Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน คุณอู๋สอนน้องให้งก ตอนหนึ่ง

    สาวออฟฟิสเมืองผู้ดี ตอน คุณอู๋สอนน้องให้งก ตอนหนึ่ง
    Episode XXIII: Salty me…Part I

    เมื่อประมาณสองสามปีก่อนมีครั้งนึงขณะคุณอู๋คุยกับแม่เรื่องสัพเพเหระอยู่ดีๆ แม่คุณอู๋ก็พูดถึงค่าใช้จ่ายที่คุณอู๋ใช้ไปตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัย ไม่ใช่แค่คุยเล่นๆธรรมดานะคะแต่เป็นจริงเป็นจังถึงขั้นโชว์หลักฐานรายการค่าใช้จ่ายรายเดือนย้อนหลังที่ทำเอาคุณอู๋ถึงกับตกใจตาแทบถลนยังกะพวกดาราโดนสัมพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลังงั้นแหละ อเมสซิ่งหญิงแม่จริงๆค่ะที่เก็บรายละเอียดค่าใช้จ่ายได้อย่างถี่ยิบ แม้กระทั่งค่ามือถือรายเดือนงวดแรกตอนเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่งเนี่ยแม่ยังจดไว้เลย (เอ...รึว่าจดไว้เตรียมส่งมอบให้ว่าที่ลูกเขยตอนเค้ามาขอคุณอู๋แต่งงานรึเปล่าก็ไม่รู้นะเนี่ย) แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้คุณอู๋คิดได้ว่าที่คุณอู๋เกิดอาการงกๆอยู่ทุกวันเนี่ยมันเกิดจากว่าคุณอู๋เกิดมาเป็นอย่างนี้เองรึเป็นเพราะมันอยู่ในสายเลือดกันแน่ คุณนักอ่านคอลัมน์คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างงกเนี่ยเคยลองสังเกตรึเปล่าว่าเป็นคนเดียวในบ้านรึว่ามันมากับกรรมพันธุ์กันแน่

    ตอนที่ทางออฟฟิสเมืองผู้ดีส่งสัญญาว่าจ้างงานมาให้คุณอู๋ สองสิ่งแรกที่คุณอู๋กราดสายตามองน่ะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากจำนวนวันหยุดที่บริษัทให้ลาและเงินเดือน อย่าว่างั้นว่างี้เลยค่ะ มนุษย์ปถุชนทั่วไปที่ไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาแต่กำเนิดเนี่ยก็ต้องมองอย่างหลังกันทั้งนั้น ยิ่งงกๆอย่างคุณอู๋ด้วยแล้วเนี่ยยอมรับเลยค่ะว่าสำคัญมาก คนรู้จักที่ไม่สนิทกันบางคนบอกคุณอู๋ว่าพอมาทำงานเป็นสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีแล้วรับรองว่าคุณอู๋ต้องกลายร่างเป็นไฮซ้อไฮโซ ประดับประดาด้วยของแบรนด์เนมส์ ขับรถคันหรูเนื่องจากรายได้เยอะขึ้นเป็นกอง ไอ้ความงกที่เกาะติดเหมือนหินปูนติดฟันเนี่ยก็กลายเป็นตัวแปรผกผันกับเงินเดือนที่ได้ แต่คนสนิทคุณอู๋ทั้งหลายนี่สิคะกรี๊ดสนั่นฟันธงว่าไม่ว่าเป็นไปไม่ได้ ลงมติกันว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนความเค็มของคุณอู๋ก็จะติดตัวเหมือนเกลือ ที่ไม่ว่าจะเป็นเกลือจากอ่าวไทยหรือเกลือจากทะเลเมดิเตอเรเนียนเนี่ยมันก็เค็มอยู่ดี ใครจะถูกใครจะผิดเนี่ยลองมาอ่านกันดูดีกว่าค่ะ
    เรื่องกิน คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าชาวออฟฟิสเมืองผู้ดีเนี่ยคงต้องเป็นสาวสังคมเฮฮาปาร์ตี้กันเหมือนที่เห็นในหนังฝรั่งแน่นอน พอคุณอู๋มาเหยียบแผ่นดินเมืองผู้ดีจึงได้พบว่ามันเป็นเรื่องจริงค่ะ ในออฟฟิสที่คุณอู๋ทำอยู่หนุ่มๆสาวๆส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นกันจริงๆถึงแปดสิบเปอร์เซนต์ โดยเฉพาะเพื่อนทำงานชาวผู้ดี (นี่ไม่นับพวกที่ออฟฟิสอิมพอร์ตเข้ามานะคะ) โดยเฉลี่ยแล้วเค้าจะมีนัดทานข้าวสังสรรค์กันซะอาทิตย์ละอย่างน้อยสุดๆสามวันได้ ตอนคุณอู๋มาเป็นสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีใหม่ๆเพื่อนที่ทำงานมักจะนัดทานข้าวเย็นหรือนัดพบเสาร์อาทิตย์ได้เกือบทุกอาทิตย์ คุณอู๋เองไม่ได้อยากไปเลยแต่เพื่อความอยู่รอดในออฟฟิสก็ต้องไปตามเค้า ไม่งั้นกลัวใครไม่คบค้าสมาคมด้วย ดังนั้นพอเงินเดือนแรกออกมา คุณพระคุณเจ้าช่วย! เงินดิฉันหายไปไหนเนี่ย! คุณอู๋หน้าหดเลยค่ะเดือนแรกที่มาทำงานเก็บตังค์ไม่ได้เลย หลังจากนั้นคุณอู๋ก็ก่อการปฏิวัติทันทีกับเรื่องการกินในเมืองผู้ดี จะมีอะไรบ้างนั้นคุณอู๋ขอแฉดังนี้ค่ะ
    1. ข้าวกลางวัน: ม็อตโตของคุณอู๋ก็คือ “ถ้าไม่ยุ่งจนหัวฟู คุณอู๋ต้องทำเอง” ที่ต้องมีหลักการดังนี้ก็เพราะว่าถ้ากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารในออฟฟิสเนี่ยอย่างน้อยๆเลยต้องควักกระเป๋าถึง £1.95 สำหรับแซนวิชเย็นเจี๊ยบที่ดูดีพอกินได้ ขอย้ำค่ะว่าแค่พอกินได้ ไอ้ที่จะให้ถูกปากล่ะก็เมินซะเถอะ (อ้อ จริงๆแล้วไอ้ที่ถูกกว่านี้ก็มีนะคะแต่ขอบอกว่ากินเข้าไปแล้วอ้วกจะแตก) รึไม่ก็ยอมจ่ายเพิ่มขึ้นมาอีกห้าเพนซ์เพื่อให้ได้อาหารร้อนแต่ก็เหมือนเดิมค่ะไม่ได้อร่อยเลยแค่มันบดธรรมดาโรยหน้าด้วยปลาทูน่ากระป๋องที่รสชาติแย่กว่าปลายิ้มบ้านเราเป็นล้านเท่า บวกน้ำหรือขนมเข้าไป พอคิดกันเล่นๆแล้วก็ตกประมาณมื้อละ £3หรือ £15/สัปดาห์ ต๊าย! อาทิตย์ละเกือบเก้าร้อยบาทแน่ะ เทียบกับตอนที่คุณอู๋ทำงานอยู่แถวสาทรแล้วตอนนั้นจ่ายแค่อาทิตย์ละสองร้อยห้าสิบบาทเพราะตกมื้อละสี่ห้าสิบบาทเอง แถมได้สุกี้ทะเลร้อนๆถ้วยโตรสชาติอร่อยกับชาโออิชิซะด้วย เพราะฉะนั้นเพื่อดำรงความเค็มดั่งเกลือของสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีแสน(ไม่)ไฮโซ คุณอู๋จึงนำอาหารกลางวันไปกินเองค่ะ บางทีก็ทอดไข่เจียวหัวหอมซึ่งตกต้นทุนยังไม่ถึงปอนด์เลย บางทีก็เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปกิน นี่ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่แค่ยี่สิบกว่าเพนซ์เอง แต่อันหลังเนี่ยไม่แนะนำให้ทำบ่อยๆเพราะไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนถ้าวันไหนเกิดคิดอยากไปทานที่ร้านอาหารข้างนอกละก็หลักการสำคัญก็คือต้องเลือกร้านที่ราคาถูกหรือมีส่วนลดเท่านั้น แต่เรื่องร้านลดราคาเนี่ยต้องดูให้ดีๆนะคะ ไม่งั้นล่ะก็อาจจะเกิดฟอวส์อิคอนอมี่ (False Economy) เข้าให้เหมือนครั้งนึงที่เคยเกิดขึ้นกับคุณอู๋และเพื่อนคนนึงที่เดินทางไกลมาเยี่ยมคุณอู๋ถึงเมืองผู้ดี
    “กลางวันไปกินร้านเดิมในไชน่าทาวน์กันดีมะแก” คุณแม่ญี่ปุ่นถาม
    “ชั้นมีร้านใหม่มาเสนอ มีร้านติ๋มซำในไชน่าทาวน์ร้านนึงอร่อยมากๆแก มันลดราคา 50% มื้อกลางวันวันธรรมดาด้วย คำนวณไปมาราคาไม่ต่างกับร้านเดิมเลย” คุณอู๋เอ่ยปากโฆษณาชวนเชื่อ
    “เหรอๆ งั้นไปกินกัน” คุณแม่ญี่ปุ่นตอบด้วยน้ำเสียงและหน้าตาตื่นเต้นโดยเฉพาะกับคำว่า “ลด 50%”
    พอไปถึงที่ร้าน กลิ่นติ๋มซำก็โชยมาเข้าจมูกทำเอาคุณอู๋กับเพื่อนมองหน้ากันด้วยความเปรมปรีดากะว่าคราวนี้แหละจะกินให้มันพุงกางไปเลย พอดูเมนูและคำนวณราคาหลังลดห้าสิบเปอร์เซนต์แล้วก็ตกลงกันว่าจะสั่งซักสิบเมนู ไม่กี่อึดใจสาวจีนเสื้อแดงแปร้ดรับปีใหม่ก็มารับสั่งอาหาร แต่ขณะที่คุณอู๋กำลังอ้าปากจะสั่งนั่นเอง...
    “มันลดราคาแน่นะแก” คุณแม่ญี่ปุ่นฉุกพูดขึ้นทำเอาคุณอู๋เหยียบเบรคการสั่งอาหารอย่างแรง...เอี๊ยด
    “แน่ดิ ก็มันติดป้ายหน้าร้าน แต่เดี๋ยวถามให้ชัวร์อีกทีก็ได้” คุณอู๋ตอบแบบพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า แล้วถามสาวเสริฟ์ที่เริ่มทำหน้าเบ้ว่าเมื่อไหร่มันจะสั่งอาหารซักทีเนี่ยไอ้สองคนนี้ “Excuse me. It’s 50% discount, right?”
    “No. No discount. New Year. New Year, no discount. What you want?” สาวจีนตอบสำเนียงจีนจ๋าด้วยประโยคที่ลืมแกรมม่าไปได้เลยที่ทำเอาคุณอู๋กับเพื่อนมองหน้ากันแล้วเกิดอาการหน้าเหวอสนิท คิดในใจ “ปัดโธ่! ไม่ลดปีใหม่ก็ไม่บอก เอาไงดีหว่า ไม่ลดราคาเนี่ยแพงหูฉี่จ่ายไม่ลงแน่ๆ” แต่โชคดีที่ตั้งสติได้ซะก่อนค่ะเลยตอบไป “Can we have more minutes?” คุณอู๋ตอบพยายามทำหน้าเฉยทั้งที่ในใจเนี่ยอยากฉุกกระชากลากคุณแม่ญี่ปุ่นวิ่งออกจากร้านไปเลย
    สุดท้ายมื้อนั้นแทนที่จะได้กินติ๋มซำพุงกางอย่างที่ตั้งใจไว้คุณอู๋กับเพื่อนก็สั่งอาหารกินได้สามเมนู น้อยมากถึงขั้นที่ว่ายังไม่ทันสี่โมงเย็นเลยคุณอู๋ก็หิวจนไส้กิ่วอีกแล้ว รู้งี้ไปกินร้านเดิมก็ดี นี่แหละน้า บางทีอาการงกเรื่องกินก็ก่อให้เกิดฟอวส์อิคอนอมี่ได้จริงๆนะคะ
    2. ข้าวเย็น: ปกติแล้วคุณอู๋มักจะทานข้าวเย็นที่บ้าน (ไม่ต้องเดาก็รู้ค่ะ) แต่การเป็นสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีเนี่ยบางทีการสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหลังเลิกงานก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเรื่องต้องให้ควักกระเป๋าอาทิตย์เว้นอาทิตย์อยู่ร่ำไป ถ้าบริษัทเป็นคนออกตังค์คุณอู๋จะไม่ว่าเลย แต่ไอ้ที่ต้องจ่ายเองนี่สิคะ คุณอู๋ต้องมีแผนค่ะไม่งั้นไม่ต้องได้มีเงินเก็บกันพอดี กลยุทธแรกเลยคือต้องรู้จักกลุ่มที่จะไปด้วย ที่ออฟฟิสที่คุณอู๋ทำงานอยู่มีหลายกลุ่ม กลุ่มที่ซี้กันเนี่ยไม่มีปัญหาเลย รู้ดีว่าคุณอู๋น่ะงก ไม่ยอมไปกินร้านแพงและไม่ยอมออกเงินอุดหนุนให้ใครเด็ดขาด แต่ไอ้กลุ้มเจ้าปัญหาน่ะคือกลุ่มไฮโซค่ะ กลุ่มนี้จะเป็นพวกหนุ่มสาวสังคมทั้งหลาย ถ้ากลุ่มนี้ชวนไปไหนล่ะก็เตรียมแผนไว้ก่อนเลยค่ะไม่งั้นก็เตรียมควักไม่ต่ำกว่า£30แน่ๆ ครั้งนึงเค้ามีงานเลี้ยงคนลาออกจัดโดยกลุ่มไฮโซ คุณอู๋รู้เลยว่างานนี้มีแต่จ่ายกับจ่าย แต่จะไม่ไปคราวนี้ก็ไม่ได้เพราะเพื่อนที่ลาออกค่อนข้างสนิทกัน คุณอู๋ก็เลยต้องคิดแผนการเด็ดสะระตี่ค่ะ
    “พี่นิสซี่ ไปงานเลี้ยงอีตาโนเอลป่าว เค้าบอกไปคาราโอเกะด้วย” คุณน้องแตงโมถามขึ้น
    “ไป แต่ไม่อยากไปคาราโอเกะเลยอ่ะ มันแพงรู้ป่าว” คุณอู๋ตอบทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
    “จริงเหรอ แล้วเอาไงดีอ่ะ” คุณน้องพลอยวิตกจริตไปด้วย ท่าทางเชื้อความงกคุณอู๋คงแรงถึงขั้นเริ่มไปติดคุณน้องใหม่ในออฟฟิส
    “รู้แล้ว” คุณอู๋อิกคิวซังยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย “เอางี้ งานเลี้ยงมันตั้งกะทุ่มถึงห้าทุ่มแต่เราไปเรียนคาราเต้ด้วยกันก่อนตอนทุ่มนึง แล้วก็กินข้าวก่อนไปเรียนด้วย จากนั้นก็บอกมันไปว่าเราต้องกินก่อนไปเรียนไม่งั้นเป็นลม พอเลิกเรียนค่อยไปเจอพวกเค้าที่ร้านเกะ กว่าจะไปถึงก็สามทุ่มแล้ว ถ้ามันจะเก็บตังค์พวกเราให้หารเท่าคนอื่นก็น่าเกลียดอยู่หรอก” คุณอู๋สมองใสสาธะยายแผนการลับ
    คืนนั้นพอไปถึงที่งานเลี้ยง ปรากฏว่าบิลที่ออกมาทำเอาตาคุณอู๋ถลนออกมายังกะไข่ห่าน บิลออกมาเกือบสามร้อยบาทสำหรับแปดคน ตอนแรกผู้ชายคนนึงพูดออกมาว่าให้หารเท่ากันแต่โชคดีที่ว่ามีผู้หญิงคนนึงพูดออกมาว่าคุณอู๋กับคุณน้องแตงโมมาทีหลังกินแค่น้ำแก้วเดียวจะให้จ่ายเท่าคนอื่นก็น่าเกลียดอยู่ (โอ้ย คุณอู๋โล่งใจค่ะ ไม่งั้นมีแม่ไม้มวยไทยกันกลางลอนดอนแน่ๆ) เห็นมั้ยคะการรู้จักกลุ่มที่เราจะไปด้วยเนี่ยสำคัญมาก รับรองได้ว่าถ้าเรารู้จักหลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางแล้วล่ะก็ รับรองไม่เสียเงินฟรีๆให้ใครแน่นอน

    ฉบับนี้เกริ่นกันไปเรื่องกิน ฉบับหน้าคุณอู๋สอนน้อง (ให้งก) จะเล่าเรื่องการแต่งกายเรื่องเที่ยวและสัพเพเหระอื่นๆ ติดตามกันได้ค่ะ


    คุณอู๋


    ถามคุณอู๋ (Ask Nissy)

    Q: อยากสืบทอดเจตนารมงกเหมือนคุณอู๋เลยอยากรู้ว่ามื้ออาหารที่ถูกและอร่อยในลอนดอนที่คุณอู๋เคยไปกินเนี่ยที่ไหนคะ แล้วราคาประมาณเท่าไหร่ (จากขนมจีบซาละเปา)

    A: ร้านโปรดของคุณอู๋คือร้านอาหารจีนชื่อว้องกี่ใจกลางไชน่าทาวน์ค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเป็ดราคาประมาณสามปอนด์กว่า บะหมี่ผัดก็สี่ปอนด์ แต่ที่อร่อยดีคือแพนเค้กเป็ดค่ะ ควอเตอร์นึงประมาณหกปอนด์ กินสองคนคุ้มเลย ร้านนี้ถ้าไม่มายด์เรื่องเซอร์วิสเห่ยรึบรรยากาศร้านที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการเดทแล้วล่ะ ลุยเดี่ยวขาโสดอย่างคุณอู๋คิดว่ารวมๆแล้วโอเคค้ะ

    ป.ล.ถ้าคุณนักอ่านคอลัมน์มีคำถามอยากถามคุณอู๋เรื่องสาวออฟฟิสเมืองผู้ดีสามารถส่งอีเมล์มาได้ที่ ns_nissy@yahoo.com จะนำมาตอบเรื่อยๆค่ะ

    จากคุณ : คุณอู๋ - [ 16 ก.พ. 52 07:42:49 A:217.43.105.165 X: TicketID:184548 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com