ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากกฏหมายใหม่ที่ออกมาให้กระทรวงต่างประเทศจัดระบบใหม่ในหนังสือเดิืนทางที่เรียกว่า อีพาสปอร์ต ที่เพียบไปด้วยข้อมูลและจะเป็นหลักฐานสำคัญให้กับประชาชนไทยต่อไปในข้างหน้า ดังนั้น..ข้อมูลต่้างๆจึงต้องตรงกันหมด ในบัตรประจำตัวประชาชน เพราะนั่นคือหลัหฐานเดียวที่กระทรวงต่างประเทศต้องการในการทำหนังสือเดินทางรุ่นใหม่นี้ บัตรประจำตัวประชาชนก็เช่้นกัน..ภายในสิ้นปีนี้ ประชาชนไทยควรที่จะต้องไปทำบัตรใหม่ที่เรียกว่า smartcard ที่มีไมโครชิปฝังอยู่ อันเป็นศูนย์ข้อมูลทั้งหมดในตัวเองและมันจะเป็นบัตรประกันสุขภาพในตัวด้วย ต่อไปในไม่กี่ปีข้างหน้า ประชาชนไม่ต้องไปอำเภอ สามารถไปอำเภอตู้ ที่ทางมหาดไทย(นอกปริมณฑล), กทม (ในเขตกรุงเทพ) ที่จะเป็นสภาพเหมือนกับตู้เอทีเอ็ม ที่เราสามารถสอดบัตรเข้าไปต่ออายุ หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลได้เอง.. เพราะเหตุนี้..สถานกงศุลต่างๆจึงไม่สามารถออกพาสปอร์ตให้ได้จากสำนักงานอีกต่อไป ทุกอย่างจะต้องส่งไปเมืองไทย และทางเมืองไทยจะไม่ทำให้ถ้าหลักฐานที่ส่งไปมีข้อมูลที่ขัดแย้ง เช่น นามสกุลไม่ตรง หรือ สถานะเปลี่ยนไป โดยไม่มีการบันทึกข้อมูลในสำมะโนครัวที่อยู่ของเรา มีต่อ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 18:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มารอฟังค่ะ เพิ่งไปทำบัตร SmartCard เมื่อต้นเดือนเองค่ะ เสียค่าทำ 20 บาท เสียเวลาทำแป๊บเดียวเอง จากคุณ : pixp - [ 14 มี.ค. 52 18:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาอ่านข้อมูลดีมีประโยชน์ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 52 21:15:53 จากคุณ : คนไทยออสโล - [ 14 มี.ค. 52 18:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปัญหาของดิฉันคือ.. 1. ใบเขียว และ พาสปอร์ตที่เพิ่งหมดอายุไปเป็นนามสกุลตามสามีต่างชาติ 2. บัตรประจำตัวประชาชนเป็นนามสกุลดั้งเดิมของบิดา คำตอบคือ ดิฉันจำเป็นจะต้องไปเมืองไทยตามวาระ จึงคิดที่จะไปทำที่เมืองไทยทั้งหมดเลยทีเดียว นับจาก เปลี่ยนนามสกุลในบัตร ปชช. จากนั้นก็จะได้ไปทำพาสปอร์ตใหม่.. แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เพราะ  ทางเมืองไทยจะต้องมีเอกสารรับรองซ้ำซาก เช่น 1. ใบทะเบียนสมรสต้องส่งไปประทับตราของที่ว่าการรัฐที่แต่งงาน อันหมายถึงว่า เอกสารนั้นคือของจริงจากรัฐ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆอาทิตย์หนึ่ง 2. ต้องให้สามีเซ็นยินยอมให้เราใช้นามสกุล แบบฟอร์มนี้สามารถดาวน์โหลดได้จากเวบของกงศุล เมื่อนำมาให้สามีกรอกข้อความแล้ว ต้องพากันไปเซ็นต่อหน้า notary republic เพื่อรับรองลายเซ็นในกรณีที่สามีไม่ได้ไปด้วย 3. จากนั้นก็ต้องส่งเอกสารทั้งหมดไปให้สำนักงานที่มีไลเซ่นในการแปล ถอดความทั้งหมดเป็นภาษาไทยพร้อมรับรองเอกสาร เพื่อที่จะจัดส่งต่อไปให้ที่สถานกงศุลรับรองและประทับตราว่า ได้ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบ 4. เมื่อคุณได้เอกสารครบหมด ขอแนะนำให้จัดทำเป็นแฟ้มเอกสาร เรียงให้เรียบร้อย พร้อมกับถ่ายเอกสารไว้ทั้งหมด อย่างละสี่ห้าแผ่น อย่างของกงศุลเขาจะให้มาเป็นปึกที่แยกไม่ได้ เพราะประทับตราไว้แล้ว ก็อย่าไปฉีกนะคะ (ไม่เช่นนั้นจะมีค่าเท่ากับศูนย์)  พลิกถ่ายทีละแผ่น และนำมาจัดเป็นปึกของเราเอง จากนั้นก็เตรียมตัวบินไปเมืองไทยได้เลยค่ะ.. มีต่อ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 18:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากที่เขียนมา..นับว่ายุ่งยากนะคะ เพราะเราต้องทำมาหากินจะเอาเวลาที่ไหนวิ่งไปรับรองเอกสารที่โน่นที่นี่ แถมยังต้องส่งไปมาระหว่างกงศุลอีก.. ดิฉันจึงใช้วิธีจ้างเขาเอานะค่ะ ราคาก็สามร้อยเหรียญอย่างที่กระทู้โน้นว่าเอาไว้ เพราะสะดวกดี เนื่องจากดิฉันอยู่ไกลจากแอลเอมากพอสมควร เมื่อเทียบกับ การเสียเวลาแล้ว..คุ้มค่ะ ดิฉันส่งทุกอย่างไปที่เขาต้องการ ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นในเวลาสามอาทิตย์ ที่ช้ากว่ากำหนด เนื่องจากสามีอยู่ที่ฝรั่งเศส เมืองมาเซยย์ ซึ่งเขาจะต้องยอมเซ็นเอกสารให้ทั้งๆที่อ่านไม่ออกสักตัว เพราะแบบฟอร์มเป็นภาษาไทยล้วนๆ จากนั้น..เขาก็ต้องควบรถปุเลงๆที่ยังสถานทูตอเมริกันเพื่อที่จะต้องประทับตรารับรองลายเซ็น ไปกลับใช้เวลากว่าสามชั่วโมง.. และจัดส่งด่วนมาให้ดิฉันที่อเมริกา และเนื่องจาก พาสปอร์ตดิฉันได้หมดอายุแล้ว ทางสำนักงานที่จัดจ้่างได้ช่วยเหลืิอขอใบเดินทางแบบด่้วนพิเศษ หรือที่เรียกว่า CI สำหรับเพื่อเดินทางออกเท่านั้น เพราะเรากำลังจะไปทำเล่มใหม่อยู่แล้ว. จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 18:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อถึงประเทศไทย..พักเพียงวันเดียว ดิฉันก็รุดไปที่เขตหลักสี่  อันเป็นถิ่นฐานที่อยู่ตามสำมะโนครัวทันที เพราะอยากให้ธุระเรื่องนี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยไป จะได้ตัดกังวล และจะได้มีอิสระไปไหนมาไหนได้ไม่ต้องวิ่งไปมา เมื่อไปถึงเขตหลักสี่..ไปที่กองทะเบียน..แจ้งความประสงค์ตามที่ต้องการ พร้อมทั้งแฟ้มเอกสารก็เตรียมพร้อมในมือที่จะยื่น เจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิง หน้าตาท่าทางมีอายุไม่เกินสามสิบสอง..ระหว่างที่พลิก บัตรประชาชนของดิฉันไปมา เธอและเจ้าหน้าที่หญิงที่นั่งโต๊ะข้า่งมีการทุ่มเถียงกันเล็กๆ แบบลักษณะจิกกัด แดรกดัน..โดยที่ไม่ได้เกรงใจผู้ใช้บริการอย่างดิฉันเลย จากข้อความที่ได้ยินประมวลได้คร่าวๆว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่ายหนึ่งเสีย (เลยทำงานไม่ได้) เธอก็จิกให้ว่า "ก็ไม่เรียกให้คนมาซ่อม แล้วใครจะไปตรัสรู้" และ "จะมานั่งรอเป็นวันๆ มันจะดีขึ้นมาเองได้ยังไง" อะไรทำนองนี้..บรรยากาศเริ่มอึดอัด.. จากนั้นหล่อนก็หันมาถามดิฉันว่า.. "อ้าว..แล้วทำไมบัตรประชาชนถึงเป็น นาง.." (หมายถึงว่า..ถ้าแต่งงานครั้งนี้เป็นครั้งแรก และไม่เคยเปลี่ยนบัตรปชช. ทำไมจึงใช้นาง.." ดิฉันจึงได้อธิบายไปว่า ดิฉันได้แต่งงานครั้งแรกเมื่อ 1971  และไปเมืองนอก(เปลี่ยนและใช้นามสกุลสามี) และได้หย่ากันที่สถานกงศุลที่นครลอส แอนเจลิส เมื่อไป 1973 เมื่อดิฉันได้กลับมาเมืองไทย ช่วง 1978 ได้ไปเปลี่ยนนามสกุลกลับมาเป็นนามสกุลดั้งเดิมตั้งแต่บัดนั้นมา..แต่สถานะภาพ "นาง" นำหน้าชื่อนั้น ยังคงอยู่.. เธอคนนั้น..ก็กดเครื่องคอมพิวเตอร์ก๊อกๆ แก๊กๆ ใช้เวลานานมาก นานจนน่าอึดอัด  และเธอได้หันมาบอกดิฉันว่า.. "ไม่มีีการบันทึกการหย่าในข้อมูลของคุณ คุณจะต้องไปนำใบหย่ามาแจ้งบันทึก ไม่งั้นการสมรสครั้งนี้ของคุณก็จะเป็นโมฆะ" ดิฉันอึ้ง..ตะลึงงัน..ก็แล้วดิฉันจะไปหาใบหย่าเมื่อสามสิบปีกว่าที่แล้วนั้นมาจากไหน เพราะย้านบ้านมาไม่รู้กี่ครั้ง บ้านที่เมืองไทยน้ำท่วมมากว่าหกครั้งที่เราทิ้งของ ทิ้งลังที่เก็บอัลบั้มและจดหมาย เอกสาร อย่างนับไม่ถ้วน.. มีต่อ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 19:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดิฉันก็ขอความกรุณา..อย่างน้อยๆก็คำแนะนำ ว่าควรจะทำอย่างไร เพราะดิฉันมีเวลาอยู่ที่เมืองไทยจำกัด เธอตอบได้คำเดียว..ว่า..ไม่ทราบ..และ ต้องไปหาใบหย่ามาให้ได้ อ้อ..เธอบอกว่า หย่าที่ไหนก็ไปขอที่นั่น..และสำทับด้วยว่า ใบสำคัญขนาดนี้ ไม่เก็บไว้ได้อย่างไร.. ดิฉันให้เพื่อนโทรสอบถามที่กงศุลที่แอลเอ..ท่านก็ว่า..ไม่ได้เก็บไว้ ส่งไปเมืองไทยหมดแล้ว.. ดิฉันได้ติดต่อไปเขตบางพลัด ที่จำได้ว่้าเคยไปแจ้งหย่า สมัยที่บัตรสำมะโนครัวยังเป็นกระดาษแผ่นๆอยู่..ปรากฏว่า เขตบางพลัดไม่มีแล้วค่ะ เขารวมเป็นเขตบางกอกน้อยไปแล้วในปัจจุบัน เขตบางกอกน้อย..บอกว่า ให้ลองไปติดต่อที่ศูนย์ข้อมูลกลาง นางเลิ้ง ดู เพราะที่นั่นอาจมีไมโครฟิล์มเก็บไว้ งานนี้ดิฉัีนได้จ้างเพื่อนที่เป็นทนายติดตามเรื่อง เพราะปวดหัวจนตาลาย ไมเกรนขึ้นระยิบ เพื่อนใช้เวลาสามวัน ที่จะบอกดิฉันว่า..ไม่มีว่ะ..เพราะข้่อมูลมันเก่าไป หย่าปี 73 ถึงกงศุลเขาส่งมา ทางนี้ก็ไม่ได้บันทึกไว้ ที่มีบันทึกก็เป็นข้อมูลยี่สิบกว่าปีนี่เอง.. แปลกไหมคะ...ถ้าทางราชการบอกคุณว่ามันเป็นเอกสารที่สำคัญมาก ทำไม..เขาจึงไม่มี หรือเก็บรักษาต้นขั้วให้เราล่ะ..?? มีต่อ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 19:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คห 2 เสียค่าทำ 20 เหรอค่ะ ดิฉันไม่เสียอะไรเลยค่ะ นอกจากค่าซองใส่บัตร 5 บาท ทำที่ภาคใต้ค่ะ จากคุณ : น้ำหวาน - [ 14 มี.ค. 52 19:34:56 A:124.120.191.71 X: TicketID:119338 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดีลกับหน่วยงานราชการก็แบบนี้แหล่ะค่ะ มาให้กำลังใจ จากคุณ : yuy (ยุ้ยหัดเขียน) - [ 14 มี.ค. 52 19:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันสิ้นหวังจริงๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร  ทางออกทางเดียวที่มีคือ ทำพาสปอร์ตในนามสกุลเดิม..และต้องมาอธิบายกับอิมมิเกรชั่นที่อเมริกา ซึ่งไม่น่ายาก เพราะเขามีข้อมูลของเราทุกอย่าง รวมทั้งนามสกุลเดิม อีกทั้ง ลายพิมพ์นิ้วมือ คงไม่เป็นปัญหา.. แต่ปัญหาคือ ดิฉันอาจจะต้องออกนอกประเทศไปยังประเทศอื่นนอกเหนือไปจากประเทศไทยในเรื่องงาน.. ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาเรื่องการของวีซ่า นี่คือสิ่งที่ทำให้ดิฉันหมดสนุกไปกับการกลับบ้านในครั้งนี้  เพราะสิบวันผ่านไปทุกอย่างยังมืดมน..หนทางตัน ดิฉัีนได้ติดต่อไปยังอดีตสามี ที่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่สามร้อยยอด ปราณบุรี ถามว่าเก็บใบหย่าไว้ป่าว.. เขาขำกลิ้ง..บอกว่า..หายไปตั้งแต่ตอนหย่้าใหม่ๆแล้วด้วยซ้ำ ก็เลยเล่าเรื่องให้เขาฟัง.. เขาบอกว่า  พรุ่งนี้จะส่งรถไปรับ..ให้มาที่สามร้อยยอดเพราะเท่าที่ฟังดูแล้ว มันไม่เข้าท่า.. ดิฉันก็ไปตามนั้น.. เมื่อไปถึง คุณอดีตได้พาไปสถานีตำรวจปราณบุรี ..เพื่อที่จะแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่า ใบหย่าได้หายไป พร้อมทั้งข้อมูลตามวันที่ ปี ตามความเป็นจริง คุณตำรวจเมื่อทราบว่า เป็นตัวจริงทั้งคู่ ก็เลยรับแจ้งอย่างไม่มีอิดออด เสียค่าแจ้งความสิบบาท..บวกอีกสองสามบาทค่าถ่ายเอกสาร.. มีต่อ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 19:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากนั้น ก็ พาไปที่กิ่งอำเภอสามร้อยยอด..ตามสำนะโนครัวของเขาที่เขาเป็นเจ้าบ้านอยู่  เพื่อขอแจ้งความจำนงให้ดิฉันย้ายที่อยู่ปลายทางเข้าไปเป็นลูกบ้าน และขอทำบัตรประชาชน พร้อมเปลี่ยนนามสกุลเสียเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่ถามว่า เปลี่ยนนามสกุลเพื่อ... ดิฉันได้บอกไปตามตรงพร้อมยื่นหลักฐานว่า เปลี่ยนตามสามี.. เนื่องจาก ทางกิ่งอำเภอเพิ่งได้รับโปรแกรมจากมหาดไทยมาใหม่ๆ ไม่เคยเห็นเคสของดิฉันมาก่อนที่มีการรับรองมาจากเมืองนอกและจากสถานกงศุล จึงจำเป็นต้องมีปลัดอำเภอเข้ามาเกี่ยวข้อง.. นี่คือความแตกต่างของชนชั้นมันสมองกับเจ้าหน้าที่ที่มีสมองเพียงแค่จิกกัดเพื่อนร่วมงาน.. คุณปลัดเข้ามาดูหลักฐาน ตรวจสอบจนพอใจ และเช๊คข้อมูลตามบัตรประชาชนในคอมพิวเตอร์ให้ดิฉันแล้ว..ก็จัดการให้เจ้าหน้าที่ทำบัตรใหม่ให้พร้อมเปลี่ยนนามสกุลตามที่ต้องการ เสร็จสิ้นภายในชั่วโมงเศษ ค่าบริการ ยี่สิบบาท กับค่าซองอีกห้าบาท คุณปลัดบอกว่าที่สามร้อยยอดนี้ โหดมากในเรื่องการออกบัตรเพราะต้องระวังอย่างสุดขั้ว เนื่องจากต่างด้าวเยอะ (แรงงานพม่า) พวกเราต้องหูตาเป็นสัปประรด..แต่สำหรับคนไทย(อย่างดิฉัน)ที่มีหลักฐานทุกอย่างเรียบร้อยดี  มีตราจากกงศุล รับรอง พร้อมการแปลที่มีสถาบันรองรับ..บัตรประชาชนถูกต้อง  รวมทั้งพาสปอร์ตเล่มเก่ามาแสดง ก็ถือว่า ข้อมูลครบ.. เพียงแต่ทางอำเภอต้องเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ไม่มีการถามเรื่องการหย่าจากครั้งที่แล้วแต่อย่างใด เพราะถ้าถาม เราก็จะเอาใบแจ้งจากตำรวจให้ดู..แต่ดิฉันเชื่อว่า ในข้อมูลของมหาดไทยนั้น ดิฉันได้แจ้งหย่าแล้ว(เมื่อหลายสิบปีก่อน)..เพราะไม่งั้นดิฉันจะได้บัตรปชช. ที่เปลี่ยนจากนามสกุลคุณอดีตสามีมาเป็นนามสกุลบิดาเช่นเดิมได้อย่างไร เพียงแต่ดิฉันจำเดือนและปีที่แจ้งไม่ได้เท่านั้น อ้อ..ลืมบอกไปว่า..เขตทำการในกรุงเทพ. นั้น ขึ้นตรงอยู่กับ สำนักกทม.(ไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่) แต่..ต่างจังหวัดนั้น ยังขึ้นตรงอยู่กับกระทรวงมหาดไทย การเข้าใจเรื่องกฏหมายและการทำงานจึงต่างกัน.. และขอบอกว่า..ดิฉันไม่ได้วิ่งเต้นหรือมีเส้นสายอะไรหรือมีการ"ยัด" อะไรกับกิ่งอำเภอสามร้อยยอดแต่อย่างใด รวมทั้ง คุณอดีตด้วย.. หรือถึงอยากจะวิ่งเต้นก็คงไม่มีโอกาส เนื่องจาก สถานที่ทำงานโล่งหมด ไม่มีห้องหับส่วนตัว ที่จะมาซุบซิบความ อีกทั้ง คุณปลัดเธอก็ลูกทุ่งดีแท้ พูดอะไรที ได้ยินกันหมดทั้งอำเภอ ซึ่งสร้างสีสันให้กับบรรยากาศได้เป็นอย่างดี เช่นยามเัธอสัมภาษณ์คนที่มีขอทำบัตร และ เป็นที่ต้องสงสัย.. การซักไซร้นั้นละเอียดยิบ ว่า "เอาผัวน่ะ ตอนอายุเท่าไหร่..เป็นผัวเป็นเมียกันมากี่ปี..?" ฮากันทั้งตึก.. จึงอยากจะขอแสดงความขอบคุณ และ ขอเล่าความประทับใจในการทำงานในการให้บริการของทีมข้าราชการต่างจังหวัดไว้ณ.ที่นี้ด้วย ที่ว่าน่าประทับใจ คือ น้ำใจเล็กๆน้อยๆของกิ่งอำเภอต่างจังหวัด นั่นคือ ก่อนที่จะให้ผู้เข้าทำบัตรถ่ายรูป บนโต๊ะที่วางกล้่อง เขามีทั้งหวี แปรง น้ำมันใส่้ผม เจลผม แป้งฝุ่น ไว้บริการเผื่ออยากสวย อยากหล่อกันด้วย.. ดิฉันไปทำพาสปอร์ตที่กรมกงศุล ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมง และ ไปรับเล่มได้ในสองวันต่อมา.. แบบชนิดที่ว่า..ใจหายใจคว่ำ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 20:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มีคำถามค่ะ พลาสฯ เล่มเก่า ทำไมถึงเป็นนามสกุลต่างชาติ ได้ล่ะค่ะ หรือว่า คุณบันทึกหน้าแก้ไข ว่าเป็น นาง และ นามสกุลต่างชาติตามสามี เป็นแบบ นั้นหรือเปล่าค่ะ จากคุณ : คนไทยออสโล - [ 14 มี.ค. 52 20:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Thank you so much ka.. Khun WIWANDA. จากคุณ : ppd - [ 14 มี.ค. 52 20:41:54 A:192.168.0.17 X:76.112.245.105 TicketID:200246 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แค่อ่านก้เหนื่อยแทนแล้วค่ะ จากคุณ : offita - [ 14 มี.ค. 52 21:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบคุณ คนไทยออสโล ที่ถามว่า "มีคำถามค่ะ พลาสฯ เล่มเก่า ทำไมถึงเป็นนามสกุลต่างชาติ ได้ล่ะค่ะ หรือว่า คุณบันทึกหน้าแก้ไข ว่าเป็น นาง และ นามสกุลต่างชาติตามสามี เป็นแบบ นั้นหรือเปล่าค่ะ" ตอบค่ะ หลังจากที่ดิฉันกลับไปทำงานที่เมืองไทยในช่วงของปี 78  คือปีที่ไปเปลี่ยนบัตรปชช. จากนามสกุลของคุณอดีตมาเป็นนามสกุลดั้งเดิม (แต่คำนำหน้าก็ยังเป็นนาง เพราะกฏหมายเก่า หญิงที่สมรสแล้วต้องใช้คำนำหน้าว่านาง) และอยู่เมืองไทยจนถึง 1982 จึงได้เดินทางกลับมาอเมริกา หมายใจว่าจะมาเรียนต่ออีกครั้ง แต่..ก็ให้เผอิญว่ามาเจอเนื้อคู่อีกครั้ง ก็เลยแต่งงานใหม่ในสามสี่ปีต่อมา  เปลี่ยนนามสกุลตามสามี เพื่อขอใบเขียว ทางกงศุลได้ออกพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้ เพราะต้องทำตามกฏหมายสมรสของอเมริกา (ตอนนั้นไม่ได้มีกฏหมายว่า บัตรประจำตัวประชาชนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ถือเอาพาสปอร์ตเล่มเก่าเป็นสำคัญ) พอหมดอายุก็ส่งไปต่อใหม่ที่แอลเอ.. และก็เป็นอย่างนั้นเสมอมานับสิบๆปี.. ดิฉันก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องไปเปลี่ยนนามสกุลในบัตรปชช. ปล่อยเป็นนามสกุลเดิมอย่างนั้น.. จนกระทั่ง..ระบบใหม่เกิดขึ้นมา ที่เรียกว่า  E-passport นี่ละค่ะ ที่ทำให้เกิดปัญหา  แต่ก็นับว่าดี เพราะถ้ามีแล้วก็ถือว่าสมบูรณ์ ต่อไปนี้ข้อมูลอะไรก็จะมีต้นขั้นสอบสวนได้หมด มีบัตรใบเดียวเป็นศูนย์รวมข้อมูลของราษฏร์....ไม่เหมือนกับสมัยสามสิบกว่าปีที่แล้วที่คนร่วมสมัย กลางเก่า กลางใหม่ กึ่งใน กึ่งนอก อย่างดิฉันต้องพบกับปัญหาสารพัดอย่างที่เล่ามา จากคุณ : WIWANDA - [ 14 มี.ค. 52 21:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องนี้ จขกท จนท ( เจ้าหน้าที่ ) และ คนอ่าน คงเวียนหัว กันหลายคน เพราะ ๑ ได้แต่งงานครั้งแรกเมื่อ 1971  และไปเมืองนอก(เปลี่ยนและใช้นามสกุลสามี) ๒ ได้หย่ากันที่สถานกงศุลที่นครลอสแอนเจลิส เมื่อไป 1973 ๓ 1978 ได้ไปเปลี่ยนนามสกุลกลับมาเป็นนามสกุลดั้งเดิมตั้งแต่บัดนั้นมา..แต่สถานะภาพ "นาง" นำหน้าชื่อนั้น ยังคงอยู่ บัตรประจำตัวประชาชนเป็นนามสกุลดั้งเดิมของบิดา ๔ แต่งงานใหม่ ได้ใบเขียว และ พาสปอร์ตที่เพิ่งหมดอายุไปเป็นนามสกุลตามสามีต่างชาติ ๕ ไปเมืองไทย ทำบัตรประชาชนใหม่ ที่มีนามสกุลใหม่ และทำหนังสือเดินทางใหม่ เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะมาเขียนต่อ เพราะคิดว่า มีอะไรบางอย่างกัน จากคุณ : ธนิตา - [ 14 มี.ค. 52 22:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณพี่หวานที่นำเรื่องราวมาแชร์ให้ฟังค่ะ..และขอโหวตให้หนึ่งที กับเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ พี่หวานคงยังจำเรื่องที่น้องเล่าในกระทู้ก่อนโน้นของพี่หวานได้..ผ่านเรื่องราวมากมายกับสถานทูตอเมริกาทีเมืองไทย..ต้องกลับไป กลับมา กงสุลแจ้งวัฒนะ - อำเภอที่มีชื่อในทะเบียนบ้าน.. ตอนแรก มีบัตรประชาชนแบบ Smart Card นามสุกลก่อนแต่งงาน..พอเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยกลายเป็นบัตรประชาชนแบบเดิม.. กลับไปเมืองไทยหนนี้ จะต้องไปทำ Smart Card อีก.. อย่างไรก็ดี แม้จะยุ่งยาก ไมเกรนขึ้นจนแทบจะเป็น Brain Tumor ก็รักเมืองไทย..แต่ตอนนี้ขอเริงร่า ลั๊ลลาที่อเมริกาไปก่อนค่ะ.. จากคุณ : Panissar - [ 14 มี.ค. 52 23:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอขอบคุณ คุณวิวรรณดา ที่กรุณานำข้อมูลดีๆที่มีประโยชน์สำหรับคนไทยไกลบ้านค่ะ โดยเฉพาะดิฉันค่ะ ยุ่งยากน่าดูเลยนะค่ะ แค่อ่านก็งงหลายตลบแล้วค่ะ แต่ของดิฉันกลับกันค่ะ บัตรประชาชนนามสกุลตามสามี พาสปอร์ตนามสกุลเดิม ที่กำลังคิดอยู่หลายตลบแล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักทีว่าจะเอายังไงดีกับพาสปอรต์ที่กำลังจะหมดอายุในปี 2011 ซึ่งหากทำใหม่นามสกุลก็ต้องเหมือนในบัตรประชาชน เพราะต้องใช้บัตรประชาชนในการดำเนินการ ปัญหามันไม่ได้มีแค่นั้นค่ะ เพราะว่่ากลางปีนี้ดิฉันต้องขอวีซ่าอังกฤษถาวร ก็เท่ากับว่าวีซ่าอังกฤษถาวรจะอยู่ในพาสปอร์ตเล่มที่จะหมดอายุในปี 2011 แล้วทีนี้หากขอพาสปอร์ตใหม่ หลังจากได้รับเล่มก็ต้องแจ้งบันทึกการถือพาสปอร์ตเล่มเก่าในเล่มใหม่ ที่นามสกุลไม่ตรงกัน ทีนี้ซิค่ะ มันจะมีขั้นตอนยุ่งยากเกิดขึ้นหละ จากข้อมูลที่คุณวิวรรณดาเล่ามา เมื่อเดือนที่แล้วได้กลับไปที่บ้านเกิดไปดำเนินการขอกลับมาใช้นามสกุลเดิม ที่เปลี่ยนจากแซ่เพื่อลดปัญหา จนท.เทศบาลบริการดีมากค่ะ แนะนำว่าทั้งสามีและดิฉันต้องไปขอใบยินยอม(ให้ปากคำ)จากเขตที่เราได้จดทะเบียน แล้วกลับมาเปลี่ยนค่ะ ซึ่งเป็นเขตเดียวกันกับที่คุณวิวรรณดาไปติดต่อเลยค่ะ เลยหวาดๆอยู่ว่าจะเจอหน้าแบบไหนของ จนท.หนอ ยังมีอีกค่ะ ยังดันทุลังไปเปลี่ยนนามสกุลตามสามีต่างชาติ เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการขอใช้จากนามสกุลเดิม มาเป็นแซ่เดิมของบิดา อีกต่างหาก อันนี้ดำเนินการเรียบร้อยไปแล้ว อันนี้คงต้องด่าตัวดิฉันเองหละค่ะที่ไม่จดจำคำแนะนำของคุณลาวรรณวดี มาตอนนี้เกิดมีปัญหาหนะซิค่ะ คิดอยู่เหมือนกันว่าปี 2010 หากขอพาสปอรฺ์ตอังกฤาแล้วก็จะใช้อันนี้อันเดียวเลย เพิ่นตัดความยุ่งยาก ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เฮ้ย ได้กดเข้าคลังกะทู้และกดโหวตให้แล้วนะค่ะ คิดว่ามีประโยชน์กับหลายๆคนค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 00:33:17 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 00:00:05 จากคุณ : ไอริน (กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน) - [ 14 มี.ค. 52 23:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับข่าวสารค่ะ วุ่นวายน่าดูเลยนะคะเนี่ย สงสัยถ้าครอบครัวดิฉันกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก คงต้องให้มาทำบัตรประชาชนใหม่ทุกคนแล้ว จากคุณ : Mommy&Daddy - [ 14 มี.ค. 52 23:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไหงมันยุ่งอย่างนี้คะ ขอถามต่อ คุณWIWANDA หน่อยนะคะ ดิฉันต้องกลับไปทำพาสปอร์ตใหม่เหมือนกัน อีกไม่กี่เดือนนี้แล้วเดี๋ยวนี้เค้ายังใช้หลักฐานทะเบียนบ้านกับบัตรประชาชนเหมือนเดิมอยู่หรือปล่าว ในกรณีเรายังยังใช้นามสกุลเดิม (ยังไม่แต่งงาน) น่ะค่ะ จากคุณ : Rinta - [ 14 มี.ค. 52 23:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Women, marriages and name changed have been around for, god knows, how long. There is a simple solution if one can be bothered to implement. อีพาสปอร์ต ที่เพียบไปด้วยข้อมูลและจะเป็นหลักฐานสำคัญให้กับประชาชนไทยต่อไปในข้างหน้า In this digital age, would it not be simpler just to add a maiden name and/or other previously used names (if any) into the database instead. With all this biometric checks amongst other checks which already exist why has to make things more complicated than what it already is. Just my opinion. จากคุณ : genf - [ 15 มี.ค. 52 00:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออนุญาตพี่หวาน ตอบคุณ Rinta เพื่อนสาว..ใช้บัตรประชาชนใบเดียวค่ะ ไม่ต้องมีทะเบียนบ้าน จากคุณ : Panissar - [ 15 มี.ค. 52 00:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แค่อ่านก็งงกับข้าราชการไทยแล้ว   ขอบคุณ จขกท. ที่นำข้อมูลมาแบ่งปันกันค่ะ จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 15 มี.ค. 52 00:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เพื่อนสาว แท้งกิ้วส์มากๆๆ ไม่ได้ทำพาสปอร์ตมานานแล้วค่ะ กฏหมายเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไวมาก จำได้ว่าครั้งก่อนต้องใช้ทะเบียนบ้านด้วย หรือจำผิดก็ไม่รู้แฮะ จากคุณ : Rinta - [ 15 มี.ค. 52 01:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ใช่ค่ะ เอกสารราชการไทยจะต้องทุกอย่างเหมือนกันหมด เพราะเดี๋ยวนี้เวลาทำพาสปอร์ตเขาดูจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง ดังนั้นชื่อและนามสกุลในบัตรประชาชนไทยเป็นอย่างไรในพาสปอร์ตจะต้องเป็นตามนั้น เคยเปลี่ยนนามสกุลบนพาสปอร์ตได้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นพาสปอร์ตยังเป็นแบบเก่าที่อนุญาตให้แก้ไขได้ ซึ่งทางสถานกงสุลบอกว่าให้กลับไปแจ้งเปลี่ยนนามสกุลที่ไทยอีกทีหนึ่ง แต่ว่าพอไปไทยแล้ว...ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะว่าขั้นตอนในการเปลี่ยนนามสกุลจากการแต่งงานกับสามีต่างชาตินั้นมีหลายขั้นตอนมากซึ่งใช้เวลานานทีเดียว ยกเว้นกรณีที่หญิงไทยแต่งงานกับชาวต่างชาติและจดทะเบีบนสมรสในไทย กรณีเช่นนี้ทันทีที่จดทะเบียนสมรสเขาจะปรับฐานข้อมูลใหม่ทั้งหมดทันที (ไม่ต้องแจ้ง) จริงตามที่ จขกท. บอกค่ะ หากจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศจะต้องไปให้หน่วยงานราชการ certified marriage certificate เช่น รัฐแคลิฟอร์เนียก็ต้องส่งเรื่องไปให้ Secretary of California State (สำนักงานอยู่ที่ Sacramento) ลงนาม certified แล้วก็เอาเอกสารนั้นไปแปลเป็นภาษาไทย แล้วก็เอาไปให้สถานกงสุลรับรอง... หากเดินทางกลับไทยพร้อมสามีและมีความประสงค์จะเปลี่ยนนามสกุลใหม่ (ตามสามี) ก็ไปที่เขตทั้งคู่ โดยต้องไปให้นายทะเบียนลงบันทึกประจำวันรับรองการแต่งงานตามเอกสารที่คุณได้รับรองมา (ไม่ใช่จดทะเบียนสมรสอีกครั้งนะคะ...จดได้หนเดียว) หากสามีไม่ได้เดินทางมาด้วยก็ต้องให้สามีเขียนจดหมายรับรองว่าคุณเป็นภรรยาจริงๆ และใช้นามสกุลของเขาตามกม. หลังจากลงบันทึกแล้วก็ไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนนามสกุลใหม่ เสร็จแล้วก็ไปยื่นคำร้องขอทำบัครประชาชนใหม่...แล้วจึงไปทำพาสปอร์ตใหม่ได้... สำหรับตัวเองแล้ว เอกสารทุกชิ้นใช้ชื่อ/นามสกุลตามบัตรประชาชนทุกอย่างค่ะ (แปลว่า นามสกุลเดิม) จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 15 มี.ค. 52 01:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านแล้วเหนื่อยมากค่ะ รันทดแทนเจ้าของกระทู้ ขอบคุณที่มาเล่าเรื่องที่มีประโยชน์ให้ทุกคนฟัง ดิฉันนั้นโชคดีไปอย่าง ไม่มีปัญหาเรื่องนามสกุล เพราะถือนามสกุลเดิม(ของพ่อ)มาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนนามสกุลหลังแต่งงาน โล่งไป จากคุณ : flymom - [ 15 มี.ค. 52 01:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณคุณ WIWANDA ที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ปกติดิฉันมักจะแนะนำให้ใช้นามสกุลเดิมหลังแต่งงานถ้ากฏหมายเปิดโอกาสให้เลือกได้ เพราะจะได้ไม่ต้องมาเจอปัญหาแบบคุณ WIWANDA ตัวเองก็เคยเจอมาแล้วค่ะ จากคุณ : Lawanwadee - [ 15 มี.ค. 52 01:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พึ่งได้ทำบัตรประชาชนใหม่ Smart Card  มาเมื่อเดือนที่แล้วค่ะ โดนปรับไป 100 บาทฐานบัตรเก่าหมดอายุนานเกิน 3ปีกว่า ทำที่เขตบางรัก คนเยอะแต่รอไม่นานนะคะ เจ้าหน้าที่บริการแบบน่ารักด้วยคะ ส่วนอีพาสปอร์ต ยังไม่มีเลยค่ะ ยังเป็นพาสปอร์ตแบบเก่าอยู่เลยค่ะ ขอบคุณคุณ WIWANDA ที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เอาไว้ใกล้หมดอายุแล้วไปต้องทำบ้างค่ะ จากคุณ : มาม่าธัญญา (Tanja-nl) - [ 15 มี.ค. 52 02:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่ะ สำหรับคำตอบ เข้าใจชัดแล้ว ขอบคุณนะค่ะสำหรับข้อมูล บัตรประชาชนของฉันเป็น Smart Card  แล้ว และแจ้งเปลี่ยนนามสกุลเป็นใช้ของคุณแฟน เรียบร้อยแล้ว นี่ก็เพิ่งไปทำพลาสปอร์ตมาใหม่ ที่ ออสโล ก็เลยไม่มีปัญหาใดๆ จากคุณ : คนไทยออสโล - [ 15 มี.ค. 52 02:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนอื่น ขอขัด จขกท หน่อย เพราะ กิ่งอำเภอสามร้อยยอด ที่ว่านั้น เป็น อำเภอ มาตั้งแต่ ๒๕๕๐ แล้ว เรื่อง ระบบทะเบียนราษฎร์ ที่กิ่งอำเภอ อำเภอ หรือ สำนักงานเขต พันกว่าแห่ง  ใช้ คอมพ์ติดต่อกันได้หมดทั่วประเทศ ราวปี ๒๕๔๗ จขกท โชคดี ที่อดีตสามี ยอมให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ทะเบียนบ้านของเขา เขาเดินทางไปที่ที่ด้วย ปลัดอำเภอไม่เข้มงวด และ จขกท มีเอกสารพร้อม เรื่องจึงสะดวก  แต่ต้องระวังปัญหา ที่จะเกิดในภายหน้า คือ บัตรประจำตัวประชาชน จะหมดอายุภายใน ๖ ปี ก็ต้องไปทำใหม่ ที่สำนักงานไหนก็ได้  แต่จะต้องมีหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านฉบับ เจ้าบ้านและบัตรเดิมไปแสดง ดังนั้น จขกท ก็ต้องขอยืมสำเนาทะเบียน บ้านฉบับเจ้าบ้านจากอำเภอสามร้อยยอด อีก และถ้าหมดอายุ เกิน ๖๐ วัน ก็เสียค่าปรับ ๒๐๐ บาท มีบางคน บอกว่า มีบัตรประชาชนแบบเดิม ที่เป็นแถบแม่เหล็ก อยากจะเปลี่ยนเป็นแบบอเนกประสงค์ ( Smart Card ) ก็ขอแนะนำว่า ยังไม่จำเป็น ที่จะต้องไปเปลี่ยน ขอให้เป็นบัตรแบบที่มี หมายเลข ๑๓ หลัก ก็ยังใช้ได้ จนกว่าจะหมดอายุ แก้ไข ๒๔๔๗ เป็น ๒๕๔๗ ตามที่ข้างล่างช่วยบอก แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 05:58:56 จากคุณ : ธนิตา - [ 15 มี.ค. 52 04:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ^ คอมพิวเตอร์ติดต่อกันได้หมด...ตั้งแต่ปี ๒๔๔๗ แซวเล่นกั๊บ ---------------------------- แต่สุดท้ายจขกท ก็ผ่านพ้นปัญหาไปด้วยดี... ยินดีด้วยค่ะ จากคุณ : giang_au - [ 15 มี.ค. 52 04:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ หลับสลบไปทั้งวันเลยวันนี้..กลับมาอ่านอีกทีต้องขอขอบคุณ bmw (BlackmagicW)ค่ะ ที่อธิบายได้อย่างชัดเจนดี ค่ะ..ต้องเป็นไปตามนั้น ใครที่คิดจะไปเปลี่ยนนามสกุลตามสามีในบัตรปชช. ต้องมีหลักฐานตามนั้น อย่าคิดว่าถือทะเบียนใบเดียวจากอเมริกาแล้วจะไปเปลี่ยนได้ (ยกเว้นสามีจะไปด้วย) ต้องผ่านการรับรองดังที่คุณ bmw ว่านี้.... "จริงตามที่ จขกท. บอกค่ะ หากจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศจะต้องไปให้หน่วยงานราชการ certified marriage certificate เช่น รัฐแคลิฟอร์เนียก็ต้องส่งเรื่องไปให้ Secretary of California State (สำนักงานอยู่ที่ Sacramento) ลงนาม certified แล้วก็เอาเอกสารนั้นไปแปลเป็นภาษาไทย แล้วก็เอาไปให้สถานกงสุลรับรอง...." คือมันเป็นขั้นตอนต่างๆในช่วงนี้ค่ะ   1.ส่งเรื่องไปให้ Secretary of California State (สำนักงานอยู่ที่ Sacramento 2.เอกสารนั้นไปแปลเป็นภาษาไทย 3.เอาไปให้สถานกงสุลรับรอง 4.ให้สามีเซ็นในใบยินยอมให้ใช้นามสกุล และต้องมีสำเนาเอกสารสัญชาติของสามี เช่น อเมริกันพาสปอร์ต (ต้องนำไปรับรองลายเซ็นที่ไหนก็ได้ที่มี โนตารี่ พับลิค) ทั้งหมดนี้ คือสิ่งต้องมีก่อนเดินทางไปเมืองไทยค่ะ..ถ้าไม่งั้นจะยุ่งยากมาก จากคุณ : WIWANDA - [ 15 มี.ค. 52 08:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอขอบคุณคุณธนิตาค่ะ ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอำเภอ ขอขยายความค่ะ ว่าที่ไปย้ายเข้าบ้านที่สามร้อยยอดนั้น เนื่องจากดิฉันไปปลูกบ้านในเขตที่ดินที่เป็นมรดกของลูกชาย(ที่คุณอดีตเขายกให้ลูกชายคนเดียวของเรา) หมายใจจะกลับไปอยู่ทันที่ที่เกษียณไปจากที่นี่ (เมื่ออายุ 62 ปีกับอีก 10 เดือน) ใกล้แล้วค่ะ ลูกชายกลับไปอยู่ถาวรแล้ว..เขาเป็นคนสมถะมาก ชอบบรรยากาศชนบท คิดจะทำกิจการเล็กๆของตัวเอง เพราะในแถวละแวกรอบบ้านได้กลายเป็น รีสอร์ตไปหมด ดิฉันได้เตือนไว้ว่ารอไปอีกนิด อยู่ให้ชินกับภูมิอากาศ แต่สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ เห็นทีคงจะต้องรอนานไปอีกหน่อยแล้วค่ะ บรรยากาศไม่เหมาะกับการลงทุนใดๆ เอาภาพที่บ้านมาฝากค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 15 มี.ค. 52 08:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34  เรียน พี่หวาน ที่รักและนับถือ.. ยินดีด้วยอย่างมาก กับชีวิตของน้องต้องและบ้านหลังใหม่.. เป็นบุญแล้วค่ะ ที่ได้กลับไปใช้ชีวิตบนผืนแผ่นดินไทย..  อ่านเรื่องราวต่างๆของพี่หวาน.. แน่ใจว่า ต้องแก้ปัญหาได้เสมอ ด้วยไหวพริบปฏิภาณ และการพิจารณากาล สถาน ตลอดจนบุคคลแวดล้อม.. ทุกเหตุมีผล ทุกผลมีเหตุ และมีแนวทางให้เลือกเสมอ ภาพบ้านอันร่มเย็น เห็นทะเลและแนวเขาไกลๆนั้น คือสิ่งที่ดีที่สุด ที่คนไทยไกลบ้านครอบครัวหนึ่งฝันไว้ กิ่งสนและก้านมะพร้าว ที่เห็นในรูปนี้ ทำให้นึกถึงอะไรหลายอย่าง ยินดีที่พี่หวานได้มีวันนี้ หลังจากผ่านมรสุมในอเมริกามานานโข ขอให้มีความสุขกับหนทางที่งดงาม ตามความฝันนะคะ                             ขอเป็นกำลังใจให้ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 08:20:07 แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 08:50:25 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 15 มี.ค. 52 08:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 JL ไปเที่ยวบ้านเมื่อต้นเดือน กพ. ไปทำบัตร ปชช ใหม่เพราะอันเก่าที่ทำไว้เมื่อปี 2550 หาย จนท เปิดข้อมูลเก่าดู เเล้วเอารูปจากบัตร ปชช ทุกอันใน Data base มาเทียบ (ทำบัตรหายไป 2-3 ครั้งค่ะ เลยมีบัตรในข้อมูลหลายอัน) ปรากฏว่าคุณ จนท บอก มันมีปัญหา (หันจอคอมให้ดู) หน้าคุณเมื่อปี 2540 มันไม่เหมือนหน้าคุณตอนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนเดียวกัน เราก็ชี้รูปเราบนจอคอมให้เธอดู อ่ะพี่ดูดิ หน้าหนูบนบัตรใบที่ทำ 2 ปีก่อน กับหน้าตอนนี้ (เอามือชี้หน้าตัวเองประกอบ) เหมือนกันมั๊ยล่ะ เธอก็มองเเล้วบอก ก็เหมือนอยู่ แต่ตอนนี้คุณไม่เหมือนคนในรูปปี 40 เราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคนๆเดียวกันกับคนในรูปปี 40 จริง เออ เวรกรรม ไม่ยักรู้มาก่อนว่ามีกฏกระทรวงไหนบัญญัติไว้ว่าหน้าห้ามเปลี่ยนเป็นเวลา 12 ปี  -*-   ตอนนี้นึกถึงเพลง "คนหน้าเดิม" ของ รุ่งฤดี แพ่งผ่องใสที่ร้องสอบหน้าห้องตอน ป. 3 ขึ้นมาถนัดใจ ดั้งตรูก็ยังเเบนลาบซาบเหมือนเดิม หมวย 101 เปอร์เซนต์เหมือนเดิม แค่แก่ลงสิบกว่าปี มันผิดตรงไหนฟระ ต่อ เธอถามข้อมูลนู่นนี่เพิ่มเติมมากมาย ไปอยู่ ตปท กี่ปีเเล้ว ที่ไปน่ะมีวีซ่าหรือเปล่า (เเล้วมันเกี่ยวอะไรกับทำบัตร ปชช ไทยวะเนี่ย) เราก็อธิบายไปว่าเราใช้สิทธิ์สนธิสัญญาทหารของอเมริกาของสามี (SOFA) ไม่ต้องใช้วีซ่า เธอทำหน้าไม่เชื่อ ไม่มีวีซ่าแล้วไปอยู่นั่นใช้หลักฐานอะไร เราก็เอาใบขับขี่ของออสเตรเลียให้เธอดู เธอก็ อ่ะ ไปถ่ายเอกสารพาสปอร์ตไทย กับ ใบขับขี่ออสเตรเลียมา กลายเป็นว่าทั้งห้างไม่มีที่ถ่ายเอกสารซะอีก พอดีน้องชายมาส่ง ต้องขับรถพาออกไปหาที่ถ่ายเอกสาร โชคดีไปได้ประมาณ 3 กม. ก็เจอที่ถ่าย ถ่ายเสร็จขับรถกลับเอามาให้ เธอยังไม่พอใจ ซักประวัติครอบครัวต่อ แล้วไปอยู่กับสามีฝรั่งน่ะมีลูกกับเขาไหม (ชักเดือดปุดๆเเระ เเต่พยายามนับ 1 ถึงแสน) ไม่มีค่ะ (เมิงจะถามนอกเรื่องอีกนานมั๊ย) เธอขอดูเอกสารที่พกมากับตัวทั้งหมดที่มีรูปเรา เราก็ดึงออกมาหมด เธอเห็นบัตร SOFA มีรูปด้วย เธอก็บอกขอสำเนาอันนี้ด้วยเเล้วกัน (ไม่เกี่ยวกับประเทศไทยเลย มันเป็นเอกสารทางการทหารของ US Forces สำหรับเวลาไปใช้สิทธิ์ของทหาร)   ยัง ยังไม่พอใจ หันมาซักน้องชายเราบ้าง (ไม่ยักรู้ว่าหน้าเหมือนพม่าทั้งพี่ทั้งน้อง) ขอดูบัตร ปชช น้องชาย ว่าจะดูว่าอยู่บ้านเดียวกันหรือเปล่า พอเห็นที่อยู่เดียวกัน เธอบอกน้องชายเราว่าเอาไปถ่ายสำเนามาให้หน่อย เพื่อเป็นหลักฐานรับรอง (ว่าเอาพม่ามาทำบัตรมั๊ง) -*- น้องชายโวยเลย ทำไมมันต้องเรื่องมากขนาดนี้ครับพี่ (ยังดีนะมี"ครับ") แต่น้องก็ไม่ได้ฮึดฮัดอะไรมากมาย ออกไปถ่ายให้โดยดี สรุปไปทำบัตร ปชช วันนั้น เสียเวลาไป ชม กว่าๆ กับการเป็นจำเลยโดนซักฟอกคำถามที่ไม่น่าถาม กับการขับรถเข้าๆ ออกๆห้าง 2 รอบเพื่อถ่ายเอกสาร รู้สึกเหมือนพี่ Wiwanda เปี๊ยบเลยค่ะ เข็ดไปอีกนานนนน จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 15 มี.ค. 52 12:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหนื่อยนะนี่ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 15 มี.ค. 52 14:00:23 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นใจคุณจขกท. กับคุณ LJ คห35 มากเลยค่ะ คงเหนื่อยมากๆ เหนื่อยร่างกายคงไม่เท่าไหร่แต่คงเสียอารมณ์และปวดสมองกับพนักงานที่ทำหน้าที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ สำหรับคุณจขกท. เรามีความเห็นว่าขั้นตอนปกติในการทำพาสปอร์ตใหม่ก็ยุ่งยากมากพออยู่แล้ว ต้องใช้เวลาในการทำขั้นตอนต่างๆเป็นเวลานานมากประกอบกับความยุ่งยากจนต้องเสียเงินทองในการทำ แล้ว แล้วยังจะมาเจอเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่แบบนี้อีก ช่วงนี้อ่านกระทู้พันทิพย์หลายๆห้องรู้สึกว่าพวกพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ไม่มีความสามารถในเมืองไทยมีอยู่มาก นี่ขนาดในหน่วยงานราชการ ทำไม่มี(จะทำอย่างไรก็ได้)ให้งานของคุณมีคุณภาพ อ่านแล้วหงุดหงุดแทนค่ะ จากคุณ : kypsan - [ 15 มี.ค. 52 18:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ : kypsan ขอเตือน ถ้าไปเมืองไทย อย่าหงุดหงิด อากาศบ้าง จราจรบ้าง ถ้าขี้หงุดหงิด หงุดหงิดได้ทั้งวัน ผมเตือนไปอย่างนั้นแหละ พอถึงตาตัวเอง เกือบบ้า อิอิ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 15 มี.ค. 52 22:41:39 A:192.168.0.17 X:71.114.54.31 TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพิ่งไปเปลี่ยนนามสกุลมาเหมือนกันค่ะ วุ่นวายน่าดู กว่าจะเปลี่ยนได้ เสียเวลาไป 2 วัน ตอนที่ไปทำ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เปลี่ยนทั้งบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านไปพร้อมกันเลยค่ะ เพราะเวลาทำเอกสารต่าง ๆ ต้องใช้คู่กัน แต่พาสปอร์ตยังไม่ได้เปลี่ยน เพราะรอให้หมดอายุก่อนค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน - [ 15 มี.ค. 52 23:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กระทู้ถูกใจจังค่ัะ เพราะเพิ่งดำเินินการเปลี่ยนสถานะและนามสกุลในทะเบียนบ้านไปหมาดๆ กรณีของดิฉันแต่งงานที่ต่างประเทศ ก็ต้องเอาทะเบียนสมรสไปแปล หมดไปหลายเหมือนกันค่ะ เสร็จแล้วต้องส่งไปให้หน่วยงานราชการรับรองตั้งหลายที่ ทำไปงงไป ที่น่าปวดหัวคือ พาสปอร์ตก็ดันจะมาหมดอายุซะนี่ เลยเดินทางไปเมืองไทยเพื่อเดินเรื่องเองไม่ได้ ต้องทำเรื่องมอบอำนาจ ส่งกันไปส่งกันมาวุ่นวายมาก แต่พอมาอ่านกระทู้นี้แล้ว เรื่องของดิฉันจิ๊บจ๊อยไปเลยค่ะ จากคุณ : GlowPopJigglyJam - [ 16 มี.ค. 52 01:02:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ สำหรับสาวๆที่แต่งงานกับชาวต่างชาติที่ต่างประเทศ(มีทะเบียนสมรสต่างชาติ) เวลาไปยื่นเรื่องขอเปลี่ยนนามสกุลและสถานภาพที่อำเภอบ้านเกิดของตัวเอง บางครั้งทางอำเภอเขาจะเก็บเอาทะเบียนสมรสตัวจริงของเราไป ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาเก็บไปนะคะ อย่างกรณีดิฉันเนี่ย แต่งที่อังกฤษ ตัวอาศัยอยู่ที่เยอรมัน มีทะเบียนสมรสชุดเดียวเท่านั้น ถ้าจะเอาเพิ่มต้องเดินทางไปอังกฤษเพื่อทำเรื่องด้วยตัวเอง  โชคดีที่ทางอำเภอบ้านดิฉันเขาขอแค่สำเนา ดิฉันมีเพื่อนที่เขาโดนขอตัวจริงไปเลย ทีนี้พอมีอะไรที่ต้องใช้ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานก็จะยุ่งยากขึ้นมาทันที เพราะต้องไปขอเอาใหม่อีก จากคุณ : GlowPopJigglyJam - [ 16 มี.ค. 52 01:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขั้นตอนยุ่งยากจังเลยเน๊อะ...นี่แค่อ่านยังมึนตึบ ถ้าเราต้องไปทำเองอย่างคุณ จขกท 3 วัน จะเสร็จป่าวก็ไม่รู้ โชคดีตอนแต่งงานไม่เปลี่ยนนามสกุล(ใช้นามสกุลเดิมค่ะ) ตามคำแนะนำของคุณ Lawanwadee ค่ะ ขอบคุณ จขกท และท่านอื่น ๆ ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ จากคุณ : yothaka (Yothaka) - [ 16 มี.ค. 52 01:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รบกวนถามกรณีของโบด้วยค่ะ ตอนนี้โบใช้นามสกุลสามี แถมเปลี่ยนชื่อเป็นชื่อที่ฝรั่งเรียกง่ายๆอีกต่างหาก โดยเอาชื่อไทยไว้เป็นชื่อกลาง (ชื่อไทยเรียกย๊ากยาก) เอกสารที่เมืองไทยทุกอย่างยังคงเดิมพาสปอร์ตก็ยังเป็นชื่อเดิม แต่ตอนที่ต่อวีซ่าเค้าทำเอกสารเป็นชื่อใหม่หมดค่ะ ตอนนี้วีซ่ากับพาสปอร์ตก็เลยเป็นคนละชื่อกัน พาสปอร์ตที่มีตอนนี้จะหมดอายุ July 2010 ซึ่งจะต่ออายุไม่ได้แล้ว เพราะเคยต่อมาครั้งนึงแล้ว ถ้าอย่างนี้ตอนที่เรากลับเมืองไทยถ้าเราจะทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ ควรจะเปลี่ยนชื่อไปเลย หรือว่าคงเดิมไว้คะ แล้วถ้าเราเดินทางไปไหน มันจะมีปัญหามั๊ย เพราะเอกสารไม่ตรงกันน่ะค่ะ จากคุณ : Oh!_Bo_BaBy - [ 16 มี.ค. 52 02:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอขอบคุณ จขกท ที่มาเล่าประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์กับหลายๆท่านรวมถึงตัวดิชั้นด้วยค่ะ ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่โหวตให้กระทู้นี้ ไม่เช่นนั้นดิชั้นคงไม่เห็นแน่ๆ เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ดิชั้นได้ไปต่ออายุพาสปอร์ตที่กงศุลใหญ่นิวยอร์กค่ะ แล้วก็ได้ขอเปลี่ยนนามสกุลด้วย ทั้งหมดเป็น ชือจริง นามสกุลเดิม(ชื่อกลาง) และนามสกุลสามี 3 ชื่อ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อไปถึงประเทศไทยให้ไปทำเรื่องเปลี่ยนชื่อที่อำเภอที่มีทะเบียนบ้านอยู่ด้วย ปีเดียวกันนั้นพอดิชั้นได้มีโอกาสกลับประเทศไทย ดิชั้นได้เอาทะเบียนสมรสจากทางนิวยอร์กตัวจริงไปให้สำนักงานแปลแปลเป็นภาษาไทยและมีลงตราประทับรับรองว่าได้แปลจากสถานที่แปลที่ได้รับการรับรองจากรัฐด้วย เมื่อไปถึงที่อำเภอดิชั้นได้บอกไปว่าอยากจะมาแจ้งว่าดิชั้นแต่งงานแล้วและอยากจะขอเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลของสามี เพื่อที่จะนำไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ ดิชั้นให้เอกสารที่แปลเป็นไทยแล้วและทะเบียนสมรสตัวจริงด้วย แต่ทางอำเภอบอกว่าทำให้ไม่ได้ เพราะเอกสารที่แปลนั้นจะต้องมาจากกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น....แป่ว คือดิชั้นไม่รู้ตาสีตาสาอะไรเลยค่ะ ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร เริ่มยังไงก็เลยทำตามเท่าที่คิดได้ มาเจอกระทุ้นี้แล้วดีใจมากๆค่ะ สรุป ตอนนี้ดิชั้นยังมีพาสปอร์ตเล่มเก่าอยู่ มีชืื่อที่เปลี่ยนแล้วอย่างที่บอกข้างต้น และจะหมดอายุปี 2011 นี้ค่ะ ดิชั้นมีคำถามค่ะ ถามคุณ จขกท และผู้มีประสบการณ์ทุกท่านค่ะ 1. ทำไมต้องใช้ Certified Marriage Certificate ด้วยคะ ใช้ทะเบียนสมรสตัวจริงไม่ได้หรือคะ 2. เรื่องของการจ้างสำนักงานแปลของอเมริกาค่ะ เมื่อแปลเสร็จแล้วนำไปให้ทางกงศุลช่วยรับรองให้ นี่ถ้าทำแบบนี้แล้วทางอำเภอดิชั้นยังยืนยันว่าจะต้องมาจากกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น ดิชั้นจะเถียงเค้ายังไงดีเนี่ย แต่คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น 3. สมมติว่าเอกสารจากทางอเมริกาทุกอย่างได้มาเรียบร้อย ทางอำเภอเค้าจะลงบันทึกไว้ว่าดิชั้นแต่งงานแล้วและเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของสามี จากนั้นจะทำบัตรประชาชนอันใหม่ให้ ดิชั้นเข้าใจถูกต้องมั้ยคะ 4. ถ้าดิชั้นนำคุณสามีไปด้วย คุณสามีเป็นประโยชน์อย่างไรบ้างคะ ทำให้เรื่องทั้งหมดง่ายขึ้นหรือไม่ 5. มีขั้นตอนไหนมั้ยคะที่เค้าจะถามถึง status ของดิชั้นว่าอยู่ status ไหนที่อเมริกา ทางอำเภอจะต้องบันทึกอะไรตรงนี้มั้ยคะ ดิชั้นเป็น citizen แล้วไม่ได้กลัวว่าจะอะไรแค่อยากรู้เท่านั้นค่ะ 6. ดิชั้นจะสามารถใช้ 3 ชื่อในบัตรประชาชนได้หรือไม่คะ (ชื่อแรก ชื่อกลาง นามสกุลสามี) ซึ่งตอนนี้ในพาสปอร์ตเล่มเก่าซึ่งได้โดนต่ออายุได้เปลี่ยนชื่อเป็น 3 ช่ือแบบนั้นอยู่ค่ะ ดิชั้นพลาดขั้นตอนใดไปบ้างโปรดชี้แนะด้วยนะคะ กำลังคิดว่าจะเริ่มทำทุกอย่างตอนนี้ดีมั้ย หรือว่าจะรอให้ถึงสิ้นปีแล้วพาคุณสามีไปที่เมืองไทยด้วยค่ะ เดี๋ยวจะรอคำตอบนะคะ จากคุณ : ยายสียายสา (หญิงป้า) - [ 16 มี.ค. 52 02:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ : ยายสียายสา (หญิงป้า) ผมขอตอบข้อหนึ่งกับสอง 1. เข้าใจว่าคุณคงหมายถึง Certified Copy of Marriage Certificate ใช้ตัวจริงได้แน่นอน ว่าแต่คุณจะให้เขาเก็บไว้หรือไม่ ถ้าให้ก็ไม่ต้องห่วง 2. แปลแล้ว กงศุลรับรองแล้ว น่าจะได้ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับ ลองคุยกับหัวหน้าสำนักงาน ถ้ายังไม่ได้ผล ก็มาขอเงินค่ารับรองเอกสารจากกงศุลคืน แล้วกลับไปทำใหม่ตามที่เจ้าหน้าที่ประสงค์! จากคุณ : อิสวาสุ - [ 16 มี.ค. 52 03:05:38 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถ้าเราไปเมืองไทยแล้วเราไปแจ้งเปลี่ยนนามสกุลเฉยๆได้ไหมคะ เช่นสมมติว่า นางสกุลเดิม คือ ผักบุ้ง เงี๊ยะ เรา เดินดุ่มไปอำเภอแล้วไปแจ้งเปลี่ยนเอง จาก ผักบุ้ง เป็น Timberlake เงี๊ยะ เจ้าหน้าที่เค้าจะว่าอะไรไหมคะ แบบ ก็อยากเปลี่ยนอ่ะ มีปัญหาไหม ... มันจะพอไหวไหมคะ จากคุณ : Valentino - [ 16 มี.ค. 52 03:50:55 A:66.91.85.245 X: TicketID:207919 ]

ความคิดเห็นที่ 47 FYI: เอกสารประกอบการขอเปลี่ยนนามสกุล ที่สำนักงานเขต                               <ข้อมูลจากศูนย์กลางบริการภาครัฐ> เอกสารประกอบการดำเนินการ ดังนี้   1. สำเนาทะเบียนบ้าน   2. บัตรประจำตัวประชาชน 3. ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (กรณีบุคคลต่างด้าว)                                              ขั้นตอนการติดต่อ *กรอกแบบฟอร์ม คำขอเกี่ยวกับทะเบียนชื่อบุคคล (แบบ ช.1) * ผู้ขอยื่นคำขอตามแบบ ช.1 ต่อนายทะเบียนท้องที่ที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน * นายทะเบียนท้องที่ตรวจสอบคำขอและชื่อสกุลที่ขอเปลี่ยนให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ กรณีบุคคลต่างด้าว นายทะเบียนท้องที่พิจารณาออกหนังสือรับรองการขอจดทะเบียนชื่อสกุลของคนต่างด้าวให้เพื่อประกอบหลักฐานการขอแปลงสัญชาติ หรือคืนสัญชาติเป็นไทย * นายทะเบียนท้องที่ส่งเรื่องราวการขอจดทะเบียนชื่อสกุลไปตามลำดับจนถึงนายทะเบียนกลาง * นายทะเบียนกลางพิจารณาแล้วแจ้งผลกลับไปจังหวัด เพื่อแจ้งนายทะเบียนท้องที่แจ้งให้ผู้ขอทราบ * กรณีที่นายทะเบียนกลางอนุมัติ นายทะเบียนท้องที่จะออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนชื่อสกุล (แบบ ช.2) ให้เป็นหลักฐานและเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 50 บาท * เมื่อได้รับหนังสือสำคัญแล้ว ให้ผู้ขอนำหนังสือสำคัญดังกล่าวไปขอแก้ไขรายการในทะเบียนบ้าน และหลักฐานอื่น ๆ ให้ถูกต้อง และขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน คำขอเกี่ยวกับทะเบียนชื่อบุคคล (แบบ ช.๑) http://www.dopa.go.th/formreg/ch1.htm <ที่มา  สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง> Link--->  http://www.ecitizen.go.th/view.php?SystemModuleKey=peoplesdata&id=313 #44 กระทู้เก่าในคลัง เดือนตุลาคม ๒๕๕๐ H5915279 http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2007/10/H5915279/H5915279.html จากคุณ : กริชนาคราช - [ 16 มี.ค. 52 05:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาต จขกท. ตอบคุณหญิงป้านะคะ Q: ทำไมต้องใช้ Certified Marriage Certificate ด้วยคะ ใช้ทะเบียนสมรสตัวจริงไม่ได้หรือคะ A: เพราะว่าในอเมริกานั้นเวลายื่นเอกสารนั้นเขาจะไม่ใช้ตัวจริงนะคะ (ตัวจริงคุณจะต้องเก็บไว้) แต่ถ้าจะสำเนาคุณจะทำเองไม่ได้ คุณจะต้องให้หน่วยงานที่มี authorized เป็นคนทำสำเนาให้คุณ เช่น Marriage Certificate ถ้าคุณจะต้องใช้สำเนาคุณจะต้องติดต่อกลับไปที่ city/county ที่คุณจดทะเบียนสมรสให้เขา certified copy of marriage certificate ของคุณ...แต่ในกรณีของการเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลของสามีนั้น สำหรับคนที่อยู่อเมริกาทางสถานทูต/สถานกงสุลไทย (จริงๆ ก็คงหมายถึงกระทรวงต่างประเทศนั่นแหละค่ะ) กำหนดว่า คุณจะต้องไปให้ Secretary of State (ของรัฐที่คุณอยู่) certified ทะเบียนสมรสของคุณเท่านั้น (notary public ที่ไหนก็ทำไม่ได้)...เมื่อ certified มาแล้วคุณก็ไปแปลเป็นไทยโดยคุณจะต้องแนบสำเนาที่ certified นั้นไปกับเรื่องด้วยตลอด...สถานกงสุลจึงจะรับรองเอกสารให้คุณนะคะ... ซึ่งหากทางฝ่ายทะเบียนราษฎร์ของไทยจะเก็บเอกสารการสมรสฉบับภาษาอังกฤษไว้เป็นหลักฐานคุณก็ให้ฉบับ certified ไป "ต้นฉบับจริง" (original) คุณจะต้องเก็บไว้กับคุณนะคะ (เพราะถ้าคุณไปขอใหม่คุณก็จะได้ certified copy เท่านั้น) Q:  เรื่องของการจ้างสำนักงานแปลของอเมริกาค่ะ เมื่อแปลเสร็จแล้วนำไปให้ทางกงศุลช่วยรับรองให้ นี่ถ้าทำแบบนี้แล้วทางอำเภอดิชั้นยังยืนยันว่าจะต้องมาจากกระทรวงการต่าง ประเทศเท่านั้น ดิชั้นจะเถียงเค้ายังไงดีเนี่ย แต่คิดว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น A: สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ สังกัด "กระทรวงต่างประเทศ" นะคะ เอกสารใดๆ ที่สถานกงสุลไทยรับรองก็คือการได้รับรองจากกระทรวงต่างประเทศนั่นเองค่ะ Q: สมมติว่าเอกสารจากทางอเมริกาทุกอย่างได้มาเรียบร้อย ทางอำเภอเค้าจะลงบันทึกไว้ว่าดิชั้นแต่งงานแล้วและเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของ สามี จากนั้นจะทำบัตรประชาชนอันใหม่ให้ ดิชั้นเข้าใจถูกต้องมั้ยคะ A: ถูกต้องค่ะ ทางงานทะเบียนราษฎร์จะลงบันทึกว่าคุณแต่งงานแล้ว ถ้าคุณจะเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลของสามี คุณก็ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนนามสกุลและยื่นคำร้องขอทำบัตรประชาชนใหม่ Q: ถ้าดิชั้นนำคุณสามีไปด้วย คุณสามีเป็นประโยชน์อย่างไรบ้างคะ ทำให้เรื่องทั้งหมดง่ายขึ้นหรือไม่ A: ประโยชน์ของการนำสามีไปด้วยคือ ไม่ต้องเขียนจดหมายให้ยุ่งยากค่ะ ถ้าสามีของคุณไปไทยด้วยและไปเดินเรื่องด้วยกัน ก็เท่ากับเป็นการยืนยันว่าคุณและเขาแต่งงานกันจริงๆ แต่ถ้าสามีไม่ได้ไปด้วยก็จะต้องทำหนังสือรับรองสถานภาพว่าเป็นสามีภรรยากันจริงๆ... Q: มีขั้นตอนไหนมั้ยคะที่เค้าจะถามถึง status ของดิชั้นว่าอยู่ status ไหนที่อเมริกา ทางอำเภอจะต้องบันทึกอะไรตรงนี้มั้ยคะ ดิชั้นเป็น citizen แล้วไม่ได้กลัวว่าจะอะไรแค่อยากรู้เท่านั้นค่ะ A: ข้อนี้ไม่ทราบนะคะ ขึ้นอยู่กับ จนท. นะคะ (ไม่กล้าบอกว่าขึ้นอยู่กับความอยากรู้อยากเห็นของ จนท....ตัวอย่างอ่านได้จากเรื่องของน้องโจเลข้างบน) Q: ดิชั้นจะสามารถใช้ 3 ชื่อในบัตรประชาชนได้หรือไม่คะ (ชื่อแรก ชื่อกลาง นามสกุลสามี) ซึ่งตอนนี้ในพาสปอร์ตเล่มเก่าซึ่งได้โดนต่ออายุได้เปลี่ยนชื่อเป็น 3 ช่ือแบบนั้นอยู่ค่ะ A: คนไทยไม่ใช้ชื่อกลาง แต่คุณอาจจะกรอกชื่อกลางและชื่อสกุลด้วยกันก็ได้นะคะ (ลองถาม จนท. ดูนะคะ) **ปรับหน้านิดหน่อยให้อ่านรู้เรื่องค่ะ ไม่ได้แก้ไขข้อความ** แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 52 07:39:27 จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 16 มี.ค. 52 07:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ระบบราชการของเรา มีช่องให้อลุ้มอล่วยได้ โดยเปิดช่องความสะดวกได้ หากมีข้าราชการระดับนึงมารับรองให้ หรือหากมีผู้ใหญ่ในหน่วยงานนั้น ๆ เปิดทางให้ อะไรที่ยาก ๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะ จากคุณ : คนชายเขา (คนชายเขา) - [ 16 มี.ค. 52 14:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กำลังเครียดเลย พอดีเข้ามาอ่านกระทู้นี้เลยทำให้อยากทราบว่า ในกรณีของดิฉันเนี่ย พาสฯหมดอายุวันที่11เดือนพ.คนี้แล้ว และต้องต่อพาสฯเล่มไหม่ โดยที่เอกสารทั้งหมดมีครบแล้ว ทั้งทะเบียนสมรสที่แปลเป็นไทย.. วันที่23มี.คนี้จะเดินทางไปสถานทูตไทยที่เมืองเบอร์ลิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่แสตมป์รับรองเอกสาร แต่.ปัญหาของดิฉันมันมีอยู่ว่า ดิฉันไม่สามาถกลับเมืองไทยได้ อีกอย่างเวลาก็มีไม่มาก กรณีแบบนี้ ถ้าเอกสารเรามีครบ เราสามารถส่งเรืองให้ญาติเราที่เมืองไทยทำให้เราได้มั๊ยคะ และส่งเอกสารกลับคืนมาแล้วเรามาทำเรื่องต่อพาสฯที่นี่ เราผิดเองที่ดันไปจำเดือนผิดคิดว่าพาสฯหมดอายุเดือนมิ.ย พอไปดูจริงๆหมดอายุเดือนพ.ค 2009 ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเอกสารทุกอย่างทำครบแล้ว เพิ่งเดินทางกลับเมืองไทยเมื่อเดือนตุลาปลายปีที่ผ่านมานี่เอง แต่ชะล่าใจ ไม่ยอมไปทำคิดว่าเหลืออีกตั้งหลายเดือน ตอนนี้เครียดเลย โทรไปที่สถานทูตก็ไม่มีคนรับสาย เราแค่อยากรู้ว่าในกรณีแบบนี้ เราสามารถให้คนทางเมืองไทยดำเนินเรื่องให้เราได้มั๊ยคะ ขออภัยด้วยนะคะ ดิฉันอาจจะอธิบายไม่เก่ง แต่อยากขอคำตอบน่ะค่ะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ ที่มาให้ความรู้ จากคุณ : น้ำฝน - [ 16 มี.ค. 52 18:07:30 A:89.246.208.4 X: TicketID:122234 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาขอบคุณกริชนาคราช น้องสาวที่น่ารักอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานนับสิบปี ค่ะ สำหรับโคลงที่แสนไพเราะ ค่ะ..เวลาผ่านไป..อายุมากขึ้น..ไม่มีอะไรแล้วที่จะเป็นสุดปรารถนาเท่ากับเวลาที่จะได้พักผ่อนอย่างสงบสุข..ใช้ชีวิตสมถะท่ามกลางวิถีของธรรมชาติของบ้านเรา ............................................................... เอางี้..ของตอบของคุณน้ำฝนก่อนนะคะ  ที่ว่า "ในกรณีของดิฉันเนี่ย พาสฯหมดอายุวันที่11เดือนพ.คนี้แล้ว" ไม่ทราบว่า พาสปอร์ตเคยต่ออายุมาครั้งหนึ่งก่อนนี้หรือเปล่าคะ.. ถ้ายัง..ก็ยังสามารถต่อได้อีกครั้ง ก่อนที่จะทำเล่มใหม่ หมายถึงยังมีเวลาน่ะค่ะ (รอผู้รู้คนอื่นมายืนยันอีกที) "โดยที่เอกสารทั้งหมดมีครบแล้ว ทั้งทะเบียนสมรสที่แปลเป็นไทย.. วันที่23มี.คนี้จะเดินทางไปสถานทูตไทยที่เมืองเบอร์ลิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่แสตมป์รับรองเอกสารแต่.ปัญหาของดิฉันมันมีอยู่ว่า ดิฉันไม่สามาถกลับเมืองไทยได้" ตอบ..ถ้าต้องทำใหม่..เอกสารมีพร้อม สถานทูตรับรองพร้อมคำแปลเรียบร้อย..และคุณไปเมืองไทยไม่ได้ ก็ต้องทำใบมอบอำนาจค่ะ ทำที่สถานทูตนั่นแหละ โดยกรอกแบบฟอร์มที่ทางสถานทูตจัดให้ คุณต้องมี ชื่อ ที่อยู่ ตามทะเบียนบ้าน และหมายเลขของบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้ที่จะนับมอบอำนาจจากคุณ กรอกข้อความให้เรียบร้อย พร้อมกับเสียค่าธรรมเนียมให้กับฝ่ายนิติกร ทางสถานทูตก็จะประทับตรารับรองว่าเป็นเอกสารมอบอำนาจนั้นถูกต้อง คุณก็ส่งเอกสารของคุณ และใบมอบอำนาจนั้นไปให้กับผู้ที่ได้รับมอบอำนาจให้นำไปดำเนินการเปลี่ยนนามสกุลให้คุณในทะเบียนบ้านที่เขต เมื่อผุ้ที่ได้รับมอบอำนาจได้ทำการเปลี่ยนนามสกุลของคุณในทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องส่งเอกสารทั้งหมดคืนมาให้คุณ พร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้าน ที่เพิ่งไปทำมา (ให้อำเภอรับรองสำเนาด้วย หรือจะส่งตัวจริงมาเลยก็ได้) คุณก็นำเอกสารทั้งหมดนั่นกลับไปที่สถานทูตเพื่อขอทำพาสปอร์ตใหม่ได้ค่ะ หมายถึงว่า..ทางสถานทูตเขาก็ส่งเอกสารทั้งหมดกลับไปเมืองไทยเพื่อทำพาสปอร์ตใหม่ให้คุณน่ะค่ะ แต่พอถึงขั้นตอนนั้นก็วางใจได้ เพราะเอกสารทุกอย่างถูกต้องหมดแล้ว อาจต้องเสียเวลามากมายสักหน่อย แต่ถ้าคุณไม่รีบก็คงไม่เป็นไร สิ่งเดียวที่น่าเป็นห่วงในกรณีนี้คือ คุณต้องไว้ใจผู้ที่รับมอบอำนาจจากคุณไปจริงๆว่าเป็นคนรอบคอบ ไว้ใจได้ ไม่เฟอะฟะ หรือ เลินเล่อทำเอกสารหาย เพราะ ทุกชิ้นสำคัญมากค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 52 20:40:45 จากคุณ : WIWANDA - [ 16 มี.ค. 52 20:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณจากใจจริงค่ะ คุณอิสวาสุ และคุณ BMW (อยากให้ give คุณอิสวาสุด้วย) ตอนนี้แจ่มขึ้นมากเลยค่ะ เดี๋ยวเดือนหน้านี้ดิชั้นจะเริ่มไปทำตามขั้นตอนที่คุณแนะนำมาค่ะ ดิชั้นทำ research นิดหน่อยพอดีเข้าไปที่เวบกงศุลใหญ่นิวยอร์กมีบริการแปลเอกสารด้วยค่ะ $15 ซึ่งคิดว่าไม่แพงเลยค่ะ ขอแปะลิงค์ให้แก่เพื่อนๆที่ต้องการใช้บริการของที่กงศุลนิวยอร์กนะคะ http://www.thaiconsulnewyork.com/others.html ปล.สถานกงสุลใหญ่ ฯ มีเขตพื้นที่ให้บริการครอบคลุม 10 รัฐ ได้แก่ 1.New York  2.Maine  3.New Hampshire  4.New Jersey  5.Massachusetts 6.Ohio  7.Pennsylvania  8.Rhode Island  9.Vermont  10.Connecticut ปล.2 เพื่อนๆพี่ๆน้องๆห้องนี้มีคำตอบที่เป็นประโยชน์เสมอและไม่หวงวิชา ขอให้ทุกๆท่านประสบแต่ความสุขในชีวิตค่ะ :D จากคุณ : หญิงป้า - [ 16 มี.ค. 52 20:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอบคุณ Valentino - ที่ถามว่า ถ้าเราไปเมืองไทยแล้วเราไปแจ้งเปลี่ยนนามสกุลเฉยๆได้ไหมคะ เช่น สมมติว่า นางสกุลเดิม คือ ผักบุ้ง เงี๊ยะ เรา เดินดุ่มไปอำเภอแล้วไปแจ้งเปลี่ยนเอง จาก ผักบุ้ง เป็น Timberlake เงี๊ยะ เจ้าหน้าที่เค้าจะว่าอะไรไหมคะ แบบ ก็อยากเปลี่ยนอ่ะ มีปัญหาไหม ... มันจะพอไหวไหมคะ ................................................................................................ เห็นทีจะยากค่ะ เพราะอำเภอจะต้องถามเหตุผลของคุณว่าจะเปลี่ยนเพื่ออะไร จากนามสกุลผักบุ้ง จะเปลี่ยนเป็นหยดย้อยวิลิศมาหรา ด้วยเหตุผลว่าหมอดูแนะนำ ก็อาจจะได้ แต่เขาจะต้องขอเช๊คข้อมูลว่า ไม่ไปตรงกับใคร ซึ่งใช้เวลาหลายวัน..ถ้าไปพ้องกับใคร เจ้าของนามสกุลดั้งเดิมต้องให้การยินยอมให้ร่วมสกุล แต่ถ้าจะเปลี่ยนเป็นนามสกุลฝรั่ง หรือชาติอื่นโดยไม่มีเหตุผลนี่..คงยากค่ะ เพราะเขาระแวงระไวอยู่แล้่ว จากคุณ : WIWANDA - [ 16 มี.ค. 52 20:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอบรวดเร็วทันใจดีเหลือเกิน ขอขอบคุณมากๆเลยนะคะคุณ wiwanda พาสฯของดิฉันต่อสองครั้งแล้วค่ะ และครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ต้องเปลี่ยนนามสกุลตามสามีก่อนเขาถึงจะต่อพาสฯเล่มไหม่ให้ ถ้าในกรณีที่ไม่ต้องกลับเมืองไทย และสามารถให้คนทางเมืองไทยดำเนิน เรื่องให้ได้ เท่านี้ก็ค่อยคลายความเครียดลงได้เยอะเลยค่ะ ซึ้งน้ำใจคุณมากๆเลยนะคะที่ช่วยตอบกระทู้ให้ ไม่มีอะไรจะให้มากไปกว่าคำ ว่า ขอบคุณมากๆและมากที่สุดค่ะ ขอให้ครอบครัวคุณ wiwanda มีแต่ความ สุข ความเจริญนะคะ ... จากคุณ : น้ำฝน - [ 17 มี.ค. 52 01:25:23 A:89.246.212.85 X: TicketID:122234 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีค่ะพี่หวาน อิอิ หุยเองค่ะ คนที่ปู้ยี้ปู้ยำหนังสือพี่น่ะคะ เพิ่งจะหัดโพส นึกขึ้นได้ว่าพี่อยู่ห้องไกลบ้าน เลยเดินดุ่มๆ มาทักทายค่ะ จากคุณ : หุยฮา (โกหุย) - [ 17 มี.ค. 52 11:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เนื่องจากเพิ่งไปทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลมา ขอตอบ ยายสียายสา (หญิงป้า) ค่ะ Q: ดิชั้นจะสามารถใช้ 3 ชื่อในบัตรประชาชนได้หรือไม่คะ (ชื่อแรก ชื่อกลาง นามสกุลสามี) ซึ่งตอนนี้ในพาสปอร์ตเล่มเก่าซึ่งได้โดนต่ออายุได้เปลี่ยนชื่อเป็น 3 ช่ือแบบนั้นอยู่ค่ะ A: ตอนที่ดิฉันจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศ ดิฉันก็ใช้นามสกุลเดิมเป็นชื่อ กลางและต่อด้วยนามสกุลสามี และเอกสารที่แปลทุกอย่างก็แปลตามนี้ ทั้งกระทรวงต่างประเทศไทยก็รับรองด้วย แต่พอไปถึงอำเภอที่เราอยู่ ปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ แจ้งว่า ตาม พรบ.ว่าด้วยนามสกุล ไม่สามารถใช้ นามสกุล 2 นามสกุล ซ้อนกันได้ ต้องใช้อันใดอันหนึ่ง เราก็กลัวว่า จะมีปัญหา เลยใช้นามสกุลสามี กลายเป็นว่า บัตรประชาชน มีชื่อเรา และนามสกุลสามี ซึ่งเราได้คุยกับปลัดอำเภอคนที่เซ็นเอกสาร ว่ากลัวจะมีปัญหาเวลาทำ พาสปอร์ต ซึ่งทางปลัดอำเภอแจ้งว่า ถ้าหากเป็นหน่วยงานของเมืองไทย เค้าจะทราบถึง พรบ.นามสกุลดี และไม่มีปัญหา จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน - [ 17 มี.ค. 52 16:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สงสัย คหที่ 56 ค่ะ ดิฉันก็ใช้ชื่อกลาง เป็นนามสกุลตัวเองค่ะ แล้วถ้าไปอำเภอ จนท.ให้เลือก แต่ดิฉันเลือกจะใช้นามสกุลเดิมล่ะค่ะ จะเกิดอะไรขึ้น เพราะในพาสปอร์ตของประเทศที่ดิฉันอยู่นี้ ก็เป็นนามสกุลดิฉันน่ะค่ะ แต่ก็มีพ่วงท้ายนามสกุลเป็นหมายเหตุว่าแต่งงานกับคนนามสกุลนี้ บัตรประชาชนดิฉันหมดอายุ เวลาไปต่อ แล้วดิฉันยังขอเป็นนางสาวได้ไหมคะ คือไม่ต้องบอกเขาว่าแต่งแล้ว หรือบอกว่าอยู่ด้วยกันเฉยๆไม่จดทะเบียน พอไปขอพาสปอร์ตเล่มใหม่ ดิฉันก็ไม่จำเป็นต้องแจ้งว่าแต่งงานแล้วน่ะค่ะ จากคุณ : ZOMG - [ 22 มี.ค. 52 04:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เข้ามาโหวตอีกรอบค่ะ ^^ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 22 มี.ค. 52 09:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามาชื่นชม จขกท คะ .. สังเกตได้อย่างหนึ่ง.. ตอน จขกท แต่งงานนั้น ...ดิฉันยังไม่เกิดเลยคะ .. หุหุหุ จากคุณ : แช มัน ฮวา - [ 22 มี.ค. 52 11:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากๆ นะคะ เข้ามาเก็บข้อมูล เพื่อเดินเรื่องเปลี่ยนนามสกุลปลายปีนี้คะ ---- มีข้อสงสัยหนึ่งอย่างคือ ด้วยว่าอ่านมาหลายที่ คือมีคุณแม่บ้านบางท่านที่ไปเปลี่ยนมา บอกว่าเอกสารที่ประทับตรารับรองจากสถานทูตทางนี้แล้ว ยังต้องนำไปรับรองอีกครั้งที่หลักสี่ แต่บางท่านบอกว่าไม่ต้อง เลยทำให้ไม่ค่อยมั่นใจนะคะ จากคุณ : marinesnow - [ วันจักรี 17:58:20 ]