ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงนี้คงเป็นช่วงสัมภาษณ์งาน ส่วนบางคนก็ได้งานกันแล้ว ต่อไปคงต้องวุ่นวายกับการสัมภาษณ์วีซ่าและจองตั๋วเครื่องบินกันนะคะ สองเรื่องนี้เราขอพักเอาไว้นะคะ เพราะเห็นมีกระทู้คุยกันเยอะ รวมถึงเป็นเรื่องที่เอเจนซี่บางแห่งจัดการให้ในตัวแล้วค่ะ เรามาบอกทริคบางอย่างในการเตรียมตัวไป work ของเราให้ค่ะ เผื่อบางคน ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน จะได้เอาไปให้ได้บ้าง ปีที่แล้วเราไป work คนเดียวค่ะ จะว่าไปก็ไปกัน 2 คนกับเพื่อนร่วม worksite ที่เพิ่งรู้จักกันที่เอเจนซี่ค่ะ แล้วรวมหัวกันจองตั๋วเอง เดินทางเองค่ะ เพราะปีที่แล้ว เรื่องเอเจนซี่นี่ปวดเฮดเหลือเกิน เราขอแบ่งเป็นหัวข้อ ๆ ไว้ก็แล้วกันนะคะ เผื่อว่าตกหล่นตรงไหน จะได้มา edit ง่ายค่ะ เพื่อน ๆ คนไหนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม แนะนำกันได้ค่ะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 13 พ.ย. 51 16:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มารออ่านค่ะ ^^ จากคุณ : apple,,caramel - [ 13 พ.ย. 51 16:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงนี้ ถือว่าเป็นช่วงหาข้อมูลกันเลยทีเดียว ทั้งเรื่องวีซ่า เอกสาร ตั๋วเครื่องบิน งานที่ต้องไปทำ ฯลฯ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ถ้าไม่จัดเป็นหมวดหมู่จะค่อนข้างกระจัดกระจายเลยทีเดียว ลองหาแฟ้มใสสักอัน สำหรับใส่เอกสารสำคัญ หาสมุดสักเล่ม เอาไว้จดทุกอย่างที่คิดว่าสำคัญลงไป เราเรียกสมุดนี้ว่าสมุดวิเศษค่ะ เพราะมีทุกอย่างอยู่ในนี้ (สมุดหาย = ตายค่ะ 555) สมุดนี้ควรจะมีปฏิทินแต่ละเดือนตั้งแต่เริ่มดำเนินการไปจนถึงจบ work กลับเมืองไทยค่ะ ในนี้เราจะได้ลงไว้ว่าเราต้องทำอะไรวันไหน ไม่สับสนค่ะ ที่เหลือลองคั่นแบ่งเป็นหมวด ๆ ดูนะคะ อย่างเช่น 1. วีซ่า 2. ตั๋วเครื่องบิน 3. งานที่ทำ 4. ที่พัก 5. กระเป๋าดินทาง-สิ่งที่ต้องเอาไปด้วย 6. สิ่งสำคัญ เช่น ชื่อที่อยู่เอเจนซี่ที่เมืองไทย เอเจนซี่ที่อเมริกา สถานฑูต-กงศุลไทยในอเมริกา เบอร์ติดต่อพ่อแม่พี่น้อง เบอร์คนรู้จักหรือคนที่พอช่วยเหลือเราได้เมื่ออยู่อเมริกา ฯลฯ 7. ข้อมูลเบื้องต้นของเมืองที่จะไปอยู่, dress code, สถานที่สำคัญ อาจปริ้นท์แผนที่ในเมืองจาก yahoo map ติดไปด้วย จะได้รู้จักเมืองของเราคร่าว ๆ ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ ใครมีอะไรเพิ่มเติมบอกได้นะคะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 13 พ.ย. 51 16:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มารออ่าน เมืองที่ไปสวยจัง จากคุณ : Ryoichiro - [ 13 พ.ย. 51 17:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีค่ะ คุณ apple,,caramel กับ Ryoichiro ค่ะ เราไป South Lake Tahoe ค่ะ ทำ Casino hotel ฝั่ง Nevada แต่ที่พักอยู่ California ค่ะ ใครถามก็บอกว่า เดินข้ามรัฐไปทำงานค่ะ เหนื่อยมาก (จริง ๆ แล้วเดิน 2 นาทีถึง) บ้านกับที่ทำงานถูกกั้นด้วยถนนเล็ก ๆ เส้นเดียว :) ------------------------------------------------------------------------- อย่างที่บอกไปแล้วนะคะ ว่าเรื่องวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน และงานที่ทำ เอาไว้ให้เอเจนซี่จัดการ เรามาว่ากันเรื่องที่พักดีกว่าค่ะ (ถ้าใครได้ที่พักแล้ว หรือที่ทำงานมีให้ ข้ามไปก็ได้นะคะ) การหาที่พักของเรา เอเจนซี่มาแต่ชื่อ-ที่อยู่มาให้ดุ้น ๆ เลย ใช้ประโยชน์ได้แค่ 10% เท่านั้นเองค่ะ เพราะเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่พักเหล่านี้เลย ตัวช่วยสำคัญของเราก็คือ Google earth ค่ะ เพราะแค่เราใส่ที่อยู่ที่ทำงานลงไป เราก็จะรู้ว่าเราต้องไปสิงอยู่จุดไหนของโลก หลังจากนั้นใช้ tool ที่พัก หาที่พักละแวกนั้นดูค่ะ ส่วนมากจะมีรีวิวจาก user ของ google earth อยู่แล้ว บางรีวิวมีรูปด้วยค่ะ ช่วยในการตัดสินใจได้มาก จดที่พักที่สนใจลงไปในสมุดวิเศษค่ะ หลังจากนั้นก็โทรถามเรทค่าเช่า (ส่วนมากจะเป็นราคาต่อสัปดาห์ต่อห้องค่ะ นอกจากเรทค่าเช่าแล้ว ควรถามสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยค่ะ สิ่งที่เราใช้ตัดสินใจเลือกที่พักคือ ราคา > ความใกล้ที่ทำงาน > สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน > ความหรู ค่ะ เมื่อได้ที่พักน่าสนใจสัก 3-4 ที่ (ที่คิดว่าน่าอยู่จริง ๆ ) ก็เอามาเสนอเพื่อนร่วม worksite ค่ะ จะได้ช่วยกันเลือก แบบประชาธิปไตยค่ะ ป.ล.เราได้ที่พักนี้มาค่ะ Alpine inn & spa ราคา 185 เหรียญต่อสัปดาห์ต่อห้อง (พักได้ 4 คน) มีห้องน้ำในตัว มีห้องครัวเล็ก ๆ ให้ค่ะ (ตอนไปถึงใหม่ ๆ ยังหนาวมากค่ะ) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 13 พ.ย. 51 17:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่อไปเรื่องเอกสารสำคัญค่ะ สิ่งที่เป็นชีวิตของเราคือ พาสปอร์ตค่ะ ห้ามหายเด็ดขาด อันนี้เราเอาติดตัวไว้เลยค่ะ เพราะโดนเรียกดูบ่อย ไม่ว่าจะซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือเล่นสล็อตในคาสิโน (-*-) พาสปอร์ตจะประกอบไปด้วยส่วนสำคัญ (ที่ได้ใช้จริง ๆ ) 3 ส่วน คือ 1. หน้าพาสปอร์ต ที่เป็นรูปหน้าเรานั่นแหละค่ะ 2. หน้า visa - คนที่ไป work จะได้ visa ชนิดเดียวกันคือ J1 ค่ะ 3. DS-2019 - จะเป็นกระดาษ A4 มีตัวหนังสือเต็มทั้ง 2 ด้าน ซึ่งด้านหน้าจะมี เหมือนบาร์โค้ดอยู่ (จำไม่ค่อยได้ละ) บางคนเอาแม็กติดเล่มไว้เลยค่ะ เราเอาสอดไว้ในปกพาสปร์ตอีกที เจ้า 3 หน้าสำคัญนี้ เราถ่ายเอกสารเอาไว้อย่างน้อย 3 ชุด คือ 1. เก็บซ่อนไว้ในกระเป๋าเดินทาง เผื่อตัวจริงหายจะได้มีแอบอยู่ 2. เก็บซ่อนไว้ในห้องเอาไว้กับเอกสารต่าง ๆ ค่ะ เผื่อกระเป่าเดินทางหาย (คิดมากไปไหมเนี่ย 555) 3. ฝากเพื่อนไว้ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 13 พ.ย. 51 17:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เก็บข้อมูลค่ะ ขอบคุณคุณ เมอแรงก์มะนาว มากเลยนะคะ ปล.รูปสวยจังเลยค่ะ จากคุณ : zeazamean - [ 13 พ.ย. 51 18:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มานั่งหน้าจอรอฟังเลยค่ะ ^^ จากคุณ : ม้ามแนว - [ 13 พ.ย. 51 19:15:13 A:124.121.57.200 X: TicketID:187856 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ zeazamean - ขอบคุณค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ คุณ ม้ามแนว - ยินดีค่ะ ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ เพราะนาน ๆ จะตั้งกระทู้ (มีสาระ) สักที แล้วยังพิมพ์สดอีก -------------------------------------------------------------------------- เสื้อผ้า อันนี้แนะนำไม่ถูกเลย เพราะแต่ละคนไปแต่ละที่ อากาศไม่เหมือนกัน แต่ที่อยากแนะนำคือ ทุกคนควรหา dresscode ของแต่ละที่อ่ะค่ะ เราควรจะหาว่าเมืองที่เราจะไปอยู่ (รวมถึงเมืองที่วางแผนจะไปเที่ยว) ระหว่างช่วง มี.ค.-ก.ค.นั้นอากาศเป็นอย่างไร ชุดไปรเวทนี่อาจจะไม่ต้องเยอะมาก เพราะส่วนมากก็ใส่ชุดทำงานอยู่แล้ว จะมีโอกาสใส่ไปรเวทก็แค่ 2 วัน/สัปดาห์เท่านั้น บางคนเอาชุดไปน้อยมาก แล้วค่อยไปหาซื้อเอา เพราะเสื้อผ้าแบรนด์นอก ที่โน่นถูกกว่าบ้านเราเยอะค่ะ (ส่วนมากจะเริ่มช็อปกันเมื่อ paycheck แรกออก) ชุดทำงาน - ส่วนมากที่ทำงานจะมีเสื้อ uniform ให้ สิ่งที่ควรเตรียมไปคือ กางเกงดำ 2 ตัว (ยีนส์ดำ บางที่ไม่อนุญาตค่ะ) รองเท้าดำปิดหัว-ปิดส้นไม่ลื่น บางที่เคร่งครัด ให้ใส่ถุงเท้าดำ ที่เราไปต้องใส่เข็มขัดดำด้วยค่ะ ส่วนเสื้อกันหนาวที่เราทำ เค้าให้ใส่ได้ แต่ต้องดำล้วนและไม่มีฮูด อันนี้ต้องแล้วแต่ที่ค่ะ ลองถามนายจ้างตอนสัมภาษณ์ได้เลย แต่ที่เป็นสากลที่ต้องเตรียม คือ กางเกงดำอย่างน้อย 2 ตัว กับรองเท้าดำที่ไม่ลื่นค่ะ (อันนี้คนที่ทำร้านอาหารจะรู้แจ้งมาก ว่าขนาดดอกยางเต็มพื้นรองเท้า เจอเศษอาหารบนพื้นครัวเข้าไปยังลื่นเลยอ่ะ -_-") บางคนอาจจะติดชุดเปรี้ยว ไว้สัก 1-2 ชุด สำหรับขาแด๊นซ์นะคะ เพราะเห็นไปทุกที่ก็มีผับทุกที่ (ถ้าไม่ชอบทางนี้ก็ไม่ต้องเตรียมค่ะ) ใครที่ไปเมืองหนาว ๆ อาจติด longjohn ไว้สักชุดก็ได้นะคะ เพราะกันหนาวได้เยอะทีเดียว (แต่เราไม่ได้เอาไปหรอก เพราะกะไปซื้อเอาที่โน่น จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ซื้อ ก็อยู่ได้ค่ะ) คนที่ทำร้านอาหาร อย่างฟาสต์ฟู้ด อาจติดปลอกแขนไปสักคู่สองคู่ เพราะเคยได้ยินมาว่ากันน้ำมันกระเด็นได้ดีทีเดียว อันนี้เอามาบอกต่อค่ะ เพราะ worksite เราไม่มีใครทำกุ๊กเลย :) เพื่อน ๆ คนไหนมีอะไรเพิ่มเติม เชิญได้เลยนะคะ บางเรื่องเราไม่เจอกับตัว บางเรื่องตกหล่นไปค่ะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 13 พ.ย. 51 19:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามารับฟังด้วยคนค่ะ ^^ จากคุณ : ทะเลาะคือชอบ โต้ตอบคือรัก - [ 13 พ.ย. 51 22:14:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นประโยชน์มากค่ะ กำลังหาที่พักอยู่เลย อ่านตามกระทู้อื่นๆ เจอเรื่องเยอะจนชักจะกลัวแล้ว ไปครั้งแรกด้วย ปล. รูปสวยค่ะ อยากดูอีกเยอะเย้อ หะๆๆๆ จากคุณ : ม้ามแนว - [ 13 พ.ย. 51 23:47:22 A:124.121.55.18 X: TicketID:187856 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีคุณ ทะเลาะคือชอบ โต้ตอบคือรัก และ คุณม้ามแนว (อีกรอบค่ะ) ------------------------------------------------------------------------- เมื่อวานเนตไม่ค่อยเป็นใจ วันนี้เลยมาต่อค่ะ เรื่องอาหารการกิน :) ที่พักส่วนมากนอกจากทีวี ก็จะมีตู้เย็นและไมโครเวฟให้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อนแท้ของเด็ก work ก็หนีไม่พ้นมาม่า (หรือจะไวไว จับโบ้ อะไรก็แล้วแต่ชอบ) กับพวกเครื่องดื่มสำเร็จรูปอย่างธัญญหาร โอวัลติน ซุปโวโน ฯลฯ (ที่โน่นไม่ค่อยนิยมหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่หาซื้อแล้วไม่มีค่ะ) รสของมาม่านี่แล้วแต่ชอบเลยค่ะ แต่รสที่สำรวจมาว่าเหลือเยอะที่สุดคือหมูสับ ไม่รู้ว่าเพราะเอาไปเยอะหรือไม่ค่อยได้กิน แหะ ๆ ถ้าเราไปอีกรอบคงเน้นพวกต้มยำต่าง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะต้มยำกุ้ง เพราะถ้าเหลือ กินไม่หมดก็สามารถยกให้เพื่อนชาวต่างชาติได้ค่ะ บางคนรู้แนว พอเห็นเด็กไทยใกล้จะกลับเค้ามาถามเลยว่า พวก you มี instant noodle รสต้มยำไทยเหลือไหม I จอง :D ในกรณีที่บ้านพักมีครัวในตัว ก็อาจจะนัดแนะกับเพื่อนร่วมห้อง (คิดว่าน่าจะตกลงกันคร่าว ๆ กับเพื่อนร่วม worksite แล้วนะคะ) ว่าใครจะแบกเอาอะไรไป จะได้ไม่ขาดอะไรที่จำเป็น หรือต่างคนต่างแบกไป ชนกัน เกินความจำเป็น อย่างห้องเราอยู่กัน 4 คน มีน้ำปลา 3 ขวด - -" ถ้าเอามากินต่างน้ำได้ก็คงดี 555 สิ่งที่เราคิดว่าน่าเอาไปก็คือ - ซุปก้อนคนอร์ : รสดั้งเดิมเนี่ยแหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นซุปไก่ก้อน หมูก้อน ก็เอาไปเหอะ แม้ว่าที่โน่นจะมีขายก็จริง แต่รสชาติมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ (เราลองซื้อซุปไก่ก้อนที่โน่น มาต้มดูแล้วสีมันเหลืองมาก ๆ + รสก็ไม่ถูกปากเหมือนของบ้านเราค่ะ) เดี๋ยวนี้ยังมี option เสริม มีก้อนต้มยำ ซึ่งช่วยชีวิตเราได้หลายมื้อเลยทีเดียว และยังทำให้ต่างชาติว่าคนไทยนี่ทำอะไรก็อร่อย สงสัยยีนส์ทำอาหารจะอยู่ใน DNA :) - ผงทำอาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ : เอาเมนูที่ไม่พิศดารมากนะคะ เพราะครั้นจะเอาไอ้ผงนั่นมาทำให้อร่อย ก็ต้องเติมผัก เนื้อ แต่บางอย่างก็หาที่โน่นไม่ได้ค่ะ เลยต้อง adapt เมนูกันวุ่นวาย - น้ำมันหอย : ปีที่แล้ว ห้องเรามีขวดเดียวค่ะ พอหมดนี่เหมือนขาดใจ หาซื้อก็ไม่ได้ (ต้องถ่อไปซื้อทถึง Korean market ใน Sacramento เชียวค่ะ - ขวดละเกือบ 4 เหรียญก็ยอม T_T) - น้ำพริก : เราไม่ได้เอาไปเองค่ะ แต่เห็นน้อง ๆ เค้าเอาไป ทำได้หลายอย่างทีเดียว ทั้งน้ำพริกเผา น้ำพริกนรก น้ำพริกแกงไตปลา อร่อยกันใหญ่ คิดไม่ออกแล้วอ่ะ .. บางคนอาจติดขนมไปกินเล่นก็ได้นะคะ อย่างทาโร่ที่ใช้พื้นที่ไม่เยอะ เอาไว้กินเล่นแก้เซ็งได้ค่ะ เมืองที่เราอยู่ ของไทยที่สามารถหาซื้อได้คือ น้ำปลาทิพรส (ขวด 3 เหรียญกว่านิด ๆ ค่ะ) กับน้ำจิ้มแก่ตราแม่พลอย แต่ถ้าใครไปเมืองใหญ่ ๆ อาจหาซื้อของไทยได้ง่ายว่าที่เราไปค่ะ :) รูปนี้เป็นต้มยำ สไตล์เด็กไทยค่ะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 14 พ.ย. 51 11:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โอ้ น่ากิน !!!! จากคุณ : ทะเลาะคือชอบ โต้ตอบคือรัก - [ 14 พ.ย. 51 12:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ คุณ ทะเลาะคือชอบ โต้ตอบคือรัก หม้อนี้ได้จากคุณป้าเจ้าของ inn ที่เราไปพักเค้าจัด welcome party ให้เด็กไทยค่ะ เค้าทำเนื้อย่าง+จัดเตรียมทุกอย่างให้ เราจึงทำหม้อนี้ลงไปสมทบค่ะ (ตามสูตรค่ะ คนอร์ก้อนต้มยำ + ผักและเนื้อเท่าที่หาได้) --------------------------------------------------------------------------- เรื่องของที่ระลึก แน่นอนว่า เราไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองถึง 3 เดือน ต้องได้เพื่อนต่างชาติมาบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อนที่ทำงานล่ะ การให้ของที่ระลึกก่อนกลับบ้านเพื่อขอบคุณที่เค้าดูแลเราขณะเราอยู่ที่โน่น ก็ทำให้เค้าประทับใจได้ไม่น้อย ของที่ระลึกไม่จะเป็นต้องเป็นของราคาแพง แต่เน้นความเป็นไทย คือเป็นอะไรก็ได้ที่ที่โน่นไม่มี อาจหาซื้อตามจตุจักรก็ได้ค่ะ (เราอยู่เชียงใหม่ ซื้อที่ถนนคนเดินค่ะ เราซื้อกระเป๋าเล็กห้อยคอโหลละ 100 ไปล่ะ :P) ขนาดไม่ต้องเอาใหญ่มาก เพราะจะหนักกระเป๋าซะเปล่า ๆ นอกจากนั้นอาจเตรียมของที่ระลึกชิ้นใหญ่สักหน่อย สัก 2-3 ชิ้น สำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น หัวหน้างาน เจ้าของที่พัก ฯลฯ ค่ะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 14 พ.ย. 51 13:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กระเป๋าเดินทาง เด็ก work ส่วนใหญ่ จะมีกระเป๋า luggage 2 ใบ เพราะจะขนของไปเยอะมาก (เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ :P) ที่เห็นส่วนมากคือ กระเป๋า 28-32 นิ้วค่ะ ใบนึงใส่เสื้อผ้า ใบนึงใส่อาหาร (พอขากลับ ใส่เสื้อผ้าใบเดิม อีกใบเป็นของฝากแทน) แต่พวกที่แตกง่าย อย่างขวดแก้วก็จะเอายัดใส่ในเสื้อผ้าไปค่ะ ใครที่จะซื้อกระเป๋าใหม่ ให้เลือกเอาตามที่ชอบค่ะ - กระเป๋าไฟเบอร์กลาส ข้อดี : ทนทาน ทำความสะอาดง่าย ของข้างในไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเลย เพราะแข็งมาก ข้อเสีย : ราคาแพงกว่าแบบผ้าที่ขนาดเท่ากันใบละเกือบ 1,000 บาท นอกจากนั้นส่วนที่ทนทานนั้นคือวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าเท่านั้นค่ะ บริเวณข้อต่อ ตัวล็อกเป็นพลาสติกหมด (เราเจอประสบการณ์ที่ตัวล็อกกระเป๋าแตกทั้ง 3 ตัว ทำให้กระเป๋าอ้าแล้วค่ะ) อีกอย่างคือกระเป๋าแบบนี้มักแพ็กของยาก เพราะลักษณะกระเป๋าจะเป็นแบ่งครึ่งความหนาแล้วปิดเข้าหากันค่ะ - กระเป๋าผ้า ข้อดี : ราคาถูกกว่าไฟเบอร์กลาส แพ็คของง่ายเพราะกระเป๋าแบบนี้ฝามักบาง ๆ และใส่ของได้เต็มค่อยปิดซิปค่ะ ข้อเสีย : บางยี่ห้อ วัสดุที่ใช้บุกระเป๋าบางมาก อาจจะฉีกระหว่างการขนส่งได้ (เค้าว่ามาอย่างนั้น แต่ไม่เคยเจอค่ะ) เปื้อนง่าย ทำความสะอาดไม่ได้เลย นั่งทับไม่ได้เหมือนไฟเบอร์กลาสค่ะ ไม่ว่าจะเลือกกระเป๋าแบบไหนสิ่งสำคัญที่ควรจะมีคือ สายรัดกระเป๋าค่ะ เดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลายสีหลายลาย นอกจากจะเอาไว้ใช้เป็น marking แก่กระเป๋าเราแล้ว ยังช่วยไม่ให้กระเป๋าที่แตกเปิดอ้าออกโชว์ของในกระเป๋าได้ค่ะ ปีที่แล้วเราดันทุรังใช้กระเป๋าไฟเบอร์กลาสที่ตัวล็อกทุกตัวแตก จนมาถึงเมืองไทยได้ ต้องขอบคุณเจ้าสายรัดกระเป๋านี่แหละค่ะ ส่วนตัวแล้วเราเลยชอบกระเป๋าผ้ามากกว่า แต่อันนี้แล้วแต่คนชอบค่ะ น้ำหนักกระเป๋า - ขึ้นอยู่กับสายการบินอนุญาตค่ะ สำหรับคนทมี่ต้องไปรัฐอื่นต่อ นอกจากจะเช็คที่ต้องบินระหว่างประเทศแล้ว ควรเช็คกับสายการบินในประเทศด้วยนะคะ Carry on - สายการบินส่วนมาก จะอนุญาต Carry on 1 ชิ้นต่อ 1 คนค่ะ น้ำหนักไม่เกิน 7 กก. (แต่ไม่เคยมีใครมาชั่งสักที) ขนาดขึ้นอยู่กับสายการบินค่ะ เพราะที่นั่งแต่ละสายการบินกว้างไม่เท่ากัน (Carry on ให้เอาไว้ตู้เก็บบนที่นั่งหรือเอาไว้ใต้ที่นั่งคนข้างหน้าเราค่ะ ของที่ควรจะอยู่ใน carry on คือ 1. ของสำคัญ - พาสปอร์ต บอร์ดดิ้งพาส กระเป๋าเงิน (พกไว้เล็กน้อย แยกเงินเก็บหลาย ๆ ที่ค่ะ) 2. สิ่งที่จะช่วยให้อยู่ได้โดยไม่ซกมก 1 วัน - เช่นแปรงสีฟัน ยาสีฟันหลอดเล็ก โฟมล้างหน้าหลอดเล็ก ตลับ+น้ำยาล้างคอนแทค (สำหรับคนใส่) เสื้อผ้า 1 ชุด ถุงเท้าเผื่อหนาว (เช็คอากาศเมืองที่จะไปในวันที่จะไปถึงด้วยนะคะ บางทีออกจากกรุงเทพ ร้อนตับแล่บ ไปถึงโน่นหนาวววว~ ก็ควรเอาเสื้อกันหนาวใส่ไปใน Carry on ด้วยค่ะ) 3. ของกันเบื่อ - อาจจะเป็นของจุบจิบกินเล่นเล็ก ๆ, mp3, หนังสืออ่านเล่น แล้วแต่ชอบ ของเราเน้น "นอน" ค่ะ (เป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว อิอิ) Carry on นี้ ไม่ควรมีของมีคม อาวุธ วัตถุติดไฟได้ วัตถุระเบิดได้ กระป๋องสเปรย์ ส่วนวัตถุที่เป็นของเหลว อย่างโฟมล้างหน้า ยาสีฟัน ฯลฯ แต่ละขวดไม่ควรบรรจุเกิน 50 ml (ไม่ค่อยแน่ใจนะคะ) - ดูจากปริมาตรจุข้างขวด ไม่ได้ดูของที่เหลือข้างใน และให้แยกใส่ซิปล็อคใส (มีให้หยิบฟรีที่สุวรรณภูมิค่ะ) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 14 พ.ย. 51 14:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คำถามยอดฮิตอีกคำถามหนึ่งคือ แลกตังค์ไปเท่าไหร่ดี ? อันนี้แล้วแต่ศรัทธาของ sponsor เลยค่ะ จะแลกไปสักแสนนึงก็ไม่ว่า ถ้ามีให้แลก อิอิ แต่อย่างน้อย ควรจะมี ; 1. ค่ามัดจำค่าบ้าน - แล้วแต่ที่พักจะกำหนดค่ะ ที่เคยได้ยินมา 50-200 เหรียญค่ะ เงินส่วนนี้เหมือนเงินฝากก้อนแรก แต่เอามาใช้ไม่ได้ จะออกจากที่พักถึงไปรับคืนได้ค่ะ (ใครจะออกก่อนให้ไปติดต่อเจ้าของ รับคืนด้วยตัวเองนะคะ เพราะที่เราเคยไปพักเค้าไม่รับแทนกันค่ะ คนที่กลับไปก่อนแล้วให้เพื่อนรับแทน อดค่ะ) 2. เงินติดตัวสำหรับซื้ออาหารระหว่างการเดินทาง เพราะบางคนต้องต่อเครื่องหลายต่อ ระหว่างนั้นต้องซื้อเองนะคะ หรือใครจะกินตุนก่อนลงเครื่องแล้วไปกินอีกทีตอนขึ้นอีกรอบก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่สายการบินในประเทศถ้าบินใกล้ ๆ นี่แทบจะไม่มีอะไรเลยนะคะ กาแฟ+บิสกิตเท่านั้น 3. บางคนที่ลงเครื่องแล้วต้องต่อขนส่งชนิดอื่น (ที่ไม่ได้จองไว้) เช่น ขึ้น amtrak ควรเตรียมเงินส่วนนี้ไว้ด้วยค่ะ 4. เงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว สำหรับ 2-3 สัปดาห์แรกของการใช้ชีวิตอยู่ต่างเมือง เนื่องจากนายจ้างส่วนมากจะจ่ายเงินทุก 2 สัปดาห์ (นับเป็น 1 รอบ paycheque) บางคนไปถึงก่อนเริ่มงาน 1 อาทิตย์ ต้องเตรียมไว้สัก 3 อาทิตย์ กว่าจะได้เงินครั้งแรกค่ะ ที่ผ่านมา เราเห็นเค้าแลกไว้ 600-1200 เหรียญ แล้วแต่ฐานะทางบ้าน+ความจำเป็นส่วนตัวค่ะ การแลกเงินไปใช้ควรแลกเป็นแบงค์ใหญ่ไว้นะคะ ($100) และให้แยกเก็บไว้หลาย ๆ ที่ เผื่อหายจะได้ไม่หายทีเดียวค่ะ อาจเก็บ แบงค์ 100 ไว้กับตัวสักใบนึง ซ่อนใน carry on ใบนึง อีก 100 ให้แลกเป็นแบงค์เล็กไว้ใช้จ่ายตอนเดินทางค่ะ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 14 พ.ย. 51 14:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ว่าแค่พวกเครื่องเรือนหละคะ แบบจาน หม้อหุงข้าว หม้อ อะไรพวกนั้น ไปซื้อที่โน่นเอาเหรอคะ แล้วแพงมากมั้ย? หมอน? ผ้าปู?  รู้สึกว่าบ้านที่เราได้นี่ไม่เห็นเค้าบอกเลยว่ามีพวกหมอนให้รึเปล่า ขอบคุงค๊าา จากคุณ : Ryoichiro - [ 14 พ.ย. 51 16:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้ ว่าวว ถ้าดูไม่ผิดเหมือนจะเห็นเห็ดกระป๋องในต้มยำด้วย ต้มยำเวอร์ชั่นใหม่ จะเป็นเช่นไรหนอ อยากชิมจัง หิๆๆ อ้อ !! เหมือนมีคนเคยเล่าให้ฟังว่า ที่ญี่ปุ่นเค้าเฉ่งหมดเลยค่ะ ถ้าเจอของปลอม กระเป๋าปลอม อะไรงี้ เมกามีตรวจมั่งรึป่าวคะ ?? จากคุณ : ม้ามแนว - [ 14 พ.ย. 51 16:27:59 A:124.121.213.121 X: TicketID:187856 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สวัสดีคุณ Ryoichiro ค่ะ เครื่องเรือนนี่แล้วแต่ที่พักที่ได้ค่ะ อาจต้องถามเอาจากที่พักเองว่ามีให้หรือเปล่า เพราะที่เราไปพัก มีลักษณะเป็น inn ค่ะ เลยมีทุกอย่างให้พร้อม ทั้งหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน (แต่ปีที่แล้วเช็คอากาศแล้วมันมีถึงติดลบ แม่เลยบังคับเอาผ้าห่มไปด้วยง่ะ หนักมากกกกก ทั้ง ๆ ที่เค้ามีผ้าห่มให้ 2 ชั้นอยู่แล้ว และในห้องก็มีฮีตเตอร์อีกต่างหาก -_-" ขากลับเกือบเอาทิ้งไว้ให้พวก homeless ที่ซานฟรานแล้วมั๊ยล่ะ 555) ส่วนหม้อหุงข้าว ป้าเจ้าของที่พักเค้าเป็นชาวเกาหลีใจดี ประกอบกับที่ว่ามีเด็กไทยไปพักที่เค้าบ่อย เค้าเลยซื้อไว้แล้วเอามาให้ยืมค่ะ - - อันนี้ถ้าไม่มีให้ก็อาจหารกับเพื่อนร่วม worksite, หารเยอะ ๆ ไม่น่าแพงค่ะ ซื้ออันเล็กก็พอ จานชามเตรียมเป็นส่วนตัวไว้สัก 2 ใบก็ได้ค่ะ แนะนำเอาเป็นเซรามิกนะคะ บางคนบอกว่าหนัก+แตกง่าย แต่ส่วนตัวคิดว่าดีเพราะเข้าไมโครเวฟได้ปลอดภัยกว่าการใช้ภาชนะเมลามีนหรือพลาสติกที่ละลายหลังเข้าไมโครเวฟค่ะ อย่างน้อยที่ควรมีได้แก่ - ชาม 1-2 ใบ (จานก้นแบนใส่อาหารจำพวกต้มไม่ได้ ถ้วยก็กินข้าวไม่ถนัด) - ช้อนส้อมส่วนตัว 1 คู่ เอาที่ด้ามแข็งแรงหน่อยนะคะ บางอันงัดฝากระป๋องแล้วงอ (ใช้ผิดประเภทเองนี่นา -_-") - แก้ว เอาเป็น mug ก็ได้ค่ะ เข้าไมโครเวฟกินโอวัลตินได้ :) - ช้อนเล็ก สำหรับคนโอวัลตินข้างบน + กินของหวาน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอนะคะ ที่เปิดกระป๋องกับมีด อาจจะไปซื้อเอาก็ได้นะคะ  เพราะเราไม่ค่อยแน่ใจว่าให้เอาโหลดใน baggage ได้หรือเปล่า แต่ปีที่แล้วมีคนเอาล่ะ :) --------------------------------------------------------------------------- สวัสดีคุณ ม้ามแนว ค่ะ เห็ดในต้มยำนั้นเป็นเห็ดแชมปิยองค่ะ เป็นเห็ดที่ถูกที่สุดและหาซื้อได้ทั่วไป ใน store ค่ะ (ถูกกว่าเห็ดกระป๋อง) เมืองที่เราอยู่หาเห็ดได้ชนิดเดียว คือเจ้านี่แหละค่ะ อยากได้เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า ไม่เจอเลย T_T เห็ดเข็มทองมีบางวันแต่แพงมาก ๆๆๆ (ไม่ซื้อหรอก อิอิ) เรื่องกระเป๋าจริงแท้หรือปลอมยังไง เราไม่เห็นใครโดนอ่ะค่ะ อาจเป็นเพราะว่าเราไปลง LAX ซึ่งแค่ตรวจคนก็จะไม่ทันอยู่แล้ว เลยเห็นของที่ไม่น่าเอาเข้ามาได้หลายอย่าง (รูมเมทเราเอาเนื้อเค็มที่ยังไม่ได้ทอดมาได้ด้วยอ่ะ !!) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเค้าก็สุ่มตรวจอ่ะค่ะ ถ้าคิดว่าไม่โดนตรวจก็เอาไปก็ได้ค่ะ แต่ระวังแจ๊คพอตแตกที่ตัวเองนะคะ จ่ายค่าปรับกันบานเลย 555 (พูดมากเนาะ .. สรุปคือ เรื่องกระเป๋าไม่น่าซีเรียสค่ะ) ป.ล.เอาที่นอน (+ผ้าห่มเจ้ากรรมนายเวร) มาฝาก น่านอน น่านอน ~ จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 14 พ.ย. 51 19:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีประโยชน์มากเลยค่ะ จากคุณ : pat ^-^ - [ 14 พ.ย. 51 20:55:01 A:124.121.108.187 X: TicketID:171761 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณเมอแรงก์มะนาวคะ... เรามีคำถามอ่ะค่ะ คือเราไปอ่านกระทู้นึงเกี่ยวกับตั๋วเครื่องบิน และเห็นคุณเมอแรงก์มะนาวไปคอมเม้นไว้ว่าหาตั๋วเครื่องบินเอง อันนี้ไม่ทราบว่าไปกับสายการบินอะไรอ่ะคะ คือตอนนี้เราชั่งใจอยู่ว่าจะหาตั๋วเครื่องบินเองหรือว่าซื้อกับเอเจนฯดี ช่วยแนะนำด้วยนะคะ ปล.มีประโยชน์มากเลยค่ะ จะรอตามอ่านนะคะ จากคุณ : pat ^-^ - [ 14 พ.ย. 51 21:00:55 A:124.121.108.187 X: TicketID:171761 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาติดตามค๊าฟฟฟ ชอบ ๆ ว่าง ๆ มาเล่าต่อ นะค๊าฟฟฟ ... จากคุณ : Bank - [ 14 พ.ย. 51 23:45:22 A:124.120.67.56 X: TicketID:187170 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอแอบเสริมนิดนึงนะคะ คุณเมอแรงก์มะนาว >.< มีที่คิดแตกต่างนิดนึงอ่ะค่ะ ขอเสนอไว้เป็นทางเลือกแล้วกันนะคะ เวลาแลกเงินไป แลกเป็นแบงค์ย่อยไว้บ้าง (หรือเยอะหน่อย) ก็ดีนะคะ เพราะว่า 1. แบงค์ 100 ใช้ยากอ่ะค่ะ แต่เก็บ(ซ่อน)ง่ายดี 2. เรทเวลาแลกแบงค์ย่อยถูกกว่านิดนึงอะค่ะ แต่ปีที่แล้วเราแลกไปแต่แบงค์ย่อย คือสูงสุดคือ $20 ปรากฎว่าซ่อนเหนื่อยเลย = = แถมเวลาใช้เงินก็ใช้เพลินไม่รู้ตัวเฉยเลยอีกต่างหาก เพราะมันคาดคะเนด้วยสายตายากกว่า 100 T-T จากคุณ : arkana - [ 15 พ.ย. 51 00:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีประโยชน์มากๆ ขอบคุณนะคะ ^^ จากคุณ : ammzii - [ 15 พ.ย. 51 00:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีประโยชน์มากเลยคะ จะติดตามอ่านนะคะ ขอเพิ่มเติมว่า นอกจากการเตรียมตัวไป น่าจะมีพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวในอเมริกานะคะ สำหรับคนไปครั้งแรกคะ การซื้อของ ที่พัก ดีไหมเอ่ยยยย จากคุณ : bunny - [ 15 พ.ย. 51 02:23:18 A:124.120.45.214 X: TicketID:179949 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากๆ เลยค่า มีประโยชน์มากเลยทีเดียว จขกท. เยี่ยมยอด จากคุณ : Tenjo_Utena - [ 15 พ.ย. 51 11:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ชอบค่ะ ชอบบบบบบบ ไว้มาบอกอีกนะคะ จากคุณ : cocoriko45 - [ 15 พ.ย. 51 16:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เยี่ยมเรย! จากคุณ : yagos - [ 15 พ.ย. 51 18:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ pat ^-^ : ขอบคุณค่ะ :) เรื่องตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ เราจองกับเอเจนซี่ค่ะ (เพราะช่วงแรก ๆ ยังหาข้อมูลไม่ได้ไม่มากค่ะ) แต่พอได้ worksite ที่แน่นอนเลยโทรไปถามเอเจนซี่เดิมว่าถ้าจองตั๋วในประเทศเพิ่ม คือไปถึงเมืองที่เราทำงานเลย ได้ราคาเท่าไหร่ ในขณะเดียวกันก็หาในเว็บด้วยค่ะ ลองเทียบราคากันดู ราคาซื้อผ่านเว็บถูกกว่าที่เอเจนหาให้ เราเลยจอง (เฉพาะในประเทศ) จากเว็บเองค่ะ เว็บที่เราใช้หาตั๋วในประเทศ คือ priceline.com และ cheaptickets.com ค่ะ โดย; 1. ลองกรอกวันที่จะเดินทางคร่าว ๆ ลงไป มันจะขึ้นตารางให้ว่ามีสายการบินไหนบ้าง แต่ละสายการบินราคาเท่าไหร่ 2. เลือกอันที่ถูกสุด เปิดเว็บของสายการบินราคาถูกที่สุดนั้น ลองกรอกวันเดินทางดูอีกครั้ง 3. เปรียบเทียบราคาวันเดินทางเดียวกัน ว่าจาก priceline/cheaptickets กับเว็บของสายการบินโดยตรง อันไหนถูกกว่าก็จองอันนั้นค่ะ 4. ทั้งหมดนี้ใช้บัตรเครดิตในการจองค่ะ ยืมของพ่อแม่พี่น้อง (เรายืมจากน้าคนละนามสกุล) ก็ได้ค่ะ เพียงแค่กรอกข้อมูลผู้เดินทางให้ตรงกับพาสปอร์ตเท่านั้น 5. การเผื่อเวลาต่อเครื่อง แล้วแต่สนามบินที่ลงค่ะ ปีที่แล้วเราไปลง LAX ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ วันนั้นมีเครื่องลงพร้อมกัน 4 ลำ ใช้เวลาที่ immigration/baggage claim ก็เกือบ 4 ชั่วโมงค่ะ เด็กที่ไป flight เดียวกันและเผื่อเวลาต่อเครื่องไว้น้อยตกเครื่อง ล่องลอยอยู่ใน LAX กันเกือบ 20 คนค่ะ -_-" แต่เค้าก็ไปติดต่อสายการบินได้บินต่อฟรีนะคะ แต่เห็นว่าต้องรอบ่ายโมงของอีกวัน คืนนั้นเลยมีเพื่อนนอนสนามบินเยอะค่ะ :)   ในกรณีที่ไปลงสนามบินเล็กกว่า อย่าง SFO ก็อาจใช้เวลาต่อเครื่องไม่นานขนาดนี้ค่ะ (กะให้ไม่ถูกค่ะ-ไม่เคยลงที่ SFO ใครมีประสบการณ์แชร์กันได้นะคะ ) คุณ ammzii สวัสดีคุณ Bank ค่ะ : มาเล่าต่อแล้วนะคะ จะพยายามหาเรื่องที่คิดว่ามีประโยชน์กับน้อง ๆ มาเล่าให้ฟังนะคะ คุณ arkana : ขอบคุณที่มาแชร์ประสบการณ์กันค่ะ ของเราขนาดแลกแบงค์ 100 ยังลืมที่ซ่อน+ยังจ่ายเพลินอยู่เลย  .. รู้ตัวอีกที "อ่าว.. นี่ใบสุดท้ายแล้วนี่หว่า -_-" คุณ ammzii, คุณ bunny, คุณ Tenjo_Utena, คุณ cocoriko45 และ คุณ yagos : ขอบคุณหลาย ๆ สำหรับกำลังใจค่ะ :) (รูปนี้ : คาสิโนยามวิกาลค่ะ มุมมองจากแคชเชียร์ร้านอาหารในคาสิโนฟลอร์ค่ะ) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 15 พ.ย. 51 22:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ  bunny, เรื่องท่องเที่ยวนี่ แนะนำยากจริง ๆ ค่ะ เพราะมีหลายแนวมาก บางคนชอบแค้มป์ปิ้ง เดินป่า บางคนชอบช็อปปิ้ง เที่ยวเมือง บางคน sight seeing เฉย ๆ ก็สนุกแล้ว นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับแถบที่ไปด้วยอ่ะค่ะ :) เราว่าเรื่องเที่ยว เอาไว้ทำงานได้สักพักแล้วค่อยนัดกันเที่ยวกับเพื่อนร่วม worksite ก็ได้ค่ะ เพราะช่วงแรก ๆ ที่ยังไม่ได้ทำงาน เรามีแค่เงิน pocket money เท่านั้น และยังไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรอีกบ้าง ไว้เงินอยู่ตัวสักพัก+สนิทสนมกับเพื่อนสักหน่อย จะเที่ยวสนุกกว่าค่ะ บางทีเจอเพื่อนที่ทำงาน เค้าก็ใจดีกับเรา พาเราเที่ยวฟรีอีกด้วยนะคะ :) แถมยังให้ข้อมูลเยอะเลยว่าที่ไหนน่าไป pic : เช่ารถไปเที่ยว Yosemite กันค่ะ :) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 15 พ.ย. 51 23:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แวะมาเพิ่มเติม เรื่องบัตรนศ.นานาชาติ เพราะไปอ่านอีกกระทู้หนึ่งแล้วมีคนพูดถึง :) ปีที่แล้วเราทำ ISIC (International student identity card) ไปด้วย ตอนแรกไม่รู้หรอกว่าจะได้ใช้หรือเปล่า แต่พอทำไปแล้วไม่ผิดหวังค่ะ เพราะใช้เป็นส่วนลดได้หลาย ๆ อย่าง ทั้งการเข้าพิพิธภัณฑ์ การเดินทาง การท่องเที่ยว ถ้ากะว่าจะได้เดินทาง-เที่ยวบ่อย ๆ ก็ทำไว้ ไม่เสียหลาย (ใช้ครั้งเดียวยังคุ้มเลย) การทำบัตร ISIC เราทำที่ บ.StaTravel Wall Street tower ชั้น 14 แถวสีลมค่ะ ลอง search หาพิกัดเองนะคะ บัตรนี้ทำง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาไม่นาน (10 นาที รอรับได้เลย) สิ่งที่ต้องเอาไปคือ 1. บัตรประจำตัวนักศึกษาที่ยังไม่หมดอายุ 2. บัตรประชาชน หรือใบขับขี่ (เอกสารที่ราชการออก ที่มีรูป เอาไว้ยืนยันตัวตน) 3. รูปถ่าย (รูปอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องหน้าตรง แต่ขอให้เห็นหน้าชัด ๆ ) ที่ยิ้มสวย ๆ ให้เค้าตัดให้ก็ได้ เอาแบบกะให้ได้รูป 1" 4. ค่าธรรมเนียมการทำ (ปีที่แล้ว 200 บาท ปีนี้ไม่รู้ขึ้นหรือยัง) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 15 พ.ย. 51 23:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่มเติมเรื่องบัตร ISIC อันนี้ผมเคยเขียนไว้เองในเวป dek-work ISIC = International Student Identity Card หรือบัตรนักศึกษานานาชาติ มีไว้สำหรับใช้เป็นส่วนลดหลายๆอย่าง เช่น รถเมล์ โรงแรม รถไฟ โรงหนัง ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง ฯลฯ คือใช้ลดได้เกือบทุกอย่าง แต่ถ้าอยากรู้รายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมืองไหนมีอะไรลดให้เราได้บ้าง ก็ลองเข้าไปดูตามลิงค์นะครับ http://www.isic.org/sisp/index.htm?fx=istc_info เลือกประเทศและเมืองที่ต้องการเอาครับ ส่วนทำที่ไหนก็เข้าไปดูที่ http://www.isic.org/sisp/index.htm?fx=isic.offices&country.code=TH เลือก จังหวัด แล้วก็เลือก ISIC แล้วก็ดูเลยว่าเราสะดวกที่ไหน ส่วนที่ผมไปทำมา ที่ตึก Wall Street สามารถเดินไปได้จาก BTS สถานีศาลาแดง โดยเดินผ่านซอยธนิยะไปสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอีกจะเห็นตึกที่อยู่ตรงทางม้าลาย จะมีป้ายบอกอยู่ว่าเป็นตึก Wall Street เข้าไปเลยครับ ลิฟท์อยู่ข้างใน ขึ้นไปชั้น 14 แล้วมันจะมี 2 ประตู ให้เข้าประตูขวาแล้วบอกพี่เค้าว่าจะทำบัตร ISIC ส่วนสิ่งที่ต้องเตรียมไป รูปประมาณ1นิ้ว 1 ใบ (ใหญ่กว่าได้เค้าตัดให้ แต่อย่าเอารูปที่ใช้ขอวีซ่าไปมันใหญ่เกิน ถ้าไม่ได้เตรียมไปก็เอากลับมาติดเองทีหลังได้) บัตรนักศึกษาตัวจริง เงิน 200 บาท แค่นี้แหละครับเสร็จแล้ว บัตรนี้มีอายุ 15 เดือนนะครับ แถมลิงค์ที่เป็นประโยชน์ http://my.dek-d.com/yui-_-carbomb/story/view.php?id=425454 แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 00:38:50 จากคุณ : Bombastus - [ 16 พ.ย. 51 00:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่อคะ คุณจขกท. เราอ่ะกังวลมากกกกกก เพราะงานที่เราไปมีแค่ 4 คน และถ้าไปเที่ยว ก็ไปกันแค่ 3 คน เพราะน้องคนนึงต้องกลับมาเรียนก่อน และพวกเรา 3 คน เป็นผู้หญิงเดินทางครั้งแรก เลยกังวลนิดหน่อย เพราะคนไปน้อย จะวางแผนท่องเที่ยวเองก็กลัวหลงๆงงๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ มาติดตามอ่านเรื่อยๆคะ เป็นประโยชน์มากกกกกกกก --------------------------- ขอประชาสัมพันธ์นิดนึงได้ไหม พอดีมีการจัดบรรยายเกี่ยวกับโครงการ Work& Travel ของเว็บ Dek-work จัดในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย. นี้ละคะ เราคิดว่าน่าจะมีประโยชน์นะ เผื่อจะได้ไปเจอเพื่อนต่างเอเจนซี่ไว้ช่วยเหลือกันคะ รายละเอยดเพิ่มเติม http://www.dek-work.com/index.php?option=com_fireboard&Itemid=27&func=view&id=1105&catid=2 ลองดูจร้า ***เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะ แค่เห็นว่ามีประโยชน์อ่ะ*** จากคุณ : bunny - [ 16 พ.ย. 51 13:47:41 A:124.120.85.198 X: TicketID:179949 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อยากไปงาน dek work อ่ะ อยุ่ใกล้บ้านมากกกกกกก เดินไป10นาทีถึง! แต่! วันนั้นมีงานเลี้ยงที่โรงเรียน งานใหญ่ซะด้วย ต้องไปอ่ะ เรยอดไปงานอบรมเรยง่ะ จากคุณ : yagos - [ 16 พ.ย. 51 13:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 งาน Dek Work ผมก็อยากไป ได้เมลมาแล้วด้วย แต่ไปไม่ได้ ติดงานอื่น T-T อดไปเลย มีจัดแค่รอบเดียวด้วย จากคุณ : Bombastus - [ 17 พ.ย. 51 01:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีค่ะแบงค์ แอ๋มนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เข้ามาอ่านทุกวัน ^^ จากคุณ : ammzii - [ 17 พ.ย. 51 19:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สนามบินซานฟรานง่ายคะ คือลงมาแล้วต่อได้เลย ขนาดเรามีเวลาแค่สี่สิบนาทีเศษ ๆ วิ่งลงจากเครื่อง ต่อไปเชคอิน ตรวจทุกอย่าง ไม่เหมือน LAX ที่อาคารผู้โดยสารแยกจากกัน นอกและใน ประเทศ อีกอย่าง แนะนำให้ Stop SFO นะคะ กะคนที่ไป China or Cathay เพราะมีอะไรให้ทำและน่าเที่ยวกว่า LA มากค่ะ และสามารถแวะเที่ยวฮ่องกงได้อีกต่อด้วยนะคะ เสียค่าภาษีสนามบินเพิ่ม ไม่เกิน 2000 รึป่าว แต่ถือว่าคุ้มมากค่ะ จากคุณ : henke_ai - [ 19 พ.ย. 51 02:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดีใจที่เจอศิษย์เก่าเด็ก WAT เพียบเลย เข้ามาช่วยกันนะคะ น้าแก่แล้ว ปีนี้อยู่ดึก ไม่ค่อยไหวแล้ว แต่จะเข้ามาเยี่ยมบ่อยๆค่ะ จากคุณ : งามแสงเดือน - [ 20 พ.ย. 51 00:58:00 A:118.172.74.170 X: TicketID:134511 ]

ความคิดเห็นที่ 39 น้างามมาแล้ว อย่าลืมมาแนะนำอะไรดีๆให้พวกผมอีกนะครับ จากคุณ : Bombastus - [ 20 พ.ย. 51 13:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องบัตร นศ นานาชาติ เอเจนซี่แอ๋มเค้าเดินเรื่องให้เลย 200 บาทเหมือนกันค่ะ ^^ จากคุณ : ammzii - [ 21 พ.ย. 51 22:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มีอัพเดทอีกไม๊จ้ะ รออยุ่น้า จากคุณ : ammzii (ammzii) - [ 1 ธ.ค. 51 12:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รออยุ่เหมือนกันครับ แต่ช่วงนี้ดูห้อง WAT ร้างๆยังไงไม่รู้ จากคุณ : Bombastus - [ 1 ธ.ค. 51 20:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอ mail คุณ เมอแรงก์มะนาว ได้หรือป่าว ครับ พอดีจะไปปิดเทอมนี้ เห็นว่าใกล้ๆกัน เลยจะขอข้อมูลหน่อยครับ จากคุณ : whanz - [ 13 ธ.ค. 51 20:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อยากอัพเดทเหมือนกันเด้อ แต่ไม่รู้จะเม้าท์เรื่องอะไรอ่ะค่ะ -_-" ไว้ปิ๊งเมื่อไหร่จะมาต่อนะคะ :) จากคุณ : เมอแรงก์มะนาว - [ 17 ธ.ค. 51 18:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ได้ความรู้เยอะเลย ขอบคุนนะค่ะ ว่าแต่ถ้าจะจองทัวร์นี่ บัตรนักศึกษานาๆชาติ จะขอแอบลดด้วยได้ป่ะ  เพราะเราจะจองกะกัวร์จีนซะเลย  ไปเองไม่เป็นน่ะค่ะ จะไปLA SANFRAN ค่ะ จากคุณ : ฝน (rararain) - [ 18 ธ.ค. 51 23:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไปที่เดียวกับเจ้าของกระทู้ค่ะ (คงจำกันได้นะจ๊ะ พี่เมอแรงก์มะนาว) สนุกมากมายค่ะเพื่อนๆ การไปW&T ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีครั้งหนึ่งเลยหล่ะ แล้วก็เหมือนกับการซื้อ เล่นการพนันด้วย (เผอิญว่าไปทำงานที่โรงแรมคาสิโนมา เลยต้องเปรีบยเทียบให้เข้ากับบรรยากาศหน่อย)   มันต้องมีการลุ้นตลอดเวลา ว่าตลอดการเดินทางตั้งแต่เมืองไทยจนกระทั่งกลับโครงการ เราจะโชคดีได้แจ๊คพอต หรือ จะล่มจมจนหมดตัว แต่ยังไงก็ตามแม้ว่าเราจะเล่นการพนันครั้งนี้แพ้เจ้ามือ  แต่สิ่งที่เราได้กลับมาอย่างแน่นอน ก็คือ  "ประสบการณ์" ที่จะจดจำไม่มีวันลืม สนับสนุนให้เพื่อนๆออกจากกะลาค่ะ ออกไปดูโลกกว้าง แล้วจะรู้ว่าชีวิตยังมีสิ่งอะไรดีๆ(และไม่ดีบ้างในบางครั้ง)ที่รอเราไปพบเจออีกเยอะ เอารูปมาแป๊ะไว้ให้อิจฉาเล่นค่ะ  เป็นรูป Lake ของเมืองที่ไปอยู่ สวยมากมาย ทำงานมองออกไปนอกหน้าต่างก็เจอ Lake นี้ จิตใจเบิกบานค่ะ   ps. ที่ที่ไปอยู่อากาศดีมากเลยค่ะ (หมายถึงบริสุทธิ์+ฝุ่นไม่เยอะ) แบบว่าช่วงที่อยู่สิวไม่ขึ้นสักเม็ดเลยค่ะ แต่พอกลับมาเมืองไทย มันแข่งกันขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยค่ะ แล้วก็สกรับเพื่อนๆที่จะไปทำงานที่คาสิโน ขอเตือนว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะค่ะ แล้วได้แค่วันละนิดจิตแจ่มใส ให้พอจิตใจกระชุ่มกระชวย (หรือห่อเหี่ยว ก็ไม่รู้)ก็พอค่ะ  --อันนี้ใครอยากรู้เรื่องรายละเอียดถามเจ้าของกระทู้ผู้มากด้วยประสบการณ์ได้ค่ะ เพราะเราไม่ได้เล่นอ่ะ อายไม่ถึงT_T แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 51 14:20:10 จากคุณ : มนุษย์ตัวน้อย - [ 20 ธ.ค. 51 14:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 กระเป๋าที่เอาไป2ใบนี่ เอาขนาดไหนไปดีคะ เรากะว่าจาเอา28นิ้ว สองใบเลยเยอะไปมั้ยคะ  คือไปกับkorean airอ่ะค่ะ ไม่รู้ว่านอกจากจำกัดน้ำหนักใบละไม่เกิน23โล2ใบแล้ว  จะจำกัดขนาดกระเป๋ามั้ยคะว่าต้องไม่เกินเท่าไหร่อะไรแบบนี้ คัยทราบช่วยบอกทีค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับคำตอบ จากคุณ : auttemo - [ 22 ธ.ค. 51 01:47:32 ]