สืบเนื่องจากกระทู้นี้ค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H7637381/H7637381.html
โอ้โฮ ย้อนกลับมาดูกระทู้นี้อีกครั้ง ทำไมมีคนเรียกร้องได้มากมายขนาดนี้
เห็นแล้วต๊กกะจาย เพราะคุณยายพนอจันมาเป็นคนนำเสนอแน่เลย ขอบคุณค่ะ
ครั้งล่าสุด คุณยายได้ทานลูกมะยงชิดด้วย 
งั้นไม่เป็นความลับแล้วดีกว่า เฉลยบอกซะหน้านี้ไปเร้ย
หลังไมค์ก็เยอะ กระทู้นี้ก็เยอะ
เปิดเผยค่ะ เปิดเผย

เฉพาะเรื่องมังคุดทำแบบความเห็นที่ 20 คุณ Hergestได้เลยค่ะ
เพราะมังคุดเปลือกมันแข็งแรงมากกว่ามะม่วงสุก
มังคุดจะโดนโยนมาทั้งกระเป๋าจากสนามบินสุวรรณภูมิกว่าจะมาถึงสนามบินปลายทาง
จะกี่ครั้งก็แล้วแต่ ข้างนอกแทบจะไม่บุบเลย
แต่ถึงอย่างไรพวกเราก็ได้กินส่วนที่เป็นสีขาวอยู่แล้ว
ฉะนั้นยังได้รูปร่างสวยอยู่ไม่บอบช้ำเท่ามะม่วงสุก
อีกอย่างคุณสามารถเอามังคุดใส่ไว้หลายๆที่ได้ อย่ารวมอยู่ในที่เดียวกัน
เพราะถ้าโดนสุ่มกระเป๋า อาจจะไม่โดนทั้งหมดรถเข็น
ถ้าคุณสะพายกระเป๋าสตางค์รูปร่างใหญ่หน่อยก็ได้เปรียบ
เพราะเจ้าหน้าที่รู้ว่านี่คือทรัพย์ส่วนตัว ภายในมีเงิน
เขาไม่ละลาบละล้วงหรอกค่ะ
รวมด้วยหากคุณมีกระเป๋าใส่คอมพ์โน๊ตบุ๊ค ก็ซ่อนได้อีก
เพราะยังไงโน๊ตบุ๊คของคุณต้องถือขึ้นเครื่องอยู่แล้วใช่รึเปล่าคะ
====================================
มาที่มะม่วงสุก ซึ่งเป็นเนื้อหาของกระทู้กันบ้าง
มะม่วงสุกหลายคนคงทราบดีว่า ถ้าเรานำใส่กระเป๋าและโหลดใต้ท้องเครื่องมา
มะม่วงสุกอยู่ในกระเป๋า มันจะอบ ยิ่งหน้าร้อนยิ่งบอบช้ำง่ายขึ้นไปอีก
ความที่ป้าซิ่งไปเมืองไทยบ่อยๆ ขนผลไม้ไทยมาประจำ
เลยพบปัญหาด้วยตัวเอง ก็เลยหาวิธีนี้ค่ะ
ถุง Duty Free ไง เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นหรือประเทศไหนก็แล้วแต่ทุกประเทศแหละ ไม่เคยตรวจเลย
ถ้าใครออกจากญี่ปุ่น ซื้อของในดิวตี้ฟรี แล้วได้ถุงมาด้วยก็เก็บไว้
(ดั่งตัวอย่างในรูป) เพราะถุงดิวตี้ฟรีของญี่ปุ่นเป็นสีขาวทึบมองไม่เห็น
คุณเก็บถุงนี้ไว้ตอนขากลับเข้าญี่ปุ่น และใส่มะม่วงสุกที่แพ็คด้วยกระดาษซักแผ่นก็โอเคแล้ว มะม่วงสุกซัก 6 ลูกต่อถุงดิวตี้ฟรีก็พอแล้วค่ะ
เพราะส่วนที่อยู่ข้างบนมะม่วง ก็ควรจะเป็นอะไรที่เบาๆหน่อย
อย่าเยอะมาก เดี๋ยวถุงแตก หูหิ้วขาดล่ะแย่เลย
เพราะเราจะนำตรงส่วนหูหิ้วแขวนไว้ที่ด้านซ้ายหรือด้านขวาของรถเข็นก็ได้แล้วแต่ค่ะ
เวลาผ่านเจ้าหน้าที่ก็ใช้ความคิดหน่อยว่า เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจอยู่ด้านไหน
ตอนเราเข็นรถไป เอาถุงดิวตี้ฟรีที่ใส่มะม่วงสุกไว้อีกข้างของรถเข็นแล้วกัน
ที่ไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าหน้าที่นั่นแหละค่ะ
*มะม่วงดิบ ใช้วิธีเดียวกับมังคุด แต่ควรห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
เพราะมันจะมียางเหนียวออกมา
อยากได้ผลไม้อะไร เอาใส่กระเป๋าเดินทางที่มีล้อเลื่อนจุได้ 30 Kg.ไว้
กระเป๋าหิ้วธรรมดาส่วนใหญ่เจอะขอตรวจก่อนเลย
เลยไม่อยากแนะนำให้ใส่ผลไม้ในกระเป๋าหิ้ว หรือ ลัง ค่ะ
สำหรับถุง Duty Free ของ King Power จากสนามบินสุวรรณภูมิ
จะเป็นถุงใสๆ มองเห็นของได้ภายใน
มะม่วงสุกแต่ละลูกให้ห่อด้วยกระดาษอะไรก็ได้ซักแผ่นก็พอแล้ว
จากนั้นนำมะม่วงที่ห่อแล้วเสร็จใส่ถุงกระดาษสีเรียบๆ อีกชั้น
เสร็จแล้วนำใส่ลงไปในถุงดิวตี้ฟรีได้เลยค่ะ
ด้านบนถัดจากมะม่วงก็ใส่เสื้อคลุมหรือ ผ้าขนหนูก็ได้ หรือของเบาๆ
อาจจะเป็นหนังสือพิมพ์ที่ได้จากบนเครื่องบินกางปกคลุมมาก็ได้
สะดวกหาไม่ยากมีอยู่บนเครื่องบินอยู่แล้วนะคะ
สิ่งสำคัญใครมีลูกและสามีญี่ปุ่นเดินทางไปด้วยแล้ว ยิ่งสบาย
เพราะผ่านตลอด ไม่มีปัญหาการสุ่มตรวจอยู่แล้ว
อย่างไรเสีย ถ้าโดนจับได้ มีผลแค่นำไปทิ้งถังขยะของสนามบินเท่านั้นเอง
เสี่ยงเป็น เสี่ยงกันค่ะ 
ยอมหน้าแตก ดังเพล๊ง...ง
แค่นั้น ...นิ๊ดเดียวเอง เด๋ว... ก็หาย ฮือๆๆ
แก้ไข เพราะคำกระโดดและสะกดผิดค่ะ
แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 20:59:03
แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 19:14:22
แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 19:07:58