สมัยเด็กๆ เคยเรียนวิชา สปช (สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต) แต่บทเรียนในหนังสือหรือจะสู้กับบทเรียนจริงของชีวิต บทเรียนและประสบการณ์มัน มันของดิฉันนั้นมันโลดโผนโจนทะยานมากค่ะ เพราะเป็นคนลุย บ้าระห่ำเกินเอมร้อยห้าสิบ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตจึงถือว่าเป็นบทเรียนที่คุ้มค่ามาก จนผ่านมาถึงตอนนี้มองย้อนกลับไปแล้วทำให้คิดไปว่า " ฉันทำไปได้ไงเนี้ยะ "
ขอยกตัวอย่างประสบการณ์ประทับใจไม่เคยลืมที่เคยทำไว้ให้ฟังสักหน่อยหล่ะกัน ตัวอย่างเช่น.....การแบ็กแพ็คแบกเป้ท่องไปตามตะวันช่วงปิดเทอมเมื่อครั้งสมัยยังละอ่อนกับเพื่อนๆ คอเดียวกันที่ชอบชักชวนไปหากางเต้นท์นอนมองดาวร่ำสุราแกล้มเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งดังครืน ครืน ด้วยความอิ่มใจ ดั่งคำกล่าวของโกวเล้งที่ว่า " ข้าพเจ้าไม่ชอบรสชาติของสุรา แต่ข้าพเจ้าชอบดื่มด่ำบรรยากาศในการร่ำสุรา " อะไรประมาณนั้น
เอิ๊กกกกกกก......
ประสบการณ์โบกรถที่เคยทำมาก็มีตั้งแต่ระยะใกล้ๆ อย่างพัทยา - กรุงเทพ , ตราด - กรุงเทพ , โคราช - กรุงเทพ แล้วทริปที่เกือบจะเป็นข่าวก็คราวที่โบกจากกาญจนบุรีจะเข้ากรุงเทพ เนื่องจากรถที่โบกส่วนใหญ่เราจะเลือกรถกระบะมีแค๊ปเปิดประทุนหรือไม่มีหลังคานั่นแหล่ะค่ะ เพื่อสะดวกในการกระโดดขึ้นกระโดดลง และรถกระบะคันที่เราโบกจากเมืองกาญจน์นั้นก็บรรทุกบรรดาหนุ่มวัยฉะกันมาเสียด้วย ส่วนแก๊งค์ของเรานั้นมีทั้งหนุ่มและสาว เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักหน่อย หนุ่มในรถที่ถือว่าเป็นคนพื้นที่อยากจะชักชวนพวกเราไปเข้าป่าหาหน่อไม้ และเผอิญว่าเพื่อนผู้ชายที่ร่วมทางไปด้วยไหวตัวทันกับคำว่า " หาหน่อไม้ " นี่แหล่ะ จึงได้ชวนกันเบรครถและขอลงทันที
พอลงจากรถมาได้เพื่อนมันว่าไอ้ที่มันจะพาไปหาหน่อไม้น่ะก็หมายถึงพาไปทำมิดีมิร้ายนั้นแหล่ะ ป้าดดดด นี่ถ้ามีแต่สาวๆ โบกไปกันเองดิฉันคงกลายเป็นผีเฝ้าหน่อไม้ที่ป่าเมืองกาญจน์นับตั้งแต่นั้นเป็นแน่แท้เชียวค่ะ ใครมีประสบการณ์มัน มัน ที่เคยทำไว้เมื่อหวนคิดไปเมื่อใดก็สุขใจทุกที และอดเผลอคิดไปไม่ได้ว่าตอนนั้นเราทำลงไปได้ไงเนี้ยะ เซี้ยวจริง ๆ
ฮ่าาาาาาาา........
คำเตือน !!! การโบกรถเที่ยวควรจะมีเพื่อนผู้ชายติดไปเป็นไม้หน้าสามด้วยเพื่อความปลอดภัยแก่ตัวเองและทรัพย์สินทางร่างกาย
แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 08:00:45