PANTIP.COM : H7871190 ถามเรื่องซื้อรถที่อมเริกาหน่อยคับ [ชีวิตในต่างแดน]

ความคิดเห็นที่ 6

ขอยืนยันความถูกต้องตามความเห็นที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 คุณ รายละเอียดเพิ่มเติมมีดังนี้

1. ก่อนอื่น คุณต้องติดต่อขออนุญาตนำรถยนต์ส่วนตัวใช้แล้วเข้าประเทศไทย โดยติดต่อกระทรวงพาณิชย์ ในหลายๆประเทศมีสำนักงานพาณิชย์ไทยประจำอยู่ในเมืองหลวง บางประเทศก็มีสนง.พาณิชย์ประจำในเมืองที่มีสถานกงสุลไทยตั้งอยู่ เช่นในสหรัฐอเมริกา ที่ L.A. ที่ Chicago และที่ New York ใครอยู่ใกล้ที่ไหนให้ไปสอบถามรายละเอียดที่นั่นเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

2. แน่นอนว่าคุณต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศนั้นๆ ไม่น้อยกว่าหนึ่งปีครึ่ง ไม่ว่าจะไปเรียนหนังสือ หรือไปทำงาน หรือด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม โดยต้องมีหลักฐานแสดงระยะเวลาการอยู่ที่นั่นแสดงให้ฝ่ายพาณิชย์เขาดูด้วย

และแต่ละคนสามารถนำรถยนต์ใช้แล้ว ในชื่อของตน เข้ามาในราชอาณาจักรได้เพียง 1 คัน

3. เมื่อท่านได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์แล้ว จึงดำเนินการส่งรถยนต์กลับประเทศไทยได้ ก็ต้องโดยทางเรืออยู่แล้ว ไม่มีใครอุตริส่งมาทางอากาศ

4. เมื่อเรือที่บันทุกรถยนต์ของท่านถึงท่าเรือกรุงเทพ ฯ ให้ท่านไปติดต่อกรมศุลกากร ท่าเรือคลองเตย โดยท่านต้องทราบจากเอเย่นต์เรือสินค้าลำนั้นก่อนว่า เรือจะจอดที่โกดังไหน แล้วเตรียมเงินไว้เสียภาษีรวมทั้งค่าธรรมเนียม และค่าบริการต่างๆ จิปาถะ

5. รับรองว่ารถยนต์ของท่านต้องเสียภาษีขาเข้าเด็ดขาด และแน่นอน ไม่ว่ารถยนต์ของท่านจะเก่าเพียงไหน ก็ขนาดเป็นเศษเหล็กนำเข้าจากญี่ปุ่นยังต้องเสียภาษีเลยท่าน เสียน่ะต้องเสียแน่นอน เพียงแต่ว่าจะเสียมาก หรือเสียน้อย ไม่มีการยกเว้น เพราะภาษีอากรคือรายได้ของประเทศ

หากนำรถเข้ามาทั้งคัน ก็ต้องเสียภาษีเต็มคัน แต่หากอยากเสียภาษีน้อย ให้ท่านแยกธาตุรถยนต์โดยชำแหละออกเป็นชิ้นๆ ให้ดูเป็นเศษเหล็ก ก็จะเสียภาษีน้อย ( แต่ทะเบียนรถยนต์จะได้จากกรมการขนส่งอย่างไร ?? )

ภาษีที่ท่านต้องเสียแน่นอนดังกล่าวข้างต้น คือภาษีศุลกากร เป็นการเสียตามราคาประเมินค่าของรถยนต์คันนั้นตามสภาพตามปีที่รถยนต์คั้นนั้นสร้างขึ้นมา กล่าวคือ รถใหม่ จะเสียภาษีสูงกว่ารถเก่า นั่นเอง ทั้งนี้เป็นไปตามพิกัดอัตราศุลกากร customs tariff ที่มีพิมพ์เป็นเล่มอันเป็นตำราของเจ้าหน้าที่และของพ่อค้านำเข้าทุกคนที่จะเปิดดูได้ ว่าท่านต้องเสียภาษีรถยนต์คั้นนั้นในอัตราเท่าใด ประกอบกับราคาประเมินของรถยนต์คันนี้ รุ่นนี้ ตามราคาในท้องตลาด ณ วันนำเข้า

อนึ่ง ศุลกากรจะเรียกเก็บภาษีอุปกรณ์ทุกอย่างที่ติดมากับตัวรถอีกด้วย โดยแยกเก็บต่างหากไปจากตัวรถ คือหากรถของท่านติดแอร์ รถของท่านมีเครื่องเสียงชั้นดีติดมาด้วย หรือรถมีทีวี มี GPS หรือรถของท่านมีล้อแมกซ์อย่างดีนอกเหนือไปจากล้อเดิมที่ติดมากับตัวรถ รับรองว่าไม่รอดจากการประเมินภาษีเพื่อเรียกเก็บเพิ่มเติมอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ไปได้

กฎหมายศุลกากรเขาบอกว่า ภาษีนำเข้ารถยนต์นั้น หมายถึงรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ ตัวถัง ที่นั่ง และล้อ 4 ล้อ ที่วิ่งได้เท่านั้น ส่วนเกินอย่างอื่นต้องเก็บภาษีเพิ่มอีกต่างหากทั้งสิ้น

ส่วนภาษีอย่างอื่นนอกจากภาษีศุลกากรที่ท่านจะต้องเสียอีก ได้แก่ ภาษีเทศบาล ภาษีการค้า ฯลฯ อีกสารพัดภาษี ไม่แน่ใจว่าจะโดน vat และภาษีสรรพากรอีกด้วยหรือเปล่า

เรียกว่ารัฐเขาจ้องเก็บภาษีจากคนฐานะดีอย่างท่านที่มีเงินซื้อรถจากต่างประเทศเข้ามาใช้ เต็มที่เลยละ

5. คำแนะนำที่มีประโยชน์ คือก่อนเรือเข้า ให้ท่านรีบติดต่อกับผู้ทำหน้าที่ Shipping คือผู้มีอาชีพรับจ้างนำสินค้าหรือของใช้ส่วนตัวผ่านสารพัดด่านออกจากท่าเรือ หรือจากสนามบิน บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้ติดต่อทุกหน่วยงานให้ท่าน โดยเขาจะสามารถบอกกับท่านได้ว่า แต่ละขั้นตอนท่านต้องเสียเงินค่าอะไรบ้าง และเป็นจำนวนเท่าใด

แน่นอน shipping เหล่านี้ต้องมีค่าจ้าง และแน่นอนอีกเหมือนกันว่าพวกเขาก็หาเศษหาเลยจากเงินทองของท่าน มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ว่ากันไป

แต่หากท่านจะทำเองโดยดำเนินการตามพิธีการขาเข้าตั้งแต่เอเย่นต์ที่นำเรือสินค้าที่บันทุกรถยนต์ของท่านเข้ามา ถึงระดับการท่าเรือ ฯ เจ้าของท่าเทียบเรือ และเจ้าของโกดัง มายันกรมศุลกากร ซึ่งมีหลายกอง หลายหน่วยงานที่ต้องติดต่อ หากท่านไม่เวียนหัว ไม่เหนื่อย และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ก็สามารถทำได้ ไม่มีใครว่า

*** ......คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ที่สุด.......***

ก่อนจะตัดสินใจนำรถเข้ามาเมืองไทย ให้ท่านสืบหาข้อมูลค่าภาษี ค่าระวางขนส่งทางเรือ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ได้ตัวเลขใกล้เคียงความเป็นจริงให้มากที่สุดเสียก่อน ( ก็หาได้จากชิปปิ้ง หรือจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรกองประเมินราคาสินค้า นั่นแหละ)

จะได้ไม่ต้องโยนทิ้งรถคันที่นำเข้ามาไว้ที่ท่าเรือ

เพราะมีหลายคนตัดใจสละรถยนต์ที่นำมาจากต่างประเทศ ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นเรื่องจริง

ทั้งนี้ ..... ภายหลังจากที่เขาทราบราคาค่าภาษี รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ตนต้องชำระก่อนนำรถยนต์กลับบ้านในกทม.
แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 03:30:10
แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 52 03:28:15

จากคุณ : Detente - [ 18 พ.ค. 52 03:19:50 ]