Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ไกลแค่ไหน.....

    จาก เรื่องราวที่ผมเขียนไว้ตอนแรกเกี่ยวกับ นางฟ้าสองคนผู้แม่ กับลุก จีน่า และ จีน่าคนลูก....    หลายคนถามถึงว่าหาไม่เจอ อยากบอกว่า อยุ๋ในกระทุ้แนะนำสัปดาห์ที่แล้วครับ หรือ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H7824195/H7824195.html#161


                          แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นในวันนี้ เรื่องราวของวันนี้ เป็นเรื่องของความไกลห่าง ความตรงกันข้าม ระหว่างพ่อบังเกิดเกล้า ของผม กับ ตัวผมเอง จริงอยุ๋ที่ผม กับพ่อ มีหลายอย่างเข้ากันได้ ไม่ว่าจะเป้นนิสัยการกินอยู่ที่คล้ายคลึงกัน การใช้ชีวิตในบ้าน กิจกรรม เทียบเคียงกันได้หมด แต่ทว่า เมื่อถึงตอนที่ เป็นจุดต่อของพ่อ แล้ว พ่อเลือกอีกแบบ และ ผมเลือกอีกแบบหนึ่ง
                 อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่พบด้วยตัวเองเลยทำให้ผม ก้าวข้ามมันมาได้  ในสมัยผมเด็ก ๆนั้น ทหารอเมริกัน เข้ามาในประเทศเรากันเป็ฯล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะที่อู่ตะเภา ด้วยความที่ว่า พ่อเป็นล่าม ของกองทัพอากาศไทย ให้กับ กองทัพอากาศอเมริกัน ในตอนนั้น ทำให้ครอบครัวเราผูกพันธ์ และ มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับประเทศนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งหนึ่งที่เป้นจุดเปลี่ยนก้คือ ความรักของพ่อที่มีต่อแม่ เมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ในหน้าที่ๆได้มอบหมาย (จริงๆพ่ออยู่เหล่า สรรพวุธครับ แต่ความสามารถทางภาษา ดีที่สุดในกองบินเลย ต้องเป้นท่านนี้ละ)  เพื่อนทหารชาวอเมริกัน ได้ชักชวนให้ถ่ายโอนย้ายไปอยุ่ที่ อเมริกากัน ยื่นข้อเสนอเด้ดๆให้มากมาย โดยจะให้ที่พักอย่างดีที่ ฮาวาย
              ห้วงนั้น รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับครอบครัวเรา เช้าสายบ่ายดึก มีทหารอเมริกัน เดินเข้าบ้าน เราตลอดเวลา ลักษณะบ้านเป็นบ้านหลวง บ้านไม้สองชั้น มีรั้วรอบ และ มีเนื้อที่มากพอควร ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ฉบบไทยๆ มากมาย บรรดาทหารต่างชาติเหล่านี้ ก้ติดใจที่จะมาพำนักพักพิงตรงนี้เนื่องด้วย รู้สึกสบาย กว่าในค่ายของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน (อาหารไทย หลากรส โดยเฉพาะขาดไม่ได้ ต้มยำกุ้งขนาดแท้)   อัธยาศํย ตามสไตล์ คอเคซอยด์ ที่มี สัญชาติไทยของพ่อด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เข้ากันง่ายดายนัก ทำให้ที่นี่กลายเป็นค่ายทหารเล็กๆ ไปเลยในพื้นที่ขนาด แค่ 70 ตารางวาแห่งนี้ รอบๆบ้านประกอบด้วย มะม่วง หลายพันธุ์ดกมาก มะม่วง แก้ว ฟ้าลั่น น้ำดอกไม้  กล้วย สารพัดกล้วย แม้แต่กล้วยตานี ก็ยังไม่ถือสาที่จะปลูกเอาไว้ กล้วยไม้ ที่ราคาแพงๆ มะยม แตงโม ข้าวโพด ผักต่างๆ หัวไชเท้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า แตงกว่า พวกสัตว์ ก็มีทั้งเป็ด และไก่ ฯลฯ เจ้าพวกนี้ เกิดจากภูมิปัญญาของพ่อผมเอง ทั้งหมดเปิดตำราทำ ผลไม้ดกมากจนต้องเอาไปขายที่ตลาดสัตหีบ ได้ที่สามสีตระกร้าขนาดใหญ๋เลยทีเดียว
             ด้วยความอดมสมบูรณ์ดังกล่าว ทำให้ เพื่อนๆ เหล่านี้ของพ่อ นำข้าวของ อุปกรณ์ต่างๆ มาให้ที่บ้านเพื่อทำอาหารการกิน มากมาย จำพวก นมสด ขนมปัง แยม รวมถึงเครื่องไฟฟ้าด้วย ตู้เย็น ทีวีขาวดำ จัดมาให้หมด ครบถ้วน นี่คือ สิ่งตอบแทนจากอัธยาศัยของพ่อที่มีต่อ ผู้ร่วมงาน และ เขาเหล่านั้นก็ประทับใจในตัวของพ่อ แต่สิ่งที่ท่านต้องเลือกนั้น ทำให้ผมเห็นแง่มุมของพ่อเพิ่มขึ้นมาก ไม่รู้ความหมายในตอนนั้น แต่มารู้ในวัยเริ่มโตว่า ท่านห่วงแม่มาก และ กลัวแม่จะอยุ๋ไม่สบายเหมือนบ้านเรา
            ได้รับคำเชิญแล้วให้ไปอยู่ที่อเมริกา กองทัพเปิดไฟเขียวพร้อมมอบ กรีนการ์ดให้ และยินดีที่จะให้สัญชาติ ใหม่ๆ ยังมี แซซเล่นกันด้วยว่า นาซ๊ (เยอรมัน เชื้อที่มีปนอยู่ในสายเลือดเรา ศํตรูเก่า เรานะนี่ )  แต่ก้แค่แซวกันเล่น ที่กล่าวไว้ตอนต้น สหายเหล่านั้นชวนพ่อไป อยู่โดยจะให้ บ้านพักที่ฮาวาย แล้วก้ โอนไปเป็นทหารในสังกัด กองทัพสหรัฐ ฯ โดยได้รับชั้นยศเดิม แม่ถึงกับเอ่ยปากตามประสาคนที่ ยังอยู่ในวังวนแห่งยุคโบราณ (บ้านนอก)  ว่าถ้าจะไปก็ไปคนเดียวเถอะ ฉันกับลูกจะอยู่ที่นี่ เมืองไทยแบบนี้

               ในใจผม (กำลังยืนยิ้มเผล่อยู่ ด้วยมีเพื่อนพ่อหลายคนที่ผมติดเขา เล่นกันทุกวัน อยากไปอยุ่ด้วยที่นู้นเพราะว่าเขาจริงใจอบอุ่น ด้วยเสมอ ) ผมเรียก สหายเหล่านี้ว่า ลุงยักษ์ขาว จากเมืองลุงแซม มียักษ์ จอร์น ยักษ์ วิลลอส ยักษ์ โทนี่ (ไจแอนท์ จอร์น ไจแอนท์ วิลลอส ไจแอนท์โทนี่ )  ประมาณนี้ละครับ  กำลังยิ้มเผล่ อยู่ผมก็ร้องอ้าว ไม่เห็นถามลุกเลยว่าอยากไปหรือเปล่า เล่นเอาผมเป็นตัวประกันนี่หว่า จำได้ว่าขนาดผมร้องแล้วบอกว่าไปกับพ่อดีกว่า แม่อยู่นี่รอนะละปิดเทอมเดี๋ยวมา (โดนแม่บีบมือ แล้วหยิกครับท่านผู้ชม แล้วดึงมือไป โอโห พระเจ้าช่วยไม่ยอมก็ไม่ได้ เดี๋ยวโดนหนักกว่าเดิมจะยุ่งเวลาพ่อไม่อยู่
                พ่อแสนดีทั้งที่ ใจรักและอยากทำงานที่ตนชอบ ตามใจแม่ทุกอย่าง (เสียไม่ได้รักเขาแล้วนี่พ่อเรา รักแม่เรา งง จัง)  แม้ว่าเวลาที่พ่อยุ่ด้วย จะไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีนักในห้วงหลังๆ ต้องพูดไปตามที่สายตาเห้น ที่บ้าน ผมมีพี่น้อง สามคนรวมผมด้วย คนโตห่างจากผม 15 ปี พี่สาวคนกลางห่างกับผม 12 ปี แล้วมาผม่ซึ่งคลอดตอนแม่อายุ 40 ปีนี่ละ พ่อก็กว่านั่นไปอีกหน่อย หลังๆมาท่านป่วยด้วย อัมพฤก เบาหวาน ตับฯ  ทำให้เดินไม่ค่อยได้ ตอนหลังได้ย้ายมาอยู่ บน 6 ดอนเมืองเพราะ กองบินที สัตหีบนั้น ย้ายไปที่ สุราษฏร์ ฯ แต่บ้านเราไม่ไปตามนั้น เข้ากรุงแทน พ่อเดินไม่ค่อยได้ ร่งากายแย่ลง ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้หากินเองไม่ได้แล้ว มองเผินๆน่าจะปกติสุขดีสำหรับ บ้านเรา แต่ไม่ครับ จากก่อนเคยนั่งล้อมวงทานข้าว มีกับข้าวนับสิบอย่าง คนในครอบครัว รวมถึงสะใภ้ และหลานๆ ลุกพี่ชายกับผมนั้นอายุไล่ๆกันเลยห่างกันแค่ ไม่กี่ปี นับๆได้คนในบ้านร่วมๆ สิบคน ซึ่งตอนพ่อปกติดีอยู่นั้น ล้อมวงทานข้าว น้ำพริกปลาทูกัน มีน้ำเยิน ใส่ขัน มะละลอยหน้าหอม มีน้ำแข็ง กับ หยดอุทัยทิพย์ อยู่ตามมุมต่างๆ พร้อมน้ำล้างมือครบสรรพ แต่หลังจากที่ผมกล่าวมานั้น ท่านป่วยลงหนักพอควร
                สิ่งที่เกิดคือ ตัวใครตัวมัน ไม่มีการกินข้าวรวมกันอีกเลย ต่างคนต่างๆ เอาหม้อหุงข้าวหันเข้าห้องตัวเอง แบ่งเป้นสาวครอบครัวไป แม่ก็กลายเป็นคนหัวอ่อนหันไปโอ๋พี่คนโต เพราะเป็นเห็นว่าทำงานแล้วน่าจะพึ่งได้ เพราะทำงานในบริษัทที่ ระดับชาติเลย ภายนอกดูดี ครับแต่เรื่องจริงมิใช่เช่นนั้น ทุกครั้งที่พ่อต้องไปโรงพยาบาล ไปเจาะเลือดตรวจน้ำตาล และตรวจอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง ผมกลับต้องไปกับพ่อสองคนเท่านั้น ด้วยมอเตอร์ไซต์ค้นเก่งของพ่อ เป็นคาวาซากิ 100 ซ๊ซ๊ 4 จังหวะที่ เก็บเงินซื้อมา อย่างอดทน ผิดตรงที่ว่า พี่ชายผมมีรถเก๋งคันงาม พี่สาวก็มีเช่นกัน หลายครั้ง ลูกเขย ยังออกปากจะไปส่งพ่อตาด้วยซ้ำแต่โดนห้ามไว้ไม่ทราบว่ากลัวรถมันจะพังหรืออย่างไรในตอนนั้น ฝนตกฟ้าร้องเพียงใดก็๖ฮงไปกันสองคนกับพ่อ ตอนนั้น ยังไม่ลาออกแต่ ได้รับอนุญาตให้รักษาสถานะไว้ชั่วคราว พาพ่อไปเซ็นชื่อที่ทำงานได้ (ขอปิดสังกัดไว้นะครับ)  

                 ไม่มีใครอาสาพาพ่อไปหาหมอเลยทั้งที่แสนลำบาก ห้องที่แบ่งให้พ่อนอนตอนป่วยก้ เป็นห้องด้านหลังของทาวน์เอ้าส์ ที่เป็นเงินของท่านเอง ให้ไปดาวน์มาอยุ่ เรียกว่าอดีตห้องครัวกลายเป็นห้องพ่อไปแล้วในตอนนั้น ร้อนพอควร ครับ แล้วผมจะมาเล่าถึงกรรมที่ตามคนพวกนี้ไปวันหลังนะ
                 จนวันหนึ่งของฤดูร้อนพ่อต้องเข้า รพ.เพราะปอดบวม เข้า รพ.ท่านเริ่มคุมสติไม่อยู่จากอากาศร้อน แล้วไข้ด้วย สูงมาก ผมกลับมาไม่เจอท่านแล้ว จำได้ว่าวันนั้น ไปโรงเรียนมา  นั่นละคงวันแรกที่เห้นรถเก๋งคนในบ้านออกไปส่งท่าน ที่ รพ.ครั้งแรก ครั้งที่สอง เป็นตอนที่ท่านเสียไปแล้ว แล้ว กำลังทำเรื่องรับ เงินบำเหน็จ ของพ่อ....ยังมีต่อนะครับ ขอเวลาพักก่อนวันนึง ...แล้วจะมาเล่าต่อ ถึงเรื่องราว ระหว่าง ดอนเมือง สัตหีบ  ฮาวาย และ ชิคาโก สหรัฐอเมริกา

     
     

    จากคุณ : seamanfanclub - [ 15 พ.ค. 52 19:11:56 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com