ความคิดเห็นที่ 1 ตอนมาใหม่ๆมีเพื่อนๆที่เมืองไทยและครอบครัวเรายุให้เดี๊ยนไปหางานเป็นคนล้างจานตามร้านอาหารด้วยค่ะ เนื่องจากเห็นว่าเรียนอย่างเดียวไม่มีรายได้ให้ตัวเอง สามีบอกว่า นี่ให้มาอยู่สบายๆไม่ชอบ ยังคิดจะหนีไปล้างจานอีก วู้... ก็เลยต้องทำตัวเป็นเด็กดีตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้ได้เกรดดีๆ หลังจากทำ ขสมก มา 3 ปีกว่าๆ เดี๊ยนเรียนจบแล้วก็ทำงานแล้วค่ะ หาเงินช้อปปิ้งเองได้ค่ะ ชิ~ (สะบัดผมยาวๆตบหน้าใครบางคนที่ดูถูกเราเอาไว้) เข้ามาเห็นด้วยกับคุณป้ามะลิค่ะ มิใช้แต่หญิงไทยแท้ๆนะคะที่ทำงานขสมก ชายไทยก็ทำค่าาา จากคุณ : หญิงป้า - [ 3 ม.ค. 52 04:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้ามาแซบแล้วเปลี่ยนค่า จากคุณ : Bannorker - [ 3 ม.ค. 52 04:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านกระทู้นั้นเหมือนกันค่ะ แถมไปตอบว่าตอนนี้กำลังทำงาน "ขสมก." ไว้ด้วยเหมือนกัน  และเห็นด้วยกับกระทู้นี้ของคุณ ป้ามะลิกับลุงมะระ ค่ะ -------------------------------------------------------------- ของดิฉัน ตอนมาแรก ๆ ก็เคยไปทำงานเสริฟอาหารให้กับศูนย์บ้านพักคนที่เกษียณแล้ว(ไม่อยากจะเรียกว่าคนชรา เพราะบางท่านยังแข็งแรงดีอยู่ แต่เกษียนและย้ายไปอยู่ที่นั่นเท่านั้นเอง) ตอนทำได้สองวันนั้นมีความสุขกับงานดีค่ะ เพราะเห็นบรรดาคุณตาคุณยายแสดงการต้อนรับดี อาจจะด้วยบุคคลิกคนเอเชียเราถูกสอนมาให้อ่อนน้อยกับคนแก่อยู่แล้วมั๊ง แต่พอวันที่สามนั้นไหล่มันหลุดก่อน ตื่นขึ้นมาแล้วลุกแทบไม่ขึ้น เพราะปวดไหล่มาก คิดว่าถ้าคนที่เคยทำงานเสริฟคงจะนึกภาพออกนะคะว่าจานอาหารของฝรั่งนี้จานใหญ่และหนักจริง ๆ จานกระเบื้องด้วย คิดว่าตัวเองคงจะถือถาดผิดท่ารึยังไงไม่รู้ เลยทำให้ไหล่หลุด เช้านั้นก็เลยต้องโทรไปลางาน และวันนั้นแฟนก็เลยต้องมานั่งคุยกันเป็นจริงเป็นจังว่าให้หยุดงานนี้ก่อนดีกว่า เพราะถ้าต้องทำงานนี้แล้วต้องมานั่งรักษาตัวเองก็ไม่คุ้ม วันต่อมาเลยต้องเอาชุดไปคืนเขา และก็ลาออกกับหัวหน้า จากนั้นก็เลยคิดว่าลองหางานที่เราเคยทำที่เมืองไทยจะดีกว่าไหม จากนั้นก็ตั้งใจหางานใหม่ ส่ง Resume สมัครมันไปทั่วน่ะแหละ ก็พอมีสามสี่ที่ให้ความสนใจ Resume เรียกไปสัมภาษณ์บ้าง มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นให้รู้สึกมีความมั่นใจ แต่ไป ๆ มาก็มานึกถึงเรื่องอยากมีลูกอีก เพราะแต่งงานก็อยากมีลูกกัน พอมองย้อนเรื่องอายุตัวเอง ก็อ้าว...เรามันเริ่มเสี่ยงกับเรื่องการตั้งครรภ์แล้วนะเนี่ย เอาล่ะ ขอพักเรื่องหางานไว้ก่อนดีกว่า อยากทำหน้าที่แม่ให้เต็มที่อยู่กับลูกซักพักดีกว่าไหม จากนั้นเลยพักเรื่องหางานซักพัก และทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับเรื่องลูก แต่ตอนเย็นก็ยังไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ เพราะถึงเรื่องการพูดและการฟังจะไม่มีปัญหา แต่เรื่องการเขียนยังใช้การได้ไม่ดี ก็เลยต้องลงเรียนคอร์สการเขียนไปเรื่อย ๆ ก็เรียนตอนเย็นเอา ตอนกลางวันก็อยู่กับลูก มีเวลาให้ลูกให้พ่อของลูกเต็มที่ ตามประสาตายายที่มีลูกตอนแก่กัน และตอนนี้ก็ได้ไปเรียนตอนเย็นในสายที่ตั้งเป้าว่าจะหางานด้านนี้ทำ ซึ่งคิดว่าชีวิตคนเรามันคงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ส่วนตอนนี้ก็คงยอมให้ใครเขาดูถูกไปก่อนน่ะค่ะ แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรก็พอแล้ว เพราะมั่นใจว่าซักวัน(อันใกล้นี้) คงจะได้งานที่ชอบทำแน่นอน ทีนี้ใครจะว่าอะไรก็ตามสบายท่านเทอญ. จากคุณ : JC2002 - [ 3 ม.ค. 52 05:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อืม... นา นา จิต ตัง . . . จากคุณ : สาวใหม - [ 3 ม.ค. 52 05:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยครับ กับประโยคที่ว่า "ถึงแม้ว่าคุณจะมีใบปริญญามากี่ใบจากเมืองไทยก็แล้วแต่ ถึงอย่างไรเรื่องของภาษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด" ... แต่จริง ๆ แล้วใน webboard ก็ต่างคนต่างความคิด ผมว่าเรารู้ตัวเราเอง ภูมิใจในตัวเองจะดีที่สุดครับ ... จากคุณ : ผัดไทยกุ้งสด - [ 3 ม.ค. 52 05:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตุ้มเรียก "ทำงานยานเกาะ" บางคนงง นึกว่าทำตามสถานีวิทยุ ต้องอธิบายให้ฟังว่า เกาะสามีจ๊ะ เขาเลยหัวเราะ มาอยู่สเปนใหม่ๆ ไม่ได้ทำงาน เหตุผลสองอย่าง คือ ไม่รู้ภาษา และสามีไม่ปลื้มให้ทำงาน เขาอายคนกลัวคนจะุดูถูกว่าเลี้ยงเมียไม่ได้  แต่นังเมียไม่ชอบอยู่นิ่ง หาทำอยู่เรื่อย ตอนนี้ก็ทำประจำที่สวนสยาม ที่เกาะนี้ เงินเดือนเอาไว้แต่งตัว ออกท่องเที่ยวตามที่เราอยากไป เรียกว่าได้เงินเดือนสองบริษัท 555555บริษัทยานเกาะ และบริษัท สวนสยาม จากคุณ : Kun Toom - [ 3 ม.ค. 52 06:16:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยิ่งครอบครัวไหนที่สามีไม่ได้ทำงานที่ประเทศของเขา โอกาสที่ภรรยาจะทำงานได้ยิ่งยากเข้าไปอีกคะ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 06:20:45 จากคุณ : fiony - [ 3 ม.ค. 52 06:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาบอกว่าทำ "ขสมก" เหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะทำไปตลอดชีวิต ตอนนี้ก็เรียนภาษา พอพูดได้ สามีจะส่งไปเรียนต่อสักพัก หลังจากเรียนจบนู่นแหละถึงจะหางานทำ แต่ก็ไม่ลาออกจาก "ขสมก" นะคะ เพราะสามีไม่ยอมให้ออก จากคุณ : **I'm a blue girl** - [ 3 ม.ค. 52 07:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ป้าลิคะ อยากทำอาชีพนี้จะตาย แต่มันไม่มีใครจ้างน่ะสิ  ดิฉันเลยต้องทำงานอื่นไปพลางๆก่อน จากคุณ : Gisele - [ 3 ม.ค. 52 07:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตามไปอ่านกระทู้นั้นไปแล้วค่ะ เจอความเห็นของคุณคนนั้นเข้าไปก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะประเด็นพวกนี้มันก็ละเอียดอ่อนนะ มีกระทู้แนวนี้มาตลอดและเถียงกันยังไงก็ไม่จบ . . *** ขอออกความเห็นยาวหน่อยนะคะ *** เราเป็นคนนึงที่มาอยู่ต่างแดน และก็เป็นแม่บ้านเต็มตัว มีรายได้ทางเดียวคือจากคุณสามีค่ะ ( แต่สามีเป็นคนไทย ) มาอยู่ในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ต้องปรับชีวิตอะไรทุกอย่างใหม่หมด เจออุปสรรคในการสื่อสารอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าอยากจะหางานทำมันเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ แต่การหางานลำบากก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องมาทำงาน ขสมก. หรอกนะคะ เพราะถึงจะอยู่เมืองไทยหรืออยู่ประเทศไหน เรากับคุณสามีก็คุยกันไว้ก่อนแต่งแล้วว่าเราจะยึดอาชีพนี้ไปตลอด เหตุผลของการทำงาน ขสมก หรือ แม่บ้าน เนี่ย . . สำหรับเราแล้ว สถาบันครอบครัว ถือเป็นสถาบันที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดค่ะ  . . ตอนที่เราอยู่ไทย เราก็มีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับครอบครัว ได้ดูแลพ่อแม่อย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้ เรามีความจำเป็นต้องติดตามสามีมาอยู่เมืองนอก ก็เปลี่ยนมาดูแลสามีแทน โชคดีที่คู่ชีวิตของเรามีทัศนคติในเรื่องนี้ไปทางเดียวกัน  สามีถือว่า เขาเป็นคนลุยนอกบ้าน ส่วนเราลุยเรื่องในบ้าน มันเป็นความสุขของเขาที่สามารถเลี้ยงดูและดูแลเราได้   เขาบอกเราเสมอว่า "ยิ่งเอาลูกสาวเค้ามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็ต้องดูแลให้ดี" คุณสามีเต็มใจและชอบให้เราเป็นแม่บ้านแม่เรือนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ขัดข้อง เขาไม่เคยหวังว่าเราจะต้องทำงานหาเงินมาช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย เขาไม่แคร์ถ้าเราไม่ได้มีลุคแบบ "สาวทำงาน" แต่ถ้าเราเบื่อเมื่อไหร่ อยากออกไปหาอะไรทำนอกบ้านก็ขอให้บอก ไม่มีปัญหาอะไร คือถ้าคิดจะไปทำงาน ก็ขอให้ทำแค่เพื่อมีสังคม ไม่อยากให้ทำแบบเต็มเวลา เอาแค่เผื่อกรณีที่เราเบื่ออยู่บ้านแล้วเหงา . . บังเอิญเราเป็นคนที่มีความสุขที่ได้อยู่ติดบ้าน มีความสุขกับอะไรง่ายๆ และที่สำคัญเราดั๊นนนนสนุกกับการทำงานบ้านอีกตังหาก เราน่ะ มีความสุขที่เห็นสามีได้ใส่เสื้อผ้าที่เราเป็นคนซักทำความสะอาด  . .มีความสุขที่สามีบอกว่าบ้านสะอาดน่าอยู่ เราปลื้มที่สามีกินอาหารที่เราเป็นคนปรุงจนหมดเกลี้ยงจานทุกมื้อ พร้อมชมเปาะว่าอร่อยมาก และบอกขอบคุณเราทุกครั้งเมื่อทานเสร็จ เราดีใจที่เขาไม่ต้องมานั่งเหนื่อยกับงานบ้านจุกจิกๆ ที่เขาไม่ถนัด เขาจะได้โฟกัสไปทำงานของเขาเองได้เต็มที่ ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในบ้าน ทำอะไรจุกจิก พูดคุย หยอกล้อนานแค่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมานั่งติดตารางชีวิตว่าเดี๋ยวชั้นต้องไปทำงาน เธอต้องเข้ากะ อีกหน่อยถ้าเรามีลูก เราก็คงมีความสุขที่เวลาทั้งหมดของเราแต่ละวัน วุ่นวายดูแลลูกๆ ดูแลสามี  ถ้าได้กลับไทยเมื่อไหร่ก็คงได้ดูแลพ่อแม่เรา พ่อแม่สามี สำหรับคนอื่น ที่คิดว่าชีวิตแบบนี้ดูน่าเบื่อ ไร้ค่า ไม่ใช้ความสามารถ  เราไม่โกรธ ไม่โมโหนะ เพราะเราเลือกเองที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ เพราะจะให้เรากลายร่างไปเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนใส่สูทสวมส้นสูง หาเงินได้เยอะ แต่เวลาอยู่กับครอบครัวต้องหายไป เรารู้ว่าตัวเองไม่มีความสุข คนเราทัศนคติและมุมมองการใช้ชีวิตไม่เหมือนกันค่ะ    อยากให้แม่บ้านทั้งที่อยู่ที่ไทยและแม่บ้านต่างแดนภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น อาชีพทุกอาชีพตั้งแต่นักการภารโรงจนไปถึงนักการเมืองนักธุรกิจ ทุกหน้าที่ต่างมีเกียรติ และต่างมีบทบาทของตนเองแตกต่างกันไป เป็นหญิงขอสามีกินแล้วมันยังไงล่ะ  ภูมิใจในอาชีพนี้ของตัวเองมากค่ะ . . จากคุณ : MollyJinx - [ 3 ม.ค. 52 08:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 I'm also a part-time ขสมก's officer. I'm working just for fun and have some farang to talk for practice my english. I believe I'm lucky enough to marry a guy who really love & understand me. จากคุณ : สามีเป็นคนไทย too (Living Extreme) - [ 3 ม.ค. 52 08:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบความหมายของ ขสมก. มากๆ เลยค่ะ คิคิ จากคุณ : วิสกี้โซดา - [ 3 ม.ค. 52 08:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากเป็น ขสมก บ้างจังค่ะ เสียดายยังไม่มีสามี เลยใช้บริการ ขสมมก (ขอสามีแม่กิน) ไปก่อน อิอิ จากคุณ : meddy - [ 3 ม.ค. 52 10:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทำงาน ขสมก เหมือนกันค่ะ อิอิ ระหว่างนี้ก็เรียนภาษาไปเรื่อยๆ ระหว่างรองาน งานที่นี่หายากจริงๆ สมัครไปหลายที่ ไม่มีเรียกตัวซักราย เซ็ง... จากคุณ : บนเส้นขอบฟ้า - [ 3 ม.ค. 52 10:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ป้าลิขา หนูอ่ะเป็นคนแรกเลยที่ไปกระแดะตอบกระทู้นั้น 555 พออ่านเจอความเห็นนั้นเข้าไปก้อแอบอึ้งเล็กน้อย แต่อย่างว่าค่ะป้าลิ คนไม่เคยไม่มีทางรู้หรอกค่ะ อันนี้เลยขอลอกคำตอบกระทู้นั้น มาลงกระทู้ป้าหน่อยนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทั้งป้าลิ และ ก้อลุงระ นะคะ "ทำไม ผู้หญิงที่ไปอยู่ต่างประเทศห้องนี้รู้สีกว่า 95% มีสามีฝรั่งเลี้ยง ไม่ค่อยเห็นมีแบบมีความสามารถหางานดีๆ เองได้เลยแฮะ" แหม อันนี้อยากอธิบายขยายความให้ท่านเจ้าของความเห็นนี้เข้าใจนิดนึงนะคะ ว่า..การที่มีสามีฝรั่งเลี้ยง ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คุณคิดนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเคยเป็นถึงระดับผู้จัดการ มีลูกน้อง ต้องคอยบริหารคน มีอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่าง มีเงินเดือนเป็นของตนเอง ใช้จ่ายแบบสิ้นเปลืองเดือนต่อเดือนได้สบาย แต่พอต้องออกจากงาน มาเป็นแม่บ้าน ต้องมาคอยทำงานบ้าน ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ตื่นแต่เช้า ทำอาหารเช้าให้สามี ตกเย็น ตระเตรียมอาหารเย็น ให้ทั้งสามี แถมบางครั้ง คุณแม่สามีอีกต่างหาก คุณนึกว่าง่ายเหรอค่ะ จากคนที่เคยแต่ทานข้าวนอกบ้าน อยากทานอะไรก้อสั่งเอา ตอนนี้ต้องมาคอยทำให้คนอื่น ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ อีกอย่าง หน้าที่การดูแลบ้าน ดูแลสามี เวลากลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ กลับมาเห็นบ้านช่องสะอาดสะอ้าน ถึงเวลามีอาหารเย็น แบบปรุงสด ๆ ทุกวัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะคะ ถ้าคนไม่เคยทำ อีกอย่าง การมีสามีดีดี ที่ขอแค่ภรรยาช่วยดูแลเค้าเวลากลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ไม่ได้หาง่าย ๆ นะคะ อันนึี้ส่วนตัวถือว่าเป็นบุญวาสนาอย่างหนึ่งทีเดียวค่ะ จากคุณ : KhunTop - [ 3 ม.ค. 52 10:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราว่าเป็นเรื่องของ opportunity cost ค่ะ ถ้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน คนเราก็จะมีอิสระในการเลือกที่จะใช้เวลา บางคนสามารถทำงานหาเงินเข้าบ้านได้ แต่ถ้าเปรียบเทียบดูแล้วว่าอยู่บ้านเรามีความสุข สามีสบายใจมีคนดูแลลูกดูแลบ้าน ได้ทำประโยชน์ต่อครอบครัวตัวเอง ก็ไม่แปลกที่จะเลือกเป็นแม่บ้านค่ะ จากคุณ : yuy - [ 3 ม.ค. 52 11:31:21 A:124.121.23.137 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดิฉันนี่เองเลยล่ะค่ะ แบบที่คุณ คุณ : fiony  ยกมา โอกาสในการทำงานเป็น 0 แต่มาตรงตรงนี้เเล้ว ดิฉันว่า คุณค่าคนเรามันไม่ได้อยู่ตรงที่ว่า เราทำงานอะไรเสมอไปนะ คือถ้ามีงานดีๆ ทำ มีเงินเป็นของตัวเอง มันดีที่สุดอยู่เเล้ว แต่ถ้าไม่ได้โอกาสนั้น ค่าของเรา มันคงจะอยู่ที่สิ่งที่เราทำ ทำในสิ่งที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องไม่ลืมที่จะหาความสุขจากมันระหว่างทางด้วย ดิฉันนี่ขอสามีกิน มาครึ่งทศวรรษแล้วล่ะ หน้าที่แม่บ้านดูเเล เสื้อผ้า ทำความสะอาดอะไรก็ไม่เคยทำกับเขา แต่สิ่งที่ดิฉันมีให้สามีคือ ดิฉันเป็นเพื่อนคุย เป้นที่ปรึกษา เป็นอีกด้านที่เขาขาด เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา และก็คงเป็นได้เท่านี้ ตราบเท่าที่เขาพอใจที่จะให้เราเป็น แล้วเราก้พอใจที่จะอยู่ในสถานะนี้ ต่างประเทศ ไม่ได้มีแต่ประเทศที่ เจริญ สวย ทันสมัยกว่าประเทศไทยที่เราจากมา มันยังมีประเทศที่เเย่กว่า ประเทศที่เมื่อเราอยู่เเล้ว อยากจะเอาหัวชนกำแพง ด้วยความอัดอั้นในวิธีคิด ของประชาชนในที่นั้นๆ บางคนจากสาวทันสมัย ทำงานเก่งที่บ้านเกิด ต้องไปอยู่แอฟริกา ออกไปจ่ายกับข้าว มีสัตว์ป่าแปลกๆ มาให้เลือกเอาไปกิน   บางคนต้องอยู่ประเทศที่ ความปลอดภัยเป็นเรื่องหรูหรา ลูกต้องมีรถเกราะ กับ ทหารพร้อมอาวุธครบมือ นำรถโรงเรียน ดิฉันว่า คนที่เป็น ประโยคที่ว่า "ผุ้หญิงไกลบ้านหลายคนมาอยู่แบบขอสามีกิน " คงไม่คุ้นเคยกับ ชีวิตที่มีทางเลือก ความสวยงามสมดุลของชีวิตจะมีได้ เราต้องมีทางเลือกที่มากกว่า 1หรือ 2 ทาง จากคุณ : mrs.night owl - [ 3 ม.ค. 52 14:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ได้เป็น ขสมก ค่ะ แต่ก็อยากให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกทำ อย่างนึงที่ดิฉันเลือกเป็นและตกลงกับสามีคือ ทุกอย่างหารสอง งานบ้าน ทำกับข้าว เพราะดิฉันทำไม่ค่อยได้เรื่อง แต่บังเอิญว่าเราสองคนเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำงานด้วยกัน ช่วยกันทำงาน หาเงิน เลยแฟร์ ๆ กันไป เลยเหมือนแฟร์ ๆ กันไปทั้งงานนอกบ้านและในบ้านค่ะ จากคุณ : kwankroot - [ 3 ม.ค. 52 14:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ดิฉันว่า "ขสมก" คำนี้น่ารักดี กลับไปอ่านกระทู้เก่าถึงรู้ว่า ทำไมต้องมาตั้งกระทู้นี้ ความจริงที่เค้าสงสัยก็ไม่แปลก เพราะว่าเค้าไม่ได้มายืนตรงจุดที่แม่บ้านหลายๆคนเป็น ก่อนหน้านี้ได้ยินแม่บ้านหลายคนบ่นว่า แต่ก่อนเคยทำงานพอย้ายมาต่างประเทศไม่ได้ทำงาน ต้องขอเงินสามี ทำให้อึดอัด อยากจะซื้ออะไรเหมือนเดิมก็ไม่ได้ เพราะเงินก็ไม่ได้หาเอง คนที่ไม่รู้อาจจะนึกว่าสบายมีคนให้เงิน แต่ถ้าไม่ได้เป็นเองก็คงไม่รู้ว่าจริงๆ มันไม่ได้สุขสบายนักหรอก ดิฉันคิดว่า งานบ้านมันก็งานอย่างนึง สามีทำงานนอกบ้าน ภรรยาทำงานในบ้าน ถ้ามีลูกยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำ 24 ชั่วโมงไม่มีพัก งานหนักกว่าทำงานนอกบ้านอีก อันนี้แหละงานดีๆและมีเกียรติที่สุด จากคุณ : pixp - [ 3 ม.ค. 52 14:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบทั้งๆ ที่ยังอ่านไม่จบ คนเราชอบคิดแทนคนอื่นจริง เราไม่เป็นเค้าเราไม่รู้หรอกค่ะ ไม่ทราบว่ามีที่ไหนรับสมัคร พนักงาน ขสมก. อีกไหมค่ะ เราอยากทำอาชีพนี้มากเลยค่ะ ไม่เคยเกี่ยงงาน ใครจะดูถูก เราก็ทนได้ค่ะ ปล. คนไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ไม่ได้แปลว่า ไม่มีงานทำนะคะ ดูแม่ๆๆ เป็นตัวอย่าง long term commitment มาก ชาตินี้ไม่ได้พัก ถึงแม้ลูกจะโตมีครอบครัวไปแล้ว ก็ยังมาดูแลหลานๆ อีก ดูแลคนในบ้านทุกคน ทำงานบ้านใครว่าไม่เหนื่อย เราคนนึงอ่ะ คอตเกลียดเลย (ตั้งใจเขียนผิด กลัวจะไม่สุภาพค่ะ) edit: ให้ไปดูแม่บ้านหลายๆ ท่านที่เขียนบล็อคนะคะ อย่างของคุณ ปูขาเก เซมารู เค้าเป็นแม่บ้านคุณภาพมากๆๆๆ อย่าให้เค้าออกมาทำงานนะคะ เพราะอีกหลายคนจะตกงานค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 52 16:58:14 จากคุณ : asiacuisina - [ 3 ม.ค. 52 16:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แปะไว้ก่อน เดี่ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : Match Point - [ 3 ม.ค. 52 17:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เป็น ขสมก เหมือนกันค่ะ แต่ภูมิใจมากๆ   ดีกว่า เป็น  ขสคอก  นะคะ  มันน่าอายมากกว่าอีก จากคุณ : SaNs tOi : Le MoNdE s'EcrOulE - [ 3 ม.ค. 52 18:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาแอบดูสมาชิก ขสมก คะ ^^ เคยคุยกับแฟนเรื่องทำงาน หรือไม่ทำงาน ล่วงหน้าแล้วคะ จะว่า เราเห็นแก่ตัวหรือหาเหตุผลข้าง ๆ คู  ๆ ก็ได้นะคะ แต่ว่าทุกวันนี้ แฟนทำงานไม่ต่ำกว่า วันละ 10 ช.ม. บางวันทำข้ามวัน ไป 2 - 3 วัน ไม่ยอมหลับยอมนอน เขาทำงานเก่ง ขยันทำงาน (บ้างานด้วยคะ T^T) บางเดือนไม่เคยหยุดสักวันเดียว เทศกาลอะไรบ้าบอสารพัด ...ตัดไปได้เลย T^T แล้วถ้าเราไปทำงานนอกบ้านอีก ใครจะทำงานบ้าน ใครจะดูลูกของเราล่ะคะ แฟนว่า เขาตามใจเรื่องจะทำงานหรือไม่ เพราะเขามีปัญญาเลี้ยงดูเรา แต่ข้อแม้ของเขาคือ อยากมีลูกเลย แต่ว่าต้องเลี้ยงลูกเอง เขาไม่ชอบพวกพี่เลี้ยงเด็ก แล้วก็แพงด้วยคะ ดูแลทุกอย่างในบ้านเอง แค่ 2 ประเด็นนี้ บวกกับ ภาษาไม่ได้ ไปไหนก็หลงทางประจำ(ขนาดกรุงเทพฯ ยังหลงแล้วหลงอีก - -") เท่านี้แหละคะ คำตอบก็เหลือแค่ ทางเดียว - -" ปล.ชอบความเห็นของคุณ asiacuisina จังคะ ทุกวันนี้เราไม่ได้ทำงานนอกบ้านคะ แต่เราขายของออนไลน์คะ (ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ไม่ได้หมายความไม่ทำงานนี่คะ) จากคุณ : ว่าที่ ขสมก (วิหคลม) - [ 3 ม.ค. 52 22:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พนักงานขสมก ทั้งหลาย ปีนี้อย่าลืมทวงโบนัสนะคะ ^^ จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 3 ม.ค. 52 22:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 "ถึงแม้ว่าคุณจะมีใบปริญญามากี่ใบจากเมืองไทยก็แล้วแต่ ถึงอย่างไรเรื่องของภาษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"   เห็นด้วยค่ะ นอกจากเรื่องภาษาแล้วขอเพิ่มเรื่องของตลาดแรงงานของเมืองที่คุณอาศัยอยู่เข้าไปด้วยนะคะ       ตอนย้ายมาอเมริกาก็หอบปริญญาจากเมืองไทยมาหลายใบเหมือนกันค่ะ แต่รู้สึกว่ามันจะมีความหมายน้อยมากสำหรับเมืองเล็กๆที่เราอยู่  ตลาดแรงงานมันจำกัด งาน/ ตำแหน่งที่ตรงกับสาขาและประสบการณ์ที่เราเคยทำตอนอยู่ กทม. ลืมไปได้เลย เรื่องภาษาไม่มีปัญหา ฟัง อ่าน เขียน ได้ในระดับดีมากๆ เสียแต่เป็นคนขี้อาย และพูดน้อย  ภาษาพูดเลยไม่พัฒนา 555 เพราะไม่อยากเป็น "ขสมก" นาน พอได้ใบอนุญาตทำงานก็ออกหางานทำ แต่ได้งานที่เราไม่ถนัด (ร้านอาหารไทย) ถึงงานจะหนัก แต่ก็ยินดีทำไม่มีถอย  สามีทนไม่ได้ที่เห็นเราลำบากกว่าตอนอยู่เมืองไทย บอกว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่องานนี้ ทำต่อไปก็คงไม่รุ่ง เลยส่งเข้าโรงฝึก (มหาวิทยาลัย) ใหม่ บอกให้คว้าเอาปริญญาจากที่นี่มาอีกใบ จะได้มีงานดีๆ และมั่นคงทำถ้าอยากจะทำงาน คิดไปคิดมาก็คงน่าเสียดายเหมือนกันถ้าเรียนจบแล้วจำเป็นต้องสละตำแหน่ง "ขสมก" เพราะมีความสุขที่ได้ทำตำแหน่งนี้มาก ทั้งนายจ้าง และลูกจ้างต่างแฮ๊ปปี้กันถ้วนหน้า แต่มาคิดอีกที คงต้องขอควบตำแหน่ง ยังไงก็ไม่ขอสละตำแหน่ง "ขสมก" แน่นอน จากคุณ : ณ ขอบฟ้า - [ 3 ม.ค. 52 22:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โดนบังคับให้ทำทำงาน ขสมก แต่ก็ไม่คิดมากนะคะ คนเราต่างคนต่างความคิด พื้นฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่ว่าใครจะพึงพอใจ กับความสุข ที่อยากได้มากแค่ไหน จากคุณ : dcapar - [ 3 ม.ค. 52 22:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามายกมือเป็น  "ขสมก" ด้วยคนค่ะ  แต่ก้อมีบ้างที่แอบหลบไปทำอย่างอื่น แต่อาชีพหลัก ก้อคือ "ขสมก" นั่นแหละ  ว่าจะทวงโบนัสอยู่เหมือนกัน  หิหิหิ จากคุณ : Fon_Sandiego - [ 4 ม.ค. 52 01:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ผมได้ตอบไปในอีกกระทู้หนึ่งที่ว่า "ทำไม ผู้หญิงที่ไปอยู่ต่างประเทศห้องนี้รู้สีกว่า 95% มีสามีฝรั่งเลี้ยง ไม่ค่อยเห็นมีแบบมีความสามารถหางานดีๆ เองได้เลยแฮะ " สรุปมันก็เป็นเรื่องจริง คุณผูหญิงหลายๆ คนมาตอบกันเองและก็ภูมใจกันด้วยว่ายอมรับว่ามันเป็นความจริง การที่อ้างว่าภาษาไม่ดีมันอ้างไม่ขึ้นครับ คุณอยู่ต่างประเทศแล้วก็ต้องพูดภาษานั้นๆ คนเรามันเรียนรู้กันได้ แต่คุณเลือกที่จะเรียนรู้หรือไม่ นั่นมันขึ้นกับปัจเจกบุคคล แบบนี้คุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่มีการศึกษาแล้วได้สามีฝรั่งเพื่อมาคอยดูดเงินเขา (อันนี้ถ้าไม่เป็นเรื่องจริง เมืองไทยคงไม่โด่งดังทั่วโลก) พวกเขาเหล่านั้น น่าสงสารกว่าอีกนะผมว่าเพราะเขาไม่มีการศีกษาจริงๆ แต่คนที่มีแล้วบอกว่าภาษาไม่ดี หางานไม่ได้ ผมถามหน่อยถ้าวันนึงต้องเลี้ยงลูกโดยไม่มีสามีมาช่วย คุณจะสามารถหาเลี้ยงลูกได้ด้วยตัวเองที่เมืองนอกหรือปล่าว หลังจากที่ได้อ่านคำตอบหลายๆ อันที่นี่ผมแค่คิดว่าผู้หญิงไทยในต่างแดนก็เหมือนกันหมด แม้จะมีการศีกษาหรือไม่ ก็ทำ ขสมก เหมือนกัน เวลาคุณๆ กลับไทยเวลาคนไทยเห็นเค้าเลยเหมารวมไงครับว่า เกาะสามีกินแน่ๆ แต่ก็เถียงไม่ได้สินะครับเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง แค่อยากเห็นคนไทยแบบมาเรียนเมืองนอก หางานได้เอง ทำให้ที่บ้านภูมิใจว่าเราช่วยตัวเองได้นะ คนไทยฉลาด ไม่ใช่มาอยู่เมืองนอกเพราะ ขสมก จากคุณ : Curious - [ 4 ม.ค. 52 01:29:04 A:71.239.175.110 X: TicketID:172085 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อิอิ แอบมาอ่านพนักงาน ขสมก ทั้งหลาย เราก็เป็นแหละ อาชีพนี้ ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ นะค่ะ ถึงแม้จะ หางานทำได้แล้ว เย้ เย้ แต่...ก็ยินดีเป็น พนักงาน ขสมก ต่อไป...ด้วย ควบ 2 ตำแหน่งเลย อิอิ จากคุณ : Jeab's Story - [ 4 ม.ค. 52 01:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ Curious คนที่เข้ามาตอบนั้นส่วนมากเค้าก็มีครอบครัวมีลูกเต้ากันทั้งนั้นนะคะ บางคนสามีเค้าก็อยากให้ภรรยาอยู่บ้านดูแลเค้า เพราะไม่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงาน สามีมีปัญญาเลี้ยงภรรยาได้ดิฉันไม่เห็นว่ามันแปลกตรงไหน เพื่อนฝรั่งผู้หญิงหลายคนก็เป็นอย่างนั้น คืออยู่บ้านสามีเลี้ยงดู ตัวอย่างคนรู้จัก ที่เป็นคนไทยมีภรรยาอังกฤษกลับไปอยู่เมืองไทย สามีเค้าก็ยังเลี้ยงภรรยาเพราะไม่จำเป็นต้องให้ภรรยาไปหางานทำ ดิฉันรู้จักผู้หญิงไทยที่เป็นแบบอย่างที่คุณพูดคือ มาเรียนเมืองนอก มีกิจการเป็นของตัวเอง และยังได้ช่วยให้คนไทยคนอื่นได้งานทำด้วย ถ้าเธอแต่งงานและสามีอยากให้ออกจากงานมาเลี้ยงลูกก็คงทำ เพราะคงไม่ไว้ใจใครมาดูแลลูกตัวเองหรอกค่ะ อีกอย่างฝรั่งเองก็ไม่ใช่ว่าดีเด่ไปทุกคน เคยมีคนเข้ามาจีบเธอเพียงเพราะคิดว่าเธออยู่ในฐานะพอที่จะเลี้ยงเขาได้นะคะ จากคุณ : Rinta - [ 4 ม.ค. 52 01:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ..นานาจิตตังค่ะ.. เราคงไม่สามารถบังคับให้ใครมาเห็นชอบด้วยกับ"ชีวิตเรา"ได้หรอกค่ะ ครอบครัวเรา เรารู้ดีที่สุดนี่คะ จะไปใส่ใจลมปากคนที่ "ไม่รู้จักและไม่ได้มีความสำคัญ" กับชีวิตเราทำไม จริงมั้ยคะ :-) ประสบการณ์ชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน จะมาบังคับว่าควรเป็นแบบนั้น ต้องเป็นแบบนี้ มันไม่ได้หรอกค่ะ อย่าไปคิดแทน(ครอบครัว)คนอื่นเลย เอาเวลาไปทำประโยชน์อย่างอื่นให้สังคมดีกว่านะคะ (เช่นออกความเห็นน่าฟัง มีประโยชน์ ช่วยให้สังคมพันทิปน่าอยู่ อันนี้ดีกว่านะคะ) ท้ายสุดนี้ จากประสบการณ์ส่วนตัวของดิฉัน (ย้ำนะคะว่าส่วนตัว ดังนั้นผู้ที่หวังดีไม่ต้องลำบากคิดแทนดิฉันนะคะ) คิดว่างานที่ยาก หนัก และเหนื่อยที่สุดที่เคยทำมา คือการอยู่บ้านดูแลสามีและลูกให้อยู่ดีมีสุขค่ะ เพราะมันเป็นงาน 24 ชม. พักไม่ได้น่ะสิคะ ตอนนี้รอให้ลูกโตเข้าโรงเรียนก่อน จะไม่รอช้าขอกลับไปทำงานเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ คุณมีสิทธิ์"ดูผิด"คนอื่นได้ แต่ในขณะเดียวกัน คนอื่นก็อาจ"ดูถูก"ความคิดคุณจากสิ่งที่คุณเอ่ยมานะคะ ดังนั้นการไม่พูดหรือออกความเห็น ก็ฉลาดกว่าในบางโอกาสค่ะ แก้ไขมีตกหล่นค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 52 02:44:16 จากคุณ : มนลิลลี่ - [ 4 ม.ค. 52 02:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พอดี เห็นเขียนว่าทำขสมก. แปลกดี เลยแวะมาดู ปรากฏว่าโดนหลอกอย่างจัง!! แต่ยังไงก็ตั้งใจแล้วว่าปีนี้จะขยันออกความเห็นให้มากขึ้น ขอเม้นท์แล้วกันครับ อ่านคห .17 ต้องบอกว่าเห็นด้วย ดูเหมือนหลายๆคนมักคิดว่าประเทศต่างแดนต้องเป็นที่เจริญกว่าเมืองไทย บางประเทศเจริญน้อยกว่าไทยมากๆและงานที่สามีทำเป็นงานเกษตรแบบดั้งเดิมที่ภรรยาไทยไม่อาจเข้าไปช่วยอะไรได้เลย โอกาสทำงานเป็นศูนย์จริงๆหรือแม้ทำได้ก็ยังก้ำกึ่งกับงานในครัวเรือนอยู่ดี (ประเทศแปลกๆเหล่านี้หาดูได้จาก National Geographic แฮ่ม!) ตรงนี้อาจเห็นต่างกับคห.28 ซักนิด มาดามไกลบ้านที่ทำขสมก (ยืมใช้ซะเลยนะครับ) หลายท่านที่ผมนับถือเลือกที่จะทำเช่นนั้นก็เพื่อทำให้ชีวิตครอบครัวลงตัวมากกว่าเหตุผลอื่น หากมัวแต่แข่งกันสร้างดาวคนละดวง จ้างคนอื่นมาดูแลลูก ทำความสะอาดบ้าน ซื้ออาหารสำเร็จจากข้างนอกมาเข้าเวฟ บางทีค่าใช้จ่ายจะบานและเผลอๆอาจทำให้ครอบครัวพังไปเลยก็ได้นะครับ ในประเทศที่ผมอยู่ (ซึ่งก็เจริญน้อยกว่าเมืองไทย) ใกล้ตัวผมก็มีคู่สามีภรรยา สามีเป็นฝรั่ง ภรรยาเป็นคนไทย เธอเป็นคนเข้มแข็งมากๆ แม้ไม่ได้ทำงานข้างนอกแต่รู้เรื่องราวสารพัดและเป็นที่พึ่งพิงของคนไทยคนอื่นในยามยาก เธอมักจะคอยแนะนำคนไทยที่มาใหม่เรื่องการใช้ชีวิตและแนะนำแหล่งงานต่างๆสำหรับคนตกงาน หากเธอคนนี้ต้องการจะทำงานเองข้างนอกมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลย แต่เธอเลือกที่จะใช้ชิวิตอย่างที่เป็นอยู่เพราะมันทำประโยชน์ให้กับสามีและคนไทยอื่นๆได้มากกว่า ดังนั้น เราไม่ควรด่วนหาข้อสรุปอะไรจากสิ่งที่เราเห็นเพราะสิ่งที่เราไม่เห็นมีอีกเยอะครับ จากคุณ : Ter - [ 4 ม.ค. 52 02:47:45 A:192.168.0.17 X:85.154.51.127 TicketID:182506 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขสมก. (ตำแหน่ง กระเป่าฯ.ค่ะ )รายงานตัวอีกคนนะคะ....         สามีจะพูดอยู่เสมอว่า การเป็น แม่...นี่เป็นงานที่สำคัญที่สุด และขอบคุณดิฉันเป็นอย่างมากที่ทุ่มเทช่วงชีวิตช่วงนี้ของตัวเอง เพื่อเลี้ยง ดูแลลูกเอง และดูแลเค้า ....          บางคนอาจจะมองถึงแต่ตัวเลขรายได้มากไปจนเกินกว่าที่จะคิดได้ ว่า   การกระทำบางอย่างที่ทุ่มทำด้วยหัวใจ  ค่าทางใจมีมากมายกว่าตัวเงิน หลายเท่านัก          คนที่มีเงิน โอกาสในการลงทุนจะมีเข้ามาเป็นระยะ ....          แต่การลงทุนที่จะได้อยู่เลี้ยงดูด้วยตัวเอง ดิฉันมองว่าเป็นการลงทุน ที่ล้ำค่าหาค่าไม่ได้  โดยเฉพาะในวัยที่ลูกต้องการความเอาใจใส่บ่มเพาะพื้น นิสัยมากที่สุดนั้น มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น เพราะมันจะผ่านแล้วผ่านเลย และเมื่อวันเวลาผ่านไปมีความพร้อม คิดอยากจะให้ลูกกลับไปเป็นเด็กแบ เบาะ เตาะแตะ พูดอะไรๆให้พ่อ+แม่ ได้งงงงง ขำๆ อีกก็ไม่ได้แล้ว.....              ทั้งนี้แต่ละครอบครัวอาจจะมีภาระ และปัจจัย ในการตัดสินใจเพื่อ จัดลำดับความสำคัญในชีวิตแตกต่างกันไปนะคะ ดิฉันเคารพในการตัดสินใจ ของทุกท่านค่ะ แต่สำหรับดิฉันภูมิใจที่ได้เลี้ยงดูลูกเองและยังอยู่ในตำแหน่ง ขสมก. นี้ค่ะ จากคุณ : แม่ขา - [ 4 ม.ค. 52 02:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ curious ความเห็นที่ 28 ตอนแรกที่ดิฉันอ่านจากกระทู้เก่า เข้าใจว่าคุณเขียนแสดงเพราะความสงสัยจริงๆเหมือนกับชื่อ แต่ความเห็นที่คุณเพิ่งมาเขียนตรงนี้ คุณตั้งใจพูดโจมตี และอคติกับแม่บ้านต่างแดน ซึ่งดิฉันก็ไม่เห็นประโยชน์จะพูดโต้แย้งอะไรอีกต่อไป ถ้ามันจะทำให้คุณมีความสุข เพียงเพราะการใช้คำพูดที่ดูถูกคนอื่นแล้วทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ดิฉันก็ดีใจด้วยนะคะ อย่างที่สมาชิกท่านนึงว่าไว้ การให้ทานที่ได้บุญและทำได้ง่ายคือ อภัยทาน จากคุณ : pixp - [ 4 ม.ค. 52 04:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดิฉันก็เป็นอีกคนที่อยู่ในสังกัด ขสมก ค่ะ แรก ๆ ก็เหมือนป้ามะลิเปี๊ยบ...ย้ายไปอยู่ในประเทศที่พูดภาษาที่ไม่ใช่อังกฤษ  หางานก็ยากมาก ๆ เพราะประสบการณ์กับความรู้ในสายงานที่ทำมาตลอดนั้น  จำเป็นต้องสื่อสารกับพนักงานในองค์กรได้อย่างดี  รวมไปถึงเรื่องกฏหมายในประเทศนั้น ๆ ด้วย อยู่ไปสองปีกว่า ๆ  พอย้ายมาอังกฤษ  ก็หางานยากยิ่งกว่างมเข็ม  เพราะไม่ได้ทำงานมาเป็นเวลานานพอสมควร   ไปสัมภาษณ์งานเข้ารอบลึกหลายครั้ง  มาตกม้าตายตอนเปรียบเทียบกับชาวบ้านเขา เราไม่มีประสบการณ์ทำงานในอังกฤษมาก่อน  และไม่ได้ทำงานมานาน... ไม่ใช่อยากจะ ขสมก อย่างเดียวหรอก  แต่โอกาสมันยากมาก ๆ แต่ก็นั่นแหละนะ  ของพรรค์นี้  จะมาตัดสินค่าของคนที่งานที่เค้าทำได้ไง  คนสมัยรุ่นแม่ รุ่นยาย ย่า  ที่ผู้หญิงแต่งงานแล้วเป็นแม่บ้าน ดูแลบ้าน ทำกับข้าว  ก็ไม่มีคุณค่าหรือไง.... อย่าไปวัดค่าของคนตรงนั้น...มันไม่เกี่ยวกัน   ถึงงานบ้านจะเป็นงานที่ไม่มีเงินตอบแทน  ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นงานที่ไร้คุณค่านี่นะ  เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า  แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ  ไหม... บ้านไหนขาดแม่บ้าน แม่เรือน  ที่ดูแลครอบครัวด้วยความรัก  แล้วจะรู้... จากคุณ : Amber n the Gang - [ 4 ม.ค. 52 04:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณน้องCurious คะ นักเรียนไทยที่มาเรียนเมืองนอกหลายๆ คนเขาฉลาดกันทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ดิฉันเชื่ออย่างนั้น         บางคนเขาก็มีงาน อาจจะเป็นงานที่ดีด้วย แต่อาจจะยังไม่ได้แต่งงาน กรณีนี้เขาถึงยังไม่อยู่ในข่าย ขสมก ค่ะ ส่วนพวกแม่บ้านต่างแดน หน้าที่ดูแลครอบครัวก็คืองานและหน้าที่ที่สำคัญ ส่วนถ้าวันหนึ่งขาดสามี จะเลี้ยงลูกคนเดียวได้ไหมที่เมืองนอก       มันก็ไม่ถึงกับเลี้ยงไม่ได้หรอกนะคะ เพราะบางประเทศเขาก็มีสวัสดิการที่ดีให้กับเด็กๆ และบรรดาแม่บ้านขาดที่พึ่ง     แต่ดิฉันพอจะนึกภาพออกค่ะว่า ภรรยาของคุณน้องCurious อาจจะต้องลำบากแน่ถ้าเขาได้คุณน้องเป็นสามี เพราะนอกจากจะไม่อาจช่วยเหลืออะไรภรรยาแล้ว คงจะคิดว่าถ้าเธอหางานทำที่ดีไม่ได้ เธอก็คงจะเป็นพวกไร้ความสามารถ ขาดสามีอย่างคุณไปคงต้องลำบากแน่ๆ         คุณน้องขา คุณป้าจะบอกให้นะคะว่าขนาดปุ๋ย นางงามจักรวาลที่มีทั้งความสวยและความสามารถรอบตัวขนาดนั้น เธอยังสังกัดหน่วยงาน ขสมก เลยค่ะ คนไทยฉลาดๆ มีเยอะค่ะ แต่ที่โง่ๆ แล้วอวดฉลาดก็เยอะเหมือนกัน   ตามนี้แหล่ะค่ะ ขอให้คุณน้องโชคดีปีใหม่ มีภรรยาที่ฉลาดและความสามารถรอบด้านนะคะ จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 4 ม.ค. 52 05:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สามีไม่ทิ้งเงินไว้ให้ใช้มานานแล้ว กำลังด่าอยู่นี่เลย ยังไงซะทำงานดีไม่ดี มีรายได้เองหรือไม่มี ดิฉันก็ต้องให้สามีวางเงินไว้ให้ตามสมควร เพื่อที่แสดงความรับผิดชอบต่อชีวิตเราและครอบครัว ไม่งั้นผู้ชายก็เอาเงินที่มันมีมากเหลือเฝือไปทำนุบำรุงผู้หญิงคนอื่นหมดกันพอดีซิคะคุณ ที่เป็นขสมกน่ะ เพราะมันมีเหตุมีผลนะคะ   ถามคุณCurious หน่อยค่ะ ว่าผู้หญิงฝรั่งแต่งงานกับผู้ชายชาติอื่นแล้วไม่ทำมาหากิน ในความคิดของคุณ คุณว่าผิดไหมค้ะ?? จากคุณ : hamble pie - [ 4 ม.ค. 52 05:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เอา link มาฝาก เสียใจจริงๆค่ะ ที่ดิฉันไปแก้ตัวแทนคุณตอนที่คุณ currious มาตั้งกระทู้คราวนั้น ด้วยความที่ดิฉันพยายามมองคนในแง่ดี แต่ว่าดิฉันมองคุณผิดไป http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/10/H7122737/H7122737.html จากคุณ : pixp - [ 4 ม.ค. 52 05:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 วันนั้นก้เข้าไปตอบเหมือนกันค่ะ พอดีทิ้งคำถามไว้ ป้ามะลิกับลุงมะระ ก็มาตอบ เรื่อง ขสมก ก้ขอบคุณไป กลับมาเห็น คุณ curious โพสท์ ไปประโยคเจ้าปัญหา ก็อึง ๆ ไปพักนึงแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร เพราะรู้แน่หละว่าต้องเป็นเรื่อง ในฐานะที่สามีต่างชาติเหมือนกัน เราก็คิดอย่างคนอื่น ๆ ทุกท่านคะ ข้อหนึ่ง จขกท พูดถูกมาก ขนาดมีใบปริญาเกรดดีมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ ยังรองานประมาณสามเดือนเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าอะไร ๆๆ มันจะมาสมัครปุ๊บติดปั๋บนะคะ ไม่มีใครเค้าอยากจะขอสามีกินตลอดเวลาหรอกค่ะ คนเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกทำค่ะ อยู่ที่ว่าทำอะไรแล้วเป็นสุขใจ จากคุณ : 2nd home - [ 4 ม.ค. 52 06:09:08 A:192.168.0.17 X:90.195.130.184 TicketID:196550 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดิฉันก็อยู่เมืองนมเย็นเหมือนกันค่ะ ทำงาน ขสมก มาเกือบ  2 ปี ตอนนี้ได้งานทำแล้วค่ะ ไม่ได้เป็นงานหรูหราอะไรถ้าเทียบกับงานที่เมืองไทยที่เคยทำมาหรือว่าเทียบกับงานที่นี่ก็ตาม แต่ดิฉันก็ไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจเลยค่ะ กลับดีใจและภูมิใจเสียอีกที่เราหาเงินเองได้และก็ได้ช่วยสามีเรื่องค่าใช้จายที่บ้าน สิ้นปีมีเงินโอนให้บ้านที่เมืองไทย ดิฉันคิดว่าใครไม่เคยยืนอยู่ตรงจุดนี้คงไม่เข้าใจหรอกค่ะ การย้ายมาอยู่อย่างถาวรในประเทศที่พูดภาษาที่ 3 เป็นเรื่องยากมากๆค่ะที่จะหางานทำได้ถ้าคุณพูดภาษาเขาไม่ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษเฟอร์เฟคก็ตาม ถ้าคุณไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเนทีฟ ดิฉันว่าก็คงยากที่จะหางานบริษัทอินเตอร์ทำ หรือแม้แต่สถานทูตไทยก็ยังไม่สนคุณเลยถ้าคุณพูดภาษาท้องถิ่นของที่นี่ไม่ได้ นอกจากเรื่องภาษาที่สำคัญแล้ว " สำเนียง " ค่ะ สำเนียงยังเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการสื่อสารอีก ขนาดงานทำความสะอาด ขัดๆถูๆเขายังไม่รับเข้าทำงานเลยค่ะ ยิ่งถ้าได้มาอยู่ในประเทศที่ปิดด้วยแล้ว ปริญญากับประสบการณ์ทำงานที่เมืองไทย ลืมไปได้เลยค่ะ ดิฉันกล่าวถึงประเทศปิดในที่นี่ก็เพราะเขาปิดจริงๆค่ะ เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นภาษาและวัฒนธรรมของเขาเป็นเรื่องสำคัญค่ะ ใครมาอยู่ใหม่ก็ต้องเรียนรู้ ประเทศที่พูดภาษาที่สามส่วนใหญ่ประชากรก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้นะคะ แต่เขาคงไม่ถนัดที่จะพูดกัน พูดภาษาเขาดีที่สุด การเรียนภาษาที่นี่เป็นกฎหมายค่ะ ใครที่ต้องพึ่งพาสามีเรื่องเงินในช่วงแรกดิฉันว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกค่ะ เพราะถ้าสามีดิฉันย้ายไปอยู่เมืองไทยแล้วช่วงแรกบังเอิญยังหางานทำไม่ได้ ดิฉันก็เต็มใจเลี้ยงค่ะ อยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่าคิดมากกันเลยนะคะ ลำพังเรียนรู้ภาษา สังคม วัฒนธรรม ใหม่ๆนี่ วันๆก็ปวดหัวไปหลายรอบแล้วค่ะ จากคุณ : sunisaogkim (sunisaogkim) - [ 4 ม.ค. 52 06:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 " อันที่นี่ผมแค่คิดว่าผู้หญิงไทยในต่างแดนก็เหมือนกันหมด แม้จะมีการศีกษาหรือไม่ ก็ทำ ขสมก เหมือนกัน" เหมือนกันหมดหรือคะ คุณรู้จักสักกี่คนคะ แล้วทราบว่ามีคนไทยอยู่ต่างประเทศกี่คนคะ แล้วคุณไปรู้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของทุกคนเลยหรือคะ ถึงได้สรุปแบบนั้น แล้วผู้หญิงไทยที่อยู่เมืองไทยเขาทำมาหากินทุกคนเลยหรือคะ เพิ่งได้ความรู้ใหม่ อีกอย่างหนึ่ง การเป็นแม่บ้านมันเสียหายตรงไหนคะถึงได้ไปพูดดูถูกแบบนั้น ภรรยาประธานาธิบดีของสหรัฐฯเขา ขสมก กันทุกคนเลย ทราบหรือเปล่าคะ แม้แต่ Michelle Obama ก็ต้องเลิกทำงาน เลี้ยงลูก ดูแลบ้านดูแลสามีไม่ใช่ของง่ายนะ คุณลองเลี้ยงลูก ดูแลบ้านช่องสักวันสิ จะได้รู้ว่าหนักกว่าทำงานนอกบ้านอีก ห้ามโยนให้คนใช้ล่ะ เพราะอยู่เมืองนี้ไม่มีใครมีคนช่วยทำอะไรสักอย่างนะ ต้องทำเองทุกอย่าง ตอนนี้อยู่กันสองคนตายาย มีความสุขดี จากคุณ : ป้าเองค่ะ (ป้านี่เอง) - [ 4 ม.ค. 52 08:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นพนักงานขสมก.เหมือนกันค่ะ อิอิ.. ควบขับแท็กซี่อีกตำแหน่ง ตามแต่เด็กๆที่บ้านจะให้ไปส่งที่ไหน5 5 จากคุณ : ปูขาเก เซมารู - [ 4 ม.ค. 52 08:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มาตอนโชว์ใกล้จะจบทุกที...ฮ่วย!!! อ่านความคิดเห็นของคุณ Curious แล้วรู้สึกเหมือนๆโดน "ถูกดู" ดูถืกกกกนั่นแหละ ประโยคที่คุณCurious บอกว่า "ผมแค่คิดว่าผู้หญิงไทยในต่างแดนก็เหมือนกันหมด แม้จะมีการศีกษาหรือไม่ ก็ทำ ขสมก เหมือนกัน เวลาคุณๆ กลับไทยเวลาคนไทยเห็นเค้าเลยเหมารวมไงครับว่า เกาะสามีกินแน่ๆ แต่ก็เถียงไม่ได้สินะครับเพราะว่ามันเป็นเรื่องจริง" อ่านจบถึงกับต้องรีบไปหา Quote มาให้ "I don't know what makes you so dumb but it really works " เพราะมันเข้ากับประโยคข้างบนอย่างมากมาย... เดี๊ยนเคยสงสัยมานาน จนตอนนี้เกือบๆจะเลิกสงสัยแระ ว่า "ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ถึงชอบตั้งแง่ดูถูก ผู้หญิงไทยในต่างแดน" และ "คนไทยที่ว่าส่วนใหญ่นี้ ถ้าทำสถิติออกมาระหว่างผู้หญิงไทย กับผู้ชายไทย ฝ่ายไหนจะดูถูกผู้หญิงไทยมากกว่ากัน??" คุณ Curious กำลังมาช่วยให้ความกระจ่างกับผู้หญิงไทยในต่างแดนว่าตัวคุณเองก็ "เป็นหนึ่ง" ในนั้นเช่นกัน...(จริงมั๊ย... จริงสิ เพราะประโยคที่คุณเขียนมันก็แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งแล้ว) ในประเทศเยอรมัน ผู้หญิงและชาย มี "ความเท่าเทียมกัน" ค่ะ "ภรรยาเกาะสามีกิน" <---ภาษาของคนไทยแบบคุณน่ะนะ ที่นี่เค้าเรียกว่า "แม่บ้าน"(Hausfrau) หรือ "สามีเกาะภรรยากิน" <--ตามภาษาของผู้หญิงไทยที่ดันซวยไปแต่งงานกับ "ชายไทย" ที่ไม่ยอมทำมาหากิน ซึ่งที่เยอรมันจะเรียกว่า "พ่อบ้าน" (Hausmann) ตำแหน่งทั้งสองนี้ในประเทศเยอรมัน ถือว่า คือ "อาชีพ" ค่ะ โดยรัฐจะจัดสรรในเรื่องของการลดหย่อนภาษี และลำดับขั้นในการเสียภาษีให้สำหรับคู่สมรส รัฐบาลที่เยอรมันไม่ได้มอง "ผู้หญิงไทยที่มาแต่งงานกับชาวเยอรมัน" แบบที่ "คนไทยแบบคุณ หรือที่คุณอ้างว่าคนไทยส่วนใหญ่" มองนะคะ สารภาพตรงๆว่า "อ่านความคิดเห็นของคุณแล้วรบกวนจิตใจอย่างแรงยิ่งกว่าข่าวไอ้หน้าโง่เอาพลุไปจุดในผับซานติก้าซะอีก" ที่คุณบอกว่า "แค่อยากเห็นคนไทยแบบมาเรียนเมืองนอก หางานได้เอง ทำให้ที่บ้านภูมิใจว่าเราช่วยตัวเองได้นะ คนไทยฉลาด ไม่ใช่มาอยู่เมืองนอกเพราะ ขสมก" สำหรับดิฉันแล้ว "แค่อยากเห็นผู้ชายไทย(ส่วนใหญ่แบบคุณ) แสดงความฉลาดอย่างจริงจังซะที ไม่ใช่คิดว่าการมาเขียนอะไรดูถูกผู้หญิงไทยเพียงเพราะ "ผัวฝรั่งส่วนใหญ่ เค้าดูแลภรรยาไทยดีกว่า" พยายามอย่ามองโลกแค่ด้านเดียว(ฝั่งไทย) ถ้าเมืองนอกมันอยู่ไกลเกินไป และมองไม่เห็นด้านที่สร้างสรรของคนไทยแล้ว ก็อย่าพยายามชะโงก หรือยื่นหน้ามาแสดงความฉลาดน้อยผ่านตัวอักษรแถวๆนี้เลย ขอเถอะนะพ่อคู๊ณ...." จากคุณ : Flowerfun - [ 4 ม.ค. 52 09:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 "ผมถามหน่อยถ้าวันนึงต้องเลี้ยงลูกโดยไม่มีสามีมาช่วย คุณจะสามารถหาเลี้ยงลูกได้ด้วยตัวเองที่เมืองนอกหรือปล่าว" คำถามจากคุณCurious ที่ถามหน่อย แต่เดี๊ยนไม่ได้ชื่อหน่อยนะฮ้า อ่านมาไม่เห็นมีใครตอบ เลยขอตอบให้นะฮ้า ที่เยอรมัน "การเลี้ยงลูก" นั้นไม่ต้องอ้อนวอนเกาะขาสามีขอเงินให้ช่วยนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องของกฏหมายที่รัฐบาลระบุไว้ว่า "สามี-ภรรยา" ต้องช่วยกัน "ส่งเสีย" และมิใช่ "ส่งกันตามมีตามเกิดแบบไทยแลนด์แดนสยอง เย้ย สยามนะฮ้า" ถ้าไม่ส่งเสียตามที่ระบุไว้ก็เจอ "คุก" ค่ะ เด็กทุกคนจะได้รับ "เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่มเติมอีกด้วย" การศึกษาฟรีตั้งแต่แบเบาะ เรียนไปจนจบวิชาชีพ เดี๊ยนไม่แน่ใจว่า ก่อนที่คุณจะพิมพ์ประโยคคำถามนี้เนี่ย คุณได้หาข้อมูลมาดีรึเปล่า... และถ้าสามีเท่งทึงไปตอนลูกยังเล็กนะคะ เค้าก็มีประกัน(ซึ่งเยอะแยะมากมายค่ะ) ที่จะจ่ายให้ ตัวเงินมันมาจากหลายๆที่ เพราะเหตุนี้ไงคะการเก็บภาษีของเยอรมันถึงได้แพงมากถึงมากที่สุด ฉะนั้นขอจงสบายใจแทน "ผู้หญิงไทยในต่างแดน" โดยเฉพาะเยอรมันได้เลยนะคะ ว่าพวกเราสบายแฮกันดี๊ ดี...รับรองค่ะว่า สบายกว่าบรรดาคนไทยส่วนใหญ่ที่คอยจ้องจะดูถูกว่า "ดูดเงินสามี" ม๊ากมากฮ่ะ อ่ะแถมๆ...เกรดของภาษีสำหรับคู่สมรสจะอยู่ที่ Klasse 3 & 5 นั่นคือ Klasse 3 <---จะดีสำหรับฝ่ายคู่สมรสที่มีรายได้มาก ซึ่งจะโดนหักภาษีน้อยนิด (ก็ไม่นิดเท่าไหร่นา...เอื๊อกส์) กับ Klasse 5 <---สำหรับคู่สมรสที่มีรายได้น้อยเท่าหอยมด โดนหักภาษีแทบมิเหลือหลอ อันนี้รัฐบาลให้สามี-ภรรยาไปแบ่งกันเองว่าใครจะอยากได้ Klasse ไหนแต่คนหนึ่งล่ะที่จะได้คลาส 3 และอีกคนจะได้ คลาส 5 ทุกวันนี้เดี๊ยนทำงานก็มิได้ร่ำรวยแต่ประการใด เนื่องจากรายได้(หลังหักภาษีคลาส 5) น้อยนิ๊ดส์ ซึ่งสามีส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยากให้ภรรยาออกไปทำงานนอกบ้านซักเท่าไหร่ ก็เพราะเสียเวลาไม่คุ้ม แถมโดนหักภาษีแทบไม่เหลือไร และมีอีกประเภทคือถ้ารายได้ของคู่สมรส "มากพอๆกัน" ก็สามารถเลือกที่จะเสียภาษีในคลาส 4 ทั้งคู่เหมือนกัน และคลาส 4 นี้จะเสียภาษีมากเท่าๆกับ "คนโสด" คือ Klasse 1 เขียนมาให้เพื่อที่จะ "เข้าใจเพิ่มเติม" ว่า การที่คนไทย หรือ ผู้หญิงไทยในต่างแดน ไม่ได้ออกไปบึ๊ดจ้ำบึ๊ดทำงานหน้าดำนอกบ้านน่ะ ไม่ได้แปลว่า "คนไทยไม่ฉลาด" นะยะ แต่ทว่ามันมีเหตุผลในเรื่องนี้ด้วย   แหมขอให้ได้ "โอกาสเห๊อะ" ดูถูก "เมียฝรั่ง" กันจริ๊งงงงงง คนไทยส่วนใหญ่แบบคุณCurious เนี่ยเป็นไรกันไปหมดก็ไม่รู้....เฮ้อ จากคุณ : Flowerfun - [ 4 ม.ค. 52 09:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แวะเข้ามา . . อ่านเจอ คห 36 ของคุณป้ามะลิ แล้ว แอบสะใจเล็กๆ . . เพราะผมก็สนับสนุน (ด้วยความเต็มใจ . . แฮ่มๆ) ให้คุณแม่บ้านทำงาน ขสมก. แม้ว่าจะต้อง อาบเหงื่อต่างน้ำ ทำงานหนัก เพื่อเอารายได้นอกบ้านมาเป็นเงินเดือนให้แก่ ขสมก. ก็ตาม (เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย หุ หุ) เข้าเรื่องดีกว่า . . โดยส่วนตัวผม ยินดีที่จะให้คุณแม่บ้านอยู่บ้านเพื่อเราจะได้ ดูแลกันและกันได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญ เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับอนาคต (เวลาที่เรามีเจ้าตัวน้อย) โดยส่วนตัวผมคิดว่า อาชีพ ขสมก. (ถ้าทำได้อย่างดี และเต็มความสามารถ) เป็นงานท้าทาย ยาก และเหนื่อยมากทีเดียวครับ (ผมลองดูแลบ้าน ทำอาหารเอง จับจ่ายของกินของใช้เองมาแล้ว . . เหนื่อยนะครับ . . และยิ่งต้องทำตลอดเวลา ไม่มีวันหยุดพัก . . เพราะคนที่บ้านต้องกิน ต้องใช้ทุกวัน . . ผมว่า ผมทำงานนอกบ้านน่ะดีแล้ว . . ได้แอบอู้ด้วย หุ หุ) อยากเข้ามาให้กำลังใจ คุณๆแม่บ้านต่างแดน ขสมก. นะครับ ว่าให้ภูมิใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นะครับ เพราะสิ่งที่คุณทำนั้นสำคัญจริงๆ และเป็นสิ่งที่ยึดเหนื่อวสายใยคนในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน . . คุณเป็นคนทำให้บ้าน เป็นสวรรค์น้อยๆของทุกคนในครอบครัวนะครับ  :) ส่วนใครจะมาคิดว่า คุณไม่ทำงานนอกบ้าน ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็ช่างเขาปะไร . . (แอบขำกับคุณป้ามะลิ คห.36 อีกที) ถ้าเขาไม่มีโอกาสได้ มีสวรรค์น้อยๆภายในบ้าน เพราะแม้บ้านของเขาต้องวุ่นวายกับนอกบ้าน ก็ปล่อยเขาไป . . หรือเขาอาจจะโชคดีที่มีแม่บ้านที่ทำงานทั้งในบ้าน และนอกบ้านได้ดี (อันนี้ผมเห็นใจแม่บ้านของเขาเหลือเกินครับ) . . แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ต่างคนก็ต่างคิดนะครับ เพราะ แม่บ้าน ขสมก. มั่นใจว่า เราอยู่กับคุณพ่อบ้านด้วยความรัก และก็ ดูแลบ้านและครอบครัวด้วยความรัก อย่างดีที่สุด . . แค่นี้ ก็อุ่นใจ แล้วใช่มั้ยครับ :) สวัสดีปีใหม่นะครับ แม่บ้านต่างแดน ขสมก. (คงไม่สายไปเนอะ) จากคุณ : AmoreVincitOmnia - [ 4 ม.ค. 52 09:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตายละ ทำไมดูถูกกันจังคะเนี่ย เห็นด้วยกับคุณป้ามะลิกับคุณลุงมะระ และคุณ ณ ขอบฟ้ามากๆ ขอ quote หน่อยนะคะ ------ "ถึงแม้ว่าคุณจะมีใบปริญญามากี่ใบจากเมืองไทยก็แล้วแต่ ถึงอย่างไรเรื่องของภาษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด" เห็นด้วยค่ะ นอกจากเรื่องภาษาแล้วขอเพิ่มเรื่องของตลาดแรงงานของเมืองที่คุณอาศัยอยู่เข้าไปด้วยนะคะ       ตอนย้ายมาอเมริกาก็หอบปริญญาจากเมืองไทยมาหลายใบเหมือนกันค่ะ แต่รู้สึกว่ามันจะมีความหมายน้อยมากสำหรับเมืองเล็กๆที่เราอยู่  ตลาดแรงงานมันจำกัด งาน/ ตำแหน่งที่ตรงกับสาขาและประสบการณ์ที่เราเคยทำตอนอยู่ กทม. ลืมไปได้เลย ------- จริงซะยิ่งกว่าจริงค่ะ คุณ curious ทราบไหมคะว่าถ้าไม่ได้จบที่อเมริกาโอกาสหางานทำยากขนาดไหน  โจไม่อยากจะโม้ว่า ปริญญาและ cert โจตั้งกี่ใบจากเมืองไทย และประเทศอื่น ประสบการณ์ทำงานเยอะขนาดไหน recommendation จากใครบ้าง แต่พอมาอยู่เมืองเล็กๆ (โดยเฉพาะเมืองพี่มืดเยอะๆ) ไม่มีใครอยากรับเราเข้าทำงานเลยอ่ะ ขนาดว่าพยายามเรียน Cert จาก Boston U ยังไม่ช่วยอะไรเลยค่ะ เรื่องภาษาคุณว่าไม่ต้องอ้างว่า ฝึกเอาก็ได้ แหมคุณคะ ฝึกให้ตายยังไงมันก็ไม่เหมือนเจ้าของภาษา (ในความรู้สึกของคนจ้างงาน)หรอกค่ะ โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ๆของอเมริกา หรือถ้าอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ค่อยเป็น melting pot หรือถ้าคุณไม่ได้จบสายวิทย์ หรือคอมฯ หรือ something ที่ภาษาไม่สำคัญมาก หรือไม่ต้อง interact กับ customer เอาง่ายๆโจเคยทำงานที่มี partner company ที่ CA เวลาไปประชุม หรือเจรจาอะไรกับเค้า ทุกคนรู้สึกว่าภาษาเราดีมาก เราก็มั่นใจ พอแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ in the middle of nowhere ความเชื่อมั่นของเรากลายเป็นศูนย์เพราะทุกที่ที่เราสัมภาษณ์ reject เราเพราะเหตุผลว่า "We appreciate your interest and your working experience is very spectacular, but we are concerned about your communication.....yada yada  so we regret to inform you that...yada yada" คุณไม่รู้หรอกว่าเราเจอจดหมายตอบรับแบบนี้มากี่ครั้ง คนที่สัมภาษณ์เรามันก็ติดลบไปตั้งแต่ได้ยิน accent เราแล้ว (accent กับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษมันคนละเรื่องกัน โปรดทราบ) However ฝรั่งหลายๆคนที่ไม่ได้มาจากเมืองที่มีคนต่างชาติ โดยเฉพาะคนเอเชียอยู่เยอะ เค้าฟัง accent เราเค้าก็ตัดสินภาษาเราไปแล้ว ว่า you ไท้ได้พูดภาษาชั้น แล้วเค้าก้ไม่คุ้นกับการรับคนต่างชาติเข้ามาทำงาน แถมถ้าเค้าจะจ้าง bilingual หรือคนที่พูดภาษาอื่นด้วยได้ พวก hispanic ก็เอาไปกินเเล้วค่ะ โจหางานมาเป็นปีทั้งๆที่มีกรีนฯแล้ว กว่าจะได้งาน  แถมจากงานที่เคยเป็นหัวหน้าเค้า เป็นระดับผู้จัดการ ก็ได้ทำแต่ clerk โจก็เลยต้องทำงานขสมกอยู่เป็นปี นี่ขนาดโจพูดอังกฤษได้นะคะ และอยู่ประเทศอเมริกาซึ่งเป็็นประเทศที่วัฒนธรรมหลากหลาย มีคนหลายเชื้อชาติ หลายสำเนียง นะคะ โอกาสหางานยังยากมากมายเลย  แล้วลองคิดถึงคนที่เค้าอยู่ประเทศแปลกๆ หรือไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษมาก่อนสิ จะยากขนาดไหน   ไม่มีใครอยากเกาะสามีกินอย่างเดียวหรอกค่ะ อีกอย่าง ถ้าจะบอกว่าให้ไปเรียน หาความรู้แล้วมาทำงานสิ  เหอเหอ จะบอกว่าพูดมันง่ายแต่ทำน่ะมันยากค่ะ สงสัยคุณจะคงยังไม่มีครอบครัวมั้งคะ  ของโจขนาดโจยัง alert ยังหาโน่นหานี่เรียนอยู่ บางครั้งยังมีปัญหากับคุณพ่อบ้านเลยค่ะ ไหนจะเรื่องเวลา หรืองานบ้าน  ยิ่งคนที่มีลูกด้วยแล้วอ่ะ  เพราะโอกาสที่คนต่างด้าวอย่างเราๆจะได้งานดีๆ ปีละหลายหมื่นเหรียญ มันยากเว้นแต่คุณจะไปเรียนโท ซึ่งก้ใช้เงินมาก  ครอบครัวชั้นกลาง afford ไม่ไหวหรอกนะคะ ไหนจะค่านมลูก ค่าใช้จ่ายในบ้าน หรือถ้าจะหางานที่ไม่ต้องหรูหราทำก็ได้  มันก็ได้เงินไม่เท่าไหร่ แถมเวลาให้ครอบครัวก็ไม่มี  ไหนจะต้องหา babysitter ระหว่างที่ไปทำงาน ซึ่งเผลอๆถ้าหักลบกลบกับค่าจ้าง babysitter แล้ว  ค่าใช้จ่ายมากกว่าเราอยู่บ้านเลี้ยงลูกเองโดยไม่มี babysitter ซะอีก  เพราะเหตุเนี้ย คุณพ่อบ้านหลายๆคนถึงอยากให้คถณแม่บ้านทำงานขสมกมากกว่าค่ะ เข้าใจมั้ยคะเนี่ย ปล แรงไปรึปล่าวคะเนี่ย  ถ้าเเรงก็ขอโทษด้วยนะคะ มันจี๊ดค่ะ จากคุณ : Joshika (Joshika) - [ 4 ม.ค. 52 10:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ทำไมไม่มองในมุมกลับกันบ้างล่ะค่ะว่า "ผู้หญิงที่มาอยู่เมืองนอก" เขาเหล่านั้นได้เสียสละมากมายแค่ไหน ต้องยอมจากครอบครัว มาอยู่กับคนที่รัก มาอยู่ในที่ที่ไม่มีคนที่เรารู้จักเลยนอกจากสามีและครอบครัวของสามี ผู้หญิงเหล่านี้ต้องพยายามมากมายแค่ไหนที่จะอยู่ให้ได้ในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ทั้งภาษา วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิต ผู้หญิงเหล่านี้ต้องเสียสละงานที่รัก เพื่องานที่รักมากกว่าก็คือการดูแลครอบครัวให้ทุกคนในครอบครัวมีความสะดวกสบาย ความสุข ฉันก็เป็นคนนึงที่เรียนจบโท มาจากเมืองไทย งานปัจจุบันของฉันก็คือเป็นแม่ครัวในร้านอาหารซึ่งเป็นงานที่ฉันรัก แต่ถ้าวันนึงฉันมีลูก ฉันก็พร้อมจะเลิกจากงานที่ฉันรัก มาดูแลสิ่งที่ฉันรักมากกว่า ก็คือลูกและสามีค่ะ จากคุณ : orria - [ 4 ม.ค. 52 13:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดิฉันคิดว่า คุณ curious คงยังไม่แต่งงานแหง ๆ เลย จึงไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่ เค้าก็มองในแง่นั้นอย่างเดียว   เมื่อไหร่ ที่คุณมีภรรยา "และมาอยู่เมืองนอก"  คุณอาจะเปลี่ยนความคิดก็ได้นะ ปล ดิฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่ม ขสมก แต่คิดว่า การที่คุณแสดง คห แบบนั้นไม่ค่อยถูกนะคะ  เหมือนกับคุณมองผู้หญิงที่เดินกับฝรั่ง ที่เมืองไทยว่า "เป็นเหมือนกันหมด" ดิฉันว่า คนที่คิดแบบนี้ มองโลกแคบไป และก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมาก ๆ ค่ะ ผช ที่รักภรรยาจริงๆ  หากเค้าเลี้ยงได้ เค้าก็ไม่อยากให้ภรรยาต้องไปลำบากหรอก แค่ดิฉันทำงานด้วย (งานประจำ ที่เป็นรูทีน) กลับมายังต้องมานั่งทำกับข้าว จัดห้องจัดบ้าน ยังเหนื่อยแทบตายเลย  นี่หากอยู่ในฐานะภรรยาและต้องทำงานประจำ "เท่าๆ  กับผู้ชาย" กลับบ้านมาต้อง จัดบ้านอีก ทำกับข้าวอีก โห  คงสลบแน่เลย   ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณมีภรรยา แล้วอยากให้ เขาทำงานไปด้วย ไม่อยู่เฉย ๆ คุณก็อย่าไปคาดหวังว่า งานบ้านงานเรือน จะเพอร์เฟ็ค นะคะ  แล้วก็อย่าอารมณ์เสียด้วย  หากบ้านไม่เรียบร้อย  มันเหนื่อยยยยยค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 52 01:46:21 จากคุณ : Freedom of Life - [ 4 ม.ค. 52 17:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบกันมาซะยืดยาว จะเข้าหัว curious บ้างหรือเปล่านะ.... ถ้าเข้าใจขึ้นบ้างก็ถือว่าเปิดโลกทัศน์ตัวเองให้กว้างขึ้น แต่ถ้าไม่เข้าใจอะไรเลย ยังยึดติดกับความคิดแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นกรรมเก่า สันอะไรเอ่ย มันเปลี่ยนไม่ได้น่ะ.... จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 4 ม.ค. 52 18:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอสแหลน ตอบคุณ Curious ว่าที่คุณพูดมามันก็ถูก  มีเหตุผล แต่อย่าลืมนะคะว่าคนเอเชียยังมีความเชื่อและค่านิยมที่ต้องให้สามีเลี้ยง หรือแม้แต่ฝรั่งก็ตามที ผู้หญิงจำนวนมากชอบที่จะให้ผู้ชายดูแลเรื่องการเงิน มันเป็นสิ่งที่มนุษย์เราทำกันมาตั้งแต่สมัยยังอยู่ในถ้ำก็ว่าได้ ที่ผู้ชายต้องออกไปล่าสัตว์ส่วนผู้หญิงอยู่บ้านเลี้ยงลูก ครอบครัวแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน  สามีบางคนทำงานได้เงินเดือนสูงสามารถเลี้ยงลูกและภรรยาให้สบายได้โดยไม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน สามีบางคนก็ไม่ได้รวยแต่อยากให้มีคนรับผิดชอบดูแลบ้านและอาหารให้  มันอยู่ที่ตัวสามีด้วย เพราะถ้าสามีไม่อยากให้ออกไปหางานทำจะดื้อไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ จะโทษสาวๆก็ไม่ถูก หางานดีๆทำที่เมืองนอกต้องมีความอดทนสูง ต้องมีความพยายาม ต้องไม่ท้อ ถึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ  สามีดิฉันก็เป้นคนหนึ่งที่ไม่ยอมรับและไม่ต้องการภรรยาที่ไม่มีอาชีพ  สามีดิฉันไม่ได้งก หรือเหนียว แต่ชอบที่จะให้ดิฉันพึ่งตัวเองได้ โดยไม่ต้องง้อใคร และมีสังคมของตัวเองที่ทำงาน มีกิจกรรมนอกบ้าน ทำให้ไม่เบื่อและสนุกกับการอยู่ต่างบ้านต่างเมือง   อย่าลืมว่าคนเรานิสัยไม่เหมือนกันนะคะ  บางคนชอบเป็นแม่บ้านดูแลสามีไม่ต้องห่วงหรือปวดหัวกับการหาเงิน บางคนก็สถานการณ์บังคับให้ต้องขอสามีกิน  หรือบางคนก็ปัจจัยต่างๆไม่เอื้ออำนวยเช่นมีลูกเล็กๆ หรืออยู่เมืองเล็กๆที่พลเมืองน้อยงานหายาก   และจะบอกว่าส่วนน้อยมากๆๆที่จะอยู่บ้านกันเฉยๆที่เห็นก็จะมีงานทำกันแทบทุกคน เข้ามาแก้ตัวแทนว่าคนไทยที่อยู่ต่างประเทศแล้วมีงานทำดีๆ มีมากมายค่ะ แต่เค้าไม่ได้นำมาคุยกันในนี้ แต่สมาชิกจะพอรู้ๆกันอยู่ว่าใครทำงานอะไร  ไอ้ 95% ที่ว่าน่ะน่าจะเป็นพวกที่มีงานทำมากกว่า   ดิฉันถือว่าเราทุกคนนั้นมี "หน้าที่" จะมีอาชีพอะไรก็ตามแต่ ไม่ว่าแม่บ้านหรือทำงานนอกบ้าน ก็ควรทำงานของตัวเองไปให้ดีที่สุด  แค่นั้นก็พอแล้ว จากคุณ : Gisele - [ 4 ม.ค. 52 20:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณความเห็นที่ 28 ค่ะ สิ่งที่พวกเรา ขสมก หรือ อะไรก็แล้วแต่ภูมิใจ ไม่ใช่ว่าเราต้องขอสามีกินหรอกนะคะ เราภูมิใจที่เรา สามารถทำหน้าที่ "แม่บ้าน" ของเราได้อย่างไม่บกพร่อง ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีงานทำจะทำงานแม่บ้าน ได้ไม่ดีนะคะ คนเราทุกคน มีทางเลือกแตกต่างกันค่ะ สภาพสังคม แตกต่างกันด้วย อย่าเหมารวมค่ะ คนดีมีการศึกษาที่ยอมละทิ้งการงาน ไม่ใช่เพื่อความสบายหรอกนะคะ เพราะคนอย่างคุณ ไม่เคยทำงานแม่บ้าน ไม่เคยต้องดูแลใคร อาจจะไม่เข้าใจ พวกเราเลือกทางนี้ เพราะเราเลือกครอบครัวค่ะ อีกอย่างต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายสามีเราด้วยนะคะ ถ้าภรรยา อยากทำงาน แต่สามีอยากให้ภรรยาอยู่บ้านดูแลบ้าน ดื้อดึงกันไป ปัญหาคงเกิดค่ะ มาอยู่เมืองนอกเมืองนา ไม่อยากสร้างปัญหาค่ะ ยอมทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยมาก็ทุกข์ใจบ้างพออยู่แล้ว จะหาเรื่องทะเลาะให้ทุกข์หนักไปอีกทำไมค่ะ อยู่เมืองไทย ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง บ้างานซะจนชีวิตครอบครัวบกพร่อง ไม่เอาอีกแล้วค่ะ มาอยู่เมืองนอกสามีดีใจ มีความสุขทุกครั้งที่กลับมาบ้าน ทำไมคุณไม่คิดบ้างหล่ะคะ ว่านี่เป็นการเสียสละของมาดามไกลบ้านทั้งหลายที่ไม่ได้ทำงานเหมือนกัน ดิฉันถึงแม้ว่า จะเป็น ขสมก ไม่มีอาชีพที่มีรายได้เป็นของตัวเอง แต่ดิฉันก้อทำงาน Volunteer อย่างอื่นช่วยเหลือชุมชนค่ะ (ซึ่งคุณคงไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยนึกถึงคนอื่นในด้านดี มั้งค่ะ) สุดท้าย ดิฉันหวังว่า ผู้ชายไทยส่วนใหญ่ คงไม่คิดแบบคุณ เพราะผู้ชายฝรั่งบางท่าน เค้ามองเห็นความสำคัญของความเป็นแม่ การดูแลลูก สำคัญกว่าคุณค่ะ และถ้าดิฉันต้องเลี้ยงลูกเองคนเดียวที่เมืองนอก ดิฉันคิดว่า แม่บ้านหลายท่านทำได้ค่ะ แต่เค้าคงไม่ต้องทำ เพราะว่าสามีของเค้า คงไม่ปล่อยให้เค้าเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ สวัสดีปีใหม่ และขอให้คุณพบเจอสิ่งที่ดีดีนะคะ จากคุณ : KhunTop - [ 4 ม.ค. 52 20:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แปะไว้แล้วข้างบน เพราะดิฉันก็เป็นหนึ่งใน ขสมก เช่นกัน อยากพูดอยากบอก แต่พี่ๆหลายคนก็ได้พูดแทนไปแล้ว ดิฉันเห็นว่าทุกอาชีพ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ แม้ว่าต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำงานบ้าน แต่นั่น ก็ทำเพื่อใครคนนึง ที่เรารัก และนี่ก็ครอบครัวของเรา มันยังผลไปถึงสังคมโดยรวมด้วยนะคะ จากคุณ : Bannorker - [ 4 ม.ค. 52 23:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาแรกๆ ทุกคนก็ต้อง ขสมก กันทั้งนั้นแหล่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าภาษาไม่แข็งแรงหรือว่ายังปรับตัวไม่ได้นะค่ะ มีหลายคนที่มาอยู่ต่างแดนแล้วพร้อมที่จะทำงานเลย แต่รู้ไหมว่าต้องใช้เวลาหางานกี่เดือนถึงจะได้ ผ่านเป็นเดือนๆ เงินที่ติดตัวมาก็หมดแล้วค่ะ คราวนี้ก็ต้องพึ่งสามีสิค่ะ มันก็เหมือนอยู่เมืองไทย เรียนจบมาหางาน กว่าจะหางานได้ยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้ไปก่อนหรีือเปล่า แล้วมันต่างกันตรงไหน คุณของเงินพ่อแม่เพราะเค้าคือครอบครว เราของเงินสามีเพราะสามีก็คือครอบครัวเราเหมือนกัน ใครมาวันแรกแล้วได้งานทำเลยบ้าง แทบจะไม่มี คนที่ดูถุก ขสมก ทั้งหลายลองมาอยู่เมืองนอกแล้วมาเริ่มต้นหางานทำสิ ห้ามหามาจากประเทศไทยแล้ว แล้วจะรู้ว่าช่วงที่คุณยังไม่ได้ทำ คุณต้องใช้เงินค่าอะไรบ้าง หมดไปเท่าไหร่ จากคุณ : Little brown one - [ 5 ม.ค. 52 02:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เอาหละผมเห็นแล้วว่าแต่ละคนที่ห้องไกลบ้านผู้หญิงส่วนใหญ่ขอสามีกิน แล้วก็ไม่สามารถหางานเองได้ แต่ละคนก็บอกเองทั้งนั้นว่าพูดไม่ได้เท่าเจ้าของภาษาเลยหางานดีๆไม่ได้ ถ้าใครแวะมาอ่านแล้วเป็นผู้หญิงไทยก็ปลงได้เลยนะครับว่าคุณคงไม่มีทางทำงานได้แน่ๆ ถ้าอยากมาอยู่เมืองนอก ก็ต้องขอสามีกินอย่างเดียว จะมาหวังว่าอยากมาทำงานหาเงินเองคงเป็นไปไม่ได้เพราะภาษาไม่ดีเหมือนเจ้าของ(อ้างอิงมาจากพวกขสมก นะครับ) แล้วที่บอกว่าถ้าต้องเลี้ยงลูกเองจะทำได้ไหม บางคนบอกที่นี่สวัสดิการดี มีรัฐคอยจ่ายให้ ถามหน่อนนะครับพวกที่ homeless หรือคนที่จนๆที่นี่ หรือพวกที่ติดยา พวกที่ไม่คิดจะหางานทำเลย เค้าก็ได้เงินเหมือนกันจากรัฐ คนที่เสียภาษีจากการทำงานก็เสียไป เอาเงินไปช่วยคนพวกนี้ ทางเมืองนอกเค้าเลยไม่อยากได้ภาระไม่อยากเสียเงินให้คนพวกนี้ เลยทำให้การขอวีซ่ามันยาก ไม่อยากให้ง่ายๆ ไม่มีความสามารถแต่จะมาอาศัยประเทศเค้าอยู่ กะจะเอาเงินภาษีเค้ามาใช้ ขนาดพวกพม่าที่มาอยู่เมืองไทย ยังหางานกันให้ขวักไขว่แต่พวกคุณที่มีการศึกษามาพูดแบบว่า ภาษาไม่ดี นู่นนี่ ฟังไม่ขึ้นครับ จากคุณ : curious - [ 5 ม.ค. 52 02:39:31 A:71.239.175.110 X: TicketID:172085 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ^ ^ คุณน้องcurious คิดอย่างนี้ก็ตามใจคุณน้องเถอะค่ะ   คงไม่มีใครอยากจะตอบโต้ด้วยแล้วหล่ะ เจริญ ๆ นะพ่อคุณ จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 5 ม.ค. 52 02:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ในกะลา..กบ..ขอหลบภัย เจ้ากบน้อยคงเข้าใจ ว่า..กะลานั้นเป็นโลกใบใหญ่หนักหนา ใครๆช่วยตะโกนร้อง บอกให้ออกมา เจ้ากบร้องว่า..."ข้าไม่กล้าออกไป.....ไป.....ไป....ไป" (กรุณาทำเสียงเอคโค่ ประกอบ) แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 52 04:16:45 จากคุณ : hamble pie - [ 5 ม.ค. 52 04:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้ากระทู้นี้คือ Essay ... Main Idea ของคุณ Curious คืออะไร Thesis sentence ของคุณคืออะไร คุณอยากให้ประโยชน์อะไรกับผู้อ่านคะ ???? งง อยากจับใจความ อยากรู้ว่าคุณแนะนำหรืือพยายามจะให้ประโยชน์อะไร จะแนะนำอะไร ติเพื่อก่อ หรือติเฉยๆ หรือติเพื่อความสะใจ ??? จากคุณ : หญิงป้า - [ 5 ม.ค. 52 05:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่ได้เป็นขสมก ค่ะ... แต่อยากเป็นนะ... แต่ว่า ไม่มีความสามารถพอ... จริงๆนะ ไม่มีความสามารถพอจริงๆค่ะ... เราไม่ชอบทำความสะอาดบ้าน (คุณสามีต้องทำ) อาทิตย์ไหนทำกับข้าวได้ติดกันสามวันนี่เป็นอะไรที่Amazing มากๆๆ กับข้าวที่ทำก็วนอยู่ไม่กี่อย่าง ข้าวต้ม ข้าวผัด ไข่เจียว หมูยอทอด แกงจืด จานชามก็ไม่ล้าง เพราะวางไว้แล้วจานมันจะหายวั๊บทุกครั้งที่สามีเดินเข้าครัว เสื้อผ้า สามีอีกแล้วค่ะ.. ทั้งแยกสี ทั้งซัก ทั้งพับเก็บ สามีไหว้วานบอก..ช่วยรีดผ้าให้หน่อยเถอะที่ร๊าก.... เราก็รีดให้นะ... แต่ไม่สม่ำเสมอ... หนักๆเข้าก็ออกไปซื้อเสื้อใหม่ให้เค้า สีอะไรไม่สน... ขอแค่ตรงป้ายมันเขียนว่า Wrinkle free ก็คว้าแล้วค่ะ เห็นมั้ยคะ เกิดเป็นขสมกอิชั้นคงโดนซองขาวตั้งแต่ไม่ครบปีแล้วค่ะ เราว่าอาชีพแม่บ้านไม่ได้เป็นกันได้ทุกคนนะ เราเลยไม่เคยดูถูกใครทั้งนั้น ที่อเมริกายังบอกเลยว่าการที่ภรรยาอยู่บ้านเป็นแม่บ้านนี่เทียบเท่ากับเงินล้านเหรียญเลยนะคะ (คิดเฉลี่ยเอา ยี่สิบปีก็ปีละห้าหมื่นอ่ะนะ ไม่น้อยนะคะ) และมีอีกstudyนึงค่ะ เค้าดูจากสิ่งที่ขสมกจะต้องทำในแต่ละวัน แล้วคำนวนออกมาว่า ขสมกถ้าเกิดได้รับการจ่ายเงินเดือน... รายได้ต่อปีควรจะอยู่ประมาณ 120,000 - 150,000 เหรียญค่ะ ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ การออกไปทำงานทั้งสองคนโดยเฉพาะในเคสที่มีลูกนี่เป็นเรื่องที่อาจจะไม่ดีเสมอไปค่ะ ญาติของเรามีลูก เค้าพาไปฝากเดย์แคร์อาทิตย์จะสามวัน(เพราะอีกสองวันมีญาติช่วยเลี้ยงได้) โดนไปอาทิตย์ละ $ 120 ค่ะ... เดือนนึงก็เฉียดห้าร้อยเข้าไปแล้ว นี่คืออย่างถูกนะคะ เพราะที่นี่ถ้าไปรับช้าเค้าคิด"ต่อนาที"ค่ะ ไม่ใช่ถูกๆเลยนะ คิดดูว่าถ้าเค้าต้องพาลูกไปฝาก จ-ศ ก็ปาเข้าไป แปดร้อยถึงพันต่อเดือน  นี่แค่ค่าฝากนะ คุณยังต้องเอานมให้ลูกไปเอง เอาผ้าอ้อม.. ของทุกอย่างไม่ได้ไปใช้ของที่เดย์แคร์นะคะ ทำงานที่อเมริกา ภาษีประมาณ28-35% สมมุติคุณทำได้สองพัน ก็ได้กลับมาบ้านซักพันห้าอ่ะ... แล้วพันนึงนี่ต้องเอาไปให้คนอื่นเค้าเลี้ยงลูกตัวเองเนี่ยนะ หลายๆครอบครัวจึงรู้สึกว่าเงินที่ได้จากการที่ภรรยาทำงานมันได้ไม่คุ้มค่ะ สู้ให้เค้าอยู่บ้าน ใช้เวลาเลี้ยงลูกดูแลลูกจะเป็นผลดีกับลูกมากกว่าค่ะ ========= คนเราอย่าไปตัดสินคนอื่นเลยค่ะ... ถ้าเกิดสามีของ ขสมกทั้งหลายเค้าไม่มายน์ภรรยาเค้าเป็น Stay at home mom/ housewife แล้วคุณจะไปตัดสินเค้าทำไมคะ แค่เพราะคุณคิดว่าบางอย่างเป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทำอย่างเดียวกันเสมอไปนะคะ สังคมเราเสรีค่ะ ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ============ เราเครียดนะเนี่ย.. กลางปีหน้าหลังจากเจ้าตัวเล็กออกมาจากพุงแล้ว เราจะต้องออกมาเป็นขสมกประมาณสามเดือนค่ะ...เครียดเพราะกลัวทำหน้าที่ได้ไม่ดีค่ะ... Stay at home mom / Housewife is the most under appreciated job in the world... it is also the hardest job! จากคุณ : CaliGirl - [ 5 ม.ค. 52 06:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านความเห็นคุณ curious กี่ทีกี่ที ดิฉันก็ยิ่งทั้งรักและภูมิใจในตัวสามีเหลือเกิน ที่เขาเป็นหนุ่มไทยใจดี  ไม่ได้เป็นผู้ชายคิดเล็ก-คิดน้อยและคิดไม่เข้าท่า ว่าแล้วขอหันไปจุ๊บสาระมีหนึ่งที จ๊วบบบบบบบ . . .   จากคุณ : MollyJinx - [ 5 ม.ค. 52 06:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เอาหละผมเห็นแล้วว่าแต่ละคนที่ห้องไกลบ้านผู้หญิงส่วนใหญ่ขอสามีกิน แล้วก็ไม่สามารถหางานเองได้ แต่ละคนก็บอกเองทั้งนั้นว่าพูดไม่ได้เท่าเจ้าของภาษาเลยหางานดีๆไมได้ ถ้าใครแวะมาอ่านแล้วเป็นผู้หญิงไทยก็ปลงได้เลยนะครับว่าคุณคงไม่มีทางทำงานได้แน่ๆ ถ้าอยากมาอยู่เมืองนอก ก็ต้องขอสามีกินอย่างเดียว จะมาหวังว่าอยากมาทำงานหาเงินเองคงเป็นไปไม่ได้เพราะภาษาไม่ดีเหมือนเจ้าของ(อ้างอิงมาจากพวกขสมก นะครับ) อยู่เมืองนอกค่ะ มาถึงก็หางานเลยได้เป็นพาสไทม์ไปก่อนร้านอาหารอินเดีย คนอินเดียพูดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว มั่นใจว่าภาษาดีเลยไปสมัครแล้วก็ได้งานมา ไม่คิดจะปลงเลยค่่ะ เพราะหวังว่าอีกสองสามเดือนหน้าจะได้งานประจำ หาเงินเองได้ คุณ curious  อย่่าเหมารวมสิค่ะ ถึงเหมารวมไม่รวม คุณก็ตอบกระทู้ที่อ่านแล้วอย่าด่ามากเลยค่ะ มันแน่อยู่แล้วที่คนไทยไม่สามารุถหางานดีๆ ทำได้แบบคนเจ้าของประเทศ แต่เค้าก็ยังหางานอื่นๆ ทำแทน เอามาเปรียบกับพม่ามันต่างกัน พม่ามาเมืองไทยก็มองหางาน คนไทยอยู่ค่างประเทศก็มองหางาน พม่าอยู่เมืองไทยก็ไม่สามารถที่จะหางานดีๆ ได้ เช่นเป็นพนักงานบริษัท นายธนาคารจำพวกนี้ แถมได้รับค่าแรงถูก ถูก ถูก มากๆ อีก แต่เค้าทำเพราะว่าเงินบาทเราใหญ่กว่าบ้านเค้า พวกภรรยาฝรั่งถึงจะหางานได้ไม่ดีเท่าเป็นนายธนาคาร พนักงานบริษัท แต่งานที่เค้าทำก็ได้รับคค่าแรงตามกฎหมายที่ประเทศนั้นกำหนด เทียบยังไงคนไทยก็ดีกว่าพม่าเห็นๆๆ จากคุณ : Little brown one - [ 5 ม.ค. 52 08:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หมดปัญญาที่จะทำให้เขามี "จิตใจที่ดี" กว่านี้แล้วล่ะค่ะ จากคุณ : orria - [ 5 ม.ค. 52 09:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ถึงคุณ 2nd home กระทู้ก่อนคุณได้ถามความหมายคำว่า ขสมก กับ เกรียน เรื่อง ขสมก คุณคงได้คำตอบแล้วจากป้ามะลิแล้ว ส่วนคำว่า "เกรียน" นั้นคนที่มาตอบหลังคุณในกระทู้ก่อน แล้วรวมถึงกระทู้นี้ด้วยค่ะ คำนี้อธิบายคงยาก แต่จากตัวอย่างที่เห็นอธิบายได้ดีค่ะ เกรียน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา เว็บย่อ: th.wikipedia.org/wiki/Gueanบทความนี้เกี่ยวกับศัพท์สแลง สำหรับพืช ดูที่ เกรียน (พรรณไม้) เกรียน เป็นศัพท์สแลงแทนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ก่อกวน ไร้เหตุผล หรือคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคมอินเทอร์เน็ต บุคคลกลุ่มนี้จะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลหรือการวิเคราะห์ไตร่ตรอง อาจหมายถึงคนที่ชอบแสดงตัวว่ามีความรู้ จากคุณ : pixp - [ 5 ม.ค. 52 10:20:35 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ยาวจัง.... อ่านจนตาลายเลยค่ะ ยัยสอดรู้สอดเห็น.... พูดได้ดี แต่ไม่มีกึ๋น เดาว่าหล่องคงอิจฉาผู้หญิงไทยที่ไม่มีความสามารถหางานในต่างแดน แต่ดันมีสามีฝรั่งเลี้ยง อย่าว่าแต่ผู้หญิงไทยต่างแดนเลย ผู้หญิงไทยที่ไทยแลนด์เองก้อเหอะ เห็นอยู่บ้านให้สามีเลี้ยงถมไป เขาก็ไม่ได้ดูถูกผู้หญิงว่าไม่มีความสามารถ กลับชื่นชมฝ่ายชายซะอีกว่า เก่งจังเลี้ยงเมียตัวเองได้ (แถมเลี้ยงเมียน้อยด้วยอีกแน่ะ) -- "ขนาดพวกพม่าที่มาอยู่เมืองไทย ยังหางานกันให้ขวักไขว่แต่พวกคุณที่มีการศึกษามาพูดแบบว่า ภาษาไม่ดี นู่นนี่ ฟังไม่ขึ้นครับ" แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับพม่งพม่าล่ะคะหล่อน พวกพม่าเขามาหางาน ไม่ได้มาแต่งงานที่เมืองไทย หล่อนก็รู้แล้วนี่ว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ที่มาอยู่ต่างแดนเพราะมาแต่งงาน ไม่ได้มาหางาน โปรดแซ่ปปปปปปปปปปป จากคุณ : thaispicy - [ 5 ม.ค. 52 12:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 64 It might be too late for K.Curious to come back and read this post naka. However, I still want t express my opinion toward this topic. I mainly agree with K. CaliGirl since she raised a lot of good points. If housewife get paid, her yearly income will be at the same level with a lot of executives, lawyers or some types of doctors. I used to work full time since I graduate from graduate school here in USA. A lot of my friends who married and graduate from grad school in USA, all have a full time job. I means a really good full time job that make close to 6 figures or even 6 figures. I quilt my job because we had to move to different city. We knew that this will be an one year assignment for him. He,my hubby, offered me a full time housewife job for a year. I was very skeptical to take a job since I had a high ego and a lot of pride in me. I feel like I waste my education. We finally came up with the decision that I will work part time and only for the job that I truly enjoy. It has been six months since we moved. I have to admit I love being housewife. I feel happier and have more time to take care of him and myself. Ego and pride still exist but it has changed the attitude. Like my husband always says, he will never ask me to do what I do not want to do but his goal is to make me happy. If staying at home, make me happy, he is willing to pay a big buck for it. Sorry for the long comments, all I'm trying to say is you have no right to look down on people and you should open your mind to the reality. จากคุณ : Tomie_TN (Tomie_TN) - [ 5 ม.ค. 52 13:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดอ่านของคุณ curious แล้ว เพิ่งเข้าใจคุณค่ะ และก็เห็นด้วย กับหลาย ๆ ความเห็นค่ะ เห็นด้วยว่าคุณนี่ มองโลกแคบจริง ๆ ค่ะ แล้วก้อแอบสงสาร ญ ไทย อีกหลายท่าน ถ้าต้องมาเจอผู้ชายอย่างคุณ ท่านไหนที่แต่งงานกับสามีไทยแล้วไม่ได้เป็นอย่างคุณ curious ก้อโชคดีไปนะคะ เพราะขืนได้สามีที่มีความคิดอ่านแบบนี้ พูดง่าย ๆ ว่า โชคร้ายไปค่ะ ผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงที่ไม่ได้ทำงาน โดยไม่ได้คิดถึงข้อดี อย่างอื่นใด มองแต่โลกในความคิดของตัวเอง โดยที่ไม่ได้คิดถึงเหตุผลอย่างอื่นประกอบ เฮ้อ ขอให้ชายไทยที่มีความคิดแบบนี้ มีแค่คนนี้คนเดียวเหอะ ไม่งั้น สงสารผู้หญิงไทยที่เหลือจังค่ะ ยิ่งได้มาอ่านความคิดของคุณ รู้สึกว่าตัวเองและแม่บ้านในนี้หลาย ๆ ท่านโชคดีค่ะ โชคดีที่ได้แต่งงานกับผู้ชายดีดี มองเห็นความสำคัญ "ของคนเพศแม่" จากคุณ : KhunTop - [ 5 ม.ค. 52 16:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้ากระทู้นี้คือ Essay ... Main Idea ของคุณ Curious คืออะไร Thesis sentence ของคุณคืออะไร ขออนุญาตออกความเห็นแบบมองโลกในแง่ดีนะคะว่า Thesis statement ของคุณ Curious น่าจะเป็น "แม่บ้านต่างแดนควรจะเพิ่มอำนาจหรือศักยภาพให้แก่ตนเอง (empower themselves) โดยการออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ในฐานะลูกไก่ในกำมือสามี หรือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็จะสามารถยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตนเอง" กระมังคะ เนื่องจากหัวข้อนี้เป็นประเด็นที่ขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นความคิดเห็นก็ย่อมจะแตกต่างกันไป ตามมุมมองของแต่ละบุคคล ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสถานการณ์แวดล้อมของบุคคลนั้นๆ (คนอื่นไม่เกี่ยว)  และเนื่องจากคำถามนี้เป็นคำถามเปิด จึงไม่มีคำตอบไหนถูก หรือผิด เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ แม่บ้าน ก็คิดเสียว่าคุณน้อง Curious เขาเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะแสดงความเป็นห่วงออกมายังไงดี อาจเป็นเพราะน้องเค้าติดภาพจากละครตบ-จูบที่กำลังฮิตที่บ้านเรา ก็เลยแสดงความเป็นห่วงออกมาแนวนี้ (สงสัยจะเป็นอั้ม หรือเคนปลอมตัวมา...555) จากคุณ : ณ ขอบฟ้า - [ 5 ม.ค. 52 22:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ไม่เกี่ยวกับ "สามีฝรั่ง" มังคะ? "สามี" ไม่ว่าจะชาติไหน ภาษาใด เขาก็อยากหาเลี้ยงภรรยาได้ด้วยตนเองทั้งนั้น ไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหน ที่อยากให้ภรรยาออกไปทำงานเหนื่อยๆ นอกบ้านหรอกค่ะ สามีดิฉันเป็นคนไทย ที่ได้สัญชาติอเมริกา ดิฉันมาถึงอเมริกาได้สามวัน พอหายอาการเจ็ทแล็ก.. ก็เริ่มทำงานเลย ทำงานได้หนึ่งปี ก็เปิดร้านเป็นของตัวเอง.. ด้วยเงินทุน $0 (ใช้วิธีหมุนเงินจากบัตรเครดิตเอา สามีไม่มีเงินเก็บ เพราะทำงานได้เท่าไหร่ ส่งให้ที่บ้านหมด).. ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหนื่อยแทบขาดใจ ทำร้านกับสามีสองคน ไม่เคยพึ่งพาใคร ตอนนี้ร้านเปิดมาสองปีกว่าแล้ว ธุรกิจไปได้ดี เราสองคนมีความสุขดี แต่!!! สามีบอกทุกวัน ว่าเค้ารู้สึกเสียใจ ที่ไม่สามารถหาเลี้ยงดูดิฉันได้ด้วยตัวเขาเอง.. บอกว่าถ้าเค้าทำได้ เค้าจะเป็นคนทำงาน เพื่อให้ดิฉันได้อยู่กับบ้านสบายๆ พี่สาวดิฉันที่อยู่เมืองไทย จบจุฬา มีงานดีๆ ทำ ก็ตัดสินใจมาเป็น ขสมก. มาเกือบสิบปีแล้ว เนื่องจากพี่เขยต้องการให้อยู่บ้านเลี้ยงลูก ทุกวันนี้พวกเขาก็มีความสุขดี คุณแม่ดิฉัน จบม.มหิดลฯ เคยเป็นอาจารย์ ก็ลาออกมาเป็น ขสมก. เพื่อเลี้ยงลูก 3 คน และดูแลคุณพ่อ.. ดิฉันสามคนพี่น้อง ทุกวันนี้ก็เรียนจบปริญญา ได้งานดีๆ ทำ ไม่ใช่เพราะบุญคุณพ่อกับแม่หรือ? ลูกค้าส่วนใหญ่ของดิฉันจะเป็นผู้หญิงอเมริกันวัยกลางคน.. มากกว่า 70% เป็น stay-at-home-mom ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ดิฉันว่า "ผู้หญิง" in general คนไหนก็อยากเป็น ขสมก. ทั้งนั้นแหละ.. เห็นยกมือข้างบนแล้วหลายคน.. ดิฉันก็ด้วยอีกหนึ่งคนค่ะ. จากคุณ : sxy_sassy - [ 6 ม.ค. 52 07:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ประเด็นที่ผมพูดว่ากล่าวไปเยอะหนะ ไม่ได้บอกว่ามันผิดนะที่เอาแต่เกาะสามีกิน แต่มันเกี่ยวกับประเด็นที่ ด้วยกระทู้เดิมๆ มีน้องคนนึงมาถามว่าไปอยู่เมืองนอกได้ยังไง 95% หรืออาจมากกว่านั้นเป็น ผู้หญิง ทุกคนบอกมาอยู่กับสามี ผมถามหน่อย ถ้าคุณมีลูกสาว อยู่เมืองไทย ลูกคุณมาตั้งกระทู้อยากรู้ว่าจะไปเมืองนอกได้ไง คุณอยากให้เค้าคิดเหรอ ว่า เป็นหญิงไทยจะไปอยู่นอกได้ ก็คงต้องหาผัวฝรั่งอย่างเดียว น้อยมากๆที่จะบอกว่า เพราะอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับการหาผัวฝรั่ง แล้วต่อมาหลายๆ คนก็มาบอกว่า สำหรับพวกที่บอก ข้ออ้างเกี่ยวกับว่าภาษาไม่ดี ทำให้หางานยากเนี่ยเยอะมากๆ ผมถามหน่อยว่าคุณแต่งงานกับสามีคุณ คุยกันได้แต่งูๆปลาๆเท่านั้นเหรอ ถ้าภาษาไม่ดีก็ไปหัดเรียนได้ครับ ที่อเมริกาคนที่มีสำเนียงเยอะแยะเต็มไปหมด เค้ายังทำงานบริษัทิดีๆได้ ถ้าบอกว่าคนมีสำเนียงหางายาก แบบนี้พวก First generation ก็ไม่ต้องทำมาหากินแล้วครับ นักเรียนไทยเรียนจบเมืองนอกเมืองนา หางานทำกันได้เองเยอะแยะ ยังไงๆ มันก็อ้างไม่ขึ้น คนเราเรียนรู้ได้ครับ มันอยู่ที่คุณเลือกที่จะเรียนไหม ฝรั่งพวกที่ชอบภรรยาเป็นคนเอเชียส่วนใหญ่ก็รู้ๆ กันครับว่าเค้าชอบให้ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เพราะว่าผู้หญิงในประเทศเค้าเองส่วนใหญ่ feminism สูง ไม่ยอมผู้ชายง่ายๆ ต้องเท่าเทียมกันไปซะทุกเรื่อง แต่คนไทยว่าง่าย พูดง่าย ยอมไปหมด เค้าเลยเอามาเป็นภรรยาไงครับ คุมง่าย หรือว่าคุณจะบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง? "ดิฉันว่า "ผู้หญิง" in general คนไหนก็อยากเป็น ขสมก. ทั้งนั้นแหละ.. เห็นยกมือข้างบนแล้วหลายคน.. ดิฉันก็ด้วยอีกหนึ่งคนค่ะ. " ถ้าผู้หญิงไทย in general อยากเป็นแบบนี้จริงๆ ประเทศเราก็คงไม่มีทางเจริญได้ด้วยผู้หญิงหรอกครับ งั้นถ้าคุณมีลูกสาว ก็สอนให้ลูกว่าเอาใจสามีเก่งๆ ทำไงก็ได้ให้สามีเลี้ยงรึกันครับ ไม่จำเป็นต้องส่งเสียให้เรียนสูงๆ เพราะว่าถ้าลูกคุณได้สามีฝรั่ง เรียนสูงๆไปก็คงพูดภาษาเค้าไม่ได้อยู่ดี แล้วก็คงหางานไม่ได้ ( อันนี้ไม่ได้พูดเองนะครับ คนในกระทู้นี่แหละบอกมาเอง) จากคุณ : Curious - [ 6 ม.ค. 52 10:06:28 A:71.239.79.97 X: TicketID:172085 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เรียนคุณ Curious   ฉันไม่รู้หรอกนะค่ะว่าคุณผูกใจเจ็บกับ "ผู้หญิง"มาแต่ชาติปางไหน แต่ขอร้องอย่างนึงค่ะ อย่าดูถูกเพศที่เป็นแม่ของคุณอย่างนั้น   แล้วฉันก็ขอเถียงว่า ไม่ว่าผู้หญิงสัญชาติใดๆก็ตาม ก็ต้องมีทั้งช้างเท้าหลัง และก็เป็นช้างเท้าหน้าทั้งนั้น คุณอย่าเอาโลกทัศน์แคบๆของคุณมาตัดสินใครโดยที่คุณยังไม่ได้รู้จักคนเหล่านั้นดีพอ   "ประเทศเราก็คงไม่มีทางเจริญได้ด้วยผู้หญิงหรอกครับ" คำพูดนี้บ่งบอกความคิดของคุณได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ว่าคุณมีความคิดและจิตใจคับแคบมากแค่ไหน แล้วผู้ชายอย่างคุณทำอะไรให้ประเทศชาติเจริญบ้างล่ะค่ะ ถ้าคุณเอาเวลาที่มานั่งถากถ่างผู้หญิงไปช่วยพัฒนาประเทศบ้างก็คงจะดีกว่านี้   "งั้นถ้าคุณมีลูกสาว ก็สอนให้ลูกว่าเอาใจสามีเก่งๆ ทำไงก็ได้ให้สามีเลี้ยง" แล้วกับคำพูดนี้ คุณก็เก็บไปสอนลูกคุณนะค่ะถ้าเขาโชคดีได้เกิดเป็นผู้หญิงก็ขอให้เขามีสามีฝรั่ง มีหลานหน้าตาลูกครึ่งให้คุณเลี้ยง และก็เกาะสามีกิน แต่ถ้าคุณได้ลูกชาย ช่วยสอนให้เขามีความเป็น "สุภาพชน" มากกว่าที่คุณเป็นด้วยนะค่ะ จากคุณ : orria - [ 6 ม.ค. 52 12:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ความคิดคับแคบจริงๆ น่าสงสารผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับคุณนะ   ขอเจริญพร ให้เจอคนที่เขามีใจกว้างและจิตเมตตาต่อคุณนะคะ เพราะความคิดน่าสมเพชจริงหนอ ป้าว่า เดี๋ยวไปกอดลุง ขอบคุณลุงมากๆ ที่ไม่มีความคิดคับแคบแบบนี้ แถมช่วยงานบ้านทุกอย่างเลย แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 13:05:20 จากคุณ : ป้าเองค่ะ (ป้านี่เอง) - [ 6 ม.ค. 52 13:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ลูกคุณมาตั้งกระทู้อยากรู้ว่าจะไปเมืองนอกได้ไง คุณอยากให้เค้าคิดเหรอ ว่า เป็นหญิงไทยจะไปอยู่นอกได้ ก็คงต้องหาผัวฝรั่งอย่างเดียว ^^ ^^ อันนี้คงไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะว่าก่อนที่จะได้ "ผัว" อย่างที่คุณว่า ไอ้เมืองนอกเมืองนาทั้งหลาย ไปเหยียบมาก่อน จะหา "ผัว" ได้อีกค่ะ จะไปเมืองนอกได้อย่างไร มีเงินก้อไปเที่ยวก่อนสิค่ะ ศึกษาหาความรู้ไปเรียน อะไรมากมายค่ะ แต่พอเรียนจบอายุมาก ก้อต้องมี "ผัว" อย่างที่คุณว่าเป็นธรรมดาค่ะ ...................................... ผมถามหน่อยว่าคุณแต่งงานกับสามีคุณ คุยกันได้แต่งูๆปลาๆเท่านั้นเหรอ ถ้าภาษาไม่ดีก็ไปหัดเรียนได้ครับ ^^ ^^ ดิฉันสามารถพูดคุยกับสามี และไม่ใช่สามีได้ โดยที่พวกเค้าเหล่านั้น เข้าใจในคำพูดของดิฉันทุกคำค่ะ อีกอย่างบางประเทศเค้าใช้ภาษาที่สามนะคะคุณ ไม่ใช่ง่าย ๆ ค่ะ อย่างว่า คนอย่างคุณพูดไปอธิบายเรื่องภาษาไปก็คงไม่เข้าใจหรอกค่ะ ภาษาเยอรมัน ภาษาโปรตุเกส ภาษาสเปน หรืออะไรอีกมากมาย คิดว่าง่ายเหรอค่ะ เฮ้อ.....อย่างว่า คนไม่ได้สัมผัสไม่ทราบหรอกค่ะ คิดแต่ว่าอะไร อะไรมันง่าย คิดแคบ ๆ จังค่ะ ......................................... ฝรั่งพวกที่ชอบภรรยาเป็นคนเอเชียส่วนใหญ่ก็รู้ๆ กันครับว่าเค้าชอบให้ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เพราะว่าผู้หญิงในประเทศเค้าเองส่วนใหญ่ feminism สูง ไม่ยอมผู้ชายง่ายๆ ต้องเท่าเทียมกันไปซะทุกเรื่อง แต่คนไทยว่าง่าย พูดง่าย ยอมไปหมด เค้าเลยเอามาเป็นภรรยาไงครับ คุมง่าย หรือว่าคุณจะบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง? ^^ ^^ สำหรับคนอื่นไม่ทราบค่ะ แต่ส่วนตัวขอเถึยง... คุณเอาอะไรมาตัดสินคำว่า ช้างเท้าหน้า ช้างเท้าหลัง ไม่ทราบค่ะ   สมัยนี้ สามีดิฉันไม่เคยคิดว่าใครเป็นเท้าหน้า เท้าหลังหรอกค่ะ เราก้าวเดินไปพร้อม ๆ กันต่างหาก ผู้ชายที่จะประสบความสำเร็จได้ หลังบ้านต้องดีค่ะ พวกเราเป็นที่ปรึกษา เป็นกำลังใจ เป็นอีกหลาย ๆ อย่าง ที่คนอย่างคุณคงไม่มีวาสนาได้ประสบหรอกมั้งค่ะ ถ้ามีความคิดแบบนี้ คนไทยว่าง่ายหรือไม่ดิฉันไม่ทราบ แต่ดิฉันเป็นคนมีความคิด มีสมอง มีทางเลือกให้เลือกค่ะ ไม่ใช่ว่ามองแต่อะไรง่าย ๆ คำว่า "งานบ้าน" หรือแม่บ้าน ทำอะไรได้หลายอย่างที่เป็นประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดค่ะ ไม่ใช่แค่ กวาดบ้าน ถูบ้าน เอาใจสามีไปแบบวัน ๆ เรามีสาระกันมากกว่านั้น อีกอย่าง เรื่อง "คุมง่าย" ที่คุณบอก คงไม่จริง หรอกค่ะ เพราะว่าในใจเรารู้ดีค่ะ ว่าใครคุมอะไร 555 ถ้าดิฉันมีลูกสาว ดิฉันก้อจะส่งเสียงให้ลูกเรียนสูง ๆ อยู่ดีค่ะ เพราะสามารถสนับสนุน ให้คำแนะนำสามีได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสามีฝรั่ง หรือ สามีไทย หรอกค่ะ ขอแค่ว่า ไม่ใช่คนที่มีความคิดเยี่ยงคุณก็พอ แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 52 14:26:03 จากคุณ : KhunTop - [ 6 ม.ค. 52 14:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 72 จะไปเอานิยายอะไรกับ  .."ผู้ ช  า ย นิ สั ย ตุ๊  ด"  เล่า คุณแม่บ้านทั้งหลาย สิ่งมีชีวิตที่มีอวัยวะเพศชาย  จำพวกที่โปรดปรานการ Look down  เพศแม่น่ะ... เป็นเกย์ไปจริง ๆเสียเลยยังสร้างสรรค์กว่า. และตุ๊ดท่านใดที่ ไ ม่ เ ค ย และไม่ได้คิดจะมาดูถูกเพศหญิง จงอย่าเดือดร้อน. และไม่ต้องทำฉลาด?  มาป่วนกระทู้เพื่อเบียงเบนไปสู่ประเด็นอื่น !!! หากมีข้อข้องใจ โปรดย้อนไปอ่านบรรทัดที่ 3 . ขออัญเชิญประโยคอมตะ ในฐานะแฟนคลับของห้องราชดำเนิน  มา ณ ที่นี้   "อ ย่ า ไ ป ใ ห้ ร า ค า มั น ค รั บ" ปล. หวังว่าคงไม่เห็นมุขฮาดับอนาถ ประเภท  "ช่วงนี้(หัว)มันกำลังขายได้ราคาดีมากสำหรับเกษตรกร"     ขี้เกียจจะขำสิ้นคิดน่ะ > เ ก รี ย น < "อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตาโหนตุ ญาตะโย" แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 11:30:07 จากคุณ : cherry*viva - [ 6 ม.ค. 52 14:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นิสัยตุ๊ดแล้วเป็นยังไงเหรอฮะคุณ cherry*viva คนเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วนี่มันต้องเลวหรอฮะ ถ้าไม่อยากให้ใครเค้ามาดูถูกควรเริ่มต้นจากการไม่ดูถูกคนอื่นก่อนนะฮะ จากคุณ : Dresdner - [ 6 ม.ค. 52 18:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นว่าคนที่เข้ามาตอบเป็น ขสมก ซะส่วนใหญ่ 90%+ ถ้าใครที่อยู่ไกลบ้านและไม่ได้เป็น ขสมก ก็ช่วยเข้ามาแสดงตัวเพื่อพิสูจน์ว่าคุณ curious คิดผิดสิ เพราะคนที่เข้ามาตอบเป็น ขสมก ซะส่วนใหญ่ มันก็ยิ่งเป็นการสนับสนุนสมมติฐานของคุณ curious มีแนวโน้มเป็นจริง จากคุณ : curious อีกคน - [ 7 ม.ค. 52 01:21:11 A:65.169.176.133 X: TicketID:200109 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นด้วยกับคุณ Descher ด้วย จากคุณ : curious อีกคน - [ 7 ม.ค. 52 01:30:22 A:65.169.176.133 X: TicketID:200109 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คุณน้องcurious อีกคน แตกประเด็นไปเลยค่ะ จะได้ทราบความเห็นของคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ขสมก ว่าเขาคิดยังไง จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 7 ม.ค. 52 02:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ว๊ายตายแล้วคุณขาาาาาาา อ่านถีง คห.68 ของคุณ ดิฉัน เดือดอย่างแรง คุณพูดงี้ได้ไงคะ "ฝรั่งพวกที่ชอบภรรยาเป็นคนเอเชียส่วนใหญ่ก็รู้ๆ กันครับว่าเค้าชอบให้ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง เพราะว่าผู้หญิงในประเทศเค้าเองส่วนใหญ่ feminism สูง ไม่ยอมผู้ชายง่ายๆ ต้องเท่าเทียมกันไปซะทุกเรื่อง แต่คนไทยว่าง่าย พูดง่าย ยอมไปหมด เค้าเลยเอามาเป็นภรรยาไงครับ คุมง่าย หรือว่าคุณจะบอกว่าเป็นเรื่องไม่จริง? " ไม่จิ๊ง ไม่จริงอย่างแรงค่ะ คุณเอาฝรั่งที่ไหนมาวัดค๊ะ คุณ หรือ เอาตัวเองมาวัดคะ ฝรั่งที่บ้าน ตอนขอเราแต่งงาน เค้าก็ไม่รู้จักช้าง เท้าหน้า เท้าหลังด้วยซ้ำ เราเอง เป็นคนบอกเค้าว่า คนไทยหน่ะค่ะ สมัยก่อนนะคะ เค้าว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แต่เราคุยกับว่าที่สามี(ในตอนนั้น) ว่า เราสองคน ขอเป็นช้างเท้าซ้าย และ เท้าขวา เราจะเดินไปด้วยกันนะคะ สามีดีใจ และปลื้มสุดๆค่ะ สามีไม่เคย คิดอยากเป็นเลยนะคะ ไอ้เท้าหน้า อย่างที่คุณว่า และไม่เคยยัดเยียดดิฉันเป็นเท้าหลังนะคะ ทุกวันนี้ หาเงินได้ทุกเหรียญ ให้เมียจัดการค่ะ ให้เกียรติ์ ภรรยาเต็มที่ ให้เราช่วยดูแล บัญชีและรายได้ รายจ่าย ของเค้า ไม่เคยคิดว่าเราหัวอ่อน จัดการการง่าย อยู่ในโอวาท ไม่มี๊ไม่มีค่ะ ไม่เคยเลยค่ะ คุณไปเอาความคิดเหล่านี้มาจากไหนคะ โลกแคบจริงๆนะคะ ว่าแต่คุณหาภรรยาดีๆได้หรือยังคะ ถ้ามีแล้วดิฉันสงสารภรรยาคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : พนักงาน ขสมก. เต็มขั้นค่ะ - [ 7 ม.ค. 52 07:07:36 A:69.236.107.161 X: TicketID:188927 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คนอะไร จับเอาแต่บางคำบางประโยค มาว่าเพศแม่ตัวเอง ไม่เห็นหรือว่า บางท่านที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้ .. ไม่ได้มี แต่ .. ภรรยาสามีฝรั่ง... คนที่เค้ามีสามีไทยมาอยู่ต่างแดน เค้าก้อเป็นแม่บ้านเหมือนกัน ด้วยเหตุผลของแต่ละคน ทำไมตัดสินคนอื่นด้วย ใจอันคับแคบของตัวล่ะคะ จากคุณ : คนอะไร (pass-by) - [ 7 ม.ค. 52 08:21:44 A:192.168.0.17 X:24.240.30.234 TicketID:199210 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ถึงยัยสอดรู้สอดเห็น ใช่สิคะ ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ที่มาอยู่ต่างแดนก็เพราะแต่งงานหรือย้ายมาอยู่กับสามี แล้วมันจะแปลกเหรอที่สามีของเขาเลี้ยงดูโดยไม่ต้องให้ทำงาน ทำไมหล่อนต้องไปพูดแดกดันผู้หญิงเหล่านั้นว่าไม่มีความสามารถหางาน หรือภาษาไม่ดีแล้วยังไม่อยากเรียนรู้ หล่อนเข้าใจคำว่าอาชีพแม่บ้านหรือเปล่า ชั้นเดาว่าหล่อนคงไม่มีแม่บ้าน แต่มีพ่อบ้านใช้แรงงานหล่อน ฮ่าๆ ชั้นล่อเล่นค่ะ ชั้นหวังว่าหล่อนคงไม่คิดจะมีแม่บ้านนะ ถ้าหล่อนมีต้องเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายที่สุด -- "แต่มันเกี่ยวกับประเด็นที่ ด้วยกระทู้เดิมๆ มีน้องคนนึงมาถามว่าไปอยู่เมืองนอกได้ยังไง 95% หรืออาจมากกว่านั้นเป็น ผู้หญิง ทุกคนบอกมาอยู่กับสามี" อ้าวแล้วจะให้บอกว่าไงล่ะ ก็จริงนิ มาอยู่กับสามี สามีอยู่ที่ไหน ภรรยาก็ควรอยู่ที่นั่น ส่วนคนที่มาเรียนต่างประเทศจุดประสงค์ของเขาไม่เหมือนกัน เขามาเรียนมาหาความรู้เพื่อหน้าที่การงานที่ดีในอนาคต แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเจอกับผู้ชายดีๆที่ต้องการสร้างอนาคตด้วยกัน ก็เป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันเองว่าใครจะทำงานใครจะอยู่บ้าน หรือช่วยๆกันไป ครอบครัวใครครอบครัวมัน -- "ลูกคุณมาตั้งกระทู้อยากรู้ว่าจะไปเมืองนอกได้ไง" ก็พ่อกับแม่มันอยู่เมืองนอก ลูกมันคงไม่มาตั้งคำถามหรอกค่ะ ส่วนคนอื่นที่อยู่เมืองไทยแล้วยังสงสัย เขาก็ได้คำตอบแล้วว่าส่วนใหญ่ไม่ได้อยากมา แต่มาเพราะมีสามีอยู่เมืองนอก และเขาคงฉลาดพอที่จะค้นคว้าหาข้อมูลก่อนมาอยู่เมืองนอกว่ามันไม่ได้สบายเหมือนอย่างที่คิด ชั้นขอจบแค่นี้ค่ะ ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาให้หล่อนแล้วเนี่ย ไปดีกว่า จากคุณ : thaispicy - [ 7 ม.ค. 52 11:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ ^ ก๊ากกกๆๆๆๆๆ โห แซ่บ แล้ว เปลี่ยนค่าาาาา จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 7 ม.ค. 52 14:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เฮ้อ.. ถ้าคิดจะ take my word out of context แบบนี้.. ทีหลังก็ไม่อยากตอบแล้วนะคะ.. ประเด็นของดิฉันคือ "ผู้ชายดีๆ เค้าอยากเลี้ยงดูภรรยา ไม่อยากให้ภรรยาต้องทำงานนอกบ้าน" ส่วนที่ยกขึ้นมาตบท้ายนั้น หมายถึงผู้หญิงไม่ว่าชาติไหนๆ ก็เหมือนกัน ดิฉันก็บอกอยู่ว่าผู้หญิงฝรั่งน่ะ เป็น stay-at-home-mom กันมากเสียยิ่งกว่าผู้หญิงไทยเสียอีก หรือคุณว่าไม่จริง?.. ดิฉันใช้คำว่า ผู้หญิง in general ไม่ได้บอกว่า ผู้หญิงไทย in general สักหน่อย แต่คุณก็ยังอุตส่าห์เอาไปแปลว่าเฉพาะผู้หญิงไทย.. สรุปว่าไม่ได้อ่านหรือพยายามทำความเข้าใจถึงเนื้อความอื่นๆ เลยใช่ไหม แค่มองหาแต่จุดที่จะเอามากัดต่อได้เท่านั้นหรือ? ทำไมดูถูกผู้หญิงไทยจังเลย.. ครอบครัวใคร ก็ครอบครัวมัน.. แต่ละคนก็ีมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน.. ทำไมเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปใช้วัดคนอื่น? ดิฉันก็ไม่ชอบกระทู้ไร้สาระก่อนหน้านั้น ที่น้องคนนั้นเอามาถามเหมือนกัน.. แต่ดิฉันไม่เห็นต้องเอามาเหมารวมเลย ว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นกันหมด.. มันใช่ซะที่ไหนเล่า.. แล้วในกระทู้นั้นเองก็เหอะ มีคนไปบ้าจี้ตามน้องเค้าด้วยหรือคะ? ดิฉันเล่าเรื่องคุณให้สามีฟังนะคะ สามีดิฉันเห็นเป็นเรื่องตลก ไม่ได้ให้ความสนใจ แถมบอกว่า "ไร้สาระ คนตั้งกระทู้คงจะอิจฉา ขสมก. เค้าน่ะสิ" แถมสามีดิฉันไม่เชื่อด้วยว่าคุณเป็นผู้ชาย.. อันนี้ seriously นะคะ ไม่ได้หลอกด่า.. หลายๆ ท่านที่เข้ามาให้ความเห็น ก็ให้กันด้วยความสุภาพ.. ดิฉันเองก็ไม่ได้เขียนว่าคุณเลยสักหน่อย (มีพูดให้คิดหน่อยเดียวว่า "ผู้ชายดีๆ").. แต่คุณก็ยังมาสบประมาทไปถึง "ลูกสาว" คนที่คุณไม่ได้รู้จักไ้ด้.. สุภาษิตไทยท่านว่าไว้นะคะ "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว.. ยังไงดิฉันต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่เข้ามาต่อกลอน.. จะกลับไปลบข้อความก็ใช่ที่.. แต่ขอให้รู้ละกันค่ะ ว่ารู้สึกว่าเสียเวลามาก พูดไปสองไพเบี้ยจริงๆ. จากคุณ : sxy_sassy - [ 7 ม.ค. 52 14:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่ทราบว่าตกกระทู้ร้อนกระทู้นี้ไปได้ยังไง คือเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องรถเมล์ขนส่งมวลชน  ก็เลยไม่ได้เข้ามาดู ขี้เกียจเขียนยาว อยากบอกแค่ว่าดิฉันอยากทำงาน ขสมก. มากๆ แต่สามีไม่รวยพอที่จะให้ดิฉันหยุดอยู่บ้านเฉยๆได้ ก็เลยจำเป็นต้องออกไปทำมาหากินช่วยกันหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆในบ้านค่ะ ขอให้กำลังใจแม่บ้านทุกคน งานนี้หนักมากๆนะคะ แถมทำทุกวัน 24 ชม. ไม่มีวันหยุดราชการ เงินเดือนเงินดาวอะไรก็ไม่ได้ แถมยังมีคนคอยดูถูกอีกต่างหาก จากคุณ : Smilla - [ 7 ม.ค. 52 18:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ********************************************* หลังจากที่ได้อ่านคำตอบหลายๆ อันที่นี่ผมแค่คิดว่าผู้หญิงไทยในต่างแดนก็เหมือนกันหมด แม้จะมีการศีกษาหรือไม่ ก็ทำ ขสมก เหมือนกัน แค่อยากเห็นคนไทยแบบมาเรียนเมืองนอก หางานได้เอง ทำให้ที่บ้านภูมิใจว่าเราช่วยตัวเองได้นะ คนไทยฉลาด ไม่ใช่มาอยู่เมืองนอกเพราะ ขสมก ******************************* แล้วที่บอกว่าถ้าต้องเลี้ยงลูกเองจะทำได้ไหม บางคนบอกที่นี่สวัสดิการดี มีรัฐคอยจ่ายให้ ถามหน่อนนะครับพวกที่ homeless หรือคนที่จนๆที่นี่ หรือพวกที่ติดยา พวกที่ไม่คิดจะหางานทำเลย เค้าก็ได้เงินเหมือนกันจากรัฐ คนที่เสียภาษีจากการทำงานก็เสียไป เอาเงินไปช่วยคนพวกนี้ ทางเมืองนอกเค้าเลยไม่อยากได้ภาระไม่อยากเสียเงินให้คนพวกนี้ เลยทำให้การขอวีซ่ามันยาก ไม่อยากให้ง่ายๆ ไม่มีความสามารถแต่จะมาอาศัยประเทศเค้าอยู่ กะจะเอาเงินภาษีเค้ามาใช้ ******************************************* ไม่ใช่สมาชิกพันทิป และไม่ได้เข้ามาห้องนี้ประจำ เพิ่งเข้ามาอ่านเห็นหัวข้อกระทู้ชื่อแปลกดี ปกติทำงานทั้งงานประจำทั้งงานบ้าน ดูแลลูกที่ต้องช่วยกันทั้งสามีและตัวดิฉันเอง ก็เลยไม่ได้ค่อยได้มีเวลาทำอย่างอื่น เข้าใจว่าคนไทยคนหลายๆคนที่อยู่ต่างแดนก็เหมือนๆกันเลยไม่ว่างมาตอบในกระทู้นี้ให้กับข้อสงสัยของพวกคุณ ปกติก็จะอ่านอย่างเดียวแต่วันนี้ขอตอบ คุณ curious และคุณ curious อีกคนไปพร้อมๆกันเลยนะคะ ดิฉันมาอยู่อเมริกาจะเจ็ดปีแล้วค่ะ เพราะสามีต้องการมาเรียนต่อ มาถึงก็ทำงานเลย เพราะไม่มีเงินเก็บมากมาย เริ่มจากงานเล็กๆ แต่ก็พอเลี้ยงตัวเองได้ เพราะทำงานทั้งสองคน แล้วก็เรียนโทไปด้วย เพราะอย่างที่หลายๆความเห็นกล่าวมาแล้วว่าถ้าไม่มีวุฒิหรือประสบการณ์ของที่นี่ โอกาสได้งานดีแทบเป็นศูนย์ ถึงคุณจะเคยทำงานใหญ่โตแค่ไหนที่บ้านเมืองคุณมาก่อน เค้าก้ไม่ค่อยพิจารณาจ้างงานคุณหรอก ทำงานไปเรียนไปจนจบก็ได้งานที่ดีเงินเดือนดี แต่งานก็เยอะ ทำทั้งวันแล้วก็หอบกลับมาทำที่บ้านอีก ตอนแรกยังไม่มีลูกก็ไม่เท่าไหร่ พอมีลูก สามีก็ทำงานที่บ้าน เพราะต้องมีสักคนที่ดูแลลูก เราอยู่กันสองคนค่ะ ไม่มีญาติที่จะคอยช่วยเลี้ยงได้เหมือนเมืองไทย ถ้าจ้างพี่เลี้ยงก็แพง แล้วไม่รู้ว่าจะดูแลลูกเราได้ดีแค่ไหน ไม่ไว้ใจจริงๆค่ะ โชคดีที่ธุรกิจของสามีสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่หลายๆครอบครัวอาจไม่มีทางเลือกอย่างนี้ ถ้าสามีดิฉันไม่สามารถทำงานที่บ้านพร้อมๆกับดูแลลูกไปด้วยได้ ดิฉันก็คงไม่แคล้วต้องออกจากงานมาดูแลลูกที่บ้านเหมือนท่านอื่นๆ เท่าที่เลี้ยงลูกมา เป็นทั้งแม่บ้านทั้งทำงานนอกบ้านไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละ 60 ชั่วโมง (จริงๆก็ 40 แต่งานมันไม่เยอะนะคะ เศรษฐกิจอย่างนี้เค้าปลดคนออกเยอะ คนที่เหลือก็ต้องทำงานเยอะขึ้น) ก็ขอตอบแทนคุณแม่บ้านท่านอื่นๆนะคะ เผื่อทั้งคุณ curious และคุณ curious อีกคน จะไม่เชื่อที่ "แม่บ้าน" ได้ตอบมาก่อนหน้านี้ งานบ้าน เลี้ยงลูกเป็นงานที่หนักและต้องเสียสละจริงๆค่ะ ทำไม่ได้หยุด ดิฉันยังนึกขอบใจสามีที่เค้าเสียสละช่วยเลี้ยงลูกอยู่บ้านแล้วยอมลดงานเค้าลง ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาไม่ว่าช่วงไหนๆที่อ่านเจอกระทู้ลักษณะนี้ก็จะเป็นในลักษณะดูถูกคนไทยด้วยกันเอง ถึงคุณ curious จะบอกว่า "แค่อยากเห็นคนไทยแบบมาเรียนเมืองนอก หางานได้เอง ทำให้ที่บ้านภูมิใจว่าเราช่วยตัวเองได้นะ คนไทยฉลาด ไม่ใช่มาอยู่เมืองนอกเพราะ ขสมก " ก็ยังไม่เคยเห็นใครตั้งกระทู้ชมคนที่หางานทำที่เมืองนอกได้เลย ส่วนใหญ่มีแต่จะตั้งหลักวิจารณ์ผู้หญิงไทยที่มีสามีฝรั่งเป็นแม่บ้านกันทั้งนั้น คุณไม่ควรที่จะตัดสินว่าใครฉลาดหรือไม่ โดยดูว่าเค้าทำงานอะไร"ในขณะนั้น"เท่านั้นค่ะ ขอยกตัวอย่างนะคะ ถ้าหากว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ทำงานที่บริษัทหนึ่ง ได้เงิน $36,000/ปี (ค่อนข้างมาตรฐานสำหรับตำแ หน่งขั้นต้นๆของคนที่เพิ่งได้งานประจำทำในอเมริกานะคะ) รายได้หลังหักภาษี, ประกันสุขภาพ ประกันสังคม อาจจะเหลืออยู่ที่ $28,000/ปี เธอและสามีเพิ่งมีลูกด้วยกัน กรณีที่ 1 เธอตัดสินใจทำงานต่อ จ้างพี่เลี้ยงเด็กหรือส่งเนอร์สเซอรี่ ค่าใช้จ่ายต่อปี $13000 ค่ารถ $6,000 เสื้อผ้าทำงาน รองเท้า กระเป๋า $1,200 อาหารเที่ยง $2,000 (เพราะต้องทำงานนอกบ้านและดูลูกตอนเย็น เวลาทำอาหารก็ลดลง ที่นี่ซื้ออาหารยอกบ้านข้างถนนแบบเมืองไทยไม่ได้ค่ะ ที่ร้านก็แพง ราคาที่กำหนดมาคือราคา lunch special + tip) เหลือเงิน $5,800/ปี หรือ $483/เดือน เธอมีเวลาอยู่กับลูกและสามีแค่หลังเลิกงานไม่กี่ชั่วโมง กรณีที่ 2 เธอตกลงกับสามีว่าจะออกมาดูแลลูกสักปีสองปีก่อน เธอไม่มีรายได้อะไร แต่ครอบครัวก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการทำงานและสามีก็ได้ลดหย่อนภาษี เธอมีเวลาดูแลลูกเต็มที่ สามีมีอาหารกล่องปีกินที่ทำงาน ลดค่าใช้จ่ายไปได้ปีละ $2,000 เหรียญ จะเห็นว่าจากตัวอย่างที่ยกมา รายได้ที่เข้าสู่ครอบครัวไม่ได้ต่างอะไรกันมาก ถึงตัวเลขเหล่านี้จะสมมติขึ้นมาแต่ก็ประมาณมาจากข้อมูลที่ทราบมาจากเมืองที่อยู่ ณ ตอนนี้ ตัวอย่างนี้ ไม่ได้แสดงขึ้นมาเพื่อให้คุณตัดสินว่ากรณีไหนฉลาดกว่ากัน เพราะการตัดสินใจอะไรแต่ละคนคงดูว่าอะไรที่ดีที่สุดกับครอบครัวเค้า แต่เพื่อแสดงให้คุณเห็นว่าทำไมหลายท่านจึงเลือกที่จะเป้นแม่บ้านหรือออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก นี่สำหรับลูกคนเดียวนะคะ ถ้ามีมากกว่านั้น ค่าใช้จ่ายส่วนของเนอร์สเซอรี่ก็ลูงขึ้นด้วย คุณ curious และคุณ curious อีกคน ไม่ควรที่จะวิจารณ์หญิงไทยโดยรวมด้านลบ เพียงเพราะข้อมูลน้อยนิดที่คุณมาอ่านจากกระทู้ไม่กี่กระทู้ในเวปๆเดียว เพราะมันอาจแสดงถึงการไม่เปิดใจกว้างของคุณเอง ส่วนในอีกความคิดเห็นหนึ่งของคุณที่ว่า "ทางเมืองนอกเค้าเลยไม่อยากได้ภาระไม่อยากเสียเงินให้คนพวกนี้ เลยทำให้การขอวีซ่ามันยาก ไม่อยากให้ง่ายๆ ไม่มีความสามารถแต่จะมาอาศัยประเทศเค้าอยู่ กะจะเอาเงินภาษีเค้ามาใช้" ดิฉันก็รู้สึกสงสัยว่าตกลงที่คุณรู้สึกไม่ดีกับหญิงไทยต่างแดนนี่เป้นเพราะคุณเคยขอวีซ่าแล้วมันไม่ได้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่คุณก็จะไปเดือดร้อนทำไม ถ้าใช่ ก็ขอบอกว่าถ้าคุณเตรียมหลักฐานให้พร้อม การขอวีซ่าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพราะหลายๆคนก็ได้กัน หวังว่าคำตอบของดิฉันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเปิดใจคุณทั้งสองให้กว้างขึ้นและยอมรับนับถือเพื่อนร่วมประเทศของเราขึ้นได้นะคะ จากคุณ : Thai_in_US - [ 12 ม.ค. 52 04:41:46 A:71.204.102.185 X: TicketID:098464 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มันต้องเจอแม่ไม้หญิงไทยผู้มีประสบการณ์  ใจกว้าง และสูงด้วยการศึกษามาคอยกระแทก  ใช้เครื่องมือถ่างรอยหยักในสมองกันซะก่อนทุกทีสิน่า ถึงจะ   Shut up กันไปได้  จริงมั๊ย? คุณ curious และคุณ curious อีกคน จากคุณ : ~H A p P y E n d I N G~ (cherry*viva) - [ 21 ม.ค. 52 13:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อยากตั้งกระทู้ เพื่อก่อกวนมากกว่ามั้งคะ หรือไม่คุณ Curious ทั้งหลาย ก็คงเป็นประเภทบุคคลที่มีโลกทัศน์น้อย ด้อยทัศนคติ ที่มักชอบดูถูกคนไทยด้วยกันเอง มุมมองคุณอาจจะแคบไป หรือ อาจะไม่มีเลยก็ว่าได้ คุณอาจจะเป็นคนมีการศึกษาสูงนะ หรือ อาจะน้อย ซึ่งก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เพราะถ้าจะคิดไป คนที่มีการศึกษาสูงๆ ดีๆก็คงไม่คิดเช่นเดียวกันกับคุณ เพราะเขาก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และไม่มาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ เชื่อว่าทุกคนไม่ว่า หญิง หรือ ชายก็คงอยากมีชีวิตที่ดี เหมือนๆกันหมด ไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม มีความสามารถหรือไม่มี ไม่ได้วัดกันที่ต้องมีสามีเป็นฝรั่งหรอกค่ะ ไม่ใช่จำเป็นเสมอไป และอีกอย่างพวกฝรั่งที่เขามีภรรยาไทยไม่ใช่ว่าเขาจะเอามาเป็นช้างเท้าหลังมื่อไหร่ และเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเกาะเขากินด้วย อย่างนี้ถ้าคุณมีภรรยาเอง คุณก็คงว่าภรรยาคุณจะต้องมาเกาะคุณเองกิน การศึกษาช่วยขัดเกลาจิตใจให้คนทำเป็น คิดเป็น และ ตัดสินใจเป็น ว่าสิ่งไหน ดีไม่ดีอย่างไร ดูตัวอย่างหลายๆคนที่มีการศึกษาสูง แต่จิตใจไม่สูงก็มีให้เห็นทั่วไป หรือบางคนจบสูงมีสามีเป็นฝรั่งก็มีถมไปแต่ไม่ยักมีประเด็นมาให้พูดถึง แต่ก็คงไม่อาจเถียงว่า 95 % ของญ ไทยส่วนใหญ่สามีเลี้ยง ไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาหางานที่ดีทำ นั่นก็อจจะเป็นเพราะว่า เขาเลี้ยงดูเราได้ ไม่ใช่แต่ว่าไม่มีการศึกษา เพราะถึงมีการศึกษา อยู่ต่างแดน ก็ยากที่จะหางานที่ดีทำค่ะ เพราะถ้าออกไปหางานทำได้ ยังสนุกกว่าทำงานในบ้านตั้งหลายเท่านะคะมีรายได้เป็นของตัวเองต่างหากไม่ใช่อยู่ที่ไม่มีการศึกษาหรอกค่ะ จากคุณ : ยิ้ม (solensen) - [ 26 ม.ค. 52 17:29:30 ]