ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องแรกคือ ร้านอาหารไทยในเมืองที่อยู่เพิ่งปิดลง ทีแรกก็สงสัยว่าปิดทำไม เพราะไปทีไรคนเยอะทุกที วันหนึ่ง หลานชายก็มาบอกว่าปิดเพราะถูกตำรวจจับ เนื่องจากมีการลักลอบค้าประเวณีอยู่ชั้นบนของร้านอาหาร ช็อกและอายพอสมควรกับข่าวแบบนี้ จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องต่อมา ผู้หญิงไทยในเมืองที่อยู่อีกคนที่แต่งงานกับเจ้าของร้านอาหารจานด่วนที่นี่ สามีเพิ่งเสียชีวิต บาทหลวงได้แวะมาหาแวะมาหา จขกท ที่บ้าน ถามว่าควรจัดงานศพอย่างไรดี ให้ภรรยาผู้ตายรู้สึกสะดวกใจ หลวงพ่อยังบอกด้วยว่า มีการ "วิพากษ์" ว่าปกติแล้วสุภาพสตรีไทยผู้นี้ไม่ชอบอยู่ที่อังกฤษ มักจะกลับไปอยู่ที่เมืองไทยเสมอ นาน ๆ ถึงจะมาหาสามีที่อังกฤษ เรียกว่าต่างคนต่างอยู่ โดยภรรยาให้เหตุผลว่าไม่ชอบอยู่อังกฤษ พอสามีตาย ต้องหาวิธีติดต่อกันจ้าละหวั่น กว่าจะพบตัว ที่ วิพากษ์กันนั้นคือ สุภาพสตรีไทยผู้นี้ไม่ได้แต่งงานเพราะรัก แต่เพราะสามีส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน และเมื่อสามีตาย เธอก็จะมาขนเอาทรัพย์สมบัติกลับไป จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อีกคนที่ใกล้ตัวมาก ๆ คือช่างทาสีที่มาทาสีให้บ้านเรานี่เอง อายุน่าจะ ๕๐ กว่า ๆ ได้ แกบอกว่าแกไปเที่ยวเมืองไทย แล้วได้เจอผู้หญิงไทยและแต่งงานกัน พามาอยู่ด้วยกันที่นี่ ๗ ปีผ่านไป ผู้หญิงก็ทิ้งไปหาผู้ชายคนใหม่ที่รวยกว่า อ้อ แต่แกยังไม่เข็ด ยังจะกลับไปเมืองไทยอีกเรื่อย ๆ แกบอกว่าผู้หญิงฝรั่งก็ทิ้งสามีเยอะแยะไป ใช่ว่าจะเป็นแต่คนไทย เพียงแต่แกโชคร้ายเท่านั้นเอง แกตบท้ายว่า ไปหาเอาใหม่ ที่นู่นน่ะหาผู้หญิงง้ายง่าย อกอีแป้นแตก.... จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอาเรื่องจูเนียร์บ้าง นักเรียนที่นี่มาบ่นให้ฟัง เรื่องความประพฤติของเพื่อนชายที่กำลังเรียนต่อที่นี่ เรื่องของเรื่องคือมีน้องใหม่ ที่เด็กมาก ๆ เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่ และมาเรียนปริญญาตรี (ถึงได้บอกว่าเด็กมาก ๆ น่าจะไม่ถึง ๒๐) พื้นฐานมาจากครอบครัวตระกูลดังในเมืองไทย ให้บังเอิญน้องใหม่ไปคลุกคลีกับน้องผู้ชายที่ว่านี้ เรียกว่าสนิทสนมกันมากเข้าขั้นลึกซึ้ง (แปลว่าได้เสียกัน เห็นไหมว่าน้องเขาเด็กมาก แม้แต่เรื่องนี้ก็เอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง) พอลึกซึ้งกันแล้ว น้องใหม่ก็ไปเที่ยวบอกใคร ๆ ว่าเป็นแฟนกัน พอน้องผู้ชายรู้ก็ต่อว่า ว่าทำไมไปบอกใคร ๆ ว่าเป็นแฟนกับเขา เขายังไม่ได้ตกลงที่จะเป็นแฟนด้วยสักหน่อย ที่ผ่าน ๆ มาก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนใกล้ชิดกัน เขาเป็นคนที่มีความคิดแบบฝรั่ง คือไม่จริงจัง และไม่ได้รัก จึงไม่ให้เรียกว่าแฟน อกอีแป้นแตก.... น้อง ๆ น่าจะศึกษาให้มากหน่อย ก่อนที่จะมาโมเมว่าคิดแบบฝรั่ง เพราะฝรั่งที่ดีนั้น ต้องชอบและอยากเป็นแฟนเท่านั้น เขาจึงจะมีอะไรลึกซึ้งด้วย ถ้าไม่ได้รักไม่ได้ชอบ เขาก็ไม่มาลึกซึ้งกันหรอก เพราะนั่นมันคือการผูกมัด คือไม่ใช่ว่าไม่มีนะ มีเหมือนกัน แต่ไม่ใช่สุภาพบุรุษหรือคนมีการศึกษาเขาทำกัน ป้าถึงต้องร้องไง ว่าอกอีแป้นแตก แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 51 00:28:50 จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องคนไทยในต่างแดนยังมีเยอะ แต่ จขกท เลิกเก็บประสบการณ์ไปบ้างแล้ว คือเลิกที่จะคบหาเจรจากับคนไทยแปลกหน้าไปนานมากแล้ว ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ รสนิยมไม่ต้องกัน ตัวอย่างเช่น เจ้าของร้านอาหารที่นี่เคยถามว่า "ทำงานแบบนี้ดีมั้ย (หมายถึงทำงานในบริษัทเอกชน) เงินเดือนไม่เยอะเลยใช่มั้ยเนี่ย" พูดเองเออเองเสร็จสรรพ แล้วก็ตบท้ายว่า "ถ้าทำแล้วดีพี่จะได้ออกไปทำมั่ง" เป็นบทสนทนาที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลง ส่วนคนพูดนั้นตัวใหญ่คับฟ้า และคนพูดก็กำลังหลอกตัวเองอย่างแนบเนียน คือหลอกตัวเองจนตัวเองนั้นเชื่อสนิท โชคไม่ดีที่เราอ่านออกและเข้าใจ เลยต้องกลับมานั่งเศร้า จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้หญิงไทยอีกคนที่อยู่ที่นี่ ย้ายมาตั้งแต่อายุ ๑๙ โดยแต่งงานกับผู้ชายอายุ ๗๐ กว่า พอมาอยู่ได้ไม่นาน เธอก็บอกกับสามีว่าไม่ขอเป็นภรรยา เพราะเคารพเหมือนพ่อ จึงขอเรียกว่าพ่อแทน และเธอก็มีแฟนใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยอมหย่าจากสามีแก่ ผู้หญิงไทยคนนี้เปลี่ยนแฟนไปหลายคนแล้ว แต่ละคนที่คบใหม่นั้นเป็นที่รู้กันว่ามีฐานะดีกว่าคนก่อน ๆ จขกท เองก็เลิกสนใจกับเรื่องราวของเธอไปนานแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่ง ขับรถไปจอดที่หน้าซุเปอร์มาร์เก็ตในหมู่บ้าน จอดรถเสร็จกำลังจะเดินเข้าไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องว่าอะไรก็จับใจความไม่ได้ ทำเอางง พอหันตามไปก็เห็นว่าเป็นน้องคนนั้น ที่กำลังวิ่งไปขึ้นรถพอร์ชด้วยท่าทางที่ร่าเริงผิดปกติ เลยได้ร้องอ๋อ อย่างนี้นี่เอง ทำเป็นมองไม่เห็นเรา แต่อยากให้เราเห็นว่าเธอกำลังวิ่งไปขึ้นรถพอร์ช คนไทยที่นี่พูดถึงน้องคนนี้ว่าเป็นเด็ก "ฉลาด" และพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่สามีเพิ่งเสียชีวิตว่า "โชคดี" เราจะไปเข้าใจเขานั้นไม่ได้ เพราะไม่ได้เห็นด้วยว่านี่คือคนฉลาดและคนโชคดี เหตุเพราะรสนิยมต่างกัน มองความฉลาด และความโชคดี ไม่เหมือนกัน ไม่มีคนถูก ไม่มีคนผิด แต่ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีอีกเรื่องนะ เรื่องของผู้หญิงไทยที่มีแฟนเป็นคนต่างชาติ แต่ก็แอบไปมีกิ๊ก และขอร้องเราไม่ให้บอกแฟน พอถามว่าแล้วทำแบบนี้ทำไม เธอก็บอกว่าแฟนเธอนั้นไม่ดีกับเธอเลย ชอบใช้อารมณ์ พอถามต่อไปว่าแล้วทำไมไม่เลิกให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียก่อนแล้วค่อยคบคนใหม่ เธอก็บอกว่า เพราะยังไม่แน่นอนว่าคนใหม่จะจริงจังหรือเปล่า และคนใหม่ก็มีเมียอยู่แล้ว เธอบอกว่าอย่ามาพูดถึงศักดิ์ศรี เพราะมันกินไม่ได้ เธอมีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเธอเอง พอถามว่าเธออยากให้เรื่องมันจบลงแบบไหน เธอบอกว่า เธออยากให้แฟนใหม่เลิกกับเมียแล้วมาอยู่กับเธอ จากนั้นเธอจึงจะไปเลิกกับแฟนของเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ที่ไม่เลิกเพราะแฟนเธอให้เงินเธอใช้เยอะมาก เธอว่า "หนูผิดหรือที่อยากจะมีชีวิตที่ดี ๆ" พยายามจะบอกว่าที่เธอทำนั้นผิด แต่เชื่อไหม ว่าแล้วก็ต้องจนมุมกับเหตุผลทั้งหมดของเธอ จนสงสัยไปว่า ไอ้ที่เราคิด ๆ อยู่นี่มันถูกต้องจริงหรือ แล้วมันผิดด้วยหรือที่คนสักคนอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ๆ ก็ตาม พอบอกว่าเธอกำลังทำร้ายคนบางคน เธอก็บอกว่าถ้าหมายถึงแฟนเธอแล้วล่ะก็ ไอ้ที่เขาทำกับเธอ ข่มเหงเธอสารพัดนั้นร้ายกว่าหลายเท่า เรียกว่าเราเถียงไม่ขึ้นเอาเลย เธอมีเหตุผลให้หมดทุกข้อ แต่สุดท้าย แฟนใหม่ก็ไม่ได้เลิกกับเมีย แต่มาขอเลิกกับเธอ เธอเสียใจมาก และกลับไปซบอกแฟนร้องไห้ (เธอเล่ามาแบบนี้) เธองงว่าทำไมแฟนใหม่ถึงเลือกเมียเขาซึ่งทั้งแก่และไม่สวยเลย ไม่นานนักเธอก็แต่งงานกับแฟนของเธอ แถมยังมาเปรย ๆ ว่า "เขาไม่เก่งเรื่องบนเตียงก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยพี่" จ๊ากกกกกกก เรื่องแบบนี้ทำไมเอามาถามตรู...... (หมายเหตุ ตอนนั้นยังไม่แต่งงาน T_T ) เรื่องข้างบนนี้เกิดขึ้นนานมากแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่เมืองไทย มามองย้อนกลับไป รู้สึกได้เลยว่าคนบางคนนั้นไม่มีหัวใจ ไม่รักใครเลย นอกจากตัวเอง (ถ้าไปพูดแบบนี้กับเธอ เธอก็จะโต้ตอบให้เราได้อึ้งไปอีกแน่นอน ว่าเธอไม่ผิดที่เธอทำแบบนี้ เพราะเธอมีสิทธิ์ที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ดี ๆ ให้กับตัวเธอเอง "พี่ไม่เข้าใจหรอก เพราะพี่ไม่ได้เกิดมากับดินกินกับทรายแบบหนู" น่าน...ตรูผิดอีกจนได้ กำ) แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 51 00:53:40 จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของคนที่อยากรู้จักกับ จขกท เธอมาเล่าให้ฟังว่าสามีของเธอนั้นเงินเดือนไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนั้นเงินเดือนมากถึง ๗๐,๐๐๐ ปอนด์ แต่ต้องลาออกจากที่ทำงานเก่าเพราะเจ้านายเซ้าซี้อยากจะเลื่อนตำแหน่งให้ แต่เขาไม่อยากได้ เลยขอลาออก เธอเล่าเรื่องเดียวกันนี้ให้เพื่อนอีกคนฟัง แต่บอกว่าเงินเดือน ๕๐,๐๐๐ ปอนด์ เงินเดือนลดลงไปเยอะในชั่วข้ามวัน อีกคนบอกว่าสามีทำงานเงินเยอะมาก ทำได้อาทิตย์ละ ๙๐๐ ปอนด์ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาบอกเรากันทำไม เพราะที่บอกมาล้วนแต่น้อยกว่ารายได้ของเราทั้งนั้น จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกคนบอกว่าคบหากับคนไทยด้วยกัน เวลาเจอกันพวกสาว ๆ ที่คบกันชอบพาไปร้องคาราโอเกะที่บ้าน เพลงที่ร้องก็ไม่มีอะไร นอกจากเพลงลูกทุ่ง เธอบอกว่าเธอก็คบไปอย่างนั้นแหละ "บอกตรง ๆ นะพี่ หนูก็คบไปอย่างนั้นแหละ พวกนี้น่ะ มันคนละคลาสกันกับหนูและพี่เลย" อึดอัดค่ะ เพราะไม่อยากถูกใครเอาไปจัดคลาส ขออยู่แบบไม่มีคลาสจะได้ไหม จากคุณ : Pl@too - [ 29 ธ.ค. 51 00:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "เหตุเพราะรสนิยมต่างกัน มองความฉลาด และความโชคดี ไม่เหมือนกัน" "บทสนทนาที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลง ส่วนคนพูดนั้นตัวใหญ่คับฟ้า" "และคนพูดก็กำลังหลอกตัวเองอย่างแนบเนียน" "โชคไม่ดีที่เราอ่านออกและเข้าใจ เลยต้องกลับมานั่งเศร้า" โดนค่ะ.. เต็มๆ.. เห็นด้วยอย่างแรงกล้า สาธุ.. อ่านทุกโพสท์ เข้าใจอารมณ์ และหวังว่าจะไม่มีคนมาโจมตี (หรือมีน้อย) โดยไม่อ่าน หรือทำความเข้าใจ ในความหมายแท้จริงค่ะ.. แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวค่ะ.. สามีอยู่ที่นี่มา 10 ปีแล้ว.. ก่อนที่เราจะตามมา สามีบอกไว้ก่อนเลยว่า "อย่าเอาเรื่องส่วนตัวใดๆ ก็ตาม ไปเล่าให้คนไทยที่นี่ฟัง".. โดยส่วนตัวเป็นคนรักสันโดษอยู่แล้ว เลยเฉยๆ.. เลือกคบแต่คนที่สามีคบ.. ส่วนพวกที่มี "รสนิยมไม่ตรงกัน" ก็จะไม่พยายามทำความรู้จักด้วย.. แม้กระนั้น.. ก็ยังมีคนเอาไปลือจนได้.. คนที่ไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่รู้จักกัน แต่รู้จักสามีเรา.. ไม่รู้เรื่องเริ่มจากตรงไหน.. แต่จบตรงที่ว่า "พี่ๆ พี่รู้มั้ย ว่าเีมียพี่คนนั้นน่ะ เค้าเป็นเมียน้อยของหุ้นส่วนที่พี่เค้าทำงานด้วยกันอยู่"... เรียกว่า.. งง.. จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย.. เอามาจากไหนนี่เรื่องนี้.. ความจริงมีอยู่ว่า ตัวเรา และเมียน้อยของหุ้นส่วนพี่เค้า มาจากเมืองไทยในเวลาอันใกล้เคียงกัน.. คนไม่รู้อะไรเลย ก็จับหนึ่งบวกหนึ่ง เป็นสามซะเฉยๆ ซะงั้น.. ไม่ได้สนใจกันเลยว่า ใครเค้าจะคิดกับเรายังไง? เรียกว่าขอให้ฉันได้นินทา ปากนกปากกากันไป ไม่สนว่าจะทำให้ใครเสียหาย.. แต่อย่างว่าแหละค่ะ.. เรื่องแบบนี้ จริงๆ แล้วก็มีทุกที่.. ชาติไหนๆ ก็คงมีคนแบบนี้.. ติดที่ว่าด้วยความที่เราเป็นคนไทย.. เวลาได้รับข่าวสารที่ไม่ค่อยจะดีเกี่ยวกันคนไทย ก็ทำให้มีความรู้สึกเซ็งๆ เล็กน้อย เหมือนคุณ Pl@too.. :) แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 51 08:07:13 จากคุณ : sxy_sassy - [ 29 ธ.ค. 51 00:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ยังไม่มีประสบการ์ณ กับคนไกลบ้านค่ะ แต่อ่านไว้เป็นประสบการ์ณอีกแบบ คนที่ไม่คิดว่าจะมีในโลกนี้ก้อมีน่ะค่ะ จากคุณ : Natural_Sugar - [ 29 ธ.ค. 51 01:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มุมมองของดิฉันกับคนไทยที่ได้เจอที่นี่ก็คือทุกคนเท่าเทียมกันหมด และ ดิฉันเลือกที่จะไม่ฟังคำนินทาค่ะ ก็เลยไม่มีเรื่องอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคนไทยที่นี่มาเล่าให้ใครๆฟัง จากคุณ : Rinta - [ 29 ธ.ค. 51 01:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบที่จขกทเขียนมากค่ะ  เรื่องไกลบ้านแต่ใกล้ตัวจริงๆ เห็นหลายๆคนที่แม่เรารู้จักก็ประมาณนี้ก็มีค่ะ เราแอบสังเกตห่างๆ คนที่นี่ส่วนใหญ่รสนิยมเรากับเค้ามันไม่เข้ากันจริงๆค่ะ   ยังดีที่ได้เจอคนที่เค้่าไม่กินเหล้าเล่นไพ่เป็นงานหลักอยู่บ้าง ;) จากคุณ : azur - [ 29 ธ.ค. 51 04:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 :o ขอเข้ามาตกใจกับเรื่องราวต่างๆ เห็นแล้วน่าสงสารที่หลายๆคน ยังตกอยู่ในวังวนแบบนั้นอยู่ จากคุณ : pittboy2603 - [ 29 ธ.ค. 51 04:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากประสบการณ์ที่ผ่านมา  เราเลยต้อง "เลือก" ที่จะคบคนไทยเอาค่ะ สรุป.. คบคนไทยน้อยมาก ณ ปัจจุบัน - -'' จากคุณ : roypimz - [ 29 ธ.ค. 51 04:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ฮ่าๆ ดิฉันมีเพื่อนคนไทยที่นี่หลายคน แต่ละคนก็น่ารักๆและนิสัยดีกันทั้งนั้น ไม่เคยเจอแปลกๆแบบเจ้าของกระทู้เลย เคยเจอตอนไปทำงานร้านอาหารไทยซึ่งตอนนั้นเพิ่งมาใหม่ๆ  ดิฉันจะไม่ฟังพวกเค้าพูด บางทีเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ชอบฟังคนนินทากัน รำคาญ หากใครนิสัยไม่เหมือนเรา ก็จะไม่ยุ่งเลย เลือกคบแต่ที่นิสัยดีๆไว้นัดช็อป หรือทานข้าว ใครจะรวยจะจน จะมีสามีกี่คนดิฉันไม่มีเวลามาสนใจ   ไม่อิจฉาด้วย เพราะดิฉันก็มีความสุขดีโดยไม่ต้องแข่งขันกับใคร หรือหาสามีใหม่เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ดิฉันจะมองว่าคนพวกนี้มีปัญหากับตัวเอง ดิฉันไม่มีเวลาให้จริงๆค่ะ เพราะชอบคุยเรื่องแฟชั่น อาหาร ยาสีฟันยี่ห้อไหนใช้ดี บะหมี่ร้านไอ้เลวจะอืดไหมถ้าสั่งแบบเทค Away ขึ้นรถใต้ดินมากินที่บ้าน กัดสามีตัวเองให้เพื่อนฟัง หรือบ่นเรื่องงาน ถ้าใครสนใจเรื่องพวกนี้ถึงจะคบกันได้ค่ะ จากคุณ : Gisele - [ 29 ธ.ค. 51 05:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ....โชคดี ที่มาอาศัยอยู่ในบ้านนอกของเมืองนอก เลยไม่ค่อยมีคนไทยให้คบหา (เอ..หรือโชคดีที่ใครๆ ไม่ต้องรู้จักเราป่าวหว่า?) แล้วก็โชคดีว่า มีเวลายุ่งอยู่แต่กับงาน .. จากคุณ : มะนาว - [ 29 ธ.ค. 51 07:13:10 A:87.172.124.106 X: TicketID:155656 ]

ความคิดเห็นที่ 18 P' Too.... I don't have a story to share but I like reading yours....555 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 29 ธ.ค. 51 10:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรามีเพื่อนคนไทยแต่ในไกลบ้านเนี๊ยแหละค่ะ ในโลกชีวิตจริง ไม่มีเลย แต่ไม่รู้ทำไมไปวัดไทยแค่ครั้งเดียวนะคะ (แค่ไปตลาดไทย หาของกินนะ ไม่ได้ไปงานที่วัดเลย) แปบๆ รู้เรื่องนินทาคนไทย-ลาว-ม้ง ทั่วเมืองนี้เลยค่ะ หูเราก็ไม่ใช่จะผึ่งบานนะ แต่ทำไม ได้ยินมาเยอะจังแว๊ ส่วนมากก็ไทยนั้นแหละ นินทากันจนแบบว่า.. ถึงเธอจะไม่ฟัง ชั้นก็จะป่าวประกา๋ศใส่โทรโข่งให้แกฟัง... เลยค่ะ เหอๆๆ กลุ้ม สันโดษดีที่สุดจริงๆด้วยค่ะ จากคุณ : Kryta (kryta) - [ 29 ธ.ค. 51 10:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องบางเรื่องมันก็หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ ตอนมาอยู่ต่างเมืองใหม่ ๆ ดิฉันชอบที่จะทักทายคนไทยด้วยกันและผูกมิตรกันไว้ โดยไม่ค่อยได้คัดสรร จึงมีเรื่องราวมาเล่ามากมาย ปัจจุบันนี้เรียนรู้มากขึ้น และเข้าใจในเรื่องของรสนิยมที่แตกต่างกัน เลยมีการหลีกเลี่ยงที่จะไม่เสวนากับคนต่างรสนิยม สำหรับใครที่เข้ามาแขวะกันก็ขอเถอะค่ะ ไม่ชอบอ่านก็ผ่านไปไม่มีใครว่า แต่มาแวะเหน็บแนมแบบนี้ทำเพื่ออะไร เพื่อบอกว่าคุณเป็นคนที่ดีกว่าดิฉันอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นก็ยินดีด้วย และยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จากคุณ : Pl@too - [ 30 ธ.ค. 51 00:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แวะมาหวัดดีพี่ทูค่ะ...หายไปนานเลย... อยู่นี่มาจะสิบปีแล้ว คนไทยที่รู้จักมีแต่รู้จักกันผ่านพันทิพย์...คุยกันเรื่องการเมือง..เรื่องสัพเพเหระทั่วไป...แบบแชร์ความรู้กัน...สนุกดีค่ะ... ส่วนคนไทยที่เจอะเจอทั่วๆไป....ส่วนใหญ่เรามองว่าความคิดแคบอ่ะ...เลยไม่ชอบคุยด้วย...เพราะขนาดคุยกันแค่เผินๆ แต่พอคุยด้วยแล้วเหมือนคุยกะคนโง่ทั้งๆที่พวกนี้มาเรียนโทกันแท้ๆ....พวกแบบ...เด็กถูกส่งมาเรียนแล้วก็ผลาญเงินไปวันๆ....วันๆไม่คุยเรื่องอะไรนอกจาก...ร้านไหนลดราคา...กุ๊ชชี่ วิทตองรุ่นไหนสวย....ไปเกะร้านไทยร้านไหนดี...มีใครที่เรารู้จักที่พอจะทำดิสเซอร์ให้ได้ไม๊? อยากจ้าง? (แล้วมันจะมาเรียนทำไมฟระ) หรือไม่ก็...พวกพยายามจะโกงทุกอย่างตั้งแต่ ทีวีไลเซ่น..ตั๋วรถเมล์...โกงบัตรเครดิตร โกงสัญญามือถือ อินชัวรันมือถือ..โกงกระทั่งเช่าห้องในโรงแรม ... ถ้าเป็นเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน จะไม่ค่อยเจอแนวนี้นะ มาเรียนก็มาเรียนจิงๆ...ช้อปปิ้งบ้างแต่ก็ไม่เวอร์ แต่เด๋วนี้เวลาเจอเด็กเรียนโทซักสิบคนแล้วมีซักคนนึงที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่..สนอกสนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องตัวเองซะบ้าง...ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแล้ว....การเรียนเมืองนอกเด๋วนี้มันเป็นแฟชั่นไปแล้วมั๊ง ....นักเรียนโทถึงได้เป็นฟายกันไปซะแปดสิบเปอร์เซ็นต์...ทำยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็จบกลับไปทั้งๆที่ภาษาอังกฤษไม่กระดิกหู...ดีว่าพ่อแม่รวยถึงได้หน้าเชิดไปได้ตำแหน่งใหญ่ๆในเมืองไทยได้.... ที่ทุเรศที่สุดที่เคยได้ยินมาคือโดนเพื่อนคนไทยด้วยกันเองสร้างปัญหาให้...เคยเจอน้องคนนึง...ทำงานร้านไทยที่เคยกินมาเล่าให้ฟังว่า มีเพื่อนสนิทเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เรียนภาษา จนเข้ามหาลัย ตอนเรียนด้วยกันอยู่ก็คุยกันดีหรอก....พอเค้ากลับเมืองไทยฟอร์กู้ด...น้องคนนี้ฝากของกลับไปให้ที่บ้าน...มือถือ เอ็มพีสามอะไรงี้....ปรากฎว่าเพื่อนตัวดีกลับไทยไปแล้วหายจ้อยเลย...ของก็เชิดไปด้วย....เลวได้โล่ ทำใจค่ะพี่....อยู่ของเราเฉยๆดีที่สุด จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ - [ 30 ธ.ค. 51 02:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สังคมมันแคบค่ะ เลยไม่มีใครให้เมาท์มากนัก ก็เลยเมาท์กันไปมาเป็นวงกลม ส่วนตัวเราไม่ค่อยสุงสิงกะใครเท่าไหร่นะ มาเรียนไม่ได้มาเมาท์ ว่างก็เมาท์ในพันธ์ทิพย์แทน ปลอดภัยดี อิอิ จากคุณ : meddy - [ 30 ธ.ค. 51 08:23:06 ]