ความคิดเห็นที่ 1 1. ดิน ฟ้า อากาศ: ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มากค่ะ อากาศในแต่ละภูมิภาคก็จะแตกต่างกันไป ถ้าเกิดเพื่อนๆตั้งกระทู้ถามว่า “อากาศในอเมริกาช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” คำตอบที่จะได้จะแตกต่างกันออกไปค่ะ เพราะในขณะที่อากาศรัฐนึงร้อน...รัฐอื่นๆฝนอาจจะตก หรืออาจจะหนาวจนหิมะยังไม่ละลายก็ได้ ถ้าเพื่อนๆอยากทราบว่าอากาศในเมือง หรือในรัฐที่กำลังจะมาเป็นอย่างไร...แนะนำให้ใช้เวป weatherดอทคอม ค่ะ... วิธีหาก็เอารหัสไปรษณีย์ (Zip Code) ของเมือง (อันนี้จะอยู่ข้างหลังตัวย่อของรัฐนะคะ เช่น CA, “90210” หรือ FL, “32830”) จะสามารถดูได้ค่ะว่าอากาศจะเป็นแบบไหนช่วงที่เพื่อนๆจะมานะคะ ถ้าจะให้สรุปง่ายๆ อากาศด้านแถบตะวันออก East Coast หน้าหนาวจะหนาวมาก และหน้าร้อนจะร้อนชื้นแบบเมืองไทยค่ะ อากาศแถบตะวันตก West Coast จะไม่หนาวมาก หน้าร้อนจะร้อนแห้งๆค่ะ ยิ่งอยู่รัฐทางเหนือโอกาสจะเจอหิมะจะสูงกว่ารัฐทางใต้ค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. การแพ๊คกระเป๋า: ถ้ามีกระเป๋าสองใบ ควรจะแพ๊คของในปริมาณเท่าๆกันนะคะ เผื่อว่าต้องมีการต่อเครื่องแล้วถ้ากระเป๋าหายไปใบนึง อย่างน้อยก็ยังมีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้นะคะ อย่าลืมเช็คกับทางสายการบินนะคะว่าลิมิตน้ำหนักกระเป๋าเท่าไหร่ค่ะ เพราะแต่ละสายการบินให้ไม่เท่ากันค่ะ อาหาร: พวกของแห้งต่างๆเช่นมาม่า หรือซอสปรุงรสพวกน้ำปลา ซีอิ๊ว ถ้าไปตามSupermarket ของคนเอเซียจะสามารถหาได้ค่ะ ความเห็นส่วนตัวเราว่าควรจะใช้พื้นที่ในกระเป๋าเอาของสำคัญอย่างอื่นมาดีกว่านะ แต่ถ้าเพื่อนๆชอบทำอาหาร จะเอาพวกผงปรุงรสต่างๆมาก็ดีค่ะ เพราะที่นี่จะไม่มีขายหลากหลายเหมือนที่เมืองไทยนะคะ ข้อควรระวัง: ที่อเมริกาจะเคร่งครัดเรื่องอาหารแห้งที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์นะคะ ของที่ไม่ควรจะเอามาคือของที่ทำมาจากเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่และอาหารที่มีส่วนประกอบของไข่.  อาหารที่มีส่วนประกอบของปลาหรืออาหารทะเลสามารถเอามาได้ค่ะ ต้นไม้ เมล็ดผักและผลไม้ หรือผลไม้สดๆ ห้ามเอาเข้ามาค่ะ เพราะว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องโรคและแมลงต่างๆค่ะ ตามสนามบินใหญ่ๆ ทางศุลกากรจะมีหมาบีเกิ้ลที่จะตรวจดมกระเป๋าค่ะ หมาพวกนี้จมูกดีมากถ้าเกิดตรวจแล้ว99.99%จะเจอแน่นอนค่ะ ซ่อนยังไงโอกาสที่จะรอดก็น้อยมากกกกกกกก ถ้าเกิดว่าคุณโดนเรียกตรวจแล้วไม่ได้เลือกที่จะ declare ของที่คุณมี.. ค่าปรับจะอยู่ระหว่าง $ 300 - $ 10,000ค่ะ ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าของที่เอามาสามารถจะเอาเข้ามาได้รึเปล่า Declare ไปก่อนเลยค่ะ เพราะถ้าเค้าเจอแต่คุณDeclareไว้แล้ว อาจจะโดนทิ้งของ แต่จะไม่โดนปรับค่ะ เครื่องใช้ไฟฟ้า: ไฟฟ้าในอเมริกาใช้ไฟไม่เหมือนเมืองไทยนะคะ ของที่เพื่อนๆอยากจะเอามาเช่นหม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม ที่โกนหนวด เพื่อนๆสามารถจะมาหาซื้อที่อเมริกาได้ในราคาเริ่มต้น $20 ขึ้นไปค่ะ ถ้าต้องแบกของมาจากเมืองไทยมันจะเปลืองเนื้อที่เปลืองน้ำหนักในกระเป๋านะคะ เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอันถ้าเกิดต้องใช้Adapter จะเพิ่มความเสี่ยงเรื่องไฟลัดวงจรได้ค่ะ เงินสด: คุณสามารถจะนำเงินสดติดตัวเข้าประเทศอเมริกาโดยไม่ต้อง Declare เป็นจำนวนไม่เกิน $ 10,000 ค่ะ $ 10,000 ไม่ใช่จำนวนต่อคนนะคะเป็นจำนวนper partyค่ะ ถ้าคุณมากับครอบครัว (พ่อแม่ลูก) ก็ถือเข้ามาได้$ 10,000 โดยไม่ต้องสำแดงค่ะ ไม่ใช่ $ 30,000นะจ๊ะ ถ้าถือมาเกินกว่านี้ก็Declareไปเลยค่ะ แต่ก่อนตอนเรามาเรียนเราก็ถือเกิน $10,000 เพราะต้องเอามาจ่ายค่าเทอมค่ะ ก็บอกเจ้าหน้าที่ไป ไม่มีปัญหาค่ะ *คำตอบเรื่องเงินนี่เราได้มาจากเพื่อนที่ทำงานที่ IRS นะคะ เพราะกฏข้อนี้จริงๆ IRS เป็นผู้ออกกฏเพราะเค้ากลัวเรื่องการฟอกเงินค่ะ  เพื่อนเราบอกว่าถ้าเอาเกินมาก็แค่declareไป ไม่มีผลเรื่องการเสียภาษี บอกไปตามตรงว่าได้เงินมายังไงแค่นั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ ถามว่าถ้าถือมาเกินแล้วไม่แจ้ง จะมีปัญหามั้ย ถ้าไม่แจ้ง..จำนวนเงินที่เกินมาจาก $ 10,000 สามารถจะโดนยึดได้ค่ะ ที่สำคัญคือถ้าคุณมีงานทำอย่างถูกต้องที่อเมริกา และได้รับPaycheck เข้าธนาคารตลอด ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะIRS และธนาคารเค้าจะโฟกัสsuspicious activity ไปที่คนที่ไม่มีงานทำ ไม่มี Paycheck เข้าธนาคารเป็นประจำมากกว่าค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. ด่านตรวจคนเข้าเมือง: ถ้าเพื่อนๆมาอย่างถูกต้อง มาอย่างบริสุทธิ์ใจ เค้าถามอะไรก็ตอบไปตรงๆเลยค่ะ ไม่มีปัญหาหรอก ก่อนมาควรจะทำความเข้าใจด้วยนะคะว่าวีซ่าที่คุณขอมาสามารถทำอะไรได้บ้าง ยกตัวอย่างนะคะ วีซ่านักท่องเที่ยว ก็ใช้แค่มาท่องเที่ยวค่ะ วีซ่านักเรียนก็ใช้เพื่อจะมาเรียนมาหาความรู้ค่ะ ถ้าวีซ่าของคุณไม่ใช่วีซ่าทำงาน การนำวีซ่ามาใช้ทำงานเป็นการใช้งานแบบผิดประเภทค่ะ ถ้าเพื่อนๆจะมาเที่ยว ควรจะมีข้อมูลของสถานที่พักติดมาด้วยนะคะ จะไปเที่ยวที่ไหน พักโรงแรมอะไร อย่างน้อยถ้าโดนถามก็จะได้ตอบได้ค่ะ ถ้าจะมาพักกับเพื่อนหรือญาติพี่น้องก็เอาที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์เค้าติดมาด้วยก็ดีค่ะ เผื่อมีปัญหาจะได้ติดต่อได้ค่ะ สาเหตุที่ทางสถานทูตกำหนดมาว่าการขอวีซ่าแต่ละประเภทจะต้องมีเงินมากขนาดไหน เพราะนั่นคือหลักประกันว่าเพื่อนๆจะไม่มาและใช้วีซ่าอย่างผิดกฏหมายค่ะ ส่วนตัวของเราเองเราไม่สนับสนุนการมาอเมริกาและใช้วีซ่าอย่างผิดประเภทนะคะ ถ้าเพื่อนๆจะถามมาหลังไมค์ว่าจะทำยังไงเพื่อที่จะเข้ามาและใช้วีซ่าแบบผิดๆ ขอบอกตรงนี้เลยว่าจะไม่ตอบนะคะ มีอะไรสงสัยถามในกระทู้เลยค่ะ ถ้าเราตอบไม่ได้ เพื่อนๆคนอื่นอาจจะตอบให้ได้ค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:52:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4.Transportation: ถ้าเพื่อนๆจะเดินทางไปเมืองใหญ่ๆเช่น Chicago, San Francisco หรือ New York.  Public Transportation เค้าจะดีมากค่ะ แต่ว่าเมืองอื่นๆ ต่อให้เป็นเมืองใหญ่เช่น Los Angeles จะไม่ดีนะคะ ขอพูดถึงแอลเอนะคะ แท๊กซี่แพงมากกกกกกก มีคนรู้จักเคยนั่งจากสนามบินไปบ้านของเพื่อนเรา (ประมาณครึ่งชั่วโมงจากสนามบิน) หมดไปเกิน $ 50 ค่ะ รถเมล์แต่ละสายจะมาประมาณหนึ่งชั่วโมงหนึ่งคันค่ะ แถมไม่ได้วิ่งจนดึกดื่น บางสายวิ่งถึงแค่ทุ่มนึงก็หยุดแล้วค่ะ ถ้าจะมาอยู่แอลเอ..ทางที่ดีที่สุดคือ ต้องอยู่ใกล้ๆโรงเรียน หรือต้องมีรถค่ะ ปัญหาคือSouthern California สถานที่ต่างๆจะอยู่ห่างกันค่ะ ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ การนั่งรถเมลล์เลยอาจจะไม่สะดวกค่ะ แต่ก่อนเราเคยต้องนั่งรถเมลล์ไปโรงเรียน ระยะทางแค่ 5 ไมล์ แต่ต้องใช้เวลาสองชั่วโมงครึ่งค่ะ เพราะต้องต่อรถสามสาย พอก่อนจะเรียนจบซื้อรถ ขับรถไปจากที่บ้าน อย่างช้าสุดๆก็20นาทีค่ะ มีรถแล้วย่นเวลาได้เยอะมากเลยค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 5.โทรศัพท์มือถือ: Cell phone provider ใหญ่ๆของที่นี่คือ T-mobile กับ AT&T นะคะ ที่นี่จะไม่นิยมการซื้อโทรศัพท์แบบเครื่องเปล่าๆค่ะ ส่วนใหญ่ถ้าอยากจะได้โทรศัพท์ใหม่ๆจะต้องเซ็นสัญญาสองปีค่ะ (เซ็นปีเดียวก็อาจจะต้องจ่ายค่าโทรศัพท์มากหน่อยค่ะ) ระบบนี้จะเป็นการจ่ายแบบรายเดือนนะคะ การเซ็นสัญญาแบบรายเดือนต้องมีเครดิตนะคะ ถ้าไม่มีเครดิตอาจจะต้องวางเงินมัดจำค่ะ ขอยกตัวอย่างAT&T นะคะ (เพราะเราใช้เครือข่ายนี้อยู่ค่ะ) 900 นาทีต่อเดือน $ 60 ได้ค่ะ แพลนนี้จะคุยหลังสามทุ่ม และเสาร์อาทิตย์ฟรีนะคะ ถ้าใช้นาทีไม่หมด จะสามารถยกยอดนาทีที่เหลือไปเดือนถัดมาได้ค่ะ และถ้าโทรหาคนที่ใช้ AT&Tเหมือนกันก็จะโทรหากันไปฟรี ไม่ต้องเสียนาทีค่ะ ถ้าอยากจะใช้โทรศัพท์ระบบเติมเงินก็ได้นะคะ มีหลายเครือข่ายค่ะ แต่ว่าค่าโทรต่อนาทีจะแพง ไม่ว่าคุณจะโทรเข้า โทรออก ส่ง SMS รับSMS จะโดนชาร์จหมดเลยค่ะ ถ้าจะใช้ระบบเติมเงินแนะนำว่ามาถึงที่นี่แล้วลองดูก่อนว่าเพื่อนๆคนอื่นเค้าจะใช้โทรศัพท์เครือข่ายไหน เพราะส่วนใหญ่ระบบเติมเงินถ้าเครือข่ายเดียวกันจะสามารถโทรหากันได้ฟรีค่ะ ถ้าคิดจะเอาโทรศัพท์กลับไปใช้เมืองไทย ควรจะถามก่อนซื้อนะคะว่าโทรศัพท์เป็นระบบซิมการ์ดรึเปล่า เพราะบางเครือข่ายจะไม่ใช้ซิมการ์ดค่ะ (Verizon, Sprint) แถมเรื่องโทรศัพท์ ตอนนี้ถ้าใครยังคิดอยากจะซื้อ iPhone อยู่ไม่สามารถจะซื้อเครื่องเปล่าๆได้แล้วนะคะ ตามร้านApple จะไม่ขายแบบไม่มีสัญญาแล้วค่ะ ถ้าอยากได้เครื่องเปล่าๆคงจะต้องหาจากเวปEเบย์เอานะคะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 6. การขับรถ: “บางรัฐ” คุณสามารถใช้ใบขับขี่รุ่นใหม่จากเมืองไทยได้ค่ะ (รุ่นที่มีภาษาอังกฤษ) ไม่ใช่ทุกรัฐนะคะ และบางรัฐจะไม่รับInternational Driver Permit / License ค่ะ แนะนำว่าถ้าจะอยู่นานกว่า3-4เดือน ควรจะทำใบขับขี่ของรัฐที่คุณอยู่เลยค่ะ เพราะกฏในการขับรถในบางรัฐอาจจะแตกต่างกันไป ควรจะสอบเพื่อให้ได้ใบขับขี่อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและคนรอบข้างค่ะ เวลาทำประกันต้องดูดีๆด้วยค่ะ บางทีประกันทำแบบถูกๆเพราะเป็นแค่ Liability ไม่ได้เป็น  Full Coverage ถ้ารถชนขึ้นมาเค้าอาจจะจ่ายชดใช้แค่คนที่โดนชนนะคะ แต่รถของคุณอาจจะไม่coverค่ะ ไม่ทราบว่ากฏหมายอันนี้สำหรับทุกรัฐรึเปล่า แต่ทางแคลิฟอร์เนียรถจะต้องมีประกันนะคะ ไม่งั้นผิดกฏหมายค่ะ ======== ****** เพิ่มเติมข้อมูลเรื่องการสอบใบขับขี่ค่ะ  ****** CG เคยแต่สอบขับที่California นะคะ เลยไม่แน่ใจค่ะว่ารัฐอื่นจะเหมือนกันรึเปล่า หลักๆคือต้องสอบข้อเขียนก่อนที่จะสอบขับรถค่ะ คุณสามารถไปที่DMV แล้วหยิบหนังสือ Handbook มาอ่านได้เลยค่ะ พออ่านจบด้านหลังของเล่มจะมีข้อสอบตัวอย่างอยู่ค่ะ ที่แคลิฟอร์เนียมีสิทธิสอบข้อเขียนได้สามครั้งค่ะ ถ้าสอบผ่านแล้วก็สามารถนัดสอบขับรถได้เลยค่ะ รถที่จะเอามาสอบขับต้องมีRegistration และประกันนะคะ เค้าจะกำหนดเลยค่ะว่าผิดได้กี่ครั้ง ถ้าผิดเกินที่เค้ากำหนดไว้ก็ตกค่ะ.. ต้องนัดสอบใหม่จ๊า เวลาสอบต้องเกร็งๆนะคะ อย่าคิดว่าขับรถจากเมืองไทยได้แล้วจะสอบผ่านง่ายๆนะคะ คุณพ่อของ CG ขับรถเก่งมาเลยค่ะที่เมืองไทย มาที่นี่สอบขับไปเจ็ดรอบค่ะ เพราะพ่อขับแบบสบายๆ ขับมือเดียว จอดรถมือเดียว ตกซะพ่อเสียความมั่นใจไปเลยค่ะ ถ้าถามว่าเค้าให้ความสำคัญอันไหนมากกว่า คงจะต้องบอกว่าให้ความสำคัญการขับมากกว่าค่ะ เพราะถ้าขับไม่ได้ยังไงก็ไม่ผ่านค่า.... อ้อ! ลืมอีกอย่าง ต้องมีการตรวจสายตาด้วยนะคะ เค้าจะให้อ่านตัวหนังสือบนบอร์ดค่ะ ถ้าอ่านไม่ได้หรือต้องใส่แว่นก็จะมีการใส่note ที่ Driver License ว่า need corrective lenses ค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 10:14:35 จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 7.เงินและบัญชีธนาคาร: การพกเงินที่อเมริกาควรจะพกใบละ $ 20 นะคะ เพราะว่าถ้าไปซื้อของจากร้านเล็กๆบางทีเค้าจะไม่รับแบ๊งค์ที่ใหญ่กว่า $ 20ค่ะ ร้านค้าต่างๆส่วนใหญ่จะรับบัตรที่มีโลโก้ Visa Mastercard นะคะ คนที่นี่เลยจะไม่พกเงินสดเยอะๆค่ะ ถ้าจะมาเรียนนานๆ แนะนำว่าควรจะมีบัญชีที่อเมริกานะคะ เพราะบัตรที่มีโลโก้ Debit เมืองไทย เท่าที่เห็นเพื่อนๆที่มากัน จะเอามาใช้ไม่ได้ค่ะ วิธีเปิดบัญชีก็เดินเข้าไปที่ธนาคาร เอาพาสปอร์ต เอาใบ i-20ไปแล้วเปิดบัญชีได้เลยค่ะ บางทีฝากเงินเริ่มต้นแค่$ 1 ก็ได้แล้วค่ะ ลองเลือกแบ๊งค์ที่มีตู้เอทีเอ็มเยอะๆนะคะ เวลาจะกดเงินออกมาใช้จะได้สะดวกหน่อยค่ะ ถ้าเพื่อนๆจะเอาเงินเข้าบัญชีเยอะๆ ส่วนใหญ่ทางธนาคารจะ Hold เงินประมาณ3-8วันนะคะ ควรจะพกเงินสดติดตัวนิดหน่อยเผื่อจะต้องใช้ในช่วงที่ธนาคาร holdเงินนะคะ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 14:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 8. การทำงาน: ขอย้ำนะคะ ถ้ามาวีซ่าท่องเที่ยว ไม่สามารถทำงานได้ค่ะ ถ้ามาวีซ่านักเรียนจะทำงานได้แค่ On campus เท่านั้น และไม่เกินอาทิตย์ละ20ชั่วโมงค่ะ ถ้าสนใจจะทำงานที่โรงเรียนลองติดต่อกับทางโรงเรียนดูนะคะ ถ้าทางโรงเรียนอนุญาตให้ทำงานในโรงเรียนและออกหนังสือให้คุณสามารถไปขอ SSN (Social Security Number) ได้ หลังจากที่คุณจะได้ SSNมาแล้ว คุณก็ยัง”ไม่”สามารถจะออกไปทำงานนอกโรงเรียนได้นะคะ เพราะเลขในบัตรใบนั้นเค้าออกให้(authorize)แค่สำหรับงานในโรงเรียนค่ะ (ที่บัตรอาจจะมีข้อความประมาณว่า Valid for work with authorization นั่นหมายความว่างานแต่ละงานต้องได้รับการอนุญาตก่อนค่ะ) จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 15:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อุ๊ย...ตีหนึ่งแล้ว... ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ คิดไม่ออกแล้วด้วยว่ามีเรื่องอะไรที่ควรเขียนอีก....ถ้าคิดอะไรหัวข้อเพิ่มได้อีกจะมาเขียนอีกนะคะ ขอบคุณทุกคนที่สละเวลาเข้ามาอ่านจ๊า ^_______^ จากคุณ : CaliGirl - [ 10 พ.ค. 52 15:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เยี่ยมมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่เตรียมตัวจะไปอยู่อเมริกาได้เป็นอย่างดี โบไม่มีอะไรจะแชร์ เข้ามาดูคนอื่น Post ต่อก็แล้วกันนะคะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้ค่ะ  แล้วคนอื่นที่จะกำลังจะเข้ามาแชร์ด้วยนะคะ เป็นประโยชน์มากๆ จากคุณ : BeauUSA - [ 10 พ.ค. 52 17:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอปรบมือให้คุณ CaliGirl ค่ะ ตั้งใจจะรวม FAQ ไกลบ้านตั้งนานแล้ว ได้แต่คิดไม่ได้ทำสักที เดี๋ยวไว้มาอ่านอีกทีค่ะ จากคุณ : pixp - [ 10 พ.ค. 52 17:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 . . . ให้ ครับ สำหรับความรู้ดี ๆ จากคุณ : Heian - [ 10 พ.ค. 52 18:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากไปอเมริการจัง  เดี๋ยวจะสัมภาษณ์วันที่14นี้ค่ะ  เครียดมาก  กลัวเตรียมเอกสารไม่ครบ  บช.เงินมีไม่มาก(จริงๆๆ)  ไม่รู้ว่าจะต้องเจอคำถามอะไร  หรือว่าเค้าจะดูเอกสารผ่านๆๆแล้วส่งเอกสารให้เรากลับบ้าน คิดมากมากเลยค่ะตอนนี้  บางทีอ่านกระทู้หลายๆๆ ก็ทำให้เรามีหวังบ้าง บางกระทู้ก็ทำให้เราเครียดกลัวบ้าง (เหมือนจะเป็นคนฟุ้งซ่านแล้วอ่ะค่ะ) ก็เลยอยากจะฟังคนที่มีประสบการณ์แนะนำ จากคุณ : ปอ (neeracha_t) - [ 10 พ.ค. 52 19:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ๑.โหวตให้ค่ะ และ ๒.กดเก็บเข้ากระทู้คงคลัง.. กระทู้จะได้อยู่นานๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Panissar - [ 10 พ.ค. 52 22:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาแสดงความยินดี กับเจ้าตัวเล็กครับ อ่านบรรทัดแรก  นึกว่าคุณลงพุง  อ้วนนนนน  จนพุงติดคอม จากคุณ : hollywop - [ 10 พ.ค. 52 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อมูลเป็นประโยชน์กับมือใหม่ที่จะไปอเมริกามากๆเลยค่ะ ขอบคุณคุณ CaliGirl มากๆเลยนะคะ ที่นำข้อมูลดีๆมาแชร์ให้รับทราบ รออ่านต่อไปอยู่นะคะื^ ^ จากคุณ : #อายูมิจัง# - [ 10 พ.ค. 52 23:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โหวตๆ ชอบมาก จากคุณ : ไม่รู้จักแต่อยากเจอ - [ 10 พ.ค. 52 23:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีประโยชน์มาก..โหวดค่ะ จากคุณ : ยูกะ (YUCCA) - [ 11 พ.ค. 52 00:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เหมือนกันเลยค่ะ คุณ hollywop ตอนแรกก็คิดว่า สงสัย enjoy eating มากไปหน่อย อ่านไปอ่านมา อ๋อ กำลังมี เบบี๋ นี่เอง ยินดีด้วยค่ะ ข้อมูลคุณมีประโยชน์มากๆ ค่ะ สงสัยเป็นเพราะกระทู้ที่เค้าถามเกี่ยวกับจะไปใช้ชีวิตที่ San Fran 1 ปีนั้นแน่ๆ เลย จากคุณ : Mommy&Daddy - [ 11 พ.ค. 52 00:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตแน่นอนคะ แนะนำเรื่องซักผ้าด้วยก็ดีนะคะ บ้านเราซักที่บ้าน ตากข้างบ้าน ไม่เหมือนที่นี่เลย กิจกรรมประจำวัน ด้วยนะคะ เรื่อง การซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต (จ่ายเงินเอง) เรื่องการเติมน้ำมัน(เรายังไม่กล้าทำคะ กลัวหก) เรื่องการจอดรถ หยอดเหรียญ เรื่องการซื้อของแล้วไปเปลี่ยน หรือ คืนของ ขอบคุณคะ จากคุณ : โซเหนี่ยละเหี่ยใจ - [ 11 พ.ค. 52 03:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ติดตามมาตั้งแต่ใน blog แล้วค่ะ จขกท เขียนได้ละเอียดมาก ขอบคุณนะคะ ^^ จากคุณ : ammzii - [ 11 พ.ค. 52 04:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แวะมาร่วมวง "บำเพ็ญประโยชน์" ด้วยคนค่ะ...เพราะครั้งนี้คุณ Caligirl เขียนเป็นภาษาไทย...อิอิอิ!!! ข้ามไปไม่ได้หรอกค่ะ...จริงๆ จะแวะมาดีใจกับคุณแม่คนใหม่น่ะค่ะ... ขอบคุณที่รวบรวม FAQ นะคะ...พี่ถนัดแต่เรื่อง FYE (For your entertainment only! ค่ะ) Happy Mother's Day!!! จากคุณ : bmw (BlackmagicW) - [ 11 พ.ค. 52 04:52:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คราวหน้า ถ้ามีคนตั้งกระทู้ถามซ้ำ.... จะลากลิ้งค์นี้นำไปวางในกระทู้นั้นๆ แต่กระนั้นก็เถอะ... บางคน ยังไม่อยากแม้แต่จะตามลิ้งค์เข้าไปอ่านก็มี อ่า... อยากเลี้ยงเด็กทารกอีกอ่ะค่ะ อาทิตย์ที่แล้วไปทำงานอิสระ ๑ วัน... นายจ้างเพิ่งออกลูกอายุ ๑ เดือนครึ่ง... เขานำลูกไปที่ทำงาน แต่นายจ้างยุ่งกับจัดดิสเพลย์ ... พ่อเด็กอุ้ม สักพัก ผลัดกันอุ้มกับภรรยา แต่ทำให้นายจ้างไม่สามารถมือว่างจัดดิสเพลย์ได้... เธอจึงให้ดิฉันรับหน้าดูแลลุกเธอ แทนพ่อเด็ก.... เล่นเอาพ่อเด็กชักสีหน้า ว่าทำไมถึงไม่ให้เขาป้อนนมลูก แต่ภรรยาบอกว่า.. ให้ดิฉันเป็นคนอุ้มลุก ให้นมขวดลุกแทน.... เธอไว้ใจดิฉัน ก็มากจากเธอรู้ว่าดิฉันมีลูกสองคนโตแล้ว จนได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง ดิฉันมีความสุขมาก เมื่อได้อุ้มเด็กทารก เจ้าตัวน้อยไม่อ้อนเลยเมื่อดิฉันอุ้มเธอ.... มีความสุขได้อุ้มทารก (มาจากความประทับใจทรงจำที่ดีที่ลุกๆสองคนเลี้ยงง่ายไม่มีปัญหาเลยตอนเป็นทารก) ขอให้คุณจขกท. เลี้ยงลูกง่าย ไม่งอแงเหมือนลูกๆดิฉัน แก้ไขตกหล่น แก้ไขครั้งที่สองตกหล่นเยอะ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 06:40:34 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 06:38:26 จากคุณ : JidNince - [ 11 พ.ค. 52 06:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาชื่นชม ^^ ขอให้ลูกน่ารักๆ สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่ และตัวเล็กนะครับ จากคุณ : Nhong (amorous) - [ 11 พ.ค. 52 07:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แวะเข้ามาอีกรอบ..โหวตให้สัปดาห์นี้ค่ะ จากคุณ : Panissar - [ 11 พ.ค. 52 08:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาดูด้วยค่ะ มีประโยชน์มาก ขอบคุณค่ะ จากคุณ : เด็กหัวโต - [ 11 พ.ค. 52 10:06:05 A:24.240.30.234 X: TicketID:199210 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Congratulations and Happy Mother's day ka! จากคุณ : SFbay - [ 11 พ.ค. 52 10:31:26 A:69.236.104.128 X: TicketID:000136 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอ็โห..คนเข้ามาดูเยอะเหมือนกัน.. ดีใจค่ะที่กระทู้มีประโยชน์นะคะ เราเห็นว่ามีกระทู้ถามเรื่องเดิมๆเยอะมาก... ทำให้กระทู้ดีๆหลายกระทู้ตกเร็วค่ะ เลยคิดว่าลองทำกระทู้รวมไว้ซักกระทู้นึง เผื่อเพื่อนๆที่กำลังหาข้อมูลอยู่จะได้หาได้ง่ายๆนะคะ.... เพื่อให้อ่านง่ายๆ เดี๋ยวต่อไปเวลาที่เราโพส เราจะโพสเป็นสีเขียวก็แล้วกันนะคะ... จะได้หาข้อมูลอ่านง่ายๆหน่อยจ๊า.... คุณBeauUSA มาอยู่นานรึยังคะ ถ้าอยากจะให้เขียนเรื่องอะไรก็บอกมาได้นะคะ ถ้าCG พอรู้จะเขียนค่ะ คุณPixp มาแจมกันกระทู้ได้เลยค่า มีเรื่องอะไรอยากเขียน หรือให้คำแนะนำเพื่อนคนอื่นก็เชิญเลยนะคะ เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนที่มาอยู่ที่นี่ฏ้แตกต่างกันไปเพราะระยะเวลาที่มา สาเหตุของการมา และเมืองที่ไปอยู่ค่ะ คุณ Heian ขอบคุณมากค่า คุณ ปอ (nareecha_t) อย่างที่บอกค่ะ ถ้ามาอย่างบริสุทธิ์ใจ จะมาเที่ยวหรือมาเรียนก็ตอบคำถามเค้าไปตรงๆค่ะ ขอให้วีซ่าผ่านนะคะ คุณPanissar ขอบคุณเช่นกันค่ะ พี่Hollywop แห่ะๆ เรื่องอ้วนก็อ้วนค่ะ แต่ตอนนี้เอาเจ้าตัวเล็กในพุงมาอ้างได้อยู่ค่ะ... เดี๋ยวถ้าเจ้าตัวเล็กออกมาแล้วก็ไม่มีข้ออ้างว่าทำไมที่ชั่งน้ำหนักเข็มตีกลับซะขนาดนี้แล้วค่ะ คุณ #อายูมิจัง#, ไม่รู้จักแต่อยากเจอ , yucca, ammzii, เด็กหัวโต ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ คุณmommy&daddy ช่วงนี้ enjoy eating นิดหน่อยค่ะ แต่ว่าอึดอัดเหลือเกิน เจ้าตัวเล็ก ตัวไม่ค่อยจะเล็กเลย คุณหมอบอกว่าสงสัยจะต้องนัดผ่าค่ะ คุณโซเหนี่ยละเหี่ยใจ เรื่องที่ขอให้เขียนเดี๋ยวจะจัดให้นะคะ พี่bmw (BlackmagicW) ปกติถ้าCG ตอบกระทู้จากที่บ้านจะเขียนภาษาไทยค่ะ แต่ถ้าตอบจากที่ทำงานต้องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะCG พิมพ์ระบบสัมผัสไม่ได้ค่ะ ต้องดูแป้นแล้วจิ้มๆค่ะ พี่Jidnince เกร็งๆนิดหน่อยที่จะต้องมาดูแลคนตัวเล็กๆค่ะ... เกิดมายังไม่เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กเลยค่ะ ไปร้านซื้อของเตรียมให้ลูก ยังมึนๆไปหมดว่าเด็กๆจะต้องใส่อะไรบ้าง ได้แต่หวังว่าสัญชาติญาณความเป็นแม่จะkick in ค่ะ... คุณสามีคงจะหยุดงานสองอาทิตย์มาช่วย  โชคดีที่คุณ in-laws อยู่ใกล้ๆด้วยค่ะ... เลยอุ่นใจหน่อย... คุณNhong (amorous) ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่ะ คุณSFbay ขอบคุณมากๆเลยค่ะ มีข้อมูลอะไรดีๆอย่าลืมแวะเข้ามาแนะนำด้วยนะคะ มาต่อกันเลยดีกว่าค่ะ FAQ เกี่ยวกับอเมริกาจ๊า จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 11:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 9. คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ถ้ามาซื้อที่อเมริกาจะถูกกว่าค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆต้องการจะใช้โปรแกรมภาษาไทย ต้องใช้แป้นพิมพ์ไทย ก็เอามาจากที่เมืองไทยด้วยนะคะ เอาจริงๆแล้วต่อให้ซื้อคอมพิวเตอร์ที่อเมริกา ก็สามารถจะปรับเปลี่ยนให้พิมพ์ภาษาไทยได้นะคะ ขอบอกอย่างย่อๆนะคะ เราใช้ PC เลยบอกได้แต่PCจ๊า Control Panel --> Regional and Language Option --> Keyboard and language --> Change Keyboards --> Add --> เลือกภาษาไทยเลยจ๊า เวลาต้องการจะพิมพ์ภาษาไทยก็กด Alt+ shift ค่ะ แล้วจะเลือกภาษาได้นะคะ เวลาเรากลับไปเมืองไทยเราจะซื้อสติ๊กเกอร์แป้นพิมพ์ไทยกลับมาตลอดค่ะ เพราะของเก่าอาจจะเลือน หรือบางทีเจอเพื่อนๆที่เค้าต้องการก็ให้เค้าไปค่ะ ====== เรื่องการใช้Free Wifi ถ้าไปตามPublic area เช่นร้านอาหารfast food สนามบิน ห้องสมุด โรงแรม ส่วนใหญ่จะสามารถหาคลื่นเล่นเนตได้ค่ะ จะไปอยู่ที่รัฐไหนลองเสริชหาจากเวปนี้ดูนะคะว่ามีที่เล่นเนตฟรีๆรึเปล่า wififreespotดอทคอม ค่ะ ====== ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยจะเห็นคนในอเมริกาต่อเนตเข้ากับโทรศัพท์มือถือนะคะ ได้ยินมาว่าที่เมืองไทยใช้แบบนั้นกัน ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าสามารถจะทำแบบนั้นที่อเมริกาได้รึเปล่านะคะ จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 11:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 30 10. การเก็บเอกสาร ควรจะถ่ายcopy ของเอกสารไว้เสมอนะคะ ถ้าเผื่อมีอะไรหายไปจะได้มีข้อมูลไปติดต่อได้ค่ะ มีรุ่นน้องที่เค้ามาแทนที่จะถ่ายเอกสารไว้เค้าแสกนทุกอย่างเลยค่ะ พาสปอร์ตหน้าข้อมูล หน้าวีซ่า ใบ i-20 บัตรประชาชนไทย ใบขับขี่ของอเมริกา บัตรนักเรียน บัตรเอทีเอ็ม เครดิตการ์ด แล้วเค้าก็e-mail หาตัวเองโดย attach ข้อมูลทั้งหมดค่ะ ถ้าเกิดต้องใช้ข้อมูลพวกนี้เมื่อไหร่ก็เปิดดูจากอีเมลล์ได้เลยค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใช้อีเมลล์ก็เมลล์ไปให้เค้าด้วยก็ได้ค่ะ เกิดจะต้องติดต่ออะไรที่เมืองไทยจะได้ทำได้สะดวกค่ะ ============= อย่าลืมเขียนเตือนตัวเองด้วยนะคะว่าพาสปอร์ตจะหมดอายุเมื่อไหร่ เพราะบางสายการบินจะไม่อนุญาตให้เราขึ้นเครื่องถ้าเกิดว่าพาสปอร์ตหมดอายุค่ะ (ถึงแม้ว่าเราจะบินกลับประเทศของเราเองก็ตาม) ตามหลักแล้วการเดินทางไปหลายๆประเทศ พาสปอร์ตจะต้องมีอายุมากกว่าหกเดือนค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 31 11. การเช่าบ้าน เช่าอพาร์ตเม้นท์ มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแรกๆมีหลายๆเรื่องต้องปรับตัวค่ะ เรื่องที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องนึงเลยทีเดียว สำหรับบางคนการมาอเมริกานี่เป็นครั้งแรกที่ต้องออกมาอยู่ด้วยตัวเอง เลยอยากจะเตือนเรื่องการหาบ้านเช่า หาอพาร์ตเม้นท์นะคะ ======== ควรจะดูว่าผู้ให้เช่ามีข้อแม้อะไรบ้าง ค่าเช่าที่เค้าเสนอให้รวมค่าอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นการแบ่งห้องในบ้านให้เช่า ค่าเช่าบ้านจะไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟนะคะ พวกคนที่เช่าอยู่จะต้องมาหารจ่ายกันทุกเดือนค่ะ การเช่าอพาร์ตเม้นท์แถบ Southern California ที่เราเจอมา ค่าเช่าจะรวมค่าน้ำ และค่าขยะค่ะ แต่ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟ ค่าแก๊ส(หุงต้ม และฮีทเตอร์ช่วงหน้าหนาว) จะต้องติดต่อเองและจ่ายเองค่ะ ========= ก่อนจะย้ายเข้าไปควรจะตรวจตราความเรียบร้อยของสถานที่นะคะ ถ้าเห็นอะไรชำรุดแจ้งเจ้าของบ้านทันทีเลยค่ะ เพราะถ้าไม่แจ้งพอถึงเวลาที่คุณย้ายออกคุณอาจจะโดนหักเงินมัดจำ Deposit นะคะ ก่อนจะย้ายออกหลายๆที่จะมีกฏว่าคุณต้องแจ้งเจ้าของก่อนย้ายออกเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วันค่ะ ถ้าย้ายออกโดยไม่แจ้งอาจจะโดนยึดเงินมัดจำได้ค่ะ ========== ถ้าเพื่อนๆมาเรียน แล้วต้องการหาที่พักลองไปดูตาม Classified board ดูนะคะ บางทีจะมีพวกประกาศหารูมเมทค่ะ แต่ค่อยๆเลือก ค่อยๆดูนะคะ... safety first จ๊า ========= ***** เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ ***** เพิ่มข้อมูลเรื่องห้องเช่านะคะ.... การหาห้องเช่ามีหลายวิธีค่ะ อย่างที่บอกไป ถ้ามาเรียนก็ลองไปดูที่ Classified Board ที่โรงเรียนดู ถ้าไปตามซุปเปอร์ หรือไปร้าน Target, wal-mart จะมีหนังสือ Apartment for Rent วางไว้ให้หยิบได้ฟรีๆค่ะ ถ้าพอมีไอเดียว่าจะอยู่แถวไหน ก็เลือกดูแบบห้องและราคาได้เลยค่ะ ห้อง Studio เป็นห้องเปล่าๆ ไม่มีแบ่งแยกห้องนอนห้องรับแขกค่ะ มีห้องน้ำส่วนตัว ห้องแบบนี้จะถูกที่สุดค่ะ ห้องที่ราคาแพงขึ้นมาก็จะเป็นพวก 1 Bedroom, 2 bedrooms ค่ะ หลายๆคนเวลาเค้าหาคนแชร์ห้องเค้าก็อาจจะเอาห้องรับแขกมาแบ่งเป็นห้องนอนอีกห้องนะคะ ถ้าติดต่อเร่องแชร์ห้องลองถามดูดีๆค่ะว่าคุณจะได้ห้องเป็นของตัวเอง แชร์กับคนอื่น(นอนห้องเดียวกัน) หรือว่าต้องไปซื้อม่านกั้นมากั้นห้องรับแขกนะคะ เรื่องราคาที่พักก็แตกต่างกันไปตามรัฐ ตามแต่ละเมืองค่ะ อย่างแถบที่เราอยู่ Southern California (30 mins from Los Angeles) ห้องStudio ก็เกือบๆพันแล้วค่ะ มีคนรู้จักเค้าอยู่ที่อินเดียน่า อพาร์ตเม้นท์หนึ่งห้องนอนเจ็ดร้อยกว่าๆเองค่ะ อ่านแล้วเหมือนกับว่าแอลเอจะแพง แต่ถ้าเห็นราคาที่นิวยอร์คแล้วจะอึ้งกว่านี้อีกค่ะ.... แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 10:11:23 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 11:53:27 จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 12. ซักผ้า บ้านเช่าบางหลังอาจจะมีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้ใช้นะคะ เวลาซักผ้าอย่าลืมดูป้ายด้วยว่าต้องซักน้ำร้อนหรือน้ำเย็น หลักๆ ผ้าสีขาวควรจะซักน้ำร้อน หรือน้ำอุ่น ผ้าสีจะซักน้ำเย็น ถ้าเอาเสื้อผ้ามาจากเมืองไทย หลายๆครั้งพอเข้าเครื่องอบจะหดได้ค่ะ เสื้อผ้าเอาจริงๆแล้วถ้าไม่เรื่องมากเกี่ยวกับยี่ห้อ ก็สามารถจะหาซื้อได้ในราคาไม่แพงมากนะคะ ============ ถ้าอยู่ในรัฐที่อากาศแห้งๆ เสื้อผ้าจะติดตัวเพราะไฟฟ้าสถิต ลองหาซื้อ Fabric softener sheets มาใส่ในเครื่องอบตอนอบผ้านะคะ... ช่วยได้ค่ะ ============ ******** เพิ่มเติมข้อมูลเรื่องซักผ้านะคะ พอดีเมื่อคืนพิมพ์สดๆ เลยลืมข้อมูลบางส่วนไปบ้างค่ะ ถ้าเกิดห้องที่ไปเช่าอยู่ไม่มีเครื่องซักผ้าให้ ก็ต้องไปซักตามร้านLaundromat นะคะ เวลาไปซักร้านแบบนี้เตรียมเหรียญ Quarter ไปเยอะๆค่ะ เพราะเค้าคิดตามโหลด เอาผงซักฟอกไปเองจะถูกกว่าไปซื้อในร้านแบบนั้นค่ะ เพราะเค้าแบ่งขายต่อโหลดค่ะ   แนะนำว่าถ้าต้องไปซักผ้าแบบนี้เอาหนังสือ หรือเอาเกมส์ไปนั่งเล่นเลยค่ะ เพราะถ้าผ้าเราซักหรืออบเสร็จแล้วแต่เราไม่เอาออกมาทันที อาจจะมีคนหวังดีเอาออกมาให้ค่ะ (เพราะเค้าก็ต้องการจะใช้เครื่องเหมือนกัน) =========== หลังจากที่อบผ้าแล้ว ลองเปิดดูว่าผ้าแห้งรึเปล่า ถ้ายังไม่แห้งอาจจะต้องหยอดเหรียญเพิ่มเพื่อที่จะอบต่ออีกหน่อยค่ะ อีกอย่างคือพวกตู้อบจะมีตะแกรงที่Lint (นึกคำภาษาไทยไม่ออกค่ะ) เวลาอบผ้าเสร็จอย่าลืมเอา Lint ออกไปทิ้งนะคะ เพราะถ้าไม่เอาออกลมร้อนจะไม่สามารถผ่านได้แล้วจะทำให้ผ้าไม่แห้งค่ะ อบแสร็จแล้วพับเก็บหรือแขวนได้เลยค่ะ ไม่ต้องตากแล้วจ๊า ข้อดีข้องผ้าที่อบคือมันไม่กรอบเหมือนเวลาตากผ้าบนราวค่ะ.. ข้อเสียคือไม่มีกลิ่นแสงแดดหอมๆจ๊า แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 09:42:35 จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 12:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 (ขอบคุณคุณโซเหนี่ยละเหี่ยใจ # 20 นะคะ สำหรับหัวข้อแนะนำให้เขียนค่า..CG เริ่มสมองตื้อๆคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรต่อแล้วค่ะ) 13. การซื้ออาหาร ที่อเมริกาของทุกอย่างยังไม่รวมภาษีนะคะ เวลาซื้อของบางทีคุณจะเห็นป้ายราคา $ 9.99 แต่พอไปจ่ายเงินนี่จะกลายเป็นสิบเหรียญกว่าๆ อันนั้นเป็นเพราะว่าราคา 9.99 นั้นยังไม่รวมภาษีค่ะ ตามหลักแล้วถ้าไปซื้ออาหาร (ของสด ผัก ผลไม้) จะไม่มีภาษีค่ะ แต่ถ้าเป็นอาหารที่เค้าทำแล้ว เช่นอาหารที่ซื้อจากแผนก Deli Section พวกไก่ทอด ไก่ย่าง จะต้องเสียภาษีค่ะ =========== แนะนำว่าถ้ามีโอกาสวันอาทิตย์ตอนเช้าๆให้ไปหาซื้อหนังสือพิมพ์พวก LA times ที่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเล็กๆนะคะ เค้าจะมีคูปองแจกค่ะ คูปองพวกนี้สามารถเอามาใช้ลดราคาของที่คุณจะซื้อได้ค่ะ ต้องซื้อตามที่เค้ากำหนดนะคะ ถ้าเกิดแพลนดีๆ ซื้อของที่เค้ามีโปรโมชั่นมีเซลล์ และใช้คูปองร่วมด้วยประหยัดเงินได้มากเลยค่ะ เราเคยซื้อของได้มากที่สุด ราคา $ 180 แต่จ่ายไป  $18 ค่ะ คือจ่ายแค่ภาษีกับเศษๆนิดหน่อยเท่านั้น ของที่ซื้อรอบนั้นเราก็เอาไปบริจาคให้พวกHomeless ค่ะ ได้บุญแถมสบายกระเป๋าด้วยจ๊า ========== ถ้าต้องซื้อของสด ก็คงหลีกเลี่ยงการไปซุปเปอร์ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าต้องการซื้อซีเรียล มันฝรั่ง น้ำอัดลม ส่วนใหญ่ถ้าไปร้าน Target หรือ Wal-mart ราคาจะถูกกว่าค่ะ เวลาซื้อของจากร้านสะดวกซื้อต่างๆราคาจะแพงกว่ามากเลยค่ะ แนะนำว่าควรจะซื้อจากร้านที่กล่าวมาข้างบนดีกว่า เพราะราคาของร้านสะดวกซื้อนี่แพงขึ้นมาประมาณหนึ่งเท่าตัวจ๊า ตามร้านTarget , Wal-mart พวกสบู่แชมพู ยาสีฟัน ผงซักฟอกจะถูกกว่าซุปเปอร์นะคะ ยิ่งซื้อปริมาณมากจะยิ่งถูกค่ะ ========== สรุปนะคะ เวลาซื้อของอย่าลืมเหลือเงินเผื่อจ่ายภาษีด้วยนะจ๊ะ ภาษีแต่ละเมืองแต่ละรัฐจะไม่เท่ากันนะคะ...ลองเช็คดูค่ะว่าเมืองที่คุณจะไปภาษีเท่าไหร่ จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 12:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กรรม..ลืมเปลี่ยนสีค่ะ... ดึกแล้วเริ่มเบลอๆค่ะ 14. การเติมน้ำมัน ที่อเมริกาในหลายๆรัฐต้องเติมน้ำมันกันเองค่ะ...ไม่มีเด็กปั๊มมาทำให้ หรือถ้ามีก็จะโดนชาร์จแพงกว่าต่อแกลลอนค่ะ น้ำมันที่นี่หลักๆมีสามเกรดค่ะ 87 89 และ 91ค่ะ เท่าที่เราคุยกับเพื่อนเรา รถใหม่ๆควรจะใช้ 91 ค่ะ รถของเราปี 1997 เราใช้น้ำมัน 87 ค่ะ ======= เติมน้ำมัน... ถ้าไม่เคยเติมเองมาก่อน เวลาไปที่ปั๊มลองดูคนอื่นเค้าทำก่อนก็ได้ค่ะ ถ้ามีบัตรเอทีเอ็มที่มีรูป Visa / Mastercard เราแนะนำว่าเวลาเติมน้ำมันก็รูดเอาที่ตู้เลยค่ะ แต่ "อย่า"เลือกdebit เพราะถ้าเลือกอันนั้นจะต้องกดpin ค่ะ ให้เลือกเป็นCredit (ซึ่งก็ยังตัดเงินโดยตรงจากบัตรของคุณ) แล้วเค้าอาจจะให้กดZip code แทนค่ะ... เราว่าปลอดภัยกว่าจ๊า   ถ้าจ่ายเงินสด ก็มองดูว่าเราจอดอยู่ที่ปั๊มเบอร์อะไร เดินไปที่ตู้จ่ายเงินหรือไปแจ้งพนักงานเค้าได้เลยค่ะว่าต้องการจะเติมเท่าไหร่ ( example: $20 on pump # 7 please) แล้วก็เดินออกมาเติมเองค่ะ... ถ้าเกิดว่าเติมแล้วไม่ถึง$ 20 ตัวปั๊มเด้งก่อนจะถึง$ 20 ก็เดินกลับเข้าไปบอกเค้า เค้าก็จะทอนเงินให้ค่ะ ถ้าเกิดว่าเติม$ 20แล้วยังไม่เต็มถัง ตัวปั๊มก็จะตัดเองเมื่อถึง$ 20 ค่ะ   ถ้าไม่เคยเติมน้ำมันเองมาก่อนลองถามคนแถวๆนั้นก็ได้นะคะว่าให้เค้าช่วยสอนหน่อย ไม่ยากเลยจ๊า ============= ถ้าอยากจะประหยัดค่าน้ำมัน และประหยัดเงินในการซื้อของเข้าบ้าน เราแนะนำว่าให้หาเพื่อนซักคนนึงแล้วสมัครสมาชิกwarehouse store เช่น Costco, Sam's Club นะคะ ก่อนสมัครก็ดูก่อนว่ามีร้านนี้ใกล้ๆบ้านรึเปล่า บางสาขาเค้าจะมีปั๊มน้ำมันค่ะ ปั๊มน้ำมันของเค้าราคาต่อแกลลอนจะถูกกว่าปั๊มอื่นนิดหน่อยค่ะเราลองคำนวนดูแล้ว ค่าสมัครปีละ $ 50 เราเติมน้ำมัน 5 ครั้งต่อเดือน เพราะเติมที่ปั๊มของเค้าเกือบทุกครั้ง เราประหยัดไปประมาณ $ 2 ต่อครั้งค่ะ เดือนนึงก็เซฟไป$ 10 ปีนึงก็ $ 120 ค่ะ.. นี่แค่พูดถึงเรื่องน้ำมันนะคะ... เพราะการซื้อของbulk ในร้านของเค้าก็ยิ่งช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะเลยค่ะ ============ ห้าทุ่มแล้วค่ะ เดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อน... แล้วคืนพรุ่งนี้จะพยายามเข้ามาอัพเดทเพิ่มนะคะ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 11 พ.ค. 52 12:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Great FAQs ka, K.CaliGirl :) Voted and kept in the archive already.. =) Also, congrats for your baby as well na ka! ^^ จากคุณ : La Estrella Brillante - [ 11 พ.ค. 52 14:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมมาเจอกระทู้นี้ก็ตอนที่ผมกลับมาแล้วครับ เจอหมดทุกเรื่องที่เจ้าของกระทู้เขียนมาครับ แต่ที่ยังไม่เข้าใจก็ เรื่องต่อไปนี้ครับ เรื่องโทรศัพท์สาธารณะล่ะครับ เป็นอย่างไร ซักผ้าแล้วอบอย่างเดียวหรือว่า ต้องตากด้วยครับ จากคุณ : jira - [ 11 พ.ค. 52 14:18:40 A:203.107.199.238 X: TicketID:206528 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีประโยชน์ อย่างแรง ค่ะ จากคุณ : ตำปูปลาร้า - [ 11 พ.ค. 52 16:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สองวันก่อนดู Oprah มีคนมาแนะนำเว็บคูปองฟรีด้วย สำหรับซื้อของ ส่วนใหญ่น่าจะใช้ใน grocery store แต่เห็นมีลิงค์ของอย่างอื่นด้วย เจ้าของเว็บเค้าก็เอาไปใช้ให้ดูได้ลดหลายตังค์เลย ที่ couponmom.com จ้า จากคุณ : TunapuS - [ 11 พ.ค. 52 17:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 39 กระทู้ดีครับ >_<!! โหวตๆ ส่วนใหญ่ถ้ามือถือรับสัญญาณ Wifi ได้ด้วย การ connect internet ก็เหมือนๆกับ laptop ครับ ยกเว้นจะต่อ internet ผ่านสัญญาณ GPRS ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง จากคุณ : omega (*omega*) - [ 11 พ.ค. 52 19:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากๆนะคะ... จากคุณ : เค้กชาเขียวอยากบอกคุณว่า (ฉันชอบคุณแน่ค่ะ) - [ 11 พ.ค. 52 19:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กระทู้ดีงามต้องโหวต ขอให้น้องออกมาแข็งแรงน่ารักนะคะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน - [ 11 พ.ค. 52 20:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โหวตแล้ว @ @ เซฟแล้ว...  มีประโยชน์กับดิฉัน และเพื่อนๆอีกหลายคนมากๆ. @ @ ขอบคุณ คุณCG มากค่ะ ขอให้คลอดง่าย และน้องออกมาแข็งแรง น่ารัก เป็นเด็กเลี้ยงง่ายนะคะ. จากคุณ : missusnow - [ 11 พ.ค. 52 21:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43  thanks for your time and effort not to mention your kindness and thoughtfulness ka. KUDOS!!! all the best to you and your family na ka. จากคุณ : Genuine XXX - [ 11 พ.ค. 52 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เยี่ยมครับ  อยากทราบเรื่องที่พักบ้างจังครับ.... จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า - [ 11 พ.ค. 52 22:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณมากค่ะ กำลังเตรียมตัวไปเรียน Fall นี้พอดีเลย เป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ อยากรบกวนถามคุณ CaliGirl เพิ่มเติมต่อยอดจากเรื่องการทำใบขับขี่ค่ะ > ลักษณะการสอบเหมือนหรือต่างกับของเมืองไทยอย่างไรคะ เช่นเน้นการขับขี่จริงหรือเน้นทฤษฎีมากกว่ากัน > แล้วแต่ละรัฐมีรูปแบบการสอบต่างกันหรือเปล่าคะ (กำลังจะไปที่ Portland, OR ค่ะ) ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ ^_^ จากคุณ : frenchfries - [ 11 พ.ค. 52 23:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อู้ยโย๋....ดีแท้เลยกระทู้นี้...โหวตๆ งั้นขอแปะฝากเรื่องราวของนักเรียนมั่งดีไหมคะ  ใครที่เป็นนักเรียนก็เข้ามาอ่านดูได้ค่ะ  สำหรับ Student Blog  เป็นเรื่องราวที่วุ่นๆ  พร้อมสาระค่ะ   http://www.thaitownusa.com/frontnews/frmNews_history.aspx?ColNo=307   เืผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวจะมา และคนที่มาแล้วด้วยค่ะ จากคุณ : :+:พระจันทร์เชื่อม:+: - [ 12 พ.ค. 52 00:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับสำหรับกระทู้ดีๆ แบบนี้ จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ 12 พ.ค. 52 09:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 I haven't read all info yet. Just to say hi. Wish you and the coming-soon baby the best. จากคุณ : thaispicy - [ 12 พ.ค. 52 09:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 กลับมาแล้วค่า.... เพื่อนๆที่ถามเรื่องซักผ้า เรื่องที่อยู่ และเรื่องขับรถ เดี๋ยวเราจะอัพเดทให้นะคะ ย้อนกลับไปดูที่คอมเม้นท์ที่เราเขียนเรื่องเหล่านั้นได้เลยค่ะ ขออัพเดท เพิ่มโน๊ตเรื่องพวกนั้นก่อนนะคะ แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องอื่นๆที่เพื่อนๆถามมาค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 12 พ.ค. 52 10:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ข้อมูลดีค่ะน้อง caligirl ขอขอบคุณที่สละเวลามา put everything  together อย่างนี้ โวตเก็บเข้าคลังกระทู้ให้แล้วค่ะ บุญกุศลส่งนะคะ จากคุณ : PatPDX - [ 12 พ.ค. 52 10:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 15. เรื่องการจอดรถ หยอดเหรียญ เวลาที่ไปเที่ยวแล้วต้องจอดรถข้างถนนต้องระวังหน่อยนะคะ ควรจะอ่านป้ายให้ดีๆ เพราะแต่ละถนนอาจจะมีกฏแตกต่างกันไป คงคล้ายๆเมืองไทยรึเปล่าที่เราเคยเห็นแบบจอดได้วันคู่ วันคี่อ่ะค่ะ ถ้าจอดตรงทางชันๆเค้าจะบอกด้วยว่าต้องหมุนล้อไปทางไหน อีกอย่างค่ะ (อันนี้โดนมากับตัว) เคยไปจอดรถในอาคารจอดรถแล้วด้วยความเคยชินเราชอบจอดแบบเอาก้นเข้าค่ะ แต่ดันไม่ได้สังเกตุว่าเค้าห้ามจอดแบบนั้นค่ะ โดนตั๋วเลยค่ะ เพราะฉะนั้น...ลองอ่านกฏต่างๆให้ละเอียดก่อนจะจอดรถนะคะ ลองสังเกตุดูด้วยค่ะว่าตรงที่จอดเค้าเพ้นท์ Reserved, Visitor, หรือข้อความอื่นๆรึเปล่านะคะ รูปในความเห็นนี้เป็นตัวอย่างป้ายเรื่องกฏของการจอดรถค่ะ ลองอ่านดูนะคะ อาจจะงงๆหน่อยเพราะป้ายเยอะจริงๆ... แนะนำว่าถ้าจะจอดแบบหยอดเหรียญ หยอดเกินไว้ก่อนเลยค่ะ ถ้าคิดว่าจะจอดแค่ชั่วโมงนึง หยอดไปซักชั่วโมงครึ่งหรือสองชั่วโมงเลยค่ะ เพราะถ้าโดนตั๋วเพราะจอดเกินเวลานี่..แพงกว่า$ 0.25 - $ 0.50 ที่หยอดเผื่อเวลาค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 12 พ.ค. 52 10:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 16. เรื่องโทรศัพท์สาธารณะ (อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจคำถามค่ะ ไม่รู้ว่าถามถึงอะไรอ่ะค่ะ ขอตอบแบบเบสิคนะคะ) โทรศัพท์สาธารณะหรือ Payphone เดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยเห็นแล้วนะคะ แต่ถ้าเกิดว่ามีความจำเป็นต้องใช้แต่ไม่รู้ว่าถ้าโทรไปตามเบอร์จะต้องเสียค่าโทรเท่าไหร่ สามารถเช็คได้ค่ะ ยกหูขึ้น กดเบอร์โทร 1-area code-เบอร์โทร ลองฟังดูเค้าจะบอกค่ะว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่นะคะ จากคุณ : CaliGirl - [ 12 พ.ค. 52 10:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรให้ CG และเจ้าตัวเล็กในพุงด้วยค่ะ ขอให้คำอวยพรย้อนกลับไปเป็นพันๆเท่าเลยนะค๊า ตอนนี้เจ้าตัวเล็กคงจะอึดอัดน่าดูค่ะ รู้สึกกำลังพยายามจะ Organize ตับ ใต ไส้พุง CGค่ะ... เจ็บสีข้างมาทั้งวัน หายใจไม่ค่อยออกเลยค่ะ สัญญาว่าเจ้าตัวเล็กออกมาเมื่อไหร่จะพามาสวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆทุกคนในนี้นะคะ คงอีกไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวกระทู้จะออกทะเลไป...เอาเป็นว่าถ้าใครมีไอเดีย มีความเห็นจะเพิ่มเติมอย่าลืมพิมพ์บอกกันนะคะ ลำพังCG คนเดียวก็เขียนได้แค่จากประสบการณ์ตัวเองและของคนรอบตัวค่ะ ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนๆ กระทู้นี้คงจะมีประโยชน์มากเลยค่ะ ======= ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะเข้ามาดูกระทู้นะคะ ถ้ามีคำถามเพิ่มจะเข้ามาตอบให้จ๊า จากคุณ : CaliGirl - [ 12 พ.ค. 52 10:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เข้ามาช่วยโหวตด้วยค่ะ ดีมากเลย เหมาะสำหรับคนที่เตรียมตัวไปอย่างมากค่ะ ขอให้เจ้าตัวเล็กและ คุณ CG สุขภาพแข็งแรงนะคะ ^^ จากคุณ : psypurple - [ 12 พ.ค. 52 11:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พี่ครับ ผมมีคิว ไป USA แคลิฟอรเนีย เร็วๆๆนี้ละครับ ฮือๆๆ อ่านที่พี่ๆไปกันมา ผมว่าโหดมากมาย จะไปเรียน ภาษา อะครับ ไม่ได้ร่ำรวยไรมากมาย ตอนนี้ก็พยายามหาข้อมูลหลายที่มากๆ ทั้ง ญาติ ที่อยู่นั้น ว่าจะติดต่อหาที่เรียนภาษาให้ และก็ ญาติทางแม่ ที่ บอกว่า จะให้ไปเรียน พฐ ภาษาอังกฤษ ที่ โบสถ แถว วัชรพล กับ มิชชันนารี แล้ว จะให้ทางโบสถ์ ออกใบรับรองไป ซึ่งตอนนี้พยายามดิ้นหาเองก่อน เพราะ ยังไม่อยากเสียเงินตูมเดียวผ่าน Agent (ไว้เป็นทางสุดท้าย) ผมขอพี่รบกวนช่วยตอบคำถามผมสักนิดนะครับ 1.ถ้าไปเอง ไม่ได้ผ่าน เอเจ้น เนี่ย เวลาไม่สบาย ที่นุ้น เราสามารถทำประกันสุขภาพเองได้มั้ย ครับ เพราะได้ยินว่าถ้าไปกับ เอเจ้น เขาจะจัดการพวกนี้ให้ เลยสงสัยว่า ถ้าไปเอง จะดูแลรักษาพยาบาลยังไง 2.พวกมิชชั่นนารี ที่สามารถรับรอง สถานะเราแล้วส่งไปที่ USA เป็นแบบไหนหรอครับ ผมค่อนข้าง งงๆๆ อยู่ คือแม่ผมจะให้ไปเรียน พฐ ก่อน เพราะ เรียนฟรี แล้วเห็นบอกว่า ถ้าไปนุ้นจริง อาจให้เรียน กับพวกมิชชั่นที่ USAได้เลย   แล้ว มันเวิคมั้ยอะครับ แบบประมาณว่า น่าเรียนมั้ย 3.อายุ 26 เพิ่งจบโท จาก  UTCC มา ไปเรียนภาษาที่นุ้น ถือว่าแก่ไปมั้ยครับ ขอบคุณพี่มากเลยนะครับ ถือว่ากระทู้นี้เป้นพระคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : torzakub - [ 12 พ.ค. 52 16:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 56 กระทู้ดีมากเลยค่ะ จะไปเดือนสิงหา เที่ยวคนเดียว LA,San Fran,New York อยากถามคุณ Caligirl ว่าเริ่มจากไหนดีคะ ไปNy ก่อน หรือไปLaก่อนดี จากคุณ : alias (alias) - [ 12 พ.ค. 52 17:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านกระทู้นี้ของคุณ CG ได้รู้เรื่องขึ้นเยอะเลยค่ะ ^^ ขอบคุณมากนะคะ ^^ จากคุณ : Vesp@ - [ 12 พ.ค. 52 21:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ได้ความรู้มากมายเลยคะ  ขอบคุณมากๆ นะคะ จากคุณ : น้องพีวี - [ 12 พ.ค. 52 22:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คิดถึงเมกาจัง เมื่อไหร่จะได้กลับไปอีกนะ จากคุณ : Down2Earth - [ 13 พ.ค. 52 02:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 60 กระทู้คุณ CG ได้บุญมากเลยนะครับช่วยเหลือคนอีกไม่รู้เท่าไหร่ ขอให้บุญกุศลนี้ช่วยให้ลูกคลอดง่ายๆ น่าตาน่ารักและเลี้ยงง่ายนะครับ ผมเองภรรยาก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ 12 สัปดาห์แล้วเหมือนกัน ช่วงนี้กำลังเบื่ออาหารเลย เข้าเรื่องดีกว่า ผมเลยขอ share เรื่องเกี่ยว ATM&CashBack ATM หากหาของธนาคารเดียวกันไม่ได้ไปกดต่างธนาคารก็จะโดนค่าธรรมเนียม มาใหม่ๆ ไม่รู้จักว่า Cash back คืออะไรเห็น cashier ที่ Walmart ถามเราก็เลยถามกลับ เป็นบริการขอถอนเงินสดออกจากบัญชี debit card ของเราเองร่วมไปกับค่าสินค้าที่ซื้อ อันนี้ก็สะดวกดีไม่ต้องคอยวิ่งหา ATM หากรู้ตัวว่าเงินสดไม่พอ no fee มีคำถามฝากถามคุณแม่ CG นะครับ เกี่ยวกับเด็กไทยที่จะเกิดใน US นอกจากแจ้งเกิดใน US แล้วก่อนนำลูกกลับเมืองไทย จะต้องทำอะไรอีกบ้าง แจ้งเกิดที่สถานทูตไทย และ/หรือ ต้องแจ้งขอทำ passport ไทยที่สถานทูตด้วยหรือไม่ ขอบคุณมากๆ ครับ แล้วจะพยายามนึกถึงประสบการณ์อื่นๆ เอาเข้ามา share กันอีก หรือเข้ามาถามอีกนะครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 21:04:06 จากคุณ : Eruditio et Religio - [ 13 พ.ค. 52 20:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 61 -ควรเตรียมเสื้อสูท (สีดำดีที่สุด) มาด้วย เผื่อจะได้ไว้ใช้ตอนสมัครงาน ถ้าเป็นหญิงควรมีเสื้อสูททั้งกระโปรง สำหรับสมัครงานช่วงหน้าร้อน, เสื้อสูทกางเกง สำหรับสมัครงานหน้าหนาว -ถ้าคิดว่า Target , Wal-mart ถูก อยากให้ลองไป conway's ดู อาจจะได้ถูกกว่าอีกนิดหน่อย แต่คอนเวย์มีสาขาน้อย ถ้าอยู่แมนฮัตตั้นก็มีอยู่ข้างๆห้างเมซี่ ดูร้านเก่าๆ แต่ของถูก มีทั้งช๊อกโกแลต ยาสีฟัน ผงซักฟอก เสื้อผ้า -ถ้าอยากซื้อของทั้งในห้าง ร้านของชำ หรือซื้อกับข้าวตามร้านค้า บางร้าน ควรใช้บัตรเครดิตที่มีให้สะสมแต้ม เช่น visa card, master card, discover card ถ้าให้ดีควรมี master card -ควรสมัครสมาชิกของ CVS, Duane Reade เวลาซื้อของจะได้สะสมแต้ม แต่ที่ duane reade จะแพงกว่า cvs -อย่าลืมเว็บไซด์ของรัฐที่คุณอยู่ด้วย โดยใช้เว็บนี้ www.usa.gov แล้วหาข้อมูลของรัฐที่คุณอยู่ -ถ้าอยากมีงานทำ อย่าลืม http://www.wf1broward.com/workforce/JobSeeker/sitemap.htm มี 2 อย่าง ให้เลือก มีบริการหาหลักสูตรวิชาชีพให้เรียนฟรี คุณจะได้ voucher มีบริการหางานให้ แต่ก็คือให้ใช้เว็บไซด์ฟรี แต่ไม่มีให้เรียนฟรี ดังนั้นควรเลือกเรียนวิชาชีพแต่เลือกได้อย่างเดียวเท่านั้น ภายใน 1 ปี -หากไม่ประกันสุขภาพ ให้สมัครฟรี เช่น ของ help plus เป็นต้น จริงๆแล้วมันก็คือบัตรประกันสังคมนั่นแหล่ะ รักษาทุกโรค ตั้งแต่ราคา $20-50 -ถ้าเข้าเว็บไซด์ไหนแล้ว หาไม่เจอ ให้คลิ๊ก Site Map จากคุณ : bee - [ 14 พ.ค. 52 03:21:25 A:161.185.151.51 X: TicketID:208027 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เอาปัจจัยสี่ มาแจมแล้วกันคะ ๑.อาหาร ไม่ต้องกลัวว่าจะอดอาหารไทยในอเมริกานะคะ เพราะอาหารไทยที่อเมริกาเป็นที่นิยมในหมู่คนที่นี่ (แต่ถ้าจะทานแบบสด ๆ คือปรุงใหม่ ตามร้านอาหารไทย ราคาค่อนข้างแพง) ตามร้าน grocery store ส่วนใหญ่ ๙๙เปอร์เซ็นต์ จะมีแผนก asia foods สามารถหา jasmine rice made in Thailand หรือ ใกล้เคียง มาหุงทานได้, ซอสพริกศรีราชา, ผัดไท, แกงต่าง ๆ . ม่าม่า (กล่องนึง ๓๐ซอง ๖.๙๙ เหรียญ)ฯลฯ เป็นแบบบรรจุกระป๋อง หรือกล่องกระดาษ บางทีตามตู้แช่แข็ง ก็จะมี สารพัดข้าวราดกับ เช่น ข้าวกับเปรี้ยวหวานหมู (ยอดฮิต), ผัดไท ก็จะเป็น noodle with peanut sauce etc. มีหลากหลายยี่ห้อ ลองหายี่ห้อที่ถูกปากที่สุด ราคากล่องละประมาณ ๒ ถึง ๓ เหรียญ ส่วนหม้อหุงข้าว ไม่ต้องหอบหิ้วมา มีขายใบละ ไม่เกิน ๓๐ เหรียญคะ ๒.ที่อยู่อาศัย ก็แล้วแต่เมือง ถ้าให้สะดวกก็หาให้ใกล้ที่เรียนหรือที่ทำงาน เพราะจะได้ประหยัดเวลาในการเดินทาง และไม่ต้องซื้อรถ ๓.เครื่องนุ่งห่ม ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้มาหาซื้อเสื้อผ้าที่อเมริกาใส่คะ เพราะจะได้รู้ว่าอากาศเมืองที่เราอยู่เป็นอย่างไร เหมาะกับเสื้อผ้าแบบไหน ที่สำคัญเสื้อผ้าไทย ไม่เหมาะกับการซักและอบผ้า ที่นี่ไม่ค่อยตากผ้าเพราะไม่สะดวกหลายอย่าง ไม่มีสถานที่ผูกราวซักผ้า ไม่มีคนคอยเก็บผ้า ฯลฯ คนส่วนใหญ่ จะซักเสร็จก็จับใส่เครื่องอบต่อไปเลย อบเสร็จก็พับเก็บ หรือก่อนนอนอบไว้ ตื่นมาก็พับเก็บ สามารถซักผ้าได้ตลอด ๒๔ ชม. ไม่ต้องกังวล ตากผ้าที่นี่ อากาศแห้งและฝุ่นเยอะคะ ๔.ยารักษาโรค พกดิกชั่นนารี่ เกี่ยวกับศัพท์ยามาด้วย เป็นอะไรเล็กน้อยก็ไปซื้อยาเองได้ แต่ยาอย่างเดียว อาจทำให้งง ได้ เคยเห็นยาแก้ไข้ มีให้เลือกนับไม่ถ้วน ทั้งแก้ไข้กินตอนกลางวัน หรือจะทานตอนกลางคืน มีแบบปกติธรรมดา หรือจะเอาแบบว่า extra strong ก็ได้ แบบน้ำ แบบเม็ดแคปซูล แบบเม็ดแห้ง ฯลฯ บางอยางสำหรับคนแพ้ยาประเภทนี้ แต่ถ้าเป็นมากกว่า เป็นไข้ น้ำมูกไหล ท้องเสีย แพ้อากาศ หรืออาการเล็ก  ๆ น้อย ๆ ต้องไปพบแพทย์ เพื่อขอใบสั่งยา ยาบางอย่าง สามารถขายได้เฉพาะคนมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น เวลาไปพบแพทย์ ก็แค่ได้ใบสั่งยา ต้องออกมาหาซื้อยาตามร้านขายยา หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเอง แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 04:00:09 จากคุณ : แม่ไข่หก - [ 14 พ.ค. 52 03:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมชอบใจในเรื่องการซื้อของแล้วเขาให้ใช้เครื่องคิดเงินและจ่ายเงินเอง โดยไม่มีพนักงานมาทำให้ และเครื่องทอนเงินที่เป็นเหรืยนอ่ะครับ จากคุณ : jira - [ 14 พ.ค. 52 08:24:37 A:203.107.199.77 X: TicketID:206528 ]

ความคิดเห็นที่ 64 กลับมาแล้วค่ะ.. ขอโทษทีนะคะที่เมื่อวานไม่ได้เข้ามาอัพเดทกระทู้ตามที่สัญญาไว้ พอดีเมื่อวานเจ้าตัวเล็กในพุงเล่นโยคะมากไปหน่อย ทำเอา CG จุกแถมพะอืดพะอมไปทั้งวันเลยค่ะ ต้องรวบรวมสมาธิน่าดูเพื่อที่จะนั่งทำงานให้ได้ทั้งวัน กลับมาถึงบ้านก็หมดแรงข้าวต้ม น๊อคไปตั้งแต่ทุ่มกว่าๆเลยค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกคนที่โหวต ให้give แวะเข้ามาอ่าน และมาเพิ่มเติมข้อมูลนะคะ มาตอบคำถามกันเลยดีกว่า... คำถามจากน้อง torzakub 1.ถ้าไปเอง ไม่ได้ผ่าน เอเจ้น... ประกันสุขภาพ -ปกติถ้าไปเรียนภาษาตามมหาลัย (เพื่อนของพี่มาเรียนที่ University of California San Diego) ทางโรงเรียนจะกำหนดว่าต้องมาซื้อประกันสุขภาพเองที่นี่ค่ะ... ราคาก็ $ 200-300ต่อเทอมนะ แต่ประกันแบบนี้จะเป็นประกันที่พี่อยากจะเรียกว่า “ประกันฉุกเฉิน” พี่ไม่เคยเห็นใครใช้ไปหาหมอเวลาเป็นหวัดหรือเป็นอะไรนิดๆหน่อยๆนะคะ (ที่นี่ถ้าไม่สบายเล็กน้อยจะซื้อยาทานกันเองมากกว่าจ๊า) ถ้าถามว่าซื้อเองได้มั้ย ซื้อได้ค่ะ พอมาถึงที่โรงเรียนก็ถามเค้าเลยว่ามีประกันแบบไหนบ้างและราคาประมาณเท่าไหร่นะคะ 2.พวกมิชชั่นนารี ที่สามารถรับรอง สถานะเราแล้วส่งไปที่ USA - พี่แนะนำว่าให้น้องไปถามกับทางโบสถ์ดูนะคะ เพราะพี่ไม่รู้จักใครเลยที่มาอเมริกาและผ่านการรับรองสถานะจากพวกมิชชันนารี่ค่ะ  น้องก็น่าจะถามด้วยว่าถ้ามาแบบนั้นเราจะต้องทำอะไรตอบแทนเค้ารึเปล่า คืออาจจะต้องทำงานเพื่อโบสถ์ ถ้าน้องจะมาเรียนแล้วมาโดยวิธีนี้ก็ต้องเช็คให้ดีค่ะว่าเค้าจะให้เวลาและให้โอกาสเราไปเรียนมั๊ย 3.อายุ 26 เพิ่งจบโท จาก  UTCC มา ไปเรียนภาษาที่นุ้น ถือว่าแก่ไปมั้ยครับ - ส่วนตัวพี่ไม่คิดว่ามีใครแก่เกินเรียนนะคะ แต่ถ้าน้องคิดจะมาเรียนที่นี่แล้วจะได้สำเนียงแบบอเมริกันกลับไปนี่พี่บอกตามตรงว่ายากค่ะ เพราะพี่เคยคุยกับครูคนนึง ถ้าจะให้ได้สำเนียงแบบเจ้าของภาษา ต้องมาตั้งแต่ก่อนอายุ10ขวบค่ะ แต่ว่าถ้ามาเรียนเพื่อที่จะสื่อสารได้ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ถ้าตั้งใจเรียน กล้าพูด สามารถสื่อสารได้แน่นอนจ๊า จากคุณ : CaliGirl - [ 14 พ.ค. 52 10:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตอบคำถามคุณ alias นะคะ จะไปเดือนสิงหา เที่ยวคนเดียว LA,San Fran,New York อยากถามคุณ Caligirl ว่าเริ่มจากไหนดีคะ ไปNy ก่อน หรือไปLaก่อนดี ต้องดูด้วยค่ะว่ามีเวลาเที่ยวมากแค่ไหนและคิดจะไปเที่ยวที่ไหนบ้างนะคะ แนะนำว่าให้เช็คดูค่ะว่าตั๋วที่ไหนถูกกว่า เพราะ NY กับ California นี่คนละฝั่งเลยค่ะ การซื้อตั๋วก็สามารถจะเลือกได้สองแบบนะคะ 1. ซื้อแบบ round trip คือบินจากเมืองไทย ไปลงที่ NY หรือ CA แล้วพอบินกลับก็ต้องบินกลับจาก เมืองที่มาลงค่ะ ระหว่างทริปถ้าจะเดินทางไปรัฐอื่นก็ต้องต่อเครื่องในประเทศเอาค่ะ (ซื้อตั๋วแยกต่างหาก) ถ้ามีเวลาเที่ยว การเดินทางแบบนี้อาจจะประหยัดเงินได้มากกว่าค่ะ 2. ซื้อตั๋วแบบ multi-cities อันนี้ราคาอาจจะแพงกว่าแต่ไม่ต้องบินไปบินกลับค่ะ สมมุติว่าบินจากเมืองไทย ก็มาลงที่ CA ลงเที่ยว SF ลงไปLA แล้วขึ้นเครื่องจาก LA ไปที่ NY เที่ยวที่นู่นแล้วก็บินกลับเมืองไทยจาก NY เลยค่ะ อากาศช่วงเดือนสิงหาจะร้อนนะคะ แคลิฟอร์เนียจะร้อนแบบแห้งๆ แต่NYจะร้อนแบบเมืองไทย ร้อนชื้นๆค่ะ ถ้าเลือกเดินทางไปหลายๆเมืองและต่างรัฐต้องเช็คน้ำหนักกระเป๋าให้ดีๆค่ะ เพราะว่าเดินทางมาจากเมืองไทยน้ำหนักกระเป๋าจะได้เยอะกว่าการเดินทางภายในประเทศค่ะ จากคุณ : CaliGirl - [ 14 พ.ค. 52 10:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ข้อมูลเรื่อง ATM & Cashback อ่านได้ที่ความเห็นของคุณ Eruditio et Religio #60 เลยนะคะ ขอเพิ่มเติมว่าถ้าเกิดหาตู้ATMไม่ได้และไม่อยากจะเสียเงินค่ากดจากตู้ต่างธนาคาร ก็ไปตามร้าน Target, WAl-mart, supermarketต่างๆ ซื้อน้ำซักขวด แล้วกด เป็น Cash back ออกมาค่ะ สมมุติว่าซื้อน้ำกับขนมราคา$ 4.35 กดCashback $ 60 transaction details ก็จะออกมาว่าเราจ่ายเงินที่ร้านไป $ 64.35 ค่ะ ========== ส่วนเรื่องแจ้งเกิดเด็กไทย.. เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ลองเสริชหาในเนตแล้วเจอลิงค์นี้ค่ะ http://www.thaiembdc.org/consular/pass/ch-pp_1.aspx ของสถานทูต ลองอ่านดูหรือลองโทรไปถามดูนะคะ ============ จากคุณ : CaliGirl - [ 14 พ.ค. 52 11:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณพี่ เพื่อน น้อง ๆ ทุกท่านนะครับ ที่ช่วยแชร์ ประสบการณ์ ความรู้ ไว้เป้นประโยชน์ อย่างน้อยๆ ก็ผมคนนึง ก็มีคำถามมาถามต่อนะครับ (ผมคงมาถามเรื่อยๆนะครับ) ก็นั่งอ่านกระทู้เก่าๆๆ ไปก็พอได้ ความรู้เพิ่มเยอะเหมือนกัน 1.พี่ครับ สำหรับ กลุ่มที่ไปเรียนเฉพาะ ภาษา ที่เมืองนอก เนี่ย ตามหลักก็เป็นวีซ่า นักเรียน ถูกมะครับ จะไปทำงานอะไรก็ทำไม่ได้ เพราะวีซ่านักเรียน ดังนั้น พวกกลุ่มนักเรียน ภาษาอย่างเดียว หมดสิทธิ์ที่จะหางานทำเลยปะครับ  เพราะ เท่าที่ดู วีซ่านักเรียนที่จะสามารถหางานทำได้คือ ไปเรียน แบบ ไฮสคูล ป.ตรี ป โท ป เอก กัน พวกเรียนภาษา เฉยๆ ไม่มีใบขอทำงาน ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ 2.พี่ครับ ไปเรียนภาษาเนี่ย พวก รร สอน ก็เป็นประมาณ ห้องแถว ตึกธรรมดา ไม่ใช่แบบ วิทยาลัย สถานศึกษา แบบ มีต้นไม้ มีห้องสมุด ใช่มั้ยครับ (ประมาณบรรยากาศเหมือนเรียนติวเตอร์ พวก เดอะเบรน ในเมืองไทย ) คือเรียนไป ครึ่งวัน เช้า บ่ายก็กลับบ้าน กลับห้องกัน ประมาณนี้ปะครับ 3.ถามต่ออีกนิด แล้ว พอกลับมาครึ่งบ่ายทำอะไรกันอะครับ สำหรับมือใหม่ไปเรียน มันน่าจะว่าง แบบเดียวดาย คุยกะใครเขาช่วงแรกก็ไม่รู้เรื่อง พี่มีแนะนำ กิจกรรมให้ทำมั้ยครับ (แบบได้เงินเล็กๆน้อยๆก็ยังดี เกรงใจที่บ้านส่งเสียจนจะแก่ละ) ขอบคุณมากครับ จากคุณ : torzakub - [ 14 พ.ค. 52 21:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถามเรื่อง ใบขับขี่ค่ะ -จะเช่ารถขับใน California ถ้ามีใบขับขี่ที่เป็นภาษาอังกฤษแล้ว ยังต้องใช้ inter' อีกมั้ยคะ (ไม่แน่ใจกฎของรัฐนี้ค่ะ) - เวลาเช่ารถ ปกติจะมีให้จ่ายค่า Additional drivers/ underage แต่ทางบริษัทจะทราบได้อย่างไรคะ ถ้าเราไม่จ่ายตัง แต่สลับกันขับ อะไรทำนองนี้ค่ะ สงสัยค่ะ :P จากคุณ : Jazzio - [ 15 พ.ค. 52 01:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาโหวตด้วยคนค่ะ กระทู้ดีมีสาระ เป็นคำถามยอดฮิตที่เจออยู่ทุกวันในห้องไกลบ้าน ขอให้เจ้าตัวเล็กออกมาสมบูรณ์เเข็งแรงนะคะ จากคุณ : OtteR - [ 15 พ.ค. 52 10:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 70 วันนี้นึกได้อีก 2 เรื่องเอามาฝากเพิ่มเติมครับ 1. เรื่อง academic cheating ในระดับ graduate และ/หรือ college ใน USA การลอกงานคนอื่นโดยไม่อ้างอิง หรือลอกการบ้านเพื่อน หรือแม้แต่ทำการบ้านTakeHome ที่เป็นงานเดี่ยวร่วมกันหลายๆ คนนักเรียนบางคนไม่คุ้นกับการเอาจริงของสถานบันหรืออาจารย์ในประเทศไทย จึงอาจเผลอติดนิสัยนำมาใช้ในต่างแดน มีหลักฐานไม่มากนักว่าคนที่ทำนั้นเล็ดรอดหรือไม่ถูกลงโทษกันกี่มากน้อย แต่การจับและลงโทษคนโกงที่เป็นข่าวใหญ่โตนั้นก็น่ากลัวว่าสักวันอาจมีเพื่อนๆโชคร้ายเหล่านั้นเป็นคนใกล้ตัว ตัวอย่างมีให้เห็นเมื่อไม่กี่ปีมานี้กับนักเรียน Business ของ Duke หลายสิบคนถูกปรับตกโทษฐานทำงาน TakeHome แบบเดี่ยวร่วมกัน (อันนี้ไม่รู้ว่าจับได้อย่างไร) หรือแม้แต่ผมเองก็มีเพื่อนที่ลอกงานแบบเต็มฉบับส่งอาจารย์ขณะเรียนในโรงเรียนภาษา ถูกปรับตกไม่ให้เลื่อนระดับชั้น1เทอมเลยทีเดียว และพอมาเรียนระดับ graduate ก็พบว่าเพื่อนอีกคนลอกงานบางส่วนของหลายๆ คนมาแปะเป็นงานตัวเองแล้วไม่ให้ credit อันนี้ถูกไล่ออกไปเลยขณะที่เรียนอยู่ในเทอมสุดท้ายปีสุดท้าย เลยไม่ลืมที่จะมาเตือนกันไว้ก่อนครับ 2. การขับรถแล้วได้รางวัล หรือที่ผมเคยได้มาแล้วเรียกว่า speeding award (ticket) ขั้นตอนการเตรียมตัวรับมือกับคุณโปลิส และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังได้ใบสั่ง ผมมาอยู่ US ได้ไม่นานก็มีบุญถูกตำรวจขับรถไล่ตามในช่วงปลายเดือน (แอบหลบข้างทางคล้ายแถวบ้านเราเลย) พอผมขับเลยลิมิต (วันนั้นลิมิต 35 ขับไป 60 กว่า) ได้ไม่นานเสียงรถตำรวจกวดมาในทันที สิ่งที่ควรทำ หาที่เหมาะหยุดรถข้างทางทันที (ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนไทย เกิดอาการสติแตกขับหนีตำรวจผลคือแค่ speeding น่ะไม่เท่าไหร่ แต่หนีตำรวจก็เลยโดนนอนคุกเสียหลาย) หลังหยุดรถหากเป็นกลางวันแบบผมก็เตรียมเอกสารทุกอย่างให้เรียบร้อย บัตรประกัน เอกสารระบุความเป็นเจ้าของรถและสำคัญมากไม่ต้องลงมาจากรถแค่ลดกระจกลงก็พอ (ถ้าลงมามีเรื่องแน่เพราะตำรวจที่นี่ขี้กลัว) ถ้าเขาไม่แน่ใจในความปลอดภัยจะีมีการเรียกพรรคพวกมาอีกคันด้วย หากเกิดเหตุตอนกลางคืน เปิดไฟในรถ เอกสารพร้อม และวางมือไว้บน คอนโซลรถให้ตำรวจเห็นให้ชัด อย่าพยายามเปิดล็อกเกอร์หรือควานหาอะไรตอนคุณตำรวจมาถึงรถในตอนกลางคืนเด็ดขาด พวกเอกสารควรให้พร้อมก่อนท่านจะมาถึง ถ้าคดีไม่ร้ายแรงก็อย่าไปพยายามเซ้าซี้รับใบสั่งที่นี่เรียก ticket มาแล้วก็ไปเสียค่าปรับ ถ้าร้ายแรงแบบผม เกินลิมิตเยอะๆ ก็ขึ้นศาลสถานเดียว วันที่ระบุไว้แล้วในใบสั่งไม่มีโอดโอย ออกใบสั่งมาแล้วเป็นอันจบ เมื่อได้ใบสั่งแบบต้องขึ้นศาลแบบของผมนี่ไม่เกิน 3 วันจดหมายจากพวกบริษัทกฎหมายส่งมาเต็มบ้านเสนอตัวพร้อมราคาที่จะไปจัดการเรื่องนี้แทนเรา รวมค่าใช้จ่ายก็ราวๆ 100 ขึ้นไปแล้วแต่ว่าของเราหนักแค่ไหน ผมเลือกที่จะไปศาลเองก็เลยไม่ต้องเสียค่าทนาย แต่ใครไม่อยากยุ่งยากก็เลือกโทรหาทนายดูสัก 2-3 เจ้าแล้วเทียบราคาเอา ให้เขาทำให้ก็สะดวกดีมากๆ ยังคิดอยู่ว่าเสียดายค่าทนายทำเราเสียอารมณ์และเสียเวลาที่ศาลไม่คุ้มเท่าไหร่ รายละเอียดว่าจะโดนปรับเงิน ปรับแต้มอันจะทำให้ประกันขึ้นราคาในปีต่อไปหรือไม่อย่างไรยังไม่ขอเล่าก็แล้วกันครับมันยาว แต่แค่อยากให้รู้ขั้นตอนบางอย่างที่สำคัญเพราะผมเองพึ่งจะคุยกับเพื่อนฝรั่งเรื่องนี้อยู่ไม่เกินอาทิตย์ ก็ได้ใช้เลย ยังคิดอยู่ว่า ถ้าไม่รู้อะไรมาก่อนมีหวังคงจะยุ่งกว่านี้ มีสองเรื่องเล่ามายาวๆ ในวันนี้ครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับบางคน หรืออย่างน้อยก็เล่าสู่กันฟังครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 10:58:43 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 10:56:59 จากคุณ : Eruditio et Religio - [ 15 พ.ค. 52 10:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอเพิ่มเติมข้อมูลเรื่องการใช้บัตร debit จากเมืองไทยมากดเงินสดที่นี่ ยกตัวอย่างเช่น ของผมมี 2 ธนาคาร คือ ของ SCB และ ของ กรุงศรีฯ 1) ทำการเพิ่มวงเงินการถอนต่อวันให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางจากเมืองไทย (ทำผ่านตู้ ATM หรือจะทำผ่าน call center ก็ได้) 2) เช็คค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดต่อครั้งหรือถามยอดเงินคงเหลือต่อครั้งเสียก่อนว่าจะต้องโดนเท่าไหร่ เช่น ทั้งของ SCB และ Krungsri จะคิดค่าธรรมเนียมการถอนเงินสดต่อครั้ง คือ 100 บาท ส่วนค่าธรรมเนียมการสอบถามยอดเงินคงเหลือ SCB คิด 100 บาทต่อครั้ง T_T ส่วน Krungsri คิด 15 บาทต่อครั้ง ผมแนะนำว่าไม่ต้องสอบถามยอดเงินคงเหลือให้เปลืองค่าธรรมเนียมหรอก ให้เราสมัครทำธุรกรรม online ของ bank นั้นๆก่อนเดินทางมาเลย เพราะเราจะได้เช็คยอดเงิน online ได้ตลอดเวลา และอีกอย่างเวลาเราถอนเงินสดจากตู้ ATM ที่อเมริกา ใบเสร็จจะบอกยอดเงินคงเหลือให้อยู่แล้วในสกุล dollar เราก็ค่อยคำนวณกลับเป็นเงินบาทเอาเอง 3) เลือกถอนเงินสดจากตู้ ATM ของ bank ที่คิดค่าธรรมเนียมใช้บริการตู้เค้าน้อยที่สุด และให้เราถอนได้เงินต่อครั้งได้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้ประหยัดเงินค่าธรรมเนียมทั้งหลาย เช่น - Well Fargo, Citi Bank, Bank of America ถอนได้มากสุด $ 800 ต่อครั้ง คิด Fee $ 3 ต่อครั้ง - First Republic Bank ถอนได้มากสุด $ 1000 ต่อครั้ง คิด Fee $ 2 ต่อครั้ง ดังนั้นผมจึงเลือกถอนจาก First Republic Bank แต่ถ้าใครหาได้คุ้มกว่านี้ ช่วยบอกด้วยนะครับ วิธีคิดก็เช่น SCB debit card ให้เราเบิกถอนต่อวันได้มากสุดถึง 200,000 บาทต่อวัน (เยอะน่ากลัวจัง) ก็แล้วแต่เราว่าอยากได้เยอะขนาดนี้ไหม แต่ขั้นต่ำควรจะ 50,000 บาทต่อวัน เพราะเกิดเราตั้งไว้แค่ 20,000 บาทต่อวัน เทียบเท่ากับ $ 571 ต่อวัน ( $ 1 = 35 baht) มากดที่นี่ก็จะขาดทุนค่าธรรมเนียมหลายครั้ง เพราะที่นี่กดได้ $800-$1000 ต่อครั้ง ต่อครับ -- ถ้ากำหนดให้ SCB debit card ถอนได้ 100,000 บาทต่อวัน ก็จะเอามากดที่ First Rebulic Bank ได้ประมาณ 3 ครั้งต่อวัน โดยแต่ละครั้งที่ถอนได้เต็มที่คือ $ 1,000 เราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ SCB 100 บาทต่อครั้ง และให้ First Republic Bank $ 2 ต่อครั้ง (ประมาณ 70 บาท) ดังนั้นต้องคำนวณเรื่องค่าธรรมเนียมในการถอนแต่ละครั้งด้วยนะครับ (ต้องเสีย 2 ทางต่อครั้ง) หรือถ้าไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมการกดที่นี่หลายครั้ง ก็ลองใช้วิธีโอนเงินก้อนโตจากเมืองไทยมาเข้า Bank ที่นี่ ครั้งเดียวไปเลย เช่น Bank กรุงเทพ คิดเหมาจ่ายที่ 1,200 บาทต่อการโอน 1 ครั้ง (ปลายทางจะไม่ charge เพิ่มแล้ว) ก็ลองเปรียบเทียบดูครับ จากคุณ : หนูแพทสุดเลิฟ - [ 16 พ.ค. 52 02:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เพิ่มเติมคุณ Eruditio et Religio ค่ะ เรื่องได้ใบสั่ง ถ้าได้ใบสั่ง speeding ticket ที่ต้องไปขึ้นศาล สามารถถาม Judge (ผู้พิพากษา) ได้นะคะ ว่ามี options ให้เลือกได้รึเปล่า เช่น 1. จ่ายค่าปรับ ซึ่งจะมีเรทว่าขับเกินลิมิทเท่านี้ ต้องจ่ายเท่าไหร่ (แต่ละรัฐจะไม่เท่ากันนะคะ) หรือ 2. ขอเรียน defensive driving คือเรียนกฎจาจร ซึ่งมีข้อดีคือ เราไม่ต้องเสียค่าปรับหลายร้อยเหรียญนั่นเอง จ่ายแค่ค่าธรรมเนียมศาล กับค่าเรียน ซึ่งแต่ละรัฐก็จะแตกต่างกัน (ที่ Texas ~$25-$40 ถ้าจำไม่ผิด CA แค่ $15 เองมั้ง) ถ้าศาลอนุญาตให้เราเรียน defensive driving เราต้องเป็นคนจัดการหาที่เรียนเอง ซึ่งจะมีได้หลายทาง (หนึ่งคอร์สใช้เวลา 6 ชั่วโมง)  เช่น ไปนั่งเรียนในห้องเรียน หรือ เช่าDVD คอร์สจากร้านเช่า DVD เช่น Blockbuster หรือ เรียนออนไลน์ ลองดูที่ getdefensiveดอทคอม นะคะ เราเรียนมาสองรอบละ :P เรื่องอุบัติเหตุ ถ้าขับรถแล้วรถชนไม่ต้องตกใจนะคะ ต้องตั้งสติค่ะ (กรณีที่มีทั้งใบขับขี่และประกันภัยรถ หรือ insurance พร้อม) ทุกครั้งที่รถชน ไม่ว่าจะชนเค้าหรือเค้าชนเรา ต้องขอแลก information กับคู่กรณีนะคะ ขอจดชื่อ เลขที่ใบขับขี่ รวมทั้งขอ ข้อมูลประกันภัยเค้าด้วย เช่น ชื่อบริษัทประกัน เลขที่ประกันภัย (policy number) เบอร์โทรติดต่อของบริษัทนั้น รวมทั้ง VIN # คือเลข serial number ของตัวรถ เลขนี้จะมีบอกที่ใบข้อมูลประกันภัยค่ะ ที่ต้องขอ เพราะบางคนมีประกัน แต่มันปลอม ซึ่งถ้าเค้าเป็นฝ่ายผิดแล้วเราไม่เช็คให้ดีกับบริษัทนั้นๆ ก่อน เราก็ไม่สามารถเรียกร้อง หรือให้เค้าซ่อมแซมรถให้เราได้ ถ้าเรามั่นใจว่าเค้าเป็นฝ่ายผิด ให้เรียกตำรวจค่ะ ร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงก็ควรจะเรียก เพราะตำรวจสามารถออกใบสั่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าฝ่ายนั้นผิด ไม่ใช่เรา เพราะเคยเกิดกรณีกับเพื่อนที่รถชน ได้ information จากอีกฝ่ายมาเรียบร้อย วันต่อมาโทรเคลมกับบริษัทประกัน แต่ปรากฎว่าทางคู่กรณีกลับคำ ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด เราก็ไม่มีหลักฐานไปพิสูจน์ ก็เลยทำอะไรไม่ได้ หรือในกรณีที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่คิดว่าตัวเองผิด ตำรวจก็ช่วยตัดสินได้นะคะ ใบสั่งหรืออย่างน้อยมี police report # นี่เป็นหลักฐานสำคัญที่จะบอกได้เลยว่าใครผิดใครถูก เกี่ยวกับรถอีกเรื่องนึงนะคะ การซื้อรถ ถ้าใครดูๆ รถมือสอง (รถบ้าน) แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าขายแพงไปมั้ย หรือถูกเกินไปรึเปล่า (ถูกเกินไปนี่อาจมี accident แล้วมาซ่อมย้อมแมวขาย ซึ่งถ้าเราซื้อมาอาจจะต้องมาซ่อมอยู่เรื่อยๆ) สามารถเช็คราคาตลาดของรถได้ที่ kbbดอทคอม นะคะ เข้าไปดู used car >> private party value>> เลือกรถยี่ห้อ >> รุ่น >>> ปี ของรถที่เราเล็งไว้ ที่USA mileage ของรถที่ใช้ไปก็สำคัญ เพราะราคารถจะขึ้นกับ mileage ด้วย เส็จแล้วก็คลิก เช็คราคาได้เลย ราคากลางๆ คือ good condition คือมี minor accident เพียงเล็กน้อย แต่ตัวเครื่องไม่มีปัญหา ถ้าทราบราคาแล้วเป็นที่น่าพอใจก็ไปลองรถได้เลยค่ะ ขอมาเพิ่มเติมไว้เท่านี้ก่อน เพราะตอนนี้เรื่องรถกำลังใกล้ตัว (เพิ่งชนกับได้ ticket มาสดๆ ร้อนๆ) เอาไว้ถ้าคิดอะไรออกอีกจะขออนุญาตคุณ CaliGirl มาโพสต์เพิ่มนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 52 14:07:53 จากคุณ : Sniffy :) - [ 17 พ.ค. 52 14:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณค่ะ คุณ CG ขอให้คลอดปลอดภัยนะคะ จากคุณ : alias - [ 17 พ.ค. 52 22:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 74 hello ka everyone, i apologize for disappearing from this kratoo na ka.  i went to see the doctor and now the doctor had put me on bedrest.  No walking unless absolutely necessary ka.  So it has been crazy at home.  I'm not used to being so restricted.  T____T Thank you so much for all the additional info ka.  I'm actually learning new things from the other member's posts also na ka.  If anyone could think of something else to add, please do so ka.  i know many people will find this post to be very useful na ka! Have a great day kaaaa จากคุณ : CaliGirl - [ 19 พ.ค. 52 00:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอให้ปลอดภัยนะคะ เข้ามาโหวตให้กระทู้ดีดี สำหรับสัปดาห์ใหม่ อยากให้กระทู้อยู่ยงคงกระพัน จากคุณ : Panissar - [ 19 พ.ค. 52 03:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 โอ้ววว...ดูแล รักษาสุขภาพด้วยนะคะ CaliGirl - น้อย  จะได้คลอดออกมาน่ารัก  จิตใจดี  มีน้ำใจ  เหมือนคุณแม่ไงคะ   เทคแคร์นะคะ จากคุณ : :+:พระจันทร์เชื่อม:+: - [ 19 พ.ค. 52 23:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ปัญหาสำหรับคนไม่เคยมาอยู่ต่างประเทศช่วงแรกๆ สำหรับผมคิดว่าไม่มีเรื่องใดเกินการพูดและการฟังครับ โดยเฉพาะการที่ต้องติดต่อผ่านตัวกลาง เช่น drive-through บางทีอาจเขียน drive-thru หรือ การรับหรือพูดโทรศัพท์ ตัวผมช่วงมาใหม่ๆ อยู่คนเดียวยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่ ก็อาศัยลองผิดลองถูกเอา เรื่องแรกๆ ที่ต้องทำให้ได้เวลาติดต่อผ่านตัวกลาง คือ การสะกดชื่อ-สกุลตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วยปาก ผมพบว่าหลายครั้งฝรั่งฟังไม่ออกว่าเราพูดตัวอักษรอะไรให้เขาฟัง ถ้าเสียงท้ายไม่ชัด หรือออกไม่เหมือนเจ้าของภาษา สำหรับผมจะใช้วิธี จำว่าเวลาบอกชื่อคนฟังมักจะมีปัญหากับตัวอักษรตัวไหน และใช้ตัวช่วยประเภท อ่านชื่อเต็มให้ฟังก่อนรอบแรก หลังจากนั้นสะกดทีละตัว พอถึงตัวที่มีปัญหาก็จะบอก เช่น a-alpha หรือ เสียง D กับ T บางทีคล้ายกันมาก ก็ใช้ T-Tony (อันนี้ใครมีแบบมาตรฐานมาช่วยลงไว้ด้วยก็จะดีมากครับ เพราะผมก็ใช้แบบเอาถนัด บางครั้งใช้ใช้แบบเด็กอนุบาลที่เคยเรียนมาเช่น T-Tigerก็เคยมาแล้ว) สำคัญมากคือ พูดช้าๆ ชัดๆ และต้องไม่ลืมให้เขาทวนพร้อมสะกดให้เราฟังก่อนจบด้วย กันพลาด (Could you read that back for me please?) ไม่ใช่แค่ชื่อตัวเองนะครับ เลขรหัสต่างๆ หรือ ที่อยู่ของตัวเอง ชื่อถนน เลขที่บ้าน หรือแม้แต่ทิศทางก็สำคัญ ผมเคยต้องบอกทาง Taxi ให้มารับเราที่บ้าน เพราะในหมู่บ้านมีถนนย่อยเยอะ ก่อนอื่นก็ต้องรู้ก่อนว่า เราอยู่ที่ไหน ใกล้ถนนหลักอะไร มีอะไรเป็นจุดสำคัญให้สังเกตุได้บ้าง เช่น ห้าง ร้านอาหาร shopping mall คนที่นี่เน้นเรื่องถนน เช่น จาก US-45 เลี้ยวขวาที่ Martin Luther King Rd. ตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายที่ Lanard Dr. (อันนี้คือ Drive นะคับ ไม่ใช่ Doctor) บ้านผมเลขที่ 21 อยู่ทางขวา ไม่ใช่แค่ใช้บอก Taxi นะครับ บางทีเพื่อนมาหา ช่างซ่อมรถจะมาลากรถ และอื่นๆ เกินจะจินตนาการ วิธีช่วยอย่างง่าย 1. ลองใช้ mapquest.com ครับ สมมติว่าจากโรงเรียนกลับบ้าน เราก็ใส่ที่อยู่ทั้งสองที่เข้าไป ดูการอธิบายเส้นทาง (เอาเฉพาะใกล้ๆ บ้านว่ามีถนนอะไรเกี่ยวข้องบ้าง) 2. ถามผู้รู้เช่นเพื่อนข้างบ้าน หรือ เจ้าถิ่น ลองให้ช่วยอธิบายทางให้เราฟัง จากเส้นทางหลักมาบ้านเราเอง แล้วจดบันทึกไว้ หวังว่าคุณ CG และบุตร มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงกลับมา update ได้ในเร็ววันนี้นะครับ จากคุณ : Eruditio et Religio - [ 20 พ.ค. 52 18:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากค่ะ มีประโยชน์มาก แต่มีคำถามเพิ่มเติมคือ ขอวีซ่าท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว เพื่อไปเยี่ยมพี่ชายแล้วก็ไปหาที่เรียนโท ระหว่างนั้นก็ว่าจะหาคอร์ส continuing education เรียนนิดหน่อย ปัญหาคือจะไปอยู่นานเกือบ 4 เดือน กลัวไม่ผ่านตอนตรวจคนเข้าเมือง อยากปรึกษาว่า เราควรจะบอกคนตรวจว่าเราเที่ยวอย่างเดียว 4 เดือน หรือว่าควรจะบอกเค้าว่าเราจะเรียน con ed ดีคะ? กลัวบอกว่าไปเรียนสั้นๆ แล้วเค้าจะไม่ให้เข้้าเพราะวีซ่าไม่ตรงจุดประสงค์ แต่ถ้าบอกว่าไปเที่ยวอย่างเดียว ก็กลัวว่า 4 เดือนจะดูนานเกินไปสำหรับการไปเที่ยวน่ะค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ :) จากคุณ : (my name is) luka - [ 21 พ.ค. 52 01:53:21 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอช่วยตอบคำถามคุณ luka ข้างบนนะครับเนื่องจากผมเคยให้น้องขอ visa มาเพื่อเรียนภาษา (เป็น course สั้น 3 เดือน แบบเรียนฟรี แต่ไม่ออกใบ i-20 ให้) วิธีการคือ พูดความจริงครับ print หน้า web ของโปรแกรมที่จะเรียน และ/หรือ e-mail การถามตอบข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมแนบไปด้วยตอนขอ visa ที่สำคัญ เอกสารทางการเงินที่เพียงพอ กรณีที่ต้องมีการจ่ายค่าเทอม และค่าอยู่ค่ากิน ให้พร้อม กรณีของน้องผม ผมให้ที่อยู่ที่กิน ดังนั้นระยะสั้นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีเงิน back มากนักก็ได้ ผมส่งเมลวางแผนการท่องเที่ยวและเรียนหนังสือไปให้น้องด้วยเพื่อแนบทั้งตอนขอวีซ่า และตอนเข้าเมือง เอกสารเกี่ยวกับการเรียนทั้งกำหนดการ สถานที่เรียน และที่อยู่ที่จะพักระหว่างมาเรียนและท่องเที่ยวให้พร้อม ทั้งตอนสัมภาษณ์วีซ่า และตอนเข้าเมือง เรื่องที่พักระหว่างเที่ยว อาจไม่สำคัญมากเท่ากับที่พักระหว่างเรียน และคงต้องเตรียมเหตุผลว่า ทำไมถึงอยากมาเรียนในระยะเวลาสั้น ทั้งหมดที่กล่าวมา คิดแบบง่ายๆ คือ เตรียมความจริงเอาไว้ ถามมาก็ตอบไปครับ การมาเรียนระยะสั้น 4 เดือน แล้วใช้วีซ่าท่องเที่ยว ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะโรงเรียนไม่ได้ออก I-20 ให้ และเราเป็น part-time student ก็ไม่แปลกอะไรที่จะถือเป็น visa ท่องเที่ยวเพื่อเข้ามาเรียน จากคุณ : Eruditio et Religio - [ 22 พ.ค. 52 09:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมากๆ ค่ะ ปรึกษากับพี่ชายแล้ว พี่ชายก็บอกว่าให้พูดตามความจริงเหมือนกัน สบายใจไม่ต้องโกหกด้วย :) จากคุณ : (my name is) luka - [ 23 พ.ค. 52 02:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มีอีกคำถามค่ะ ตอนแรกคุยกับพี่ชายว่า จะซื้อเช็คไป แต่ใช้ชื่อพี่ชาย ที่ใช้ชื่อพี่ชายเพราะว่า เราไปแบบวีซ่าท่องเที่ยว ไม่มี I-20 หรืออะไร ก็เลยจะให้เอาเงินเข้าบัญชีพี่ชาย จะได้ไม่วุ่นวาย แต่มาคิดถึงตอนเข้าประเทศ กลัวคนตรวจคนเข้าเมืองเค้าขอดูเงินที่จะซับพอร์ต 4 เดือน แล้วเป็นชื่อคนอื่นแล้วเค้าไม่ให้เข้า อย่างนี้จะทำยังไงดีคะ? จากคุณ : (my name is) luka - [ 23 พ.ค. 52 04:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ยังไม่มีใครเข้ามาตอบ ก็ขออนุญาตให้ความเห็นไปก่อนนะครับ ผมไม่คิดว่า ตม. จะขอดูเงิน หรือถามเรื่องเงินครับ แล้วการถือเช็คชื่อคนอื่นเข้ามาก็ไม่เห็นมีอะไรผิดตรงไหน ก็บอกไปว่าเอาเงินมาเข้าบัญชีพี่ชาย ตม.ไม่ได้มีหน้าที่ screen เรื่องเงินครับ ผมเคยเข้า US 4 ครั้ง visa แบบท่องเที่ยว 2 ครั้ง ที่เหลือแบบนักเรียน มีเพียงครั้งเดียวที่ NY ที่ ตม.เคี่ยวมาก ถามเราว่ามาดูงานพักโรงแรมอะไร ผมก็จำได้แต่ชื่อโรงแรมแต่ไม่ได้จำ ว่าอยู่บนถนนอะไร และตอนนั้นก็ไม่ได้จดหรือเตรียมรายละเอียดเกี่ยวกับการดูงานมาด้วยตนเองก็ตอบไม่ได้ พี่ ตม.ให้คนไปหามาว่าโรงแรมที่ผมจะนอนนั้นอยู่บนถนนอะไร ระหว่างนั้นก็กักผมไว้ที่ประตู จนกว่าจะหาเจอ สุดท้ายเจ้าหน้าที่คนอื่นก็หาให้ไม่ได้ จนทุกคนที่ลงเครื่องมาลำเดียวกัน ออกไปหมด เหลือผมคนสุดท้าย ตม. อีกคนที่ใจดีกว่าก็เรียกให้ผมไปคุยด้วยแล้วก็ให้ผ่านไป ผมพยายามจะบอกว่า ตรงส่วนของ ตม. นั้นไม่น่ากลัวอะไรครับ มีอะไรก็บอกไป ถ้าภาษาไม่แข็งแรง แล้วบังเอิญเจอ ตม.เคี่ยวๆ ก็อย่าลืมจดเบอร์โทรมือถือ ของคนที่เราจะมาพักด้วย และที่อยู่อย่างละเอียด เผือให้เขาโทรคุยสอบถามกันเอง วิธีนี้ก็ช่วยได้ แต่ผมยังไม่เคยเจอใครที่รู้จักได้ใช้สักคนครับ จากคุณ : Eruditio et Religio - [ 24 พ.ค. 52 03:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณมากๆ ค่า :) จากคุณ : (my name is) luka - [ 24 พ.ค. 52 15:51:57 ]