ความคิดเห็นที่ 1 ต่างประเทศ ส่งออกญี่ปุ่นทรุด/IMFจ่อคุยเบลารุส 24 ตุลาคม 2551    กองบรรณาธิการ พิษวิกฤติการเงินสหรัฐกดยอดการส่งออกเดือน ก.ย.ของญี่ปุ่นซบเซาเกินคาด หุ้นนิกเกอิปิดร่วงกว่า 2% เหตุนักลงทุนวิตกเศรษฐกิจโลกกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอย บริษัทยักษ์ใหญ่เมืองลุงแซม ทั้ง 'ยาฮู' และ 'เมิร์ก' เล็งลอยแพพนักงานหลายพันคน  ด้าน 'ไอเอ็มเอฟ' เตรียมเจรจาปล่อยกู้ให้ 'เบลารุส' ที่กำลังประสบปัญหาการเงิน ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยตัวเลขส่งออกเดือน  ก.ย.ปีนี้  เติบโตต่ำกว่าคาดที่เพียง 1.5% สะท้อนว่ายักษ์เศรษฐกิจเบอร์   2  ของโลกอาจต้องเผชิญภาวะถดถอยในไม่ช้า ท่ามกลางการคาดเดาว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่น หรือบีโอเจ อาจต้องตัดสินใจหั่นอัตราดอกเบี้ยที่ปัจจุบันคงไว้ที่ระดับ  0.5%  นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังต้องหนักใจกับยอดเกินดุลการค้าเดือน ก.ย.ที่ปรับลดลงฮวบฮาบถึง  94.1%  มาอยู่ที่  9.51 หมื่นล้านเยน (3.34 หมื่นล้านบาท) ย่ำแย่กว่าตัวเลขของช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.609 ล้านล้านเยน (ราว 5.66 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ ปัจจัยลบส่วนใหญ่มาจากยอดนำเข้าพลังงานที่พุ่งขึ้นเกือบ   30%   สวนทางยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไปยังอเมริกาเหนือและยุโรป ที่ปรับลดลงจากผลกระทบวิกฤติการเงินโลก ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่สดใสนัก   บวกกับความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุน  ฉุดดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว  ปิดวันพฤหัสบดีร่วงลง 213 จุด หรือคิดเป็น 2.5% หลังระหว่างการซื้อขายภาคเช้า  ดิ่งลงไปกว่า   7%  เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย และออสเตรเลีย ที่ต่างปิดปรับตัวลดลงราว 4-7% ก่อนหน้านี้ ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐปิดตลาดวันพุธทรุดลงกว่า   500  จุด  หรือ  5.7%  ท่ามกลางความกังวลของตลาดหลัง  'ยาฮู' เว็บเซิร์ชเอนจิ้นชื่อดังของสหรัฐฟันกำไรไตรมาส  3 เพียง 54.3  ล้านดอลลาร์ ลดลงถึง 64% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 151.3 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยาฮูประกาศเตรียมปรับลดพนักงานลงราว 1,500 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 10% ของพนักงานบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก  เช่นเดียวกับ  'เมิร์ก'  บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่เผยเมื่อวันพุธว่าเตรียมจะลอยแพพนักงานทั่วโลก 7,200  ตำแหน่ง  ภายในปี 2554 หลังกำไรสุทธิไตรมาส 3 ตกต่ำลง 28% ขณะที่ยอดขายก็ปรับลดลง 2%  จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  'เมิร์ก'  บอกว่าครึ่งหนึ่งของการปรับลดเป็นพนักงานในสหรัฐ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะปิดห้องปฏิบัติการวิจัยยาในญี่ปุ่นและอิตาลีภายในปี 2552 อีกด้วย อีกด้าน  นายชอกัต ทาริน ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของผู้นำปากีสถาน เผยว่ารัฐบาลอิสลามาบัดยังไม่ได้ขอกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ  (ไอเอ็มเอฟ) อย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังหวังจะได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากประเทศผู้ให้กู้รายอื่นก่อน อย่างไรก็ดี  เมื่อวันพุธ  นายโดมินิก  สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟระบุว่า ปากีสถานที่กำลังเจอกับวิกฤติทุนสำรอง  ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ และการเจรจาเรื่องแผนปล่อยกู้จะมีขึ้นในอีก 2-3 วันข้างหน้า ส่วนการหารือปล่อยกู้ให้กับเบลารุสจะมีขึ้นภายใน 1-2 วันนี้. http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=24/Oct/2551&news_id=165702&cat_id=800 จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 07:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปรากฏการณ์โลกร้อน ญี่ปุ่นชูเครือข่ายชีวมวลเอเชีย ผลิต-ส่งออกพลังงานทดแทน นักธุรกิจญี่ปุ่นผลักดันสร้างเครือข่ายเชื้อเพลิงชีวมวลเอเชีย ดึงจุดเด่นของแต่ละประเทศทั้งด้านวัตถุดิบและเทคโนโลยีมารวมกัน สร้างตลาดพลังงานชีวมวลส่งขายโซนอเมริกาและยุโรป กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายอิซเซ ซาวะ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายไบโอเอทานอล แผนกธุรกิจพลังงานใหม่และสิ่งแวดล้อม กลุ่มธุรกิจนวัตกรรม บริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงแนวคิด "เอเชีย ไบโอแมส คอมมูนิตี้" (Asia Biomass Community : ABC) ว่า ต้องการผลักดันให้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกใหม่จากเอเชีย โดยใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับใช้ประโยชน์จริง ก่อนที่จะขยายกำลังการผลิตในเชิงพาณิชย์และส่งขายตลาดที่ใหญ่ขึ้น "วิกฤติราคาน้ำมันและความต้องการพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายประเทศให้ความสำคัญของพลังงานชีวมวล ฉะนั้น ความร่วมมือระหว่างประเทศในเอเชียจะช่วยลดข้อด้อย และส่งเสริมข้อดีสำหรับการพัฒนาไบโอแมส" นายอิซเซ กล่าวระหว่างการประชุมนานาชาติ “อีโค-อินโนเวเชีย 2008” หัวข้อมุมมองอนาคตเพื่อความยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศในแถบเอเชีย ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบทางการเกษตร แต่มีความโดดเด่นด้านการตลาดและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จึงต้องอาศัยพลังงานชีวมวลจากประเทศอื่น โดยเฉพาะบราซิลที่มีราคาถูก แต่อยู่ไกลทำให้ต้องเสียค่าขนส่งสูง ฉะนั้น หากมีพลังงานชีวมวลจากประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน ก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ “ชุมชนไบโอแมสเอเชีย” เกิดขึ้นจริง ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในระดับรัฐบาลและภาคเอกชน โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ จะนำทางให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการลงทุนวิจัยและพัฒนา อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐนั้นโอกาสเกิดขึ้นยาก แต่นายอิซเซกลับมองในมุมตรงข้าม “ปัจจุบันอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพราะภาครัฐของแต่ละประเทศในเอเชีย มีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยีชีวภาพก้าวหน้าอยู่แล้ว เช่น ญี่ปุ่นมีองค์กรวิจัยเหมือนกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในไทย ที่พยายามวิจัยและสร้างมาตรฐานของไบโอแมสเอเชีย” นายอิซเซกล่าว ในส่วนของประเทศไทยถือเป็นแหล่งวัตถุดิบที่ดี ขณะที่ญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี หากสามารถร่วมมือกันได้ก็จะขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านพลังงานชีวมวลของเอเชีย และอาจจะไปได้ไกลถึงการเปิดตลาดในยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีความต้องการใช้พลังงานชีวมวลสูง http://www.bangkokbiznews.com/2008/10/12/WW83_8301_news.php?newsid=302531 จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 07:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงครามชีวิต "โอชิน"  - 17 ตค. 2551 ทรู เอเชี่ยน ซีรีส์ ส่งสุดยอดซีรีส์ "สงครามชีวิตโอชิน"       เรื่องราวชะตากรรมของผู้หญิงที่สู้ชีวิต จนเป็นแบบอย่างที่น่าจดจํา ความโด่งดังของละครโทรทัศน์ชุดนี้ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า The Oshin Effects ที่เมืองยามางาตะ บ้านเกิดของโอชินในเรื่อง ที่ผลิตภัณฑ์ "ข้าวปั้นโอชิน" และ "เหล้าสาเกโอชิน" กลายเป็นของที่ระลึกอันมีชื่อเสียงโด่งดัง เรื่องราวของโอชินได้รับการนําไปเผยแพร่ต่อยอดในรูปแบบต่างๆ ทั้งหนังการ์ตูน หนังสือการ์ตูน ละครเวที รวมทั้งในบทเพลง, นักการเมืองหลายคน พูดถึงแนวความคิดทางเศรษฐกิจโดยอิงกับ "ปรัชญาวิธีคิดแบบโอชิน" รวมทั้ง "มาตรการประหยัดแบบโอชิน" ซึ่งมีหลักการใกล้เคียงกับเศรษฐกิจแบบพอเพียงของไทย ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ มีผู้ชมติดตามชมมากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก "สงครามชีวิตโอชิน" นําเสนอเรื่องราวของ โอชิน นําแสดงโดยดาราเจ้าบทบาท ยูโกะ ทานากะ เด็กสาวที่เกิดในครอบครัวชาวนาที่ขัดสน จนต้องพลัดพรากจากบ้านไปทํางานเลี้ยงเด็กในร้านค้าไม้ตั้งแต่เด็ก แต่แล้วเธอก็ได้ตัดสินใจหนีออกจากร้านเพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยเงิน การหนีกลับบ้านในครั้งนั้นทําให้  โอชินเกือบตายท่ามกลางพายุหิมะ ถ้าไม่ได้ "ชุนซาคุ" นายทหารหนีทัพช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อกลับคืนสู่บ้านเกิดได้ไม่นาน โอชินก็ต้องออกไปทํางานกับครอบครัวร้านค้าข้าวสารในตําบลซาคาตะ แต่ครั้งนี้สถานการณ์พลิกผัน เมื่อคุณนายคุนิผู้มีเมตตาให้ความอุปการะช่วยเหลือจนกระทั่งผ่านพ้นวัยเด็กอย่างมีความสุข เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น โอชินอําลาจากคุณนายคุนิ เพราะเกิดไปตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกับคาโยะ (หลานสาวของคุณนายซึ่งสนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง) เธอจึงมุ่งหน้าไปเผชิญภัยในโตเกียว จนพบรักและได้แต่งงานกับลูกเศรษฐีชื่อ ริวโซ แต่ชีวิตของโอชินกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เธอต้องเผชิญกับมรสุมอีกนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความขัดแย้งกับครอบครัวสามี หรือกิจการของสามีที่กําลังย่ำแย่ ซึ่งเธอต้องใช้ความสามารถกอบกู้ธุรกิจนั้นให้ได้ เมื่อทุกอย่างกําลังคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เมื่อลูกสาวที่เพิ่งคลอดเสียชีวิตลง ต่อมาได้เสียลูกชายในสงครามโลกครั้งที่สอง สามีฆ่าตัวตาย ธุรกิจที่กําลังเติบโตพังทลายไปต่อหน้าต่อตา โอชินมีวิธีรับมือกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร และอะไรที่ทำให้เธอสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนประสบความสําเร็จในบั้นปลายชีวิต ติดตามชมซีรีส์ยอดนิยม "สงครามชีวิตโอชิน" ได้ทุกคืนจันทร์-ศุกร์ เวลา 21.00 น.-22.00 น. ผ่านทางทรู เอเชี่ยน ซีรีส์ (ช่อง 22) ♦ http://www.daradaily.com/th/news/newsdetail.php?newsid=9679 จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 07:33:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังงงกับการบริการทางการแพทย์ของประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เจริญทางด้านเทคโนโลยี แต่โรงพยาบาลหลายแห่งในญี่ปุ่นดูแล้วไม่ค่อยหน้าใช้บริการ จากการได้เข้าไปดูแลพยาบาลลุงสาหร่ายสามสัปดาห์ เห็นโรงพยาบาลญี่ปุ่นแล้วไม่ค่อยชอบ เพราะตอนอยู่เมืองไทย แต่ละโรงพยาบาลที่ไปดูดีและสะดวกสบาย ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศร่ำรวยก็จริง แต่การบริการทางการแพทย์ดีกว่าญี่ปุ่นมาก หรืออยู่ที่เรามีกำลังทรัพย์ที่จะจ่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ โรงพยาบาลญี่ปุ่นไม่ค่อยมีแพทย์เวรอยู่กลางคืนจริงหรือ? เมื่อตอนลุงสาหร่ายไม่สบายเพราะเลือดออกในกระเพราะ ไปหาค่ำวันเสาร์ประมาณสองทุ่ม เขาก็ตรวจและซักถาม แล้วให้ยามากินบรรเทา นัดให้ไปตรวจอย่างละเอียดวันจันทร์ วันอาทิตย์ลุงสาหร่ายก็นอนซมทั้งวัน เพื่อทนรอไปตรวจวันจันทร์ พอวันจันทร์ไปตรวจ ผลปรากฎว่าต้องรักษาอย่างด่วน ทางหมอที่ให้การตรวจครั้งแรก ยังมีหน้ามาบอกว่า กลัวว่าวันจันทร์จะไม่มา ถ้าไม่มาคงเสียชีวิตเพราะเลือดตกใน นี่ลุงสาหร่ายยังมีบุญอยู่ที่ระหว่างวันอาทิตย์ยังไม่ช็อคตายไปก่อน ถ้าเป็นอย่างนี้ที่เมืองไทยคงได้รับการรักษาไปแล้ว ไม่ต้องรอให้วันจันทร์ แต่หมอเขาก็เก่งมาก ใช้แสงเลเซอร์หยุดเลือดได้ ตอนนี้ลุงก็หายเป็นปรกติแล้ว แถวบ้านมีโรงพยาบาลสำหรับแม่และเด็กแยกต่างหาก บางทีเห็นอุ้มเด็กแรกเกิดขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกที่ญี่ปุ่น แต่เคยไปเห็น อยากจะบอกว่าความสะดวกยังสู้โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลของรัฐที่ไทยไม่ได้ แค่ห้องพิเศษที่โรงพยาบาลรัฐที่เมืองไทยยังดีกว่าที่ญี่ปุ่น แต่ที่เมืองไทยโรงพยาบาลของรัฐเช่นศิริราชหรือ จุฬา ก็รอนานมาก ต้องไปเข้าคิวตั้งแต่ตีสี่ตีห้า กว่าจะเสร็จก็บ่าย ไม่ต้องพูดถึงโรงพยาบาลเอกชนที่เมืองไทย เพราะสุดยอดสะดวกสบาย แต่ตอนจ่ายเงินก็หนักเอาการ จากคุณ : พนอจัน - [ 24 ต.ค. 51 07:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พี่สาวเราบอกว่า... (คนไข้พี่สาวเป็นคนญี่ปุ่นแต่งงานกะคนไทยประมาณนั้น) ชายญี่ปุ่นชอบการรักษาที่ไทยมาก เพราะค่ารักษาและบริการที่ดีกว่ามากจริงๆ ถ้าเป็นคนไทยอาจจะบอกว่าค่ารักษาแพง แต่เทียบกันแล้วคนญี่ปุ่นจะบอกว่าทั้งถูกทั้งดี แต่ถ้าเป็นเราต้องเสียค่ารักษาแพงก็อยากจะให้สมราคานะ ที่ญี่ปุ่นหักอะไรไม่รู้มากมาย แต่ทำไมเหมือนไม่รับผิดชอบชีวิตคนเลยอ่ะ อาจจะแรงมากไปแต่รู้สึกสงสารจริงๆ ได้ฟังข่าวตกใจจริงๆ น้ำตาคลอเลย เรื่องการคลอดที่ญี่ปุ่น เพราะหลายรายมากเลย ที่ต้องเสียชีวิต ด้วยเหตุที่ว่าโรงพยาบาลไม่รับรักษาตัว... คนท้อง คนจะคลอด คนที่กำลังจะป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายายและเด็กที่กำลังจะเกิดมา ล้วนเต็มไปด้วยความรัก ความหวังและการรอคอยของคนหลายคนมาก แต่ต้องเสียชีวิตด้วยเหตุที่ไม่สมควรจริงๆ สุดท้ายขอร่วมไว้อาลัยคะ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 08:06:36 จากคุณ : thangthai_ladypink - [ 24 ต.ค. 51 08:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ข่าวเรื่องที่โดนปฏิเสธการรักษา เป็นข่าวที่เศร้า สะเทือนใจจริง ๆ ค่ะ ส่วนที่น้องเหมียวถามว่า "แม่บ้านท่านที่คลอดที่ญี่ปุ่นมีปัญหาไหมค่ะในการเข้าโรงพยาบาล แล้วพยาบาลดูแลรักษาดีหรือเปล่าค่ะ " สำหรับตัวพี่แล้ว ยังถือว่าโชคดีที่คลีนิคคลอดลูกอยู่ไม่ไกล ขับรถไปไม่เกิน 5-10 นาที และโรงพยาบาลเด็ก ก็อยู่ตรงข้ามกับคลีนิคคลอดลูก จากประสบการณ์การคลอดลูกที่ญี่ปุ่น(เป็นคลีนิคเอกชน) สำหรับพี่แล้วได้รับความรู้สึกดี ๆ ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแพทย์และพยาบาลอย่างดี (โชคดีจริง ๆ) ตอนนี้พี่ท้องลูกคนที่สอง ก็ได้แต่ขอให้การคลอดผ่านพ้นไปด้วยดีเหมือนกันจ๊ะ ท้องคนที่สอง พี่ต้องรีบเอาเงินไปมัดจำจองห้องคลอด และห้องพักฟื้น เพราะไม่รีบจอง ห้องเต็มต้องหา รพ คลอดลูกที่ใหม่ (ตอนนี้ห้องก็เต็มไปรีบร้อยแล้ว) การที่เราจองเป็นลูกค้าที่จะไปคลอดที่คลีนิคนั้นก็ดีเหมือนกัน เพราะการดูแลเอาใจใส่จากหมอ และพยาบาลเหมือนเราเป็นญาติ เมื่อประมาณต้นเดือนที่แล้ว(ตั้งครรภ์สามเดือน) พี่มีเลือดออกทางช่องคลอดตอน 3 ทุ่ม เพราะอุ้มลูกคนโตมากและลงบันใด เหยียบบันใดพลาดหนึ่งขั้น ทำให้เท้ากระแทกพื้นแรง ตอนเลือดออกตกใจมาก กลัวด้วย ให้สามีโทรไปถามคลีนิค แพทย์ผดุงครรภ์ก็สอบถามอาการ จากนั้นแพทย์ก็ให้เข้าไปหาเพื่อซาวด์ตรวจเช็ค ที่นี่จะมีหมอสูติ เข้าเวรประจำอยู่แล้ว ตรวจเช็คแล้วลูกยังแข็งแรง ปลอดภัยดี หมอให้ยามากิน และให้นอนพักอย่างเดียวอย่างน้อย 3 วัน ความรู้สึกตอนนั้น คือความโล่งใจ ความปลอดภัย และความรู้สึกโชคดี ที่มีคลินิคดี ๆ อยู่ใกล้บ้าน ที่ญี่ปุ่น สูตินรีแพทย์ ขาดแคลนจริง ๆ อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่ง เป็นงานที่กำหนดเวลาตายตัวไม่ได้ ก็คนจะคลอดลูกอ่ะนะ มันเลือกเวลาไม่ได้นี่หน่า   ต่างจากหมอรักษาฟัน หมอรักษาตา ที่สามารถกำหนดเวลานัดคนไข้ได้ มันก็น่าแปลกนะ ในประเทศที่รุ่งเรืองแต่ขาดแคลนหมอ (เฮ้อ คิดถึงเมืองไทยจัง) สุดท้าย ขอไว้อาลัยให้กับคุณแม่ญี่ปุ่นที่เสียชีวิตด้วยค่ะ จากคุณ : Omiya - [ 24 ต.ค. 51 09:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นั่งดูข่าวอยู่เหมือนกันคะ สามีแปลให้ฟัง ในกรณีของเราโรงพยาบาลอยู่ใกล้ๆบ้านเช่นกัน เป็นโรงพยาบาลใหญ่เลย สามีบอกว่าที่เลือกที่นี่ก็เพราะเหตุผลคล้ายๆตามข่าว คือเค้ากลัวว่าถ้าเรามีโรคอะไรขึ้นมา จะได้รักษาที่เดียว ไม่ต้องไปหลายที่ รพ.สำหรับการคลอดลูกที่นี่หายากมา จองยากเหมือนโรงแรมช่วงไฮซีซั่น จองได้ปุ๊บ ถ้าเป็นไปได้ต้องเอาตังค์ไปจ่ายจองเลย ส่วนบริการนี่......เช่นเดียวกับที่คนอื่นๆพูดอ่ะ ที่เมืองไทยเริ่ดกว่ามากมาย สามีไปรพ.วิภาวดีกับเราครั้งแรก เค้าถามว่า "นี่ รพ.เหรอ?"  ฮ่าๆ เค้าบอกว่าเหมือนห้างเลย   ใจเราก็อยากคลอดที่ไทย....แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆสามี อยากให้เค้าได้เห็นลูก เพราะว่าเค้าเองก็บ้าเห่อมากมาย เดือนกุมภาฯ ก็จะได้เจอกันแล้วนะ......AI chan~~~ ^O^ จากคุณ : คุณนายปลาดิบ - [ 24 ต.ค. 51 10:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนย้ายมาหาโรงพยาบาลฝากท้องหลายที่กว่าจะรับ เนื่องจากไม่มีเตียง  ไปได้ที่ใกลบ้านหน่อย  ระหว่างท้องเลือดออก  ไปหาหมอโดยไม่ได้นัด ให้รอซะสองชั่วโมงใจจะขาด  แม่สามีบอกว่าสมัยนี้หมอแปลกๆค่ะ  รักษาไม่ค่อยดี  คลีนิคทำคลอดก้ปิดเยอะเพราะไม่มีลูกค้าค่ะ  อีกอย่างถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคนใข้หมอไม่อยากรับผิดชอบค่ะ  คุณย่าว่างั้น จากคุณ : คาปิบาร่า (คาปิบาร่า) - [ 24 ต.ค. 51 10:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เคยมีประสบการณ์ เรื่องโรงพยาบาลเลย ค่ะ แต่เมื่อวาน เพิ่งไปทำฟัน มา  บริการดีเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะ คุณพยาบาล ใส่ชุดน่ารัก มาเชิญ เข้าไปในห้อง หมอฟัน ก็ใจดี สุภาพมากๆ เด็กแสบ ชอบ บริการของ คลีนิคหมอฟันที่ญี่ปุ่น มากกว่าเมืองไทย ค่ะ เพราะ hi tech สุดๆ มีการ ให้เราดูภาพฟัน เรา หลังจากเอกซเรย์มาแล้ว ผ่านจอคอมพ์  แถม ก่อนลงมืออุดยังอธิบายด้วย คอมพิวเตอร์กราฟฟิค สวยๆ อีกด้วย ค่ะ จากคุณ : เด็กแสบ - [ 24 ต.ค. 51 10:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พี่ต้อย พนอจัน   เหมียวกลัวนะขนาดคนญี่ปุ่นเองเขายังไม่อยากจะรักษาแล้วคนต่างชาติหล่ะ คุณ thangthai_ladypink ความสะดวกสบายหาได้ที่ไทยถ้ามีเงิน คนจนๆ ไปโรงพยาบาลรัฐ การบริการก็ห่วยแตก ตามค่าของเงินค่ะ พี่ Omiya  โชคดีจังเลยค่ะ ที่ได้การบริการที่ดี และลูกคลอดอย่างปลอดภัย สามีบอกว่า โรงพยาบาลที่มีคนเยอะๆ ก็  ( อาจจะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ในเมืองหลวงหรือจังหวัดข้างเคียงรักษาดูแลไม่ดีไม่ทั่วถึง )  โรงพยาบาลแถวรอบนอกชนบท บริการดีกว่า ( สามีเหมียวไม่สบายบ่อยม๊ากกกกกกกกกกกก   ) คุณ คุณนายปลาดิบ เด็กแถวบ้านเหมียวก็ชื่อ อัยจัง น่ารักมากมาย น่ารักกว่าเด็กคนอื่นๆ ลูกคุณนายปลาดิบ  น่ารักแน่ๆ ค่ะ แล้วถามต่อนะคะ   แม่บ้านที่คลอดที่ไทย ต้องกลับไทยตอนมีน้องกี่เดือนนะคะ แล้วกลับญี่ปุ่นได้ต้องเด็กกี่เดือนคะ สรุปใช้เวลาอยู่ไทยกี่เดือนคะ ถามเฉยๆ นะคะ อิอิ จากคุณ : อืม ไม่น่าเลย เง้อ (meaw_1985) - [ 24 ต.ค. 51 11:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผงะยาฆ่าแมลงโผล่บะหมี่นิชชิน   เอเอฟพีรายงานวันที่ 23 ต.ค. ว่า สังคมชาวญี่ปุ่นตกใจกับข่าวชวนหวาดผวาเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารอีกครั้ง เมื่อหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 67 ปีล้มป่วยด้วยอาการอาเจียนอย่างหนัก หลังกินบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อนิชชิน ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบสารที่ใช้ในยาฆ่าแมลง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองฟูจิซาว่า ชานกรุงโตเกียว แจ้งว่า หญิงสูงอายุรายนี้อาเจียนอย่างหนักและลิ้นชา หลังจากกินบะหมี่ยี่ห้อนิชชินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว ส่วนสามีของหญิงรายนี้วัย 75 ปี กินบะหมี่น้อย จึงไม่มีอาการใดๆ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบะหมี่ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นพบสารพาราดิคลอโรเบนซีน สารเคมีสำหรับกำจัดแมลง โดยไม่พบรอยเจาะหรือผิดปกติใดๆ ในถ้วยที่บรรจุ ส่วนทางบริษัทนิชชินไม่ได้เปิดแถลงข่าวในทันที โดยขอเวลาตรวจสอบก่อน บะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อนิชชินสร้างชื่อและก่อร่างสร้างตัวในยุคที่ญี่ปุ่นฟื้นฟูประเทศจากความเสียหายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้คนมุ่งทำงานหนัก จนไม่มีเวลาทำกับข้าว การกินบะหมี่สำเร็จรูปรองรับวิถีชีวิตประจำวันที่เร่งรีบได้ดี และราคาถูก ทำให้กิจการของนิชชินและอุตสาหกรรมบะหมี่สำเร็จรูปเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม บะหมี่นิชชินกลายเป็นสินค้าบริโภคล่าสุดที่เกิดปัญหาในญี่ปุ่น หลังจากสินค้าอาหารที่นำเข้าจากจีนเกิดปัญหาปนเปื้อนสารพิษ ไม่ว่า ถั่วแช่แข็งที่พบยาฆ่าแมลง เกี๊ยวแช่แข็งจากจีน และพิซซ่าที่ใช้นมผงจากจีนปนเปื้อนเมลามีน เป็นต้น วันเดียวกัน เอพีรายงานว่า ทางการจีนแถลงยอดตัวเลขเด็กที่ล้มป่วยเพราะกินนมปนเปื้อนสารเมลามีนที่ใช้ในการผลิตพลาสติก ว่า ยังรักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่า 3,600 ราย ส่วนเด็กที่หายดีจากอาการนิ่วในไตและไตวาย ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วมี 46,717 ราย ยอดเสียชีวิตเท่าเดิมที่ 4 ราย เสียชีวิตช่วงเดือน พ.ค.ถึงส.ค.ที่ผ่านมา ปัญหาเมลามีนปนเปื้อนในนมผง รวมถึงความปลอดภัยในอาหาร ทำให้จีนอับอายไปทั่วโลก ล่าสุด สมาชิกสภาของจีนเปิดอภิปรายถึงการออกกฎหมายและมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 12:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สจ๊วตการบินไทยทำฉาว หลังก่อเหตุขนกัญชาเข้าญี่ปุ่น 2.5 ล้านเยน 12:33 น. สำนักข่าวเกียวโดรายงานวันนี้ว่า แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนเปิดเผยในวันนี้ว่าพนักงานต้อนรับวัย 40 ปีของการบินไทยได้ถูกจับกุมตัว และถูกตั้งข้อหาลักลอบขนกัญชามูลค่า 2.5 ล้านเยนเข้าญี่ปุ่น ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้จับกุมพนักงานต้อนรับชายของการบินไทยที่ชื่อว่า Kerdtas Manus ที่สนามบินนาริตะในเขตชิบะ ขณะที่พวกเขาตรวจพบกระเป๋า 5 ใบที่บรรจุ กัญชารวม 620 กรัมไว้ในกระเป๋ากางเกง 4 ข้างของเครื่องแบบพนักงานของเขา พนักงานต้อนรับรายดังกล่าวมากับเครื่องบินของการบินไทยซึ่งเดินทางออกจากกรุงเทพถึงสนามบินนาริตะเวลา 06.30 น.ในวันที่ 28 ส.ค. สำนักงานการบินไทยที่กรุงโตเกียวเปิดเผยว่า พนักงานรายนี้ได้ถูกไล่ออกแล้วหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว "เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมากที่เราได้ทรยศต่อความไว้วางใจของลูกค้าของเรา" เจ้าหน้าที่สำนักงานกล่าว "เราจะเพิ่มความพยายามที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก" ที่ผ่านมา ศุลกากรญี่ปุ่นได้คุมเข้มการกวาดล้างการลักลอบค้ายาเสพติดและอาวุธที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้มีการสุ่มตรวจพนักงานบนเครื่องด้วย แต่มักจะได้รับตรวจค้นที่ไม่เข้มงวดเหมือนผู้โดยสารทั่วไป เนื่องจาก "พวกเขาทราบเกี่ยวกับกฎหมายของญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และเรามีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา" เจ้าหน้าที่ศุลกากรระดับสูงของญี่ปุ่นกล่าว "ความจริงแล้ว เราเพียงแค่แตะร่างกายของเขาตามธรรมดาและก็พบกัญชาในชุดของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเก็บซุกซ่อนมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ" เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงรายหนึ่งกล่าว ทั้งนี้ การจับกุมตัวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินในญี่ปุ่นในข้อหาลักลอบขนกัญชานั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก พนักงานรายนี้กล่าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขาได้รับการติดต่อให้นำกัญชามอบให้แก่สมาชิกแก๊งแห่งหนึ่ง โดยเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกคนดังกล่าวและครอบครัวของเขา ตำรวจเขตชิบะสันนิษฐานว่า เขาอาจลักลอบนำกัญชาเข้ามาในญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว โดยร่วมมือกับขบวนการดังกล่าว แหล่งข่าวกล่าวว่า ตำรวจได้จับกุมตัวสมาชิกแก๊งรายนี้แล้ว   http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=345619 จากคุณ : เง้อ เฮอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (meaw_1985) - [ 24 ต.ค. 51 13:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้ตามข่าวเลยจ้า.... แต่เรื่องรพ.ไม่รับทำคลอดเนี่ย ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเคยเป็นกรณีกันมาทีนึงแล้ว ต้องยอมรับอย่างนึงคือตอนนี้ที่ญปขาดแคลนสูตินรีแพทย์มาก เพราะ 1. เด็กไม่ค่อยเกิด เมื่อdemandน้อยลง supply ก็ย่อมน้อยลงไปด้วย ไม่ใช่ รพ.ใหญ่ๆทุกโรง (แม้ในเมืองใหญ่ๆ แบบโตเกียว หรือโยโกฮาม่าก็เถอะ) จะ มีแผนกทำคลอด 2. เป็นงานที่ค่อนข้างหนัก เนื่องจากหมอญปไม่นิยมผ่าคลอดแบบบ้านเรา แล้วบทคนจะคลอดลูกขึ้นมาอะไรก็เอาไม่อยู่ (ไม่เหมือนปวดฟันที่สามารถ กินยาระงับปวดได้วันรุ่งขึ้นค่อยรอคลีนิคเปิดแล้วไปอุด) ฉะนั้นจำต้องมีหมอ stand byกรณีคลอดกลางดึกตลอดเวลา 3. เป็นงานที่เสี่ยงต่อการถูกฟ้อง จะเห็นว่าระยะหลังๆหมอสูติแพทย์ถูก ฟ้องออกเป็นข่าวบ่อยมาก หากทำคลอดแล้วเด็กหรือแม่เกิดเสียชีวิต (เมื่อ 2-3เดือนที่ผ่านมาที่ออกข่าวก็เป็นคดีค้างเติ่งกันที่ จ. ฟุกุชิม่า) ฉะนั้นพวก หมอเองก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้เซฟที่สุด เท่าที่รู้มานะคะ หากทันทีที่รู้ตัวยว่าท้อง แล้วซาวนด์พบถุงเด็ก+เห็นหัวใจ เด็ก พูดง่ายๆคือ รู้วันคลอดแน่นอน ตามคลีนิคฟุจินกะ หรือซังฟุจินกะ (แต่ ไม่มีแผนกทำคลอด) จะรีบให้คุณแม่ไปฝากท้อง และจองเตียงคลอดที่โรง พยาบาล(ที่มีแผนกทำคลอด)ไว้แต่เนิ่นๆเลย แล้วต้องวางมัดจำแต่เนิ่นๆ ด้วย อย่างรพ.ของพี่เองก็ให้วางเงินมัดจำ 2 แสนเยนก่อนจะครบ 30 สัปดาห์ เพื่อเอาสิทธิ์ห้องคลอด (ของพี่หลิงรู้สึกว่าต้องจ่ายเต็มก่อน 5 แสน เยนด้วยซ้ำไป) ไม่เช่นนั้นจะไม่มีห้องทำคลอด... จะว่าเป็นธุรกิจ มันก็ใช่ แต่มันก็เป็นระเบียบแบบแผนที่โรงพยาบาลสมัยนี้ ใช้ ขนาดเราเป็นต่างชาติ เรายังต้องปฏิบัติตามเลย... กรณีข่าวข้างบน พี่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางนะคะ แต่เท่าที่มีปสก.ในการฝากครรภ์ มา หากเราไปฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ ยังไงหมอดูแลเราอย่างดีแน่นอน หมอเข้ม งวดมาก เพราะไม่ต้องการให้สิ่งไม่ดีเกิดกับเรา (พูดง่ายๆ คือ หมอเองก็ไม่ อยากโดนฟ้องหากแม่+เด็กเป็นอะไรไป) แล้วทำไมผู้หญิงวัย 36 ปี (อายุน้อยกว่าพี่อีก) ถึงได้รับการปฏิเสธการรักษา จากรพ. 7 แห่ง? แล้วรพ.ที่เธอฝากครรภ์มาตลอด 7-8 เดือนล่ะ ทำไมไม่ รักษาเธอ? อย่าว่าแต่ปวดหัวอย่างรุนแรงเฉียบพลัน ซึ่งบ่งบอกถึงอาการ ครรภ์เป็นพิษเลย แค่ตรวจพบไข่ขาวในปัสสาวะ น้ำตาลในเลือดสูง ความดัน โลหิตสูง หัวใจเต้นผิดปกติ น้ำหนักตัวขึ้นมาก มีอาการบวม ฯลฯ คุณหมอที่ เธอฝากครรภ์ด้วยก็ต้องเตือนเธอแต่เนิ่นๆแล้ว...(เหมือนที่พี่โดนมา) สำคัญสุด เธอไปฝากครรภ์หรือเปล่า? เธอไปให้หมอตรวจครรภ์อย่างสม่ำ เสมอหรือเปล่า? หากไม่เคยไปฝากครรภ์เลย จู่ๆเกิดอาการโคม่าขึ้นมา หมอ ญปที่ไหนก็ไม่กล้ารับเธอค่ะ เพราะหากเธอเป็นอะไรไป ---> หมอถูกฟ้อง ชัวร์ (หมอก็ต้องรักษาตัวเองไว้ก่อนจะคิดถึงหลักมนุษยธรรมแล้วค่ะ) นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของพี่นะ ยังไม่ได้ศึกษาข่าวนี้อย่างลึกซึ้งเลย.... จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 ต.ค. 51 13:27:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากประสบการณ์ตัวเองเลย แบบไม่ชอบโรงพยาบาลญี่ปุ่นและหมอเลย ก็แปลกที่ทั้งๆประเทศญี่ปุ่นเจริญและพัฒนามากกว่าไทยเยอะ อยู่ญี่ปุ่นมามีครั้งนึง ไม่สบายมากปวดท้องรุนแรงจนจะเป็นลม รบกวนให้ เพื่อนบ้านเรียกรถพยาบาล พอรถมาถึงก็ไม่พาเราไปโรงพยาบาล ถามโน้นถามนี่ เราก็ปวดท้องมาก เค้าก็โทรถามว่าคืนนี้โรงพยาบาลในเขต มีที่ไหนเป็นเวรเปิดรับผู้ป่วยทั้งคืน กว่าจะโทรเจอ เราปวดจนหน้าซีดตัวซีด ไปหมดเลย พอไปถึงโรงพยาบาล เค้าก็ให้เรานอนรอ รอหมอ รอนานมาก เหมือนไม่มีหมอเวรเลยสักคน จนดึกมาก สามีกลับจากทำงานที่โตเกียว หมอก็ยังไม่มา มีแต่พยาบาลเข้ามาถาม เราทั้งอาเจียน ทั้งปวดหัว ปวดท้อง หลับไปเกือบเช้า หมอเพิ่งมา ฉีดยาและวินิจฉัยว่าเราเป็น อาหารเป็นพิษ ถ้าเราเป็นโรคอื่นที่อาจจะตายได้เฉียบพลัน เราก็คงเป็นผีเฝ้าแดนปลาดิบ ไปแล้วนะเนี้ย กว่าจะถึงมือหมอ ช่วงเวลานั้น บอกตรงๆว่า ทรมานแทบขาดใจ สาบานกับตัวเองเลยว่า หากฉันยังต้องอยู่ญี่ปุ่น สิ่งเดียวที่จะไม่ยอมเป็นอะไร คือการไม่สบาย ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่อยากต้องเข้าไปโรงพยาบาลที่นี่เลย ที่คุณพนอจัน บอกว่า โรงพยาบาลญี่ปุ่นบางที่ยังสู้ ห้องพิเศษของโรงพยาบาลรัฐของไทยไม่ได้ ขอชูมือสนับสนุนอย่างแรง อันนี้เป็น ประสบการณ์สมัยสาวๆ ตอนอยู่ชิบะ พอมาคราวรุ่นลูกชาย ตอนที่พวกเราเพิ่งกลับจากไทยใหม่ๆ เราก็เอาสมุดวัคซีนลูกมาต่อวัคซีนที่ญี่ปุ่น เป็นคลีนิกเด็กใกล้ๆบ้าน หมออ่านรายงานในสมุดวัคซีนลูกไม่เข้าใจ เราก็งง ไม่เข้าใจได้ไงฟร่ะ ก็มันเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาหมออ่ะ หมอไม่เข้าใจแล้วตรูจะเข้าใจ ได้ไง อืม รออยู่สักพักใหญ่มาก หมอก็โทรไปหาอาจารย์หรือคนที่เก่ง กว่าถามๆๆ อยู่นานเลยมาถึงบางอ๋อกันว่าอะไรคืออะไร สรุปว่า ลูกเราฉีดครบแล้วนะ ไม่ต้องเพิ่มเติม แถมว่าเราด้วยว่าทำไม หมอไทยให้ฉีดเยอะแยะมากมายเกินจำเป็น อ้าวหมอ ประเทศต่างกัน ภูมิอากาศต่างกัน เชื้อโรคต่างกัน วัคซีนก็ต้อง บางตัวจำเป็นสำหรับบางที่ และไม่จำเป็นกับบางที่ ไมหมอพูดแบบนี้ เราฉุนอ่ะ แค่เช็คเรื่องวัคซีนแค่นี้ใช้เวลาขนาดนี้  ทำปากดีด้วยนะ ฮึม แล้วแบบนี้ จะทำให้เราเชื่อใจไว้ใจฝากชีวิตไว้ได้ยังไงเนี้ย เมื่อเร็วๆนี้เราไปฝากท้องกับโรงพยาบาลแห่งนึง ต้องรอวันเสาร์เพราะ เรื่องเป็นเรื่องตายต้องลากสามีไปร่วมรับฟังด้วย บังเอิญวันนั้นไม่รู้ ทำไมคนมาฝากท้อง ตรวจท้องกันเยอะมากจนล้นหลาม เกินที่แพทย์จะรับมือไหว ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ เข้ามาถามเรา ให้เรามาใหม่อาทิตย์หน้าได้ไหม? แบบว่าวันนี้คงไม่สามารถตรวจให้ได้ เรารีบหรือป่าว  เราก็มองหน้าสามีแบบว่า อ๋อ จะมาปฏิเสธไม่ให้เราตรวจ ใช่ป่าว? เราก็เลยทำใจบอกไม่รีบค่ะ  เพราะยังไม่ได้คลอดวันนี้ ค่อยมาใหม่วันหลัง  เฮ้ยยย บอกตรงๆ ทุกวันนี้รู้ตัวว่าตัวเองยังแพ้ท้อง ก็สบายใจ เพราะอาการแพ้บอกให้ทราบว่า ลูกในท้องของเราเค้ายัง มีชีวิต มีการเจริญเติบโตอยู่ เพราะการไปตรวจที่นี่ มันไม่ได้ช่วยให้ เรารู้อะไรเยอะไปกว่าธรรมชาติบอก ไม่ค่อยแปลกใจ ที่ได้ยินข่าว โรงพยาบาลปฏิเสธรับคนไข้รายนี้ กับเรื่องโรงพยาบาลเนี้ย เราเข็ดไปนานหรือเราโชคร้ายก็ไม่รู้เจอ โรงพยาบาลเจอหมอแต่ละที่ ดีได้ใจทั้งนั้น จากคุณ : My first love - [ 24 ต.ค. 51 15:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขออภัย จขกท คุณเหมียวที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ซะเต็มเหนี่ยว  (หุหุ) ยังไงก็ขอร่วมไว้อาลัยให้คุณแม่ชาวญี่ปุ่นท่านนั้น ด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง เช่นเดียวกันค่ะ จากคุณ : My first love - [ 24 ต.ค. 51 15:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เจอข่าวที่น่าสนใจค่ะ เอามาฝาก http://search.japantimes.co.jp/cgi-bin/nn20070928a2.html หัวข้อข่าว 191 multiple refusals of pregnant women found ที่ขีดเส้นใต้ไว้ คือ เหตุผลหลักๆที่รพ.ปฏิเสธการรักษาหญิงมีครรภ์ค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 ต.ค. 51 16:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ ^ พี่ฟัดจ์ขา แปลให้อ่านด้วยก็ดีค่ะ เดี๋ยวภาษาประกิตที่มีในสมองน้อย ๆ ของเอ็ม แปลผิดแปลถูก เข้าใจผิดพลาด (ไม่มั่นใจจริง ๆ เลย) รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณพี่ฟัดจ์ล่วงหน้ามาก ๆ เลยคะ (อิอิ มัดมือชกไว้เลย) จากคุณ : Omiya - [ 24 ต.ค. 51 16:48:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวก่อนนะคะ แล้วจะมาแปลให้ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 ต.ค. 51 16:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แวะเข้ามาทักน้องเหมียวค่ะ อาจไม่เกี่ยวกับหัวข้อข่าวและกระทู้สักทีเดียว แต่บังเอิญเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาอ่ะค่ะ เข้าข่ายเกี่ยวข้องกับแผนกสูติ-นรีเวชอยู่เนือง ๆ ค่ะ เลยขอแจม แหะ ๆๆ เท่าที่ทราบมา คุณหมอแผนกนี้กำลังขาดแคลนอยู่ค่ะ สาเหตุอาจจะคล้าย ๆ กับที่พี่ฟัดจ์กล่าวไว้แล้วข้างบน เรื่องบริการ บังเอิญร.พ.ที่เข้ารับการรักษาอยู่เป็นร.พ.ใหญ่มังคะ (ทั้งนี้ตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าร.พ.ขนาดใหญ่หรือเล็กวัดเอาจากที่ไหน) ทั้งคุณหมอและพยาบาลแผนกนี้เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดีค่ะ ถือว่าใช้ได้ ส่วนเรื่องค.สะดวกสบาย คงต้องแล้วแต่ละมุมมอง ร.พ.แต่ละที่ก็มีกฏระเบียบต่างกัน แต่ถ้าให้เทียบกับร.พ.เอกชนที่ไทย ยังไงที่ไทยก็น่าจะเหนือกว่า (ป่วยบ่อยค่ะ เลยได้ลองนอนมาหมด น่าอายจังเรา) ส่วนตัวคิดว่าคงต้องแล้วแต่ดวงค่ะ การผ่าตัดของตัวเองงวดนี้ถือว่าโชคดีมาก ส่วนเรื่องคุณหมอที่ญี่ปุ่น เจอคุณหมอที่ดีก็ถือว่ามีพระคุ้ม เจอคุณหมอแย่ ๆ (บางคน) ก็ภาวนาให้ผ่านพ้นไปให้ได้นะคะ (เจอบ่อยอีกเช่นกัน เฮ้อ) นอกเรื่องไปเยอะเลย RIP ให้ด้วยคนค่ะ จากคุณ : manachan - [ 24 ต.ค. 51 17:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มารอให้แปลให้ฟังเหมือนกันค้ะ อยากถามเกี่ยวกับข่าวทีวีที่ออกข่าวมาสองสามวันเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่ถูกล็อตตอรี่สองโอกุ เขามีปัญหาอะไร ฟังไม่ค่อยเข้าใจ ใครพอทราบรายละเอียด เล่าหน่อยจ้า จากคุณ : พนอจัน - [ 24 ต.ค. 51 17:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องป่วยวันหยุดนี่เจอมากับตัวเองเลยค่ะ เมื่อสองอาทิตย์ก่อน อาหารเป็นพิษท้องเสียอาเจียน แล้วก็ปวดบิดรุนแรงในช่องท้องตอนประมาณตีหนึ่งของวันเสาร์ ปวดจนขยับไม่ได้ จะโทรเรียกรถพยาบาลก็กลัวเพราะขากลับกลับเองไม่ไหวแน่ๆ แล้วก็ไม่อยากนอนโรงพยาบาลด้วยเลยพยายามทนไว้ แถมอยู่คนเดียวด้วย แค่จะเสิร์ชหาโรงพยาบาลยังขยับไม่ไหวเลย ในที่สุดทนทรมานถึงเช้าวันอาทิตย์ ตอนเช้าปวดน้อยลงแต่ยังอาเจียนอยู่ พอลุกไหวเลยเสิร์ชหาโรงพยาบาลจากเน็ทแล้วก็โทรไปถาม หมอบอกว่าให้รีบมาเลย ก็ต้องลากสังขารไปเรียกแท็กซี่เอง ( จะเรียกว่าอึดหรือถึกดีคะเนี่ย 555 ) พอถึงโรงพยาบาลหมอมีคนเดียวแต่คนไข้เพียบ ต้องนั่งรอเป็นชั่วโมงเลยค่ะกว่าจะได้ตรวจ แถมไม่ให้ยาระงับปวดด้วย ขอหมอก็ไม่ให้ บอกว่าต้องดูผลเอ็กซเรย์ ผลเลือดและปัสสาวะก่อน ซึ่งต้องเดินไปฉายเอ็กซเรย์ กลับมาเจาะเลือด แล้วก็นำปัสสาวะไปให้พยาบาลส่งห้องตรวจอีก ทั้งๆที่ปวดแทบจะตายอยู่แล้วค่ะ ตอนนั้นคิดว่าจะตายแล้วเพราะพยาบาลไม่มีการให้นั่งรถเข็นใดๆทั้งสิ้น ( สงสัยเห็นว่ามาเองไหว ) นี่ถ้าเป็นไส้ติ่งคงตายไปแล้วค่ะ สรุปกว่าจะได้กลับบ้านเกือบสามชั่วโมง โดยที่หมอไม่ได้ฉีดยาบรรเทาปวดใดๆให้เลย ตรวจเสร็จแค่บอกว่าติดเชื้อในลำไส้ แล้วให้ยากลับมาชุดนึงซึ่งทานแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ทานยาอยู่สามวันในที่สุดก็ต้องไปหาหมอที่คลีนิคอื่น พอได้ยาใหม่ก็ดีขึ้นค่ะ เข็ดจริงๆเลยโรงพยาบาลของเขตแท้ๆ(ชิริทสึ) แต่ไม่มีคุณภาพเลย   บอกกับตัวเองไว้ว่าจะพยายามไม่ป่วยวันหยุดอีกแล้ว ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ค่ะ >< พล่ามซะยาว จะบอกว่าอ่านข่าวแล้วเห็นว่าหมอญี่ปุ่นขาดแคลนจริงๆค่ะ โดยเฉพาะกุมารแพทย์และสูตินารีแพทย์ พี่เขยเป็นสูตินารีแพทย์ โดนเรียกตัวกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเหมือนกันค่ะ ( อารมณ์ว่าโดนรุ่นพี่ขอร้องแกมบังคับให้ไป เพราะหมอไม่พอ ) เห็นแกว่ารายได้หายไปเกือบครึ่งนึง T-T  แล้วกุมารแพทย์ สูตินารีแพทย์เนี่ยก็เสี่ยงมาก ทราบมาว่านอกจากรักษาแล้วมีปัญหาอาจจะโดนฟ้องแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกุมารแพทย์ จะหดหู่มากถ้ารักษาชีวิตคนไข้ตัวน้อยๆไว้ไม่ได้ เป็นส่วนนึงที่ทำให้นักศึกษาแพทย์เลือกที่จะเป็นกุมารแพทย์น้อยลง ที่พวกโรงพยาบาลต่างๆปฏิเสธไม่รับคนไข้ฉุกเฉินนี่ หลายๆเคสที่ฟังมาว่ากันว่าถ้าไม่มั่นใจว่ารักษาได้ หรือรักษาแล้วตาย จะโดนฟ้องเลยตัดปัญหา ใจดำไม่รับรักษาไปเลย น่าเศร้ามากค่ะ แต่เมื่อกี้ดูข่าว รัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพ แรงงานและสวัสดิการสังคม เข้าไปดูโรงพยาบาลที่บอกว่าขาดแคลนแพทย์ด้วยตัวเองแล้ว น่าจะมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นนะคะ ( หวังว่า ) ยังไงก็ขอไว้อาลัยให้กับคุณแม่ท่านนั้นด้วยค่ะ RIP   จากคุณ : มอนจะ - [ 24 ต.ค. 51 17:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้างว่าสูตินารีแพทย์ขาดแคลน ไม่มีเวรกลางคืน ซ้ำร้ายเตียงยังไม่พอและไม่ว่าง(ถูกจองก็มี) ไม่น่าเชื่อว่าญี่ปุ่น เป็นเราขอกลับไปคลอดที่ไทยดีกว่า จากคุณ : " - [ 24 ต.ค. 51 17:39:13 A:122.30.207.51 X: TicketID:169357 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข่าวข้างบนที่ยกมาไม่เกี่ยวกับข้าวที่น้องเหมียวเอามาโพสต์นะคะ (เดี๋ยวจะ เอาข่าวน้องเหมียวมาโพสต์มาบอกข้อมูลเพิ่มภายหลังค่ะ) เรื่องของเรื่อง คือ ทำไมรพ.ในญปถึงได้ปฏิเสธการรับรกษาหญิงมีครรภ์ใกล้ คลอดซ้ำซาก เพราะจะได้ยินข่าวทำนองนี้บ่อยมาก ก็เลยมีการทำเซอร์เวย์(ทำสำรวจ)ขึ้นมา พอจะสรุปสาเหตุได้ดังนี้ 1. รพ.ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าขาดความสามารถที่จะให้การดูแลคนไข้ได้ อย่างเหมาะสม และขาดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่จะให้การรักษาแบบฉุกเฉิน แก่หญิงมีครรภ์ จากเคสที่เกิดขึ้นทั้งหมด 191 เคส ที่รพ.กว่า 5 แห่งได้ปฏิเสธที่จะรับหญิงมี ครรภ์นั้น จังหวัดโอซาก้ามีเคสมากที่สุด คือ 58 เคส รองลงมาคือ จ.ชิบะ และจ.นารา มี 29 เคสเท่ากัน และจ.อิบาราคิ 27 เคส   หากจะอธิบายถึงการตัดสินใจของทางรพ.ที่ปฏิเสธไม่รับการรักษาหญิงมี ครรภ์แล้วล่ะก็ 628 เคสจากเคสทั้งหมด 2780 เคส รพ.ให้เหตุผลว่า มีความ ยากลำบากในการให้การดูแลอย่างเหมาะสม การสำรวจยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า 522 เคสที่เกิดขึ้น เกี่ยวพันกับเรื่องที่ รพ.ไม่มีหมอสูติทำงานกะกลางคืน และ 381 เคส เกี่ยวพันกับการที่เจ้าหน้า ที่ของรพ.กำลังอยู่ระหว่างการปฏิบัติงาน หรือไม่ก็ติดงานก่อนหน้านั้นแล้ว (ไม่รู้จะแปลpreoccupied เป็นภาษาไทยที่ฟังดีกว่านี้ได้ยังไงค่ะ) และก็ยังมี อีก 383 เคส ที่รพ.นั้นไม่มีสูติแพทย์อยู่ และอีก 214 เคส ที่รพ.ไม่มีเตียงว่าง มี 2 เคสในจ.โอซาก้า และ จ.นารา ที่รถพยาบาลใช้เวลากว่า 2 ชม. ในการ นำพาหญิงมีครรภ์ไปส่งรพ. เพราะมีความยากลำบากในการหารพ.ที่จะรับผู้ ป่วย * หากแปลผิดพลาดยังไงขออภัยค่ะ เดี๋ยวนี้ของที่เรียนมาก็เริ่มคืนครูไป หมดแล้ว ^^" * จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 ต.ค. 51 18:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต่อมาเกี่ยวกับข่าวที่น้องเหมียวเอามาโพสต์นะคะ ไม่ได้อ่านข่าวภาษาญป แล้วก็ไม่ได้ดูทีวี แต่เท่าที่อ่านจากภาษาอังกฤษ เกิดความฉงนใจบางเรื่อง ลิงค์ข้างล่าง http://www.earthtimes.org/articles/show/238224,death-of-pregnant-japanese-woman-sparks-controversy.html http://www.japantoday.com/category/national/view/tokyo-woman-rejected-by-7-hospitals-dies-after-delivery สรุปข่าวเป็นประเด็นได้คร่าวๆคือ The woman's gynecologist had asked a Tokyo hospital earlier this month to urgently treat the expecting mother, who was suffering from unusually acute headaches, but the clinic rejected her, saying no obstetrician was on duty. 1. นรีแพทย์ (ซึ่งใช้คำว่า gynecologist) ที่หญิงท้องคนนี้ฝากครรภ์ด้วยได้ ติดต่อความช่วยเหลือไปยังรพ.ในโตเกียว ให้รับหญิงคนนี้เข้าไว้ในการดูแล อย่างด่วนตั้งแต่ต้นเดือน ซึ่งป่วยจากการปวดศีรษะที่ผิดปกติอย่างรุนแรง แต่รพ.ก็ปฏิเสธอ้างว่า ไม่มีสูติแพทย์ (ซึ่งใช้คำว่า obstetrician) ประจำการ อยู่ ณ เวลานั้น - สรุปหญิงมีครรภ์คนนี้ฝากครรภ์กับรพ. หรือคลีนิคที่ไม่มีสูติแพทย์ประจำ หรือ? นรีแพทย์ถึงต้องขอความช่วยเหลือไปยังรพ.อื่น...ซึ่งก็ต้องขอย้อน กลับมาใช้คำพูดเดิมที่บอกไปแล้ว คือ...ทันทีที่รู้กำหนดการคลอดที่แน่ นอน ทำไมไม่ไปฝากครรภ์กับรพ.ที่มีสูติแพทย์? Officials from the metropolitan government and the Metropolitan Bokutoh Hospital, which at first refused to admit her but later did so, told a news conference that the hospital had made appropriate decisions. 2. รพ.ในตอนแรกที่ปฎิเสธการให้การรักษา ต่อมาก็ยอมรับหญิงคนนี้ไว้ใน การดูแล ซึ่งจนท.ของรพ.เองก็บอกว่าได้ทำการตัดสินใจที่เหมาะสมดีแล้ว ตอนที่แถลงข่าว Bokutoh Hospital, which called an off-duty doctor to deal with the woman’s delivery, performed a Caesarean section as well as surgery for a brain hemorrhage. 3. รพ.ได้เรียกตัวสูติแพทย์ที่ออกเวรให้เข้ามาทำการผ่าตัดC-sectionให้ หญิงคนนี้ และทำการผ่าตัดเลือดออกในสมอง - แพทย์คนเดียวกันหรือเปล่า? เป็นไปได้ไงที่หมอสูติจะไปทำศัลยกรรม สมอง? The baby was born safely but the woman died three days after the operation. 4. ทารกคลอดออกมาปลอดภัย แต่แม่เด็กเสียชีวิต 3 วันให้หลังการผ่าตัด - ก็สมควร เพราะหมอสูติทำคลอดเด็กก็ต้องปลอดภัย แต่หากไม่ได้ให้หมอ ศัลย์ผ่าสมอง คนไข้จะรอดได้ไง The hospital and government officials said the doctor on duty was not aware that the woman had suffered a brain hemorrhage, noting that had the doctor known about it, the woman would have been admitted. 5. ทั้งจนท.ของรพ.และจนท.ของรัฐต่างให้สัมภาษณ์ว่าหมอที่ประจำการอยู่ ตอนนั้นไม่ได้รู้เลยว่าหญิงมีครรภ์คนนี้ทนทุกขฺทรมานจากเลือดออกใน สมอง แถมยังบอกด้วยว่าหากรู้ก็คงรับหญิงคนนี้เข้ารักษาแต่แรกแล้ว (แล้ว จากที่อ่านข่าว หญิงคนนี้มีอาการรู้สึกคลื่นไส้จึงได้ไปหานรีแพทย์ของตัว) - เห็นข่าวว่าจำต้องสืบสวนรายละเอียดของการสื่อสารระหว่างนรีแพทย์ผู้นั้น กับทางรพ.ทำคลอดกันต่อไป ส่วนรายละเอียดของข่าวภาคญป ว่าไว้อย่างไร รบกวนเพื่อนที่อ่านมาแชร์ ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะคะ แต่อย่างที่บอกไว้แล้ว คือ หากไม่ได้ฝากท้องกับรพ.นั้นๆแต่เนิ่นๆ ก็ยากที่ รพ.นั้นๆจะรับเข้ารักษาค่ะ เพราะญปขาดแคลนสูตินรีแพทย์มากๆ แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 51 18:42:26 จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 ต.ค. 51 18:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25 การบินไทยแจงกรณีพนักงานต้อนรับถูกจับกุมยาเสพติดที่ญี่ปุ่น 17:32 น. ฝ่ายสื่อสารวิสาหกิจและประชาสัมพันธ์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินถูกจับที่ประเทศญี่ปุ่นว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (ชาย) ของบริษัทฯ คนหนึ่ง (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุด) ได้ถูกทางการของประเทศญี่ปุ่นจับกุม โดยถูกกล่าวหาว่ามีสิ่งเสพติดไว้ใน ครอบครอง ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวยัง ไม่ได้มีการสรุปสำนวนคดีว่าพนักงานคนดังกล่าวมีความผิดจริงหรือไม่ แต่คดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศญี่ปุ่นได้อนุญาตให้ผู้ตกเป็นจำเลยจัดหาทนายความมาแก้ข้อกล่าวหาได้ ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทฯ ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องของการกระทำส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะต้องรอการตัดสินและสรุปคดีดังกล่าวจากทางการของประเทศญี่ปุ่นก่อน หากทางการญี่ปุ่นตัดสินว่าพนักงานคนดังกล่าวมีความผิดจริง บริษัทฯ จะพิจารณาลงโทษขั้นสูงสุด คือ การไล่ออกจากการเป็นพนักงานของบริษัทฯ ทันที ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีระเบียบและมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการห้ามพนักงานทุกคนมิให้ข้องเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทุกชนิดโดยเด็ดขาด http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=345700 จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 18:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะทุกคน และขอบคุณพี่  fudge-a-mania แอบตกใจว่ามีชิบะด้วย ถ้ามีลูกจะรอดไหมเนี๊ยะ กลัวมากๆ จากคุณ : meaw_1985 - [ 24 ต.ค. 51 18:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จับหญิงญี่ปุ่นฆ่าสามีในเกมส์ออนไลน์ เผยอาจติดคุก5ปี   ตะลึง!จับกุมหญิงญี่ปุ่นฐานฆ่าสามีในเกมส์ออนไลน์ อาจติดคุกถึง 5 ปี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า เกิดคดีหญิงญี่ปุ่นวัย 43 ปี รายหนึ่ง ได้ก่อเหตุฆ่าสามีในเกมส์ออนไลน์ชื่อ"เมเปิล สตอรี่"เนื่องจากแค้นที่ถูกหย่าอย่างกระทันหันในเกมส์ดังกล่าว ก่อนจะถูกจับกุมในข้อหาเข้าถึงข้อมูลผู้อื่นอย่างผิดกฎหมายและฉวยประโยชน์จากการใช้ข้อมูลทางอินเตอร์เนท ด้วยการนำพาสเวิร์ดและเลขทะเบียนบัตรประชาชน มาก่อเหตุฆาตกรรมสามีตัวเองดังกล่าว ขณะที่เจ้าตัวเปิดเผยว่า เธอรู้สึกโกรธมาก ที่จู่ ๆ ก็ถูกหย่า โดยไม่มีการบอกกล่าวกันแม้แต่นิดเดียว แต่บอกว่าเธอไม่มีแผนที่จะทำร้ายเขาในโลกของความเป็นจริง ทั้งนี้ หากถูกตัดสินว่าผิดจริง หญิงญี่ปุ่นรายนี้อาจต้องถูกตัดสินจำคุกต้องโทษมากกว่า 5 ปี หรือปรับเป็นเงินจำนวน 5พันดอลลาร์ด้วย   รายงานระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกเสมือนจริงได้ส่งผลกระทบต่อโลกจริง โดยเมื่อเดือนส.ค.เกิดเหตุหญิงรายหนึ่งถูกตั้งข้อหาว่าพยายามจะลักพาตัวเพื่อนชายรายหนึ่งที่เธอพบในเกมส์"Second Life" ส่วนที่ญี่ปุ่น ตำรวจได้จับกุมเด็กวัยรุ่น 16 ปีรายหนึ่งในข้อหาขโมยเงินในเกมส์ออนไลน์เป็นจำนวน 360,000 ดอลลาร์ จากการใช้พาสเวิร์ดของเลขทะเบียนของผู้อื่น ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน จากคุณ : งง ข่าวนี้ (meaw_1985) - [ 24 ต.ค. 51 19:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณพี่ฟัดจ์มาก ๆ เลยค่ะที่มาแปลข้อความข่าวคราวดีๆ ให้นะคะ ใกล้คลอดแล้วรักษาสุขภาพและทำใจให้สบายนะคะ จากคุณ : Omiya - [ 24 ต.ค. 51 19:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณนะคะที่เอาข่าวมาฝาก แวะเข้ามาทีไร ได้ประโยชน์ทุกที ขอบคุณมากๆนะคะ จากคุณ : penguin_vanilla - [ 24 ต.ค. 51 22:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีข่าวมาอัพเดทเปิดหูเปิดตา ขอบคุณสำหรับข่าวค้ะ ส่วนข้อมูลที่คุณฟัจด์แปลมาให้ก็ขอขอบคุณอีกครั้ง จากคุณ : พนอจัน - [ 25 ต.ค. 51 06:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือญี่ปุ่นหรือ  แพทย์น้อยลงทุกวัน ยาที่ต้องมีประจำบ้านคือยาพ่น สำหรับเวลาหอบ นอกนั้นค่อยไปรักษาทีหลังเอา  ทั้งพ่อทั้งลูกเคยเป็น ก็เลยต้องมีค่ะ ตัวเองก็เคยโดนเปลี่ยนที่ฝากท้อง  จากตอนแรกคือคลีนิคใหญ่  ฝากมาจนจะคลอดแล้ว สุดท้ายหมอบอกว่า เคสนี้ น่าจะผ่ายาก ก็เลยส่งไปรพ.ค่ะ  อ้าว  คนโตก็ผ่า ไม่มีปัญหา ไหงคนนี้จะมีปัญหา จำใจไปรพ.มหาวิทยาลัยค่ะ  เสียความรู้สึกเหมือนกัน ไกลบ้านด้วย เกือบท้อใจกลับไทยแล้วค่ะ วุ่นวายไปหมด  รพ.ตรวจละเอียดมากๆๆ ป้องกันการผิดพลาดสุดๆ   ได้ตรวจหลายแผนกเลย ตั้งแต่คลื่นหัวใจ เอ็กซเรย์ เจาะเลือด เยอะมากๆ   เล่าไปก็เอือมระอากับระบบการรักษาที่นี่ค่ะ  กรณีฉุกเฉินเนี่ย ขออย่าได้เจอเลยค่ะ สาธุ จากคุณ : Mnki - [ 25 ต.ค. 51 07:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบหมอญี่ปุ่นทำการรักษาคนไข้ ชอบที่เมืองไทยมากๆๆๆ หมอดูแลรักษาได้ดี ถึงเครื่องมือแพทย์จะไม่ทันสมัยเท่าญี่ปุ่นก็เถอะ ฝีมือการเย็บแผลผ่าตัด ต้องยกให้คุณหมอที่เมืองไทย ที่ญี่ปุ่น ขอโทษ เย็บแผลให้คนหรือเย็บแผลให้ท้องหมู ท้องหมากันแน่ ญี่ปุ่นดีแค่เครื่องมือแพทย์เท่านั้น ส่วนการเรียนแพทย์ แบบสอนๆต่อกันมาหรือเปล่า??????ยังสงสัย หรือว่าแค่ทดสอบกับหนูและกระต่ายสำเร็จ ก็ได้มาเป็นหมอหญ่ายยย จะเอายาทีก็ไม่มีในโรงพยาบาล ต้องให้ตรูเหาะแถมแน็บกระดาษตามหมอสั่ง ออกตามล่าหาร้านที่อยู่ในเครือข่ายของโรงพยาบาล มันน่าจะเข้าและออกจากโรงพยาบาลทีเดียวก็สิ้นเรื่อง เสียเวลาอิ๋บเอ๋งเร้ย ฟันก็เหมือนกัน หมอฟันที่เมืองไทย สวยได้ตามใจต้องการ ที่ญี่ปุ่น ยิ้มที ฟันปลอมลอยยื่นออกมา เห็นได้ชัดๆ เรื่องราคาก็โหด สู้เอาเงินมาทำที่เมืองไทยดูดีกว่าเยอะเลย ขอบอก อ้าว มาเมืองไทยทั้งที อย่าลืมเอาฟันมาหาหมอบ้านเรา เมืองเราก็บ้างนะ สวย เยี่ยมทันสมัย ก็มีอยู่หลายที่เด้อค๊ะ จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) - [ 25 ต.ค. 51 09:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อิอิ  ป้าซิ่ง คิดถึงพอดีค่ะ  เวลาเหมียวกลับไทยเหมียวก็ไปทำฟันที่ไทยทุกทีเลย จากคุณ : meaw_1985 - [ 25 ต.ค. 51 10:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ป้า พนอจันทร์ครับ กระทู้ห้องสวนลุม กับห้องหว้ากอ ยังด่าการบริการทางการแพทย์ไทย เย้วๆ เลยครับ อ่านในกระทู้แล้วก็ตลกดี เพราะคนเรานั้น มันหาความพอดีไม่ได้จริงๆ จากคุณ : kanoomtan - [ 25 ต.ค. 51 15:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เคยฟังสารคดีเกี่ยวกับการแพทย์ที่ญี่ปุ่น แต่ลืมเนื้อหาเกือบหมดแล้วค่ะ จำได้นิดหน่อยว่า ที่ญี่ปุ่นมีกฎหมายควบคุม เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทางโรงพยาบาลจะถูกตรวจสอบเป็นระยะ จำไม่ได้ว่าทุกกี่ปีค่ะ ว่าเก็บค่ารักษาพยาบาลมากไปหรือเปล่า มีการบังคับไม่ให้เก็บเงินมากเกินเรื่องนี้ทำให้บุคลากรในด้านการแพทย์ที่ญี่ปุ่นหลายคนไม่ค่อยมีความสุขนักในการทำงาน เสียดายจำได่แค่นี้เองค่ะ อาจจะเป็นสาเหตุนึงก็ได้นะคะ ที่ทำให้หลายคนมีประสบการณ์ที่ี่ไม่ค่อยประทับใจที่ญี่ปุ่น ที่เมืองไทย ถ้าเราไปใช้บริการของรัฐ เราก็อาจจะมีประสบการณ์ที่แตกต่างจากของเอกชนก็ได้นะคะ คงจะไม่ทุกคน แต่ความเป็นไปได้ก็มีค่ะ ที่เมืองไทยสมัยนี้เท่าที่คุยกับคนที่อยู่เมืองไทย ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐ ถ้าจะได้รับความสะดวกคุณควรจะเป็นsomebody and have some moneyนะคะ หรือมีสักอย่างในสองอย่างก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรจะมีทั้งสองอย่าง แม่เพื่อนคนนึงเป็นมะเร็ง ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่กรุงเทพ ค่าใช้จ่ายวันละ๑หนึ่งแสนบาท ๑๐วันหนึ่งล้านบาท บริการดีมาก หลังจากนั้นก็ออกมารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ ครอบครัวเพื่อนเราใช้นโยบายซื้อความสะดวก โดยการแจกแหลก แจกของกำนัลของฝากทุกคนที่เกี่ยวข้อง ได้รับบริการดีมาก แต่เพื่อนเราบอกว่าเห็นหลายคนที่มาจากต่างจังหวัด ได้รับการบริการที่แย่มากๆ เพื่อนเราพอว่างจากดูแลแม่จะมาช่วยชาวบ้านกรอกข้อความในเอกสาร เพราะสงสารชาวบ้านที่โดนเจ้าหน้าที่ตวาด ฟังแล้วก็เศร้าค่ะ คนมีทุกข์อยู่แล้ว ถ้ามีน้ำใจแก่กันสักนิดคงจะดี จากคุณ : wheel of forture - [ 26 ต.ค. 51 03:52:02 A:68.127.167.41 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หมอที่ญี่ปุ่น ทำแผลให้เรา ไม่ใส่ถุงมือล่ะ หยิบอุปกรณ์ก็ไม่ใส่ถุงมือด้วย ใช้มือเปล่า ๆ เลย แล้วก่อนทำกับหลังทำ ก้อไม่ล้างมือด้วย เราล่ะกลัวติดเชื้อจริง ๆ จากคุณ : momomiko (momomiko) - [ 26 ต.ค. 51 11:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อีกไม่ถึงเดือนก็ได้กลับบ้านแล้ว ยังดีใจที่ไม่ต้องใช้บริการทางการแพทย์ที่นี่ จากคุณ : สงสัยจัง - [ 26 ต.ค. 51 19:27:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หมอสูติเมืองไทย ตอนเย็นเลิกงานกลับบ้านพักผ่อนแล้ว คนไข้จะคลอดเที่ยงคืนยังโดนโทรตามจิก ต้องซิ่งมาทำคลอดให้ทัน อ่านข่าวนี้แล้ว ถ้าคนญี่ปุ่นรู้ว่าตำรวจจราจรกรุงเทพมีความสามารถ ทำคลอดฉุกเฉินกลางถนนได้ จะทึ่งไหมเนี่ย จากคุณ : Canossa - [ 27 ต.ค. 51 16:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทำคลอดไม่ใช่ การศึกษาพื้นฐานของหมอหรือคะ (นี่เราคิดผิดมาตลอดนะเนี่ย 555) ยังเล่าให้แฟนฟังเลย ว่าที่เมืองไทย เค้าให้หมอบอกวิธีการทางโทรศัพท์กับคนขับแทคซี่ ตอนชวยผู้หญิงคนหนึ่งคลอดตอนรถติด ลุ้นกันทั้งรายการวิทยุเลย ปล.เราบอกแฟนว่า อีกไม่เกิน 2 เดือนก็ลืม เพราะมันเคยมีข่าวแบบนี้มาแล้วนี่ ไฟไหม้ฟางแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ลืม เรื่องนี้มันไกลตัวสำหรับคนอื่น ไม่เหมือนเรื่องเกี๊ยวซ่า ข่าวนั้นตีได้ตีเอา เพราะเป็นจีน และเป็นเรื่องที่คนคิดว่าใกล้ตัว ไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิต ค่ะ จากคุณ : Hergest - [ 28 ต.ค. 51 23:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มิน่าหละ รพ บำรุงราษฎร์และ รพ กรุงเทพ จึงมีลูกค้าบินตรงมาจากญี่ปุ่นมากมาย ว่าแต่ว่าบะหมี่ตามรูปใน คห ที่ 11 นั่น มีสารปนเปื้อนเหรอครับ ที่บ้านผมซื้อตุนไว้เพียบเลยครับ หลานชายชอบทานมากๆ จากคุณ : Leopaul - [ 4 พ.ย. 51 13:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ต้องลองอ่านการ์ตูนที่ตีแผ่วงการแพทย์ญี่ปุ่น อย่าง black jack ni yoroshiku หรือ iryu team medical dragon จากคุณ : Oakyman - [ 17 พ.ย. 51 16:33:33 ]