ความคิดเห็นที่ 1 เคยอยากไป แต่หาทัวร์ไม่มี ซัวเถา เขาเขียนว่า Shantou เครื่องบินตรงจาก กท ก็ไม่มี จากคุณ : ธนิตา - [ 5 มี.ค. 52 17:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากไปเถ่งไฮ่ ( Chenghai )ที่ติดกับซัวเถา จากคุณ : ธนิตา - [ 5 มี.ค. 52 17:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากไปดูสุสานพระเจ้าตาก มีเครื่องทรงฝังอยู่ จากคุณ : ธนิตา - [ 5 มี.ค. 52 17:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนจีนแต้จิ๋วที่มาในไทย ไม่ได้มาจากแค่ซัวเท้า (จีนกลาง Shantou) เท่านั้นนะครับ แต่มาจากเมืองรายรอบ เช่น ตี่อา จิว ภาษาจีนกลางคือ Chaozhou (เฉาโจว) คนไทยเรียกติดปากว่า แต้จิ๋ว ชื่อภาษาแต้จิ๋วก็มาจากเมืองนี้ และเป็นเมืองโบราณที่พูดภาษาแต้จิ๋วต้นตำรับเลย แล้วยังมี โผวเล้ง(ผู่หนิง) เถ่งไห้(เฉิงไห่) กิกเอี๊ย(จีเอ หยาง) เตี่ยเอี๊ย(เฉาหยาง)  ... เวลาออกเสียงภาษาแต้จิ๋วให้ออกเสียงขึ้นจมูก สมัยก่อนเมืองซัวเท้า จะโทรมๆครับ ดูรูปที่ผม cap มาจากวิดิโอที่เคยไปถ่ายสมัยเด็กๆ อากงพาไปดู เพื่อไปให้เห็นถึงดินแดนบรรพบุรุษ จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตึกพวกนี้สร้างตั้งแต่ก่อนสงครามโลกอีก  เป็นร่องรอยว่า เมืองจีนก็เจริญมาก่อน และรับวัฒนธรรมตะวันตกมาก่อนไทย จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีลวดลายตามตึก จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตึกโทรมๆ ผุพัง สมัยที่ไปเที่ยวขณะนั้น เมืองจีนยังยากจนจริงๆ  ยังไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลมากมายแบบพ.ศ.นี้ เงินทองก็ไม่มี เทคโนโลยีก็สุดจะล้าหลัง เดี๋ยวมาต่อนะครับ จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นี่คือ ซัวเท้า ในสมัยปัจจุบัน เมืองเก่าที่เห็นข้างบน รวมทั้งหมู่บ้านโบราณก็มีการอนุรักษ์อยู่เหมือนเดิม แต่รูปข้างล่างนี้เป็นส่วนที่ถูกปรับปรุงใหม่ ตึกรูปร่างน่าเกลียดที่สร้างสมัยเหมา ก็ถูกรื้อทิ้ง มีการปรับปรุงทัศนียภาพใหม่หมด รวมทั้งเรื่องความสะอาด จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีการวางผังเมืองใหม่ ดูแล้วก็คล้ายๆกับเมืองอื่นๆของจีน ที่พยายามจะปรับปรุงเมืองให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เพราะหากปล่อยไว้ ไม่มีการจัดระเบียบ ก็จะเละแบบ กทม. เชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญอยู่เวลานี้ จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มีทั้ง ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นจีนๆด้วยกันที่ยังรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆมีภาพวัดโบราณ สถานที่ต่างๆที่เคยถ่ายทำไว้ตั้งแต่สมัยโน้น ภาพชนบทของเตี่ยซัว ทุ่งนา บ้านเรือน ภูเขา ทะเล แม่น้ำ (เขตที่มีคนพูดภาษาแต้จิ๋ว ที่เรียกว่า เตี่ยซัว คือ เตี่ยจิว+ซัวเท้า ซึ่งเป็นเมืองหลักของคนแต้จิ๋ว) แต่ cap มาทั้งหมดไม่ไหว เยอะมากครับ เป็นที่น่าเสียดายมาก ลูกจีนในไทยสมัยนี้(บางคน แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนใหญ่แล้ว) ลืมรากตัวเองจนหมดสิ้น บางคนแม้แต่แซ่ตัวเองยังเรียกไม่ถูก บางคนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นจีนที่พูดภาษาถิ่นไหน แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง แคะ ไหหนำ คือรู้แค่ว่าตัวเองมีเชื้อจีน(มั้ง) บางคนก็อายที่จะบอกว่าตัวเองมีเชื้อสายจีน ยังไม่ต้องพูดถึงว่า อากง อาม่าตัวเองมีชื่อจีนว่าอะไร ทวดชื่อว่าอะไร เขียนยังไง มาจากหมู่บ้านไหน ตำบล อำเภอไหน บันทึกเชื้อสาย(เรียกว่า แกโพ่ว หรือ เจียผู่) หายหมด อากงอาม่าเคยเจอประสบการณ์เจ็บปวดอย่างไรจากการรุกรานของญี่ปุ่น คนมากมายถูกฆ่าตาย ผู้หญิงถูกข่มขืนแล้วฆ่า บ้านเรือนถูกทิ้งระเบิด  และยังมีปฏิวัติวัฒนธรรมของของเหมา ที่ทำลายวัฒนธรรมโบราณไปไม่น้อย คนมีความรู้ดันถูกเอาไปขังหรือเอาไปทำงานหนักซะงั้น ขาดการติดต่อกับญาติเพราะว่าไม่มีใครเข้าใจภาษาของพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายได้  รวมถึงคนเฒ่าคนแก่ล้มหายตายจากไป ตรุษจีนที่ฉลองกันก็มีแค่การจัดแสงสีเสียงที่เยาวราช แล้วไปเอาการแสดงจากปักกิ่งมา ใส่เสื้อแดงกันพรึ่บทั้งเมือง จัดงานอะไรใหญ่โตเพื่อส่งเสริมการจับจ่ายและการท่องเที่ยวเป็นหลัก ทั้งหมดเป็นแค่การจัดฉาก แต่ว่าความรู้สึก จิตวิญญาณ ความสำนึก ความหมาย ไม่มีแล้ว ถ้าเป็นไปได้ คุณควรจะค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่ ปู่ย่าตายายคุณนะครับ ว่ามาจากไหน แล้วกลับไปดู เพื่อบันทึกข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 18:55:59 แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 18:54:18 จากคุณ : music maniac - [ 5 มี.ค. 52 18:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เตี่ยเอี๊ย เนี่ยเป็นเมืองใหญ่มากเมืองนึงเลยนะคะ ไปถามคนแถวนั้นดูได้ว่าคนเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องพูดไม่หยุด ในทางชมตัวเอง เหมือนเป็นกรรมพันธ์ (จริงๆน้า..) จากคุณ : superkoy - [ 5 มี.ค. 52 19:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณธนิตา อยากรู้เกี่ยวกันสุสานพระเจ้าตาก ครับ จากคุณ : interaction - [ 5 มี.ค. 52 21:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีเวลาว่างสัก 2 เดือน มีตังสักหลายหมื่นหน่อย ลองไปนั่งเรียนภาษาที่ มหาวิทยาลัยดูดิ (ภาษาจีนกลางนะ) ไม่กี่เดือนก่อนมีญาติมาเยี่ยมเหมือนกัน นิสัยโอเค จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 6 มี.ค. 52 01:14:20 A:192.168.0.17 X:124.120.222.99 TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณทุกท่านครับ แต่อยากรู้เรื่องพระเจ้าตากอีกครับ จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 6 มี.ค. 52 02:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมคงเป็นจีนรุ่นสุดท้ายที่พูดแต้จิ๋วได้ อายุ  42  รู้ว่ายังมีน้องของพ่ออยู่ที่ซัวเถา พ่อบอกอยู่เมืองจีนลำบากมาก ทำนาบนเขา ปีหนึงจะได้กินหมูตอนไหว้เจ้า นั่งเรือมาเมืองไทย 7 วัน กินแต่ข้าวต้มกับผักกาดดอง  พ่อเคยเล่าให้ฟัง  ผมงงว่าเขาอยู่ได้อย่างไร สุดยอดจริง ๆ จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 6 มี.ค. 52 02:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17  ค้นมาให้คุณงูเล็กค่ะ จาก นิตยสาร สารคดี มีภาพประกอบภายในตามลิงก์นี้ *Fair Use for Public Information: http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=425 ขออนุญาตคัดสำเนามาไว้ด้วย เพื่อให้เป็นข้อมูลแก่ผู้สนใจค่ะ ----------------------------------------------------------------                          ตามรอยสุสานพระเจ้าตาก <<  เรื่องและภาพ : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์>> เถ่งไฮ่เป็นอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน มีประชากรประมาณ ๗๑๐,๐๐๐ คน ปัจจุบันเถ่งไฮ่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญแห่งหนึ่ง ตุ๊กตาต่างๆ จากบริษัทผลิตของเล่นชื่อดังของโลกไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาบาร์บี้หรือตุ๊กตาของวอลต์ดีสนีย์ที่ส่งไปขายทั่วโลก ผลิตมาจากโรงงานในอำเภอเถ่งไฮ่แทบทั้งสิ้น     คนไทยส่วนใหญ่อาจไม่รู้จักอำเภอเล็กๆ อย่างเถ่งไฮ่ แต่สำหรับลูกหลานชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองไทย น่าจะคุ้นหูกับชื่อนี้ดี     คนจีนที่อพยพข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาทำมาหากินบนแผ่นดินไทยในอดีต ส่วนใหญ่มาจากเมืองแต้จิ๋ว โดยเฉพาะจากอำเภอเถ่งไฮ่ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล การเดินทางข้ามมาเมืองไทยสะดวกกว่า ด้วยเหตุนี้คนจีนในเมืองไทยส่วนใหญ่จึงพูดภาษาแต้จิ๋ว บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน นับตั้งแต่ ปรีดี พนมยงค์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ รวมถึงคนในตระกูลรัตตกุล ตระกูลหวั่งหลี ตระกูลเจียรวนนท์ ก็ล้วนมีบรรพบุรุษที่อพยพมาจากอำเภอเถ่งไฮ่     สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือที่เรามักเรียกกันว่า พระเจ้าตาก ก็ทรงมีเชื้อสายแต้จิ๋ว พระบิดาของพระองค์เป็นชาวแต้จิ๋ว เกิดในตระกูลแต้ ชื่อนายแต้เจียว อพยพจากอำเภอเถ่งไฮ่เข้ามาค้าขายในเมืองไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ส่วนพระมารดาเป็นคนไทย ชื่อนางนกเอี้ยง มีอาชีพค้าขาย พระเจ้าตากทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๒๗๗ (หนังสือบางเล่มกล่าวว่าทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๒๗๗) มีเรื่องเล่าว่าเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าตากทรงได้กลับไปศึกษาที่ประเทศจีนระยะหนึ่งด้วย       นายนิ้ม แซ่ตั้ง วัย ๗๙ ปี ชาวจีนซึ่งเกิดในอำเภอเถ่งไฮ่และอพยพมาตั้งรกรากในเมืองไทยเมื่อ ๖๐ ปีก่อน เล่าให้ฟังว่า.... “สมัยที่ผมอยู่เมืองจีน คนเถ่งไฮ่รู้จักเมืองไทยดี เพราะเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่คนเถ่งไฮ่เดินทางมาค้าขายที่เมืองไทย ที่มาตั้งรกรากอยู่เมืองไทยเลยก็มีมาก ความสัมพันธ์ไทย-จีนนั้นแน่นแฟ้นมาก ถึงกับมีคำไทยที่กลายเป็นภาษาแต้จิ๋ว คือคำว่า ตลาด ชาวแต้จิ๋วเอาไปใช้โดยออกเสียงว่า ‘ตั๊กลัก’ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย คนจีนที่นั่นก็รับรู้กันโดยตลอด     “คนเถ่งไฮ่รู้จักและรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าตากดี เขาเรียกกันว่า ‘แต้อ๊วง’ แปลว่า พระเจ้าแผ่นดินตระกูลแต้ บ้านเกิดของผมก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของท่าน จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยไปเที่ยวบ้านหลังหนึ่งที่เก่าทรุดโทรมมาก เชื่อกันว่าเป็นบ้านเกิดของพระเจ้าตาก ผมยังเคยได้ยินเรื่องเล่าว่าเมื่อ ‘แต้อ๊วง’ เกิด พ่อของท่านก็พาท่านกลับมาเรียนภาษาที่เมืองจีน จนอายุได้ ๑๐ ขวบจึงส่งมาอยู่เมืองไทย”     นายนิ้มกล่าวว่าคนจีนที่อพยพมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนิยมส่งลูกหลานกลับมาเรียนหนังสือที่บ้านเกิด เพราะต้องการให้ลูกหลานได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน และที่สำคัญคือ เมื่อกลับมาเมืองจีนยังมีครอบครัวและญาติพี่น้องที่ใกล้ชิดคอยดูแล ซึ่งต่างจากเมืองไทยที่อาจต้องใช้ชีวิตตามลำพัง จากการศึกษาประวัติพระบิดาของพระเจ้าตาก ก็พบว่าไม่มีญาติพี่น้องอยู่เมืองไทยมากนัก     บริเวณแหล่งดูดทรายแห่งหนึ่งในอำเภอเถ่งไฮ่ มีฮวงซุ้ยหรือสุสานเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทางเข้าทำเป็นซุ้มขนาดใหญ่ สุสานแห่งนี้เป็นสุสานเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฉียนหลงฮ่องเต้ (พ.ศ. ๒๒๗๘-๒๓๓๙) มีป้ายหินจารึกไว้ว่า “สุสานของ ‘แต้อ๊วง’ ทำการบูรณะซ่อมแซมใหม่ในปี ค.ศ. ๑๙๘๕ ฤดูใบไม้ผลิ” คนเถ่งไฮ่เชื่อกันว่า หลังจากที่พระเจ้าตากสิ้นพระชนม์ได้ไม่นาน บรรดาญาติพี่น้องได้นำฉลองพระองค์กลับมายังบ้านเกิด และฝังไว้ที่สุสานแห่งนี้เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ    “คนเถ่งไฮ่ภูมิใจใน ‘แต้อ๊วง’ มาก ว่าเป็นคนบ้านเราที่มีวาสนาเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินของประเทศไทย และมีความกล้าหาญยิ่ง เสี่ยงชีวิตไปรบกับพม่าเพื่อกอบกู้ชาติไทย” นายนิ้มกล่าว     บริเวณสุสานยังมีป้ายหินอีกแผ่นจารึกไว้ว่า “สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังฉลองพระองค์ของ ‘แต้อ๊วง’ ที่นำมาจากเมืองไทย ห้ามผู้ใดทำลายเด็ดขาด” ลงชื่อโดยรัฐบาลท้องถิ่นแห่งอำเภอเถ่งไฮ่     ปัจจุบัน สุสานแห่งนี้ยังมีผู้นำดอกไม้ธูปเทียนมาแสดงความคารวะอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะจากบรรดาลูกหลานคนจีนจากเมืองไทยที่มีโอกาสไปเยี่ยมญาติในประเทศจีน                         ------------------------------------------------------------------- Comment: คุณงูเล็ก เคยอ่านหนังสือ เรื่อง "ลูกจีน หลานมอญ ในกรุงสยาม" หรือยังคะ  เป็นหนังสือรวบรวมประวัติบรรพชนชาวจีนในไทย ที่น่าสนใจ คือบรรพชนผู้ก่อตั้งสมาคมแต้จิ๋วในประเทศไทย ผู้สร้างโรงเรียนเผยอิง  บริษัทเรือเมล์ และท่าเรือที่ชาวจีนมาขึ้นฝั่งในสยาม รวมทั้งเป็นบรรพชนจีน ที่ได้รับพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ ๖ ด้วย คือ พระอนุวัตรราชนิยม (ฮง เตชะวณิช) หรือ ยี่กอฮง รับราชการปลาย ร.๕ เป็นที่เคารพสักการะมาก สำหรับลูกหลานตระกูลของท่านหลายชั่วอายุคน มีความเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินสยามสืบมาช้านาน...   edit: Additional Comment แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 03:03:55 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:55:04 แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 02:52:18 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 6 มี.ค. 52 02:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ... จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 6 มี.ค. 52 07:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณเจ้าของกระทู้คะ ขอบคุณที่ตั้งกระทู้นี้..หลานสาว หลานชายดิฉันที่เมืองไทย อายุสามสิบกว่า..พูดจีนได้คล่องเช่นกัน..เพราะอากง อาม่า คือ คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันเลี้ยงพวกเขามา.. ขอบคุณผู้ที่นำข้อมูลมาเผยแผ่.. อาแหมะเป็นคนเซี่ยงไฮ้..แต่งงานกับเตี่ย คนซัวเถาค่ะ.. ในช่วงสงครามโลก..ญี่ปุ่นบุกเมืองจีน..หมู่บ้านที่เตี่ยกับแหมะอยู่ก็มีทหารญี่ปุ่นเข้าไปเพ่นพ่าน..แหมะเคยเล่าให้ฟัง..พี่สาวดิฉันสองคนยังเล็กอยู่มาก..เวลาแหมะพาลูกสองคนออกมาที่ลานนอกบ้าน เพื่อซักผ้า ทำกับข้าว..มีแหมะคนเดียว..ที่พักๆก็ต้องคอยเอาหูแนบพื้น..เพื่อฟังเสียงรองเท้าคอมแบททหาร..หากได้ยินเมื่อไหร่..ต้องทิ้งข้าวของ แล้วหอบลูกสองคนหนีไปหลบ..เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะแหมะในตอนแรก..แล้วคนหัวเราะก็โดนลากไปข่มขืน..เตี่ยไปร่วมชบวนการเสรี..ออกล่าทหารญี่ปุ่นตอนกลางคืน..สุดท้าย ต้องส่งลูกสาวสองคนไปอยู่ฮ่องกง..แล้วตัวเองแยกย้ายอพยพหนีไปเมืองไทย..ไม่เช่นนั้น ไม่รอด.. ทั้งสองท่านเมื่อสมัยมีชีวิตอยู่ นับถือพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ แต้อ๊วง มาก.. ที่เมืองไทย..ดิฉันมีญาติซึ่งอายุปัจจุบันย่างแปดสิบ..แต่นับตามลำดับของการนับเชื้อสายแล้ว..เขาต้องเรียกดิฉันว่า "อาโกว".. เห็นรูปสมัยปัจจุบันแล้ว..หากเตี่ยกับแหมะมีชีวิตอยู่ คงดีใจ..แต่เตี่ยกับแหมะมักบอกใครต่อใครเสมอว่า..อั๊วเป็งคงไทยมาจากเมืองจีง... จากคุณ : Panissar - [ 6 มี.ค. 52 09:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบพระคุณทุกท่านด้วยความจริงใจ ที่อุตส่าห์หาข้อมูลให้ ญาติผู้ใหญ่ผมเสียชีวิตหมดแล้ว เหลือไว้แต่คำบอกเล่าเท่าที่จำได้  ว่างๆ จะรบกวนถามอีกนะครับ...(เจ้าของกระทู้) จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 6 มี.ค. 52 10:40:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถามอีกนิด เมือง เก๊กเอี๊ย (เขียนถูกหรือเปล่า ความหมายว่า แพะภูเขา)  เป็นเมืองส่วนไหนของจังหวัดแต๊จิ๋วครับ  เป็นบ้านเกิดเตี่ย จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 6 มี.ค. 52 10:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 汕头 山頭 เหมือนกันรึเปล่าครับ พอเจอตัวย่อเลย งง เลย ที่เรียนมาเป็นตัวเต็ม แปลว่า หัวภูเขา อะไรทำนองนี้ จากคุณ : pianchai - [ 6 มี.ค. 52 11:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ซัวเถาทั้งสองแบบนี้ เหมือนกันรึเปล่าครับ พิมพ์ไม่ได้ แปะเป็นรูปดีกว่า จากคุณ : pianchai - [ 6 มี.ค. 52 11:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออภัยครับ รูปไม่ขึ้น จากคุณ : pianchai - [ 6 มี.ค. 52 11:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ pianchai ตัวย่อของคุณถูกแล้วครับ แต่ตัวเต็มตัว Shan4 หรือ ซัว ยังคงเป็นตัวเดียวกับตัวย่อ จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 15:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เว็บนี้ผมเคยร้องเรียนไปหลายทีแล้วบอกว่า ควรแก้โค้ดให้สามารถพิมพ์จีน ญี่ปุ่น ได้ แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยเห็นความสำคัญ ตัว shan4 (ชซ่าน อ่านแบบห่อลิ้น) ตัวนี้ไม่ใช่ภูเขา แต่ดั้งเดิมเป็นเครื่องมือดักปลาชนิดหนึ่ง  ดังนั้น "ซัวเท้า" ไม่ได้แปลว่าหัวภูเขาอย่างที่หลายคนเข้าใจนะครับ จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 15:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ส่วนภาษาจีนของอำเภอต่างๆเขียนงี้ครับ จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 15:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขออภัย โผวเล้ง ตัวย่อ เขียนผิดครับ ที่ถูกต้องอันนี้ จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 15:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อาเฮีย งูเล็ก2509 (คห 21) กิ๊กเอี๊ย ตัวนี้ ไม่ได้แปลว่า แพะภูเขา  เพราะตัว "เอี๊ย" จีนกลางอ่าน "หยัง" แปลว่า พระอาทิตย์ ภาษาจีน ไม่ว่าจะจีนกลาง แต้จิ๋ว เซี่ยงไฮ้ หมิ่นหนัน กวางตุ้ง แคะ อันฮุย ซานตง ฯลฯ จะมีเสียงซ้ำกันเยอะไปหมดครับ และแต่ละ dialect ยังมีสำเนียงที่แตกต่างกันอีก อย่างแต้จิ๋วก็มีสำเนียงแตกต่างกันในแต่ละอำเภออีก ดังนั้นตัวหนังสือจีน จึงมีความสำคัญในการสื่อสารอย่างยิ่ง จะสังเกตว่า หลายคนที่ไม่ได้เก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ หรือ ปู่ย่าตายาย ทวด ไม่อยู่แล้ว หรืออ่านหนังสือไม่ออก จะสับสนมากครับในการสืบตระกูลตัวเอง จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 15:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คำว่า กิ๊ก หรือ เก๊ก แปลว่า เอาออกมา จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 16:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไปเดินเยาวราช ไม่ได้ยินคนพูดภาษาจีนเลย ประเทศไทยเก่งมาก กลืนคนจีนในไทยเกลี้ยง จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 16:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ปัจจุบันรัฐบาลในระดับอำเภอ เมือง และมณฑลในจีนมีเว็บไซต์ตัวเองกันหมดครับ แต่ทว่ามีแต่ภาษาจีน อาทิ เก๊กเอี๊ย http://www.jieyang.gov.cn เตี่ยอัง http://www.chaoan.gov.cn เตี่ยเอี๊ย http://www.gdchaoyang.gov.cn เป็นต้น อาเฮียงูเล็ก  นอกจากนี้ถ้าอาเฮียงูเล็ก หาชื่อแซ่ที่เป็นตัวเขียนภาษาจีนของ พ่อแม่ ปู่ย่า ได้  ก็จะสามารถไปค้นหาเชื้อสายตัวเองได้ที่เมืองจีน เพราะว่าในแต่ละท้องถิ่นมักจะมีศาลประจำตระกูลอยู่ และจะมีการทำป้ายต้นตระกูล แล้วก็ลำดับเป็นรุ่นๆ ใครแต่งงานกับใคร ลูกมีใครบ้าง หลาน เหลน โหลน เป็น 10ๆรุ่น กินเวลาครึ่งศตวรรษก็มี ผมยังไม่เคยไปศาลประจำตระกูลของผมที่เมืองจีน แต่เคยเห็นแล้วในวิดิโอที่อากงไปได้มาและเคยไปมาเป็นพิธีกรรมสมโภชและบูรณะศาลครับ และรู้แล้วว่าอยู่ที่ใด หมู่บ้านไหน ปัจจุบันนี้อากงท่านไม่อยู่แล้ว แต่ก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะกลับไปดูได้  ทางอาม่าผมก็เก็บข้อมูลจากพี่ชายอาม่า(เหล่ากู๋)ไว้เรียบร้อย อาเฮีย อาจจะไปเริ่มที่สมาคมแซ่ของอาเฮียและคุณพ่อเป็นสมาชิกอยู่ในประเทศไทย  แต่ถ้าพ่อไม่ค่อยได้เป็นสมาชิกของสมาคมแซ่เหล่านั้น ก็อาจจะไม่ค่อยง่ายในการเริ่มต้นครับ เพราะว่าข้อมูลจะไม่ต่อเนื่อง  แต่ว่าอาเฮียยังคงพูดแต้จิ๋วได้แม้อายุแค่ 42 ปี ถือว่าเก่งมากนะครับ หาได้ยากมากแล้ว เพราะว่าส่วนใหญ่เอาแค่อายุ 50 เช่น อาเจ็ก อากู๋ ผมที่เกิดหลังพ.ศ. 2500 เป็นต้นมาก็พูดไม่ค่อยได้แล้วครับ ตัวเขียนภาษาจีนของชื่อแซ่ พ่อ แม่ ปู่ย่าตายาย คือ กุญแจหลักในการสืบค้นครับ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 16:37:30 จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 16:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สุสานพระเจ้าตาก Hometown of Emperor Zheng: It is the only place memorizing the overseas emperor. Emperor Daxin of Emperor Zheng was born in Chenghai, being one of the 4 kings (emperors) with outstanding literary and martial achievements in Thailand , setting up the most powerful dynasty of Thailand in the history, with the high commendation of the Chinese compatriots all over the world, being called the “No. 1 Chinese to be Overseas King”. จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 16:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คนจีนแต้จิ๊วแถวนี้ จะใช้ เรือหัวแดง เดินทางออกทะเลไป ตปท รวมทั้งไทย  Zhanglin Ancient Port: Zhanglin Ancient Port has been the “conjunction of rivers and the sea”, “sea channel”, being the largest port of the eastern Guangdong in the end of Ming and beginning of Qing dynasties. It is the start point of the red bow ships, main port of the foreign trade, immigration of the Chaoshan area in the early times, crossing of Sino-foreign cultures, and the birth place of Chaozhou Shantou compatriot cultures. http://www.gdchenghai.gov.cn/tz/english/BEAUTIFUL/CULTURES.htm จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 16:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Chen Cihong ใครรู้บ้างว่าชื่อ ไทย คืออะไร เพราะเขาบอกว่า เป็นเศรษฐีนักธุระกิจในไทย นี่คือ บ้านของเขา Former Residence of Chen Cihong: The No. 1 compatriot house in Lingnan is the former residence of Chen Cihong, set up in the end of Qing Dynasty and beginning of Kuomindang by Chen Cihong, the rich business man of the Chinese compatriot in Thailand, famous navigator, and entrepreneur, in the local national style and Chaoshan village house mixed with the western building features, which is ancient and elegant, being the typical Sino-western building style. จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 16:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รูปบ้านอยู่ข้างล่าง http://flickr.com/photos/21548501@N00/2288006568 ภาพนี้ ร้านขายอาหาร ตามที่ คคห ถัดไป ช่วยอ่านให้ แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 17:09:02 จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 16:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คห 36 อันนั้นน่าจะเป็นชื่อร้านอาหารนะครับ Chaoshan Xiaoshiguan เป็นร้านอาหารแต้จิ๋ว ส่วน Chen Cihong ในภาษาแต้จิ๋ว คือ แซ่ตั๊ง หรือ แซ่ตั้ง  แต่เป็นใครและมีชื่อไทยว่าอะไร อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปดูว่าเศรษฐีคนไหนแซ่ตั้งบ้าง ซึ่งก็มีเยอะแยะไปหมด แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 17:07:41 จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 17:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 This mansion was built by the wealthy Chen Cihong family. They were successful merchants in Thailand and wanted to build themselves a mansion back in their Chinese hometown. However, they never got to live in it. The mansion is so huge that one servant was employed just to open and close windows every day. จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 17:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ในเว็บนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เป็นสคริปต์ภาษาจีนของสารคดีที่ฉายทาง CCTV ของจีนครับ http://blog.sina.com.cn/s/blog_4c13cc88010008ng.html จากคุณ : music maniac - [ 6 มี.ค. 52 17:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Chen Cihong Former Residence http://www.lifeofguangzhou.com/node_10/node_35/node_155/node_259/node_328/2006/12/05/116529570011948.shtml จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มี.ค. 52 17:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านกระทู้แล้วปลาบปลื้ม น้ำตาไหลพราก พ่อแม่เป็นจีนแต้จิ๋วมาจากเมืองจีนทั้งคู่ พ่อมาจากผู่หนิง แม่มาจากเซี่ยงไฮ้ อพยพหนีญี่ปุ่นมาเมืองไทย ทุกววันนี้ ผมเป็นลูกจีน เกิน 75 เปอร์เซนต์ แต่รักประเทศไทย ชาติไทยเกิน 100 ครับ พ่อแซ่โค้ว (สวี่)  แม่แซ่แต้ (เจิ้ง) ภูมิใจครับ ต้นตระกูลของผม ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย  ทุกวันนี้ มีโอกาสต้องสักการะพระเจ้าตากสิน แต้อ้วง   ภูมิใจที่สุดครับ เป็นคนจีนที่เกิดในเมืองไทย ได้รับวัฒนธรรมดีๆ จากเมืองไทย จากคุณ : พัฒน์ - [ 6 มี.ค. 52 19:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ช่วยดูว่าบ้านเกิดแต่ละแซ่อยู่ที่เมืองไหนครับ - อาม่า แซ่โล้ว - แม่ แซ่ฉั่ว - พ่อ แซ่กัว ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ  อาม่า (ยาย)เสียชีวิตอายุ 108 ปี เมื่อ 20 ปีที่แล้ว อยากทราบว่าอาม่าผม อยู่ในยุคสมัยใดของจีนและไทยครับ จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 7 มี.ค. 52 00:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รู้ไว้ใช่ว่า...35 เรื่องจีน โดย ASTVผู้จัดการรายวัน ผู้นำไทยเชื้อสายจีนคนล่าสุด เจ้าสัว เลือดมังกร http://www.clt.or.th/webboard/viewthread.php?tid=718 จากคุณ : ธนิตา - [ 7 มี.ค. 52 02:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 44  ตอบคุณงูเล็ก ความเห็นที่ ๔๒ คำถาม  อาม่า (ยาย)เสียชีวิตอายุ ๑๐๘ ปี เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว อยากทราบว่าอาม่าผม อยู่ในยุคสมัยใดของจีนและไทย ?   ตอบ คุณยายหรืออาม่า ท่านเกิดในพ.ศ.  ๒๔๒๔ ตรงกับรัชสมัย ร.๕ หรือรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๑๑  ถึง ๒๔๕๓ เทียบกับยุคสมัยของจีน ตรงกับราชวงศ์ชิง (ชิงเฉา) หรือบางครั้งเรียกว่า ราชวงศ์แมนจู ปกครองแผ่นดินจีนต่อจากราชวงศ์หมิง      ราชวงศ์ชิง พ.ศ. ๒๑๘๗ ถึง ๒๔๕๕ (ค.ศ. ๑๖๔๔ ถึง ๑๙๑๒) เป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนสถาปนาเป็นระบบสาธารณรัฐ เป็นราชวงศ์ของเผ่าแมนจู เป็นชนต่างชาติที่เข้ามาปกครองจีน เป็นสมัยที่มีการตรวจตราข้อบังคับของสังคม เช่น ให้ชายจีนไว้ผมหางเปียและใส่เสื้อแบบแมนจู ในราชสำนักมีขุนนางตำแหน่งสำคัญกำเนิดขึ้นด้วย คือ ขันที ราชวงศ์ชิงครองแผ่นดินจีนจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๕๔ เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเป็นการปฏิวัติเป็นสาธารณรัฐโดยซุน ยัตเซ็น ราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. ๒๔๕๕ ปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน  (ข้อมูล วิกิพีเดีย) จากหลักฐานเก่าแก่ แผ่นป้ายสลักหินในประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่า ไทยและจีน ติดต่อกันมาหลายร้อยปี หรืออาจจะเป็นพันปีแล้ว แต่ปรากฏเป็นบันทึกแน่นอนว่าติดต่อในราชวงศ์สุโขทัยต่อเนื่องมา และความสัมพันธแน่นแฟ้นในสมัยรัตนโกสินทร์     สำหรับ การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ คือสมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้นำคณะรัฐบาล และประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่าวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นวันเริ่มความสัมพันธ์ไทยกับจีน นับได้เกือบสามทศวรรษครึ่งในปัจจุบัน                                                                     ข้อมุลสรุป สาระน่ารู้ก่อนเดินทางไปจีน อ่านได้ที่เว็บกระทรวงบัวแก้วนะคะ มีรายละเอียดวัฒนธรรมที่น่าสนใจหลายข้อเหมือนกัน..   Related Link :::::>   http://www.mfa.go.th/web/340.php     ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่แลกเปลี่ยนข้อมูลน่าสนใจในกระทู้นี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 03:34:12 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 7 มี.ค. 52 03:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณธนิตา..Chen Cihong สันนิษฐานจากหลายๆกระแส น่าจะเป็นคุณชิน โสภณพานิช..จากแหล่งที่อยู่ที่เมืองจีน..ประกอบกับจำจากที่แหมะเล่าให้ฟังตอนเด็ก..บ้านหลังเดิม หลังเล็กๆของคุณชินที่เมืองจีน อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเตี่ย+แหมะ.. ตอนคุณชินแต่งงานที่เมืองจีน มาเชิญเตี่ย+แหมะไปร่วมงาน และขอให้แหมะไปช่วยเจ้าสาว.. ที่เมืองจีน คุณชินใช้ชื่อ ตั้งเพียงชิ้ง..ถ้ายังมีชีวิตปัจจุบันจะมีอายุ 99 ปี เป็นรุ่นพี่แหมะอยู่แปดปี..เขาเคยไปเยี่ยมเตี่ย+แหมะตอนดิฉันเด็กเล็กๆๆ..แหมะให้เรียกอาแปะ.. จากคุณ : Panissar - [ 7 มี.ค. 52 04:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Chen Cihong ไม่น่าจะเป็นคุณชิน โสภณพานิช.เพราะ Chen Cihong (1843-1921) was a great overseas Chinese businessman and navigator. http://www.travelchinaguide.com/attraction/guangdong/shantou/chen-cihong-former-residence.htm นายชิน โสภณพนิช เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 ถึงแก่กรรมในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2531 http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%99_%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A จากคุณ : ธนิตา - [ 7 มี.ค. 52 05:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ขอบคุณค่ะ..คุณธนิตา..งั้นต้องลองค้นหาต่อ..อยากรู้เหมือนกันจ๊ะ..ถ้าเจอก่อนช่วย ก๊อก ก๊อกไปบอกด้วยนะค๊า จากคุณ : Panissar - [ 7 มี.ค. 52 05:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 48 วันเชงเม้ง ไปไหว้อาม่าที่สุสานเก๊กเอี๊ย บ้านบึง จังหวัดชลบุรี เก๊กเอี๊ย คือหมู่บ้าน หรือจังหวัดในประเทศจีนหรือเปล่าคะ กลับไปจะไปถามยี่โกวถึงเรื่องประวัติของอาม่ากับอากงอีกครั้ง เคยถามนานมากแล้วก็ลืม ยี่โกวบอกว่าอาม่ากับอากงนั่งเรือมาจากเมืองจีน อยากทราบเหมือนกันว่าอากง อาม่า บ้านอยู่ส่วนไหนของประเทศจีน ถ้าอาม่ายังอยู่ จะมีอายุ 108 ปี คงรุ่น ๆ เดียวกับอาม่าของคุณงูเล็ก แต่อากงเสียไปตั้งแต่ดิฉันยังไม่เกิด อากง แซ่จาง หรือแซ่เตีย ค่ะ ดิฉันมีชื่อภาษาจีนด้วยชื่อว่า จางชวู่เสียน จำความหมายไม่ได้ซะแล้ว ต้องกลับไปถามอาม้า ตอนเด็ก ๆ เรียนโรงเรียนจีนค่ะ เพื่อน ๆ พี่ ๆ มีชื่อภาษาจีนบ้างหรือเปล่าคะ จากคุณ : coast girl - [ 7 มี.ค. 52 08:58:00 A:58.164.124.96 X: TicketID:163162 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ญาติห่าง ๆ เคยเล่าว่ามีสมาคมที่ขลบุรี พ่อผมมาจากเก้กเอี้ย อยากทราบเหมือนคุณ Coast girl   และรบถวนถามความหมายขื่อหน่อยครับ เป็นชื่อพี่ชาย,พี่สาว  -เกี่ยงคิ้ม , เกี่ยงเอ็ง,เกี่ยงง้วน,เกี่ยงฮวก,เกี่ยงเส็ง  - จือลิ้ม,อาฮุ่ง (พ่อ,แม่) และญาติกันเขาจะดูที่แซ่หรือไม่ เขาบอกแซ่เดียวกันทั้งหมู่บ้านจริงเปล่าครับ จากคุณ : งูเล็ก2509 - [ 7 มี.ค. 52 09:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ทั้งหมู่บ้านจะมีแซ่เดียวกัน  ถ้าหากว่าเป็นหมู่บ้านรุ่นเก่าที่มีประวัติยาวนาน  ซึ่งโบราณคนต่างแซ่ก็มักจะไม่อยู่ร่วมหมู่บ้านกัน  แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ เช่น ซัวเถา  ไหข้าว   ก็จะปะปนกันไปหมด    แม้แต่เมืองไทยเอง  บางที่จะเป็นญาติแซ่เดียวกัน  ก็จะอยู่ จว เดียวกัน   บางอำเภออาจจะมีกลุ่มแซ่หนึ่ง  มากเป็นพิเศษ  เพราะญาติกันก็ช่วนกันมาทำมาหากินด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า ถ้าแซ่ ลิ่ม แล้วจะต้องมาจากหมู่บ้านเดียวกันนะครับ  เพราะอาจจะอยู่หมู่บ้านอื่นก็ได้เช่นกัน   ต้องดูว่าเป็นญาติกันไหม  ถ้าเป็นญาติกัน  แซ่เดียวกัน  แน่นอนว่าพื้นเพคือบ้านเดียวกัน เช่นหมู่บ้านที่คนแซ่ลิ่มอยู่   เขาต้องแต่งงานกับคนต่างแซ่ (ต่างหมู่บ้าน) ดังนั้น หญิงที่แต่งงานมาอยู่ที่หมู่บ้านลิ่ม  ก็มิได้แซ่ลิ่ม   และตรงข้ามกัน  หญิงบ้านลิ่ม  แต่งออกไปอยู่หมู่บ้านอื่น  ก็มีเช่นกัน สำหรับหมู่บ้านใดที่มีคนแซ่หนึ่งอยู่เกือบหมดนั้น  บางที่จะมีชื่อหมู่บ้านเรียกกันเล่นๆ   โดยเรียก ชื่อหมู่บ้านเป็นแซ่นั้นเลยครับ จากคุณ : Fortunism - [ 7 มี.ค. 52 15:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณพัฒน์ อากงกับอาม่าของเจโลมาจากโผวเล้ง(ผู่หนิง) เหมือนกัน  พอทราบไหมคะเขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ลองกูเกิ้ลดูเจอ PUNING ไม่แน่ใจว่าจะเป็นหมู่บ้านเดียวกันหรือเปล่า? อยากลองหาข้อมูลไว้เผื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวเมืองจีน จะได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของบรรพบุรุษ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 8 มี.ค. 52 09:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 52 K. Jennifer lowclass : You can use google to translate the following websited.... Municipality of puning http://baike.baidu.com/view/4265.htm จากคุณ : Fortunism - [ 8 มี.ค. 52 14:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ ขอบคุณค่าาา  _/\_ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 9 มี.ค. 52 17:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบคุณ ธนิตา นะคะ Chen Cihong  สันนิษฐานว่าเป็น บ้านตระกูลหวั่งหลี นะคะ อยากถามเพื่อนๆ ว่า รู้จัก จี่แซแจ หรือเปล่าคะ ?? จากคุณ : zaieiew - [ 15 มี.ค. 52 15:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดิฉันใคร่ขอความกรุณาจากท่านผู้รู้ให้ช่วยไขข้อข้องใจของดิฉันดังนี้ค่ะ ก๋งของดิฉันซึ่งถึงแก่กรรมไปนานมากแล้ว เข้ามาอยู่เมืองไทยเมื่อ พ.ศ.2467 ในใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวนั้น ระบุเป็นภาษาไทยว่า ก๋งชื่อ นายตันเซียว แซ่ด่าน สัญชาติจีน เชื้อชาติจีนใหหลำ เกิดที่ตำบล "ตีนเยง" จังหวัด "เด่งจิ้ว" ประเทศจีน เมื่อ พ.ศ.2431 มีภูมิลำเนานอกประเทศไทยที่ ตำบล "ตีนเยง" จังหวัด "เด่งจิ้ว" ประเทศจีน นามบิดา นายเสงฮวด นามมารดา นางฮุยตี ได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองเมื่อ พ.ศ.2467 ที่อยู่ในประเทศไทย บ้านเลขที่ 1089 ตำบลปากพนัง ท้องที่สถานีตำรวจปากพนัง จังหวัดนครศรีธรมราช ตอนเด็กๆ ยังไม่มีความรู้พอที่จะซักถามก๋ง ต่อมาก็คิดเอาเองว่าบ้านเกิดของก๋งน่าจะอยู่ที่เกาะไหหลำ ต่อมาอีกเมื่อมาเจอใบสำคัญต่างด้าวที่จะระบุว่าก๋งเกิดที่ตำบลตีนเยง จังหวัดเด่งจิ้ว ค้นคว้าเท่าไรก็ไม่เจอสถานที่นี้ จึงขอรบกวนให้ช่วยบอกหรือช่วยสันนิษฐานเอาบุญทีเถอะว่า ที่นายทะเบียนคนต่างด้าวอำเภอปากพนัง(ซึ่งลายชื่อท่านสายงามมาก)เขียนว่า ตำบลตีนเยงนั้น น่าจะเป็นตำบล "เจียหยาง" หรือ จีเอหยาง (กิ๊กเอี๊ยะ) หรือ JIEAYANG ส่วนจังหวัดเด่งจิ้วนั้นเป็นไปได้ไหมว่าคือจังหวัด "แต้จิ๋ว" ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากซัวเถา (SHANTOU) และ เถ่งไฮ้ (CHENGHAI) แล้วถ้าเกิดที่จังหวัดแต้จิ๋ว น่าจะเป็นจีนไหหลำไหม ใครมีบรรพชนหรือญาติที่นั้น ดิฉันขอความกรุณาด้วยนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : khunviewka@yahoo.co.th - [ 19 มี.ค. 52 11:35:53 A:124.120.29.53 X: TicketID:208926 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตระกูลหวั่งหลีก็เป็นหนึ่งในกลุ่มชาวจีนที่มาตั้งหลักแหล่งประกอบกิจการค้าในย่านฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบรรพบุรุษที่เข้ามาบุกเบิกคือ นายตันฉื่อฮ้วง เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว แซ่ตัน มาถึงประเทศไทยด้วยเรือสำเภาเมื่อ พ.ศ. 2406 ได้ประกอบกิจการเดินเรือค้าข้าวระหว่างประเทศไทยและจีนจนกระทั่งปี 2414 จึงเริ่มเปิดร้านค้าในประเทศไทย แรกเริ่มสร้างเป็นแพอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านหวั่งหลีในปัจจุบัน และเช่าอาคารรูปตัวยูของคุณหญิงเนื่องที่อยู่ใกล้ๆกับแพเพื่อใช้เป็นที่ตั้งร้านค้า ต่อมากิจการก็เจริญก้าวหน้า และได้ขยายธุรกิจไปในด้านต่างๆ อาทิ โรงสี โกดังสินค้าให้เช่า ธนาคาร และบริษัทประกันภัย ชื่อของร้านค้าที่ประกอบกิจการค้าข้าวของนายตันฉื่อฮ้วงนั้นคือ “หวั่งหลี” ซึ่งทายาทได้ใช้เป็นนามสกุลสืบมา นายตันฉื่อฮ้วงสมรสกับกุลสตรีในตระกูลโปษยานนท์ชื่อหนู หลังจากสมรสแล้วจึงได้ซื้อที่ปลูกบ้านในปีพ.ศ. 2424 โดยสร้างเลียนแบบบ้านตระกูลโปษยานนท์ เรียกว่า “บ้านหวั่งหลี” ซึ่งได้ตกทอดมาเป็นของทายาทในตระกูล และได้รับการอนุรักษ์และบำรุงรักษามาเป็นอย่างดีโดยตลอด จากคุณ : ธนิตา - [ 21 มี.ค. 52 00:25:51 ]