Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เล่าเรื่องประสบการณ์การสอบสัมภาษณ์ phd ครับ

    ก่อนอื่นเลย ต้องขอเกริ่นก่อนนะครับ ว่า ประสบการณ์ของผม เป็นการสัมภาษณ์ในสาขา Economics / Business (Finance) สำหรับผู้ที่จะสมัครในสาขาอื่น อาจจะไม่ตรงกันนัก แต่คิดว่า บทความนี้น่าจะมีประโยชน์และเป็นแนวทางได้นะครับ

    ผมคิดว่า ผ่านการสัมภาษณ์และติดต่างทางอีเมลล์กับมหาวิทยาลัย และอาจารย์หลายท่าน ทั้งทางด้าน การไปขอเค้า และการที่เค้าตามให้เราไปเรียน . . คิดว่า น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังจะสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนในระดับสูง ในเวลาอันสั้นนี้นะครับ

    ===================

    ขออนุญาตเล่าแบ็คกราวด์ส่วนตัวเล็กน้อย (เพื่อเป็นแนวทางนะครับ และเกี่ยวเนื่องกับการสอบสัมภาษณ์ครับ)

    ปัจจุบันเป็น นศ ป เอก ทางด้าน Finance ในประเทศฝรั่งเศสนะครับ (grande ecole) โดยได้รับทุนเต็มจำนวน (ยกเว้นค่าลงทะเบียน ประมาณ 22,000 Euros และได้รับค่าใช้จ่ายหลักหักภาษีประมาณ 18,000 Euros)
    โดยทุนที่ได้มานี้ จะต้องทำงาน เป็น ผู้ช่วยวิจัย สามวัน ต่อสัปดาห์ โดยอยู่ในโปรเจ็กต์ของอาจารย์ที่ปรึกษา . .

    ข้อดีที่ตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่คือ อันดับแรก อาจารย์ที่ปรึกษา (ติดห้าอับดับต้น จากการจัดอับดับของ science watch จากการ cite ผลงานในรอบสิบปีที่ผ่านมา และตรงกับ field ที่สนใจด้วยครับ) อันดับสอง อาจารย์ที่สอนในหลักสูตร อันดับสาม เมือง-อากาศ-สถานที่

    สิ่งที่มีก่อนได้มาเรียนต่อ
    เรียน จบป.โท ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย(ถือว่าดี)แห่งหนึ่งในอังกฤษ(ลอนดอน),
    มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารในประเทศ และ เอกสารขององค์กรระหว่างประเทศ
    มีการเสนอผลงาน (presentation) ในระดับระหว่างประเทศ (ที่ถือว่าค่อนข้างสำคัญ) สองครั้ง และเสนอผลงานในประเทศตามที่ต่างๆหลายครั้ง
    มีประสบการณ์การทงำาน อื่นที่ไม่ใช่วิชาการ ในระดับ ผู้จัดการ(อาวุโส)
    ได้รับจดหมายแนะนำตัว ค่อนข้างดี จากนักวิชาการไทย (เคยเขียนหนังสือต่างประเทศและเป็นที่รู้จักพอสมควร) (จัดผมอยู่ในอันดับไม่เกิน 2%) และอาจารย์ฝรั่งในเมืองไทย (จัดผมอยู่ในอันดับไม่เกิน 10 จาก 800 จากประสบการณ์ของแก) และอาจารย์ไทย อีกท่านหนึ่ง ซึ่งรู้จักกับท่านมานานกว่า 5 ปี และเคยทำงานร่วมกัน

    ===================

    โดยส่วนตัวแล้ว มองว่า การเรียน phd เป็นการลงทุนทางด้านเวลามาก และคิดว่า จะเรียนก็ต่อเมื่อได้เรียนใน สาขาวิชา และมหาวิทยาลัย ที่ "คุ้มค่า" กับการลงทุนเท่านั้นนะครับ (ออกจะเรื่องมากหน่อยเนอะ)

    ผมเริ่มเรียน phd ค่อนข้างช้านะครับ เมื่อเทือบกับคนอื่น คือ เริ่มสมัครตอนอายุ 29 และได้ตอนมาเรียนตอนอายุ 30 แล้ว

    สิ่งที่อยากเล่า เก็บจากประสบการณ์ในการสัมภาษณ์ทางโทรศํพท์ครั้งสำคัญ สองครั้ง ซึ่งได้ผลแตกต่างกัน . .

    ครั้งแรก . . กับมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ . . ซึ่งอาจารย์ที่รับปากว่าจะเป็นที่ปรึกษา รอผมประมาณหนึ่งปี เนื่องจากเกิดความผิดพลาดทางด้านเอกสารในการสมัครในครั้งแรก ทำให้ใบสมัครของผมต้องเลื่อนไปอีกหนึ่งปี ถึงจะได้สัมภาษณ์ (ตามข้อบังคับของ คณะและมหาวิทยาลัย)
    สิ่งที่น่าสังเกต คือ proposal ที่ผมส่งไป เป็นโครงการเชิงทฤษฎีล้วนๆ และใช้ความรู้ที่ "ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคณะที่สมัครนัก" (แต่ทำไมอาจารย์เค้ารับหว่า? ไม่รู้เหมือนกัน) โดยเขียนไปทั้งหมด สี่หน้า ซึ่งเป็น สี่หน้าที่พูดเรื่อง "สิ่งที่จะทำ" ล้วนๆ ไม่ได้เขียนเรื่อง "ตัวเอง" เท่าไหร่
    ซึ่ง โปรแกรมที่สมัครไปคือ financial economics แต่สิ่งที่เขียนไปเป็น economic theory และการประยุกต์ล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับ การเงินเลย

    ผมค่อนข้างมั่นใจ และไม่ได้เตรียมตัวมากนัก กับการสัมภาษณ์ครั้งนี้เพราะคิดว่า จะได้ผลตามที่อาจารย์คาดหวังไว้อยู่แล้ว . . ผมกลับจากที่ทำงาน ประมาณหนึ่งทุ่ม และได้สัมภาษณ์ประมาณเกือบเที่ยงคืน ตามเวลาในไทย (ง่วง และเหนื่อยมาก เวลาสัมภาษณ์ครับ)
    คำถามที่สำคัญที่เค้าถามนะครับ
    1. คุณได้เขียนบทความ หรือมีโครงการที่จะทำ ที่เกี่ยวกับ finance บ้างรึเปล่า ?
    2. อะไรเป็นแนวคิดพื้นฐานของงานที่คุณต้องการจะทำ อะไรเป็น hypothesis? (และการซักถามแนวคิดอย่างละเอียด ซึ่งผมค่อนข้างตะกุกตะกักพอสมควร)
    3. คุณคิดว่า โครงการที่คุณจะทำ เหมาะกับคณะที่คุณสมัครมากน้อยแค่ไหน?
    4. คุณจะจ่ายเงินค่าเรียนได้อย่างไร? (ผมไม่ได้ขอรับทุนของที่ไหนเอาไว้ก่อน ก็เลยต้องบอกว่า ต้องใช้ทุนส่วนตัว และขอทุนจากทางคณะ และมหาวิทยาลัย)
    หมายเหตุ โปรแกรม และคณะนี้ ไม่ได้มีการประกาศให้ทุนล่วงหน้าแต่อย่างใด

    เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ มีการเปิดโอกาสให้เราถามคำถามเค้าหนึ่งคำถาม (ผมถามทำนองว่า อาจารย์ที่รับเป็นที่ปรึกษา สนใจหัวข้อโครงการของผมมากน้อยแค่ไหน . . เลยมีการอธิบายกันค่อนข้างยาว)

    ใช้เวลาในการสัมภาษณ์ประมาณ 30 นาที ครับ โดยเราต้องเป็นคนโทรไปหา ทางอาจารย์เอง . . โดยผู้สัมภาษณ์ประกอบด้วย อาจารย์ที่รับเราเป็นนักเรียน และอาจารย์ท่านอื่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาอีกหนึ่งท่าน


    ครั้งที่สอง . . กับ "โรงเรียน" ปัจจุบันครับ ซึ่ง จะต้องสัมภาษณ์สองครั้ง ครั้งแรกกับ scientetic director ของ research center / department และอีกครั้่งกับ อาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งต้องยอมรับว่า ผมไม่ได้มีความรู้จัก กับโรงเรียนแห่งนี้เท่าไหร่นัก
    (เนื่องจากอยู่ในฝรั่งเศส และเป็นโรงเรียนอยู่ในระบบ grande ecole ซึ่งเราไม่เข้าใจระบบนี้มากนัก แต่ที่สมัครเพราะ มีทุนให้ และอาจารย์และหลักสูตรน่าสนใจมาก จึงคิดว่า โรงเรียนนี้ ไม่น่าเกลียดแน่ๆ)
    เนื่องจากผมได้ได้รู้จัก โรงเรียนแห่งนี้เท่าไหร่นัก . . ก็เลยไม่ได้ส่ง proposal แบบเดิมไป . . แต่กลับเขียน "ตอบคำถามบังคับ สี่ข้อสั้นๆ" (โดยรวม สองหน้ากระดาษ) โดยไม่เกี่ยวกับวิชาการเท่าไหร่เลย แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ character และแนวคิดในการดำเนินชีวิต และการเรียนป.เอกมากกว่า


    คำถามที่สำคัญในการสัมภาษณ์รอบแรก
    1. คุณสมัคร phd กี่ที่ แล้วทำไมถึงเลือกสมัครที่นี่? และถ้าคุณได้อีกอื่น (ตามที่บอกไป คุณจะตัดสินใจเลือกที่ไหน? เพราะอะไร?)
    2. คุณสนใจทางด้าน filed ไหนใน finance เพราะอะไร และอย่างไร? (เป็นการสักถามความสนใจ ค่อนข้างละเอียด และมีการถามต่อเนื่องถึง อาจารย์ที่เราอยากทำงานด้วย)
    3.คุณเข้าใจ "หลักการ" การเรียน การสอน การทำวิจัยที่นี่หรือไม่ อย่างไร? คิดว่าเข้ากับหรือไม่?
    4. ความตั้งใจ หลังเรียนจบ? (และมีการอธิบายให้ฟังถึง เป้าหมายที่ทางคณะคาดหวังจากผู้เรียน เพื่อให้ประเมินว่า เราเหมาะสมกับ โปรแกรมนี้หรือไม่)
    หมายเหตุ ไม่มีการถามเรื่อง financial support ของผู้เรียน เพราะทางโปรแกรมประกาศพิจารณาทุน ให้กับผู้ได้รับเข้าเรียน จำนวน 5 ทุน . . ซึ่งผมสมัครใน 'track' ที่พิจารณาพร้อมทุนไปด้วยอยู่แล้ว

    เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ มีการเปิดโอกาสให้ถามเช่นเคย (ผมถามทำนองว่า ในฐานะ scientific director คิดกับผมอย่างไร ในฐานะ research assistant and phd student)

    ใช้เวลาในการสัมภาษณ์ ประมาณ 45 นาที (โดยทางผุ้สัมภาษณ์เป็นคนโทรมาครับ)

    เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ ผุ้สัมภาษณ์มีการแจ้งให้ทราบเลยว่า อยากให้เราสัมภาษณ์กับอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งมีความสนใจตรงกับเรา (ซึ่งก็คือ supervisor คนปัจจุบันแหละครับ)
    ผมคิดว่า สิ่งที่เค้า ค่อนข้างแฟร์กับเราคือ เค้าบอกตอนจบของการสัมภาษณ์เลยว่า เรายังอยู่ใน short list ขจงเค้า และต้องการให้สัมภาษณ์กับอาจารย์ท่านถัดไปเลย (ไม่ต้องรอเป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน)

    คำถามที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์ขั้นที่สอง คือ
    1. ในโปรแกรมนี้ คุณต้องการเข้ามาทำงาน (วิจัย) กับใคร? เพราะอะไร?
    2. คุณต้องการทำในเรื่องนี้ เพราะอะไร ด้วยวิธีการอย่างไร? (มีการอธิบายค่อนข้างยาว แล้วมีการถามถึง ความ "เข้ากัน" ขออาจารย์ และผู้เรียนครับ ว่า แนวคิด และวิธีการ สอดคล้องกันมากน้อยแค่ไหน)
    3. ถ้าคุณได้มาเรียนที่นี่แล้ว คุณคิดว่า จะอยู่ได้หรือไม่ มีอุปสรรคอะไรบ้างหรือไม่? (คาดว่า ที่ถามเพราะรียนที่ประเทศฝรั่งเศส และความเป็นอยู่ก็ต้องใช้ฝรั่งเศส)
    (ในขั้นนี้ไม่มีการถามเกี่ยวกับ administrative questions ใดๆครับ)

    เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ มีการเปิดโอกาสให้เราถามเช่นเคย . . ผมถามคำถามเดิมว่า คิดกับผมอย่างไรในฐานะ research assistant & phd student

    ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 45 นาที (โดยที่เค้าโทรมาหาเรา)

    ผลการสัมภาษณื . . ที่แรก ไม่มีทุนให้, แต่ที่หลัง มีทุนเต็มจำนวนให้ครับ พร้อมกับค่ากินอยู่ ซึ่งถือว่า อยู่สบายครับ และไม่มีข้อผูกมัดจากทางโรงเรียนครับ

    ==================================

    สิ่งที่ผมคิดว่า น่าจะเป็น แนวทางสำคับผู้ที่จะต้องสัมภาษณ์(ทางโทรศัพท์)
    1. ผู้สัมภาษณ์จะไม่ถามเนื้อหา เกี่ยวกับตัวเรา ที่เค้าจะสามารถเรียนรู้ได้จาก เอกสาร และหลักฐานในการสัมครแล้ว (ในใบสมัค และ CV ที่เขียนอ้างไว้ ควรมีหลักฐานทุกอย่าง ที่น่าเชื่อถือ ให้พร้อมนะครับ)
    2. การสัมภาษณ์ เน้นที่จะหา "ความเข้ากัน" ของ supervisor-supervisee, โปรแกรมที่เรียน-ผู้เรียน ซึ่งรวมถึง โครงการในการทำวิจัยที่เราเสนอไป, ปรัชญา-แนวคิด ของคณะ/โรงเรียน กับแนวคิดของเรา รวมถึง วิธีการในการทำงานวิจัย ว่าสอดคล้องกันหรือไม่
    3. โดยส่วนตัวคิดว่า . . statement of proposal ไม่มีความจำเป็นว่าจะต้อง ละเอียดลึกซึ้งมาก แต่ควรมีความชัดเจน และมี "ความเป็นตัวเรา" ด้วยนะครับ

    ข้อคิดที่ผมได้รับจากการสัมภาษณ์ (รวมที่อื่นๆด้วยนะครับ) คือ
    1. จะต้องมีความพร้อมทั้งร่างกาย และอารมณ์ ก่อนเวลาสัมภาษณ์ครับ . . เพราะผู้สัมภาษณ์สามารถวัดเราได้จากน้ำเสียง, ความมั่นใจ และภาษาที่เราใช้ (เพราะแสดงถึงการสื่อสารระหว่างการทำงาน ภายหลังการรับแล้วเหมือนกัน)
    2. เตรียมคำถาม (เก็งข้อสอบ) บ้างเล็กน้อยนะครับ โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับ โปรเจ็กต์ของเรา
    3. เรียนรู้ คณะ อาจารย์ ในโปรแกรมที่เราสมัครให้ดี ทำความเข้าใจ ลักษณะของคณะ แนวคิดของโปรแกรมให้ดีพอสมควร (ถ้าเป็นไปได้ มีโอกาสไปเยี่ยมคณะหรือนั่งคุยกับอาจารย์ได้ก็ยิ่งดีเลยครับ)
    4. สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกสิ่งหนึ่งของผู้สมัคร ที่คณะ และอาจารย์มองหา . . คือ . . "ความตั้งใจ และมุ่งมั่น" ในการเรียน และทำงาน ให้จบ phd ในโปรแกรมนี้ ครับ . . ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด(ในความคิดของผม)ในการสัมภาษณ์ และ statement of purpose
    คุณจะต้องโน้มน้าว ผู้สัมภาษณ์ว่า คุณมีความตั้งใจแน่วแน่ ชัดเจน มีเป้าหมาย . . อย่าลืมนะครับว่า คุณเป็นหนึ่งในหลายคนที่เค้าคัดเข้ามาเพื่อสัมภาษณ์ ผลการเรียนไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในขั้นนี้แล้ว . . เค้ามองหา "ตัวตน (character & personality)" ของคุณมากกว่า เรื่องสมอง (เพราะคุณเก่งมากพอที่จะได้เข้าเรียนอยู่แล้ว)

    จากที่เล่ามาทั้งหมด เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ (ไม่ใช่มาตรฐานในการสอบสัมภาษณ์) แต่คิดว่า น่าจะเป็นแนวทางให้ ผู้ที่จะต้องเตรียมตัวสอบ ได้ในระดับหนึ่ง

    เพราะบางที่ ก็มีการรับโดยไม่ต้องสัมภาษณ์แต่อย่างใด หรือว่า อีเมลล์มาตามไปเรียน พร้อมทุน ก็มีครับ โดยจะส่งเอกสารทางการตามหลังมา หลังจากที่เราตอบรับแบบไม่เป็นทางการ และตกลงกับอาจารย์ที่ปรึกษาเรียบร้อยแล้ว, หรือบางที่ อาจารย์ที่ปรึกษารับแล้ว แต่ทางคณะไม่ยอมรับ หรือไม่มีทุนให้ก็เป็นได้ครับ

    ขอให้โชคดีในการสอบสัมภาษณ์ครับ

    ปล. ถ้ามีท่านอื่นมีประสบการณ์ ช่วยกันมาแบ่งปันในนี้นะครับ จะได้เป็นแนวทาง แง่คิดให้เพื่อนๆ น้องๆ ที่กำลังจะต้องสอบสัมภาษณ์ ขอบคุณครับ

    จากคุณ : AmoreVincitOmnia - [ 9 มี.ค. 52 02:28:32 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com