ความคิดเห็นที่ 3

ผมเองก็ทำงานไอที เพิ่งได้ PR มาอยู่ที่ Sydney ได้ครึ่งปีครับ แต่คิดว่าอยากแชร์ ยังไงก็ลองอ่านดูครับ
1. เรื่องเงินนี่ได้เยอะกว่าที่ไทยแน่นอนครับ แต่ต้องอย่าลืมคิดถึง "ภาษี" และ "ค่าใช้จ่าย" ด้วยนะครับ "เหลือเก็บ" อาจจะมากกว่าไทยไม่มากนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ lifestyle ของคุณด้วย ที่สำคัญคือค่าเช่าบ้าน ซึ่งที่ Sydney แพงมากครับ แต่ถ้าหาบ้านถูกๆได้ก็ดีหน่อย
** เงินเดือน ** สมมติว่าแฟนคุณมาได้งานด้วยเงินเดือน 80,000 ต่อปี
** ภาษี ** เรื่องอัตราภาษีลองดูที่หน้านี้ครับ http://www.ato.gov.au/individuals/content.asp?doc=/content/12333.htm&mnu=42904&mfp=001/002 ลองคำนวณกันเล่นๆดูนะครับ ตามเรทปีนี้ 2008-09 - ถ้าเป็น resident เช่น ถือ PR visa จะเสีย 18,000 (22.5% ของเงินเดือน) ดังนั้นหลังหัก tax จะเหลือ 62,000 ต่อปี หรือ 62,000 / 12 = 5,166.67 ต่อเดือน - ถ้าไม่เป็น resident เช่น ถือ work & holiday visa หรืออาจเป็น business visa ถ้าเจอบริษัทใจดีทำเรื่องขอวีซ่าชนิดนี้ให้ จะเสีย 23,660 (29.575% ของเงินเดือน) ดังนั้นหลังหัก tax จะเหลือ 56,340 ต่อปี หรือ 62,000 / 12 = 4,695.00 ต่อเดือน
** ค่าใช้จ่าย ** ประมาณ 1,000 ต่อคนต่อเดือนครับ แบ่งเป็น - ค่าบ้านวีคละ 150 เดือนนึงก็ 600 ทั่วๆไป ค่าบ้านก็จะรวม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่า internet หมดแล้ว - ค่าอาหารวีคละ 100 เดือนนึงก็ 400 นี่คือต้องทำกินเองบ้างนะครับ เพราะซื้อกินมื้อนึงก็ประมาณ 7-10 เหรียญครับ - ค่ารถ ไม่นับละกัน สมมติว่าหาบ้านได้ใกล้ๆที่ทำงานแบบเดินไปได้เลยนะครับ - ค่ามือถือ แล้วแต่โปรโมชั่นล่ะครับ ลองมาเลือกดูครับ
** เหลือเก็บ ** ดังนั้น จะเหลือเก็บจริงๆก็ 4,166.67 หรือ 3,695.00 ต่อเดือน แล้วแต่ว่ามาด้วยวีซ่าอะไร ถ้าคิดเป็นเงินบาท ก็คูณด้วย 23 ละกันครับสำหรับช่วงนี้
** Super Annuation ** ตามกฏหมายของที่นี่เค้าจะมีเงินสำรองเลี้ยงชีพ เรียกว่า Super Annuation ครับ ซึ่งนายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้างอย่างเราๆ ขั้นต่ำ 9% ของเดือน ซึ่งถ้าเงินเดือน 80,000 ก็จะได้ 7,200 ต่อปี (หรือ 600 ต่อเดือน) แต่เงินก้อนนี้จะได้รับก็ต่อเมื่อ - ต้องการกลับไทยถาวร - อายุ 55 ปี เงินก้อนนี้เราจะสมทบอีก 9% ก็ได้นะครับ แต่ปีที่แล้วผลการลงทุนของกองทุน Super นี้ติดลบครับ พูดง่ายๆว่าขาดทุนนั่นแหละ ผมเองก็เลยไม่สมทบครับ รับแค่ส่วนของนายจ้าง 9% (ถึงตอนนี้ของปีนี้ ก็เห็นว่าติดลบอยู่นะครับ ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผลพวงของ global economic crisis)
2. งานไอทีที่นี่ก็ยังเห็นมีลงประกาศหาคนอยู่พอสมควรนะครับ ถึงแม้ในภาวะเศรษฐกิจแย่ทั่วโลกแบบนี้ก็ตาม แต่ผมว่าเรื่องงานนี่บอกยากจริงๆว่าโอกาสได้สูงมั้ย เพราะส่วนตัวแล้วผมคิดว่า "โชค" ก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย นอกจากสิ่งอื่นๆที่ควรจะมี ก็คือ - ภาษาอังกฤษ(พอสื่อสารได้ ไม่ต้องถึงกับดีหรอกครับ) และ - วีซ่า (ซึ่งถ้าให้ดีก็ควรเป็น PR เพราะอย่างที่ข้างบนบอกกันว่า work & holiday visa อาจจะทำให้หางานยากหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าโอกาสจะเป็น 0% หรอกครับ
3. อย่างที่คคห.2 บอกครับ การขอ PR นี้สามารถขอพร้อมกันสองคนได้เลยครับ ด้วยการสมัครครั้งเดียวนี่แหละครับ (แต่ก็ต้องจ่ายค่าสมัครเป็น 2 เท่าอยู่ดีแหละครับ แหะๆ) เพียงแต่ว่าเค้าจะประเมินทีเดียวเลยไงครับ ถ้าได้ก็ได้ด้วยกันเลย ทีเดียวจบ ไม่ต้องมาต่างคนต่างลุ้นของตัวเองครับ สำหรับเรื่องงานบัญชีของคุณ ถึงแม้จะจบด้านนี้แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านนี้ก็คงจะยากหน่อยครับ หมายถึงทั้งเรื่องการขอ PR และเรื่องงานเลยนะครับ คงต้องลงเรียนล่ะครับ ถึงจะเพิ่มโอกาสได้บ้าง
ถ้าเป้าหมายคือการเก็บเงิน ผมว่าก็ดีกว่าที่จะทำงานที่เมืองไทยนะครับ(ด้วยข้อมูลที่บอกมาน่ะครับ) แต่ถ้าคิดว่าจะสร้างครอบครัว ก็ต้องตัดสินใจอีกที ว่าต้องการสร้างครอบครัวที่นี่รึป่าว ซึ่งผมว่าก็ไม่เลวนะครับ (หมายถึงซื้อบ้านและตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปเลย บ้านเดี่ยวหลังนึงหรือ apartment 1-2 ห้องนอนเริ่มต้นแถวๆ 3แสนเหรียญครับ แต่ราคานี้ก็จะได้บ้านในทำเลที่ไกลตัวเมืองพอสมควรนะครับ หรือมีข่าวเรื่องอาชญากรรมให้เห็นบ่อยๆอ่ะครับ) คือถ้าบั้นปลายชีวิตต้องการกลับไปอยู่เมืองไทย ก็ค่อยคิดขายบ้านที่นี่แล้วกลับไทยก็ได้นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณคงต้องตัดสินใจเองล่ะครับ
- work & holiday visa ถ้าให้ผมแนะนำ ผมว่าวิธีนี้ดีกว่า PR นะครับ สำหรับกรณีของคุณ ซึ่งต้องการมา survey ก่อน เรื่องที่อายุจะ 30 พอดีตอนมิถุนานี้ ก็น่าจะยังได้นะครับ ยังไงลองเช็คเว็บของสท.ดูครับ www.opp.go.th เพราะค่าสมัคร PR ก็แพงกว่าเยอะ และด้วย work & holiday visa ซึ่งค่าสมัครถูกกว่า ถ้าอยากกลับไทยก็จะเสียดายน้อยกว่า หรือถ้าชอบและอยากอยู่จนครบปีนึง ระหว่างนั้นก็สมัคร PR ไปด้วย แบบนี้เค้าน่าจะพิจารณาใบสมัครของเป็น onshore application ซึ่งจะ process ให้เราเร็วกว่า offshore application (สมัครจากเมืองไทย) ประมาณ 6 เดือนก็รู้ผลแล้วครับ
- PR ค่าใช้จ่ายหลักๆของ PR ก็คือ $400 สำหรับค่าประเมิน skill ด้าน IT ที่ต้องจ่ายให้ ACS + $2,105 ซึ่งเป็นค่าสมัคร PR + ค่าสอบ IELTS ประมาณ 5,500-5,700 บาทครับ + ค่าตรวจร่างกายประมาณ 3,000 บาท ที่เหลือก็ค่าแปลเอกสารต่างๆให้เป็นภาษาอังกฤษ ... ถ้าจะเลือกวิธีนี้จริง ๆ ผมว่ามาด้วยกันเลยดีกว่าครับ อย่าอยู่ห่างกันเลย ไม่ใช่แค่เรื่องรักแท้แพ้ใกล้ชิดอย่างเดียว แต่ผมว่าเค้าจะเหงาด้วย (ผมเองก็เป็นอยู่เนี่ยล่ะครับ homesick มากเลย กะว่าถ้าโดน layoff ก็คงเผ่นกลับเลยแหละ 55) แล้วอีกอย่างก็ดีกับเค้าด้วยที่จะได้มีเพื่อน ไม่ใช่อยู่คนเดียว (คือคนไทยที่นี่ก็เยอะแยะแหละครับ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าอยู่ๆเหงาจัดเดินไปไทยทาวน์ขอเป็นเพื่อนกับคนนู้นคนนี้ได้เลย คนอื่นเค้าคงจะตกใจนะครับ 55) การมีคนรักอยู่ใกล้ๆนี่สำคัญนะครับ ถึงโทรหาทุกวันมันก็สู้ไม่ได้หรอกครับ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อจขกท.หรือคนอื่นๆบ้างนะครับ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็หลังไมค์มาได้เลยครับ ยินดีตอบทุกท่าน หรือถ้ามีข้อมูลอะไรที่ผมตอบไปไม่ถูกต้อง ช่วยกันแก้ไขได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจว่าจะมาหักหน้าอะไรกัน ผมเองจะได้เข้าใจใหม่ให้ถูกต้องด้วยไงครับ
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 18:45:49
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 18:44:15
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 18:02:40
จากคุณ :
Success-Seeker
- [
26 ก.พ. 52 17:59:17
]
|
|
|