ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเอาสูตรของตัวเอง เราใช้วิธีอย่างนี้คือ writing, expression, collocation อะไรพวกนี้จะใช้วิธีการอ่านเยอะๆค่ะ พวกหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ หรือแมกาซีนต่าง แต่ไม่ใช่อ่านแบบท่องจำเคร่งเครียดน่ะค่ะ เวลาอ่านก็ทำให้สบายผ่อนคลายเวลาได้อ่านหนังสือน่ะค่ะ แล้วเวลาอ่านเราก็จะผ่านตาลักษณะการเขียนในรูปแบบต่างๆ พอเจอบ่อยๆ มันจะทำให้เรานึกภาพประโยคเหล่านั้นออกเวลาเราต้องการเขียนอะไรน่ะค่ะ แล้วพูดถึงเราว่ามันช่วยให้เราพัฒนาในเรื่องการอ่านของตัวเองด้วย ประมาณว่าอ่านมากจะเข้าใจมากน่ะค่ะ ไม่ต้องไปใช้ดิกชั่นนารีเปิดแปลความหมายในเวลาอ่านน่ะค่ะ อ่านผ่านๆ ไปเรื่อยๆ ตั้งใจทำสม่ำเสมอ ทุกวัน รับรองค่ะว่าจะช่วยเรื่องการอ่านและการเขียนได้มากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเขียนต้องแม่นยำในเรื่องการสะกดคำด้วยน่ะค่ะ และก็พวกเครื่องหมายต่างๆ ค่ะ เวลาจะหาความหมายของศัพท์ใหม่ๆที่อยากรู้ความหมาย แนะนำให้ใช้ดิก อังกฤษแปลเป็นอังกฤษน่ะค่ะ จะได้ช่วยเรื่องการอ่านให้เข้าใจได้มากขึ้นและก็จะได้ศัพท์ใหม่ๆด้วย ของตัวเองมีหลักนิดเดียวค่ะ คือเวลาที่เราชอบแล้วตั้งใจทำอะไรสักอย่างมันจะทำให้เราได้อะไรกลับมาเยอะแยะเลยค่ะ พยายามน่ะค่ะ 3  คำเท่านั้น ตั้งใจ สม่ำเสมอ อดทน เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : แม่หมูเจี๊ยบ - [ 20 ก.พ. 52 07:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 writting ฝึกได้มาก แต่เรื่อง speaking จะยากหน่อย จากคุณ : อิสระ - [ 20 ก.พ. 52 11:58:03 A:58.9.178.136 X: TicketID:205311 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Speaking แนะนำให้ฟังเทป ดูหนัง Soundtrack นะคะ แล้วลองพูดตาม แล้วลองกะตัวเป็นๆ (คนต่างชาติ) บ่อยๆก็ดีค่ะ จากคุณ : เคยผ่านมาแล้น - [ 20 ก.พ. 52 12:37:54 A:117.47.58.196 X: TicketID:203539 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนที่ผมเรียนมหาลัย ไม่มีตังค์พอที่จะไปเรียนติวโดยตรง ผมเลยไปปิดประกาศที่มหาลัยว่ารับจ้างนักศึกษา ป.โทไปสัมภาษณ์ฝรั่งเพื่อทำวิทยานิพนธ์หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม ก็มีคนมาจ้างครับ จำได้เลยวันแรกที่จะไปสัมภาษณ์เกี่ยวกับความพอใจเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย ผมก็เอาเนื้อหาที่คนจ้างอยากทราบ มาแปลเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เราได้ในเรื่องของการเขียนและการใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้อง พร้อมทั้งทดสอบพูดบทสัมภาษณ์โดยอัดเสียงในเซาวน์อเบ๊าน์ (สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องเล่น MP3) แล้วลองฟังดู วันรุ่งขึ้นผมก็ไปเลยครับ ถนนข้าวสาร เจอฝรั่งคนแรกก็เหงื่อแตกพลั่ก ถามประโยคแรกออกไป ผมยังจำได้เลยที่เขาถามกลับมา "I have no clue what you are talking about? " ผมก็นึกอยู่ตั้งนานแน่ะว่า คำว่า no clue นี่มันหมายถึงอะไรหว่า ตูไม่ได้พูดเกี่ยวกับลูกเรือ (crew) เลยนี่หว่า เอิ๊กๆๆ จากเหตุการณ์นั้นก็ยิ่งทำให้ผมต้องศึกษาภาษาอังกฤษให้มากยิ่งขึ้นเพราะที่เราเรียนผ่านๆ มากับสถานการณ์จริงเทียบกันไม่ได้เลยครับ ท่าน จขกท ลองเอาวิธีของผมไปใช้ดูนะครับ เผลอๆ ได้ตังค์ใช้ด้วยนะครับผม จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ 20 ก.พ. 52 14:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้ออื่นไม่รู้ รู้แต่ Speaking นี่ หนังสือหรือตำราไหนก็ไม่ช่วยได้ดีเท่ากับ พูดกับเจ้าของภาษานั้นๆค่ะ จากคุณ : แฟนสาวฮัตโตริคุง - [ 21 ก.พ. 52 01:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฝึกเองได้ทั้งสองแบบ เพียงแต่ ต้องมีคนรู้ช่วย ติชม ไม่อย่างนั้น ก็จะไม่รู้ข้อผิดพลาดของตนเอง   เรื่อง การหัดพูด ถ้าพูดตอนสอบ TOEFL ให้ลองทำแบบฝึกหัดจากตัวอย่างข้อสอบ และจับจุดว่า คำถามประมาณนี้ ควรเริ่มต้นอย่างไร อยากให้เตรียม ประโยคสำเร็จรูป เช่น เกร่นนำ และนำ ส่วนที่เป็นคำถามไปใส่ ต้องฝึกเยอะๆ เพื่อจะได้พูดได้อย่างไม่ติดขัด จริงๆ speaking จะว่า ง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ยาก ก็ คือ ถ้าคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรก็แย่หน่อย ที่ว่าง่ายคือ มันเตรียมตัวได้ มันไม่ใช่ การสนทนา ดังนั้น เราจะพูดคนเดียว ทำให้เตรียมตัวได้ง่าย เหมือนการเตรียม presentation ที่เตรียมจะพูดอะไรได้ ส่วนการสนทนา บางที คนที่พูดด้วยดันถามนอกประเด็น ไม่ได้เตรียมมาก่อน ทำให้ยากกว่าในแง่ที่ต้องโต้ตอบแบบทันที เตรียมตัวได้บ้างแต่คงไม่มาก การเขียนก็เช่นกัน  เตรียมรูปแบบ การเขียนได้ แต่ต้องฝึกบ่อยๆ เช่นกัน ทุกอย่างฝึกเองได้หมดแหละ  บอกหน่อยซิ ว่าอะไรฝึกด้วยตัวเองไม่ได้ จริงๆ แล้ว ทักษะทุกอย่าง ต้องฝึกด้วยตนเองเท่านั้น ครูจะเก่งเทพแค่ไหน ถ้าคนเรียนไม่ฝึกฝน คนเรียนก็ไม่มีทางเก่งขึ้นได้หรอก แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 52 01:36:56 จากคุณ : Tiger อู๊ด - [ 21 ก.พ. 52 01:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ประสบการณ์เตรียมสอบIELTSของตัวเอง มีเคล็ดการฝึกทุกทักษะ หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับจขกท นะคะ http://www.pantown.com/board.php?id=12274&area=1&name=board1&topic=295&action=view จากคุณ : นิดหน่อย - [ 21 ก.พ. 52 02:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องพูดนี่ต้องใช้เวลามากกว่าใครเพื่อนเลยค่ะ เพราะการพูดต้องมีคนโต้ตอบ และคนโต้ตอบนี่ต้องรู้จริงและแก้ไขให้เราด้วยเวลาพูดผิด ไม่ใช่สักแต่ว่าพูดคนเดียวเป๊นนกแก้วนกขุนทองผิด ๆ ถูก ๆ เราฝึกพูดดัตช์กับเด็กค่ะ เพราะเด็กจะพูดแต่ประโยคง่าย ๆ เบสิค ๆ ทำให้เบสิคเราปึ้ก แต่พวก Expression นี่ไม่มีหลุดออกมาเลยค่ะกับเด็ก ๆ เนี่ย แต่ว่าตามพวกในหนังสือพิมพ์จะเยอะมาก จากคุณ : Flying~Dutch~Girl - [ 21 ก.พ. 52 05:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วแต่ส่วนครับ speaking หรือ writing มันก็ไม่ได้มีแค่ส่วนเดียวคับ ยังมีองค์ประกอบอีกมากมายที่ก่อให้เกิด skill ด้านทั้งสองนี้ อย่าง speaking มันก็ประกอบไปด้วย การออกสำเนียง การสร้างรูปประโยคในหัว การดึงรูปประโยค/คำที่ถูกต้องเหมาะกับสถานการณ์ออกมา การใส่อารมณ์ใส่ tone เสียงในประโยค การ stress พยางค์ที่ถูกต้อง บางจุดสามารถฝึกเองได้ และดีด้วย เช่น การฝึกลิ้นและรูปปากเพื่อการออกสำเนียงเป็นต้นคับ พวกนี้สามารถทำได้โดยการลองกด talking dict หรือดูหนังฝรั่งแล้วเวลาเจอการออกคำที่แปลกๆ ไม่เหมือนกับที่เรารู้ ก็ลองกรอแล้วฝึกออกไปเรื่อยๆ จนหาจุดเจอว่ามันต้องใช้กล้ามเนื้อ ใช้รูปปากแบบไหน กว่าจะออกได้พริ้วลื่น อาจจะต้องออกคำเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งคับ ส่วน writing สิ่งที่สำคัญของการพัฒนา writing คือ การได้รับ feedback ว่าสิ่งที่เราเขียนมันผิดพลาดยังไง เพื่อแก้ไข โดย feedback จะได้จากการหาคนมาตรวจและ comment ให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฝึกเองไม่ได้เลยคับ วิธีง่ายๆ ในการฝึกคือ หาตัวอย่างการเขียนชาวบ้านมาเยอะๆๆๆ แล้วก็อ่านให้ทั่ว ขีดเส้นใต้รูปประโยคหรือโครงสร้างการตอบไว้ แล้วก็ฝึกดึงเอามาใช้เรื่อยๆ จนมันชินซึมเข้าไปในหัวคับ (หรือลอกเค้าจนติดหัวนั่นเอง - -') หลักของการเรียนภาษาคือ pattern recognition หรือการทำซ้ำ และการรับเข้ามาเรื่อยๆ จนมันซึมเข้าไปใน long-term memory และเวลาที่จะใช้มันสามารถเด้งออกมาได้เอง ซึ่งพวกนี้ง่ายสุดคือการไปพูดคุยกับชาวต่างชาติเยอะๆคับเพราะมันเป็นอะไรที่เรารับสัมผัสได้เต็มๆ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ใช้หลักการนี้มาทำในด้านอื่น เช่น ดูหนังเยอะๆ อ่านรูปแบบการเขียนชาวบ้านเยอะๆ อ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งเยอะๆ รับเอา pattern เข้ามาให้มากที่สุดคับ และก็ไม่ใช่แค่เปิดหนังทิ้งไว้นะครับ แต่จะต้องคิดตามตลอด ใช้ processor ในหัวให้ทำงานตลอด ฟังวิทยุฝรั่งก็ต้องคิดตามตลอดว่าเค้ากำลังพูดถึงอะไร ช่วงแรกๆ มันจะเหนื่อยหัวมาก แต่พอทำไปซักพักจนมันเริ่มซึมเข้า long-term memory เมื่อนั้นเราจะเริ่มเข้าสู่โหมดทำโดยอัตโนมัติได้ครับ จากคุณ : บรึ๋ยศักดิ์ - [ 21 ก.พ. 52 08:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราสอบ IELTS ค่ะ เราก็ฝึก ไม่ได้ไปเรียนด้วยค่ะ อ่านเองทั้งหมดเลย แต่คะแนนสอบก็ได้ แค่ 6.5 แหละ แค่พอ เข้ามหาลัยอ่ะ ฝึกเขียนเราอ่านเยอะๆ แล้วนำประโยคที่คิดว่า โอเคมาประยุกต์ใช้กับเรื่องที่เราเขียนค่ะ แล้วลองทำข้อสอบเขียนเก่าๆ ส่วนพูด หัดพูดคนเดียวหน้ากระจก ดูซีรีส์เยอะๆ แล้วหัดพูดตามค่ะ แล้วหัดถามตอบเองค่ะ จากคุณ : ถิงฟาง - [ 21 ก.พ. 52 15:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็นที่ 4 เจ๋งอ่ะ จากคุณ : ความเหงาล้อมเราไว้หมดแล้ว - [ 23 ก.พ. 52 23:09:39 ]