PANTIP.COM : H7122737 มีใครที่ได้กรีนการ์ดแล้วมั่งครับ มาโชว?ตัวหน่อย []

ความคิดเห็นที่ 14

ได้กรีนการ์ดจากการทำงาน เล่าประสบการณ์ของตัวเองในการขอแล้วกัน

หลังจากเรียนจบก็ใช้ OPT ทำงาน 1 ปี พอทำงานไปได้ 3 เดือน คนที่ทำงานที่เข้ามาพร้อมกันก็ถูกให้ออก เหลือเราคนเดียวที่ทำงาน ช่วงนั้นก็คุยกับหัวหน้าว่าถ้าจะให้เราทำงานต่อก็ต้องขอวีซ่าทำงาน (H1B) ให้ เค้าก็ตกลง เราเลยไปหาทนายเองและจ่ายค่าทนายเอง ไปคุยกับทนายเค้าก็บอกว่า เงินเดือนได้แค่นี้ ส่งเรื่องไปก็ถูกปฏิเสธแน่ ๆ หัวหน้าเค้าก็พูดบ่ายเบี่ยงจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ พอดีตอนนั้นรู้จักคนที่เค้าทำวีซ่าตัวนี้ด้วยตัวเอง ก็ถามวิธีการทำจากเค้า แล้วเรามาบอกหัวหน้าว่า จะลองทำส่งไปเอง ถ้าโดนปฏิเสธเราก็ต้องกลับเมืองไทย ตอนนั้นต้องหาข้อมูลเองหมด ต้องโทรศัพท์ไปขอฟอร์มจาก NYS Department of Labor เอง ได้ฟอร์มมาก็กรอกเองแล้วส่งแฟกซ์กลับไป พอได้อนุมัติ ก็ส่งตัว Labor ไปกับฟอร์ม I-129 ประมาณ 1 เดือนก็ได้อนุมัติ คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ไม่ต้องไปจ่ายค่าทนายทำวีซ่าตัวนี้

ปีถัดมาก็คุยกับหัวหน้าว่า ถ้าอยากให้เราทำงานต่อ ต้องขอกรีนการ์ดให้เรา เพราะวีซ่าทำงานต่ออายุได้อีก 3 ปี อีกอย่างทำกรีนการ์ดต้องใช้เวลานานพอสมควร ควรเริ่มทำเลย เค้าก็ไปเปิดสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองหาทนายที่อยู่ใกล้ออฟฟิต ทนายคนนี้ลงว่าตัวเองทำด้านอิมมิเกรชั่น เค้าเอาเคสเก่า ๆ ที่เคยทำมาให้เราอ่าน แถมไม่เริ่มทำอะไรเลย เราเลยบอกหัวหน้าว่า เราไปหาทนายเองดีกว่า ทนายคนนี้ที่หัวหน้าหามาไม่ทำอะไรเลย หัวหน้าก็ตกลง

เราก็ไปหาทนายเอง ทนายคนนี้เพื่อนเราเค้าแนะนำมาให้อีกที เราก็ไปคุยกับเค้า ทนายคนนี้ิอธิบายวิีธีทำให้เราฟังอย่างคร่าว ๆ เรามั่นใจในทนายคนนี้มาก ๆ เลยไปบอกหัวหน้าว่า เค้าควรจะจ้างทนายคนนี้ สรุปว่าเค้าตกลงกันเรื่องค่าทำไม่ได้ เพราะเราบอกหัวหน้าเองว่า เราไม่จ่ายค่าทนายนะ ทนายคนนี้เค้าคิด 5000 เหรียญ แต่แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด จ่าย 2500 เหรียญเมื่อจะเริ่มทำตัว Labor และเก็บงวดสุดท้ายหลังจากได้อนุมัติตัว Labor ทนายก็บอกว่าหรือว่าจะให้คิดเป็นชั่วโมงแต่ทนายเค้าไม่รับประกันว่าจะถูกกว่า 5000 เหรียญ สรุปเค้าไม่ยอมจ้างทนายคนนี้

เราแอบโกรธบอกหัวหน้าไปว่า ไปหาทนายเองแล้วกัน เค้าเลยไปคุยกับลูกชายเค้าที่เรียนกฎหมายอยู่ที่คอลแนล ลูกชายเค้าก็แนะนำทนายแถวนั้น เราก็บอกว่า ถ้าทนายเค้าจะถามอะไรก็คุยกันทางโทรศัพท์นะ เพราะเราไม่ขับรถไปหาทนายคนนั้น เพราะขับรถไปกลับก็เกือบ 4 ชั่วโมง ไม่งั้นหัวหน้าก็ต้องขับรถให้ สรุปเค้าก็ไม่จ้างทนายคนนี้

หลังจากนั้นไม่นานเหตุการณ์ 9/11 ก็เกิดขึ้น ความหวังเรื่องกรีนการ์ดของเราก็เลือนลาง และวันหนึ่ง หัีวหน้าเค้าก็หาทนายคนใหม่ได้ เค้าก็คิดว่าค่าทำเหมือนทนายคนแรกคือ 5000 เหรียญ ตอนนี้หัวหน้าเค้ายอมจ่าย ทนายก็เค้าเริ่มทำโดย เราช่วยเขียนข้อความที่ลงโฆษณาหางาน แล้วทนายเค้าก็เอาไปลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และทางเน็ท

ได้รับ resume มาพอสมควร หัวหน้าก็เรียกคนมาสัมภาษณ์ประมาณ 5 คน ก่อนนั้นเค้าก็บอกให้เราออกข้อสอบ เราก็ออกมา 5 ข้อเกี่ยวข้องกับงานที่เราทำ แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มาัสัมภาษณ์ไม่มีใครทำได้ถูกหมด บางคนพอเห็นข้อสอบก็เดินออกจากออฟฟิตเลย มีถูกอย่างมากก็แค่ 2 ข้อ แถมบางคนเป็น CPA ด้วย หลังจากนั้นทนายเค้าก็สรุปข้อมูลและส่งเรื่องไปที่ NYS Department of Labor ตอนนั้นที่ส่งไปก็เดือนกันยา 02 แล้ว

ระหว่างนี้ก็ได้แต่รอ ช่วงปี 05 ก็ได้รับจดหมายว่าเคสถูกย้ายไปที่ backlog ที่ฟิลาเดลเฟีย ถ้าต้องการให้ process ต้องส่งจดหมายตอบกลับไป และเค้าให้มากรอกข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่ได้กรอกไปครั้งแรก อันนี้ถือว่าโชคดีมากเพราะเค้าส่งจดหมายมาที่ทำงาน และให้ทนาย แต่ทนายย้ายที่อยู่และไม่ได้แจ้ง ทำให้ทนายไม่ได้รับจดหมายตัวนี้ ดีที่เค้ายอมให้ใช้ตัวก๊อปปี้ส่งไปแทน ช่วงนี้เราจะติดตามความเคลื่อนไหวตลอด หลังจากรู้สึกว่าจะไปเช็คเคสได้ทางออนไลน์ เราก็เช็คแทบทุกวัน

เกือบ 2 ปีถัดไปเืดือนมกรา 07 เราเช็คเคสทางออนไลน์ปรากฎว่าได้อนุมัีติ สัปดาห์ถัดไปก็ได้รับจดหมายว่าเค้าอนุัมัติตัว Labor เลยรีบโทรไปบอกทนายเพื่อจะให้เค้ายื่นฟอร์ม I-140 พอดีเป็นช่วงต้นปี งานก็เลยยุ่ง ๆ ทนายถามว่า H1B จะหมดอายุเมื่อไร เราบอกว่ามิถุนา 08 ทนายบอกว่าไม่ต้องรีบ รอให้หลังจาก 15 เมษา ก็ยังทัน จริง ๆ แล้วตัว H1B ต่ออายุได้ปีต่อปี เพราะเคยต่ออายุ 3 ปีมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนต่อเขียนไป 3 ปีเค้าเลยให้มา 3 ปีก็ถือว่าโชคดีไป

เราค่อยเช็คตัว Visa Bulletin ว่าเราจะยื่นปรับสภาพได้เมื่อไร ตอนเดือนเมษา 07 เราเช็คว่า เดือนพฤษภา 07 เราสามารถยื่นเรื่องปรับสภาพได้ ก็เลยบอกทนายว่าควรยื่นเรื่องไปพร้อมกันเลย อีกอย่างค่าธรรมเนียมก็จะขึ้นด้วย เราเตรียมเอกสารพร้อมตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภา กว่าจะได้ยื่นก็เกือบปลายเดือน

สัปดาห์ถัดไปก็ได้รับจดหมายให้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ ตอนสิ้นเดือนมิถุนา ก่อน 1 วันที่จะไปพิมพ์ลายนิ้วมือ คุยกับหัวหน้าว่าอยากจะขอยื่น Premium Process ตัว I-140 เราจะจ่ายเงิน 1000 เหรียญเอง หัวหน้าเค้าบอกว่า ออกคนละครึ่งแล้วกัน เราก็เลยส่งแบบด่วนไปทันที ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นเค้าประกาศว่าจะหยุด Premium Process ตัว I-140 ชั่วคราว โชคดีมากที่ส่งไปทันพอดี อีก 2 วันก็ได้อนุมัติื

ถ้าใครติดตาม Visa Bulletin ตอนเดือนกรกฎาปีที่แล้ว กรีนการ์ดจากการทำงานจะเป็น Current แล้วเค้าออกมาประกาศอีกทีว่าไม่มีวีซ่าแล้ว ทำให้คนยื่นเรื่องไม่ได้ แต่สุดท้ายเค้าก็ยอมให้ยื่นไป ตอนนั้นก็คิดว่าคงต้องรออีกนานแน่ ๆ กว่าจะได้กรีนการ์ด

ช่วงนั้นไปเจอโปรแกรมที่สามารถเช็ค soft updated (Last updated) เลยลองโหลดมาใช้ ก็เห็นว่าเคสมี updated วันที่ 31 กรกฎา และ 1 สิงหาแต่สถานะภาพยังเหมือนเดิม แอบคิดว่าสงสัยจะมีคนเข้าไปทำอะไรกับเคสเราหรือเปล่า หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ จำได้ว่าคืนวันที่ 23 สิงหาตื่นขึ้นมา แล้วนอนต่อไม่หลับเลยไปเล่นคอม ลองเช็คอัพเดทเล่น ๆ เห็นว่ามีอัพเดทเย็นวันนั้น เช็คอีเมล์ปรากฏว่า ได้รับอีเมล์ว่า Card production ordered วันรุ่งขึ้นก็ได้อีเมล์อีกอันบอกว่า Notice mailed welcoming the new permanent resident ดีใจมาก ๆ

ดีใจไปได้สักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องกลับเมืองไทยวันเสาร์ที่ 1 กันยา มีเวลาแค่ 1 สัปดาห์บัตรจะส่งมาถึงบ้านทันหรือเปล่า เลยมาถามคนไกลบ้าน ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ไป stamp ในพาสปอร์ต ก็เลยนัดวันโดยใช้ infopass วันศุกร์ที่ 31 สิงหาตอนบ่าย 2 โมง ตอนเช้าวันนั้นก็ไปเช็คที่ไปรษณีย์ก่อนว่ามีบัตรส่งมาหรือเปล่า ปรากฏว่าบัตรมาถึงวันนั้น โชคดีไม่ต้องขับรถไปเกือบ 2 ชั่วโมงเลยยกเลิกนัด

เขียนมาซะยาวเลย สรุปว่าของตัวเองใช้เวลาเกือบ 5 ปีตั้งแต่ยื่นเรื่อง แต่ถ้ารวมเรื่องเตรียมเอกสารก็ 6 ปีกว่า ๆ ได้ จะบอกว่ายากก็ไม่เชิง มีแต่เรื่องรอเท่านั้นแหละที่ต้่องทำใจ ขอให้โชคดีนะค่ะ

จากคุณ : MC_Sand - [ 22 ต.ค. 51 03:06:25 ]