Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เข้ามาแชร์ประสบการณ์ Schengen Visa ที่สถานทูตอิตาลีคับ

    แรกเริ่มเดิมที ที่อ่านบรรดารีวิวการขอเชงเก้น ไม่เคยคิดที่จะมาขอสถานทูตอิตาลีเลย ครั้งแรกนึกถึงฮอลแลนด์ครับ เพราะได้ยินมาว่า ได้ง่าย และแพลนครั้งแรกกะว่าจะไปโฉบที่ฮอลแลนด์เป็นที่แรก แต่เขียนโปรแกรมไปๆ มาๆ เวรแล้วไง กลับกลายเป็นว่า ฝรั่งเศสและอิตาลีเท่ากัน ซึ่งตามกฎของการขอเชงเก้น จะต้องขอที่ประเทศที่อยู่นานที่สุด เลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะขอที่สถานทูตฝรั่งเศส เลยเข้าไปอ่านข้อมูลที่เว็บสถานทูต ป๊าดดดด..... ไม่มีคิวว่างเลยหรือนี่ (ถึงมีก็แบบว่ารอเสียวไส้) แถมเอกสารยังต้องแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสอีก (ห่วย เรื่องมากดีแท้)

    ก็เลยนั่งเขียนโปรแกรมใหม่ (เพื่อใช้ในการขอวีซ่าโดยเฉพาะ) คราวนี้แพลนให้อิตาลีนานกว่าฝรั่งเศสเล็กน้อย และเริ่มศึกษาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง แต่ครั้งแรกที่เว็บสถานทูตอิตาลี ไม่ค่อยชื่นอกชื่นใจเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีข้อมูลในการขอวีซ่าเลย แม้กระทั่งแบบฟอร์ม (หรือหาไม่เจอหว่าาาา) มีแต่ให้โทรไปหมายเลข 1800xxx ซึ่งคิดค่าบริการนาทีละ 9 บาท - -"

    ตอนนั้นคิดว่า "สถานทูตนี้ทำเป็นธุรกิจเลยหรอเนี่ยะ แค่ข้อมูลก็ไม่ให้ ต้องโทรถามอย่างเดียว" ก็เอานา ไม่เป็นไร

    หลังจากที่โทรไป จนท รับสาย ผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เพราะค่าโทรแพงเหลือหลาย (ยังกะโทรทจากดาวโลกไปดางพลูโต) แต่เจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์พูดดีมากครับ ช่วยผมหาวันยื่นเอกสารที่เร็วที่สุดได้ แถมให้ข้อมูลว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และต้องไปเอาที่ไหน อย่างไร

    เสร็จสรรพ์ไปเกือบสิบบาที เหอๆๆ ก็โอเคครับ ซื้อล๊อตเตอรี่แล้วโดนกินยังจะแพงกว่านี้ ฮ่าๆๆ

    หลังจากได้เล่มพาสปอร์ตคืนจากสถานทูตอังกฤษแบบฉิวเฉียด ก็มาถึงคิวเชงเก้นที่สถานทูตอิตาลี สถานทูตแอบไกลนิดนึงจากที่ผมอยู่ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แล้วโบกแท็กซี่ แล้วบอกว่าไปถนนนางลิ้นจี่ (ชื่อน่ากินเชียว) แปปเดียวก็มาถึง

    ด่านแรกเจอ รปภ. ก็สุภาพเรียบร้อย ผมไปถึงก่อนกำหนดเกือบ 40 นาที แต่ รปภ.ก็อนุญาตให้เข้าไปรอด้านใน หลังจากรอด้านในประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงคิวของผมและเพื่อนอีกคนเข้าไปยื่น ก่อนเข้าไปในส่วนด้านใน จะต้องแลกบัตร ปชช และปิดเครื่องมือถือและฝากไว้ที่ล็อกเกอร์

    สถานทูตอิตาลี่น่ารักมากครับ เป็นบ้านมีบริเวณ ในส่วนที่ใช้ในการขอวีซ่า จะเป็นอาคารเล็กๆๆๆ ทางซ้ายมือ เมื่อเข้าไปถึง ก็ไปบอกรหัสจองกับเจ้าหน้าที่แสนสวย (สวยจริงๆ ครับ ไม่ได้โม้) ซึ่งเป็นคนไทย พูดจาไพเราะ ให้เกียตริกับผู้มายื่นทุกคน

    ผมนั่งรอประมาณห้านาที เจ้าหน้าที่ผู้หญิงหน้าตาหมวยชาวไทยอีกคน ให้ผมและเพื่อนไปยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่คนนี้ก็ใจดีเช่นกันครับ พูดดีมากมาย ยอมรับว่าตั้งแต่ขอวีซ่ามา ไม่เคยเจอเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการด้วยใจขนาดนี้

    ผมยื่นเอกสารปึกมหึมาไป ซึ่งประกอบไปด้วย

    - แบบฟอร์มที่กรอกเรียบร้อย (ไปแอบดาวน์โหลดจากสถานทูตฮอลแลนด์) พร้อมรูปถ่าย 2 นิ้ว พื้นสีขาว ตามที่สถานทูตกำหนด
    - สำเนาบัญชีธนาคาร ทุกหน้า ย้อนหลัง 6 เดือน 2 ธนาคารอีก 1 ปึก
    - Itinerary การเดินทาง อย่างละเอียด แต่ไม่ฟุ่มเฟือย พร้อมสรุปจำนวนวันที่อาศัยในแต่ละประเทศที่เดินทางไปอย่างครบถ้วน อีก 2 หน้า
    - ใบจองโรงแรมทั้ง 30 กว่าคืน
    - ตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทาง ที่ออกตั๋ว จ่ายตังค์ครบถ้วนหมดแล้ว (อันที่จริง ใช้แต่ใบจองน่ะครับ แต่ผมได้ตั๋วถูกเลยจำเป็นต้องออกตั๋วเลย ตรงนี้แอบเสี่ยงนิดนึง)
    - ประกันการเดินทาง
    - หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท และสำเนาใบธุรกิจการค้า พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษ (แปลเองครับ เหอๆ)
    *ที่ต้องแปลไป เพราะอ่านข้อมูลจากบางที่บอกว่าให้แปล บางที่บอกว่าไม่ต้องแปล ก็เลยเหลือดีกว่าขาด แปลเองเลย - -" (อันที่จริงควรให้หน่วยงานทางราชการหรือบริษัทที่เขารับรองเป็นคนแปลให้น่ะครับ แต่ด้วยสาเหตุที่ผมเตรียมเอกสารไม่ทัน + ความงกส่วนตัว เลยแปลเอง หุหุ)
    - ค่าธรรมเนียม 2,760 บาท (เท่ากับ 60 ยูโร)
    - สำเนาหน้าพาสปอร์ต และทุกหน้าที่มีตราประทับ ตั้งแต่เล่มเก่าจนถึงเล่มปัจจุบัน
    - สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน

    เจ้าหน้าที่ดูเอกสารแล้วก็นับจำนวนวัน พร้อมถามประกอบว่าไปประเทศไหนเป็นที่แรก อยู่ที่ฝรั่งเศสกั้วัน (ตามโปรแกรมอยู่ฝรั่งเศส 9 วัน และอิตาลี 11 วัน และประเทศอื่นๆ กระจัดกระจาย) เจ้าหน้าที่ดูใบจองโรงแรม เช็คแบบวันต่อวัน ว่าเราจองครบไหม (ฉะนั้นแนะนำให้จองไปให้ครบน่ะครับ จองแบบหลอกๆ ไปก่อนก็ได้ ไม่เสียตังค์ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงค่อยมาแคนเซิ่นบุ้คกิ้งก่อนวันที่เขากำหนด)

    เจ้าหน้าที่มาสะดุดที่ตั๋วเครื่องบินขากลับของผม ซึ่งแอบงงว่าทำไมราคาถูกจัง (Rome-Bangkok 19 Euro!!!) เป็นใคร ใครก็งงครับ ผมเองยังจองแบบงงๆ เลย

    ระหว่างนั้นผมถามเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องใช้เวลาในการพิจารณากี่วัน ซึ่งคำตอบคือไม่เกิน 7 วัน ผมเลยอ้อนวอนให้พิจารณาเร็วกว่านั้นอีกนิดนึง เนื่องจากต้องใช้เล่มไปขอวีซ่าอินเดียอีกรอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ใจดีครับ พลิกเอกสารของผมไปมา แล้วสแตมป์ลงที่หน้าว่างในพาสปอร์ต แล้วบอกผมว่า "เดี๋ยวพี่จะให้เร็วที่สุดน่ะค่ะ แต่ยังไงพี่นัดเราวันที่ 5 ก่อนน่ะ ไม่เกินนั้นแน่นอน ถ้าเร็วกว่านั้นเดี๋ยวพี่โทรแจ้งค่ะ" ฟังอย่างนี้เข้าไป เป็นปลื้มเลยครับ แต่ก็ไม่อยากสรุปเองว่าวีซ่าตัวเองผ่านแล้ว

    เจ้าหน้าที่ทำให้ผมยิ้มอีกรอบ หลังจากเช็คทุกอย่างเรียบร้อย "วีซ่าของน้อง มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พค น่ะค่ะ แต่พี่จะให้เป็น Single Entry น่ะ เพราะประเทศที่น้องไป ไม่ได้ออกจากเขตเชงเก้นเลย" ซึ่งจริงๆ ตามกำหนด ผมจะบินเข้าเขตเชงเก้นจริงๆ คือวันที่ 19 พค เลยแอบงงนิดนึงคับว่า ให้ล่วงหน้าทำไมตั้ง 4 วัน ผมขอบคุณในความกรุณาของเจ้าหน้าที่ "ได้ครับ ขอบคุณมากครับ" (ยังไงก็ได้ อย่าให้ทริปผมล่มเพราะวีซ่าไม่ผ่านเป็นพอ อิอิ)

    พอมาดูในใบรับวีซ่า "แอบกังวลนิดนึงครับ เนื่องจากในใบ เขียนว่า Duration of Stay = 30 Days // Entries = Multiple ตอนกรอกเอกสารไป ผมขอไป 29 วันครับ แต่ก็ไม่ผิดที่เจ้าหน้าที่ให้ 30 วัน แต่กังวลที่ว่า เขาจะนับ 30 วันที่เขาอนุญาตตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม หรือนับจากวันแรกที่เราเหยียบเชงเก้น

    ตอนนี้ก็ลุ้นๆ ว่า ผลออกมาจะหมู่หรือจ่า แค่คิดไว้ลึกๆ ว่าคงไม่มีปัญหา มั้ง

    แต่ยังไง ก็ขอชมเจ้าหน้าที่สถานทูตอิตาลี ที่งามทั้งหน้าตา กริยา วาจา และใจการให้บริการ ซึ่งต่างจากชาติอื่นๆ ที่เคยไปยื่นมาพอสมควร (และจะดีกว่านี้มากๆ ถ้าวีซ่าผมผ่านจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ)

    จากคุณ : เป็นปลื้ม - [ วันแรงงาน 06:02:08 A:124.122.5.190 X: TicketID:211066 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com