ะ ส่วนค่าเล่าเรียนจำไม่ได้ค่ะ เอาเป็นว่าคุณลองหาข้อมูลดูก่อนนะคะ เพราะว่าจบโทมาแล้วคงไม่ยาก แล้วค่อยมาถามอีกครั้งดีมั๊ยคะ ไม่แน่ใจว่าคุณจะโกรธรึเปล่า แต่ถ้าเราเป็นคุณ เราจะทำงานเก็บเงินเองก่อน ให้ได้สักก้อนค่อยมาเรียนนะคะ เพราะถึงขนาดจบโทแล้ว คงอายุ 25 ขึ้นไป มาที่นี่ ถ้าขอเงินที่บ้านเรียน จะอายพวกเด็กๆป.ตรีที่นี่ ที่เค้าเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย เก็บเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆเอง ทั้งที่อายุยังน้อยนะคะ เพราะว่าถ้ามาเรียนที่นี่โดยที่ภาษายังไม่แข็ง ช่วงแรกๆจะหางานยากมากค่ะ ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องขอเงินที่บ้านใช้ในระยะหนึ่ง และเงินที่ว่าก็คงไม่ใช่น้อยๆเลยค่ะ เราแนะนำว่า ลองทำงานเก็บเงินมาเรียนหรือหาทุนมาเรียนดีมั๊ยคะ ภูมิใจด้วย และจบเอ็มบีเองานที่ทำก็อาจจะเอามาเป็นพื้นฐานเวลาคุณทำวิจัยได้ด้วยค่ะ สุดท้าย ถ้าจำไม่ผิด ประมาณเดือนหน้า จะมีงานแนะแนวศึกษาต่อ เราแนะนำให้คุณไปหาข้อมูลจากที่นั่นได้อีกทางนึง มีมหาวิทยาลัยต่างๆมาออกบูธ ลองไปดูนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : (^-^) (มอนจะ) - [ 2 ต.ค. 51 12:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1. ค่าเรียนในระดับปริญญาเอกในญี่ปุ่น ประมานเท่าไหรครับ ทั้งมหาลัยของรัฐบาลและเอกชน และสามารถทำงานพิเศษส่งตัวเองได้ใหมครับ แล้วทำอะไรดี ทำตามร้านอาหารไทยจะได้เยอะมั้ยครับ --> ส่วนใหญ่ไม่ต่ำไปกว่าค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนระดีบปริญญาตรี บางที่อาจสูงต่ำไม่เท่ากัน ไม่ห่างไปจาก 800,000 - 1,100,000 เยนต่อปี ขึ้นกับสาขาถ้าแผนวิทย์แพทย์ก็จะแพง ถ้าแผนศิลป์ก็จะถูกกว่า บางมหาลัยอาจมีส่วนลดค่าเล่าเรียนในรูปของทุนสงเคราะห์นักศึกษาต่างชาติที่เรียนด้วยทุนส่วนตัว และไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่ายประจำวัน (บางมหาลัยนะ) หรือทุนเรียนดี (แต่มีไม่มากเลย ถ้าเทียบกับจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่มาขอทุนแต่ละเทอม คนจีน-เกาหลีเอาไปอยู่ในความครอบครองแทบทุกปีเลย)    ป.เอกจะสแกนนักศึกษามากกว่าป.โท มากๆ คุณต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ หัวข้อการวิจัย แผนการหลังสำเร็จการศึกษาก่อนสมัคร ภาษาญี่ปุ่นต้องสื่อสารได้ดี เพราะแม้แต่คนญี่ปุ่นเองจำนวนไม่น้อยก็สอบไม่ผ่านป.โท หรือป.เอก    ถ้าจะมาเรียนโดยการทำงานพิเศษเพื่อเสียค่าเทอมเรียนป.เอกด้วยตัวเองทั้งหมด โดยไม่มีเงินก้อนใหญ่ตั้งต้นเลย ขอบอกว่าสาหัสทีเดียวล่ะ เพราะคุณต้องทำงานชั่วโมงที่ยาวนานเพื่อให้พอกับค่าเรียน และไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้มีที่พักใกล้มหาลัยหรือเปล่า ถ้าไม่ใกล้ก็ต้องมีค่าเดินทาง และค่าอาหารกลางวันเผื่อไว้ด้วย (เว้นว่าคุณจะห่อปิ่นโตจากบ้านไปกิน) และยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าภาษี(ถ้าทำงานพิเศษ) ค่าประกันสังคม และค่าโทรศัพท์ (ถ้าคุณใช้) รวมไปถึงการที่คุณต้องทำวิจัยอาจต้องมีค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายพิเศษต่างหากสำรองไว้ด้วย     ร้านอาหารไทยก็ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนที่สมัครจะได้ทำงานเลย จำนวนร้านก็มีไม่มากนัก และอาจได้ช่วงเวลาทำงานที่ไม่เป็นไปตามที่ตารางแผนการเรียนที่เราวางแผนไว้ และงานที่นี่ทำงานหนักทีเดียว แม้ดูเป็นงานง่ายๆ ไม่เหมือนระบบการทำงานที่เมืองไทย เรียกว่าหนึ่งชั่วโมงเขาใช้จนคุ้มค่ากับเงินที่ให้ 800 - 900 เยนเลยล่ะ ถ้าเป็นร้านค้าญี่ปุ่น ถ้าภาษาญี่ปุ่นสื่อสารไม่ดี โอกาสได้ทำงานมีน้อยมากๆ หรือได้งานที่คนญี่ปุ่นไม่ทำ และโดยประสบการณ์ พอเขาเห็นเป็นต่างชาติมาสมัคร หรือโทรมาสอบถามงาน และพูดญี่ปุ่นไม่คล่องแคล่ว มีแนวโน้มไม่รับสูงมากมาย ทีนี่ถ้าคุณจะทำวิจัยเข้าแล็บ ซึ่งป.โท ป.เอกที่นี่ เน้นวิจัยด้วยตัวเองมากๆ คุณต้องมีเวลาเจอเพื่อนร่วมกลุ่มของคุณ อาจารย์ที่ปรึกษา และเผื่อใจว่าต้องออกไปรีเสิร์จภาคสนามบ่อยๆด้วย และต้องมีเวลาไปห้องสมุด และอ่านตำราภาษาญี่ปุ่นต่างๆ เพื่อประกอบงานวิจัยของคุณ คือ ลำพังหนังสือทั่วไปว่าอ่านยากแรก เจอตำราวิชาการศัพท์แสงเฉพาะทางเป็นภาษาญี่ปุ่น คุณจะเสียเวลาไปกับมันมากพอดู คุณเรียน MBA เข้าใจว่าคงต้องอ้างอิงตำรามากมายทีเดียว และอาจต้องไปดูงาน ฝึกงานภาคสนามจริงๆ ในองค์กรที่ศึกษา 2. ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง อาทิเช่น เรียนภาษาญี่ปุ่นถึงระดับใหน เตรียมเงิน จิปาถะฯ ---> คุณต้องสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น จบระดับ 1 เป็นคุณสมบัติที่หลายมหาลัยกำหนดไว้เลย เป็นเบสิคแล้ว และคุณต้องแนบผลสอบวัดระดับ 1 มาด้วยตอนสมัคร ยกเว้นว่าคุณเรียนจบป.ตรีสี่ปี หรือป.โทที่มหาลัยในญี่ปุ่นจบแล้ว ก็อนุโลมไม่ต้องเอาผลสอบวัดระดับหนึ่งไปยื่น หรือถ้าคอร์สที่สอนเป็นภาษาอังกฤษก็ไม่จำเป็นต้องใช้ (แต่ค่าเรียนคอร์สภาษาอังกฤษแพงกว่าคอร์สทั่วไปไปมากทีเดียว)      ถ้าภาษายังไม่ดี แนะนำให้เข้าเรียนโรงเรียนภาษาสักสองปีที่นี่ และเมื่อเรียนจบสมัครเป็นนักศึกษาวิจัยในมหาลัย อาจได้ทุนวิจัยด้วย ทำสักปีหนึ่ง ระหว่างนี้พยายามหาอาจารย์ที่ปรึกษา และวิจัยในเรื่องที่เราจะศึกษาในป.โท ป.เอก แล้วค่อยสอบต่อโท หรือป.เอก ส่วนใหญ่นักศึกษาจีนทุนส่วนตัวก็ทำแบบนี้ไม่น้อยนะ แต่คุณต้องทำใจได้ว่าคุณอาจเรียนจบที่อายุประมาณสามสิบปี และหางานในช่วงนั้นให้ได้ ระยะการสตาร์ทงานอาจช้ามากมาย ถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นที่เริ่มทำงานกันตั้งแต่อายุ 22- 23 ปีแล้ว คุณอาจต้องเริ่มทำงานกับพวกเขาในแผนก หรือกลุ่มงานเดียวกัน แต่ถ้าคุณได้ทำงานในองค์กรในฝันก็อาจคุ้มค่าได้ (ถ้าตอนนี้คุณเรียนโทจบแล้ว เดาว่าคุณอายุประมาณ 25 ปีแล้ว)  อย่างน้อยถ้าเริ่มเรียนคอร์สหนึ่งๆถูกสุดก็ประมาณเทอมละ 250,000 - 300,000 เยนโดยประมาณ คอร์สภาษาญี่ปุ่นก็ประมาณนั้น อาจมากกว่านี้มากมายถ้าคุณเลือกเรียนสายอาชีพเฉพาะทาง สายวิทย์ หรือแพทย์ เจ้าของกระทู้ไม่ลองสมัครทุนการศึกษาล่ะ เราว่ามันจะทำให้ดูง่ายขึ้นในเรื่องค่าใช้จ่าย และเมื่อไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เราจะมีเวลาให้กับการเรียนเต็มที่ทั้งภาษาญี่ปุ่น และวิชาการในมหาลัย 3. จะติดต่อมหาลัยที่ญี่ปุ่นยังไงครับ ตอนนี้ มืดแปดด้านมาก แต่ อยากไป ลำบากไม่กลัวครับต้องการประสบการชีวิต (ฟังเพลง Belive ของบอดีแสลมทุกวันเลย) แล้วถ้ามหาลัยของรัฐบาลสอบยากมากมั้ยครับ แล้วเอกชน เข้ายากไหมครับ      ---> ส่งเมลล์ไปมหาลัยที่อยากเรียนได้ครับ เขามีแผนกประชาสัมพันธ์มหาลัย หรือแผนกศูนย์นักศึกษาต่างชาติอยู่ เขาอาจส่งระเบียบการให้คุณทางไปรษณีย์ก็ได้ (เฉพาะบางที่) แต่ข้อมูลทั้งหมดเป็นภาษาญี่ปุ่น ถ้าคุณจะต่อป.โทขึ้นไป ภาษาญี่ปุ่นของคุณต้องอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่นแล้ว 4. มีมหาลัยที่แนะนำแถวชิบะ ที่ไม่แพงบ้างมั้ยครับ ทั้งรัฐบาลและเอกชน   --> เราเรียนที่เขตคันไซ เลยไม่สามารถแนะนำที่คันโตได้ แต่แถบคันไซค่าใช้จ่ายโดยรวมจะถูกกว่าที่คันโตนะ 5. ระยะเวลาเรียนประมานกี่ปี่ครับ แล้วอาจารแกเขี้ยวมากไหมครับ   --> ปกติก็สองปี (ป.โท) หรือสามปี (ป.เอก) อาจจะนานกว่านั้นถ้าคุณทำวิจัยไม่เสร็จ ขอขยายเวลาวีซ่านักศึกษาเอา แล้วแต่คอร์ส และอาจารย์ตอบไม่ได้เหมือนกัน ถ้าอาจารย์สื่อสารไทย อังกฤษได้บ้างก็จะไปได้เร็วขึ้น แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 51 13:08:29 จากคุณ : silkroad - [ 2 ต.ค. 51 12:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. ค่าเรียน ถ้ามหาลัยรัฐมีตั้งแต่เทอมละ 100,000 เยนขึ้นไปค่ะ มหาลัยเอกชนก้อมีตั้งแต่เทอมละ 500,000 เยนขึ้นไป อันนี้คือที่เคยถามคนรู้จักมานะคะ ส่วนตัวพี่เคยเรียนมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งมา ค่าเรียนเทอมละ 937,000 เยนค่ะ ปีนึงก้อเกือบสองล้าน แต่ทำยังไงจ่าย...ไปอ่านต่อตรงท้ายๆละกันค่ะ 2. ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง เตรียมแต่ใจมังคะ 555 เห็นว่ามีคุณแม่อยู่ญี่ปุ่นท่านอาจจะพอช่วยเหลือตอนคุณเริ่มเข้าเรียนได้ เพราะตอนไปใหม่ๆ ถ้าคุณจะเข้าเรียนเลย คงไม่มีเวลาไปหาพิเศษอะไรทำ่ แต่อย่างน้อยก้อตัดเรื่องหาที่พัก เรื่องหาของใช้เข้าบ้านไปได้ นั่นแหละตัวเสียเวลาละก้อเงิน แต่สำคัญที่สุดก้อคือเตรียมภาษา   3. จะติดต่อมหาลัยที่ญี่ปุ่นยังไงครับ ถ้ามหาลัยของรัฐบาลสอบยากมากมั้ยครับ แล้วเอกชน เข้ายากไหมครับ คุณข้างบนตอบเรื่องติดต่อมหาลัยไว้แล้วค่ะ ถ้าสอบเป็นภาษาญี่ปุ่นก้อยากเป็นเท่าตัว เำพราะต้องไปเรียนภาษาก่อน ใช้เวลากว่าจะสอบเข้ามหาลัยได้เป็นปีเหมือนกัน บางคนอาจจะนานกว่านั้น แต่ถ้าเรียนคอร์สภาษาอังกฤษก้อเร็วกว่าหน่อย แต่ภาษาอังกฤษคุณก้อต้องดี ควรไปสอบโทเฟลไว้ก่อน เพราะได้ใช้แน่ คอร์ส ป.เอกเนี่ย ต้องติดต่อโปรเฟสเซอร์ให้้ได้ก่อน ว่าที่แล็บเค้ารับ นศ ต่างชาิติเพิ่มเติมมั๊ย ต้องเรียนคอร์สภาษาอะไร ต้องการผลสอบอะไรบ้าง เอกสารอะไรบ้าง ก้อเชคเอาในเวบของแล็บที่คุณอยากจะเข้าเรียนเลย ถ้าไม่มีหรือไม่เข้าใจ เมล์ไปถามโปรเฟสเซอร์หรือเลขาฯของแล็บนั้นๆเลย 4. มีมหาลัยที่แนะนำแถวชิบะ ที่ไม่แพงบ้างมั้ยครับ ทั้งรัฐบาลและเอกชน มหาลัยไม่แพงก้อต้องตัดเอกชนออกหมด ยกเว้นเค้าจะมีทุนให้ 5. ระยะเวลาเรียนประมานกี่ปี่ครับ แล้วอาจารแกเขี้ยวมากไหมครับ ส่วนมาก 3 ปี ไม่ว่าที่ไหนก้อตามในโลกก้อมีทั้งอาจารย์เขี้ยวและไม่เขี้ยว แต่อาจารย์เขี้ยว ผลดีตกอยู่กับตัวคุณค่ะ 6. ขอคำแนะนำแล้ว ก็สุดท้าย ขอกำลังใจหน่อยครับ ขอบคุณครับ ถ้าใจสู้แล้วก้อเดินหน้าไปเลยค่ะ ผลจะออกมาดีร้ายก้อไปแก้ไขเอา แต่จะทำอะไร ตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ให้ดีก่อน ถ้าเป้าหมายยังไม่ชัดเจนก้ออย่าเพิ่งก้าวเท้าเข้าไปหวังตายเอาดาบหน้าเลย เพราะวันนึงคุณจะหมดพลังไปกลางคัน ข้างบนตะกี๊จะเล่าว่า ค่าเทอมแพงขนาดนั้นทำยังไงจ่าย พี่ไม่ได้ทุนมาก่อนจะไปเรียน ก้ออาศัยความมุ่งมั่นและต้องขยันค้นคว้าหาลู่ทางเองตลอดเวลานั่นแหละค่ะ ก่อนไปญี่ปุ่นพี่ติดต่อมหาลัยแล้วทราบมาแค่ว่า จะได้รับการจ้างงานเป็น RA หรือ research assistant ได้เงินเดือนละแค่ 120,000 เยน ก้อตกลงใจเลยทั้งที่ไม่รู้ว่าจะจ่ายค่าเทอมยังไงพอ แต่ก้อคิดว่าน่าจะหาทุนอืื่นๆได้อีกเพราะผลการเรียนก้อไม่ได้แย่ พอไปแล้วทำงานปีแรกก้อได้ทุนจาก AIEJ บวกกับขอลดค่าเล่าเรียนได้ 30% บวกกันสอนพิเศษภาษาไทย ก้อพอจ่ายค่าเทอมไปได้หวุดหวิด ปีต่อมามหาลัยประเมินผลงานและจำนวน Publications+Patents พี่เลยได้อัพเกรดเงินเดือนเป็น special RA 240,000 เยน ยังได้ลดค่าเล่าเรียน บวกขอทุนองค์กรสตรีโลกได้อีก แล้วก้อสอนภาษาไทย เลยจ่ายค่าเทอม+อยู่กินสบายๆ ปีสุดท้าย ขาย Patent ร่วมกับอาจารย์ได้ 1 อันได้เงินมาอีกก้อนหนึ่ง ก้อเรียนจบตามกำหนด พี่เห็นว่าทำงานพิเศษในมหาลัยนั่นแหละค่ะดีที่สุด เพราะประสบการณ์มันเอามาเป็นประวัติการทำงานได้ อยากได้กำลังใจ ก้อให้กำลังใจไปเต็มที่ค่ะ จะบอกว่าไม่มีอะไรที่สู้แล้วจะทำไม่ได้ แต่ก้อต้องเข้มแข็ง ไม่ท้อถอย พึ่งตัวเองให้ได้ตลอดรอดฝั่ง คิดไว้ก่อนเลยว่า หนทางมีมากกว่าที่คุณเห็นหรือรู้มาแน่ ถ้าเชื่อมันว่ามันมีก้อหามันเข้าไปค่ะ มันต้องเจอซักวัน จากคุณ : enjoymiracle - [ 2 ต.ค. 51 17:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มีแต่คำแนะนำดีๆ ทั้งนั้นเลย จขกท อย่าตกใจนะคะ หรือคิดว่าคนอื่นพูดให้มันดูยาก  มันเป็นแบบนี้จริงๆ แหละค่ะ ส่วนตัวเราคงให้คำแนะนำอะไรมากไม่ได้ แต่บอกได้อย่างเดียวว่าเรียนให้สบายที่สุดก็คือต้องมีทุนค่ะ เราเองก็ได้ทุนมา ถ้าไม่ได้ก็คงไม่ได้มาเหมือนกัน คงเรียนโทในไทยเอามากกว่า แต่จขกทมีแม่ที่ญี่ปุ่น ก็เรียกว่าโชคดีเหมือนกันนะคะ ลองคุยกันดูว่าทางครอบครัวช่วยเหลือได้แค่ไหน ต้องหาเองอีกแค่ไหน มหาลัยเอกชนที่ญี่ปุ่นก็เข้ายากค่ะ ค่าเรียนสูงกว่ามหาลัยรัฐด้วย  เราเรียนอยู่มหาลัยเอกชนพูดจริงๆ ว่าเราไม่กล้าคิดเลยว่าค่าเรียนแต่ละเทอมที่ทุนของเราจ่ายให้นั้นเป็นราคาเท่าไหร่ ถ้าหากมืดแปดด้านจริงๆ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เราคิดว่าเริ่มจากตัวเองก่อนค่ะ คิดว่าจะไปเรียนทำวิจัยอะไร มีแผนการวิจัยรึยัง แล้วก็ค่อยหาอาจารย์ที่ปรึกษาที่ตรงกับงานวิจัยของเรา อันนี้อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็หาได้ค่ะ เพื่อนทุนของเราที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกกันตอนแรก ก็หาอาจารย์ที่ปรึกษากันได้ครบทุกคน หลังจากที่หาอาจารย์ได้ ก็คงจะมีตัวเลือกมหาลัยแล้วล่ะค่ะ จะเอาที่ไหน เพราะอะไรก็แล้วแต่ดุลยพินิจของ จขกท เอง กำลังใจก็ อืมมม อะไรๆ มันก็ไม่ง่ายนะคะ แต่ถ้าตั้งใจแล้วก็ลุยเลยค่ะ เพียงแต่ต้องตั้งใจจริงๆ เท่านั้น เป็นเงื่อนไขของการคิดจะมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 2 ต.ค. 51 17:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยครับ ขอตอบข้อสุดท้ายอย่างเดียวแล้วกัน ก็พยายามเข้านะค๊าบบบ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ^__^ จากคุณ : friday:fineday - [ 2 ต.ค. 51 18:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 6. ขอคำแนะนำแล้ว ก็สุดท้าย ขอกำลังใจหน่อยครับ ขอบคุณครับ >> ไม่มีประสบการณ์ตรงนะคะ แต่ช่วยให้กำลังใจด้วยคนค่ะ สู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : aechan1200s - [ 2 ต.ค. 51 19:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาให้กำลังใจครับ ไม่มีความรู้เรื่องการเรียนระดับสูงเหมือนกัน ข้างบนนั้น ตอบได้อย่างขนลุกขนพองมากๆแล้วครับ (ดีเลิศ) พยายามเข้านะครับ....ที่สำคัญคือ เป้าหมายครับ อย่าให้มันหายไปกลางทาง จากคุณ : teddyblooh - [ 2 ต.ค. 51 21:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกคนเลย ครับ อบบอุ่นนนนนนนจัง หวังว่าซักวันจะได้ เป็นสมาชิก นักเรียนญี่ปุ่นบ้าง T^T จากคุณ : ต๊ะ (FotoSexy) - [ 2 ต.ค. 51 22:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีความรู้เรื่องการเรียนระดับสูงขนาดนั้น.....แต่แค่อ่านที่น้อง ๆ หลายท่านตอบเอาไว้ ก็ขนลุกขนพอง สยองมาก ๆ เชียวจ้า เอาเป็นว่า......ขอเป็นแนวหลัง....ให้กำลังใจพยายามฝ่าฟันให้ถึงฝันนะค้า จากคุณ : เต่าญี่ปุ่น - [ 3 ต.ค. 51 06:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดีใจที่กระทู้นี้มีคนใจดีมาให้คำตอบอย่างชัดเจน เราไม่มีความรู้ถึงโท ถึงเอก แต่มาอ่านได้ความรู้ดีจริง ๆ ค่ะ และเป็นกำลังใจให้ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มาศึกษาเล่าเรียนที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จนะคะ จากคุณ : Omiya - [ 3 ต.ค. 51 09:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเพิ่มเติมเรื่องระยะเวลาการเรียนและวิธีการเลือกมหาวิทยาลัยหน่อยคะ เนื่องจากคุณ จขกท. อยากมาเรียนด้านการบริหารจัดการที่ญี่ปุ่น ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยรัฐ ค่าเล่าเรียนก็อาจจะถูกกว่า มหาวิทยาลัยเอกชน แต่ถ้าเป็นคอร์สภาษาอังกฤษไม่ว่าที่ไหนก็แพงทั้งนั้น (แต่เอกชนก็ยังแพงกว่าอยู่ดี) ถ้าคุณจขกท. จะเรียนมหาวิทยาลัยรัฐ ป. เอก คอร์สภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่า อาจจะต้องมาเริ่มเรียนป. โทใหม่ (เพราะอาจารย์บางท่านต้องการเหมือนให้เราปรับพื้นฐานใหม่ เรื่องภาษาญี่ปุ่นด้วย) หรือ ถ้าจะเข้าป. เอกเลยก็อย่างที่หลายท่านเขียนไว้ว่า อาจจะต้องได้ระดับ 1 มาก่อน มีเพิ่มเติมอีกก็คือ อาจจะเริ่มจากการเข้าเรียนด้วยการเป็นเคงคิวเซย์ (นศ.วิจัย) ในปีแรกก่อน แล้วค่อยสอบเข้าก็ได้นะคะ อีกอย่าง สายศิลป์ในญี่ปุ่นนั้น บางมหาวิทยาลัย การจบภายใน 3 ปี เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า "งมเข็มในมหาสมุทร" (อันนี้เปรียบเทียบกับที่คณะสิงห์ฯ เองนะคะ คณะอื่นสิงห์ฯ มหาวิทยาลัยอื่นไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่) ตอนนี้สิงห์ฯ เรียนที่โตได อาจารย์บอกว่า "เรียนเอก จบสามปี เหรอ มุริ มุริ (เป็นไปไม่ได้) ตั้งแต่เปิดคณะมามีคนจบ 3 ปีได้แค่ 1 คนเอง (และคนนั้นเป็นคนญี่ปุ่น)" เล่นเอาฟังแล้วเครียด นอกจากโตได มหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่ออกจะโหดเรื่องสายศิลป์ จบภายในสามปี ที่เคยได้ยินก็มี เมย์จิ, ฮิโตทสีบาชิ, นิฮอน ฯลฯ แนะนำว่าลองพยายามสมัครทุนมองบุโชแล้วมาเรียน น่าจะง่ายขึ้นคะ สู้ๆ คะ แต่ก็อยากแนะนำเหมือนคุณมอนจะ ว่าถ้าไปอเมริกาได้น่าจะดีกว่านะคะ ^^ แต่คุณจขกท. มีคุณแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นคงอยากมาอยู่ญี่ปุ่นมากกว่า....ยังไงลองคิดดูดีๆ นะคะ จากคุณ : สิงห์ใต้เงาจันทร์ (ise...) - [ 3 ต.ค. 51 12:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอีกรอบค่ะ อยากจะมาบอกคุณเจ้าของกระทู้ว่า อย่างที่คุณสิงห์ฯบอกนะคะ สายศิลป์เนี่ย ถ้าไม่ได้ภาษากับอ่านหนังสืออ้างอิงหรือวิทยานิพนธ์ของคนอื่นๆ ที่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ การจะเรียน เข้าเซมิแล้วถกปัญหากับอาจารย์ หรือเขียนงานวิจัยจะไม่สามารถทำได้เลยค่ะ ถ้าเป็นสายวิทย์ ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับด้านนั้นๆ ตอนทดลองหรือคุยกับอาจารย์ ช่วงแรกๆถึงภาษาไม่คล่องมากก็ยังพอเรียนได้เพราะบางทีเค้าใช้ศัพท์เฉพาะเป็นหลัก อันนี้ฟังมาจากเพื่อนหลายคนที่เรียนสายวิทย์ที่นี่นะคะ ( แต่บางคนมีพื้นฐานภาษาดี ก็จะยิ่งดีค่ะ )แต่สายศิลป์จำเป็นต้องใช้ภาษาเป็นหลักมากๆ ขนาดเราเรียนแค่โท ไม่ได้จบเอกญี่ปุ่นมา ถึงจะได้ระดับหนึ่ง ทุกวันนี้ยังเหนื่อยแทบตายน่ะค่ะ ยิ่ง DBA เนี่ย เรียนลึกมากกว่าโทหลายเท่าเลยนะคะ วันนี้เพิ่งไปถามเพื่อนร่วมเซมิ(คนญี่ปุ่น)ที่เคยเป็นเค็งคิวเซย์ (นักศึกษาวิจัย) ด้วยกันมา คนนี้เค้าเข้าเอกค่ะแต่เราเข้าโท ( งงมั๊ยคะ คือเราเรียน MBA แต่เค้าเรียน DBA ค่ะ )  เค้ายังบอกเลยว่าสงสัยสามปีไม่จบ น่าจะสี่ถึงห้าปี เหมือนที่คุณสิงห์บอกเลย แต่ว่า ถ้ามหาวิทยาลัยต่างกัน เราก็ไม่ทราบว่าจะเป็นยังไงนะคะ เพราะไม่เคยหาข้อมูลของมหาวิทยาลัยอื่นเลยไม่ทราบค่ะ เจตนาของการเขียนความเห็นตอบคุณเจ้าของกระทู้ เราไม่ได้มีเจตนาทำลายกำลังใจของคุณนะคะ เพียงแต่บอกไปตามที่ทราบเท่านั้นเอง ที่ไม่บอกว่าจะหาอาจารย์ได้ที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ฯลฯ ตามที่คุณถามมา เพราะว่าเราคิดว่าการเรียนปริญญาโทหรือเอกที่นี่ คุณจำเป็นต้องดิ้นรนหาข้อมูลเองค่ะ เพราะการเรียนที่นี่เป็นแบบนี้ อยากให้คุณลองหาดูเองก่อน ถ้าไม่ทราบยังไงค่อยเอามาถามที่ห้องนี้จะดีกว่านะคะ เราอาจจะเขียนแรงนะคะ แต่เราเรียนที่นี่ อาจารย์ไม่เคยป้อนอะไรให้เลย ให้อ่านเคส วิเคราะห์ อภิปรายความเห็นแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ สร้างความรู้ขึ้นมาเอง อาจารย์จะแค่"สะกิด"ให้เราคิดเท่านั้น เพราะเอ็มบีเอ สอนให้จบไปเป็นผู้นำ ผู้บริหารบริษัทที่ต้องคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นน่ะค่ะ ถ้าไม่ฝึกตั้งแต่ตอนนี้ จบไปถึงได้ดีกรี แต่คิดเองทำเองไม่เป็น ก็ไม่คุ้มค่ากับการที่ต้องมานั่งคร่ำเคร่งถกปัญหา เรียนแทบเป็นแทบตายอยู่สองปีเลยค่ะ อันนี้ที่เราพูดแบบนี้เพราะว่าเราเรียนคณะนี้ เราคิดแบบนี้นะคะ เราไม่ทราบว่าการเรียนการสอนของคณะอื่นเป็นแบบไหน อาจจะคิดต่างกันก็ได้ ซึ่งตรงนี้ถ้ามีความแตกต่างยังไงก็น้อมรับในความคิดเห็นของท่านอื่นๆค่ะ ส่วนที่คุณบอกว่าจะเรียนเอกทางโลจิสติกส์หรือบริหารจัดการ ปกติเอ็มบีเอทั้งทางอเมริกากับญี่ปุ่น จะมีเอกหลักๆคือ การตลาด การเงินการธนาคาร การจัดการทั่วไป(สิ่งแวดล้อม) และการบริหารทรัพยากรมนุษย์ เป็นหลักๆนะคะ อาจจะมีแยกย่อยด้านการจัดการอุตสาหกรรมและอื่นๆอีกตามแต่สถาบัน แต่โลจิสติกส์เนี่ย ที่มหาลัยเราป.เอกไม่เห็นมีในวิชาที่เปิดให้เรียน แต่ป.โทมี คิดว่าถ้าคุณจะเรียนจริงๆ ลองหามหาวิทยาลัยที่เปิดสอนดูนะคะ ไม่ก็ถ้าเข้าเอกได้แล้ว ก็สามารถไปลงวิชาของป.โทได้เป็นวิชาเลือกเสรี และทำวิจัยของตัวเองได้ค่ะ แต่คงต้องหาอาจารย์ที่จะแนะนำให้ได้ซึ่งอาจจะมีไม่กี่ท่าน อันนี้เราไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มนะคะ ลองหาดูค่ะ ส่วนบริหารจัดการ ก็ต้องบีบให้แคบลง ว่าบริหารด้านไหน ไม่งั้นจะเรียนลำบากค่ะ แนะนำเท่านี้ก่อนนะคะ แบตกำลังจะหมดค่ะ พอดีไม่ได้ต่อสายชาร์จ ยังไงลองหาดูก่อนนะคะ  ย้ำอีกครั้งนึงว่าขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : มอนจะ - [ 3 ต.ค. 51 16:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ เข้ามาอ่านอีกรอบก็อบอุ่นอยู่เหมือนเดิม ผมคง ต้องเรียนที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรกหละครับ เพราะว่า อย่างน้อยก็ เซฟ ค่ากินค่าอยู่ ไปได้บางส่วน แล้วก็ได้อยู่กับแม่ด้วย (อันนี้สำคัญแฮ่มๆ) แต่ การไปเรียนเอกญีปุ่นของผมเป็นโครงการระยะยาวครับ (แต่ไปแน่นอน) ตอนนี้กำลัง ทำงาน กะว่าทำปี หรือ 2 ปี แล้วเรียนภาษาไปด้วย แล้วค่อยไปลุย ระหว่างนี้ ผมเลยต้องทำการบ้านให้หนักหน่อยเกี่ยวกับข้อมูล และการเตรียมตัว เพราะคิดว่าถ้าเตรียมไว้ต้องแต่เนิ่นๆ จะทำให้พร้อมกว่า อย่างที่เพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนบอกว่า มันหนัก และโหด (ขอใช้คำนี้เนาะ เห็นภาพดี) แต่ก็ ต้องสู้ คนญี่ปุ่นทำได้ เราพี่ไทย ต้องทำให้ได้ ย๊าก~~~!! ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ 3 ครั้งเลยครับ สำหรับ คำแนะนำดีๆ ของเพื่อนๆ ตอนนี้เซฟ กระทู้นี้ไว้แล้ว เผื่อ วันใหน ไม่เข้าใจอะไรจะได้เปิดมาดูย้อนหลัง ขอบคุณครับ จากคุณ : ต๊ะ (FotoSexy) - [ 4 ต.ค. 51 22:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้ออีกนิดนะครับ สำหรับ เคงคิวเซย์  ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย แล้ว หาที่เข้าเรียนยากมั้ยครับ สามารถหาข้อมุลได้ที่เว็บใหนบ้าง อ้อ อีกนิดนะครับ ถ้า ป.เอก ไปไม่ถึงดวงดาว มีพวกคอสระยะสั้นเกี่ยวกับการบริหารบ้างมั้ยครับ (คงต้องมีบ้างหละ อิอิ) พวกนี้ขอวีซ่านักเรียน เข้าไปศึกษาได้ใช่มั้ยครับ ตอนนี้คิดว่ายังไงก็ต้องไปเรียน เมืองนอกให้ได้ซักครั้ง โดยเฉพาะญี่ปุ่น นับถือ ความเป็นคนที่ ขยัน และมีระเบียบของเค้ามากครับ จากคุณ : FotoSexy - [ 4 ต.ค. 51 22:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนนี้จบโทแล้ว ผมว่าคุณน่าจะเริ่มไปเรียนที่ญี่ปุ่นได้เลย เริ่มจากโรงเรียนภาษาญี่ปุ่นสองปี แล้วสอบวัดระดับให้ได้ระดับหนึ่ง ระหว่างเรียนคุณจะได้เพื่อนร่วมทางที่จะสอบเข้ามหาลัยเหมือนคุณ ได้ไปติดต่อมหาลัยโดยตรง คุณจะเข้าถึงอาจารย์ที่จะทำวิจัยด้วย ทางมหาลัยอาจจัดตารางการให้คำแนะนำสำหรับผู้สนใจศึกษาต่อระดับสูง คุณก็มีโอกาสไปฟังได้ เป็นห่วงว่าคุณจะทำงานไปเรียนไปในไทยอีกสองปี เราเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นไปทำงานไปที่ไทยแบบเรียนทุกวันเลย พอมาญี่ปุ่นจริงๆ เหมือนมาเริ่มใหม่เลย ประสบการณ์งานต่ำกว่าห้าปีในไทย หากไม่ใช่งานระดับบนจริงๆ เอาไปช่วยไม่ได้มากเลย  แล้วหากคุณมาเริ่มเรียนภาษาจริงๆจังๆที่ญี่ปุ่นในช่วงอายุยี่สิบเจ็ดถึงใกล้สามสิบแล้ว แล้วกว่าจะทำวิจัย (นศ.วิจัย) และจบป.โท (อาจารย์อาจแนะนำให้ไปเรียนป.โทก่อน ซึ่งมีแนวโน้มสูงมาก เพราะป.เอก รับน้อย บางคณะไม่ถึงสามคนก็มี) คุณอาจใช้เวลาสี่ถึงห้าปีรวมเวลาที่เรียนภาษาด้วย ทีนี้ถ้าคุณจบมาด้านสายวิทย์ จำพวกวิศวกร แพทย์ สถาปนิก ช่างชำนาญเฉพาะ ความต้องการงานด้านนี้มีสูงมากในญี่ปุ่น คุณไม่ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นยังหางานเหล่านี้ได้ไม่ยากเลย แต่ถ้ามาทางสายศิลป์ ถ้าคุณอยากกลับไปเป็นอาจารย์ที่เมืองไทย หรือภาษาญี่ปุ่นดีอยากมาเป็นล่ามก็โอเค แต่ถ้าอยากทำงานการบริหาร การจัดการที่เรียนมาในบริษัท เราไม่แน่ใจ แต่งานบางประเภทมันอาจช้าเกินไปก็ได้นะ เพราะถ้าตามที่คุณกะไว้ อายุคุณจะเลยสามสิบกว่าไปแล้วเมื่อเรียนจบ แต่เดิมเราก็เคยสนใจเรียนระดับสูงสาขาโฆษณา (เราจบโทในไทย และเคยทำงานด้านโฆษณาก่อนไปเรียน) ไปทำวิจัย แล้วปรึกษากับอาจารย์ที่มหาลัยหลายท่านต่างบอกว่าคิดดีแล้วเหรอ เพราะงานกลุ่มพวกนี้หายากเมื่ออายุล่วงสามสิบกว่าไปแล้ว ยิ่งในญี่ปุ่นเอง ขอให้คิดให้ดีๆ สเต็ปแรกกว่าจะได้ภาษาญี่ปุ่นมันใช้เวลาไม่น้อย ลองเสนอว่าคุณขอทางบ้านมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นก่อน เรียนจริงๆจังๆ เผลอๆคุณอาจจะได้ภาษาเพียงปีเศษๆก็ได้ แล้วอะไรมันจะง่ายขึ้นไปอีก ภาษาได้ งานพาร์ทไทม์ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว การเข้าหาอาจารย์ก็ง่ายขึ้น รวมไปถึงการสอบเข้าก็น่าจะไม่มีปัญหาใด คอร์สระยะสั้นที่เรียนในมหาลัยของเราไม่เคยพบเห็นเลย แต่ที่อื่น หรือในคันโตอาจจะมีก็ได้ลองเช็คดู แต่ที่เห็นทั่วไปจะมีคอร์สระยะสั้นสอนในโรงเรียนเซมงกักโค มีหลากหลายคอร์ส เช่น ภาษา คอม แอร์โฮสเตส แฟชั่นดีไซน์ ทำอาหาร ประมาณสองปี หลายๆแห่งนำผลสอบวัดระดับสองไปสมัครก็สามารถเข้าได้นะ อ้ออีกนิดนะครับ สำหรับ เคงคิวเซย์  ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย แล้ว หาที่เข้าเรียนยากมั้ยครับ สามารถหาข้อมุลได้ที่เว็บใหนบ้าง --> มีทุกๆมหาลัย ทีนี้ถ้าคุณอยู่เมืองไทย คุณต้องเสริชหาอาจารย์เอาเองตามเว็บมหาลัย และคอยตามผลการส่งตลอดเวลา อาจจะต้องโทรคุยกัน (ถ้าอาจารย์หายเงียบไป) และถ้าเขาตอบรับก็อาจต้องส่งบทความ ร่างเค้าโครงที่จะวิจัยคร่าวๆไป แล้วแต่อาจารย์ บางคนอาจต้องไปคุยรายละเอียดกับเขาที่ญี่ปุ่น ค่าเล่าเรียนถูกกว่าป.โท แต่มักไม่มีทุนการศึกษาเอกชนให้สำหรับนักศึกษาวิจัย ยกเว้นคุณได้ทุนมงบุโช หรือทุนของจัสโซ่ ไม่สามารถบอกได้ว่าอาจารย์จะรับหรือไม่ ขึ้นกับหัวข้อที่คุณวิจัยตรงกับความสนใจของอาจารย์ไหม เวลาของอาจารย์ และความสามารถในการสื่อสารของคุณเป็นสำคัญ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 51 04:21:23 จากคุณ : silkroad - [ 5 ต.ค. 51 04:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาตอบอีกที อ่านๆไปพอจะรู้สึกว่า พี่ตอบออกแนว positive เกินไป อยากบอกว่าที่ทุกท่านเตือนมานั้นเป็นเรื่องที่ควรนำมาทบทวนอีกหลายๆครั้งก่อน เพราะพี่เป็นตัวอย่างนักเรียนสายวิทย์แต่น้องจะเรียนสายศิลป์มันคงต่างกันมากอยู่ ทั้งเรื่องความยากง่ายในการขอทุน ความจำเป็นในการศึกษาภาษาญี่ปุ่น การเป็นเคงคิวเซย์ จริงๆ้้เรื่ิิองความสามารถในการพาตัวเองไปให้รอด เรียนจบได้ประสบความสำเร็จ คงต้องไปปรับเอาเองในมหาลัย และฝึกความรับผิดชอบ การฝ่าฝันเรียนให้จบ ต้องจัดระเบียบตัีวเอง จัดเวลาเรียน ค้นคว้า ทบทวน ทำวิจัย คือสิ่งที่ขัดเกลาให้คนเรียนเอกสมกับจะได้่รับปริญญานี้  ถ้าก่อนเรียนยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลเพียงพอ ว่าสิ่งที่จะเรียนจะทำนั้นตรงกับความต้องการและความสามารถของตัวเองรึเปล่า เรียนไปแล้วท้อ เลิกไปกลางคัน นั่นก้อแปลว่า คุณประมาทตั้งแต่ต้น เรื่องจะกี่ปีจบมันไม่ใช่ประเด็นให้ขบคิดหรือมานั่งกังวล ถ้าคุณคิดว่ายังไงก้อจะไปเรียนญี่ปุ่นแล้วก้อด้านนั้นๆ อยากถามว่า ถ้ามีมหาลัยหรือรู้จักโปรเฟสเซอร์ที่ให้จบเร็วได้แต่ค่า่เทอมแพง หรือว่าอยู่ไกลชิบะ คุณจะเลือกไปได้มั๊ย พี่ว่าคุณตัดสินใจไปแล้วว่าจะเลือกอยู่ตรงไหน ทำอะไร เพราะฉะนั้นก้อทำตรงนั้นให้ดีที่สุด เรียนไป อะไรจะเกิดขึ้นก้อพยายามต่อสู้ไป แก้ปัญหาตรงหน้าให้ได้ มันจะจบช้าเร็วขอให้จบได้ เอาความรู้ไปใช้ประโยชน์กับสังคมได้ คุณแม่คุณก้อคงจะภูมิใจในตัวคุณมากๆ อันนั้นน่าจะเป็นเป้าหมายหลักจริงมั๊ยคะ ตอนนี้ถ้าตัดสินใจไปเรียนแน่แล้ว พี่ก้อเอาใจช่วยให้สอบผ่าน แล้วพอเข้าไปเรียนก้อขอให้ทำตัวเป็นแก้วน้ำเปล่า ที่พร้อมจะเติมน้ำได้ทุกเมื่อ อย่าให้มันปริ่มจนใส่อะไรก้อล้น แล้วมันจะอึดอัดกับการเรียนจนไปไม่รอด ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เรื่องเกี่ยวกับการสมัครเข้าเรียน เพราะพี่ไม่มีประสบการณ์สายนี้ ก้อให้่ข้อคิดได้เฉพาะเรื่องจะทำยังไงให้ได้เรียนและ้เรียนให้จบได้ เท่านั้นแหละค่ะ โชคดีนะคะ ***มาแก้ เพราะอ่านข้าม คห ที่ 15 ไปเลยค่ะ ถ้างั้นพี่ก้อเข้าใจผิดคิดว่าคุณกำลังมุ่งมั่นเรียน ป เอกแล้วซะอีก... ก้อถ้าสนใจทางเลือกอื่นที่ง่ายกว่า สบายกว่า เรียน ป โท อีกซักใบ ด้านลอจิสติค อย่างที่เปิดในมหาลัยที่คุณมอนจะบอก ว่ามีเปิดสอน  แล้วจะเรียนเอกได้ไม่ได้ค่อยมาคิดอีกทีดีมั๊ย แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 51 07:25:50 จากคุณ : enjoymiracle - [ 5 ต.ค. 51 06:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวัดดีครับ พึ่งได้เข้าเน็ตวันนี้เอง ขอบคุณพี่ enjoymiracle ที่ให้คำชี้แนะนะครับ ก็ คงเหมือนเดิมหละครับ คือมุ่งมั่นจะเรียน เอก แต่ บ้างที่เราก็ต้องมีแผนสองเหมือนกัน แต่ ณ.วันนี้ก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับ ว่า ผมอยากเรียน เอกมากที่สุด เพราะจากเฝ้าติดตาม และหาข้อมูล ทำให้ได้เริ่มรุ้อ่ะไรเยอะขึ้น ประกรอบกับทาง บ้านเริ่มเข้าใจมากขึ้น และก็ขอบคุณอีกที่ สำหรับ คำพูด ของพี่ทำให้ผม ได้กลับมาเดินในแนวทางอีกครั้ง ผมสร้างภาพการเรียนการสอนในญี่ปุ่น ให้ดูหน้ากลัวไปเอง หากเรามีความมุ่งมั่น คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ (ยากสู้) (ให้กำลังใจตัวเอง) ตอนนี้ ก็คือสรุปคร่าวๆ นะครับ ต่อติด ทำเรื่อง เกี่ยวกับเอกสารให้เรียนร้อย-----> บินไปญี่ปุ่น ------>หาที่เรียนภาษา -------> ติดตามข่าวสารไปเรื่อย และเตรียมพร้อม ใช่หรือเปล่าครับ ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ตอนนี้ ผมคงต้องสิ่งห้องนี้ไปอีกนานเลย ปล. มีกำหนดไปอีก 7 เดือนอ่ะครับ ระหว่างนี้ผม เรียนภาษารอไปก่อน คือว่า เรียนถึงระดับใหนดีครับหรือว่าเรียนไปเรื่อยๆเลย ขอบคุณครับผม จากคุณ : ต๊ะ (FotoSexy) - [ 9 ต.ค. 51 22:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 http://www.jeducation.com/THAI/FRAME/frame.html จากคุณ : กุ้งบก - [ 20 ต.ค. 51 11:25:03 ]