เพิ่งได้วีซ่าท่องเที่ยวเมื่อเช้านี้เองค่ะ
ตอนที่เราเตรียมข้อมูลขอวีซ่าท่องเที่ยว เราได้ข้อมูลดีๆ มากมายจากพี่น้องห้องไกลบ้านและจากคุณซูซี่ ตอนนี้ก็เลยขอขอบคุณและขอแบ่งปันประสบการณ์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังเตรียมตัว
------ข้อมูลส่วนตัวที่กรอกแบบฟอร์มนะคะ-------
อายุราชการ 10 ปี ใช้คำนำหน้านางสาว เงินเดือนไม่ถึงสองหมื่น เคยเที่ยวญี่ปุ่น ไม่มีสปอนเซอร์ เดินทางกับเพื่อนร่วมงานที่มีแฟนเป็นอเมริกัน ที่พักคือบ้านแฟนเพื่อนที่เวอร์จิเนีย จะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ที่วอร์ชิงตัน แล้วไปดิสนี่แลนด์ กลับมาเที่ยวสงกรานต์วัดไทยใน วอชิงตัน มีบัญชีเงินฝาก 2 ธนาคารรวมประมาณ 4xx,xxx
- วันนี้ใส่สูทกระโปรงสีกรมท่า เสื้อปักโลโก้ที่ทำงาน แต่งหน้าน้อยๆ (คิดว่าแต่งตัวเรียบร้อยช่วยได้มากค่ะ)
- ฝากของต้องฝากทั้งมือถือ handy drive กล้อง แม้แต่สายชาร์ตและหูฟังนะคะ (ทีแรกคิดว่าฝากเฉพาะมือถือกับกล้องหรือ mp3)
- เพื่อนที่จะเดินทางไปด้วยกันก็มา แต่สาวเสื้อแดงเค้าไม่ยอมให้เข้าไปด้วยค่ะ
- นัดแปดโมงครึ่ง ไปถึงยังไม่แปดโมง (แต่แนะนำให้ไปให้เช้าที่สุดค่ะ เพราะต้องไปรับบัตรคิวข้างในอีกทีนึง)
- เอกสารสาวเสื้อแดงจะเป็นคนเลือกดึงออก (ใช้เฉพาะแบบฟอร์ม หนังสือรับรองจากที่ทำงาน แล้วก็ใบเสร็จค่าธรรมเนียมจากไปรษณีย์)
- จะได้รับฟอร์มส่งเอกสารกลับ ต้องกรอกชื่อนามสกุลเป็นอังกฤษ ที่อยู่เป็นภาษาไทย แล้วไปจ่ายค่าส่ง 70 บาท จะได้รับซองไปรษณีย์ไปกรอกชื่อที่อยู่อีก (แนะนำว่าเอาไปยืนกรอกระหว่างรอสแกนนิ้ว หรือทำเป็นสติ๊กเกอร์มาจากที่บ้านแล้วมาแปะเอาก็ได้ค่ะเร็วดี)
- หลังสแกนนิ้วเค้าถามว่าจะเลือกสัมภาษณ์เป็นไทยหรืออังกฤษ เราเลือกเป็นไทย และได้บัตรคิว 38 เข้าไปนั่งรอในห้อง คนเต็มห้องอยู่แล้ว พอได้ที่นั่งก็นั่งรอ จำได้ว่านั่งหลับไปสองรอบทั้งที่ตื่นเต้นลุ้นระทึกนะเนี่ย กว่าจะได้สัมภาษณ์ผ่านไปเกือบ 3 ชม. (ถึงแนะนำให้ไปแต่เช้าๆ เลย)
- ไม่แน่ใจว่าเค้าลำดับคิวยังไง เพราะคิวก่อนเรายังไม่ได้เรียก แต่เราได้สัมภาษณ์ก่อน
- ถึงขั้นตอนสำคัญ เจ้าหน้าที่ฝรั่งหน้าดุ เสียงดุ เป็นคนซักถาม จะลำดับการถามตอบให้อ่านกันนะคะ
จนท. : วางนิ้วชี้ซ้ายที่เครื่องสแกนด้วย
จนท : จะไปอเมริกาทำไม
เรา : จะไปประเทศอเมริกาค่ะ
จนท : (ทำน้ำเสียงไม่พอใจ) ผมถามว่าจะไปทำไม ไม่ใช่จะไปประเทศไหน (แล้วปรับเสียงที่ไมค์ให้ดังขึ้นอีกจนหลายคนเริ่มสนใจ)
เรา : ขอโทษค่ะ จะไปท่องเที่ยวค่ะ (ยิ้มเขินๆ นึกในใจว่าก็ได้ยินแบบนั้นนี่นา สำเนียงก็ไม่ไทยเลยอ่ะ)
จนท : คุณทำงานอะไร
เรา : รับราชการค่ะ
จนท : ราชการอะไร
เรา : สังกัดกระทรวงศึกษาธิการค่ะ
จนท : คุณ...(เพื่อนร่วมงานที่จะไปด้วยกัน)...เป็นใคร
เรา : เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานมาประมาณ 10 ปี
จนท : แล้วทำไมต้องไปกับเค้า (หมายถึงเพื่อนที่ไปด้วยกัน)
เรา : เค้ามีแฟนเป็นอเมริกัน และเค้าเคยไปอเมริกามา 6 ครั้งแล้ว
จนท : แล้วทำไมต้องไปกับเค้า (ถามซ้ำอีก)
เรา : วันหยุดราชการตรงกัน (เราขอไปช่วงสงกรานต์ 3-19 เม.ย.) และเค้ามีประสบการณ์ท่องเที่ยวที่นั่น คาดว่าจะทำให้ปลอดภัยในทริปนี้
จนท : แล้ว Mr...(ฝรั่งที่เป็นแฟนเพื่อน)..เป็นใคร
เรา : เค้าเป็นแฟนของเพื่อนที่ไปด้วยกัน และเราจะไปพักกับเค้าตลอดทริป
จนท : ทำไมคุณต้องไปพักกับ Mr...(ฝรั่งที่เป็นแฟนเพื่อน)..
เรา : จะได้ประหยัดค่าที่พักค่ะ
จนท : ขอดู book bank ของคุณด้วย (สอดให้เค้าผ่านช่องแคบ เค้าหยิบไปเปิดดูแล้วส่งกลับมาเหมือนโยนๆ ให้) ต่อจากนั้นเค้าพูดอะไรอีกสองสามประโยคเป็นภาษาอังกฤษ พูดรัวมากจนฟังไม่รู้เรื่องเลยซักคำ อารมณ์ดุๆ แต่ไม่คืนเอกสารและพาสปอตมาให้ สุดท้ายบอกว่าเชิญ)
เรา : ขอบคุณค่ะ (แล้วเดินออกมาแบบงงๆ ไม่กล้าถามว่าได้กี่ปี กลัวโดนดุอีก)
จากประสบการณ์ครั้งนี้นะคะโดยส่วนตัวคิดว่า
- อย่าหลบตาคนสัมภาษณ์ เค้าจะใช้น้ำเสียงหรือท่าทางแบบไหนก็จ้องตากับยิ้มเข้าไว้
- กรอกข้อมูลตามความจริงจะทำให้ไม่กังวลกับการสัมภาษณ์
- แต่งตัวสุภาพให้เกียรติสถานที่ เพราะบางคนแต่งตัวไม่ค่อยสุภาพเลย ทั้งที่ขอวีซ่านักเรียนยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลย
- มีบางคนในห้องไกลบ้านเคยบอกไว้ว่า "ให้บอกตัวเองว่าวันนี้ฉันจะไปเอาวีซ่า" วันนี้เลยลองพูดกับตัวเองและเพื่อนที่ไปด้วย ปรากฏว่ามั่นใจขึ้นได้จริงๆ เป็นจิตวิทยาอย่างนึง
- ถ้าเป็นข้าราชการควรใช้รูปที่ใส่เครื่องแบบหรือชุดปกติขาวติดที่แบบฟอร์มนะคะ คิดว่ามันดูขลังและน่าเชื่อถือขึ้นอีก
- มีข้อมูลและหนังสือรับรองอีกหลายอย่างที่เตรียมไป เช่นหนังสือรับรองของแฟนเพื่อนที่เป็นฝรั่ง ทั้งจากที่ทำงานเค้า หนังสือเกี่ยวกับ homeland ของเค้า เราพยายามจะให้ จนท.เค้าดู แต่เค้าไม่ยอมดูเลย ทำให้คิดว่ากรอกแบบฟอร์มให้ดีที่สุดช่วยได้เยอะค่ะ
- เวลา จนท.เค้าถามข้อมูลอะไร ถ้าเรามีหลักฐานประกอบก็บอกเค้าว่าเรามีเอกสารมาด้วย ถึงเค้าจะไม่ดูก็ควรบอกนะคะ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- ในแบบฟอร์ม DS-156 ข้อ 34 เค้าให้กรอก Names and Relationships of Persons Traveling With You. เรากรอกชื่อ-นามสกุลเพื่อน และบอกว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่แอบวงเล็บต่อท้ายไปว่า (เธอเคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว 6 ครั้ง) เรากรอกข้อมูลนอกเหนือจากที่เค้าระบุ ไม่รู้ว่าสมควรหรือเปล่า แต่ก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ
- วันนี้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าคนที่ไปสัมภาษณ์ประมาณ 80% ไม่ได้รับวีซ่านะคะ (ดูจากซองไปรษณีย์และหนังสือเดินทางที่เค้าคืนให้)
สุดท้าย : ยินดีกับคนที่สมหวังและเป็นกำลังใจให้คนที่ยังไม่สมหวังนะคะ สู้ๆ ค่ะ
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 22:22:56