ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีความรู้ด้านทำร้านอาหาร สนับสนุนทำร้านอาหารแบบ ทูโก ดีกว่าทำร้านอาหารแบบรอลูกค้ามานั่งกิน หวังว่าทำเลดี มีลูกค้าติด ร้านไทยทูโก ในนิวยอร์ค บางท้องถิ่น อยู่ที่ทำเล ร้านเล็กๆ แต่มีลูกค้าติดสั่งประจำ... ทั้งๆที่รสชาติอาหาร "ห่วยแตก" และ "แพง" ให้ก็ปริมาณน้อย... แต่ลูกค้าฝรั่งส่วนมาก ลิ้นจระเข้... เพียงแค่เห็นว่าเป็นร้านไทย ก็สั่งๆกัน ทั้งๆที่รสชาติแย่มาก เราเคยไปอุดหนุนร้านหนึ่ง สั่ง ก๋วยเตี๋ยวผัดไทไก่ กล่องละ ๗ ดอลฯ เจ้าของลงมือผัด เพราะตอนนั้ยุ่งพอดี เลยต้องช่วยกันทำ... ผัดไทใส่กล่องพลาสติคขนาดที่เล็ก "ก้นตื้น" กว่าขนาดมาตรฐาน คือเลือกใช้กล่องที่เล็กเข้าไว้ .. มีแต่เส้นจันทร์ ไก่ชิ้นหยุมหยิม และถั่วงอกไม่กี่เส้น... ผัดน้ำมันเยิ้มมม ข้างกล่องใส่น้ำตาลทรายไว้ให้เราไปคลุกเอง... หวานโคดดด... อุตส่าห์ซื้อไปฝากลุกๆ... ลูกๆลองกิน บ่นอู้ว่า ห่วย.. แม่ทำดีกว่าเยอะมาก... มันก็ห่วยจริงๆ ราคา ๗ ดอลฯ... ซื้ออาหารจีนกินได้ดีกว่าเยอะ เจ้าของทำให้คนไทยด้วยกันกิน ยังแบบนี้ แต่ร้านเขาขายดีนะคะ เพราะมีร้านไทยทูโก แค่ร้านเดียวในละแวกนั้น แก้ไขมีตกหล่น แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 12:52:04 จากคุณ : JidNince - [ 16 พ.ย. 51 12:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระวังเจ้าของร้านเล่นพันทิปนะ ห้าๆๆ ไม่มีข้อมูลครับ ขออภัย กินเป็นอย่างเดียว ^^ จากคุณ : goodnightcry - [ 16 พ.ย. 51 13:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Takeaway  ก็คือซื้อกลับบ้านใช่ไหม  ไม่ต้องมี service  เพียงแต่เรากำหนดระยะทางที่จะส่งถ้ามีสั่งทางโทรศัพท์ ถ้าจะให้แนะนำ  ก็อยากให้ติดต่อทนายค่ะ  ดีที่สุด จากคุณ : ส้มโอขาว - [ 16 พ.ย. 51 14:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยขอเปิดร้าน Takeaway ที่ออสเตรเลียนะคะ แต่เป็นการเริ่มต้นเปิดร้านใหม่ ไม่ได้ซื้อธุรกิจต่อจากคนอื่นนะ คุณ จขกท หรือสามี เคยเรียน Food safety (ใบประกาศใบที่ 1) หรือยังคะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาอาหารให้สะอาดและปลอดภัย รวมถึงอุณหภูมิในการเก็บรักษาอาหาร และอุณหภูมิของตู้เย็น ฯลฯ ถ้ายังไม่เคยเรียน คุณจขกท หรือสามี คนใดคนหนึ่งไปเรียนก็ได้ เปิดสอนเป็นคอร์สสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมงก็เรียนจบ มีสอบด้วย เพื่อที่จะได้มีความรู้และจะได้ใบประกาศนียบัตรมาติดที่ร้าน ถ้าเราเป็นเจ้าของร้านเองควรจะไปเรียนเอง สามีเรียนขั้น supervisor (ใบประกาศใบที่2) ด้วย เพื่อที่จะเป็นคนควบคุมทุกอย่างได้และรับผิดชอบมากกว่าใบประกาศของ Food safety (เด็กเสริฟ์ร้านฝรั่งส่วนใหญ่จะต้องเรียน) คุณ จขกท ลองสังเกตุที่ร้านดูว่า เจ้าของมีติดไว้ที่ไหนมีใบอะไรบ้าง เพราะต้องแสดงให้เห็นโดยทั่ว คุณจขกท คงจะใช้ชื่อร้านของเจ้าของเดิม แต่ถ้าจะเปลี่ยนใหม่ต้องไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อร้าน หาดูเวปของทางนิวซีแลนด์ดูนะคะ ไปอำเภอที่ร้านตั้งอยู่ แจ้งว่าเราจะเปิดร้านอาหาร ทางอำเภอจะส่งเจ้าหน้าที่ Food Inspector มาตรวจร้านเราว่าได้มาตรฐาน สะอาด มีอะไรต้องแก้ไขปรับปรุง ก่อนที่จะเปิดร้านมั้ย เจ้าหน้าที่จะขอดูใบประกาศ Food safety ด้วยถ้าไม่มี ต้องไปเรียนก่อน เป็นข้อมูลคร่าว ๆ นะคะ อาจจะมีตกหล่นอะไรไปบ้างเคยทำหลายปีก่อน ซื้อธุรกิจต่อจากคนอื่น อย่าลืมถามเรื่องสัญญาเช่าร้านด้วยว่าเหลือกี่ปีแล้ว จากคุณ : coast girl - [ 16 พ.ย. 51 15:32:54 A:124.176.233.209 X: TicketID:163162 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่ค่ะ เราว่า ลองดูเรื่องกฏหมายก่อน ว่าต้องทำยังไง ๆ บ้าง บางทีโชคไม่ดีไปเจอเจ้าของร้านเก่าไม่ดี หัวหมอ หลอกโกงเงิน เรื่องอาหารค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ แก้ไขเมื่อ 16 พ.ย. 51 15:40:24 จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 16 พ.ย. 51 15:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปรึกษาทนายก่อนค่ะ จากนั้นไปคุยกับ Coucil เพื่อทำเรื่องใบอนุญาต แล้วก็คุยกับ accountant และก็ ธนาคารค่ะ ใบอนุญาตต้องต่อกับทางเคาซิ่ลเป็นรายปี เรื่องธนาคาร ก็ควรมีบัญชีกระแสรายวัน (Business a/c) ตอนเซ้งร้านต่อมา ดูด้วยนะคะ ว่า plants ต่าง ๆ เจ้าของเค้าทิ้งไว้ให้ด้วยมั้ย ไม่ว่าจะเป็น Til, Eftpos machine, etc. อ้อ พอคุยกับแบงค์แล้ว ก็ต้องคุยกับทาง บ. Eftpos NZ เพื่อติดต่อทำเรื่อง Eftpos อ่ะค่ะ (ถ้าจะรับบัตรเครดิตด้วย ก็ต้องคุยกับแบงค์เพิ่มต่างหากด้วยนะ) ส่วนเรื่อง Health Inspection หลัก ๆ ก็เรื่องความสะอาดอ่ะค่ะ ครัวต้องสะอาด พื้น ซอกมุมต่าง ๆ ต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย ฟิลเตอร์ที่ฮู๊ด (ตัวดูดควัน) เหนือเตา เราก็ต้องหมั่นถอดมาล้าง (หมั่นทำเป็นประจำ จำทำให้ไม่เหนื่อยมากค่ะ) ที่ร้านเล่ทำทุกอาทิตย์หล่ะ (แต่เพื่อนเล่ที่ Chch บอกว่า ที่นั่นจะมีคนมารับจ้างถอดไปล้างนะคะ) วัสดุที่เป็นไม้ต่าง ๆ ในร้าน ไม่ว่าจะผนัง โต๊ะ ฯลฯ ต้องเคลือบ หรือ ทาสีให้เรียบร้อย ไม่มีรู รอยแตก หรืออะไรที่แมลงจะเข้าไปอาศัยอยู่ได้ รวมถึงผนังต่าง ๆ ด้วยนะคะ หลอดไฟบนเพดาน ถ้าเป็นหลอดฟลูโอเรสเซนต์ที่อยู่เหนือบริเวณครัว ก็ต้องมีปลอกพลาสติกหุ้ม เผื่อมันแตกร่วงลงมาจะได้ไม่ปนไปในเศษอาหาร ตู้เย็นต้องรันที่อุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียสค่ะ ต้องหมั่นทำความสะอาดด้วย ฯลฯ เด๋วไปถามคุณแฟนเพิ่มก่อน มีอะไรจะมาเพิ่มเติมให้นะคะ อ้อ ที่เล่เล่าไปคร่าว ๆ นี่เป็นระบบปัจจุบันนะคะ แต่เค้ากะลังจะเริ่มเปลี่ยนไปใช้ระบบใหม่ในอีกไม่นานนี้อ่ะค่ะ เป็นแบบ ให้มีบันทึกประจำวัน มีตารางต่าง ๆ มาเช็คอ่ะค่ะ ยังไงถ้าคุณจขกท. มีข้อสงสัยอะไรเพิ่ม ทิ้งคำถามไว้ หรือหลังไมค์มาได้นะค้า เล่ทำร้านเทคอะเวย์อยู่เกาะใต้เหมือนกันค่า แต่อยู่ Alexandra ค่า จากคุณ : oh_ho_ole - [ 16 พ.ย. 51 18:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดให้ดีๆที่จะทำธุรกิจในปีนี้ค่ะ แต่ถ้าคุณมั่นใจจริงๆก็ลุยโลด ที่อังกฤษไม่รู้เหมือนนิวซีแลนด์หรือเปล่า 1. ถ้าเงินพร้อมไปขอใบอนุญาตค่ะ ไม่ได้มาง่ายๆ ต่อให้มีเงินแต่ถ้าคนพื้นที่ ไม่เอาก็ทำไม่ได้ ถ้ามีร้านเก่าอย่างคุณก็คงไม่ต้อง เพราะว่าเขาคงได้มา แล้ว กำหนดกี่ปีก็ว่ากันไป 2. ก่อนเริ่ม โครงสร้างอาคาร สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ ต้องเป็นไปตาม SSOP,GMP ค่ะ และคุณต้องเข้ารับการฝึกอบรม HACCP ระดับ Foundation ก็ไม่ต้องตกใจ ใครๆก็ทำได้ ที่อังกฤษมีระดับ Higher level ด้วย คือถ้าคุณได้อันไหนก็ตาม เขาจะมีใบประกาศติดให้ ถ้าได้ระดับสูง กว่าก็ยากหน่อย ตรงนี้คุณต้องทำใจค่ะ เพราะว่า ค่าใช้จ่ายจะมากับพวกนี้ แหละเยอะ 3. เรื่องบัญชีต้องจ้างนักบัญชีค่ะ สะดวกกว่าเยอะ เพราะคุณไม่มีเวลาแน่ นอน แต่หานักบัญชีที่ไว้ใจได้ และเข้าใจระบบการทำงาน ที่สำคัญเข้าใจ คุณ เพราะเรื่องบางเรื่อง เราบอกหมดไม่ได้ (ข้อนี้สำคัญนะคะ ) 4. การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่หรือ Auditor หรือว่า Food inspector ก็มีทุก ปีค่ะ มาแบบไม่บอก ถ้าเราทำแย่ คือแย่ไปเลย ดังนั้นต้องอบรมลูกน้อง ให้ดี ทำอย่างสม่ำเสมอ 5. Take away ถ้ามี Delivery ด้วยจะดีมากค่ะ เพราะที่ร้านก็ได้กำไรจากค่า ส่งนี่แหละ ที่บอกมามาอาจไม่ละเอียด เอาหลักที่ควรรู้ แต่ขอบอกเหนื่อยนะคะ ผัวเมียอาจไม่มีเวลาหวานแหวว เราทำร้านอาหารอยู่ค่ะ หุ้นกับเพื่อนเราไม่ออกแรง ออกแต่ทุน อยู่ที่อังกฤษค่ะ ขอให้โชคดี จากคุณ : เหงาๆ แต่ไม่เศร้านะจ๊ะ - [ 17 พ.ย. 51 05:42:15 A:82.36.147.246 X: TicketID:171778 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ้า ลืมเห็น คุณ oh_ho_ole อันนี้น่าจะตรงกว่า เพราะอยู่ที่เดียวกัน งั้นคุณ oh_ho_ole ก็คงชัดเจนกว่า แต่หลักการก็ไม่แตกต่างกันค่ะ ในเรื่องของการควบคุมอาหาร มีอีกเรื่อง อันนี้สำคัญมาก และอาจทำให้คุณท้อได้ค่ะ เพิ่มเป็นข้อที่ 6. คนงาน อันนี้ต้องหาคนที่ไว้ใจได้ ขยันและอดทนจริงๆค่ะ มีลูกน้องดีมี ชัยไปกว่าครึ่ง ของเรามีปัญหาเรื่องนี้ที่สุดค่ะ บางทีก็เบื่อ เดี๋ยวอิจฉากัน เอง ด่ากันเอง ฟ้องกันเอง บางที เก่งแล้วเล่นตัวก็มีเยอะค่ะ จากคุณ : เหงาๆ แต่ไม่เศร้านะจ๊ะ - [ 17 พ.ย. 51 05:54:25 A:82.36.147.246 X: TicketID:171778 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แฟนของเพื่อนภรรยา เป็นฝรั่งนิวซีแลนด์ เคยทำงานขายผ้าม่าน เปิดร้านทำเองยังหมดตัว ต้องกลับมาเมืองไทยทั้งคู่ เราเลยโดนไปด้วย ให้ยืมเงินไปก้อนหนื่ง เซ็งไปเลย... จากคุณ : บุเรงนอง. (D-ZAD.) - [ 17 พ.ย. 51 06:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ชื่นใจมากเลย ยังพอมีหนทางสำหรับเราบ้าง เพราะเราผ่านการอบรมแทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับ อาหารปลอดภัย ใบผู้จัดการ เคยเปิดร้านมาแล้วห้าร้าน แต่เป็นร้านของเจ้านายไม่เคยติดต่อเรื่องต่างๆที่ทุกคนพูดมาเลย ปกติมีแต่จัดระบบ พนักงาน บริการ ส่วน สามีก็จัดการทุกอย่างในครัว แล้วก็ความสะอาดทั่วไปไนร้าน ที่ร้านทำระบบไหม่ค่ะ มีรายงานประจำวัน ตรวจเช็คอุณหภูมิทุกอย่าง อย่างละเอียด สะอาดถูกหลักอนามัย และได้เกรด เอ ทุกปีเลยเน้นเรื่องความสะอาดมากค่ะ จากคุณ : เกิดจากดินใช่ดาวลูกสาวชาวนา - [ 17 พ.ย. 51 06:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วัตถุประสงค์ของการทำร้าน ๑ ร้านเล็กๆทำได้เองสองคนไม่ต้องจ้าง ไม่เกินตัว ไม่ต้องง้อคนงาน ๒ ไม่เน้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แค่พออยู่ได้ก็พอเพราะทุกวันนี้ทำงานไห้เขาก็แค่พออยู่ได้ ๓ได้ใช้ไอเดียตัวเองบ้าง จากคุณ : เกิดจากดินใช่ดาวลูกสาวชาวนา - [ 17 พ.ย. 51 06:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณจขกท คะ ถ้าทำได้ 2 คนก็ดีเลยค่ะ เราก็เคยทำกับสามีแค่ 2 คนวิ่งวุ่นกันอยู่หน้าร้านกับในครัว ที่ทำเป็น Take away อย่างเดียว ตอนนี้เลิกทำแล้วค่ะไปทำอย่างอื่นแทน มีเพื่อนเปิดร้านอาหารประมาณ 60 ที่นั่ง ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ทำเองแค่ 2 คน สามีกับภรรยา วันศุกร์ถึงอาทิตย์ที่มีลูกค้าเต็มร้านค่อยจ้างพนักงานมาช่วย ช่วงนี้เข้าหน้าร้อนแล้ว ก็เรียกพนักงานมาช่วยได้เกือบทุกวัน อย่างคุณ ole ว่า ควรติดต่อทนายเข้ามาช่วยดูในเรื่องสัญญาเช่าที่ ร้านของเพื่อนเจอ Land lord เขี้ยวพอสมควร เพื่อนเล่าให้ฟังว่าถึงขนาดขอดูบัญชีส่วนตัวว่ามีเงินฝากเท่าไหร่ พอที่จะจ่ายค่ามัดจำและค่าเช่าล่วงหน้าและค่าเช่าตลอดสัญญาหรือไม่ สัญญาเช่า 3ปี เพื่อนโมโหมาก ไม่ยอมให้ดูเรื่องอะไรจะมาดูบัญชีส่วนตัว เพื่อนไม่ตกลงไม่ให้เช่าก็ไม่เช่า ตอนหลัง Land lord โทรมาให้ไปคุยกันใหม่ ก็ตกลงให้เช่า ทำมาจนครบ 3ปี ควรจะมีเงินเก็บสำรองไว้บ้าง บางช่วงของปี จะขายอาหารไม่ดี อย่างช่วงหน้าหนาว นิวซีแลนด์คงจะเหมือนออสเตรเลีย เศรษฐกิจไม่ดีเงินหมุนเวียนทางธุรกิจจะน้อย จะเงียบมาก ช่วงนี้ต้องควักเงินเก็บออกมาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเช่าร้าน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก เพื่ออยู่ให้ถึงช่วงหน้าร้อน คุณจขกท มีประสบการณ์จากการทำงานร้านอาหาร คงจะพอรู้อยู่ว่าช่วงไหนขายดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่เป็นเจ้าของร้านเองจะมีความเครียดหลาย ๆ เรื่อง มากกว่าตอนเป็นพนักงาน ก็ขอให้คิดดูให้ถี่ถ้วน ก่อนที่จะลงทุนเปิดร้านของตัวเองนะคะ โชคดีค่ะ จากคุณ : coast girl - [ 17 พ.ย. 51 07:25:06 A:124.176.233.209 X: TicketID:163162 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมควรไปดูร้านให้แน่นอนว่า ร้านที่ว่า ขายได้ดีจริง และ ชื่อเสียงของร้านอีกด้วย และ ตรวจดูบัญชีร้านว่า จริง หรือโกหก หรือ โม้ไปเอง (มีนะ จะบอกให้ บอกว่า มียอดรายได้ดี เท่านั้นเท่านี้ แต่จริง ๆ คือเค้าเอาบัตรตัวเอง รูดเอง ให้ดูว่ามีเงินผ่านเยอะ) ควรทำแบบ เซเว่น เมืองไทยเลยแหละคะว่า ทำเลตรงนี้ จะมีคนผ่านเท่าไร และจะมีคนเข้าร้านกี่คน ถึงจะคุ้มทุน จะทำที่เมืองอะไรละคะ เมืองใหญ๋ต่าง ๆ ร้านอาหารไทยและต่าง ๆ เยอะเยะมากมาย บางครั้ง ดูเหมือนว่า ร้านขายได้โอเค แล้วซ์้อต่อมาทำ แต่เราควรจะคิดว่า รายได้ รายจ่ายนั้น มันคุ้มทุน หรือว่า มันได้กำไรแค่ไหน มิใช่ว่า ทำแล้ว มีคนเข้าจริง และ พอหักรายจ่ายทุกอย่าง แทบจะไม่เหลือเงินค่าแรงให้เจ้าของร้านคนทำ แบบนี้ และยิ่งเราเป็นเจ้าของเอง ทำเองหมด วันหยุดไม่มีเลยแหละคะ ต้องคิดตรงนี้ว่า ต้องทำ กี่ชม ต่ออาทิตย เปิดร้านทุกวันเหรือป่าว อีกด้วย เรีื่อง แลนด์ลอร์ด ขอดูบัญชี ข้างบน เราว่า ปกตินะ เพราะ เค้าก็อยากจะมั่นใจว่า เราจะมีปัญญาจ่าย จนครบสัญญา เพราะถ้าเราไม่จ่ายไป แต่ยังไม่หมดสัญญา เนี่ย เค้าจะมีปัญหามาก ขาดค่าเช่า และ ให้คนอื่นเช่าไม่ได้ ติดสัญญาอีกด้วย แบบนี้ ถึงกับต้องฟ้องศาล ยกเลิกสัญญา เสียเงิน เสียเวลา บางที เค้าก็ขอดูประวัติหนี้สินของเราด้วยนะคะ ที่คุณมีประสบการณ์เนีย่ ดีแล้วละคะ แต่ว่า การเป็นเจ้าของร้านจะเครียดมากกว่า ลูกจ้างอีก ไหนจะรายได้ รายจ่าย แล้วเรื่องเงินลงทุนตอนแรก ที่อาจจะมีลูกค้าน้อยไม่คุ้มทุนอีกด้วย และ ถ้าเป็นนิวซิแลนด์ เมืองเล็ก ก็มีปัญหา เรื่อง หาของไทยๆ อีก ต้องสั่งไกล แต่คุณอยู่เมืองอะไรละคะ ล่าสุดมีเพื่อนเปิดร้าน ก็คิดว่า ง่าย ตอนนี้เจ๊งไปละคะ หมดเงิน ทุนหาย กำไร ไม่ี เป็นหนี้ต่ออีกด้วย อีเมลล เราคะ alishamoopink at hot mail.com จากคุณ : แม่หมูปิ้ง - [ 17 พ.ย. 51 13:12:36 A:203.100.220.98 X: TicketID:142447 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บางครัง้ สามหมื่น ก็ไม่ได้คุ้มอะไรหรอกนะคะ ถ้าข้าวของ เครื่องมือ เครื่องใช้ของเค้า มันเก่า และห่วย ๆ เวลาเราไปต่อใบอนุญาต ก็อาจจะมีไม่ผ่าน ตรงนั้น ตรงนี้ได้ และ ถ้าร้านไม่มีชือเสียง เลย ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องเสียซื้อร้านที่ไม่มีค่า (เช่น่ พวก แม๊กโดแนลเนี่ย ชื่อเสียงมี ลูกค้ามีอยู่แล้ว คนถึงยอมเสียเงินเพื่อ ชื่อเสียงตรงนี้ ง่าย ๆ แพงกว่า ) แบบนี้ เราหาทำเลเอง ซื้่อเครื่องมือเครื่องใช้ มาทำครัว เองดีกว่า ใหม่กว่า สามหมื่นดอล เนี่ย ทำได้เยอะทำนะคะ ตั้งชื่อร้านเอง ทำตลาดเอง ก็ไม่ยากนะคะ อีกอย่าง ควรจะนึกบ้างว่า ถ้าร้านเค้านะ ยอมลดราคา หรือ ยอมให้เราผ่อนจ่าย เนีย่ มันอาจจะมีปัญหาอะไรอยู่บ้าง เช่น ขายไม่คุ้ม เหนี่อยฟรี ชม ทำงานยาว แบบนี้ อีกนะคะ เพราะ ร้านที่ขายดี มีชื่อเสียงทำเลดี หรือ เครือ่งใช้ดี ๆ จะไม่ลดให้ง่าย ๆ และ ราคาไม่ถูก ควรตรวจดูให้แน่นอน เรื่อง บัญชี ก็สำคัญว่า ร้านเป็นหนี้ใครบ้างหรือป่าว และ เรื่องภาษาอังกฤษของเราเอง ดีไหมด้วยคะ ฟัง พูด อ่าน เขียน เลิศพอ ที่จะเข้าทุกอย่าง ทำสัญญาเองได้ หมด ไม่ต้องพึ่งใคร (ไม่ได้ว่าคุณนะ แต่บางคน คนไทย ที่ทำงานในครัวไทย ต่าง ๆ ทำแต่ในครัว รู้จักแต่ แกงเขียว แกงแดง ภาษาไม่ได้อะไรเลย ทำเป็นสิบปี ก็ฟังไม่ดี เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก ทำงาน หกวัน หยุดหนึ่งวัน ไม่เคยไปไหนอีกด้วย)) เรื่อง ภาษี รายได้ร้าน และ ต้องหักภาษีรายได้ ของเจ้าของอีกด้วยนะคะ อย่าลืม ค่าจ้าง พวกทำบัญชีให้ร้านอีกด้วยคะ จากคุณ : คห 1 - [ 17 พ.ย. 51 13:22:20 A:203.100.220.98 X: TicketID:142447 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ฮา ๆ เขียนผิด จะบอกว่า คห ที่ 13 จากคุณ : 13,14,15 - [ 17 พ.ย. 51 13:34:11 A:203.100.220.98 X: TicketID:142447 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ ทุกคนเลย เราสองคนพร้อมที่จะเป็นหนี้ถ้าร้านไปไม่รอดจริงอย่างน้อยเราก็ได้ลองทำอะไรที่ยากขึ้น และอยากจะทำ แล้วเวลาที่เหลือก็กลับไปรับจ้างไช้หนี้ยังทันอยู่ ฮิฮิฮิ ขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ จะนำไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจแน่นอนค่ะ หลายอย่างที่เราไม่รู้ก็ได้รับน้ำใจจากชาวพันทิพเสมอ แล้วก็ประสบความสำเร็จตลอด เริ่มแต่ย่างก้าวออกจากเมืองไทยมาขายแรงงานในร้านอาหาร สมัครประชากรถาวรPR พาลูกมาอยูด้วย ปรึกษาที่นี่ตลอด ได้รู้จักกับพันทิพเหมือนมีที่ปรึกษาส่วนตัวเลย ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่ไห้มานะคะ หวังว่าครั้งนี้คงเป็นอีกครั้งที่เราจะทำได้สำเร็จ หรือถ้าไม่ ก็ไม่เสียใจเลยค่ะ ที่ได้ทำอะไรที่เรารักและอยากทำมาตลอด จากคุณ : เกิดจากดินใช่ดาวลูกสาวชาวนา - [ 17 พ.ย. 51 14:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาเพิ่มเติม หลังจากไปเค้นคอคุณฝาชีถามมาค่ะ ลุงแกบอกว่า To set up business from an existing business แบบนี้ก็จะง่ายหน่อยอ่ะค่ะ เพราะว่าเรื่องเกี่ยวกับเอกสารการจดทะเบียนกับทาง Council ก็จะง่ายขึ้น อ่อ ตอนที่เค้าประกาศขายร้าน เค้าลงประกาศผ่านทาง Real estate รึป่าวอ่ะคะ ถ้าลง เค้าลงว่าไงเอ่ย? Business reputation เค้าเป็นยังไง? ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น แถวเมืองที่เล่อยู่ ไม่นานมานี้ มีคาเฟ่แอนด์เรสเตอรองค์ ประกาศขาย เค้าก็ลงโฆษณาประมาณว่า ร้านชื่อเสียงดี เปิดมาหลายปีแล้ว ตกแต่งเรียบร้อยดี เหมาะแก่การเปลี่ยนเป็นร้านนู่น นี่ นั่น อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ พออ่านแล้วเราก็รู้สึกแปลก ๆ ว่า ถ้าร้านเค้าทำไว้ดีจริง ๆ ทำไมไม่แนะนำให้ทำแบบเดิมต่อ ๆ ไปหว่า จะแนะนำให้เปลี่ยนไปเป็นแบบอื่นทำไม(ฟระ) ส่วนเรื่องที่สำคัญ ๆ ที่ต้องดู (เท่าที่ตอนนี้เล่กะคุณแฟนนึกออก) ก็มีประมาณนี้อีกค่ะ เรื่องทั่ว ๆ ไปที่ทางทนายจะต้องช่วยดูให้คุณ จขกท. ก็คือ - เรื่องสัญญา Lease ว่าเหลืออีกนานแค่ไหน จะคุ้มมั้ย แล้ว มีโอกาสต่อสัญญาหลังจากนั้นได้มั้ย - เรื่อง Debt ว่า เจ้าของเก่าเค้ามี debt ค้างอยู่มั้ย แล้วให้แน่ใจว่าเราจะต้อง หรือไม่ต้อง take that debt - เรื่อง Restraint of Trade คือ ให้แน่ใจว่า ต้องระบุในสัญญาว่า เจ้าของเก่าจะต้องไม่ไปเปิดร้านใหม่ในลักษณะเดียวกัน ในรัศมีกี่กม. หรือ ในเมืองนั้น ๆ เป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ (ทั่ว ๆ ก็ประมาณสองปีค่ะ) เรื่องที่ต้องติดต่อกับ Council ก็คือ - เรื่อง Health inspection ถ้าเราขอดูของปีที่ผ่านมาจากเจ้าของเก่าไม่ได้ ก็ขอใหม่จากทางเคาซิ่ลได้ค่ะ เพื่อดูว่า อะไรที่เป็น urgently required แล้วเราจะได้มาคำนวนถูกว่าเราต้องจ่ายอะไรอีกบ้างอ่ะค่ะ - ร้านเค้าได้เกรดไหนอยู่ในปัจจุบัน แต่ยังไงคิดให้รอบคอบก่อนนะคะ ว่ารับความเสี่ยงได้ไหวมั้ย เพราะพอเป็นเจ้าของเองแล้วเนี่ยะ เครียดสุด ๆ รับภาระทุกอย่าง แทบจะ ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามสาย ห้ามขาด แถมตอนคิดเรื่องต้นทุนกับราคาขาย ก็จะปวดประสาทอีกเพราะ ค่าใช้จ่ายก็ขึ้นเอา ๆ นี่ค่าไฟก็เพิ่งขึ้นราคา rate, ภาษี, ค่าแรง, ฯลฯ จิปาถะ อ้อ ค่าของวัตถุดิบต่าง ๆ ด้วย ก็ขึ้นเอา ๆ  ไอ้เราจะขึ้นราคามาก ๆ หรือบ่อย ๆ ลูกค้าจะหนีเอา บางทีก็ต้องยอม absorb เข้าเนื้อบ้าง กำไรน้อยบ้าง อ่ะค่ะ แต่ถ้ามั่นใจว่าจะเปิดจริง ๆ แนะนำให้เปิดให้ได้ก่อนคริสต์มาสนะคะ เพราะอย่างที่เรารู้ ๆ กัน ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงทำเงิน ถ้าพ้นกุมภาฯไปแล้วก็จะเข้าช่วงเงียบแล้วอ่ะเนาะ แล้วมันก็จะทรง ๆ อยู่อย่างงั้น จะมาดีขึ้นก็ตอนหน้าหนาว เข้าช่วง Ski season แล้วก็เงียบอีกจนหน้าร้อน เป็นวงจรแบบนี้ (อันนี้คุณ จขกท. อาจจะทราบอยู่แล้วมั้งอ่ะค่ะ) ดังนั้น รูปแบธุรกิจที่เกาะใต้นี่ก็จะคล้าย ๆ กันไปหมดคือ ช่วงทำเงิน ต้องทำ ๆ ๆ ๆ ๆ เก็บเงินไว้โปะตอนหน้าเงียบอ่ะค่ะ ปล. ขอตัวไปนึกเพิ่มก่อนนะคะ ไว้นึกอะไรออกเพิ่มจะมาแปะไว้ให้อีกค่ะ จากคุณ : oh_ho_ole - [ 17 พ.ย. 51 14:46:26 ]