ความคิดเห็นที่ 1 ในอเมริกา ยังไม่เคยเห็นร้านเครื่องเขียนที่เป็นร้านเล็ก ๆ แบบที่เมืองไทย เลยบอกไม่ได้ว่ามันมีอะไรกันบ้าง เพราะแถว ๆ นี้ที่เห็น ๆ ก็คื Office Max ไปเลย ร้านเครื่องเขียนไม่ค่อยมีไอเดียค่ะ แต่อยากเห็นร้านหนังสือเมืองไทย เป็นแบบที่อเมริกาบ้าง อาจจะสร้างนิสัยชอบการอ่านหนังสือให้เด็กได้บ้าง ทำร้านเครื่องเขียน ไม่ลองตั้งคลับดูล่ะค่ะ เช่น คลับงานฝีมือ คลับการวาดภาพ คลับการอ่านหนังสือ เป็นต้น ถ้าเด็กมีงานอดิเรกต้องทำ เค้าก็ต้องซื้ออุปกรณ์จากเราบ้างแหละ นอกจากจะช่วยร้านเราแล้ว ยังช่วยให้เด็ก ๆ ไม่ไปบ้าเล่นเกมส์ทั้งวันด้วย จากคุณ : Lilac Girl - [ 31 ม.ค. 52 22:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Maybe you should add cute stuffs in your store too.. to increase your sales ka. Make it like stationery store + Gift shop.. that kind of thing ^^ That's what I've learned from visiting Korean stationery stores many times. They do have pretty lovely stationery stuffs that always make the girls drool. You know that the majority of people who buy stuff at this kind of place is girls, right? I'm not saying that boys don't buy, but they do it -- for less. If you wanna see what cute stationery items look like, simply go to http://www.morningglory.co.kr, http://www.artbox.co.kr or http://www.pinkfoot.co.kr. They also sell stuffs like stickers (girls love it!), cute bags, cute phonestraps, and the list goes on.. If you have a chance, you can go to Korea and see it yourself. This kind of thing is pretty cheap there! Generally, a cute notebook is like 1,000-2,000 won. You could buy some back home and see if it works :) or you can contact those brands I previously mentioned and ask about wholesale ordering ka. We do have Morning Glory products in Thailand but they're so expensive. Seems to me they actually charge like 30-50% on top of the normal price. Good luck na ka =) แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 52 23:35:59 แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 52 23:25:53 จากคุณ : La Estrellita Brillante - [ 31 ม.ค. 52 23:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ร้านเครื่องเขียนที่สเปนและเยอรมัน ก็ไม่มีอะไรตื่นตาตื่นใจเลยค่ะ แต่ร้านก็ธรรมดามากๆ  มีก็ตรงตู้ดิสเพลย์นั้นแหละ  ที่จะตกแต่งตามเทศกาล ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ธรรมดาๆ  มีการเอาสินค้าที่ออกใหม่ พวกหนังสือ และพวกของจุกจิกแนวๆ กิ๊ฟช๊อป (แต่สำหรับเรามันไม่น่ารักอ่ะ) มาโชว์ตั้งโชว์  เท่านั้นเอง  ในร้านก็ทึมๆ ธรรมดาๆ เราว่า ร้านเครื่องเขียนเมืองไทยซะอีก  ที่มีอะไรน่ารักๆ ขายเยอะมาก ยิ่งพวกสินค้าจากเกาหลี  ญี่ปุ่นนี่ เป็นอะไรที่ดูดทรัพย์สุดๆ เดินร้านเครื่องเขียนเมืองไทย (ในกรุงเทพนะ) เราจมอยู่ในนั้นได้เป็นนานสองนานเลย เข้าทุกครั้ง  ก็มีเหตุให้เสียเงินทุกครั้งเหมือนกัน   เอาง่ายๆ  ปากกาหัว 0.5 เนี่ย เรามีเป็นกำๆ เลยอ่ะ  ซื้อแล้วก็ซื้ออีก ซื้อซ้ำๆ ได้ พวกกระดาษโน๊ต สมุดฉีก ลายการ์ตูนน่ารักๆ สีสวยๆ   โอ้ย  มันชวนให้สละทรัพย์เจงๆ เสนอความคิดนะค่ะ  มันจะดึงดูดลูกค้าคุณได้มากๆ คือ ตู้ดิสเพลย์นี่แหละ แต่งตู้เป็นตรีมแต่ละเดือน  ปีหนึ่งเปลี่ยนแค่สิบสองตรีมเอง เอาเป็นเล่นสีก็ได้  เดือนนี้สีชมพู  ก็เอาสินค้าที่เป็นสีชมพูมาตกแต่ง ปากกาสีชมพู  ซองดินสอสีชมพู  สมุดโน๊ตสีชมพู ปูผ้าขนๆ สีชมพู มีอะไรที่มีสีชมพูแทรกอยู่  เอามาโชว์โลด แล้วเอาตุ๊กตาน่ารักๆ เป็นคิตตี้ เป็นหมีอะไรก็ได้ เอาน่ารักๆ มาแต่งประกอบตู้เข้าไป  เขียนราคาของแปะไว้ด้วยก็ดี คือ  ถ้าเราขายของไม่แพง คนจะได้รู้ราคา และไม่กลัวว่า ร้านแต่งสวยๆ จะขายของแพง  (คนชอบคิดแบบนี้อ่ะนิ๊) อ้อ  อย่าลืมทาสีร้านให้สว่างๆ นะค่ะ  ร้านสีสว่างมันทำให้สินค้าเปล่งประกาย หวังว่าคงพอเป็นไอเดียได้บ้างนะค่ะ จากคุณ : soulfighter - [ 1 ก.พ. 52 00:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากร้านหนังสือแล้ว ก็มีร้านเครื่องเขียนนี่แหละค่ะที่ดิฉันชอบเข้า ที่เมืองไทย ถ้าเป็นร้านเล็กๆก็จะเป็นแบบของทุกอย่างอยู่ในตู้ ร้านจะให้ลูกจ้างเป็นคนขายและหยิบของให้ ร้านอย่างนี้จะเข้าก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้นเพราะเกลียดมากที่จะต้องเจอกับลูกจ้างหน้างอ ชอบบ่นอุบอิบ เวลาเราให้หยิบของให้ดู ถามราคา แล้วก็ไม่เอา (อ้าวว..ก็อยากหน้างอใส่เราทำไม) แต่ร้านใหญ่ที่เปิดโอกาสให้คนซื้อเดินดูตามสบาย มีของ display น่ารักๆน่าซื้อหลายอย่าง อย่างนี้ ถึงไม่มีเจตนาที่จะซื้ออะไรแต่เรก แต่จะเป็นเหตุให้ต้องเสียทรัพย์ด้วยความเต็มใจทุกครั้ง ที่ชอบอีกอย่างคือซื้อ card สวยๆ จากคุณ : PatPDX - [ 1 ก.พ. 52 00:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่อเมริกา...ปกติร้านเครื่องเขียนจะเป็นร้านขนาดใหญ่มีสาขาอยู่ทุกมุมเมือง... เช่น Staples, Office Max, Office Depot เป็นต้น หรืออย่างร้าน Blick Arts อันนี้ก็ขายแต่อุปกรณ์วาดรูปและเครื่องเขียนด้วย ร้านเหล่านี้จะจัดหมวดหมู่ของสินค้าอย่างเป็นระเบียบ แต่สินค้าที่นี่จะเน้นประโยชน์การใช้สอยมากกว่า "คิกขุ" (หายากมากๆ ต้องไปร้านจีนหรือญี่ปุ่น) นอกจากนั้นแล้วเขาจะให้ผู้ซื้อสมัครเป็นสมาชิกแบบ rewards เช่น ถ้าซื้อครบเท่าไหร่จะได้คูปองส่วนลดให้ไปซื้อสินค้าที่ร้านอีกตามยอดเงินที่ทางร้านออกให้แต่ต้องใช้ในวันที่กำหนด หรืออย่างร้าน Blick Arts เขาจะให้ส่วนลดพิเศษกับครูและนักเรียนที่สมัครเป็นสมาชิกที่ร้าน 10-15% ก็แล้วแต่ข้อกำหนด ร้านเหล่านี้นอกจะขายแบบปลีกแล้ว ยังมีบริการขายส่งสำหรับบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ด้วย เรียกว่า...เจาะตลาดทุกระดับเลย... ทีนี้ถ้า จขกท. จะเน้นลูกค้านักเรียนหรือวัยรุ่นในไทย (เน้นต่างจังหวัด) เด็กพวกนี้จะเน้นของน่ารักแบบที่เด็ก กทม. ใช้มากกว่าประโยชน์ใช้สอยจริงๆ ดูอย่างร้าน B2S นั่นก็เจาะตลาดเด็กวัยรุ่นที่ชอบใช้สินค้าจากญี่ปุ่น (แพงน่าดู) เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ชอบปากกาสี (หลากหลายสี) กับกล่องดินสอสวยๆ เป็นต้น (อันนี้คุณต้องดูตลาดตลอดเวลา) พยายามหาของใหม่ๆ มาลง...และต้องวางแผนการตลาดดีๆ ให้ร้านคุณอยู่ใน "หัว" ของลูกค้าทุกครั้งที่เขาอยากจะซื้อเครื่องเขียน ดังนั้นการจัดร้านก็ต้องเน้นดึงกลุ่มเป้าหมายเข้าร้าน หาของกระจุกกระจิกมาเป็นของแถมถ้าซื้อของครบตามที่กำหนด หรือจะทำเป็นการ์ดที่ซื้อสินค้าสมมุติว่าซื้อครบ 20 บาทก็ประทับตราไป 1 หน พอครบ 20 หนจะมารับของที่ระลึกหรือเอาไปแลกซื้อสินค้าก็ว่าไป (แล้วแต่คุณกำหนด) การลดราคาแบบหมุนเวียนสินค้าต่างๆ ในร้าน ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะดึงลูกค้าเข้าร้านนะคะ แบบซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อ 1 แล้วชิ้นที่ 2 ลด 50% เป็นต้น... อันนี้เล่าตามประสบการณ์เพราะเป็นคนที่ชอบเข้าร้านเครื่องเขียนมากๆ จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 1 ก.พ. 52 01:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองทำแบบสอบภามให้ลูกค้ากรอกด้วยดีไหมคะ เราจะได้ทราบความต้องการของลูกค้า และลูกค้าจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในการจัดร้านในรูปแบบใหม่ๆด้วย จากคุณ : wheel of forture - [ 1 ก.พ. 52 03:08:51 A:68.127.157.241 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 7 I think Japan is the role model of Stationaries shop, their products and shop's decoration are have multifunctions, mostly modern design and soooooooooo cute. Also IKEA products are very interesting, closest IKEA to Thailand is in Malaysia , but I think IKEA"s Singapore is better kha. In USA, all boring and too formal. ... จากคุณ : PiGGae - [ 1 ก.พ. 52 12:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กลื่นหอมๆ กับเปิดเพลงคลอเบาๆ กลิ่นและเสียงมีผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคมากนะคะ จากคุณ : ฮูหยินใหญ่ - [ 1 ก.พ. 52 15:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณนะครับสำหรับทุกๆคำตอบ กะจะลองจัดร้านใหม่ให้โล่งๆ ทำตู้ดิสเพลย์ เปลี่ยนแนวเพลงจากที่พ่อชอบเปิดลุกทุ่งมาเปิดเพลงวัยรุ่นแทน หนักใจก็เรื่องหาของน่ารักมาลงนี่ละครับ ผมมันช่างไม่มีหัวด้านนี้เลย สงสัยต้องรีบหาแฟน 555 จากคุณ : bluedracula - [ 1 ก.พ. 52 19:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จัดให้รูปแบบแบบว่าเชิญชวนให้คนเข้ามาเดินเล่นก็ดีนะคับ เช่น เอาเค้าเตอร์แคชเชียไปไว้ข้างใน จะได้ไม่รุ้สึกถูกจับตาทุกครั้งที่เดินเข้าร้านมาอะคับ แล้วไปติดกล้องวงจรปิดแทน อะไรแบบนี้คับถ้ากังวลเรื่องขโมย จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 4 ก.พ. 52 06:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขายพวกกิฟช็อปปนไปด้วยสิคะ ดึงดูดสาวๆเข้าร้านได้ดีนะ จากคุณ : LuNaTicCaT - [ 9 มี.ค. 52 20:33:32 ]