Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    การเขียน statement of purpose

    เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนะครับว่าในการสมัครเพื่อไปเรียนต่อในต่างประเทศ ไม่ว่าจะระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก มีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในขั้นตอนการสมัครอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคะแนน GPA, คะแนน TOEFL หรือ GRE หรือ GMAT หนังสือ Recommendation จากหัวหน้างานหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย รวมทั้ง Resume หรือ Curriculum Vitae (CV) แต่อีกปัจจัยหนึ่งกรรมการคัดเลือก จะให้ความสำคัญมาก (อาจจะมากที่สุดก็ว่าได้) ก็คือ การเขียน Essay บางที GPA ของเราอาจจะไม่หรู TOEFL ไม่ถึงเกณฑ์ แต่ถ้า essay เยี่ยม ผมว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ การเขียน essay มีหลายชื่อเรียกครับ แล้วแต่มหาวิทยาลัย บางที่ก็เรียกว่า statement of purpose (เราเรียกสั้นๆว่า SOP) บ้างก็เรียก Personal Statement หรือ Letter of Intent แต่ชื่อไม่สำคัญและไม่ต้องจำครับ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่า คือ การทำให้กรรมการคัดเลือกเขารู้จักคุณผ่าน essay ให้ได้ครับ

    มหาวิทยาลัยหลายแห่งเปิดโอกาสให้ผู้สมัครบริหารความคิดในการเขียน essay ได้อย่างเต็มที่ครับ แต่มหาวิทยาลัยหลายแห่งโดยเฉพาะโปรแกรม MBA จะระบุคำถามมาให้ผู้สมัครอย่างชัดเจน เช่น อะไรคือผลงานชิ้นสำคัญของคุณในการทำงาน บทเรียนที่สำคัญที่สุดในจากการทำงานคืออะไร แต่สุดท้ายวัตถุประสงค์สำคัญ(Bottomline)ในการเขียน essay ก็คือ การสื่อให้กรรมการเห็นว่าคุณมีความเหมาะสมและความสามารถในการเข้าศึกษาต่อ แรงบันดาลใจที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นๆคืออะไร ประสบการทำงานที่มีคุณค่าที่สุดของคุณคืออะไร โดยเนื้อหาทั้งเรื่องต้องมีความสอดคล้องกันตั้งแต่ Introduction ยัน Conclusion

    ไม่ ว่าท่าน จะต้องเขียน essay แบบเปิดหรือแบบปิด กฏพื้นฐานข้อที่ 1 คือ เรื่อง word limit ครับ ถ้าเขากำหนดมาว่า 600 คำ ก็ต้องอยู่ใน 600 คำ จะเกินไม่ได้แม้แต่คำเดียวครับ ถ้าเกินเขาจะมองว่าคุณไม่ทำตามกฏ คือ ถือว่าแค่นี้ก็ทำตามไม่ได้แล้ว ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการรับเข้ามาเรียน

    แต่ถ้าถามว่าจะเขียนน้อยกว่า word limit ได้ไหม ตอบว่าได้ครับ คุณจะเขียน 200 คำก็ไม่มีใครว่าครับ แต่นี่เป็นโอกาสทองที่คุณทำให้กรรมการคัดเลือกรู้จักตัวคุณมากที่สุด คุณคงจะไม่อยากปล่อยโอกาสนี้หลุดล อยไปเพียงแม้แต่ "คำเดียว" ดังนั้นเวลาพิมพ์ essay ลงในโปรแกรม word ต้องใช้ word count นับคำกันเลยทีเดียว (แต่ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องคำเกินจริงๆ ก็ค่อยมาปรึกษาผู้รู้ว่าจะตัดส่วนไหนออกดี)

    องค์ประกอบสำคัญของ essay แบบเปิด ไม่มีกฏตายตัวครับ แต่อย่างน้อย ผมคิดว่ามันน่าจะต้องอยู่ในกรอบนี้นะครับ

    1)แรงบันดาลใจเริ่มต้นที่ทำให้อยากจะเรียนด้านนั้น ซึ่งอาจจะมาจากประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก หรือจากการเรียน หรือจากการทำงาน ก็สุดแล้วแต่ เรียกได้ว่าเป็น Hook ของเรื่องที่จะทำให้กรรมการอยากจะอ่านเรื่องของคุณต่อ หรืออยากจะโยนกลับเข้าไปในกอง อย่าลืมนะครับว่า ผู้สมัครเข้าเรียนแต่ละปีโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยดังๆ มีเป็นพันเป็นหมื่นคน จะทำอย่างไรให้ essay ของคุณ outstand ออกมามากที่สุด

    2)สิ่งที่ได้จากการเรียน (หากเพิ่งเรียนจบตรีแล้วอยากเรียนต่อปริญญาโทเลย คงต้องเน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษครับ)
    - บทเรียนที่ได้จากการเรียนกับอาจารย์ การเขียนรายงาน หรือการทำวิจัย การทำงานกลุ่ม case studies
    - บทเรียนจากการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม การช่วยเหลือผู้อื่น
    - บทเรียนจาการฝึกงาน หรือ Internship
    - ผลงานที่โดดเด่น หรือ Major Achievements ที่ควรต้อง highlight เป็นพิเศษ ว่าได้มาได้อย่างไร อะไรคือสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ อย่าบอกแค่ว่าได้รางวัลอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจบ ต้องบอกที่ไปที่มาด้วย
    - ทำไมจึงอยากไปเรียนต่อ โดยเฉพาะในสาขานั้นๆ มีอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ
    - ทำไมมหาวิทยาลัยจึงควรรับคุณเข้าเรียน คุณน่าสนใจตรงไหน คุณมีอะไรดีกว่าคนอื่น

    3)สิ่งที่ได้จากการทำงาน
    - บทเรียนจากการทำงาน การทำงานร่วมกับผู้ัอื่น กับลูกน้อง การทำ project หรือโครงการสำคัญ
    - พยายามพูดถึึงปัญหาในการทำงานและคุณมีแนวทางในการแก้ปัญหานั้นอย่างไร คือ เน้นสิ่งที่คุณเรียนรู้
    - ผลงานที่โดดเด่น หรือ Major Achievements ที่ควรต้อง highlight เป็นพิเศษ ว่าได้มาได้อย่างไร อะไรคือสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ อย่าบอกแค่ว่าได้รางวัลอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจบ ต้องบอกที่ไปที่มาด้วย
    - ทำไมจึงอยากไปเรียนต่อ โดยเฉพาะในสาขานั้นๆ มีอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นเพราะว่า หลังจากที่ทำงาน จึงรู้ว่ายังมีความรู้ในบางด้านไมพอหรือเปล่า (มุขนี้ใช้ได้เสมอครับ)
    - ทำไมมหาวิทยาลัยจึงควรรับคุณเข้าเรียน คุณน่าสนใจตรงไหน คุณมีอะไรดีกว่าคนอื่น

    4) คุณอยากจะเข้าเรียนที่นั่นเพราะอะไร
    - ชื่อเสียงของหลักสูตร (Reputation)expertise ของสถาบัน
    - วิชาที่อยากเรียน เรียนกับอาจารย์คนไหน สนใจ research เรื่องอะไร
    - โอกาสในการที่จะถูกรับเข้าทำงาน (High Job Placement)หลังเรียนจบ
    - โอกาสในการได้ฝึกงาน (Internship Opportunities)
    - Facilities ที่เกี่ยวข้องกับการเรียน เช่น ห้องสมุด laboratory etc
    - อย่าไปเผลอพูดว่าเมืองน่าอยู่ มีความเจิญแบบนี้ไม่เอานะครับ เว้นแต่เกี่ยวกับการเรียนจริงๆ เช่น มีเป้าหมายการวิจัยอยู่ที่นั่นแล้ว
    - หัวข้อนี้มีความสำคัญ เพราะจะแสดงว่าคุณได้ทำ research เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนั้นๆ มาดีแค่ไหน ยิ่ง specific มากยิ่งดีครับ

    5) คุณจะนำความรู้ที่ได้จากมหาวิทยาลัยกลับไปทำำอะไร
    - เป็นการถามว่า อนาคตอันใกล้ (Short term goals) คุณอยากจะเป็นอะไร แล้วจะนำความรู้ไปใช้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาอะไร ยิ่ง specific มากยิ่งดีครับ เพราะแสดงว่าคุณมีความชัดเจนกับเป้าหมายในชีวิต

    สรุปหลักสำคัญในการเขียน essay
    1) หลักการเขียนที่ดี คือ การกล่าวถึงประสบการณ์ของคุณในเชิงวิเคราะห์ มากกว่าเพียงแค่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เน้นว่าไปทำอะไรมา (What) แต่เน้นว่าทำได้อย่างไร คือ how และคุณเรียนรู้อะไรจากมัน ดังนั้นต้องแยกแยะให้ออกว่านี่ไม่ใช่การเขียน Resume แต่เป็นการนำบทเรียนของชีวิตและแรงบันดาลใจมาถ่ายทอดให้ผู้อ่าน หากว่าหยากจะหาที่เขียนเรื่อง what ให้ไปเขียนใน resume แทนนะครับ
    2)ขอให้เขียนออกมาจากใจ เป็นเรื่องจริง เมื่อคุณเขียนออกมาจากความรู้สึกใน ก้นบึ้งของหัวใจ ผ้อ่านก็จะรู้สึกได้ถึง passion ของคุณ ตรงกันข้าม หากคุณไปลอกคนอื่นมา หรือไม่ได้เขียนเอง ผู้อ่านเขาก็มี sense รับรู้ได้เหมือนกัน ที่สำคัญ คุณคงไ่ม่ภูมิใจแน่ หากมหาวิทยาลัยตอบรับ เพราะเป็นงานเขียนของคนอื่น

    นักเรียนหลายคนบ่นกับผมว่า ไม่รู้จะเขียนอย่างไร ไม่มีเหตุผลมาประกอบว่าทำไมจึงอยากไปเรียน ก็ที่บ้านให้ไปเรียนง่ะ อะไรประมาณนี้ อันนี่ผมเข้าใจนะครับ แต่ขอแยกเป็น 2 ประเด็น คือ
    1) นึกไม่ออกเพราะยังไม่เคยนั่งนึกเสียที
    2) นึกไม่ออกเพราะไม่มีเหตุผลจริงๆ คือ ไปเรียนแบบไม่ได้อยากไปเรียนเลย ไปเพราะว่าเท่ห์ หรือที่บ้านบังคับให้ไป

    ถ้าเป็นเหตุผลแรกต้องให้เวลากับตัวเองอีกสักนิดครับ จากประสบการณ์ หลังจากที่ได้คุยกันสักพัก นักเรียนก็จะเริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น
    แต่ถ้าเป็นเหตุผลที่สองก็..............อืม...........ก็ลอง สมัครดูแล้วกันครับ ถ้ามหาวิยาลัยเขาดูไม่ออก ก็ถือว่าโชคดีไป

    จากประสบการณ์การเป็นอาจารย์ part-time สอน TOEFL IBT อยู่ประมาณ 2 ปี มีเด็กนักเรียนจำนวนมากที่มาขอคำแนะนำและส่ง essay มาให้ตรวจก่อนที่จะส่งไปที่มหาวิทยาลัย จึงพบว่าปัญหาสำคัญของเด็กนักเรียนไทยส่วนใหญ่ไม่ใ่ช่เรื่องของภาษาอย่างที่เคยเข้าใจ เพราะปัญหาที่ผมมักจะเห็นเป็นประจำ ก็คือ

    1) การคิดในเชิงเหตุและผล (Logical Thinking)
    2) การหาเหตุผลที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง (specific) เพื่อนำมา back up statement ของตนเอง
    3) การใช้เวลาเวลาในการทำความรู้จักกับตนเองว่า เราเป็นเราในวันนี้ได้เพราะอะไร ทำไมเราถึงอยากเรียนด้่านนี้ อนาคตเราอยากทำอาชีพนี้เพราะ อะไร อะไรคือแรงบันดาลใจ หรือ inspiration นักเรียนหลายคนยัง clueless กับความต้องการของตนเอง และความ clueless ที่ว่านี้มันก็จะปรากฏออกมาใน essay เวลากรรมการอ่านก็จะรู้เลยว่า อ๋อ!! นี่มันไม่รู้จักตัวเองเลยนี่หว่า

    เวลาส่วนมากของผมในการช่วยตรวจ essay ของเด็กนักเรียน จึงมุ่งไปที่การคุยหรือการตกผลึกทาง ความคิด (crystallize) ต้องคอยถามตะล่อมว่า แล้วที่อยากทำอย่างนี้เพราะอะไร ทำไมถึงอยากเรียน MBA ทำไมอยากเรียนต่อด้านกฏหมาย หรือการเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ผ่านมาทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง คือ เน้นการวิเคราะห์ตนเองก่อน

    ถึงแม้การเขียนของเด็กนักเรียนจะมีใช้ศัพท์ผิดบ้าง ใช้ grammar ผิดบ้าง หรือ style การเขียน อาจจะยังฟังดู awkward อยู่ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่ผมคิดว่าใหญ่เท่ากับเรื่องของการคิดที่เป็นระบบ จริงๆผมเชื่อว่า เด็กนักเรียนไทยเก่งครับ แต่ปัญหาสำคัญคือ ไม่ให้เวลากับการเขียนอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าหากใส่ใจและให้เวลากับการทำความรู้จักกับตัวเองอีกสักนิด ก็จะทำให้การ express ตัวเองใน essay มีความชัดเจนขึ้น

    ขอเรียนว่า จากประสบการณ์การเขียน essay ของตนเอง ยอมรับเป็นกระบวนการที่ยาว นานมากครับ ใครคิดว่าเขียน 2 วันเสร็จต้องคิดใหม่นะครับ ผมใช้เวลาเขียนตั้ง 1 เดือน เขียนแล้วก็โยนทิ้ง ทำแบบนี้อยู่หลายรอบ แก้ไปแก้มาจนได้เนื้อความที่ตรงกับใจมากที่สุด

    ดังนั้น จึงขอย้ำว่า การเขียน essay เป็นมากกว่าเรื่องของการใช้ภาษา เป็นเรื่องของการทำความรู้จักกับตนเองอย่างแท้จริง Self-reflection ผมต้องใช้เวลาอย่างมากในการนั่งคิด ว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้ได้มันคืออะไร ทำไมเราจึงอยากรับราชการ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราได้อะไรมาบ้าง ทำไมเราถึงอยากเรียนด้าน HR และตอนที่เริ่มทำงานผมได้เรียนรู้ อะไรจากการทำงานบ้าง เช่น การทำงานเป็นทีม การเป็นผู้นำ การแก้ปัญหาความขัดแย้ง คือ ต้องพยายามคิดตลอดว่า ทุกช่วงของชีวิต เราได้บทเรียนอะไรมาบ้าง มันทำให้เรา grow professionally อย่างไร

    ข้อควรระวังในการเขียน essay

    1. ไม่บ่นหรือตัดพ้อเกี่ยวกับระบบหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ เช่น ความโชคร้ายต่างๆ
    2. ไม่ควรเทศนาให้ผู้อ่านฟัง คุณสามารถพูดถึงความคิดเห็นของคุณได้ แต่พยายามให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม เช่น หากจะไปเรียนด้านปรัชญาการเมือง ก็คงไม่ต้องวิจารย์การเมืองไทยอย่างออกนอกหน้า
    3. ห้ามพูดว่าเงินเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คุณสมัครเข้าศึกษาต่อ ถึงแม้มันจะเป็นความจริงก็ตาม ควรจะเลี่ยงว่า to help drive the bottomline of the organization แืทน
    4. ห้ามพูดถึงเรื่องสถานะหรือภูมิหลังที่ด้อยกว่าผู้อื่น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้อ่าน คุณต้องพยายาม show ข้อดีของคุณ
    5. หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เทคนิค หรือใช้คำศัพท์ที่ยากหรือที่คนไม่นิยมใช้กัน หรือเรื่องที่คนวัฒนธรรมอื่นๆ อาจจะไม่เข้าใจ
    6. Conclusion ของเรื่อง ต้องสอดคล้องกับ Introducion เช่น หากตอน Intro บอกว่า อยากเป็นนักกฏหมายเพราะเห็นความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ตอนจบก็น่าเน้นว่าจะนำความรู้ไปช่วยสังคมอย่างไร ผมเคยเจอมาแล้ว ที่จบท้ายว่าอยากไปเป็นทนายความในบริษัท.....ซะงั้น

    สุดท้ายขอบอกว่า ถึงแม้การเขียน essay จะต้องเขียนด้วยมือของตนเองเท่านั้น แต่เมื่อคุณเขียนเสร็จแล้ว ขอแนะนำอย่างยิ่งว่าควรที่จะต้องให้ผู้อื่นช่วยอ่านหรือ proofread ให้ด้วย อย่าเพิ่งมั่นใจแล้วส่งไปมหาวิทยาลัยเลย ประการแรกเพื่อช่วยดูเนื้อหา ประการที่สองก็เพื่อให้ดูคำถูกคำผิดครับ

    เดี๋ยววันหลัง จะขออนุญาตนำเอาตัวอย่าง essay ของนักเรียนทั้งแบบที่ดีและไม่ดี มาเล่าสู่กันฟังครับ

    http://www.oknation.net/blog/xcornellian/2009/05/04/entry-1

    จากคุณ : Wisanupong - [ วันฉัตรมงคล 19:10:22 A:124.121.156.107 X: TicketID:214888 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com