ความคิดเห็นที่ 1 You should contact the lawyer na kha. Where about in England do you live? จากคุณ : หมูหนาว - [ 24 เม.ย. 52 19:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Maybe you have to contact Thai embassy in UK na ka จากคุณ : JayJ@y (proficiat) - [ 24 เม.ย. 52 19:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยังรอคุณ จขกท เข้ามาเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ เผื่อเพื่อนสมาชิกที่เข้ามาอ่านมีประสบการณ์หรือคนรู้จักใกล้เคียงจะได้ช่วยกันคิด ระหว่างนี้ก็คุยกับสามีดีๆไปก่อนนะคะ บอกเขาว่าเราผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปไหนได้ ยังไงก็ขอพักอยู่อีกสักระยะหาหนทางก่อน ช่วงนี้ก็หลีกเลี่ยงอย่ามีปากเสียงกับเขาอีกแล้วกัน ทำใจให้หนักเเน่นเข้าไว้ค่ะจะได้มีสติคิดเเก้ไขปัญหา ติดต่อสถานฑูตไทยไว้ก่อนก็ดี ขอให้เรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดีนะคะ คุณพระรักษาค่ะ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 24 เม.ย. 52 20:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับ อันที่จริง ผมก็ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกฏหมายอะไรหรอกนะครับ แต่ ขอให้คุณอดทนไว้  อย่าออกจากบ้าน อย่าขนข้าวของออกจากบ้าน ถ้าเขาไม่ให้เข้าบ้าน หรือ เปลี่ยนกุญแจ ให้แจ้งตำรวจเลย เรื่องวีซ่า เขาไม่ได้เป็นผู้อนุมัติวีซ่าให้คุณ เขาจึงไม่ใช่ผู้กำหนดว่าจะต่อ หรือไม่ต่อวีซ่าให้คุณ แต่ตอนที่ไปต่อวีซ่า เขาอาจจะต้องไปด้วย ในฐานะคู่สมรส ซึ่งถ้าเขาไม่ไปให้ ก็อาจจะมีปัญหา แต่เราลองไปก่อน แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตามจริง ให้เขาช่วยเหลือ หรือตอนนี้ ลองหาทางหนีทีไล่ก่อน ปรึกษาเพื่อนคนไทย หรือเจ้าหน้าที่ไทยก่อน แต่ขอย้ำ  ว่าอย่าเก็บข้าวของออกจากบ้านเด็ดขาด ถ้าเขาจะหย่า หรือ จะเลิกลากัน ก็ให้ทำตามกฏหมาย เขาอาจจะไม่หย่า หากต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณเดือนละหลายตัง บางทีเขาเห็นว่า ไล่ออกไป กลับเมืองไทย ไป ก็จบ   ถ้าเรายอม มันก็จบ ปัญหาอาจจะมีตามมาอีก เช่น หากคุณต้องการแต่งงานใหม่ จะยุ่งยาก หากไม่ได้หย่า แต่แค่แยกกันอยู่ ต้องบินกลับมาหย่าอีก เสียเงิน เสียเวลา ดังนั้น   - ตอนนี้อย่าเพิ่งออกจากบ้าน - ปรึกษาเจ้าหน้าที่คนไทย หรือ นักกฏหมาย ที่ปรึกษา - ให้กฏหมายจัดการทุกอย่าง ถ้าเขาอยากจะหย่า เขาต้องมีเหตุผล - ถ้าไม่รักกันแล้ว หย่า คือขั้นตอนต่อไป แต่ให้ทำตามกฏหมาย อย่าออกมาเฉย ๆ - ถ้าแน่ใจว่าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร อันเป็นเหตุให้หย่า  อย่าลืม ค่าเลี้ยงดู อย่าคิดว่า ฉันไม่อยากได้เงินเขาหรอก  หรือทำนองนี้ จากคุณ : นายบราวน์ - [ 24 เม.ย. 52 20:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็เคยโดนแฟนไล่ออกจากบ้าน ผมก็ดื้อไม่ออก ไม่ไป พอผมออกไปธุระนอกบ้าน แฟนผมเปลี่ยนกุญแจบ้านเลย จะไม่ให้ผมเข้าบ้านได้ ผมโทรหาตำรวจเลย ตำรวจมาเคลียร์ ว่าแฟนไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ก็ต้องยอมให้ผมเข้าบ้าน ส่วนจะทำอย่างไร ก็ค่อยว่ากันไป แล้วผมก็ไปปรึกษาเจ้าหน้าที่เรื่องปัญหาครอบครัว   เขาก็โทรไปเรียกตัวแฟนมามาคุย มาไกล่เกลี่ยกัน ว่าทางออกจะเป็นอย่างไร การแยกทางกัน จะต้องทำอะไรบ้าง เขาจะอธิบายหมด ว่ายุ่งยากขนาดไหน ยุ่งยาก พอ ๆ กับตอนที่จะแต่งงานกัน และก็ความยุ่งยากนี้หละ จะทำให้ หมดอารมณ์ที่จะทะเลาะกัน ไม่หย่าแล้ว ยุ่งจริง ๆ จะหย่าร้างกัน ทำได้ แต่ไม่ใช่แค่ ไล่เราออกจากบ้านหรือจะไปไหนก็ไป  จำคำนี้เอาไว้ เป็นกำลังใจให้นะครับ จากคุณ : นายบราวน์ - [ 24 เม.ย. 52 20:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุยกันดีๆก่อนดีกว่าไหมคะ หาเหตุและผลว่าสาเหตุมาจากอะไร ถ้าไม่ได้เกิดจากตัวคุณ แนะนำว่าควรหาทนายเตรียมไว้ได้เลยค่ะ ถ้าคุณจดทะเบียนสมรสมาอย่างถูกต้องคุณก็มีสิทธิ์ฟ้องร้องได้นะคะ (กรณีที่เป็นความผิดของฝ่ายชายแล้วมาหาเรื่องกับคุณ) ตอนนี้ถ้ามีการทำร้ายร่างกายไม่ว่าจะเป็นทาง วาจา จิตใจ หรือร่างกายคุณควรจะหาอุปกรณ์ บันทึกเสียงและภาพไว้ใช้เป็นหลักฐานด้วยนะคะ (แอบๆอัดไว้นะคะ อย่าให้เขารู้ตัว)ลองใช้โทรศัพท์มือถืออัดไว้ก็ได้นะ (ถ้าทำได้) จากคุณ : hamble pie - [ 24 เม.ย. 52 20:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ลองเข้าเวปสมาคมเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักร และลองติดต่อขอคำแนะนำดูนะคะ ตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ คนตั้งชมรมนี้คือคุณชุมศรี อาร์โนลด์ เจ้าของร้านอาหารไทย Thai Pot http://thaiwomensorganisation.com/ จากคุณ : Rinta - [ 24 เม.ย. 52 21:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หลายๆท่านเข้ามาให้คำแนะนำทางออกที่ดีๆไปหมดแล้ว ตามที่คุณ Rinta แนะนำเลยค่ะ สมาคมนี้ช่วยเหลือคนไทยในอังกฤษ และคุณทนาย และผู้ร่วงงานทุกๆท่านใจดีมากๆค่ะ ดิฉันเคยเข้าไปถามปัญหาแล้วค่ะ ยืนยันอีกเสียง เข้ามาให้กำลังใจและขอให้เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีนะค่ะ จากคุณ : ไอริน (กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน) - [ 24 เม.ย. 52 21:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณ นายบราวน์  ค่ะ   (กิ๊ฟหมดค่ะ)    ตอนรัก ตายแทนกันได้    ตอนไม่รัก  จะไล่ออกบ้าน (อยากไช้คำว่า teeb หัวส่ง)   เชอะ... อย่าลืม ค่าเลี้ยงดู !!! จากคุณ : ต้มยำทะเล - [ 24 เม.ย. 52 21:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคับ *-*-* จากคุณ : จักร (jak11jak11) - [ 24 เม.ย. 52 21:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้ถือวีซ่าอะไรอยุ่คะ อย่างที่ความเ ห็นด้านบนบอกค่ะ อย่าเพิ่งออกจากบ้านเด็ดขาด ขอรายละเอียดเพิ่มได้มั้ยคะ ว่าบ้านนี่ชื่อร่วมหรือชื่อสามีคนเดียวคะ ลองติดต่อกับ ซิติเซ่นแอดไวซ์ดูนะคะ http://www.citizensadvice.org.uk/ เค้าให้เค้าแนะนำได้มากมายค่ะ ทั้งเรื่องกฎหมาย สิทธิ์ต่าง ๆ หรือเบเนฟิตต่าง ๆ ถ้าคุณ จขกท มีสิทธิ์นะคะ เพราะรายละเอียดที่คุณให้มาไม่พอเลยฟันธงเลยไม่ได้ แต่ยังพยามยามอดทนนะคะ พวกเราทุกคนเป็นกำลังใจให้ค่ะ เหตุการณ์ทั้งหมดจะผ่านไปด้วยดีค่ะ จากคุณ : pinkychompoo - [ 24 เม.ย. 52 23:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อมาเพิ่มเติมนะคะ การหย่าไม่ใช่จะทำได้ง่าย ๆ ค่ะ ต้องมีเหตุผลของการหย่าที่สมเหตุผล เช่น อีกฝ่ายนอกใจหรือประพฤติตนที่เรียกว่า unreasonable behaviour หรือเหตุผลอื่น ๆ อีก ลองอ่านในลิ้งค์นี้นะคะ http://www.direct.gov.uk/en/Parents/FamilyIssuesAndTheLaw/DG_4002976 จากคุณ : pinkychompoo - [ 24 เม.ย. 52 23:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาโหวตให้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปด้วยดีค่ะ จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 24 เม.ย. 52 23:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ ตั้งสติให้ดีๆๆ อะไรที่เป็นหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับสามีเก็บให้ดี อย่าให้สามีเห็น สแกนเอกสารแล้วเซฟไว้ในอีเมล์ที่สามีไม่รู้ก็ดี หรือฝากเก็บไว้กับเพื่อนสนิทก็ดี อย่างน้อยคุณมีหลักฐานและพยาน จากคุณ : larata - [ 25 เม.ย. 52 00:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีอีกครั้งค่ะ ดิฉันใช้ internet ที่ห้องสมุด และพิมพ์ช้ามาก ทางห้องสมุดให้เวลา 1 ชั่วโมง ดิฉันยังไม่ได้วีซ่าถาวรเลยคะ สามีมาหาเรื่องก่อน เขาไม่อยากให้วีดิฉันนั้นเอง จากคุณ : pop_line (pop_line) - [ 25 เม.ย. 52 00:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ายังไม่ได้วีซ่าถาวรตามกฎแล้วคุณ จขกท จะไม่สามารถต่อวีซ่าได้ค่ะ คุณจขกท ทำงานรึเ ปล่า มีเงินเก็บบ้างรึเปล่า ขอโทษที่ถามนะคะ คือถ้าทำงาน มีเงินเก็บบ้าง อาจมีโอกาสที่เจรจากับสามีให้เค้ารับรองหรือประนีประนอมกันก่อนจะได้วีซ่า แล้วค่อยแยกกันอยุ่ (อันนี้เราลองคิดเผื่อไว้เท่านั้นนะคะ เราไม่ทราบว่าสามีคุณเค้าจะว่ายังไง) อย่างที่บอกค่ะ มองหาซิติเซ่นแอดไวซ์นะคะเพราะฟรี แต่ถ้าทนายความเราไม่ทราบว่าคุณมีสิทธิ์ได้ใช้ฟรีรึเปล่า จากคุณ : pinkychompoo - [ 25 เม.ย. 52 00:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณจขกท ใช้ Internet ห้องสมุดลองใช้ เวปอันนี้ดูสิคะ จะได้พิมพ์ไทยได้ง่ายๆ http://www.puttipan.com/thaikeyboard/   เวปชมรมหญิงไทย และเวปไทยคีย์บอร์ด ดิฉันจำไม่ได้ว่าใครมาโพสไว้ในห้องนานแล้ว ดิฉันแอบเก็บลิ้งค์ไว้เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น คุณจขกททำใจเย็นไว้ก่อนนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีค่ะ จากคุณ : Rinta - [ 25 เม.ย. 52 01:03:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Khun pop_line , do you have any Thai friend or even friend to talk to about this problem kha? Please keep us updated the situation na kha. Hope things turn up well for you kha. จากคุณ : หมูหนาว - [ 25 เม.ย. 52 01:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้ดิฉันตกงานอยู่เพิ่งโดนให้ออกเมื่อสามวันที่แล้วและเพิ่งกลับมาจากเมืองไทยได้ใม่นานและไม่มีเงินเก็บ ค่ะ จากคุณ : pop_line - [ 25 เม.ย. 52 01:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น่าเห็นใจจัง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ หากอยู่แมนเชตเตอร์ จะได้ไปหา หลังไมค์มาคุยกับเก๋ได้นะคะ จากคุณ : High Access - [ 25 เม.ย. 52 02:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ทราบจะช่วยได้หรือเปล่านะคะ เพราะนอกจากปรึกษากับ citizens advice bureau ในด้านกฎหมายที่คุณอยากทราบแล้ว เข้าใจว่าหน่วยงานนี้ยังสามารถช่วยคุณในแง่อื่น ๆ ได้อีกด้วย เป็นหน่วยงานที่ดีแห่งหนึ่งค่ะ มีสาขาเกือบทุกเมือง และก็มีอีกหลายแห่งที่สามารถช่วยเหลือผู้หญิงได้ก็คือ http://www.womensaid.org.uk/   และก็หน่วยงานที่ชื่อ relate ทั้งสองแห่งเป็นหน่วยงานการกุศล http://www.relate.org.uk/wantadvice/commonrelationshipproblems/FAQ_939.html .................. อย่าเพิ่งคิดเรื่องวีซ่ามาก  เกินไปกว่าความสัมพันธ์ของคุณกับสามี เพราะจุดประสงค์ของวีซ่าคู่สมรสที่คุณถืออยู่ คือ การอยู่กันฉันท์สามีภรรยากับคนที่เป็นสปอนเซอร์ของการเข้ามาอยู่ในประเทศของคุณนั่นเอง อยากให้คุณมองเรื่องการประสานความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาก่อน ยกเว้นว่า เขาทารุณหรือทำร้ายคุณ ไม่ว่าจะเป็นทางจิตใจหรือร่างกาย หรือไปมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีอย่างที่ว่าไว้ คุณควรหาหลักฐาน พยาน และดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 25 เม.ย. 52 02:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ห้ามออกเป็นอันขาด อ่านดูเรี่องที่อยู่ ๆ สามีไล่ออกจากบ้าน แล้วภรรยาก็ออกจาก พอทำเรื่องหย่ากัน กลับเป็นว่าสามีแจ้งว่าภรรยาออกจากบ้านแล้วไปอยู่กับชู้อีก (อ่่านเจอเรี่องอย่างว่านี้มากกว่า 5 ครั้งแล้ว หลายประเทศด้วย) ถ้าถีงขั้นลงมือก็ให้แจ้งตำรวจค่ะ ส่วนตกงานก็หาใหม่ได้ค่ะ หาไปเรี่อยๆ อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อให้ต่อวีซ่า ถ้ามีการหย่าจริง ๆ ยังมีงานทำ เป็นข้ออ้างอยู่อังกฤษ ถ้าสามีขอหย่าก็ ให้ทนายจัดการเรี่องสินสมรส ถ้าไม่ได้มีการเซ็นสัญญาสมรส ถึงมีก็อาจจะมีการแบ่งเงินให้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้กลับมาตั้งตัวที่เมีองไทย แต่อย่ายอมเซ็นง่าย ๆ ค่ะ จากคุณ : มนชิจัง - [ 25 เม.ย. 52 03:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาติดตามข้อมูล ด้วยความห่วงใย เข้าใจความรู้สึกนะครับ ว่าการถูกไล่ มันชอกช้ำ และ กดดันมาก แต่คุณจะต้องทำใจแข็ง  แม้เขาจะไล่อย่างไร ก็อย่าออกมาจากบ้าน ต้องทนไว้ก่อน ต้องดื้อไว้เลย ไล่ยังไงก็อย่าออกเด็ดขาด เหมือน คห.22 บอกไว้  หากมีการลงมือกับตัวเรา หรือ กับข้าวของ ก็ให้แจ้งตำรวจ เรื่องวีซ่าถาวร เอาไว้ทีหลังเถอะครับ จัดการเรื่องปัจจุบันให้เรียบร้อยก่อน เป็นขั้นตอนไป ตอนนี้ รีบไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ ให้เขาช่วยเหลือ เขาอาจจะมีวิธีดี ๆ แนะนำนะครับ อย่ารอช้า แล้วพอถึงเวลาที่ต้องต่อวีซ่า (อีกไม่กี่เดือน) ก็ทำไปตามวิธีที่ควรจะทำ เพราะคุณยังได้สิทธิคู่สมรสอยู่ เจ้าหน้าที่สถานทูต ก็ ต้องให้วีซ่าตามที่ควรจะได้ ส่วนจะใ้ห้ถาวรเลย หรือให้ชั่วคราวต่อไป ก็แล้วแต่ดุลพินิจของเขาครับ การไปปรึกษาเจ้าหน้าที่ อย่างน้อย บอกเขาไปว่า ตอนนี้ คุณไม่มีรายได้ ตกงาน (ไม่ทราบที่อังกฤษ มีเงินช่วยเหลือผู้ตกงานหรือเปล่า??) ผมบอกได้เลยนะว่า ผู้ชายฝรั่ง กลัวมากกับการหย่าร้าง แล้วต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้ อดีตภรรยา ผมเชื่อ ว่า เขาไม่ต้องการให้มีเรื่องถึงขั้นหย่าร้างตามกฏหมายหรอก แต่เขาอาจจะคิดว่า หากไ่ล่คุณออกจากบ้าน ไล่กลับเมืองไทยไปแล้ว หรือ ไม่ช่วยเหลือเรื่องวีซ่า คุณก็จะไม่ไ้ด้อยู่ในอังกฤษต่อไป แล้วเขาก็จะเป็นโสดไปโดยอัตโนมัติ แถมไม่ต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูด้วย ดังนั้น หากรู้เช่นนี้แล้ว จงอย่าหลงกลเขา อย่าออกจากบ้านมาเฉย ๆ อย่าหมดหวังแล้วกลับเมืองไทย จงดิ้นรนหาวิธีจดสุดหนทาง แล้วทางสุดท้าย หากหมดหนทางจริง ๆ  ก็ ไปพึ่งพาสถานทูตไทย เรื่องกลับบ้านเกิดเมืองนอนของเรา จากคุณ : นายบราวน์ - [ 25 เม.ย. 52 04:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาให้กำลังใจค่ะ จากคุณ : Cutie_May - [ 25 เม.ย. 52 04:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาให้กำลังใจค่ะ สู้ ๆ ทุกปัญหามีทางออกค่ะ จากคุณ : yothaka (Yothaka) - [ 25 เม.ย. 52 06:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่-น้องชาวไกลบ้านเลย ให้กำลังใจนะคะ ตัวเองก็ยังไม่รูชะตาชีวิตเลย เกิดวันดีคืนดีแฟนมาไล่โบก็ยังไม่รู้จะทำงัยเหมือนกัน จากคุณ : BeauUSA - [ 25 เม.ย. 52 08:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ จขกท ทะเบียนสมรสที่มีอยู่นี่ ของเมืองไทยหรืออังกฤษคะ? จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 25 เม.ย. 52 08:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ให้กำลังใจค่ะ จากคุณ : jeejeeberry - [ 25 เม.ย. 52 08:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 your case 's like my friend's case . stay calm naka.we'll be with u ka. จากคุณ : Tyra - [ 25 เม.ย. 52 09:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆๆไปได้ด้วยดีนะคะ... เป็นกำลังใจให้ค่ะ.... โหวตค่ะ !! จากคุณ : จิงโจ้ตัวเล็ก (i'm sad) - [ 25 เม.ย. 52 12:28:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนตัวไม่ได้อยู่อังกฤษ แต่ก็ขอมาให้กำลังใจค่ะ ขอให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆทุกอย่างไปได้ด้วยดี และโดยไว้นะคะ จากคุณ : piggalanla - [ 25 เม.ย. 52 14:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเป็นกำลังใจให้น้ะค่ะ  สู้ ๆ  ๆ ค่ะ จากคุณ : ImIss (hippyzaa) - [ 25 เม.ย. 52 14:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดี สู้ สู้ ค่ะ จากคุณ : ลูกไม้หล่นไกลต้น - [ 25 เม.ย. 52 15:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาให้กำลังใจด้วยคน ถ้าสามีลงไม้ลงมือ  แจ้งตำรวจนะคะ  อย่าไปยอม (แต่ไม่ได้แนะนำให้สวนกลับนะ เพราะอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่  ป้องกันตัวอย่างเดียว คุณจะได้คะแนนเห็นใจมากมาย  ในศาล  เพราะเราเคยเป็นลูกขุนมา สามีแพ้ราบคาบค่ะ ) จากคุณ : timtam_yummy - [ 25 เม.ย. 52 15:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นตอนนี้ แต่รู้สึก ว่า ไอ้ผู้ชายคนนั้น หน้าตุ๊ดมาก เลยคับ พวกฝรั่งขี้นก เจอน่ะ จะ ส่อยสักดอก เป็น กำลังใจให้น่ะคับ ไม่ชอบเลยที่มาเอาเปรียบ ผู้หญิง เดือดๆๆ ,.... สู้ๆๆ คับ อย่าไปยอมง่ายๆๆ คนไทย เก่งกว่า พวกขี้นก เยอะคับ จากคุณ : นักเรียนรากแก้ว - [ 25 เม.ย. 52 15:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าอยู่แถวนอร์ทเวสต์ แถวลิเวอร์พูล เดี่ยวผมจะช่วยหาทางออกให้ครับ ยังไงเบอร์ผม 07942 396823 ครับ หรือจะให้ผมโทรไปก็ได้ แต่ต้องเป้นวันจันทร์นนะครับ จากคุณ : พัฒน์ - [ 25 เม.ย. 52 15:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอให้ผ่านเรื่องนี้ไปด้วยดีนะคะ เอาใจช่วยค่ะ และเป็นกำลังใจให้ค่ะ บุญรักษา จากคุณ : Match Point - [ 25 เม.ย. 52 16:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่มีประสบการณ์แบบนี้ เลยมาเอาใจช่วยนะครับ ขอให้ผ่านเรื่องราวร้ายๆ ไปด้วยดี จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ 25 เม.ย. 52 17:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาให้กำลังใจค่ะ ไม่มีประสบการณ์ แต่ขอให้ จขกท. รอดพ้นได้ด้วยดีค่ะ จากคุณ : beenbag - [ 25 เม.ย. 52 17:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ทุกอย่างมีทางออกค่ะ..ค่อยๆคิดค่อยๆทำ..เเล้วทุกอย่างจะผ่านไปใด้ค้วยดี ให้กำลังใจค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 52 22:56:35 จากคุณ : Quel - [ 25 เม.ย. 52 17:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอส่งกำลังใจมาช่วย..ขอให้เข้มแข็งค่ะ.. ขอชื่นชมน้ำใจสมาชิกที่อยู่อังกฤษ..คนไทย อยู่ที่ไหน ไม่เคยแล้งน้ำใจ.. จากคุณ : Panissar - [ 25 เม.ย. 52 19:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาให้กำลังใจ ขอให้เรื่องราวผ่านไปด้วยดี อ่านคำแนะนำหลายท่านๆ ในนี้ ขอชื่นชมทุุุุุกท่าน ที่ช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน มีอะไรก็มาอัพเดทที่นี่นะค่ะ มีอะไรคนในพันทิพ จะได้แนะนำช่วยเหลือ ได้ทันท่วงที รักษาตัวด้วยค่ะ จากคุณ : chuamalee - [ 25 เม.ย. 52 20:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนนี้มีวีซ่าอะไรคะ ดิฉันคิดว่าคนที่จะสอบ Life in the UK จะต้องมีวีซ่า Leave to remain  แล้วเสียอีก  จะหย่ากันมันต้องมีเหตุผลเพียงพอที่ดีค่ัะ ไม่ไช่ฝ่ายใดนึกเบื่อหรือเกลียดขี้หน้าขึ้นมาก็ไล่อีกฝ่ายออกจากบ้าน หากเป็นดิฉันคงบอกว่าให้สามีย้ายออกไปแทน คุณไม่ต้องกลัวและตกใจจนเกินไปนัก ประเทศนี้คุ้มครองผู้หญิงและเด็กๆดีมากค่ะ หากมันเลวร้ายถึงขนาดคุณต้องออกจากบ้านหรือแยกทางกันจริงๆ ทางรัฐก็สามารถหาบ้านให้คุณอยู่ได้ค่ะ  ไม่ต้องกลัวสามีคุณนะคะ ถึงแม้ว่าจะเป็นบ้านของเค้าก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นฝ่ายที่ต้องระเห็จออกไปจากบ้านเสมอไป ทู่ซี้อยู่ต่อไปค่ะ ถ้าสามีลงมือลงไม้ หรือข่มขู่ให้กลัว รีบไปแจ้งตำรวจทันที เค้าสามารถถีบสามีคุณออกไปนอกบ้านได้ค่ะ ตั้งสติให้ดีๆ ลองหาข้อมูลต่างๆด้วยตัวเอง หรือปรึกษาผู้ที่รู้กฎหมายของที่นี่ดู เพื่อนฝรั่งของดิฉันคนนึงแค่อยู่กินกับผู้ชายเฉยๆพอเลิกรากันเธอยังได้บ้านมาหนึ่งหลังเลย  แล้วนี่คุณมีทะเบียนสมรส แต่กำลังจะโดนไล่ออกจากบ้านดิฉันไม่รู้จะพูดอย่างไรค่ะ ใช้สมองทบทวนสักหน่อย หาคนช่วยสักนิด คุณไม่มีทางแพ้ จากคุณ : Gisele - [ 25 เม.ย. 52 21:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เข้ามาให้กำลังใจจขกท.ค่ะ ใจเย็นๆนะคะ  สู้ๆค่ะ จากคุณ : Zhen_x2 - [ 25 เม.ย. 52 21:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สู้ๆ นะคะ จากคุณ : Military Lover - [ 25 เม.ย. 52 21:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตามไปอ่านลิงค์ที่คุณ Rinta แปะไว้ไปเจอคำถามนี้ หย่ากับสามีแล้วขอวีซ่าถาวรได้หรือไม่ July 18th, 2008 อยากให้จขกท.ลองอ่านดู ตอนนี้ทาง Home Office ค่อนข้างเข้มงวดกับคนที่จะย้ายเข้ามาอยู่ จขกท.ได้วีซ่าแต่งงาน 2 ปี ถือเป็นช่วง probation หากระหว่างนี้มีปัญหากับสามีค่อนข้างลำบากค่ะ ถ้าเค้าไม่ช่วย support ให้เป็น PR ส่งลิงค์ให้ดูhttp://www.ukba.homeoffice.gov.uk/partnersandfamilies/partners/ifyourrelationshipends/ คุณสามีของคุณสามารถแจ้ง Home Office ได้ว่าการสมรสสิ้นสุดลงแล้ว แต่ถ้าเค้าเป็นฝ่ายผิด ทำร้ายร่างกาย จิตใจ แล้วคุณมีหลักฐานก็สามารถขอยื่นเพื่อต่อวีซ่าเองได้ ดูตามลิงค์นะคะ http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/partnersandfamilies/domesticviolence/ อยากให้จขกท.ติดต่อขอคำแนะนำจากลิงค์ที่เพื่อนๆ ในเวปนี้โพสต์ไว้ข้างต้นด้วย แต่ถ้าคุณกับสามียังรักกันอยู่ และสามีไล่คุณเพราะอารมณ์ชั่ววูปก็อยากให้ทำใจเย็นๆ พูดคุยกับเค้าดู เผื่อปัญหาอาจจะคลี่คลายไปทางที่ดี ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : madam - [ 25 เม.ย. 52 22:28:44 A:86.144.132.254 X: TicketID:121253 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นกำลังใจให้นะคะ  คิมอธิษฐานเผื่อจขกท. แล้วนะคะ ขอพระเจ้าเสริมกำลังค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 25 เม.ย. 52 23:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เงียบไปเลย เลยไม่รู้จะช่วยยัง หากให้ช่วยอะไร ให้ติดต่อมานะคะ จากคุณ : High Access - [ 25 เม.ย. 52 23:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่ทราบเรื่องข้อกฎหมายอังกฤษด้วยเรื่องนี้เลย แต่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 25 เม.ย. 52 23:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ จขกท ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักว่าทำไมสามีถึงไล่คุณออกจากบ้าน หากจะให้ดิฉันฟังความข้างเดียวดิฉันก็คงแนะนำคุณตามที่เพื่อนๆท่านอื่นแนะนำไปแล้ว ... การที่สามีจะไล่ภรรยาออกจากบ้านนั้นมันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ไม่ว่าสามีไทยหรือฝรั่งหากถึงขั้นต้องออกปากไล่ภรรยาตัวเองออกจากบ้านเสียแล้ว มันย่อมต้องมีสาเหตุที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่อดทนอีกต่อไป ... การทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว บุคคลที่ 3/4/5 ย่อมไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริงในบ้านนั้นๆ แต่หากคุณไม่ได้ทำอะไรผิด และสามียังจะไล่คุณออกจากบ้านด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขา ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาไม่รักคุณแล้ว หรือ เขามีใครใหม่ ฯลฯ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณมีสิทธิเต็มที่ๆจะปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ โดยการติดต่อองค์กรต่างๆตามเว๊บไซด์ตามที่เพื่อนๆสมาชิกให้มา ช่วยทำลิงค์ให้คุณ madam ค่ะ http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/partnersandfamilies/partners/ifyourrelationshipends/ http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/partnersandfamilies/domesticviolence/ ความยุติธรรมมันต้องมีทั้ง 2 ฝ่ายนะคะ ... หากคุณกำลังมองหาความยุติธรรมในการขอต่อวีซ่าถาวรในอังกฤษ ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีหลักฐานหลายๆอย่างว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดและมีสิทธิที่จะอยู่ในอังกฤษต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องมีสามีเป็นสปอนเซอร์ แต่หากคุณมีความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง สามีคุณก็มีสิทธิฟ้องร้อง ปฎิเสธข้อกล่าวหา หรือคัดค้านได้ แม้ประเทศอังกฤษจะให้สิทธิในการคุ้มครองสตรีและเด็กจริงอยู่ ... แต่หากภรรยา/ลูก ทำผิดกฎหมาย หรือแม้แต่ผิดกฏกติกามารยาทของสังคม ... ทางรัฐบาลอังกฤษก็มีสิทธิที่จะไม่ให้วีซ่าถาวรแก่คุณได้เหมือนกัน แม้คุณจะสอบ Life in the UK แล้วก็ตามที ดังนั้นคุณต้องรอบคอบในการตอบคำถามต่างๆของเจ้าหน้าที่ ที่คุณจะติดต่อขอความช่วยเหลือให้ดีๆ ... ดิฉันอาจจะมองต่างมุมจากคนอื่นๆ แต่เพราะคุณไม่ได้เข้ามาเสริมข้อมูลว่าเพราะเหตุใดสามีจึงไล่คุณออกจากบ้าน ... ดิฉันจึงออกความเห็นเช่นนี้แล คนดีพระย่อมคุ้มครอง ... ไม่ต้องกังวล จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง - [ 26 เม.ย. 52 00:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ชื่นชมน้ำใจของห้องไกลบ้าน ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ยูกะห้องไกลบ้าน (YUCCA) - [ 26 เม.ย. 52 01:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ช่วยโหวตและขอให้เรื่องผ่านพ้นไปด้วยดี จากคุณ : หญิงป้า - [ 26 เม.ย. 52 01:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ก่อนสอบlife in the Uk ได้ผมเชื่อว่าคุณจขกทต้องมีวีซ่าถาวรก่อนไม่ใช่หรือครับ ฉะนั้นไม่ต้องกลัวสามีคุณไล่กลับ ทำตามที่เพื่อนๆเเนะนำ ก่อนจะเลิกกัน ก็อย่ายอมแพ้เดินออกมาตัวเปล่า อย่าปล่อยให้ไอ้ฝรั่งสถุลมันข่มเหงน้ำใจไล่คุณเหมือนหมูเหมือนหมา ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร ต้องอดทนอยู่สู้จนกว่าจะถึงที่สุด ผมเชื่อว่ากฎหมายต้องเล่นงานสามีคุณได้เเน่ๆ เป็นกำลังใจให้จขกทนะครับ จากคุณ : ผ่านมาตอบ - [ 26 เม.ย. 52 02:05:06 A:90.198.98.35 X: TicketID:213061 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ก่อนหย่า แบ่งทรัพย์สิน 50:50 ด้วยนะคะ จากคุณ : WATTHAI - [ 26 เม.ย. 52 02:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ pop_line คะ พลอยจะไปอังกฤษสิ้นเดือนนี้ ต้องการให้ช่วยเหลือในด้านใดบ้างหรือเปล่าคะ? หลังไมค์มาได้เลยนะคะ   เอาใจช่วยจริงๆนะคะ ขอให้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นนะคะ จากคุณ : พลอย (Noslogan) - [ 26 เม.ย. 52 02:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ได้อยู่ต่างประเทศแต่ดีใจแทนคุณที่อย่างน้อยก็เข้ามาปรึกษาที่นี่ วางใจได้ว่าห้องไกลบ้านจะไม่ปล่อยให้คุณเคว้งแน่ เราไม่มีความรู้อะค่ะ ขอให้กำลังใจ คุณต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะคะ ตอนนี้คงลำบากแน่ๆ แต่จะมีความช่วยเหลือจากคนไทยด้วยกันเสมอ จากคุณ : drn (decentcitizen) - [ 26 เม.ย. 52 02:58:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มาโหวตกระทู้ และให้กำลังใจ จขกท ค่ะ จากคุณ : ich habe kein Geld - [ 26 เม.ย. 52 03:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จขกท หายไปไหนคะ เป็นยังไงบ้าง เพื่อน ๆ ชาวไกลบ้านเป็นห่วงค่ะ หรือว่า คืนดีกับสามีแ้ล้ว (ขอให้เป็นเช่นนั้นนะคะ) จากคุณ : Engfriend47 - [ 26 เม.ย. 52 04:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามาอัพเดตด้วยนะคะ  เป็นห่วงค่ะ  ให้กำลังใจนะคะ สู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : Louise Vuitton - [ 26 เม.ย. 52 07:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เราว่า จขกท อาจจะยังหาเวลามาอ่านไม่ได้น่ะค่ะ ช่วยอะไรไม่ได้ เข้ามาซึ้งน้ำใจคนห้องไกลบ้านค่ะ แล้วก็เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : Krapook-_-' - [ 26 เม.ย. 52 10:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ห้องนี่น่ารักจัง มีคนมาแนะนำ จขกท.เยอะเเยะเลย ถึงช่วยอะไร จขกท.ไม่ได้ เเต่มา เป็นกำลังใจ ให้นะคะ จากคุณ : : : เตลิด : : - [ 26 เม.ย. 52 13:07:44 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอให้จบลงด้วยดีครับ จากคุณ : seeker - [ 26 เม.ย. 52 18:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ค่ะ โหวต! จากคุณ : กุลกวิน - [ 26 เม.ย. 52 18:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แวะเข้ามาอ่านค่ะ ขอให้ จขกท แก้ไขปัญหาได้ในไม่ช้า ที่สำคัญคือต้องเข้มแข็งเอาไว้ อย่าเพิ่งท้ออะไรง่ายๆ แล้วจะฝ่าฝันอุปสรรคได้เอง ค่อยๆหาทางแก้ปัญหานะคะ อยู่ไม่ได้เราก็กลับบ้านเรา ประเทศไทยยังอ้าแขนรับคุณอยู่ค่ะ ปราถนาดี จากคุณ : Patty_Cute - [ 26 เม.ย. 52 21:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณจขกท. น่าจะได้วีซ่าคู่สมรสสองปี  แล้วจึงมาสอบ life in UK ผ่านเพื่อขอวีซ่าถาวรหรือ indefinite live to remain น่ะค่ะ ตามขั้นตอนและกฏเกณฑ์  สามีต้องเป็นผู้สนับสนุนการขอวีซ่าถาวรนะคะ  และสถานภาพการแต่งงานก็จะเป็นการสมรส และอยู่ด้วยกัน  ไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้ตามข้อนี้ค่ะ พาสปอร์ตของสามีคุณจขกท. หรือใบเกิดก็ต้องส่งไปประกอบกับเอกสารหลาย ๆ อย่าง  ถ้าเขาไม่ส่งเอกสารหรือร่วมมือ  ดิฉันว่าลำบากนะคะในการที่จะได้ต่อวีซ่าถาวร คุณไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าเป็นเพราะเหตุใด  จึงทะเลาะและไล่ออกจากบ้าน  ดิฉันก็แนะนำลำบากเพราะลงรายละเอียดไม่ได้  หากคุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร  แนะนำให้พรุ่งนี้เช้าไปหา citizen advise bereau  ที่council ของคุณ  ขอคำแนะนำในเรื่องนี้เลยค่ะ เป็นกำลังใจให้แก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้นะคะ  อย่างไรก็ตาม  ถ้าถึงที่สุดแล้ว  ประเทศเราก็ยังมีนี่คะ  หากทำยังไง ๆ สามีไม่รักแล้ว  ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ  จะทนอยู่เพื่ออะไร.... จากคุณ : Amber n the Gang - [ 26 เม.ย. 52 22:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านเรื่องคุณนายบราวน์   ดิฉันนี่ร้องไห้เลยอ่ะ เป็นกำลังใจให้จขกท.  คุณpop_line นะคะ ซึ้งใจน้ำใจชาวไกลบ้านค่ะ จากคุณ : Fluoxtine - [ 26 เม.ย. 52 23:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เข้ามาติดตาม รู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น ที่คุณ จขกท. เงียบหายไปเฉย ๆ เรื่องราวของผม ก็เป็นเพียง ประสบการณ์จริงที่ยกมาเป็นตัวอย่างแนะนำ คุณ จขกท. สำหรับกรณีของผม ทุกอย่างจบลงด้วยดี และตอนนี้ ผมกับแฟนก็อยู่ด้วยกันปกติ รักใคร่กันดี เราคบกันสี่ปี เมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ขอบคุณ ทุกท่าน สำหรับ กิ๊ฟ ที่ให้มา ผมอยู่เยอรมันนี ไกลจากคุณ จขกท. และไม่รู้จะช่วยเหลืออะไรอย่างไร ทำได้แค่เพียง ให้กำลังใจ จากคุณ : นายบราวน์ - [ 27 เม.ย. 52 00:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถึงจะอยู่เมืองไทย แต่รู้สึกดีใจที่คนไทยรักและพร้อมให้ความช่วยเหลือกันมากมายขนาดนี้ หลายคนให้ข้อมูล หลายคนให้กำลังใจ ดีใจจังค่ะ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ คุณ จขกท. จากคุณ : Buurinchan - [ 27 เม.ย. 52 01:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : malibule (malibule) - [ 27 เม.ย. 52 01:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 70 มาเป็นกำลังใจคะ จากคุณ : brackleyvee - [ 27 เม.ย. 52 03:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้จบลงด้วยดี จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 27 เม.ย. 52 04:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 72 รออ่านเรื่องราวของจขกท ไม่ทราบพอมีข่าวดีบ้างหรือยัง สามีภรรยากัน อาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกระทบกระทั่งกัน ถ้ามีทางไหนที่จะคืนดีกันได้ ก็ปรับความเข้าใจกันดีกว่า การโกรธเคืองกันระหว่างสามีภรรยา ต้องมีสาเหตุ เราก็ว่าเราทำถูก เขาก็ว่าเขาไม่ผิด ถ้าต่างยังรักกันอยู่ และไม่มีทิฐิมากนัก คงจะอยู่กินกันต่อไปได้ ปัญหาทุกปัญหามีทางออก รอจขกท มาเล่าต่อ พี่น้องไกลบ้านใจดีมีน้ำใจกันทุกคน ขอให้ได้รับทราบข่าวดีเร็วๆค่ะ จากคุณ : พนอจัน - [ 27 เม.ย. 52 06:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สมัยตอนแต่งงานกับคุณสามีใหม่ๆ  อะไรๆก็ยังเข้ากันไม่ได้.. เราก็เลยมีเหตุการณ์แบบคุณนี่เลยค่ะ เพราะเค้าคิดว่าเราคงไม่เอร์เฟกซ์อย่างที่เค้าฝันไว้  แล้วเค้าก็คงคิดว่าจะรังแกเราได้ แต่จากตอนนั้นมาตอนนี้ เราก็อยู่มากัน 4 ปีแล้วค่ะ ขอให้ จขกท ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ แล้วครองรักกันไปตลอดนะคะ การหย่าร้างตามกฎหมายของอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ต่างฝ่ายต่างต้องมี Solicitor และใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะได้เซ็นต์ใบหย่าจริง  เค้าไม่มีสิทธิ์ไล่คุณออกจากบ้านไปได้ง่ายๆค่ะ   อย่ายอมให้เค้ารังแกเราค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : gb90 (gb90) - [ 27 เม.ย. 52 11:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เกาะติดสถานการณ์อยู่ คนไทยยังไงก็ไม่ทิ้งกัน  ยิ่งอยู่ไกลบ้านก็ยิ่งรักกัน ถึงแม้ห้องไกลบ้านจะเป็นห้องเล็กๆ  แต่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น รู้สึกได้ถึงความเป็นไทย ยังไงคนไทยก็รักกัน เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท. สู้ๆ คุ่ะ จากคุณ : ลูกไม้หล่นไกลต้น - [ 27 เม.ย. 52 13:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นห่วงจขกจังคะ จอบก็ไม่รู้กฏหมายฝั่งอังกฤษเลย ก็ได้แต่เอาใจช่วยนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จากคุณ : นายจอบ - [ 27 เม.ย. 52 16:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 สองปีแล้ว สามีเป็นคนพูดจาหยาบคายไม่ค่อยมีมารยาท ไม่ค่อยเป็นผู้ดีอังกฤษ โดยเฉพาะคําพูดคําจาเวลาหาเรื่องดิฉัน เวลาส่วนใหญ่ไปหาเพื่อนนินธาภรรยา สูบกัชชา และไม่รู้อย่างอื่นด้วยมั้มไม่แน่ใจ แทนที่จะเอาเวลานั้นไปหางานทํา พอดิฉันตกงานและไม่มีเงิน กันก็มาโทษดิฉันฝ่ายเดียว บางทีเขามีเงินก็เก็บเข้ากระเปาเขาฝ่ายเดียว สามีบอกว่าต่อไปนี้ให้ดิฉันเอาเงินให้เขา 100 ปอนด์ทุกๆอาทิตย์ถ้าอยากอยู่กับเขาต่อไป เดี๋ยวดิฉันเขียนมาใหม่ตอนนี้ เวลาใช้ชั่วโมงอินเตอรเนตหมดแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆสําหรับกําลังใจจากทุกๆท่าน จากคุณ : pop_line - [ 27 เม.ย. 52 17:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีอีกครั้งค่ะ ต้องขอโทษทุกๆคนที่ดิฉันไม่เข้ามาเขียนเพิ่มเติมเพราะห้องสมุดปิดวันอาทิติย์ ที่ห้องดิฉันไม่มีอินเตอรเนต และดิพิมภาษาไทยช้ามาก สามีและดิฉันตลอดเวลาเกือบสองปีที่อยู่ด้วยกันเราอยู่แฟลตของรัฐบาลและรัฐบาลออกช่วยค่าห้อง สามีไม่มีบ้านไม่มีเงินเพียงพอจะพากันไปเช่าห้องอยู่เอง สามีรับเงินช่วยเหลือจารฐับาล เป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว สามีเป็นคนพูดจาหยาบคายไม่ค่อยมีมารยาท ไม่ค่อยเป็นผู้ดีอังกฤษ โดยเฉพาะคําพูดคําจาเวลาหาเรื่องดิฉัน เวลาส่วนใหญ่ไปหาเพื่อนนินธาภรรยา สูบกัชชา และไม่รู้อย่างอื่นด้วยมั้มไม่แน่ใจ แทนที่จะเอาเวลานั้นไปหางานทํา พอดิฉันตกงานและไม่มีเงิน กันก็มาโทษดิฉันฝ่ายเดียว บางทีเขามีเงินก็เก็บเข้ากระเปาเขาฝ่ายเดียว สามีบอกว่าต่อไปนี้ให้ดิฉันเอาเงินให้เขา 100 ปอนด์ทุกๆอาทิตย์ถ้าอยากอยู่กับเขาต่อไป เดี๋ยวดิฉันเขียนมาใหม่ตอนนี้ เวลาใช้ชั่วโมงอินเตอรเนตหมดแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆสําหรับกําลังใจจากทุกๆท่าน จากคุณ : pop_line - [ 27 เม.ย. 52 17:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไม่ทราบกฎหมายของอังกฤษ ขอเป็นกำลังใจด้วยค่ะ จากคุณ : ลาบป๋าดุ๊ก - [ 27 เม.ย. 52 18:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ จขกท อยู่เมืองอะไรคะ จริง ๆ อยากโทร.คุยเพราะน่าจะอธิบายหรือได้รายละเอียดง่ายกว่า ยินดีช่วยทำที่จะสามารถทำได้น่ะค่ะ เรื่องกฎหมายพอทราบบ้าง แต่อยากคุยกับคุณ จขกท เลยน่ะค่ะ เพราะจะได้ทราบข้อมูลหลาย ๆ อย่างจากคุณด้วย จากคุณ : pinkychompoo - [ 27 เม.ย. 52 18:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คนอยากช่วย ได้แต่นั่งลุ้น นั่งรอ  รอข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม จากคุณ : นายบราวน์ - [ 27 เม.ย. 52 18:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 81 Khun pop_line, if you are living in London, please kindly contact me na kha..My mobile number is already sent to your หลังไมค์  kha. จากคุณ : หมูหนาว - [ 27 เม.ย. 52 19:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ยังจะเรียกตัวเองว่าผู้ชายอยู่ไหม ให้ภรรยาเอาเงินให้ ทุกๆสัปดาห์ ยังไง ก็เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : BluemirroR - [ 27 เม.ย. 52 19:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้าเป็นเรา เราจะกลับไทยค่ะ ไม่เอาแล้ววีซ่า กลับบ้านเรา ไปเริ่มต้นใหม่ แต่ก่อนจะกลับและก่อนจะหย่ากันต้องเอาค่าเสียเวลาที่เอาชีวิตมาจมอยู่กับผู้ชายห่วย ๆ ให้ได้ซะก่อน จากคุณ : ยูเค - [ 27 เม.ย. 52 20:12:20 A:88.110.91.170 X: TicketID:170937 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มาเป็น กำลังใจ ให้ค่ะ จากคุณ : ศาลาริมโขง (ศาลาริมโขง) - [ 27 เม.ย. 52 20:22:42 ]

ความคิดเห็นที่ 85 โห ถ้ามันถึงขนาดนี้ก็กลับมาตั้งหลักบ้านเราก่อนดีไหมคะ ไม่อยากให้คุณไปทนกับสถานการณ์แบบนี้เลย วีซ่าถาวรก็ยังไม่ได้ เเถมเจอผู้ชายหน้าตัวmiaข่มเหงจิตใจกันขนาดนี้ จิตใจจะรับไม่ไหวเอานา เว้นแต่ว่าคุณเข้มเเข็งพอ อยากอยู่ฮึดสู้ดูสักตั้ง อย่างนั้นก็ต้องลองหาปรึกษาทนายเรื่องฟ้องร้องขอค่าเลี้ยงดู/ค่าเสียหายทางจิตใจ หรือค่าอะไร ฯลฯ ก็ได้ที่มันสามารถเรียกร้องได้ ชนะความเเล้วค่อยกลับบ้านเรา แต่ก็อีกนะ ไม่ทราบว่าทนายฟรีของรัฐจะมีให้ไหมในกรณีเเบบนี้ เดี๋ยวลองฟังเพื่อนๆฝั่งอังกฤษนะคะ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 27 เม.ย. 52 20:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 86 โพสต์เสร็จเพิ่งเห็นคอมเมนท์ #83 ของคุณยูเค Jinx!   จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 27 เม.ย. 52 20:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เห็นบอกว่าแฟนอยู่แฟลตรัฐบาลออกค่าเช่าให้ แล้วก้อตกงาน แบบนี้ถ้าฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดู เค้าจะมีอะไรให้หรือ  ค่ะ จากคุณ : ju_FL - [ 27 เม.ย. 52 21:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 88 แวะมาให้กำลังใจค่ะ ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ จากคุณ : kittymuay - [ 27 เม.ย. 52 21:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เท่าที่ฟังดู คุณ จขกท. ก็เคยทำงาน หาเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ตกงานจึงลำบากหน่อย แต่ถ้าหางานได้ใหม่ ก็เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องไปง้อเขา เรื่องหย่า เรื่องค่าเลี้ยงดู เค้าจะมีให้ หรือ ไม่มีก็แล้วแต่ ควรจะเรียกร้องไว้ก่อน เพียงแค่อยากให้เขารู้ว่า ไม่ใช่ว่าจะมาไล่กันได้ง่าย ๆ เหมือนหมู เหมือนหมา อาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่า ตอนนี้ คุณ จขกท. ต้องการวีซ่ามากที่สุด เขาจะข่มขู่อย่างไร ก็ต้องยอมเขา ซึ่ง คุณจขกท. ต้องอย่าไปยอม (ถ้าคิดว่าเราไม่ผิด ไม่ใช่ตัวต้นเหตุ) จากคุณ : นายบราวน์ - [ 27 เม.ย. 52 21:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ถ้าผู้ชายไม่มีอะไรเลยแบบนี้ บ้านก็ไม่มี งานก็ไม่มี แล้วเค้าจะสามารถเอาส่วนไหนมาจ่ายค่าเลี้ยงดูเราได้คะ? เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ.   จากคุณ : missusnow - [ 27 เม.ย. 52 22:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เข้ามาดูความคืบหน้า และให้กำลังใจนะคะ จากคุณ : brackleyvee - [ 27 เม.ย. 52 23:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 92 จากข้อมูลของคุณเจ้าของกระทู้ บอกตามตรงนะคะ จากพฤติกรรมสามีของคุณเนี้ย  เราแนะนำให้คุณเลิกกับผู้ชายแบบนี้  ประเภทที่ สูญกัญชา วันๆ ไม่สนใจทำงาน แถมยัง หยาบคาย  สิ่งเหล่านี้มันสามารถบั่นทอนความรักให้หมดได้ในเร็ววันเลยนะ ข้องใจนิดนึง โดยปกติแล้ว ก่อนที่คุณจะได้รับ วีซ่า แต่งงาน Limited Leave to remain ซึ่งจะได้เป็นระยะเวลา 2 ปีในเบื้องต้น มันเป็นระยะเวลาเท่ากันกับ ที่สามีคุณเริ่มรับ Benefit จากรัฐเลย นั่นหมายถึง แฟนคุณเริ่มไม่มีงานทำ ตั้งแต่คุณมาอยู่ที่อังกฤษกับเขาเลยหรือคะ   โดยปกติแล้ว ถ้าแฟนไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่เป็นของตัวเอง วีซ่าจะไม่ได้รับการอนุมัติง่ายๆ แปลกใจ ขออภัยนะคะ ถ้าคิดดัง ว่ากันตามตรงอีกเรื่องหนึ่ง  เรื่องของวีซ่า ถ้าสามีปัจจุบันไม่ให้ความร่วมมือในการต่ออายุวีซ่า บอกตามตรงว่า ยากมากๆ  ยกเว้นแต่ว่า คุณจะมีสามีใหม่ อันนี้อาจมีรายละเอียดอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เวลาคุณยื่นต่อวีซ่าเป็น Permanent Leave to remain กับคู่ชีวิตคนใหม่   แต่ก็อีกเนอะ เวลาที่วีซ่าคุณจะหมดอายุนั้น มันก็ใกล้เข้ามามากๆ ตามที่คุณให้ข้อมูลคือ เดือน กรกฏาคม 2552 ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 3-4 เดือนเท่านั้นเอง เพื่อนๆ ในห้องไกลบ้านหลายๆ คนให้กำลังใจได้ แต่เราว่า คงช่วยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมากนักไม่ได้ คุณเองควรจะรีบติดต่อ องค์กรต่างๆ ตามที่ความเห็นด้านบนให้มา อย่างด่วนที่สุดค่ะ   สามีคุณเข้าข่าย ข่มขู่-รีดไถ ตั้งแต่เค้าขอให้คุณเอาเงินให้เขาเป็นรายอาทิตย์แล้วล่ะ แล้วเค้าก็เหมือนรู้ด้วยว่า วีซ่าคุณจะหมดอายุในไม่ช้า คุณต้องขอ-อาศัยความร่วมมือจากเขาในการต่อวีซ่า เลยถือโอกาสเอาเปรียบคุณซะเลย  อยู่ใกล้ๆ กับคนประเภทนี้เราว่า อันตราย เหมือนกันนะคะ  ต่อไปในอนาคต ถ้าเขารู้ว่าเค้าสามารถเอาเปรียบคุณได้อย่างไรบ้าง อาจมีอะไรแบบที่ไม่คาดคิดที่เค้าจะข่มขู่ให้คุณทำ ไม่ทราบว่า พอจะหา-สร้าง หลักฐานอะไรได้ไม๊คะ  ลองชวนเขาคุยอีกครั้ง แล้วใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกข้อความดูอย่างที่เพื่อนๆ ข้างบนแนะนำ  แล้วนำข้อมูลเหล่านี้ไปแสดงต่อองค์กรที่เพื่อนๆ แนะนำ ดูว่าเขาจะช่วยอะไรเราได้บ้าง อย่าเพิ่งใจจดใจจ่อกับเรื่องวีซ่ามากนักนะคะ   ขอให้เรื่องร้ายผ่านไปโดยเร็วค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 00:06:58 จากคุณ : AccessError - [ 27 เม.ย. 52 23:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 93 หรืออาจจะใช้วิธีร้าย ๆ บ้าง เช่น ถ้าเขาต้องการเงิน ก็อย่าเพิ่งไปให้ แต่ต่อรองเขาว่า หากเขาต้องการเงิน ให้เขาไปจัดการเรื่องวีซ่าให้เราก่อน แล้วค่อยให้เงิน อีกแค่สองสามเดือนเอง  ให้รอไปก่อน แต่ตอนนี้ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด ตกลงกันให้เรียบร้อย จะเอาเท่าไหร่ สำหรับ การไปช่วยต่อวีซ่า แต่อย่าเพิ่งจ่ายนะ รอให้ได้วีซ่าจนสำเร็จก่อน แล้วค่อยจ่าย (หรือไม่จ่าย ชักดาบซะเลย) พอได้วีซ่าถาวรแล้ว ค่อยว่ากัน จะแยกกันอยู่ หรือ ไปฟ้องร้องหย่ากันให้เด็ดขาดซะ ร้ายมา ก็ต้องร้ายไป จากคุณ : นายบราวน์ - [ 28 เม.ย. 52 00:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คนเคยรักกันไล่กันได้ลงคอ น่าสงสารมากๆ แต่ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง เอาเป็นว่าส่งกำลังใจ สวดมนต์ช่วยให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดีก็เเล้วกันนะคุณจขกท. พระคุ้มครอง บุญรักษา มีเวลาเข้ามาอัพเดทให้ฟังบ้าง เป็นห่วงนะ จากคุณ : เต่าตาตุ่ม - [ 28 เม.ย. 52 01:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เข้ามาให้กำลังใจเหมือนกันค่ะ ฟังแล้วเป็นห่วงมาก สภาพเศรษฐกิจที่อังกฤษก็ไม่ดีเลย หางานใหม่ก็ใช่จะง่าย ๆ สามีคุณทำไมใจร้ายจังคะ ดิฉันเป็นนักเรียน เรียนที่ลอนดอนค่ะ เช่าแฟลตอยู่ แต่เป็นแฟลตของรัฐบาล ดิฉันรู้ดีค่ะว่ามันไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไรกับชีวิตในแฟลตของรัฐแบบนี้ ทั้งสภาพอากาศที่กดดันคนจากเมืองร้อนอย่างพวกเรา มันไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมสติให้มั่นคงได้เหมือนตอนอยู่เมืองไทย ไหนจะไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องอีก แต่เรามาถึงนี่แล้ว สู้ นะคะ สู้ คำเดียวเลย มีสติให้มาก ๆ อย่าให้อารมณ์พาไป อดทนให้มาก ๆ เค้าด่ามาเราก็เดินหนีค่ะ อย่าพยายามมีปากเสียง ดิฉันเป็นห่วงกลัวคุณเจ้าของกระทู้จะโดนทำร้ายร่างกาย ผู้ชายอังกฤษขอบดื่ม แฟนของเพื่อนดินฉันก็แสดงนิสัยแย่ ๆ ออกมาเวลาเมา เพื่อนร้องไห้ประจำ ดิฉันบอกคำเดียวว่า ถ้าเค้าทำร้ายร่างกายเราเมื่อไร แจ้งความทันที ต้องแจ้งความก่อนนะคะ คนแจ้งความก่อนได้เปรียบ อย่างน้อย ๆ เรามีหลักฐานการโดนทำร้าย เวลาเรื่องถึงศาลมันจะเป็นผลดีกับเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฉันหวังว่าเรื่องแย่กว่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณนะคะ อดทนไว้นะคะ ผู้หญิงไทย เข้มแข็งอยู่แล้ว จากคุณ : ทิพย์ - [ 28 เม.ย. 52 01:31:54 A:10.46.112.176 X:212.183.134.209 TicketID:213898 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เห็นกระทู้นี้เมื่อไม่กี่วันแต่เพิ่งจะมีเวลาเข้ามาตอบ ดิฉันถือวีซ่าเดียวกันกับ คุณจขกท.จึงขออนุญาตออกความเห็นเกี่ยวกับการ apply Indefinite Leave to Remain ของคุณว่าถึงแม้สามีของคุณจะให้ความร่วมมือ กระบวนการนี้ อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด คุณและสามีต้องพิสูจน์ให้ทางโฮมเห็นว่าคุณสามีมีสถานะทางการเงินที่ สามารถ support คุณในฐานะคู่สมรสได้โดยไม่ต้องพึ่ง public fund และ ต้องมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ดังจะเห็นได้จากตอนที่คุณ apply 2-year probationary Leave To Remain ที่คุณต้องแสดงรายได้ของคุณและ สามี คุณต้องกรอกแม้กระทั่งค่าเช่า/ค่าผ่อนบ้านรายเดือน ยิ่งตอนนี้คุณ ตกงานเวลายื่นเอกสารทางการเงินคงมีผลต่อการพิจารณา ที่กล่าวมาทั้งหมดมิได้หวังจะบั่นทอนกำลังใจแต่อยากให้คุณมองหลายๆ ด้าน เริ่มจากการหันไปมองคนข้างตัวคุณแล้วถามตัวเองให้ดีว่า ถึงเค้าจะ ไม่ออกปากไล่คุณ แต่จากอุปนิสัยและการปฏิบัติตัวต่อคุณ คุณยังจะอยาก ใช้ชีวิตที่เหลือทั้งชีวิตกับเค้ารึไม่ ขอให้จำไว้เสมอว่าคุณยังมีประเทศไทย ที่ยินดีต้อนรับคุณกลับอยู่เสมอนะคะ ที่ไหนในโลกนี้ก้อไม่เหมือนบ้านเรา ดิฉันเองอยู่ลอนดอน ถ้าคุณคิดดีแล้วและตัดสินใจจะเดินหน้าต่อก้อหลังไมค์ มาได้นะคะ ยินดีช่วยเหลือเสมอ อย่างน้อยหากเป็นที่ให้คุณระบายทุกข์ได้ ก้อยังดี แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 05:40:55 จากคุณ : Mocha Latte - [ 28 เม.ย. 52 02:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 97 คนไทยในห้องไกลบ้านทุกๆคนมีน้ำใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้คุณ จขกท. นะคะ ยังไงก็คิดดีๆๆอย่างที่ทุกคนบอกไว้ กลับบ้านเถอะค่ะ อยู่เมืองไทยถ้าขยันยังไงก็ไม่อดตาย จากคุณ : แสบซ่าส์ก๋ากั่น - [ 28 เม.ย. 52 02:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ pop_line อยู่เมืองอะไรคะ ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกนะคะ ถ้าเราช่วยได้เราจะพยายามเต็มที่ค่ะ จากคุณ : pervpanda - [ 28 เม.ย. 52 03:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เห็นเพื่อน ๆ หลายคนแนะนำให้อยู่และต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ บีพีว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่บุคคลิกและอุปนิสัยของคุณเ้จ้าของกระทู้นะคะ แต่อยากจะให้ปรึกษาหน่วยงานของรัฐ เช่น citizen advice bureau ซึ่งคุณจะได้รับความช่วยเหลือด้านคำแนะนำและอาจจะไปถึงหน่วยงาน social service หรือหน่วยงานการกุศลอื่น ๆ ได้ทันท่วงที  ยิ่งปรึกษาแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่จะได้รับความช่วยเหลือย่อมเร็วกว่าที่จะรอจนถึงวินาทีสุดท้าย (ถ้าเกิดการแตกหักขึ้นมา และไม่ทราบว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี หรือถูกทำร้ายร่างกาย) ในความคิดเห็นส่วนตัว การเรียกร้องที่จะเอาค่าเลี้ยงดู ไม่น่าคิดว่าจะไปไกลได้แค่ไหน โดยเฉพาะถ้าชายไม่มีอะไรจะให้เพราะอาศัยเงินสวัสดิการของรัฐกินอยู่ ... ในอดีตผู้ชายเป็นฝ่ายหาเลี้ยง หญิงอยู่บ้าน เลี้ยงลูก ไม่มีรายได้ เราจึงมักสรุปว่าต้องได้รับค่าเลี้ยงดูจากชาย มิฉะนั้นหญิงและบุตรจะลำบากมากเพราะไม่มีอาชีพ  ในยุคปัจจุบัน หญิงหลายคนมีรายได้มากกว่าสามี และบางรายเป็นหัวหน้าครอบครัว (สามีเป็นพ่อบ้าน)จึงไม่สามารถสรุปได้ทุกกรณีว่า เวลาเลิกราจากกัน หญิงจะได้ค่าเลี้ยงดูจากชายเสมอไป เรื่องที่อยู่อาศัย ในเมื่อสามีรับเข้ามาอยู่  คุณก็มีสิทธิ์อยู่ในที่อาศัยนั้นเสมอกัน บีพีว่า ถ้าคุณนำเรื่องไปปรึกษาหน่วยงานของรัฐ (ยิ่งบ้านเป็นของ council แล้ว เขายิ่งไม่มีสิทธิ์มาไล่) แล้ว เขาคงสามารถยืนยันให้คุณมั่นใจได้ระดับหนึ่ง  ยกเว้นว่า เรื่องของสามีภรรยาในเรื่องการจัดสรรค่าใช้จ่าย เขาคงไม่สามารถเข้ามายุ่งได้ นอกจากแนะนำและไกล่เกลี่ย เพราะเข้าใจว่า สามีคุณได้รับ benefits ของรัฐในระยะนี้  คุณเองก็คงได้รับเช่นกัน เพราะเพิ่งตกงาน job centre ก็ต้องจ่ายเงินให้คุณอยู่แล้ว เป็นรายสัปดาห์ (ได้รับทีละสองสัปดาห์ใช่ไหมคะ) ฉะนั้นค่าใช้จ่ายในครอบครัว คุณกับสามีก็ควรเฉลี่ยหารช่วยกันไป  เพราะถ้านำรายได้จากรัฐมาเพียงคนเดียว .. คงยากนักที่จะพอเลี้ยงดูคนสองคนได้ ในยามทุกข์ยาก ต่างฝ่ายต่างอยู่ในช่วง depression โอกาสที่จะเอาอารมณ์ใส่กันย่อมเกิดขึ้นได้สูงโดยเฉพาะเงินทองไม่พอใช้จ่าย  ยิ่งยุคนี้งานหายากนัก ข้าวของก็ขึ้นราคาเอา เพราะของส่วนมากก็มาจากประเทศอื่น ยิ่งค่าเงินปอนด์ตก ค่าของกินที่ปลูกยังไม่ได้ที่นี่ ก็แพงขึ้น  ...   ถ้าคุณยังรักใคร่กันดีอยู่  การปรองดองความรักความรู้สึกต่อกัน จะเป็นกำลังใจให้กับคู่ชีวิตสามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ค่ะ  แต่ถ้ามัวแต่หันหลังต่อกัน เขาและคุณก็ไม่มีกำลังใจที่จะไปหางาน หรือไปหาแล้ว ตอนไปสัมภาษณ์ หน้าตาเราก็ไม่สดชื่นแจ่มใส ... โอกาสที่จะได้งานคงจะน้อยลงไปอีก  อยากให้คุณและสามีแก้ไขจุดนี้ก่อนนะคะ ก่อนที่จะไปคิดเรื่องวีซ่า เพราะไม่งั้นทั้งคุณและเขาไม่มีรายได้ จะเอารายละเอียดอะไรไปกรอกในแบบฟอร์มตอนยื่นล่ะคะ (ยังไม่นับเรื่องค่าวีซ่าซึ่งปัจจุบันก็แพงเหมือนกัน) ค่อย ๆ แก้ไขไปทีละเปลาะค่ะ อย่าเพิ่งคิดเรื่องหย่า คุณและสามีของคุณต้องดำรงอยู่ในสถานะคู่สมรสค่ะ ไม่งั้นก็ไม่เข้าเกณฑ์นะคะ  ยกเว้นว่า เขาทำร้ายร่างกายคุณ หรือทำร้ายจิตใจคุณจนคุณทนไม่ไหวแล้ว (ถ้าเป็นเช่นนั้น หน่วยงานที่คุณไปติดต่อ ก็จะเป็นพยานให้คุณได้เป็นอย่างดี และถ้าเป็นอย่างนั้น โอกาสที่คุณจะขอวีซ่าเองได้เนื่องจากถูกสามีทำร้าย ย่อมมีสูง)   ขอเอาใจช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ในที่สุดค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 28 เม.ย. 52 03:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เข้ามาติดตามอ่านต่อก่อนจะเข้านอนมาสะดุดใจกับความเห็นของคุณบีพีนิดนึง ก่อนจะวิ่งไปค้นเอกสารมาเพื่อเช็คเรื่อง public fund or benefits ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมก่อนจะมีความเข้าใจผิดเรื่องการเคลมนะคะ Under the Immigration Rules you are not entitled to receive public funds to help meet your living and accommodation costs. In addition your sponsor is not entitled to claim or receive public funds on your behalf. - income-based jobseeker's allowance - attendance allowance - severe disablement allowance - carer's allowance - disability living allowance - income support - child tax credit - working tax credit - social fund payment - child benefit - housing benefit - council tax benefit - state pension credit - an allocation of local authority housing - local authority homelessness assistance It is a condition of your stay that you MUST NOT RECEIVE any of the public funds above. This condition is endorsed in your passport under "no recourse to public funds". If you do claim and receive any of the public funds listed above, that will be a breach of your condition of stay which is a criminal offence under section 24 of the Immigration Act 1971. This may result in your prosecution for that offence and/or curtailment of your leave to stay in the United Kingdom. It may also result in any future application for further or indefinite leave to remain being refused. ประเทศนี้มีสวัสดิการของรัฐดีก้อจริงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเคลมได้ ข้อความที่ ดิฉันพิมพ์ข้างบนคัดลอกมาจากจดหมายที่ได้รับแนบมากับวีซ่าแต่งงานที่มีอายุ 2 ปี ขอให้คุณแม่บ้านยูเคศึกษากฎหมายและเงื่อนไขของวีซ่าแต่งงานให้ถี่ถ้วนก่อนเคลม benefits ใดๆนะคะ คุณจขกท.ไม่สามารถขอความช่วยเหลือรัฐได้ถึงแม้ว่าคุณจะตกงานค่ะ กฎหมายระบุชัดเจน แม้แต่สามีคุณก้อไม่สามารถเคลมในนามของคุณเช่นกัน ฟังดูอาจโหดร้ายแต่กฎมีไว้ให้เราเคารพค่ะ เราขออนุญาตพำนักในประเทศเค้าก้อต้อง ยอมรับเงื่อนไขข้อนี้ด้วยและดิฉันไม่อยากเห็นคุณจขกท.ต้องถูกดำเนินคดีเพราะรู้เท่าไม่ ถึงการค่ะ ขอให้แก้ปัญหาด้วยสตินะคะ สติมาปัญญาจะเกิด หวังว่าคุณจขกท.จะยังคง เข้ามาอ่าน เพื่อนๆสมาชิกมีคำแนะนำดีๆและกำลังใจให้มากมาย โชคดีนะคะ จากคุณ : Mocha Latte - [ 28 เม.ย. 52 04:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ถ้าสามีคุณรับ benefit อยู่  ไม่มีงานและไม่คิดจะหางานละก็  ดิฉันบอกได้เลยว่าโอกาสที่จะได้รับการต่อวีซ่านั้นแทบจะไม่มี นอกจากต้องแสดงหลักฐานว่ามีงานทำ  สามารถเลี้ยงดูคุณได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนพึ่งพารัฐบาลแล้ว  ยังต้องแสดงหลักฐานว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จะเช่าหรือเป็นของตนก็ได้  และยังต้องแสดงหลักฐานการเงิน  เช่น บัญชีเงินฝาก ฯลฯ ถึงจะดีกันแล้ว  แต่ก็น่าจะยากนะคะ  เวลาก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย...ถ้าไม่รีบหางานก็ยากแน่ ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย  แต่เข้ามาให้ข้อมูลจากประสบการณ์ จากคุณ : Amber n the Gang - [ 28 เม.ย. 52 04:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ก่อนนอนแวะมาดูอีกครั้ง  ลืมนึกข้อนี้ไปเลยค่ะ แต่คาดว่า ถ้าคุณทำงานมาระยะหนึ่ง ไม่แน่ใจเรื่องระยะเวลาว่าต้องนานเท่าไหร่ถึงจะมีสิทธิ์ได้ โดยทาง Job Center จะเช็คดูจากประวัติการจ่าย NI ของคุณค่ะ คุณต้องลองติดต่อ Job Centre ว่าคุณมีสิทธิ์หรือไม่ (ไม่ต้องกังวัลว่า ไปติดต่อแล้ว เขาจะมองว่าคุณมาขอเคลม benefit แล้วจะนำไปเกี่ยวพันกับการขอต่อวีซ่า เพราะ jobseeker's allowance เป็น benefit ตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่อยู่ในรายการที่คุณMocha Latte คัดลอกมานะคะ  แต่อาจจะไปเกี่ยวข้องกับสามีของคุณในฐานะเป็นสปอนเซอร์หรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณาอีกครั้งในเวลาที่คุณไปยื่นเรื่องของต่้อวีซ่าค่ะ) benefit ตัวนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือคนตกงานให้มีเงินทองในการหางานทำ  ถ้าหากทำงานไม่ครบระยะเวลาที่จะได้ jobseeker's allowance ทาง Job Centre ก็จะบอกคุณเอง ข้อดีอย่างหนึ่งนอกจากเรื่องงานแล้ว คือทาง job centre จะช่วยจ่าย NI ให้คุณในระยะนี้ด้วย  แต่คุณต้องไปรายงานตัวและแสดงผลว่าคุณได้กำลังหางานทำนะคะ ป.ล.  หนึ่ง  Jobseeker's allowance แตกต่างกับ income-based jobseeker's allowance นะคะ ป.ล. สอง  เข้าใจว่าสามีคุณกำลังรับ income-based jobseeker's allowance อยู่ (ซึ่งถ้าเขาเคลมว่า เขามีคุณอยู่ด้วย ตรงนี้อาจจะไปเกี่ยวพันกับตอนที่คุณไปยื่นขอต่อวีซ่า ซึ่้งโอกาสจะถูกปฏิเสธมีเปอร์เซ็นต์สูง) แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 06:36:35 จากคุณ : บีพี - [ 28 เม.ย. 52 06:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สู้ๆๆนะคะ จขกท. จากคุณ : i'm sad - [ 28 เม.ย. 52 09:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 104 มาให้กำลังใจ จขกท.นะคะ สู้ๆ จากคุณ : Bloome - [ 28 เม.ย. 52 09:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่ได้อยู่อังกฤษ แต่อยากส่งกำลังใจไปให้ เข็มแข็งนะคะ จากคุณ : Idel - [ 28 เม.ย. 52 09:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถ้าอยากได้วีซ่า ก็ต้องยอมเขาก่อนในตอนเเรก พอได้วีซ่าเเล้วก็เลิกค่ะ จากคุณ : Hana* - [ 28 เม.ย. 52 09:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 107 สู้สู้นะคะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : Super Toudou - [ 28 เม.ย. 52 14:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 108 มาส่งกำลังใจ จขกท ค่ะ จากคุณ : รวมการเฉพาะกิจ - [ 28 เม.ย. 52 15:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอแนะนำ กลับมาอยู่เมืองไทยอย่างมีศักดิ๋ศรี และความสบายใจ ดีกว่าค่ะ จากคุณ : ตาน - [ 28 เม.ย. 52 16:02:24 A:94.225.24.58 X: TicketID:019698 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอให้เข้มแข็งและอดทนนะคะเป็นห่วงจังแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ตาแกที่บ้านก็ใช่บ่อยค่ะพูดคำด่าคำเมือ่ก่อนไม่เป็น งง ชีวิต เพือ่นๆรับได้ไหมคะอะไรก็ shit ๆ ด่าเราตลอดเนี่ยะโกธรมากๆเลย จากคุณ : ข้าเจ้าเซ็ง - [ 28 เม.ย. 52 16:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คาดว่า ก่อนหน้าที่คุณได้วีซ่า Spouse ตามสามีมา ... แสดงว่าสามีคุณมีงานทำในก่อนหน้านั้น ใช่ไหมคะ แต่ตอนนี้ ตกงานอยู่ และใช้เงินของรัฐฯ ถ้ายื่นขอวีซ่าถาวร โอกาสถูกปฏิเสธค่อนข้างมากเลยค่ะ นอกจากว่า ตัวคุณเองจะหางานทำ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถ Support ตัวเองได้ หรือ สามีคุณ(น่าจะ) ต้องหางานทำ (ซึ่งดูจากข้อความ เป็นไปได้ยาก) เรื่องวีซ่าถาวร โอกาสผ่านน้อย แต่ถ้าเป็นวีซ่าประเภท FLR (Futher leave to Remain) จะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่าค่ะ แต่ระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ตัวคุณ หรือ คุณสามี(ห่วยแตก) ต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถ ซัพพอร์ต ตัวเองได้นะคะ เฮ้อ..(ถอนหายใจแบบ ยาวๆ) อย่างนี้ดิฉันขอแนะนำ วิธีแบบ คห.ข้างบนๆ เลยค่ะ ติดต่อ ซิติเซ่น แอดไวเซอร์ บูโร ค่ะ เผื่อว่าเค้าจะหาทางออกให้ได้ (นึกถึง พี่ Genf จัง) ถ้ามีอะไรพอที่จะช่วยเหลือได้ หลังไมค์มาได้นะคะ อยู่แถว South west ค่ะ จากคุณ : Massy - [ 28 เม.ย. 52 16:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 112 Rep #102 I do apologise to khun pop-line. I totally forgot about the difference between jobseeker's allowance and income-based jobseeker's allowance. You would find some useful info from www.direct.gov.uk under money, tax and benefits topic or simply call the job centre. Best wishes, จากคุณ : Mocha Latte - [ 28 เม.ย. 52 18:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาให้กำลังใจคุณ จขกท ค่ะ จากคุณ : Put the Kettle On - [ 28 เม.ย. 52 18:29:17 ]

ความคิดเห็นที่ 114 กลับเมืองไทยดีกว่า เพราะดูจากเรื่องที่คุณเล่าแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่น่าใช้ชีวิตอยู่ด้วยอีกต่อไป แม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งเรื่องต่อวีซ่าถาวรที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะง่าย ๆ อย่างที่คุณคิด เรื่องแรกค่ายื่นเรื่องวีซ่า ก็ปาเข้าไป 750 ปอนด์แล้ว ไหนจะเรื่องเอกสาร, เรื่องเงินที่จะรับรองสถานะภาพครอบครัว และเรื่องเอกสารของทางสามีคุณอีก (ซึ่งเค้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยอีก) และเราเข้าใจสถานะการณ์ของคุณนะคือ เงินเก็บก็มีไม่มากแล้ว วีซ่าก็จะหมดในเวลาอันใกล้อีก แต่เราห่วงความปลอดภัยของคุณมาก ๆ เพราะเค้าเสพยา หากคุณไม่มีเงินให้เค้า เค้าอาจจะทำร้ายคุณนะ เราว่าคุณรีบ ๆ ติดต่อสถานที่ที่สามารถให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่ เพื่อนสมาชิกท่านต่าง ๆ ให้ข้อมูลมาข้างต้นไว้เนิน ๆ ดีกว่า อ่านแล้วอย่าเข้าใจผิดว่าเรามาบั่นทอนกำลังใจของคุณนะ เราเป็นห่วงคุณด้วยใจจริง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีทางแก้ไข เพียงแต่ว่ามองให้เห็นปัญหาให้ถ่องแท้ แก้ปัญหาให้ถูกที่ด้วยความมีสติ เราเอาใจช่วยคุณให้ผ่านเวลาอันเลวร้ายนี้ไปด้วยดี มีสติ และรักตัวเองมาก ๆ จากคุณ : เข้าใจนะ - [ 28 เม.ย. 52 19:12:25 A:86.154.192.217 X: TicketID:163507 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เจ้าของกระทู้ หายไปแล้ว.... จากคุณ : BluemirroR - [ 28 เม.ย. 52 23:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เรามีข้อสงสัย คือ เท่าที่อ่านจากหลาย คห. ทำนองว่า  หาก สามี ไม่มีงานทำ ภรรยาก็ตกงาน โอกาสที่จะขอวีซ่าถาวร ยาก (อันนี้เข้าใจ) แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไปขอต่อวีซ่า เขาก็ต้อง ให้อะไรมาบ้าง เพราะถ้าเขาไม่ต่อวีซ่าให้เลย ก็แปลว่า เขากีดขวางการใช้ชีวิตคู่ไปโดยปริยาย (ใช่ไหม??) เพราะคุณจขกท. ก็ต้องกลับไทย สถานเดียว ไม่มีวีซ่าแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่เรื่องวีซ่า เขามาตัดสินการใช้ชีวิตคู่ของคนอื่นได้ด้วยเหรอ?? (แม้ว่า การใช้ชีวิตคู่นั้น จะระหองระแหง หรือ อยู่รอดยาก ก็ตาม) ปล. ผมไม่เข้าใจ กฏหมาย อังกฤษเลย จากคุณ : นายบราวน์ - [ 29 เม.ย. 52 00:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เข้ามาดูอีกรอบ...เห็นกระทู้ที่ 116 ของคุณ นายบาวน์ อยากจะเล่าให้ฟังค่ะ... น้องข้างบ้าน (ที่อังกฤษ)ก็ได้วีซ่าคู่สมรส 2 ปีมาจากเมืองไทยเหมือนคุณจขกท. ตอนนี้เธอมีลูกเล็ก ๆ 4 เดือน 1 คน และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเธอต้องไปยื่นขอวีซ่า Leave to Remain ที่โฮมออฟฟิศ เธอได้โทร.นัดวันเพื่อไปยื่นเอกสาร วันที่เธอได้วันนัดจากโฮมออฟฟิศนั้น วีซ่าเธอเหลือแค่ 7 วัน พอถึงวันนัดเธอก็นำเอกสารต่าง ๆ ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเอกสารของเธอแล้วบอกว่าคงจะให้วีซ่าไม่ได้...งงไม๊หล่ะ...ทั้ง ๆ ที่สามีของเธอก็ทำงานเป็นหลักแหล่ง มีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ที่ไม่ได้วีซ่านั้นเพราะเธอขาดจดหมายหรือเอกสารบางอย่างที่ครอบคลุมระยะเวลา 2 ปีที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษ...ตอนนี้เธอได้กลับไปเมืองไทยแล้ว และกำลังจะยื่นขอวีซ่าคู่สมรส2ปีจากเมืองไทยมาอีกครั้ง...ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อยากบอกจขกท.ค่ะ ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้วีซ่าตัวนี้ ยิ่งคุณก็ตกงาน สามีก็รับ benefit จากรัฐบาลด้วยยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะคุยกับสามีคุณ แล้วสามีคุณยอมที่จะให้เอกสารของเขาในการขอวีซ่า ดิฉันก็ยังคิดว่าคุณก็คงจะไม่ได้วีซ่าอยู่ดี เพราะหลักในการพิจารณาวีซ่าของอังกฤษขึ้นอยู่กับว่าคุณและสปอนเซอร์ของคุณจะต้องไม่เคลม Bebefit fund ด้วยค่ะ จากคุณ : ยูเค - [ 29 เม.ย. 52 00:59:08 A:81.170.85.231 X: TicketID:170937 ]

ความคิดเห็นที่ 118 จขกท หายไปเลย เข้ามาติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ คุณ คห/117 เรื่องที่คุณเล่าให้ฟังเกี่ยวกับน้องข้างบ้าน ดิฉันค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมทางโฮมออฟฟิศถึงไม่ให้เวลาในการยื่นเอกสารเพิ่มเติม เพราะ ว่ามันคล้ายกับกรณีของดิฉันตอนยื่นขอวีซ่าถาวรค่ะ ดิฉันโทรนัดและไปยื่นด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเอกสารไม่ครบไม่สามารถให้วีซ่าได้ แต่ได้ ให้จดหมายนัดมาใหม่พร้อมกับขอเอกสารเพิ่มเติม ซี่งก็คือขอจดหมายย้อนหลังตั้งแต่ปีที่แต่งงานจนถึงปีที่ยื่นขอวีซ่าถาวรทั้งของดิฉันและสามีรวมทั้งหมดยี่สิบฉบับ พอกลับไปยื่นใหม่ตามวันนัดก็ได้วีซ่าเลย พร้อมกับขอโทษที่ทำให้เราต้องเสียเวลามาถึงสองครั้ง จากคุณ : ridgehouse - [ 29 เม.ย. 52 03:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ตอบคุณนายบราวน์นะคะ เพื่อไม่ต้องรับภาระทางด้าน benefit ค่ะ  เพราะวีซ่าคู่สมรสนั้น  ไม่สามารถขอรับสิทธิอะไรจากทางการได้เหมือนกับพลเมืองของเขา  แม้จะเป็นคู่สมรสก็ตาม อังกฤษมีผู้อพยพมาก  ลี้ภัยการเมืองมาจากที่ต่าง ๆ หลายประเทศ  ทั้งมาจากประเทศที่อังกฤษเคยปกครองมาก่อน  และประเทศที่มีสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นอันตรายต่อพลเมือง  คนเหล่านี้ขอมาลี้ภัย  ทางการก็ช่วยโดยการจ่ายเงินสนับสนุนเพื่อให้ดำรงชีวิตต่อไปในสังคมได้  ก็มาจากตัว benefit ทั้งหลายนี่แหละค่ะ อันนี้ยังไม่รวมถึง "สวัสดิการ" ที่ต้องจ่ายให้พลเมืองของเขา  เช่น เงิน pension เงินสนับสนุนผู้ไม่มีงานทำอย่างเช่นคุณสามีของคุณจขกท. เงินสนับสนุนผู้ที่ตกงานและกำลังหางาน สวัสดิการการรักษาพยาบาลฟรีให้คนท้องและเด็กต่ำกว่าอายุสิบหกปี  และผู้สูงอายุวัยเกษียณไปแล้ว   การศึกษาฟรีให้พลเมืองที่อายุต่ำกว่าสิบหกปีในโรงเรียนรัฐบาล ฯลฯ เห็นไหมคะ  แค่นี้ก็อ่วมแล้ว  คนที่มีรายได้ก็เจอภาษีกันอ่วมไป  เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีจ่ายให้ council ภาษีเงินฝากบัญชีประจำ ออมทรัพย์ ฯลฯ  เพื่อเอามาใช้จ่ายดังนี้แหละค่ะ สรุปก็คือ  ไม่อยากรับภาระเพิ่มมากกว่าที่เป็นน่ะค่ะ  ถ้าไม่จำเป็นก็ป้องกันไว้ก่อน  เท่านั้นเอง จากคุณ : Amber n the Gang - [ 29 เม.ย. 52 04:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ตอบเพิ่มเติมคุณนายบราวน์ (ต่อจากคุณ Amber n the Gang) นะคะ เคยสอบถามเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น ที่ต้องมีหน้าที่พิจารณาคดี ในกรณีที่คนต่างชาติอยู่เกินกำหนดวีซ่า (หน่วย Enforcement Unit) เขาบอกว่า ค่าใช้จ่ายในเรื่องตำรวจ โรงพยาบาล โรงเรียน ฯลฯ คำนวณออกมาแล้วสูงกว่า และเป็นภาระมากกว่าที่จะให้คนต่างชาติคนนั้นอยู่ต่อ แต่ถ้าคนต่างชาติคนนั้นไม่เห็นด้วย เขาก็แนะนำให้นำเรื่องไปร้องเรียนต่อหน่วยงานอื่นได้ เช่น องค์การเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เป็นต้น  (กรณีร้องเรียนนี่ บีพีก็ไม่ทราบนะคะว่ามีคนชนะคดีกี่คน แพ้กี่คน ควรสืบและสอบถามไปยังหน่วยงานดังกล่าวค่ะ) อีกประการหนึ่งคนในชาติ (แม้แต่คนต่างชาติที่มาตั้งรกรากมานาน) ก็ให้ความคิดเห็นต่อสื่อว่าประเทศนี้เป็นเป้าหมายของคนชาติอื่นที่อยากจะเข้ามา เพื่อรับ benefit เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหนไม่ทราบ เพราะบีพีไม่มีตัวเลขในมือเปรียบเทียบ ฟังเอาจากข่าวนะคะ  ปัจจุบันรัฐจึงเริ่มใช้บัตร ID โดยเริ่มที่คนต่างชาติก่อน   ต้องบอกข้อมูลเพิ่มว่า รัฐเองก็มีปัญหาเรื่อง pension เพราะถือเป็นระเบิดเวลาตัวหนึ่ง ทำได้ก็คือผลักภาระให้ยืดออกไปหน่อย นั้นคือยืดอายุให้คนทำงานกันต่อไป เวลาเกษียณจะได้ช้าออกไปหน่อยนึง กรณีนี้ก็ออกกฎเริ่มทำมาหลายปีแล้วค่ะ (อาจจะมีการยกเว้นสำหรับคนที่เกิดก่อนพ.ศ.อะไรก็จำไม่ได้ เพราะก็วิเคราะห์กันมาหลายปีแล้ว) จากคุณ : บีพี - [ 29 เม.ย. 52 05:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 121 มาให้กำลังใจ ^^ จากคุณ : ลิงคุง (ลิงคุง) - [ 29 เม.ย. 52 12:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 122 I do not know the full story but according to what you've been telling us here it can possibly be classed as "a domestic violence". ข่มขู่ ขับไล่ ด่า คําหยาบ ใส่ดิฉัน สามีบอกว่าต่อไปนี้ให้ดิฉันเอาเงินให้เขา 100 ปอนด์ทุกๆอาทิตย์ถ้าอยากอยู่กับเขาต่อไป http://www.foreignersinuk.co.uk/guides-domestic_violence_the_immigration_aspect_509.html The definition of Domestic Violence Domestic violence is defined by the Home Office as "any incident of threatening behaviour, violence or abuse (psychological, physical, sexual, financial or emotional ) between adults who are or have been intimate partners or family members regardless of gender or sexuality". The legal definition of injury is "Any harm done to a person by the acts or omissions of another." These definitions serve as guidance to the Home Office in order to assess whether there has been domestic violence against the applicant or whether there are sufficient reasons to believe that the incidents occurred during the course of a marriage or relationship constitute domestic violence. http://www.homeoffice.gov.uk/crime-victims/reducing-crime/domestic-violence/ "Whatever form it takes, domestic violence is rarely a one-off incident. Usually it's a pattern of abusive and controlling behaviour through which an abuser seeks power over their family member or partner." Do you need help? If you're in a violent or abusive relationship, or if you're supporting somebody in that situation, help is available. Download our leaflet on domestic violence, which contains information that could help. You can also find more information on the Direct.gov website, (new window) and on websites of support groups such as Refuge (new window) and Women's Aid (new window). At the bottom of this web page there's a list of helplines that can offer help. You can ring any of the Home Office helplines and urgently ask for help. English National Domestic Violence: 0808 2000 247 Northern Ireland Women's Aid: 0800 917 1414 Scottish Domestic Abuse: 0800 027 1234 Wales Domestic Abuse: 0808 80 10 800 http://www.foreignersinuk.co.uk/guides-domestic_violence_the_immigration_aspect_509.html Proving that you are a victim In order to succeed in a claim for domestic violence, the Home Office will require documentary evidence to prove that domestic violence has occurred. The kind of evidence should include one of the following documents: * An injunction, non-molestation order or other protection order (other than an ex-parte or interim order); * A relevant court conviction; * A relevant police caution; Or at least 2 of the documents listed below: * A medical report from a hospital doctor or registered family practitioner (GP) who has examined you, confirming that the injuries are consistent with being a victim of domestic violence; * A police report confirming that, because of a domestic violence incident, they attended the address at which the incident(s) took place; * A letter from a social services department confirming its involvement in connection with domestic violence committed against you; * A letter of support or a report from a domestic violence support organisation/refuge. Who can claim for settlement If you can prove you are a victim of domestic violence, you make a claim for settlement or indefinite leave to remain in the UK (or ILR). A successful application made on the basis of domestic violence would give you and your dependants Indefinite leave to remain in the UK. You can make a claim if you are: - the spouse, unmarried partner or civil partner of someone present and settled in the UK - or the spouse, unmarried partner or civil partner of an EEA national exercising treaty rights in the UK It is important to note that you are not entitled to make an application for settlement even if you can establish beyond any doubt that you have been a victim of domestic violence if you are: - the fiancee or proposed civil partner of someone present and settled in the UK - the fiancee or proposed civil partner of EEA nationals exercising treaty rights in the UK - the spouse, unmarried partner or civil partner of a person having limited leave to remain in the UK - the spouse, unmarried partner or civil partner of a person seeking asylum in the UK If you are the spouse/unmarried partner/civil partner of a person settled in the UK: -  you must have been admitted or given an extension of stay for a period of 24 months as the spouse/unmarried partner/civil partner of a person settled in the UK; - and your relationship must have subsisted for at least the initial period of your stay as spouse/unmarried partner/ civil partner. Other requirements are: - you should no longer be living with your settled spouse; - the domestic violence must have occurred during the 2 year probationary period and while marriage was subsisting; - the domestic violence was the only or main reason for the breakdown of the marriage / relationship; In addition to the above, the following factors must also be noted: - you don't need to prove that you can maintain and accommodate yourself without recourse to public funds; - you can apply together with any of your dependants who are not already British citizens - you can also apply against the domestic violence carried out by a family member of your spouse/partner (such as mother in law, father in law, sister in law), from whom your spouse does not offer any protection. Such incidents are most common when you live with your spouse/partner's family members in the same household. If you fulfil all the criteria of the immigration rules by providing the required documentary evidences and complying with other regulations, you and your dependents will be given indefinite leave to remain in the UK. http://www.islington.gov.uk/DownloadableDocuments/HealthandSocialCare/Pdf/nrpf_domestic_violence_guidance.PDF Best wishes. แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 14:49:24 จากคุณ : genf - [ 29 เม.ย. 52 14:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ดิฉันค่อนข้างจะมั่นใจว่าการที่ Home Office จะให้วีซ่านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะของสามีเลย อาจเป็นเพียงส่วนประกอบแต่ไม่น่าจะถึงขนาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะจนขนาดที่ต้องพึ่งรัฐก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิทธิที่จะมีภรรยา ถึงขนาดต้องจับแยกหรือส่งกลับ  เค้าน่าจะพิจารณาจากหลักฐานประกอบต่างๆที่มีต่างหาก และดูว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่รักและอยู่ด้วยกันจริงหรือเปล่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่มากกว่า สถานะทางการเงิน ตอนที่ดิฉันขอเมื่อหลายปีมาแล้ว สามีดิฉันไม่ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง เรายังเช่าห้องเล็กๆอยู่ แถมสามีเพิ่งออกจากงานเพราะบริษัทเปลี่ยนเจ้าของใหม่ และยังเพิ่งกลับเข้ามาอยู่อังกฤษได้แค่ปีเดียวจากที่หายหน้าไปทำงานในแถบเอเชียเสียเกือบเจ็ดปี จู่ๆก็นึกอยากกลับมาอังกฤษแบบตกงาน บ้านก็ไม่มี ดิฉันยังได้วีซ่าเลย ไม่มีการสัมภาษณ์ใดๆ แค่ส่งเอกสารต่างๆที่เค้าขอมาหนึ่งเดือนก่อนวีซ่าจะหมด แค่นั้นจริงๆ มันไม่ได้อยู่ที่ว่าสามีรวยพร้อมถึงจะอยู่ที่นี่ได้ แต่อยู่ที่ว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริงหรือเปล่า อยู่กินด้วยกันจริงหรือเปล่า ไม่มีใครหรอกค่ะที่จะมาแยกสามีภรรยาที่รักกันออกจากกันเพียงเพราะว่าสามีไม่มีงานทำ ประเทศนี้เค้าพัฒนาแล้วทางจิตใจ เค้าไม่กลัวหรอกค่ะว่าต้องมานั่งเลี้ยงดูแลกัน เลี้ยงคนแก่ตามโรงพยาบาลและตาม Nursing Home ยังแพงกว่าอีก ไหนจะพวกที่ลึ้ภัยอีกล่ะ ที่เค้ากลัวคือพวกที่แอบอ้าง พวกที่แต่งงานหลอกๆเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง หาเงินเข้ากระเป๋า สิ่งที่สำคัญมากๆสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมักจะลืมก็คือเรื่องเอกสารต่างๆ  ควรเตรียมหาไว้ให้ครบก่อนยื่นเรื่อง และควรเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ไม่ไช่วีซ่าจะหมดอีกสองวันค่อยทำเรื่อง ควรมีการวางแผนที่ดี เช่นเรื่องบิลต่างๆก็ควรใส่เป็นชื่อของเราสองคนเพื่อเตรียมเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐาน บัญชีธนาคาร ใบขับขี่ ต้องทำเตรียมไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องกุมขมับวิ่งหา   ตัวสำคัญในเรื่องนี้น่าจะเป็นที่สามีมากกว่า ถ้าสามีอยากให้คุณอยู่ มันก็เป็นไปได้ถึงแม้ว่าจะไม่มีงานทำทั้งคู่ก็ตาม ในขณะที่หลายๆคนอาจจะไม่พอใจนัก แต่นี่คือความจริง และดิฉันเห็นมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองคู่ที่ทั้งสามีและภรรยาไม่มีงานทำทั้งคู่ อยู่บ้านของรัฐ และมีลูกคนละสอง สามคน ก็เห็นอยู่กันได้ จากคุณ : Gisele - [ 29 เม.ย. 52 16:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เจ้าของกระทู้นี่ดิฉันออกจะเห็นใจ  ยังไงแก้ปัญหาที่ละอย่างๆไป ดิฉันจะไม่ว่าสามีคุณร้าย(ถึงแม้ว่าจะขอเก็บเงินจากคุณก็ตามแต่) เพราะคนเราไม่เหมือนกัน ดิฉันไม่ต้องการวัดว่าสามีที่ดีต้องเลี้ยงดูภรรยาเท่านั้น จะบอกให้ค่ะว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งที่เอาตัวเองยังจะไม่รอด ต้องมาอยู่กับผู้หญิงที่ตกงาน ไม่มีเงินทั้งคู่ สิ่งแรกที่เค้าคิดถือ ไม่ต้องการที่จะช่วยเหลือคุณเพราะนอกจากตัวเองจะแย่แล้ว ยังต้องมามีคุณคอยถ่วงอีก ส่วนคุณก็คงจะต้องน้อยอกน้อยใจ และเสียใจยิ่งนัก โกรธแค้น ที่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นทุกวันนี้  ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไรจากผู้ชายคนนี้ ถ้าเค้าไม่มีสิ่งที่คุณปรารถนาก็คงต้องตัดใจเลิกค่ะ รู้ว่าทำได้ยากมากๆ ยิ่งอยู่ต่างบ้านต่างเมืองไม่มีครอบครัวคอยให้กำลังใจ ไม่มีเพื่อนฝูงซับน้ำตา มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่  สิ่งที่คุณควรทำตอนนี้คือหางานทำให้ได้ จะได้มีเงินใช้ จะเป็นงานอะไรที่พอทำได้ทำไว้ก่อนจะได้มีเงินพอที่จะยืนด้วยขาของตัวเอง  ถ้าทนไม่ไหวก็มีหน่วยงานที่คอยให้ความช่วยเหลือตามที่คุณๆข้างบนกรุณาบอกมา  อย่ามัวแต่เศร้า ทุกอย่างมีทางออก มีทางแก้ไขทั้งนั้น จากคุณ : Gisele - [ 29 เม.ย. 52 17:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ขอตอบคุณ ridgehouse กระทู้ที่ 118 ค่ะ โฮมออฟฟิศก็นัดให้ไปยื่นเอกสารใหม่เหมือนคุณค่ะ แต่เอกสารที่โฮมออฟฟิศขอเพิ่มเติมนั้นเธอก็ไม่มีไปให้อยู่ดี โฮมออฟฟิศเลยบอกให้กลับไปทำใหม่ที่เมืองไทย ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะได้วีซ่าอีกหรือไม่ แต่ถ้าได้โฮมออฟฟิศยืนยันว่าไม่ต้องรอจนวีซ่าหมดอายุก็ให้ไปยื่นขอ Leave to Remain ได้เลยค่ะ จากคุณ : ยูเค - [ 29 เม.ย. 52 17:46:25 A:88.109.107.155 X: TicketID:170937 ]

ความคิดเห็นที่ 126 อยากให้กิฟคุณgenf เสียดายไม่มีแล้วในสต๊อก ขอให้เป็น แทนนะคะ ไม่ทราบคุณเจ้าของกระทู้กลับมาอ่านหรือเปล่า แต่คาดว่าถ้าคุณหาเวลาได้  คงกลับมาอ่านแน่นอน (เหมือนบีพี ขนาดออกไปนอกบ้าน ก็ยังอดคิดเรื่องคุณไม่ได้ ว่าป่านนี้ได้ไปติดต่อหน่วยงานที่แนะนำกันไปหรือยัง  เพราะเกรงว่า ถ้าช้าไป อาจจะมีเหตุที่ไม่ดีกว่านี้เกิดขึ้น) ข้อมูลก็คือข้อมูล แต่ตัวคุณเองต้องเป็นคนนำไปปฏิบัตินะคะ ขอเอาใจช่วย ... ให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่คุณปรารถนา ป,ล.  ในอดีตการขอวีซ่าประเภทนี้ ไม่ค่อยยุ่งยาก ร้อยละเกือบร้อยได้วีซ่ากันทั้งนั้น  ยกเว้นแต่ประเภทเข้ามาวีซ่าท่องเที่ยว มาแต่งงานจดทะเบียนที่อังกฤษ แล้วส่งเอกสารไปขอต่อ ถึงแม้จะมีใบจดทะเบียนสมรสก็ตาม โฮมออฟฟิคก็จะส่งเรื่องไปให้อิมมิเกรชั่นทำเรื่องส่งตัวคนต่างชาติกลับประเทศ และให้ไปทำเรื่องขอที่สถานทูต ณ ประเทศของตนเพื่อเข้ามาใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ถูกต้องกับประเภทของการใช้วีซ่า  (แต่ก็มีกรณียกเว้นเหมือนกัน ขอไม่ตอบรายละเอียดก็แล้วกันนะคะ) จากคุณ : บีพี - [ 29 เม.ย. 52 23:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมก็คิดเช่นเดียวกับคุณ Gisele ใน คห. 123   ว่า คนที่จน หรือตกงาน ก็มีสิทธิ์ที่จะมีคู่สมรสได้ ถ้าเขาไม่ต่อวีซ่าให้ เพราะเรื่องแค่นี้ มันก็ เป็นการบังคับให้ คู่สมรส ต้องแยกจากกัน มันมีด้วยเหรอแบบนี้ แต่ตัวอย่างที่คุณ ยูเค ในคห.117 ที่ยกมา ก็ ดูแล้วยิ่งแปลกใหญ่ อยู่ดี ๆ คู่สามีภรรยา ต้องโดนจับแยกกันอยู่คนละประเทศ ตัวผมเอง ก็ใกล้จะถึงกำหนดต้องต่อวีซ่า ในปลายปีนี้เหมือนกัน แต่กรณีของผมสะดวกหน่อย เพราะมีงานทำ มีสัญญาจ้างงาน มีรายได้ ไม่ได้ขอสวัสดิการจากรัฐ ของผมก็ข้อมูลสับสนเหมือนกัน มีบางคนบอกว่า พอวีซ่าหมดอายุแล้ว ผมจะขอ วีซ่าถาวร หรือ เปลี่ยนสัญชาติก็ได้ บางคนก็บอกว่า อาจจะต้อง ใช้วีซ่าระยะยาว (สองหรือสามปี) ต่อไปอีกสักระยะนึง แล้วจึงจะได้วีซ่าถาวร แต่ส่้วนตัว ผมไม่ค่อยใส่ใจอะไรนัก  ให้อะไรมาก็รับไว้  แต่ให้มายาว ๆ เลยก็ดี จะได้ไม่ต้องไปติดต่อราชการบ่อย ๆ เบื่อมาก จากคุณ : นายบราวน์ - [ 30 เม.ย. 52 01:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 128 คห 36 คุณพัฒน์ อยู่ใกล้ Liverpool เหรอค่ะ เราก็เคยไปอังกฤษกับสามีแฟลตอยู่แถวแม่น้ำเมอร์ซี่ แต่ตอนนี้เราอยู่เมืองไทยทั้งคู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ จขกท นะคะขอให้ผ่านไปด้วยดี จากคุณ : Rosecottage - [ 30 เม.ย. 52 07:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 129 น้องหนูเข้ามาเป็นกำลังใจให้คุณจขกท. ค่ะ . จากคุณ : suttimon - [ 30 เม.ย. 52 16:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะคะ เพึ่งเข้ามาอ่าน ถึงอยู่คนละที่(เยอรมนี) แต่ก็คนไทยไม่ทิ้งกันคะ นี่หนูก็เพิ่งได้วีซ่า ๓ ปี หัวอกคนต่างแดนนี่มันเหงานะคะ คิดถึงบ้าน พี่ๆคนไหนอยู่ที่นี่ ก้อแวะมาให้ความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับครอบครัวบ้างนะคะถ้าใครอยู่ต่างแดนไม่มีไทยคีย์บอร์ดลองใช้เวปนี้คะ Dr.Yes' English/Thai Keyboard Emulator จากคุณ : kika - [ วันแรงงาน 01:59:46 A:79.210.124.91 X: TicketID:214337 ]

ความคิดเห็นที่ 131 อยากให้เจ้าของกระทู้ได้เข้ามาอ่าน เข้ามาเล่าเรื่องราวเพิ่มเติมได้ไว ๆ นะคะ อย่างน้อยจะได้มีกำลังใจจากทุกความคิดเห็นเพื่อใช้แก้ปัญหา รู้สึกอิ่มใจแทนจังเลยค่ะ กระทู้นี้ทำให้รู้สึกว่า ... ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนไทยก็ไม่ทิ้งกัน :] เป็นกำลังใจให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้นะคะ จากคุณ : เบ่บี๊ตัวแสบ - [ วันแรงงาน 06:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : nongpitza - [ วันแรงงาน 12:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 133 สวัสดีอีกครั้งค่ะ และขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งค่ะ ตอนนี้ดิฉันและสามีตกลงกัน OK แล้วสามีใจเย็นลง แต่ไม่ได้ดีกัน 100% เขาบอกจะช่วยเรื่อง ต่อวีซ่า ตอนนี้เริ่มหางานทํา กันทั้งคู่ แต่เรื่องให้เงินสามี๑๐๐ ปอนด์ก็ต้องให้เขาตอนได้งานทําแล้ว อยากถามทุกๆคนนะคะว่า เอกสารอะไรบ้างที่ดิฉันและสามีต้องเตรียมส่งไห้ โฮมออฟฟิตตอนต่อ วีซ่าถาวร ตอนที่ดิฉันมาวีซ่าแต่งงานตอนนั้น คุณแม่,พ่อสามีเป็นคนสปอนเซอรร่วมด้วยถึงได้วีซ่า และแม่สามีเป็นคนออกค่าวีซ่าแต่งงาน 35000 ที่เมืองไทยและออกค่าเครืองบินให้ด้วย ถึงได้มาอังกฤษได้ และตอนนี้แม่เขาต้องการค่าเครืองบิน และค่าวีซ่า 35000 คืนด้วยเช่นกัน ดิฉันต้องจ่ายคืนทั้งหมดถ้ามีเงิน ตอนนี้เวลาชั่วโมงอินเตอรเนตหมดแล้วเดี๋ยวเขียนมาเล่าใหม่ i'm so very saddddddddddd ... จากคุณ : pop_line - [ วันแรงงาน 19:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ดีใจด้วยยยยยค่ะ ที่ได้อ่านข่าวดีเช่นนี้   เรื่องเงินที่ต้องจ่ายคืนแม่สามี เมื่อคุณได้งานการแล้ว ค่อยทะยอยเก็บสะสมเงินจ่าย .. คิดว่า 700 ปอนด์ ไม่นานก็สะสมได้ครบจ่ายหมดแน่ค่ะ  (ถ้ามีงานทำ ประหยัดมัธยัทถ์ มีสุขภาพกายใจแข็งแรงดี)   ส่วนเรื่องช่วยสามีเรื่องค่าใช้จ่าย บีพีว่า ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัว ที่เกือบทุกครัวเรือนต้องช่วยกัน  แบ่งปัน รายรับรายจ่าย ... สามีบางคนมีรายได้ดีหรือสปอร์ตมาก ๆ ก็คงไม่ได้ขอให้ภรรยาช่วย แต่เรื่องนี้หลายครอบครัวทั่วโลก ภรรยาก็มีส่วนช่วย หรือไม่หลาย ๆ คนก็ช่วยมากกว่าช่วยเสียอีก มีหลาย ๆ คู่ทีเดียวที่สามีไม่เคยออกปากให้ภรรยาช่วยเรื่องเงิน เพราะมีรายได้สูง แต่เมื่อวันหนึ่งเกิดตกงาน หรือสุขภาพไม่ดีทำงานไม่ได้ ภรรยาหลายท่านเหล่านั้นก็ออกมาเป็นฝ่ายเดินอยู่ข้างหน้าก็เห็นเยอะแยะไปค่ะ   อย่างไงอย่าไปคิดน้อยอกน้อยใจหรือไปคิดมากในตอนนี้  .. ขอให้เรื่องต่อวีซ่าของคุณดำเนินลุล่วงไปก่อน (หางานทำได้ มีเงินใช้จ่ายก่อนนะคะ) เรื่องเอกสาร ... ขอให้ดูจากลิงค์นี้ค่ะ http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/sitecontent/applicationforms/settlement/formsetm042009 ที่ section 10 จะมีรายการเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องส่งแนบไป  ปรินท์และก็ศึกษาตอนนี้แต่เนิ่น ๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมเอกสารได้ถูกต้องครบถ้วน ส่วนข้อแนะนำก็สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้  (ไม่ควรส่งใบสมัครไปล่วงหน้ามากกว่า 28 วันของวันหมดอายุวีซ่านะคะ) http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/ukresidency/settlement/applicationtypes/applicationformset(m)/ ขอให้ึคุณโชคดี หางานทำได้โดยเร็วไว มีเงินมีทองใช้นะคะ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 20:31:56 จากคุณ : บีพี - [ วันแรงงาน 20:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 135 โอโห...ทำไมครอบครัวคุณสามีถึงเขี้ยวลากดินขนาดนั้นคะ ขนาดจะเอาค่า visa แต่งงาน กับค่าเครื่องบินคืน....เงินไม่กี่หมื่น ให้แล้วก็น่าจะให้เลยตามเลย...คนเราทำกันได้ ยังไงก็ยังดีที่ยังพอเจรจาเพื่อที่จะทำ visa ถาวรได้นะคะ ขอให้ได้วีซ่าถาวร มีงาน มีเงินใช้ และมีอิสระภาพเร็วๆ นี้ค่ะ จากคุณ : Krapook-_-' - [ วันแรงงาน 21:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ลืมนิดนึง .. เรื่องน้อยใจสามีหรือครอบครัวสามีในเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มีบางเคส  ลำบากแย่กว่านี้อีก คือ ฝ่ายชายไปกู้เงินมาให้หญิง เพื่อเป็นค่าเครื่องบินกับค่าวีซ่า  ผู้หญิงมาถึงจากเมืองไทย ต้องทำงานใช้คืน ทั้งต้น ทั้งดอกเบี้ย ... ที่ว่าแย่เพราะต้องรีบหาคืนเร็วโดยไว ไม่งั้นดอกเบี้ยทบต้นทบดอก เพิ่มเร็วมาก เพราะฝ่ายชายยืมเงินผ่านบัตรเครดิต ...   กรณีของคุณเจ้าของกระทู้ อย่างน้อยก็ถือว่า เขาไปยืมมาจากครอบครัวของเขาเอง  จะใช้คืน ก็ยังให้เวลา  ว่าเมื่อไหร่มีงานค่อยใช้คืน  .. คุณยังพอจะต่อรองขอยืดเวลาไปได้  เพียงแต่คงต้องงดการเดินทาง กลับไทยหน่อยนึงนะคะ  เพราะกลับบ้านแต่ละครั้งก็ค่าใช้จ่ายเยอะเหมือนกันค่ะ ลืมคำนวณค่าตั่วเครื่องบินของคุณไปด้วย  ถ้ารวมกันไปก็คงจะพันกว่าปอนด์  ..  คิดในทางบวกนะคะ ก็คือ อย่างน้อยมันไม่มีดอกเบี้ยทบต้น  แถมไม่มีระยะเวลาเร่งรัด ... อดทนนะคะ  สำคัญสุด คือ ความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างคุณกับสามี  คิดว่า ถ้าคู่แต่งงานรักกันช่วยเหลือกัน อุปสรรคย่อมผ่านพ้นไปได้ค่ะ แม้ว่าจะลำบากสักหน่อย  อย่ามัวเสียใจหรือน้อยอกน้อยใจจนขาดกำลังใจนะคะ เพราะแต่ละครอบครัวก็ต่างกันไป  ยิ่งเปรียบเทียบในเรื่องฐานะการเงิน ยิ่งปวดหัวค่ะ จากคุณ : บีพี - [ วันแรงงาน 22:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 137 Glad to hear that things turn out ok for you kha. Might not be as smooth as silk but that's life na kha. Never give up kha. จากคุณ : หมูหนาว - [ วันแรงงาน 22:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ความเห็นของคุณ บีพี คห.134, 136 เป็นข้อความให้กำลังใจทีดีมากๆ ชอบความคิดคุณมาก อ่านแล้ว มีกำลังใจ ถึงแม้จะไม่ได้มีปัญหาในลักษณะนี้ แต่รู้สึกดีมากๆ ที่ได้อ่าน อยากให้คุณ จขกท ได้อ่าน จะได้มีกำลังใจ อย่าไปนึกถึงคนที่เขาดีกว่า ให้คิดถึงคนที่เค้าแย่กว่า จะได้มีกำลังใจ สู้กับชีวิตต่อไป คุณไม่ได้เจออะไรเลวร้ายที่สุดนะ ยังมีคนที่เค้า เจออะไรแย่ๆกว่านี้อีกเยอะค่ะ ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ เมื่อเคลียร์ทุกอย่าง ทั้งเรื่องเงิน และวีซ่า ลงตัวได้แล้ว อะไรต่างๆ ก็จะดีขึ้น และมีทางขยับขยายได้มากกว่านี้ สู้ๆค่ะ อย่าเพิ่งท้อ .... ขอเป็นกำลังใจให้อีกคน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 52 01:38:18 จากคุณ : BluemirroR - [ 2 พ.ค. 52 01:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เข้ามาห้องนี้เป็นครั้งแรก ได้อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกอุ่นใจค่ะ เคยได้ยินมาเสมอๆ ว่าคนไทยในต่างประเทศค่อนข้างเห็นแก่ตัว แต่กระทู้นี้เป็นสิ่งพิสูจน์ได้เลยว่าน้ำจิตน้ำใจยังมีอยู่ในสังคมไทยเสมอ ดีใจแทนเจ้าของกระทู้ค่ะ ซึ้งใจจัง จากคุณ : อ้วนน้อยต่อยหนัก - [ 2 พ.ค. 52 04:35:40 A:203.146.171.14 X: TicketID:187891 ]

ความคิดเห็นที่ 140 เข้ามาซึ้งน้ำใจคนไทยค่ะ ... ขอออกความคิดเห็นนิดนึง จากที่อ่านเรื่องของ จขกท. มาแล้ว .. รู้สึกว่าสามีคุณดูเป็นคนไม่เอาไหน และไม่มีอนาคตเลยค่ะ ... จขกท. แน่ใจเหรอคะ ว่าอยากอยู่กับเค้าต่อจริงๆ .. แล้วครอบครัวเค้า .. ทำไมถึงขนาดนั้นคะเนี่ย โอ้แม่เจ้าา จากคุณ : emilija - [ 3 พ.ค. 52 03:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เป็นอีกคนที่อาศัยอยู่อเมริกา มีแฟนเป็นฝรั่งแต่ยังไม่ได้จดทะเบียน เวลาทะเลาะกัน เขาก็ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของเราเท่าไหร่ คำพูดที่ได้รับค้อนข้างทำให้เราเจ็บปวด สองปีกับการอาศัยอยู่อเมริกา กับแฟนคนนี้ มันก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งกับการใช้ชีวิตกับชาวต่างชาติ ความแตกต่างของอายุ วัฒนธรรม แนวคิด นับว่ามีปัญหากับการดำเนินชีวิตคู่ ตอนนี้ไปไหนไม่ได้เพราะถือว่าเป็นคนผิดกฏหมาย เริ่มต้นด้วยการอยากจะมาอยู่เพื่ออยากเรียนรู้ภาษา และที่สำคัญคือหาเงินซับพอตทางบ้าง มันเป็นสิ่งที่ต้องทำหรือวัฒนธรรมที่สืบทอดกันต่อมา ที่ว่าลูกคนไทยต้องแสดงความกตัญญูด้วยการ เลีั้ยงดูพ่อแม่ให้สุขสบายที่สุด ตัดสินใจออกจากราชการเดินทางมาด้วยวีซ๋าท่องเที่ยว ทำงานร้านอาหารไทยด้วยความทุลักทุเล เพราะไม่รู้ภาษา โดนดูถูกจากคนไทยด้วยกัน นั้นเป็นเรื่องธรรมดา สามเดือนที่เข้ามาอยู่อเมริกาได้รู้จักกับแฟนคนนี้ อายุ 45 ปี ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วสองครั้ง ตัดสินใจย้่ายมาอยู่ด้วยเพื่ออยากเรียนรู้กันและกัน ค้อนข้างลำบาก เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องแรกๆ เขาก็โอเคเข้าใจว่าภาษาเราไม่รู้เรื่อง พอเวลาผ่านไปปัญหาต่างๆก็เริ่มจะเห็น เขามักไม่พอใจเวลาเราส่งเงินให้กับทางครอบครัว เขามองว่าเขาไม่ได้ซับพอครอบครัวเขาเหมือนกับเรา ทั้งๆที่เงินทุกบาทเราใช้คนละกระเป๋า เขาเริ่มหงุดหงิดบ่อยขึ้น เพราะสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่อง เวลาทำกับข้าวหรืออาหารไทยให้ทานก็บ่นว่ามีกลิ่นเหม็นคับห้อง ส่วนปัญหาจุกจิกมีตามเข้ามาเรื่อง จากคนที่สุภาพ กลายเป็นคนที่เกลี้ยวกราด ทะเลาะกันด้วยคำที่หยาดค่าย และไล่เราออกจากบ้านเป็นประจำ บอกตรงๆว่าเราตอบโต้หรือแก้ตัวอะไรกับเขาได้ค้อนข้างยากเพราะภาษาเราไม่เก่ง จะใช้คำอธิบายใดก็ลำบาก ซึ่งมันไม่มีอะไรเจ็บปวดกับการที่ถูกคนรักไล่เราอย่างกับหมู่กับหมา ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ว่าเราไม่มีที่ไป ไม่มี ID จะต้องออกไปเช่าห้องได้ รายได้แรกก็ดีพอมาพักหลังค่าใช้จ่ายต่างๆ เริ่มมีมากขึ้น  ดิฉันจึงไม่สามารถรับภาระค่าเช่าห้องเพิ่มได้อีก ทุกวันนี้แยกห้องกันนอน อยู่กันด้วยความอึดอัด ไม่พูดคุยกันต่างคนต่างใช้ชีวิต แพลนที่จะแต่งงานกันไม่ต้องเอยถึงเลย ส่วนตัวฉันเองตอนนี้ก็มืดแปดด้านเหมือนกันว่าจะก้าวต่อไปทางไหนดี เพราะไม่มีกระทั้งญาติและเพื่อนสนิทที่นี่เลย แม้แต่เพื่อนก็ไม่มีที่จะคอยรับฟังปัญหา หรือช่วยอะไรได้  เวลาทุกข์ใจก็ต้องนั่งร้องไห้คนเดียวให้หายเครียด เขียนเข้ามาห้องนี่แค่อยากจะบอกว่าการใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนไม่ใช้เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่แตกต่างกับเราทั้งด้านภาษา วัฒนธรรม สังคม นั้นแหละคะดิฉันก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป จากคุณ : กานดา (N_windy) - [ 3 พ.ค. 52 04:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ถามจขกท และคุณกานดา ว่าทำไมไม่อยากกลับเมืองไทยคะ จากคุณ : nervous - [ 3 พ.ค. 52 05:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ไม่ปฏิเสธว่าเมืองไทยเป็นที่ที่ดีที่สุดในชีวิต แต่ด้วยความรับผิดชอบหน้าที่ และเชื่อว่าหลายๆคนที่ได้ก้าวออกมาแล้วยากที่จะหันหลังกลับถ้าไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า ดิฉันเองก็เช่นกัน ถ้าเล่าให้พวกคุณถึงกระบวนเดินทางมานี้มันยิ่งกว่านิยายเสียอีก มีหลายๆคนที่มาด้วยหลากหลายวิธี รวมถึงดิฉันด้วย ดังน้้นจึงไม่ใช้เรื่องง่ายที่ใครหลายๆคนจะกลับเมืองไทยได้ จากคุณ : กานดาฃ (N_windy) - [ 3 พ.ค. 52 07:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณมากค่ะ คุณBluemirroR ที่บอกว่าความคิดเห็นของบีพีมีประโยชน์ ซึ่งแท้จริงแล้ว บีพีก็ไม่ทราบหรอกค่ะว่าจะให้แง่มุมในการมองชีวิตได้มากน้อยกี่เปอร์เซ็นต์แก่คุณเจ้าของกระทู้  เพียงแต่คิดว่า  ถ้าคนสองคนยังรักใคร่ หวังดีต่อกันอยู่ และเป็นการทะเลาะขับไล่กันครั้งนี้ครั้งแรก ก็น่าจะปรองดองกันได้ การพูดคุย ปรับความเข้าใจ ฯลฯ ก็น่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขตอนนี้  ยกเว้นว่า ทะเลาะกันบ่อย ๆ คู่ชีวิต bully เรา (ขอโทษทีนึกศัพท์ไทยไม่ออก) จนเราคิดว่า ... ทำไมต้องมาตกเป็นทาสอยู่ต่างแดน  (ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้)  เพราะบางคนก็ตกหลุมพรางของคำว่าความรัก .. ให้มาแต่งงาน  แล้วก็มาตกเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็นด้าน อารมณ์ การเงิน  sex งาน หรือทางกาย  ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ของผู้หญิงสืบเนื่องมาหลายยุคสมัย แต่อย่างว่านะคะ  ก็มีบางเคสที่ผู้ชายถูกหลอกใช้ หรือหลอกให้แต่งงานก็มี เพื่อผู้หญิงจะได้วีซ่า ฉะนั้นก็ต้องดูกันเป็นเรื่อง ๆ ไป   .................. ในกรณีของคุณกานดา (N_windy) อยากจะช่วยร่วมคิดด้วย แต่ไม่ทราบกฎหมายของอเมริกา  เท่าที่เคยได้ยินก็คือ  ในกรณีที่อยู่อย่างผิดกฎหมาย  ในอดีตสาวไทยมักจะพยายามหาคู่เพื่อแต่งงาน จะได้แก้ปัญหาเรื่องนั้น แต่ปัจจุบัน ทราบว่ากฎหมายเคร่งครัดขึ้น อาจจะมีระเบียบอะไรเพิ่มเติมเพื่ออุดช่องโหว่งตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ถึงแม้ว่าจะแต่งงาน จดทะเบียนกัน ก็อาจจะต้องกลับมาไทยเพื่อยื่นขอวีซ่าให้ถูกประเภท  คิดว่าคงจะมีเพื่อนร่วมบอร์ดท่านอื่นได้เข้ามาให้ความกระจ่างหรือให้ข้อมูลแก่คุณได้ สำหรับปัญหาเฉพาะหน้าในการครองคู่กับแฟนของคุณ คงจะต้องไปเริ่มแก้ที่ความรู้สึกที่มีต่อกันก่อน  เพราะอ่านแล้ว เศร้าใจจังค่ะ (ก่อนที่ความรู้สึกที่มีต่อกันนี้จะติดลบมากไปกว่านี้)  แนะนำว่าคุณควรทำรายการว่า มีอะไรบ้าง แล้วมาวิเคราะห์ว่า ความแตกต่างที่คุณทั้งสองคนมี มีอะไร และมากแค่ไหน 1  ลักษณะการใช้จ่ายเงินของคุณ และของเขา 2  เรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา 3  วิธีการสื่อสาร (นอกจากภาษาพูด) คุณสองคนมักแสดงออกอย่างไร เมื่อรักกัน หรือเมื่อทะเลาะกัน  มีการชื่นชม ให้กำลังใจกัน หรือขอโทษ หรือไม่ .. เวลาทะเลาะกันอะไรเป็นจุดชนวนที่สำคัญ และใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และจบลงกันอย่างไร เอาหัวข้อหลัก ๆ สามอย่างนี้ มาแยกย่อยเป็นเรื่อง ๆ เขียนลงว่าเรากับเขาแตกต่างกันแค่ไหน  ถ้าสองในสามข้อ มีจุดที่เข้ากันได้  โอกาสที่จะปรับเข้าหากัน ย่อมมีเปอร์เซ็นต์สูง  แต่ก็ต้องเป็นความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายเหมือนกันค่ะ   ถ้าคุณเห็นว่า โอกาสที่เราจะประสานรอยร้าวนี้ได้  คุณอาจจะเป็นฝ่ายเริ่มเปลี่ยนแปลงก่อน ขอให้ใจเย็น ๆ และอดทนนะคะ   จริง ๆ ก็อยากแนะนำให้คุณทั้งสองไปพบผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปัญหาครอบครัว ซึ่งคาดว่าในอเมริกา ก็จะมีหน่วยงานเหล่านี้ช่วยเหลืออยู่  แต่หลายคู่ มักจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมไปพบ เพราะหนึ่งอาจจะไม่อยากให้บุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องหรือมารับรู้เรื่องของครอบครัวตน หรือสองไม่มองเห็นว่า ตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา (คือมักจะโทษอีกฝ่ายอย่างเดียว เป็นต้น) เรื่องการครองคู่ เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง แต่ก็ต้องเลือกคู่ให้เหมาะสมกัน เพราะไม่งั้นถ้าคนหนึ่งมีวิถีการดำเนินชีวิต หรือแนวคิดอย่างหนึ่ง อีกคนไม่เห็นด้วย  โอกาสที่อยู่ด้วยกันไป แล้วจะแยกทางกันเดินย่อมมีสูงค่ะ ขอให้คุณพระคุ้มครองคุณนะคะ ถ้ามีโอกาส อยากให้คุณสวดมนต์บทพาหุงฯ และต่อด้วยการแผ่เมตตาทุกวัน  เผื่อจะช่วยลดความทุกข์ใจของคุณลงไปได้บ้าง  ขอส่งกำลังใจ ให้คุณได้พบความร่มเย็นในที่สุดค่ะ จากคุณ : บีพี - [ 3 พ.ค. 52 12:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เข้ามาดูน้ำใจของคนห้องนี้ ล้นเหลือ จริงๆ รู้สึกตื้นตันแทนเจ้าของกระทู้ นี่ล่ะ .... ยามอยู่ไกลบ้านเกิดเมืองนอน พันธ์ทิพย์ ( ไกลบ้าน ) ทำให้อบอุ่นใจได้จริงๆ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้ด้วยดี นะคะ จากคุณ : คนอยุ่เมืองไทย - [ 3 พ.ค. 52 18:41:50 A:192.168.1.103 X:124.121.182.191 TicketID:074336 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้และ คุณกานดา ค่ะ จากคุณ : kittymuay - [ 3 พ.ค. 52 19:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เกือบสามอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้มีการสื่อสารพูดคุยกัน เขาไม่แม้กระทั่งโทรหาเราก่อน ทั้งๆที่ทุกวันเขาจะโทรหาเพื่ออยากรู้ว่าเป็นยังไง การอยู่ด้วยกันทุกวันนี้เหมือนเพื่อนร่วมบ้าน เพราะแยกห้องนอนกัน เริ่มแยกห้องกันนอนเพราะไม่ได้ทะเลาะกันก่อน เป็นการตกลงกันเพราะเขาบอกว่าสองปีที่คบกับเธอมาแต่ละคืนฉันต้องตื่นกลางดึกเพราะเธอนอนดิ้นมาก เธอเตะฉันทั้งคืนเลย ซึ่งก็ยอมรับว่าเป็นคนนอนดิ้นก็เลยแยกห้องกันนอน ประกอบกับเวลาทำงานของเรากับของเขาแตกต่างกัน ฉันทำงานร้านอาหารกว่าจะกลับถึงบ้านก็ตีหนึ่งเที่ยงคืน กลับถึงบ้านก็คล้ายๆจะปลุกเขากลางดึก จึงเลือกที่จะแยกห้องนอน ความสัมพันธ์เรื่อง  SEX ก็มีน้อยลง ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอีกสาเหตุของปัญหาด้วย แม้เขาจะอายุ 45 ดูค้อนข้างจะแก่ไปบ้าง แต่ยอมรับว่าความต้องการทางเพศของเขาก็ไม่ได้แก่ตาม ปัญหาไม่ได้อยู่แค่นั้นทุกครั้งที่มี  SEX ฉันไม่เคยมีความสุขเพราะเขาใช้วิธีหลั่งนอก ซึ่ง่เขาก็ขอโทษฉันที่ไม่ได้ให้ความสุขเท่าที่ควรเขาบอกว่า เขาเริ่มอายุมากแล้วการควบคุมอารมณ์ไม่เหมือนวัยหนุ่ม ฉันก็ไม่เข้าใจตรงนี้หรอกว่าเป็นยังไง ก็พอรู้ว่าใครที่แก่ตัวลงแล้วก็จะเริ่มมีปัญหาเรื่องเพศ และฉันก็เขาใจว่าเป็นไปได้ ต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันใช้ชีวิตคู่ด้วย เพราะตอนอยู่เมืองไทยฉันใช้ชีวิตโสดมาตลอด ด้วยภาพชายไทยที่ยังฝังในความรู้สึกว่าไม่อยากฝากชีวิตด้วย เนื่องจากขาดความรับผิดชอบต่อครอบครัว เจ้าชู้ไม่รู้จักพอ  ทำให้การตัดสินใจใช้ชีวิตกับชาวต่างชาติไม่ใช้เรื่อง่ยากนัก ไม่รู้ว่าฉันคิดผิดหรือเปล่า นิสัยต่างๆของเราสองคนแทบจะไปด้วยกันไม่ได้เลยสักด้าน อยากทราบว่าใครมีแฟนหรือสามีเป็นฝรั่งแนะนำดิฉันด้วยว่าโดยพื้นฐานแล้วฝรั่งเขามีนิสัยโดยรวมเป็นอย่างไร ทำไมฉันรู้สึกทุกข์กับชีวิตคู่จังเลย หรือเป็นเพราะฉันไม่เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาก่อน แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 20:50:55 จากคุณ : กานดา (N_windy) - [ 3 พ.ค. 52 20:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 148 อดทน นะคะ อวยพร ขอให้เหติการณ์ ดีขึ้น นะคะ จากคุณ : ตระกูลA - [ 3 พ.ค. 52 21:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ชีวิต ไม่ได้แย่ไปตลอดหรแกค่ะ ทั้งคุณ จขกท. และ คุณ N_windy ยามที่ท้อ ก็คิดเสียว่ามันเป็นกรรมเก่า ก่อนนอน ทำใจให้สงบ ไหว้พระสวดมนต์ และดำเนินชีวิตเป็นปกติ ในวิถีที่คุณคิดว่ามันถูกต้อง ท้อได้แต่อย่าถอย ขอให้อดทนและมีสติ แล้วชีวิตจะค่อยๆ ดีขึ้น หมั่นทำดีผลบุญที่ดีจะกลับมาหาเราเองค่ะ ชาตินี้เลยค่ะ ไม่ต้องรอชาติไหน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ขอให้เรียนรู้มันและจำเป็นบทเรียนและประสบการณ์ ก้าวต่อไปจะได้ก้าวอย่างระมัดระวัง และปลอดภัยจากเรื่องร้ายๆ ทั้งปวงค่ะ... ถ้าท้อนัก เหนื่อยนัก ก็นั่งลงแล้วถอนหายใจออกมาดังๆ ระบายความสับสน ความว้าวุ่น ความอัดอั้นตันใจ ความเศร้า ความอึดอัด ความจนหนทางออกมา แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองว่า สู้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : SassyKate - [ 3 พ.ค. 52 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ขอโทษ นะค่ะ ไม่ทราบว่า คุณ ไปเจอ กับ เขา อย่างไร ค่ะ เจอ ที่ เมืองไทย หรือ เจอ ที่ อังกฤษ ค่ะ จากคุณ : คนไทยสองสัญชาติ (applebsl) - [ 4 พ.ค. 52 03:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เห็นใจทั้งคุณ จขกท และ คุณ  N_windy เป็นกำลังใจให้แล้วกันนะค่ะ สู้ๆๆ สู้ๆๆ ส่วนที่คุณ  N_windy ถาม เรื่องสามีต่างชาติ เราก้อค้อนข้างเข้าใจสามีคุณนะค่ะ เค้าคงคิดประมาณว่าตอนนี้เศรษฐกิจก้อแย่อยู่แล้วทำไม่คุณยังต้องส่งเงินไปให้ที่บ้านอีก คนเมกันเค้าไม่มีระบบลูกกตัญญูดูแลส่งเงินให้พ่อแม่กันหรอกค่ะ พ่อแม่ก้อไม่ได้ต้องการเงินจากลูก แค่ลูกทำงานเลี้ยงตัวเองได้ไม่เป็นภาระพ่อแม่ พ่อแม่ก้อพอใจแล้ว ตอนเรากะแฟนก่อนแต่งงานกัน เราก้อบอกไปเหมือนกันเรื่องส่งเงินให้ที่บ้านถ้าเรามีเหลือ ขอย้ำว่ามีเหลือนะค่ะ แต่ในกรณีคุณแฟนคุณคงเห็นว่าตัวเองก้อไม่มีเหลือทำไม่ต้องส่งอีก คุณคงต้องชึ้แจงถึงความจำเป็นให้เค้าเห็น  เค้าจะคิดประมาณว่าทำมัยคุณไม่คิดถึงอนาคต อนาคตกับเค้า ซึ่งขณะนี้เป็นครอบครัวหลักที่คุณจะต้องสร้าง มันเลยทำให้เค้าหัวเสียและรู้สึกไม่ดี ถ้ายังรักกัน คงต้องนั่งคุยกัน ถ้าเราอ่อนได้ก้ออ่อนไป พบกันครึ่งทาง อย่าคิดว่าการง้อก่อนพูดกะเค้าก่อนเป็นการเสียหน้า หรือ เราแพ้ ชีวิตคู่ไม่มีใครแพ้ใครชนะค่ะ ถ้าคิดว่าอ่อนไป ปรับไปก้อไม่มีประโยชน์ คุณคงต้องหาทางออกสำรองไว้ด้วยนะค่ะ จากคุณ : ju_FL - [ 4 พ.ค. 52 03:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 152 วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ดิฉันหลั่งน้ำตาก่อนเข้าห้อง  เปิดประตูห้องคาดหวังเพียงแค่คำทักทายสักนิดคงทำให้รู้สึกสุขใจ แต่แล้วก็ไม่มีเสียงทักทายใดๆ จากคนรักของฉัน ไม่รู่้ว่าลมก้อนใหญ่จากส่วนไหนของร่างกายมันวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอ เดินไปอาบน้ำทั้งน้ำตาที่ไหลพราก สมองมันตือ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อไป หันหน้าไปหาใครก็ไม่ได้  ฉันมีเพื่อนน้อยมาก อาจด้วยฉันเจอประสบการณ์แย่ๆ จากคนไทยด้วยกันมันมากมายเหลือเกินยากจะบรรยายได้  ฉันจึงปิดตัวเองที่จะคบคนไทยด้วยกัน เวลาทุกข์ใจไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร น้ำตาเท่านั้นที่ทำให้ฉันพอคลายทุกข์ไปบ้าง แม้กระทั้งที่ดิฉันกำลังเขียนเรื่องราวอยู่นี่น้ำตาก็ไหลพราก ไม่รู้จักหยุดเสียที ได้เข้ามาอ่านกระทู้ ต้องขอบคุณหลายๆ ท่านที่ให้กำลังใจ  แต่ ณ เวลานี้ไม่รุ้เหมือนกันว่าจะบอกยังไง สมองมันคิดอะไรไม่ออกเลย  ไม่มีกระจิตกระใจแม้จะสวดมนต์ สมองบ้าของตัวเองไม่รู้จะสั่งมันยังไงไม่ให้คิดมาก ให้รู้สึกปล่อยวางเสียบ้าง  จนแล้วจนรอดก็ทำไม่ได้สักที ต้องขอโทษที่ต้องใช้ห้องนี้เหมือนเพื่อนที่คอยรับฟังความทุกข์ใจ บอกตรงๆว่า ฉันไม่รุ้จะทำยังจริงๆ มันเหนือ่ย มันท้อไปหมดแล้ว จากคุณ : กานดา (N_windy) - [ 4 พ.ค. 52 11:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ผู้หญิงทุกคน มีสิ่งหนึ่งที่จะเติมพลังใจ ก็คือ ความรักและความหว่งหา อาทร ของคนที่เรารัก ท้อได้ แต่อย่าถอย ในเมื่อวางเป้าหมายของชีวิตไว้แล้ว แล้วทำไมคณุกานดา ไม่เข้าไปพูดคุย ทักทายสามีก่อนล่ะค่ะ ความรักไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบหรอกค่ะ ในเมื่อเราและเขาก็ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว อีกอย่างจะได้รู้ ความนึกคิดของเขาในขณะนี้ด้วย ถ้ายังรักกันอยู่ก็จะได้ หันหน้าเข้ามาปรับความเข้าใจกันง่าย ยิ่งปล่อยให้นานไป มันจะไม่ค่อยดีต่อตัวของคณุเอง เกิดเขาไปมีคนใหม่ แล้วอยากแกล้งคณุ หรือ ไม่อยากให้คณุอยู่ด้วย เช่น ไล่ออกจากบ้าน หรือ แจ้งความ คณุต้อง ถูกส่งตัวกลับเมืองไทยแน่ๆแล้ว คราวนี้ ขอโทษที่บอกตรงไป แต่มันคือความจริง ที่คณุจะต้องหาทางออกให้ ชีวิตของตัวเอง อย่ามัวแต่มาน้อยใจ เสียใจ จนลืม สิ่งที่ต้องปกป้องให้กับตัวเอง คนเรา ตอนรักกันอะไรก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหมดรักแล้ว หน้ายังไม่อยากมอง แล้วจะอยู่ด้วยกันได้หรือค่ะ อยากให้เก็บไปคิดมากๆ คณุเป็นคนที่ดีมากๆ เลือกที่จะทำให้ครอบครัวที่อยู่เมืองไทยมีความสุข พ่อแม่คือพระประจำใจ คนแรกที่เราต้อง คิดถึงก่อน ซึ่งก็ไม่ต่างกลับ ชีวิตของฉันที่ต้องมาใช้ชีวิตที่อังกฤษกับสามีต่างชาติ เพียงแต่สามีเข้าใจและรักพ่อแม่ของดิฉันมาก บางครั้งเราไม่สามารถส่งให้แม่ได้ ตามกำหนด ก็ได้แต่กอดกัน แล้วดิฉันร้องไห้ โดยสามีคอยให้กำลังใจข้างๆ บางเดือนเราแชร์กันคนล่ะครึ่ง เมื่อเงินเดือนเขาไม่พอในบางเดือน เราจะอยู่กันด้วยความรักและเข้าใจ ครอบครัวที่เมืองไทยไม่ได้ลำบาก พ่อรับรัชการรัฐวิสาหกิจ แม่เป็นแม่บ้าน แต่ด้วยสำนึกของความเป็นลูก ที่เขาเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่ดีที่สุด เราก็อยากให้พ่อแม่ โดยที่เขาไม่ต้องขอเลย ดิฉันเชื่อค่ะ สิ่งที่คณุทำ มันเป็นความสุขทางใจ ที่เรายอมเหนื่อยเพื่อคนที่เรารัก สักวันคณุต้องผ่านในช่วงนี้ไปได้ รีบแก้ปัญหาในชีวิตคู่ก่อนค่ะ ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น จาก คนไกลบ้าน จากคุณ : แอน - [ 4 พ.ค. 52 16:14:49 A:86.136.139.108 X: TicketID:201109 ]

ความคิดเห็นที่ 154 สวัสดีค่ะ เรื่องการกลับเมืองไทยนั้นบอกตามตรงไม่อยากกลับเลย เพราะเป็นคนอยู่ชอบเมืองนอก โดยเฉพาะประเทศอังกฤษชอบมากๆ ชอบคนอังกฤษ ชอบอากาศ และอีกหลายๆเรื่องที่เมืองไทยมีปัญหาเยอะ หลายๆด้านเรื่องมันยาวตอนนี้ไม่อยากเล่า เดี๋ยวขอเคลียเรื่องสามี และผ่านเรื่องวีซ่าเส้รจจะเล่าให้ฟังเกือบทั้งหมด   ดิฉันเจอสามีที่เมืองไทยค่ะ สามีเป็นคนปากหวาน ดูภายนอกดูเป็นคนอ่อ นโยน  สุภาพ แต่พอแต่งงาน อยู่กินกัน๒ ปี ลายเขาเริ่มออก เฉพาะกับดิฉันนะคะ ต่อหน้าคนอื่นก็อ่อนโยนเหมือนเดิม เวลาอินเตอรเนตหมดแล้วเดี๋ยวกลับมาเล่าใหม่ ขอบคุณสําหรับกําลังใจทุกๆคนค่ะ จากคุณ : pop_line - [ วันฉัตรมงคล 21:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 155 คุณ pop_line คะ ดิฉันยังติดตามให้กำลังใจคุณอยู่ตลอด ส่วนเรื่องต่อวีซ่าขอให้คุณเตรียมเอกสารให้พร้อม ถูกต้องและครบถ้วนแล้วเดินหน้าเลยค่ะ ปัญหาระหว่างคุณกับสามีน่าจะเกิดจากความเครียดในสภาวะเศรษฐกิจ แบบนี้ อย่างที่หลายๆคนพูด คุณคงต้องอดทน พยายามอดออมถนอมน้ำใจกัน เมื่อคุณและเค้าหางานได้แล้ว ปัญหาน่าจะเบาบางลง จริงอยู่ว่าดิฉันและคุณแม่บ้านบางท่านเคยให้ความเห็นว่าสถานะทางการเงินอาจมีผลต่อการพิจารณาวีซ่าถาวร ดิฉันลองคุยกับเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ที่เคยมีปัญหาคล้ายกันกับคุณ ตอนนั้นเธอ apply ขอ Indefinite Leave to Remain แต่ก้อได้เป็นวีซ่า 2-year probationary มาต่ออีก 2 ปี ตอนนี้สามีเธอได้งานทำแล้ว ดิฉันจึงเชื่อว่า การต่อวีซ่าถาวรครั้งต่อไปไม่น่าเป็นปัญหา ทางโฮมไม่โหดร้ายหรือมีเจตนาจะพรากสามีภรรยาหรอกค่ะ แต่ความ สามารถทางการเงินของสามีก้อยังเป็นข้อสำคัญในการขอวีซ่าถาวรอยู่ในบางเคส โชคดีนะคะ มีความคืบหน้าอะไรรบกวนแจ้งให้พวกเราทราบด้วย จากคุณ : Mocha Latte (Mocha Latte) - [ 6 พ.ค. 52 01:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 156 Khun กานดา (N_windy), seemed like you and your husband are lack of communication kha. Marriage is not just about got married and live together na kha, you and your husband need to be able to communicate in order to understand eac hother kha. Women are more emotional than men kha and mostly expect men to know this but men are completely opposite na kha. If you need some comfort from your husband, after you got home from work give him a hug and say I miss you kha. You have to be open a bit more towards him na kha. He's your husband so it's ok to show your feeling to him kha. Find sometime when the weather is nice, sit outside or hang out in the park and talk about your feeling and don't forget to let him talk about how he feels as well, then you two can share and learn to know each other more na kha. Life is not an instant noodle that you can just open the cup, pour the hot water and wait for it to be ready, so don't give up kha, fight for it. I'm sure you can do it kha. All the best na kha both to khun กานดา (N_windy) and khun pop_line. จากคุณ : หมูหนาว - [ 6 พ.ค. 52 03:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ขอบคุณหลายๆท่านที่คอยให้คำแนะนำ หลายวิธี  ก็พยายามทำอยู่คะ ทั้งทางโลกและทางธรรม  ต้องยอมรับว่านิสัยตัวเองเป็นคนยอมลงยาก ไม่คอ่ยยอมอะไรใครง่ายๆ หรือเอาแต่ใจนั้นเอง อาจจะโดยพื้นฐานตั้งแต่เล็กจนโต เราจะเป็นคนจัดการอะไรๆ ด้วยตัวเอง ตั้งแต่เรียนจนถึงครอบครัวพ่อแม่ปัจจุบันที่ฉันต้องจัดการและคอยบริการปัญหาต่างๆ ให้ ตลอดจนถึงการมีความคิดเป็นของตัวเองมาก แม้จะเป็นคนเงียบไม่ต้อร้อต่อเถียง ฟังนะคะแต่จะเก็บมาคิดมาปฏิบัติอีกเรื่องหนึ่ง ปัญหาระหว่างฉันกับแฟน อาจจะเป็นทั้งเขาและฉันมีลักษณะนิสัยเหมือนกัน  เขาเป็นคนค้อนข้างแรงจะว่าไปเขาเป็นอเมริกันรุ่นอายุ 45 ที่อีโก้สูงนั้นเอง พอเขาได้มาคบกับเราเขาจะเห็นเราเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา (ตอนนี่อายุ 32 ปี) คอยจัดการนั้นจัดการนี่ ต้องทำตามที่เขาแนะนำทุกอย่าง   แน่นอนดิฉันเองก็ไม่ต่างกับเขาไม่ชอบให้ใครชี้นิ่วบงการชีวิตมากจนเกินไป เพราะก่อนหน้านี่เราก็อยู่ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่เรียนจนเข้าทำงาน ไม่เคยได้ขอร้องหรือรับความช่วยเหลือจากใคร เพราะเราไม่มีเส้นสายอะไรรวมถึงเงินทองที่จะต้องไปให้ใต้โต๊ะใคร จึงคิดว่าตัวเองผ่านอะไรๆ มาได้ด้วยตัวเอง  การจะยอมอะไรให้เขาฉันคิดหนักเหมือนกัน มันก็ไม่ใช้เรื่องยากอะไรที่จะใช้มารยาหญิงกับเขา สำหรับฉันมันยากจริงๆ คะ ทำไมนะเหรอคะ ไงจะเข้ามเล่าให้ฟังต่อตอนนี้ต้องรีบไปทำงานแล้วคะ จากคุณ : กานดา (N_windy) - [ 6 พ.ค. 52 20:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 158 เข้ามาบอกว่า ยามทุกข์ยากคนไทยไม่ทิ้งกันจริงๆ คะ ไม่มีอะไรแนะนำคุณ จขกท นะค่ะ ทุกคนก็บอกไปหมดแล้ว เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : เส้นขอบฟ้าลายสีรุ้ง - [ 6 พ.ค. 52 23:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 159 Why don't you just go home ? You obvoiusly don't belong here in the UK. Stop trying to get a free life and go back to your home country. You made a mistake and your husband is no good, so what ? it happens all the time, move on. I don't know many libraries with a thai keyboard in the UK !!! I'm sorry but I don't believe you. Just go home to Thailand and stop wasting your time here ! Good luck จากคุณ : Lab moo - [ 6 พ.ค. 52 23:29:08 A:92.0.142.163 X: TicketID:198175 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ตกลงยังไม่ไดัเล่าเลย เรื่องเป็นมาย้งไง ทะเลาะอะไรกัน ปกติค่าใชัจ่ายในบ้านใครออกค่ะ กระเป๋าเดึยวก้นหรึอแยกกัน ส่วนใหญ่ผู้หญิงเอเชียคาดหวังใหัสามึเลี้ยง แล้วสามีฝร้่งก็ขัดใจที่ฝ่ายหญิงไม่ยอมช่วยออกเลย แม้แต่ลูกโตแล้วก็ต้องช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย 100/week, sound like for living คือสงสัยคะ่ ทำไม จขกท ไม่เล่าว่า ทำไมสามีไล่ออกจากบ้าน Can't really judge  now. จากคุณ : Mrs MC - [ 7 พ.ค. 52 14:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ดีใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะที่ความสัมพันธ์ของคุณกับสามีดีขึ้นกว่าเดิม ยังไงก็ทำความเข้าใจกันให้มากๆ ถ้ายังพยายามได้ ก็ลองพยายามต่อไป ชีวิตคู่ของทุกคู่ก็มีปัญหาแตกต่างกันไป บ้างก็เรื่องเงิน บ้างก็เรื่องการงาน บ้างก็เรื่องนิสัยส่วนตัว ส่วนคุณกานดา เรามาให้กำลังใจคุณนะคะ เราคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณกับแฟนคงยากที่จะกู้คืนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม คุณควรเป็นฝ่ายถอยออกมาดีกว่าจมอยู่กับความทุกข์ ส่วนคนไทยในต่างแดนที่ใจดีมีอยู่นะคะ ลองเปิดใจพบเพื่อนใหม่ๆ บ้าง เราดูจากบล็อก ทราบว่าคุณอยู่ที่ฟลอริด้า เราก็เคยไปอยู่ฟลอริด้าช่วงหนึ่ง ไปทำงานร้านอาหารไทยเหมือนกัน ถ้าคุณมีรายได้ไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้านคนเดียว ลองไปขอแชร์บ้านกับนักเรียนไทย หรือต่างชาติก็ได้ค่ะ ออกไปเจอสังคมใหม่ๆ บ้างดีกว่า ขอให้คุณพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ นะคะ จากคุณ : Tang_Siri - [ 7 พ.ค. 52 23:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 162 ห้องนี้เหมือนอีกหนึ่งเพื่อนคุย ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนมากมายที่เข้ามาคอยให้กำลังใจ คอยติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าของกระทู้อย่างต่อเนื่องว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพื่อจะได้นำมาปรับใช้กับตัวเองที่กำลังมีปัญญาอยู่เหมือนกัน อย่างที่เล่าในเบื้องต้นนั้นหละคะ การใช้ชีวิตกับคนต่างชาติไม่ใช้เรื่องง่ายเลย และไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้ เข้ามาเขียนต่อจากวันก่อนว่าทำไปฉันจึงเห็นว่าชีวิตคู่มันยาก เพราะฉันไม่เคยคิดว่าจะมีชีวิตคู่เลย ไม่มีครอบครัวก็อยู่ได้ พอแก่ตัวก็ผันตัวเองอยู่บ้านพักคนชรา หรือไม่ก็บวช ทำไมคิดเช่นนั้นเหรอคะฉันเห็นผู้หญิงไทยหลายๆ คนที่ต้องคอยให้ผู้ชายมาเลี้ยงดู  อะไรๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับเขา เพราะเขาเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว สุดท้ายเขาว่าอะไรก็ต้องยอมทุกอย่าง  ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงเราสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง คิดมาตลอดว่าสามารถอยู่คนเดียวและหาเลี้ยงตัวเองได้ ตลอดเวลาอยู่เมืองไทยฉันจึงไม่เคยใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนไหนเลย จนกระทั่งแฟนฉันคนนี้เป็นคนแรก และไม่ใช่คนไทยด้วย ประสบการณ์ใช้ชีวิตคู่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ การจะให้ง้อบ่อยๆ ก็ชักจะรำคาญ หลายๆคนที่อ่านก็บอกว่าฉันคิดผิด มันก็เป็นไปได้ ตอนนี้ดิฉันก็พยายามปรับตัวเองเข้าหาเขาให้มากที่สุด มันดูไม่ยากสำหรับใครๆ สำหรับฉันมันยากเหมือนคะ  สองปีแล้วที่ยังปรับตัวไม่ได้เลย นานมากใช่ไหมคะ ถึงบอกไงคะว่าฉันเปลี่ยนนิสัยตัวเองยากจริงๆ   จึงไม่แปลกที่ตลอดสองปีที่อยุ่กับเขาฉันจึงไม่ได้แต่งงาน ประการแรกเขายังไม่แน่ใจฉัน และประการที่สองฉันไม่คิดอยากจะได้ใบแต่งงานจากเขาเพราะไม่เคยเซ้าซี่ตอแยเรื่องการแต่งงานกับเขาเลย  คิดว่าจะเก็บเงินได้ตามเป้าที่ตั้งใจแล้วก็จะกลับเมืองไทย กลับไปดูแลพ่อแม่ ใช้ชีวิตเหมือนคนบ้านนอกทั่วไป หากสิ้นพ่อแม่แล้วก็จะหันเข้าหาทางธรรมอย่างจริงจัง นี่ที่คิดไว้นะคะ อย่างไรก็ตามชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน ฉันก็ไม่รู้อนาคตฉันจะไปในทิศทางใด เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ Immigration (ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง) จะจับฉันได้  แล้วส่งกลับเมืองไทย ทำไมฉันคิดอย่างนั้นรู้ไหมคะ ฉันเคยถูกตำรวจทางหลวงจับถึงสาม ครั้ง  วินาทีนั้นคิดแต่ว่า ถูกส่งกลับแน่นอน โดนจับเนื่องจากไม่มีใบขับขี่  ก็อย่างที่หลายคนทราบว่าอยู่บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีใบขับขี่เหมือนคุณไม่มีบัตรประชาชน เรียกตรวจเจอว่าผิดกฏหมาย ตำรวจสามารถจับฉันเข้าคุกและให้ทาง Immigration จัดการได้ตลอดเวลา แต่ตำรวจก็ให้แต่ใบสั่ง และก่อนวีซ่าท่องเที่ยวหมดฉันเคยไปต่อวีซ่าข้ามประเทศก็ถูก Immigration กักตัวอยู่พักใหญ่กว่าจะรอดมาได้   การที่มีปัญหากับแฟนก็อาจจะด้วยปัญหาที่คิดเสมอว่าเขาเป็นต่อ และคอยควบคุมฉันเพราะเห็นว่าเป็นผิดกฏหมาย และฉันก็ไม่ชอบที่เขามองเราต่ำต้อยกว่า และเป็นคนเอเชีย (ฉันคิดเองนะคะ) ไม่เคยถามเขาว่าทำไมไม่แต่งงานให้ ไม่ตอ้งสงสัยหรอกคะว่าทำไม เพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ ยังคงเข้ามาอ่านอย่างต่อเนื่องและอยากได้รับคำแนะนำเสมอคะ จากคุณ : กานดา (N_windy) - [ 7 พ.ค. 52 23:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 163 คุณกานดาคะ เรื่องภูมิหลัง และลักษณะนิสัย มิใช่ เรื่องที่คุณเข้ากับแฟนคุณตอนนี้ไม่ได้ บีพีว่า ... ในความคิดของบีพี  คิดว่าคุณไม่ได้ให้เวลาในการศึกษาแฟนคุณให้ถ่องแท้  ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่กับเขามากกว่า  และก็ไม่ใช่ว่าคุณไม่มีประสบการณ์กับการมีคู่ชีวิต ถึงเป็นเหตุหนึ่งของความทุกข์   หลายคนถึงมีคู่มาก่อน แต่ก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในความรักครั้งต่อไปก็มี  ถ้าเธอหรือเขาคนนั้นไม่ได้หยั่งลึกเข้าไปถึงข้างในจิตใจจริง ๆ ของคน ๆ ที่เขาคิดจะคบเป็นคู่ด้วย หรือแม้แต่จะวิเคราะห์ว่าตนเองมีจุดดี หรือด้อยอย่างไร พูดง่าย ๆ คือเป็นตัวตนเนื้อแท้เป็นคนอย่างไร   (เคยได้ยินดาราแต่งแล้วหย่าหย่าแล้วแต่งใหม่ไหมคะ  ขอโทษที่ต้องยกตัวอย่างอาชีพนี้หน่อยหนึ่ง เพราะเราอาจจะมีโอกาสได้ยินข่้าวบ่อย ๆ มากกว่าบุคคลในอาชีพอื่น) การศึกษาคน ... ยังเป็นเรื่องสำคัญ เหมือนการที่จะคบใครสักคนเป็นเพื่อน ยิ่งเป็นเพื่อนคู่ชีวิต ยิ่งต้องเข้าใจ และรู้เขารู้เรา ก่อนที่จะย้ายตัวเราไปอยู่ด้วยกับเขา  (บีพีไม่ได้ประเมินว่าการอยู่ก่อนแต่ง .. ดีหรือไม่ดี)  คิดว่าการที่เราจะไปมีปฏิสัมพันธ์กับใครลึกซึ้ง เราควรจะเข้าใจคน ๆ นั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (เรื่องนี้อาจจะมีการถกเถียงว่า ถ้าเราไม่ได้ไปอยู่กับเขา เราก็ไม่ทราบว่ามีปัญหาแบบนี้นะซิ  แต่ถ้าไปอยู่กับเขา เขาทำให้ชอกช้ำใจ ก็เหมือนกับการแต่งงานแล้วเช่นกัน เพราะเมื่อใจช้ำไปแล้ว หลายคนกว่าจะกู้ใจดวงนั้นให้กลับมาเหมือนเดิมได้  ก็ทำได้ยากมาก หรืออาจจะไม่มีวันเหมือนเดิม หรือไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงทุกข์เพราะรักมากมายนัก)   แต่ถ้าเราสังเกต ... จะพบว่ามีหลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ นิสัย คำพูด และการกระทำ ... (ในช่วงรักใคร่ชอบพอกัน  ถ้าเราไม่เข้าข้างตัวเอง) ที่ได้ส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้เราได้ทราบเสมอ  (ถ้าเราไม่เข้าข้างตนเอง หรือแก้ตัวแทนเขาคนนั้นมากเกินไป)  ฉะนั้นจะบอกว่า การแต่งงานเหมือนซื้อหวย บีพีก็ยังว่า ซื้อหวยยังถูกยาก แต่เลือกคนนี่ ยังง่ายกว่า เพราะอย่างน้อย เราสามารถวิเคาาะห์  ตั้งข้อสมมติฐาน หาเรื่องคุย ตั้งปัญหาตุ๊กตา .. ดูว่า เขามีทัศนคติอย่างไร .. ถ้าเป็นคนขี้ปด เห็นแก่ตน เราไม่ชอบ หรือเห็นว่าวาจาเชื่อถือร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ รื่นไหลพูดตลกไปเรื่อย ถึงแม้จะร่ำรวย เราก็สามารถรู้อะไรในอนาคตได้ว่า เราจะเจออะไร ถ้าอยากได้ทรัพย์ ก็ต้องรู้ว่า เมื่อเขาสลับเปลี่ยนคำพูด (หรือเปลี่ยนใจ) เราจะเจออะไรบ้าง  ถ้าคิดว่าไม่เอาคนชนิดนี้แน่  ต่อให้บอกรักเรามากแค่ไหน ตื่อเรามากเพียงใด  เขาก็อาจจะไหลรื่นไปพูดกับหญิงอื่นได้  เราจะได้ตัดไปเสียแต่เนิ่น อย่างนี้เป็นต้น ..  เพราะคนเรามีสิทธิ์เลือกในทางเดินชีวิตของเราเอง  ไม่จำเป็นต้องเลือกคน ๆ นี้ เนื่องจากเขาเป็นคนตื้อคุณ บอกรักคุณ  หรือเป็นเพราะว่า เป็นคนเดียวที่หยิบยื่นความรักให้คุณ .. คุณต้องฉลาดเลือกคบคนค่ะ โดยเฉพาะคนที่ถือว่าเป็นคนพิเศษ เรื่องแต่งงาน ..  ชายและหญิงมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะผูกพันตนเองเข้าหากัน  ฉะนั้นเมื่อมาถึงยุคสมัยอย่างนี้  เขาบอกคุณว่า ขอลองมาอยู่กันก่อนแต่ง  ถ้าคุณไม่คิดอะไร ... ประสบการณ์ครั้งนี้ ก็คือ การลองผิดลองถูกของคุณ  ก็เพียงหวังว่า ในกาลข้างหน้าถ้าคุณเจอใคร  ... คุณจะเลือกคนที่เหมาะสมกับคุณนะคะ   ขัอมูลที่คุณเล่ามาให้อ่านในความคิดเห็นที่ 147   ถ้าเป็นเรื่องที่คุณรำพึงว่า คุณไม่มีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มาก่อน ถ้าหมายถึงเรื่องเพศ  .. ชายไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ถ้ารักคุณจริง ๆ เขาชอบมากกว่าชอบที่จะเป็นคนสอนคุณคนแรก ส่วนเรื่องที่คุณไม่มีความสุขในกิจกรรมทางเพศ ... ขอตอบว่า ชายคนนั้นไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคุณมากกว่าของเขาเอง  (ไม่เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่เขาใช้กับคุณอยู่)   ถ้าจากการวิเคราะห์ก็มองว่า เขามีคุณไว้เพียงเพื่อสนองอะไรบางอย่างของเขา  ไม่ใช่เกิดจากความรัก ความปรารถนาดีที่จะให้คุณมีความสุข ... ขอโทษที่มองโลกในแง่ลบเช่นนั้น  เพราะคนที่เขารักคุณ เขาจะถนอมน้ำใจคุณ เขาจะถาม และจะทำทุกอย่างให้คุณสบายใจ มีความสุข  (ซึ่งก็เฉกเช่นเดียวกับ หญิงที่รักชาย ก็จะพยายามถนอมน้ำใจ อยากให้สามีของตนมีความสุข)  ซึ่งถือว่าเป็นความรัก  (รู้จักที่จะรัก และรู้จักที่จะถูกรัก) ในเมื่อคุณอยู่กับเขาแล้วตอนนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นเลย คุณควรตระเตรียมตัวเองไว้ด้วย เผื่อวันใดวันหนึ่ง เกิดเหตุที่แย่กว่าเดิม คุณจะได้มีทางหนีทีไล่   ในการณ์กลับกัน  คุณและเขาก็สามารถปรองดองกันได้ (อาจจะมีการง้อ คืนดีกัน)  คุณก็ควรมองหาความแตกต่าง และดูว่าช่องว่างระหว่างคุณและเขาคืออะไร  สามารถทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่  ถ้าได้ต้องทำอย่างไร  ถ้าไม่ได้ .. คำตอบอาจจะไม่ใช่คุณมัวแต่เพียรพยายามอยู่ฝ่ายเดียว มิฉะนั้นวันหนึ่งความพยายามอาจจะหยุด  และอาจจะเป็นการฝืนอุปนิสัยของคุณ  ควรเป็นการร่วมมือของทั้งสองฝ่าย .. ผู้หญิงที่มีความคิดอย่างคุณที่จะยืนบนขาของตนเองนั้นมีมากมาย ไม่ใช่เรื่องการยอมกันหรือไม่ยอมกัน บีพีว่าคุณยังไม่เจอคนที่เขารักคุณอย่างที่คุณเป็นมากกว่า  และเมื่อคุณเจอ คุณจะเข้าใจที่บีพีพูด ขอให้ชีวิตคุณพบคนดี คนที่ใช่ในที่สุดนะคะ จากคุณ : บีพี - [ วันวิสาขบูชา 01:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 164 ชีวิตคู่มันไม่ง่ายหรอกคะ ออกมายืนยันด้วยอีกคน ก่อนที่ดิฉันจะย้ายมาอยู่กับแฟนที่ประเทศนี้ ครอบครัวชาวอเมริกันที่ดิฉันอยู่ด้วยและดิฉันเองก็เรียกพวกเขาว่าพ่อและแม่ ท่านแนะนำดิฉันว่าชีวิตคู่ต้องอดทน ช่วงสามปีแรกเป็นช่วงที่ทั้งคู่ต้องปรับตัวและเรียนรู้กันมากๆ ท่านอวยพรให้ดิฉันโชคดีก่อนลาจากพวกเขามา ดิฉันมาตระหนักในวันนี้ว่าที่ท่านพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ช่วงปีแรกที่ดิฉันอยู่กับแฟน เราทะเลาะกันแทบทุกวัน แทบทุกวันจริงๆคะ เดี๋ยวก็เรื่องโน้นเดี๋ยวก็เรื่องนี้ อะไรนิดหน่อยก็เป็นเรื่อง ตอนนั้นคิดว่าจะซื้อตั๋วกลับบ้านอย่างเดี่ยว ความต่างของแต่ละเชื้อชาติมันก็มีอยู่แล้วเป็นทุน แล้วจะเรื่องนิสัยส่วนตัวของแต่ละคนอีก โตมาก็ต่างที่ การอบรมเลี้ยงดูก็ต่างกัน พออยู่มาปีที่สองอะไรๆก็เริ่มจะเข้าที่ ภาษาเขาเราก็เข้าใจมากขึ้น การสื่อสารระหว่างกันก็เลยดีขึ้น ไม่ได้ทะเลาะกันมานานแล้ว นานจนคิดไม่ออกว่าครั้งสุดท้ายที่เราทะเลาะกันเมื่อไหร่ อยากจะให้กำลังใจ จขกท และคุณกานดานะคะ หันหน้าเขาหากัน พูดจากันดีๆนะคะ (ถ้าเขาไม่ทักเราก่อน เราก็ยิ้มทักเขาก่อนสิคะ อาจจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย) ถ้าคนสองคนยังรักกันอยู่ ดิฉันเชื่อว่าอุปสรรคใดๆก็จะผ่านไปได้คะ ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : sunisaogkim (sunisaogkim) - [ วันวิสาขบูชา 03:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 165 มาให้ใจด้วยคน จากคุณ : pooh&pim - [ วันวิสาขบูชา 11:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 166 เข้ามาอ่านกระทู้นี้หลายวันแล้ว ได้แต่อ่าน  และ ให้กำลังใจ จขกท และ คุณกานดา เงียบๆ วันนี้ขอเห็นด้วยอย่างแรง กับ ความเห็นของคุณ บีพี ความเห็นข้างบน มันไม่เกี่ยวกับภูมิหลัง เพราะดิฉันเอง ถูมิหลัง คล้ายคุณกานดา อาจจะเหมือนเลยก็ว่าได้ แต่ชีวิตคู่่มันเกี่ยวข้องกับ การเลือก คนถูก เลือกคนที่มีทัศนคติเหมือนกัน และที่สำคัญ คือความรัก ถ้าเรามีความรักให้ใครสักคน ความรักนั้นจะอดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ความรักไม่เห็นแก่ตัว ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ช่างจดจำความผิด ขอให้คุณ จขกท และ คุณ กานดา อดทน และเจอคนที่รักจริงนะคะ ให้กำลังใจ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 17:38:36 จากคุณ : Weka - [ วันวิสาขบูชา 17:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ถึงคุณกานดา คุณอาจเอาแต่ใจตัวเองเหมือนตอนที่อยู่คนเดียวได้ ถ้าคุณไม่ต้องเพิ่งเขา หากคุณต้องพึ่งพาเขา คุณก็ควรลดทิฐิลงบ้าง ไม่มีใครชอบคนแข็งข้อ โดยเฉพาะคนทีมาพึ่งพา ขอแสดงความเห็นตรงๆนะคะ ถ้าสองปี เข้ากันไม่ได้ ก็ไม่ได้แล้วละค่ะ ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเงิน แล้วกลับบ้านเรา อ้อ ลืมบอกไปอย่าง เงินไม่ได้แปลว่าความสุขนะคะ การเข้าสู่ทางธรรม โดยไปอยู่วัด ถ้าไม่เข้าใจธรรมะจริงๆ จะเหมือนไปติดคุกมากกว่า ที่วัดมีปัญหาร้อยแปด อยากให้คุณหาหนังสือดีๆอ่าน ที่ช่วยให้คุณคิดได้ แล้วจะสุขจากภายในค่ะ จากคุณ : ตาน - [ 9 พ.ค. 52 03:20:54 A:78.20.217.155 X: TicketID:019698 ]

ความคิดเห็นที่ 168 เข้ามาอ่านตั้งแต่ต้น ทุกตัวอักษร ทุก คห. แล้ว ขอบอกว่าซึ้งน้ำใจชาวไกลบ้าน และใกล้บ้าน(บางท่านอาจอยู่เมืองไทยค่ะ) ยามมีทุกข์ คงมีอีกมากมายที่จะช่วยกันคลี่คลาย เป็นอีกกระทู้หนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน วันนี้ดิฉันไม่มีปัญหา แต่วันข้างหน้า ใครจะไปรู้ อาจจะต้องขอความช่วยเหลือชาวไกลบ้านบ้างก็เป็นได้ ให้กำลังใจทั้งเจ้าของกระทู้ และผู้ที่เข้ามาให้คำแนะนำค่ะ เสียงจาก นอร์เวย์ ค่ะ จากคุณ : นกน้อยไม่มีกรงนอน - [ 9 พ.ค. 52 12:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 169 อ่านแล้วก็เห้อออออ หลาย ๆ เรื่องราว ในกระทู้นี้ เป็นตัวอย่างให้กับ ผู้หญิงไทยรุ่นหลัง ๆ ถ้าได้อ่าน ที่คิดว่า ผู้ชายฝรั่งเป็นพระเจ้า หวังจะมาพบชีวิตใหม่ที่ ตปท   แต่ความลำบากยิ่งกว่าอยู่เมืองไทย  ทั้งเรื่องภาษา การเป็นอยู่ การดูถูกจากคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยด้วยกันเอง มีหลายประสบการณ์ ที่เราได้รับฟังที่นี่ ข่มขื่น ยิ่งนักที่ได้ฟังเรื่องราวจากปากคนไทยด้วยกัน ที่ถูกฝรั่งย่ำยี เป็นกำลังใจให้ คนไทยทุกคนในต่างแดนนะค่ะ ศักดิ์ศรีคนไทย อย่าให้ใครมาย่ำยีได้ง่าย ๆ สู้ ๆ จากคุณ : eissee - [ 9 พ.ค. 52 20:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ขอบคุณที่มาเล่าให้เราฟังนะค่ะ อ่านเรื่องของคุณๆแล้วทำให้เรา รู้สึกว่าคนที่มีปัญหาใหญ่ๆ กว่าเรามีอีกมากมายนัก ปัญหาเราเป็นเรื่องเล็กจริงๆ จากคุณ : เราโชคดีกว่าอีกหลายคน (Moo.Ni) - [ 9 พ.ค. 52 21:20:02 ]