ความคิดเห็นที่ 1 เป็นดิฉันเรื่องนี้ไม่เกิดแต่แรกแล้ว ถ้าจับได้ว่าไปมีคนอื่นก็ลาขาดแต่แรก+ ฟ้องร้องหมดตูดเหลือแต่กางเกงในไล่ออกนอกบ้านไปนานแล้ว ที่จริงคุณไม่ต้องแอบขโมยเงินไปเก็บในบัญชีคุณหรอกค่ะถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบที่มันเคยเกิดขึ้นมาอีกแล้วคุณมั่นใจว่ามีหลักฐานแน่ชัดว่าเขาไปมีคนอื่น แนะนำว่า" ฟ้องหย่า "!!! อย่างเดียว เผลอๆเงินในบัญชีร่วมทั้งหมดรวมทั้งบ้าน และ ทรัพย์สินหลายๆอย่างของเขา อาจจะตกเป็นของคุณคนเดียว สะใจเลย ดิฉันใจร้ายนะ กับคนที่นอกใจเราเนี่ย แต่...!!ถ้าเขาบอกก่อนที่จะนอกใจว่าเขาไมรักดิฉันไม่อยากอยู่กับดิฉันโดยที่ไม่มีการไปหลับนอนกับผู้หญิงอื่นลับหลัง กรณีนั้นดิฉันยอมหย่าให้เลยโดยไม่เรียกร้องทรัพย์สินใดๆที่เป็นส่วนของเขาเลยสักเพนนีเดียว กรณีคุณนี่ตอนนี้เขาไม่พูดด้วยก็ปล่อยเขาไปก่อนเถอะค่ะ ถ้าเป็นราเราคงจะเกริ่นออกมาลอยๆละมั้งว่า ถ้าเขาทำตัวไม่น่าไว้ใจหรือแอบนอกใจอีก เราเตรียมมาตรการเด็ดขาดมาจัดการเรื่องชีวิตคู่และทรัพย์สินเงินทอง "ของเรา" แน่นอน (ตอนพูดต้องเน้นคำว่า "ของเรา" หนักๆนะคะ)   คุณควรจะลุกขึ้นมาป้องป้องสิทธิ์ของคุณเองบ้างนะคะ อ่านๆที่คุณเขียนไว้ข้างบน มันเหมือนคุณยอมเขาตลอด เขาก็ได้ใจ ข่มคุณไว้ตลอดเหมือนกัน ปล.ขอแก้หน่อยนะ พิมพ์ผิดเต็มเลย ขอเพิ่มเติมอีกหน่อยด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 02:15:11 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 02:10:16 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 01:57:54 จากคุณ : hamble pie - [ 23 มิ.ย. 52 01:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เชิงว่าแอบเก็บ   แต่จะมีเก็บเงินสดไว้ในบ้านอยู่ 3 ที่เผื่อใช้ฉุกเฉิน และสามีจะรู้ 2 ที่เพราะบอกเขาไว้่้แต่เขาก็ไม่เคยจำ   เวลาต้องใช้เงินสดก็จะมาบอกเรา ถ้าในกรณีคุณเราคงไม่คืน  จะบอกเขาว่าส่วนนึงครอบครัวคุณส่งมาให้เผื่อฉุกเฉิน เพราะพวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นและอยากให้เรามีเงิีนสำรองไว้   และถ้าเขาไม่ยอม ก็โอนเป็นชื่อลูกไป   แต่หลังจากเบิกเงินสดออกมาบางส่วนและแอบเก็บไว้ ถ้ากลับเมืองไทยก็เอาไปซื้อสลากออมสินเก็บไว้ค่ะ จากคุณ : ตกตะกอน - [ 23 มิ.ย. 52 01:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บ้านนี้มีเงินใช้แบบเดือนชนเดือน ไม่มีเหลือให้เม้มเล้ยย..คริ..คริ.. จากคุณ : ปูขาเก เซมารู - [ 23 มิ.ย. 52 01:59:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอตอบว่ามีเงินเก็บค่ะ เก็บเอาในบางส่วนที่เขารู้และเขาไม่รู้เหมือนคุณค่ะ เพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะได้พอเอาตัวรอดได้บ้างค่ะ เงินที่คือทำงานหาเองและสามีให้ค่าใช้จ่ายประจำเดือน เราจะจัดสรรยังไงก็เรืีองของเราค่ะ ส้มรายได้น้อยกว่าเขาเยอะจึงไม่ได้แชร์ค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่จะซื้อของขวัญให้เขาหรือเป็นเจ้ามือทานข้าวนอกบ้านเวลาได้เงินแทนค่ะ เป็นส้มจะตอบว่าเป็นเงินเก็บที่มาจากเงินของเรา เพราะสามีคุณไม่ได้สร้างหลักประกันความมั่นใจหลังจากที่ไปมีคนอื่น และมาทำให้คุณเสียต่อด้วยการยึดบัตรเครดิตอีกนะคะ และขอถามว่าใครเป็นคนผิดกันแน่ค่ะ ส้มจะไม่คืนค่ะ และจะเก็บต่อไปด้วย เขาจะมาทำเหมือนเราสิ้นไร้ไม้ตอกไม่ได้ คงจะพูดไปตรงๆว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำสองจะทำยังไง สร้างความมั่นใจให้คุณได้ไหม เพราะเคยขอหลักประกันแล้วก็ไม่ทำให้ค่ะ จากคุณ : พริกน้ำส้ม - [ 23 มิ.ย. 52 02:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พฤติกรรมของสามีคุณไม่น่าไว้ใจค่ะ เป็นดิฉันคงฟ้องหย่าไปตั้งแต่รู้ว่าไปยุ่งกับผู้หญิงอื่นแล้ว แต่ไหนๆ จะหย่าก็ต้องรีดให้หมดตัว ถือภาษิตว่า ได้ทองเท่าหัว รีบเอาผัวฉันไปเลย...  :D ถ้าลงว่าสามีคุณเคยถึงกับล็อคคอมพิวเตอร์ ยึดบัตรเครดิต มาก่อนแล้วละก็ ดิฉันว่าคุณควรมีเงินสำรอง หากวันนึงปุบปับต้องหาทนาย จะได้หาทนายมือดีๆ ไม่ต้องไปรอคิวทนายอาสาที่ทำงานแบบขอไปวันๆ ปกติดิฉันมักจะแนะนำให้ซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเป็นชื่อตัวเอง แล้วก็ใส่ซองจดหมายส่งไปนำฝากเข้าบัญชีตัวเองที่เมืองไทย (วิธีนี้ถ้าไม่ใช่หน่วยราชการ หรือแบงค์ละก็จะ trace ไม่ได้ว่าเงินหายไปไหน ไม่เหมือน wire transfer)  บัญชีนี้มีบัตรเครดิตพ่วงอยู่ เป็นของตัวเองที่เปิดไว้ตั้งแต่สมัยยังทำงานใหม่ๆ ไม่ยอมให้พ่อบ้านรู้ว่ามีเงินในนั้นเท่าไหร่  เวลาฉุกเฉินจะได้รูดบัตรได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะหาที่ไหนไปจ่าย  จะเก็บไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น จากคุณ : Lawanwadee - [ 23 มิ.ย. 52 03:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราก็มีแอบเก็บสำรองเงินสดเผื่อฉุกเฉินแบบสามีไม่รู้เหมือนกัน(เก็บไว้ตู้นิรภัย)  (เพราะเค้าไม่รู้ว่าเรามีตู้นิรภัยอีกตู้หนึ่งแยกต่างหาก) เค้าจะเห็นตัวเลขเฉพาะบัญชีที่เราลิงค์กันเท่านั้น จากคุณ : larata - [ 23 มิ.ย. 52 04:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดีใจที่ได้เห็นความเห็นทุกคนนะคะ เพิ่งอ่านไปคร่าวๆ กลับมาอ่านที่ตัวเองเขียนบางช่วงก็งงๆเอง ขอมาเพิ่มเติม แจกแจงนิดค่ะ กันสับสน ----------------------------------------------------------------------- "สามีก็สงสัยอยู่เหมือนกันเรื่องที่ถอนๆเงินเกินตัว บ่อยๆ มีลับลมคมไหน แล้วก็ใช้เงินเกินตัว" ----------------------------------------------------------------------- = อันนี้หมายถึง สามีสงสัยที่ดิฉันใช้เงินเกินตัว ถอนเงินบ่อย ถอนเงินเยอะ (ช่วงไหนดิฉันอารมณ์เสียดิฉันก็ถอนล้างแค้น) เขาเคยสงสัยว่าดิฉันแอบเอาเงินไปให้ใคร หรือเอาเงินไปแอบ แต่ดิฉันก็ไม่เคยยอมรับ (จนตอนที่มาเจอบัญชีลับนี่สิคะ) เพราะเขาเองก็กลัวที่ดิฉันจะหนีไป โดยเฉพาะช่วงที่ยังระหองระแหง ----------------------------------------------------------------------- ถ้าเป็นคุณ คุณจะยอมรับไหมว่าแอบเก็บเงินที่มาจากเงิน" ของเรา " =ตรงนี้ดิฉันหมายถึงเงินของเราสองคนนะคะ ไม่ใช่ของดิฉันคนเดียว ----------------------------------------------------------------------- เพราะจริงๆแล้วดิฉันกับสามีมีบัญชีร่วมกัน ใช้เงินจากบัญชีร่วม แล้วเวลาเงินเดือนเข้า เงินออก บัตรเครดิตของเขา กับของดิฉัน ก็จากบัญชีนี้ทั้งนั้น ส่วนตัวสามีเขาก็มีเงินเก็บของเขา(ก็ชือเขา) แต่ดิฉันก็ไม่เคยไปยุ่งไปดูอะไรของเขา แต่เวลามีความจำเป็นเงินขาด ค่าใช้จ่ายในบ้านต้องใช้เขาก็เอามาโปะ เรียกว่าเขาเป็นคนจัดการเรื่องเงิน ส่วนเรื่องที่เขาไปมีใครนั้น ก็เกิดขึ้นมาได้ 3-4ปีแล้ว ตอนนั้นชีวิตดิฉันแย่มาก รู้เลยว่าการต้องเป็นที่พึ่งทางการเงินของสามี นี่มันน่ากลัวแค่ไหน โดยเฉพาะเวลา"ไม่มีอะไรเลย" ตอนนั้นก็เคยคิดจะหย่าแล้วค่ะ แต่ว่าเรื่องมันผ่านมาแล้ว ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง ตอนนี้บอกตามตรงว่าไม่ได้คิดจะหย่า (จะว่าโง่ๆก็โง่เถอะค่ะ แต่ว่า พูดกับตัวเองว่า หากมีเรื่องแบบนี้อีก ดิฉันจะไม่คิด แต่จะเลิกทันที ไหนๆตอนนี้ก็พอเพิ่งตัวเองได้แล้ว) ที่ยังอยู่กันมาทุกวันนี้เพราะเขาก็เลิกพฤติกรรม และก็ปรับปรุงตัว สถานการณ์ก็ดีขึ้น (เพียงแต่ดิฉันก็ไม่วางใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงได้เก็บเงินไว้เผื่อ) แต่ตอนนี้ดิฉันทำงานมาได้ สองปีแล้ว ความสัมพันธ์ก่อนที่เขาจะมา ค้นพบบัญชีลับก็เรียกว่าดีมากๆๆ เพียงแต่พอมาเจอบัญชีลับนี่ก็ เหมือนเป็นคนอื่นไปเลย) เงินในบัญชีลับนี่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ว่าพอเช่าบ้านเดือนแรกๆกับจ่ายเงิน deposit ได้ (นี่ยังไม่พูดถึงเงินสดที่แอบๆไว้เผื่อกันเหนียวในบ้าน - นี่ถ้าหากถูกจับได้อีกว่ามีเงินแอบอีก(นอกเหนือจากบัญชีลับนี่ดิฉันว่าสามีเชือดดิฉันทิ้งแน่ๆ) เพื่อนๆก็บอกว่า ห้ามไปยอมรับเด็ดขาด บางทีดิฉันก็รู้สึกผิดบ้าง แต่อีกใจก็กลัวความไม่แน่นอน ว่าไม่รู้จะเกิดอะไรขึน จากคุณ : หนูนา - [ 23 มิ.ย. 52 04:59:14 A:82.235.55.246 X: TicketID:122545 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าตอนนี้คุณหนูนาทำงานแล้ว เป็นไปได้ไหม ที่จะคุยกับสามีเกี่ยวกับเรื่องการจัดการเงินว่า ให้มีบัญชีร่วม จากนั้นมีบัญชีแยกแต่ละคน โดยแต่ละแบ่งเก็บตามสัดส่วนของเงินเดือนที่ได้แต่ละคนไป และแต่ละคนก็มีสิทธิ์ในการใช้เงินส่วนตัวนี้ โดยไม่ต้องขอความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อะไรทำนองแบบนี้น่ะ บ้านดิฉันน่ะ มีหลายบัญชีเลย จริงๆ ดิฉันว่ามีบัญชีเดียวง่ายดี แต่สามีเขาจะแยกหลายที่ กลัวธนาคารเจ๊งมั้ง สามีดิฉันเป็นคนคิดเสนอเองตอนแรกว่า จะเปิดบัญชีแยกให้ดิฉัน เผื่อตอนแก่ แต่จริงๆ แล้ว ทุกๆ บัญชีที่เปิดหลังการแต่งงานไปแล้ว ยังไงก็คิดว่าเป็นของร่วมนะ (ใช่หรือเปล่า?) แต่ถ้าถามว่ามีบัญชีลับไหม ดิฉันไม่เรียกว่ามี เพราะสามีรู้ คือบัญชีที่เมืองไทย แต่เขาไม่รู้ว่ามีเท่าไร เวลาไปเมืองไทยที บางทีก็เอาไปฝาก เผื่อใช้ที่นั่น หรือถ้ามีงานทำที่นั่น ก็ใส่ในบัญชีนี้ (ทั้งงานของสามีและงานของดิฉัน) โดยบัญชีนั้นคือชื่อของดิฉันคนเดียว ตอนนี้คือ ดิฉันไม่บอกสามีว่า มีเท่าไร แต่ก็ไม่เห็นถาม กรณีคุณหนูนานะ ถ้าเป็นดิฉัน แล้วไม่มีบัญชีแยก ดิฉันก็คงจะไม่ยอมรับว่าเราแอบจิ๊ก คิดว่านะ คงไม่บอกเหมือนกัน จากคุณ : พธูไทย - [ 23 มิ.ย. 52 05:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดิฉันไม่มีแอบไว้สักแดงเดียวค่ะ ถ้าหย่ากันก็แบ่งสมบัติอย่างเดียวครึ่งต่อครึ่ง จากคุณ : yinnerella - [ 23 มิ.ย. 52 07:14:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 We have several joins bank accounts but have no money. I don't have enough money to put aside, in fact I have not enough money to spend each month.....5555 Unless my customers have settled( if I can find one) the loan then I will get paid as a commission which I can take him for dinner or save for our holiday. If I can do just like you did , he won't be able to find out....555 แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 11:38:10 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 23 มิ.ย. 52 09:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเราเป็นคุณ เราคงไม่โกหกว่าเป็นเงินจากเมืองไทย เราจะบอกเขาตรงๆนี่แหล่ะ พูดให้เขารู้สึกผิดไปเลย ยูจำได้ไหมว่ายูเคยไม่ให้บัตรเครดิตใช้ ล็อคคอม ฉันติดต่อใครไม่ได้ เงินฉันก็ไม่มี ฉันข้ามน้ำข้ามทะเลมาแต่กลับมาโดนคนที่รักที่สุดทำแบบนี้ ไม่ใยดีว่าฉันจะกลัวแค่ไหน ยูจำได้ไหม รู้บ้างมั๊ยฉันลำบากแค่ไหน จากบ้านจากเมืองมาตั้งไกลเพื่อมาใช้ชีวิตกับยูน่ะ แล้วเคยคิดถึงจิตใจฉันบ้างมั๊ย ถึงเรื่องจะผ่านมาแล้ว ยูปรับปรุงตัวแล้ว แต่ฉันก็ยังมีความกลัวอยู่ มีบทเรียนที่ต้องจดจำไปแล้ว ถ้าวันไหนเกิดยูคิดจะไม่ดูแลกันอีก ฉันก็ต้องมีเงินไปตั้งหลักได้บ้าง ไม่คิดเป็นห่วงฉันบ้างเลยหรือ แล้วก็คุยเรื่องแบงเงินให้เป็นกิจจะลักษณะไปเลยว่าแต่ละเดือนต้องแบงเข้าบัญชีคุณเท่าไหร่ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน - [ 23 มิ.ย. 52 13:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบนะคะว่า ไม่มีเงินเก็บลับๆคะ  ก็เลยตอบข้อต่อๆไปไม่ได้     เพราะเราจะมีบัญชีร่วมกัน  และบัญชีแยกกันคนละบัญชีอยู่แล้ว  และเงินสดก็มีติดกระเป๋าอยู่ไม่เกิน60ยูโร  สามีนั้นจะไม่มีเงินสดคะ จะมาขอถ้าจำเป็นต้องใช้เท่านั้น   ปล.ปัจจุบันก็ใช้เดือนชนเดือนไม่มีเงินเก็บอยู่แล้วคะ  ที่เก็บอยู่ตอนนี้ก็เก็บเพื่อจ่ายภาษีบานตะไทในอีกไม่ช้านี้คะ จากคุณ : ชบาไพร (Mme) - [ 23 มิ.ย. 52 18:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันเองไม่ได้แอบเก็บค่ะ มีบัญชีเงินเก็บส่วนตัวที่สามีจะโอนให้ทุกเดือน แต่ต้องคุยกันก่อนนะคะ ตกลงกันให้เข้าใจว่าอันนี้มันเป็นของเรา ส่วนเรื่องของ จขกท. ไม่รู้จะแนะนำยังไง มันเป้นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าเค้ายืนยันจะให้คุณคืนเงิน คุณจะคืนรึเปล่า แล้วถ้าคุณจะไม่คืน มันก้ต้องหาเหตุผลที่ฟังแล้วดูดี อธิบายให้เค้าเข้าใจ เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ จากคุณ : นิดเดียวเอง - [ 23 มิ.ย. 52 22:35:45 A:74.195.73.138 X: TicketID:192717 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ในส่วนตัวเมื่อก่อนก็มีแอบเ็ก็บเหมือนกันแต่ตอนนี้ไม่มีให้แอบเลย ถ้าเป็นเราไม่คืนเข้าบัญชีร่วมเพราะเรามีเหตุผลที่ต้องทำนะ จากคุณ : กลางกรุง - [ 24 มิ.ย. 52 01:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณไม่เชื่อใจสามีเลยแอบเก็บเงินใว้ไม่ให้สามีรู้   เผื่อตกยากจะใด้ตั้งตัวใด้  จะใด้ไม่กลับบ้านตัวเปล่า สามีคุณรู้เรื่อง  เค้าไม่เชื่อใจคุณ หาว่าคุณขโมยเงินบ้านเก็บต่างหาก มองหน้ากันไม่ติด แล้วเค้ายังเชื่อใจคุณเรื่องเงินหรือค่าใช้จ่ายเหมือนเดิมไหมคะ    เป็นเราเราจะบอกตรงๆนะ ว่าเก็บใว้เผื่อฉุกเฉิน  แต่ถ้าสามีคุณไม่ยอม คุณอาจจะใด้ใช้เงินฉุกเฉินจริงๆก็ใด้นะคะ ญาติๆที่เมืองไทยเรากล่อมเราตลอดนะ  ว่าให้กอบโกยใว้ให้พ่อแม่ที่เมืองไทย  เผื่อสามีทิ้งจะใด้มีที่กลับ  เรามีคนรู้จักที่กอบโกยสร้างบ้าน ซื้อที่นา ซื้อรถไถนาคันใหญ่  แต่เมื่อถึงคราวต้องเลิกร้างกับสามี ไม่มีใครกลับไปอยู่บ้าน ทำนา ขับรถ จากเงินที่ตัวเองเก็บเลยสักคน   เราเคยส่งเงินทางบ้านต่างจังหวัด  แต่เงินนั้นเป็นเงินส่วนตัวจริงๆ  สามีรู้ ว่าแต่เค้าให้เราตัดสินใจเอง  แต่เราไม่เคยขโมยเม้ม หรือแอบเก็บเงินของครอบครัวส่งทางบ้าน  มีบางครั้งเป็นเงินพ่อบ้านแต่ตอนนี้ลูกเราเริ่มโตความคิดแบบนั้นเลยไม่มี ค่าใช้จ่ายก็เริ่มมากขึ้น เราต้องปรับตัวอยู่ที่นี่  ครอบครัวเราอยู่ที่นี่ เรื่องแอบเก็บเงินฉุกเฉินลับๆจึงไม่มี  ญาติเราว่าเราโง่  เราก็ยอมรับนะ   เรามาแต่ตัว ถ้าวันหนึ่งมีเหตุให้มีอันต้องเหลือแต่ตัว ไม่มีเงิน ไม่มีคนรัก เราก็ยังมีลูกค่ะ   ถ้าต้องทำงานวันละแปดชั่วโมง อยู่ห้องเช่าเล็กๆ อยู่กินแบบขัดสน  เราก็ไม่กลัวนะ   เราไม่มีบัญชีลับ  มีที่เมืองไทยก็เงินสามีให้  ไม่มากมายอะไร  แต่เก็บใว้เผื่อกลับไทยไปเที่ยว เป็นเราเราไม่คืนนะ  และไม่โกหกด้วย  จะบอกว่าเล็งกระเป๋าใบใหม่อยู่(ล้อเล่นนะ  ไม่อยากให้ซีเรียสมาก) เราไม่เห็นด้วยกับการเม้มเงินแบ่งเก็บนะ  เราว่าภรรยาไม่ว่าไทยหรือฝรั่งก็ควรจะใด้เงินพิเศษต่างหาก ไม่เกี่ยวกับครอบครัว  เป็นเงินพ๊อกเก๊ตมันนี่  มีลูกเล็กทำงานไม่คุ้มค่าเนิสค่าคนดูลูกหรอก  อยู่บ้านดูแลลูก ทำการบ้านกับลูก ประชุมกับคุรครูที่โรงเรียน ไปส่งลูกที่เพล์กราด์ รับลูกทุกวัน  ก็สุขไปอีกแบบ แต่เหมือนเสียโอกาสเรื่องอื่น ต้องยอมอยู่บ้านกับเงินที่สามีให้  ต้องแยกต่างหากและพอสมน้ำสมเนื้อกับรายรับของสามีและไม่เบียดเบียนส่วนอื่นๆ  มันทำให้รู้สึกมั่นคง ปลอดภัย พอลูกโตก็เริ่มหางานทำ   คนไทยหลายคนโม้กันเรื่องมีเงินเก็บโดยสามีไม่รู้  ส่วนมากไม่มีลูก การกินอยู่ การดำเนินชีวิตไม่เหมือนครอบครัวเราหรือครอบครัวของเพื่อนเราที่มีลูกๆน่ารัก หาว่าแม่บ้านอย่างเราโง่  แต่เราเป็นคนสู้งาน  ไม่กลัวลำบาก  ถ้าพ่อบ้านเราจะใจแตกตอนแก่ ก็คงต้องสู้กันสักตั้งหล่ะนะ  ว่าคนไทยเรียนน้อยจะทันสามีฝรั่งเรียนมากกว่าหรือเปล่า   เรามีเพื่อนฝรั่งสองคน(เพื่อนของสามีตอนเป็นนักศึกษา) กว่าจะหย่าใด้ใช้เวลานานจนเหนื่อยแทน ทนายก็ใด้เงินไม่ใช่น้อย สามีก็หัวหมอ ยืดเยื้อกวนประสาท ต้องเจอกันที่ศาล คุยกันผ่านทนาย  จากที่เคยรักกันตอนนี้เกลียดกันยังกับอะไรดี เลยปลงๆ   ถ้าคุณรู้สึกมั่นคงกับเงินก้อนนั้นก็ตัดสินใจไปเลยค่ะ คงอยู่ที่คุณแล้วนะจะตัดสินใจอย่างไร แต่เคยโกหกครั้งที่หนึ่งก็ต้องโกหกไปเรื่อยๆ  น่าเหนื่อยแทนนะ หลังทานข้าวเย็นเลยลองคุยกับพ่อบ้าน เค้าก็ยอมรับนะว่าผู้ชายหลายคนเลยที่มีความคิดแบบนั้นอยู่ เหมือนคนโบราญ ไม่ให้ภรรยารู้เรื่องรายรับ เงินฝากแอบเก็บโดยไม่ให้รู้ แต่เลี้ยงดูใด้  เป็นนิสัยของคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าภรรยา  และส่วนมากจะร้ายเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนต่อต้าน     แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 03:00:33 จากคุณ : ลูกแมง - [ 24 มิ.ย. 52 01:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกับความเห็นที่ ๑๑ ค่ะ และเห็นด้วยกับคุณลูกแมงค่ะ ควรขอเงินใช้ส่วนตัวที่เหลือเก็บได้ เพราะถ้าเม้มมาเก็บแบบนี้ซักวันเค้ารู้แน่นอน และมีปัยหาเรื่องความไว้ใจเกิดขึ้น ซึ่งเป็ยเรื่องใหญ่กว่ามาเม้มเงินอีก เพราะมันจะระแวงทุกกรณีแล้ว ถ้าไปโกหกต่อคิดว่าเค้าน่าจะรู้แกวค่ะอยากแนะนำให้บอกตรงๆเหมือน ค.ที่ ๑๑ ส่วนตัวก็มีบัญชีของตัวเองค่ะ ก็เก็บไว้เอง แต่เป้นส่วนที่สามีให้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวอยู่แล้ว อย่างนี้เลยไม่ได้เรียกว่าแอบเน้อะ แต่เค้าไม่ทราบว่ามีเท่าไหร่ คงรู้ว่ามีไม่มาก จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง - [ 24 มิ.ย. 52 06:43:22 A:118.22.115.127 X: TicketID:221282 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เก็บไว้เถอะค่ะ ดิฉันก็เก็บไว้ ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคต ..ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า.. ตอนรักก็รักปานจะแหก Trudd ดม..แต่พอไม่รักแล้ว จะ Teep หัวเราเมื่อไรไม่รู้.. จขกท.ทำถูกแล้วหล่ะค่ะ ไม่ต้องไปรู้สึกผิด.ทำเพื่อตัวเองและอนาคต..เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : แม่บ้านมือใหม่ - [ 24 มิ.ย. 52 08:00:53 A:72.225.217.164 X: TicketID:203101 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ของดิฉัน สามีสนับสนุนให้มีเงินเก็บเป็นส่วนตัวเลยค่ะ พอแต่งงานแล้วก็พาไปเปิดบัญชีเลย เจ้าหน้าที่ธนาคาร ถามว่าต้องการดูข้อมูลบัญชีของดิฉันมั๊ย เค้าตอบว่าไม่ ไม่ต้องการรู้ว่าดิฉันมีเท่าไหร่ เก็บได้มากได้น้อยเป็นเรื่องของดิฉันเลยค่ะ ปล.ยังไม่มีงานทำค่ะ อาศัยเก็บจากค่าขนมที่สามีให้เป็นรายเดือน จากคุณ : ยังได้อยู่ - [ 24 มิ.ย. 52 11:52:54 A:79.201.120.44 X: TicketID:220945 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีบัญชีที่เมืองไทย แต่ไม่เคยยักย้ายถ่ายโอน มาเก็บแบบลับๆ นะคะ มีเงินส่วนตัวเหมือนกันค่าสอนเล็กๆ น้อยๆ ไว้ให้ค่าน้องเรียนพิเศษมั่ง ช่วยค่าเรียนหลานมั่ง ทุกวันนี้ทุกเดือนส่งเงินให้พ่อแม่ ก้พอสมควรอยู่เเล้ว เลยไม่กล้าที่จะคิดมาเก็บส่วนตัวไว้อีก แต่ก่อนเงินค่าสอนเคยเก้บเเยก เดี๋ยวนี้ก็เอามารวมกับเงินประจำวัน เพราะไม่รู้จะแยกไปทำไม ปลายปีนี้จะทำบ้านที่กรุงเทพ ถ้าบ้านเสร็จแล้ว อย่างน้อย เกิดอะไรขึ้นดิฉันเเละลูกมีที่อยู่ที่อาศัย นอกเหนือจากนั้น ได้ก้ได้ ไม่ได้ ดิฉันไม่สนใจเลยค่ะ หาเลี้ยงตัวเองและลูกได้แน่ๆ จากคุณ : mrs.night owl - [ 24 มิ.ย. 52 12:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่บ้านเรา เรื่องเงินไม่ค่อยเป็นความลับ เราตกลงกันก่อนที่จะมาสร้างครอบครัวกันเลย เงินแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินกองกลาง และเงินส่วนตัว เราสามารถเก็บเงินของเราในบัญชีส่วนตัว ได้อย่างเปิดเผย จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน - [ 24 มิ.ย. 52 13:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดิฉันคิดว่าคุณควรมีเงินเก็บของตัวเองนะเผื่อฉุกเฉิน  อะไรๆมันไม่มีความแน่นอนหรอก คู่ดิฉันเรารักกันมากปานจะกลืนกินแต่เราก็ไม่เคยรวมเงินกันเลยค่ะ ข้อดีคือไม่เคยทะเลาะกันเรื่องเงินเลยว่าใครใช้มาก ใครใช้น้อย อยากใช้อะไรดิฉันก็ใช้ตามความพอใจ  สามีก็เช่นกันและต่างคนก็ต่างมีเงินเก็บของตัวเอง ถ้าเป็นดิฉันคงไม่คืน เพราะอ้อยเข้าปากช้างแล้ว ดิฉันไม่คายค่ะ และอีกอย่างคือคุณมีลูกยิ่งต้องเม้มไว้ให้ดีเพื่ออนาคตของลูกค่ะ บ้านดิฉันไม่มีเงินเราค่ะ มีแต่เงินใครเงินมัน สามีไม่ทราบว่าดิฉันมีเท่าไรเพราะเค้าไม่กล้ามายุ่ง แต่ตัวสามี ดิฉันทราบคร่าวๆเพราะสามีเคยให้ดูเอกสารต่างๆว่าหากมันเกิดตายไปก่อนดิฉันจะได้งับสมบัติสามีได้ถนัดๆอย่างถูกวิธี แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 16:01:41 จากคุณ : Gisele - [ 24 มิ.ย. 52 16:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับคุณยุ้ยหัดเขียนค่ะ พูดกันตรงๆแต่เอาแบบนุ่มนวลและไม่เสียน้ำใจนะคะ บอกเค้าไปว่าเก็บไว้เผื่อฉุกเฉินจริงๆ คุณจะได้ไม่เป็นแบบเมื่อสามปีก่อน คนเราเวลาไม่มีเงินใช้เลยมันลำบากเหมือนกันนะ ส่วนนึงก็เก็บให้ลูก ไม่เป็นของแม่ก็เป็นของลูกอยู่ดี ไม่ให้ลูกแล้วจะให้ใคร คิดเช่นกันกับหลายคนนะคะว่าเราควรจะมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สำรองเงินไว้หน่อย ถ้าจวนตัวจริงๆจะได้มีเงินใช้บ้าง ของเรามีทั้งบัญชีร่วมและแยก ต่างฝ่ายต่างพอรู้คร่าวๆว่าอีกฝ่ายมีเงินในบัญชีส่วนตัวเท่าไหร่ บอกตรงๆเรามีเยอะกว่า เพราะสามีให้เดือนนึงก็พอประมาณ ไม่ได้ใช้ก็เอามาเก็บ บวกกับเราทำงานก็มีรายได้ของตัวเองผสมไปด้วย ส่วนสามีต้องผ่อนรถและจ่ายค่าโน่นนี่ในบ้าน เลยไม่เหลือเท่าไหร่ แต่เค้าเข้าใจว่าผู้หญิงต้องการหลักประกันความมั่นคงค่ะ เลยปล่อยให้เราเก็บเงินไปเรื่อยๆ จากคุณ : แม่หมูสาว (bootakung) - [ 24 มิ.ย. 52 17:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณทุกๆคนสำหรับความเห็น คำแนะนำ นะคะ ดิฉันมานั่งอ่านทุกๆความเห็นเลย ทำให้เห็นมุมมองที่ต่างๆกันไป เมือวานไม่ได้เข้ามาเพราะอินเตอเนตมีปัญหา ทีแรก ดิฉันก็คิดไว้ในใจว่าจะบอกไป อย่างที่คุณยุ้ยหัดเขียนว่า แล้วก็อาจจะถ่ายเงินไปเป็นชื่อบัญชีลูก แต่ก็ยังลังเล ไม่รู้ปฏิกริยาเขาจะเป็นไง ยิ่งอ่านความเห็นคุณลูกแมง ดิฉันก็ชะงักนะคะ มันโดนใจมากๆ คิดว่ายังไงเขาก็ไม่ไว้ใจดิฉันแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกัน เพราะตอนนี้สามีไปทำงานต่างประเทศ อีกสิบวันกว่าจะกลับ ไม่รู้จะเริ่มยังไง ก็ยังคิดๆตั้งสติเพื่อจะหาทางที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จากคุณ : หนูนา - [ 24 มิ.ย. 52 18:17:36 A:82.235.55.246 X: TicketID:122545 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาคิดอีกทีด้วยว่า ถึงแม้จะเอาเงินคืนเข้าบัญชีร่วมไป ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ความไว้ใจ ความมั่นใจจากเขากลับคืนมา คิดว่าเขาน่าจะระแวงดิฉันมากขึ้น.. จากคุณ : หนูนา - [ 24 มิ.ย. 52 18:20:37 A:82.235.55.246 X: TicketID:122545 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อย่าคืนเลยค่ะคุณหนูนา  เก็บใว้เผื่อใครคนหนึ่งตกงานหรือป่วยแบบกระทันหันก็จะใด้เอามาใช้   หรือจะบอกเค้าว่าเป็นเงินเล็กๆน้อยๆว่าเป็นเงินเผื่อซื้อของขวัญ เผื่อซื้ออะไรที่คุณอยากใด้แต่ไม่อยากให้รบกวนเค้า เค้าไม่น่าโกรธมากนะคะ ถ้าคุณร้องให้ทบทวนอดีตอันเจ็บปวดเมื่อก่อนว่าคุณกลัวและเจ็บมากถ้าเค้ารักเค้าก็ต้องเห็นใจคุณนะคะ (คุณมีงานทำแล้ว ดีใจด้วยนะคะ ลูกโตแล้ว จะใด้ทำงานมีเงินเดือนเพิ่ม  เลี้ยงลูกอยู่กับบ้านทุกวันก็น่าเบื่อ) ตอนนี้เรากำลังดีใจมากๆค่ะ เงินค่าชั่วโมงขึ้นเจ็ดปอนด์สิบเอ็ดเพนส์แล้ว พึ่งใด้สลิปวันนี้เลยดีใจมากๆ เสียดายรายใด้ไม่คงที่แต่รายใด้ปีที่แล้วรวมกันก็เป็นเงินเยอะมากๆต่อปีสำหรับคนบ้านเราที่จบแค่ม.ต้น. จากคุณ : ลูกแมง - [ 24 มิ.ย. 52 23:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อืม ของเรา ต่างคนต่างมีบัญชีส่วนตัว คนละบัญชีหรือมากกว่านั้น แต่มีบัญชีกลางสำหรับค่าใช้จ่ายในครอบครัว ถ้าบัญชีกลางขาดเหลือ ต่างคนก็ต่างเอาจากบัญชีส่วนตัวมาเพิ่มใส่ ไม่เคยมีปัญหา เพราะคุยกันมาแต่ต้น เห็นด้วยที่จะทำแบบนี้ จากคุณ : "อยากน่ารักน้อยกว่านี้" - [ 25 มิ.ย. 52 07:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ..... วันหนึ่งสามีเกิดรู้ขึ้นมาว่า ดิฉันแอบไปเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึง โดยที่เขาไม่รู้ เขาก็โกรธมาก แล้วบอกให้ดิฉันเอาเงินมาคืน ที่บัญชีร่วมของเรา เขาบอกว่าเขาผิดหวังที่เราขโมยเงินของ"บ้าน"ไป.....          คุณคิดอย่างไรก็บอกกับสามีไปอย่างนั้นหล่ะค่ะ  บทเรียนมันสอนให้เราต้องปรับตัวและเตรียมพร้อม           ไม่ทราบว่าสามีคุณให้เงินมาจำนวนหนึ่ง หรือแยกแยะว่า ก.ส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวคุณ  ข. ค่าอาหาร  3.ค่าน้ำมัน 4. กิจกรรมลูก 5. ส่งให้พ่อ-แม่ ..            ถ้าเป็นแบบแรกก็ถือโอกาสขอให้เค้าแยกแยะมาเลยก็ดีค่ะ  คุณจะได้ยืนยันได้ว่าเงินที่เก็บก็คือเงินในส่วนของคุณเอง เขาจะมาว่าเราไม่ได้ว่าเอาเงินของ"บ้าน"ไป           ถ้าแยกแยะอยู่แล้วก็ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เก็บใบเสร็จใว้สร้างความเชื่อมั่น ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ...ตกลงกันว่าคุณซึ่งมีรายได้ด้วยจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านเท่าไหร่อย่างไร          บางบ้านอาจจะไม่ถือว่าเงินเขาเงินเธอนะคะ แต่จะมีแต่ เงินของเรา...แต่ในกรณีของคุณมีบทเรียนมาก่อนรัดกุมใว้ดีแล้วค่ะ ดิฉันเองก็แยะแยะรายการค่ะ มันช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียวหล่ะ รู้จักจัดการให้อยู่งบ(ที่จำกัด)ที่เรามีด้วย           ให้สามีคุณเลือกดูว่าจะ จะแยกแยะบัญชี เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย หรือ จะทำแบบเดิมซึ่งก็จะยังเคลือบแคลงสงสัยกันอยู่... เพราะถึงอย่างไรคุณก็จะยังเก็บเงิน(ในส่วนของคุณ)ใว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินอยู่ดี           ดิฉันเองก็ว่าจะเก็บ จะเก็บ แต่ยังไม่เหลือให้เก็บซะทีค่ะ..แฮะ แฮะ จากคุณ : แม่ขา - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 11:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณลูกแมง ดีใจด้วยนะคะ ที่ได้เงินเดือนขึ้น ตอนได้งานทำดิฉันก็ดีใจมากที่ได้เจอสังคม เพราะเลี้ยงลูกมาแต่เล็ก สนุกก็สนุก บางทีก็เบื่อ แล้วก็จะรู้สึกว่า ต้องมาใช้เงินสามี บางทีเมื่อก่อนเวลาทะเลาะกัน เขาก็ชอบจี้จุดอ่อนว่า ดิฉันไปใช้เงินของเขา ฟังแบบนั้นมันก็เจ็บนะคะ ตอนนี้พอทำงานหาเงินเองได้ด้วยก็เลยรู้สึกสบายใจ คุณแม่ขา เงินที่หามาก็ใช้ร่วมกันค่ะ ไม่มีบัญชีแยก ทั้งเขาทั้งดิฉัน ดิฉันได้เงินเดือนจากการทำงานก็เข้าบัญชีร่วมค่ะ ใช้บัตรเครดิตคนละใบ ใครจะใช้จ่ายอะไรก็ใช้ไปตามความเหมาะสม (อาจจะไม่ดีตรงนี้มั้งคะที่ไม่มีบัดเจ็ด) คาใช้จ่ายบ้าน ค่าใช้จ่ายของลูก กับข้าวก็เงินรวม แต่ส่วนมากดิฉันก็ใช้แบบพอประมาณ คิดๆก่อนใช้อยู่แล้ว ไปซื้อของให้ลูกก็เยอะกว่าของตัวเอง ที่กดๆเงินออกมาก็(แอบ)เก็บไว้ แต่พักหลังๆ ไม่ได้แอบแล้ว ใช้ไปหมด ถ้าจะแยกบัญชีใครบัญชีมัน นี่ถ้าต้องหารครึ่งค่าใช้จ่ายในบ้าน ดิฉันก็กลัวว่าจะไม่พอ เพราะสามีก็ได้เงินเดือนเยอะกว่าดิฉันอีกเท่าตัว เขาเคยบอกว่าถ้าจะแยกเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะเขารู้ว่า เขาไม่เสียเปรียบ เนื่องจากเงินเดือนเขาก็ไม่น้อย เขาวางแผนเก็บเงินสมำเสมอ จากคุณ : หนูนา - [ 27 มิ.ย. 52 00:03:30 A:82.235.55.246 X: TicketID:122545 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตรงใจเลยค่ะ ดีจังที่ได้เข้ามาอ่าน เรากำลังอึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ขอระบายด้วยคนนะคะ อาจยาวมาก แต่ไม่ออกแนวเครียด เรื่องเครียดๆของเรามันผ่านไปแล้ว แต่อยากให้คุณ จขกท. อ่านกรณีเราแบบขำๆ แล้วกันเนอะ :D กรณีเรา ครอบครัวก็คือครอบครัว แต่เราจะยึดความมั่นคงให้ตัวเองก่อน อย่างน้อยเราก็มีเงินเก็บ เหมือนเห็นแก่ตัวนะคะ แต่เราต้องรักตัวเองมาก่อนดีที่สุดค่ะ เรื่องที่คุณเก็บเงินไว้ โดยไม่บอก เราว่าไม่ต้องไปคิดมากเลยค่ะ มันเป็นสิทธิ์ที่คุณจะได้ คุณเสียสละอะไรมาเท่าไหร่ ยอมบินมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองด้วย คุณค่าที่เราเสียสละมันคิดเป็นเงินไม่ได้หรอก มันเยอะจะตาย :D เราอยู่ที่นี่ ไม่มีบัญชีค่ะ ไม่คิดเปิดด้วย เพราะไม่ได้ทำงาน แฟนก็ไม่เห็นความจำเป็นว่าจะทำไปทำไม เราก็ไม่คิดมาก เพราะไม่คิดจะอยู่เมกาหลายปี และตกลงกัน ว่าถ้าเรามาอยู่กับเค้า เค้าก็ต้องรับผิดชอบทางบ้านเราแทนเรา แต่ก็ไม่มากนะคะ ที่จริงทางบ้านเราไม่ได้อยากได้เงินหรอก แต่เราอยากได้ความมั่นคงที่เมืองไทย เราก็เลยอ้างให้เค้าดูแลพ่อกับแม่เรา อาจดูไม่ดีนะ แต่เราก็ให้พ่อกับแม่ตามวาระโอกาสอยู่แล้ว ในความคิดเราแค่อยากเห็นความรักผิดชอบของสามี ถ้าเค้าทำได้ เค้าก็น่าจะรับผิดชอบชีวิตเราได้ เพราะเราก็เสียสละอนาคตมาอยู่กับเค้าแล้วนี่น่า เราเองชอบโดนสามีข่มเรื่องที่ว่า เค้าพาเรามาอยู่สบาย การงานก็ไม่ต้องทำ อยู่บ้านเล่นแต่คอม นี่ถ้าเราไม่คิดว่านี่เป็นสามี จะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้นะ เราจะพูดไปเลยว่า เรากลับไปทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองเนี้ย ยังมีค่ามากกว่ามาอยู่ที่นี่เสียอีก อยู่แบบไร้ศักดิ์ศรี มาเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านนอก เลี้ยงหมา เลี้ยงแมว ถ้าเราไม่คิดจะมีครอบครัว เราทำงานหาเงินได้สบายๆ บินไปทั่วโลกแล้ว เพราะเราเสียสละ มาอยู่ที่นี่ เราก็ต้องยอมแลกกับอะไรหลายๆอย่างด้วย เราก็เลยไม่พูดคำนี่ออกไป ทั้งๆที่เราอึดอัดมากในตอนนั้น ตอนนี้ก็ไม่คิดมากแล้วค่ะ กลายเป็นเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาไปแล้ว  เพราะเหตุผลหลัก ที่ต่างคนต่างอยากมีครอบครัว ก็ต้องฝ่าความรู้สึกบางอย่างไปให้ได้ ที่สำคัญ สามีเป็นฝรั่งบ้ายอ เราดันเป็นพวกเย็นชาในตอนนั้น คือเค้าภูมิใจที่ได้ดูแลเรา แต่เรากลับคิดว่าเค้าดูถูกเรา ก็เลยเป็นเช่นนั้นแล บ้านแตกมา สามสี่รอบ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะ :) ตอนนี้ก็เลยรู้ว่า ถ้าเรายอนิดยอหน่อย เค้าจะรู้สึกว่าเป็นผู้นำ ภูมิใจที่ได้ทำอะไรๆให้เรา แล้วจะดูแลเทคแคร์ดีมาก แต่ต้องยอบ่อยๆ - -* :) เคยทะเลาะกับแฟนเรื่องเงิน ตอนที่เรามาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่เดือน แล้วความรู้สึกไม่มีเงินติดกระเป๋า มันกระอักกระอ่วนใจมาก ทั้งๆที่เราเองก็ไม่ได้ไปไหนนะ ไปซื้อของแฟนก็จ่ายทุกครั้งอยู่แล้ว แต่คนเคยมีเงินมันก็ตะหงิด ตะหงิดใจ ไม่รู้มีใครเคยเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย แถมแฟนยังยืมเงินเราไปจ่ายค่าจ้างคนทำระเบียงหน้าบ้านก่อน ตอนนั้นฉุกละหุกมาก พายุเข้า ถอนเงินสดไม่ได้ แล้วเค้าก็ลืมคืนเรา เราเองก็ลืมทวง แล้วก็ลืมกันไปทั้งสองคน แล้วเรื่องก็เกิดตอนที่เราบอกเราไม่มีเงินติดกระเป๋า เอาเงินมาให้เราหน่อย แค่ ร้อยเดียวเองนะ เค้าคิดว่าจะเอาไปทำไม อยู่แต่บ้านไม่ได้ใช้อะไร โห๋ ทะเลาะกันบ้านแทบแตกเลยค่ะ เราเองก็ลืมเรื่องเงินที่เคยให้ยืมไปก่อน กลายเป็นเราต้องไปขอเงินเค้า เราเนี้ย เจ็บใจมาก เกิดมาไม่เคยขอเงินใคร นอกจากพ่อแม่พี่สาว มีแต่ให้คนยืมเงิน แล้วมาโดนคำพูดว่า จะเอาเงินไปทำไรเนี้ย แค่คำนี่เองนะ แต่มันเจ็บสุดๆ เรากรี๊ดลั่นบ้านเลย ทะเลาะกัน 3วัน เราไม่คุย ไม่ทำกับข้าว(ที่จริงคนทำเป็นแฟน แต่เราก็ไม่กิน กับข้าวที่เค้าทำ - -*) ไม่สนใจ ตัวใครตัวมัน คิดเลยว่า กลับบ้านดีกว่า มาอยู่กับฝรั่งงี่เง่างี้ได้อย่างไร เหมือนช่วงวัดใจ สามีคงคิดได้มั้ง เค้าก็รีบทำบัตรเครดิทให้เรา เอาเงินให้เราติดกระเป๋า 200 ให้แบบทำหน้างง ว่าจะเอาเงินไปทำไรได้ ไปไหนก็ไปกับเค้า เค้าจ่ายตลอด เรานะ เหมือนเด็ก เหมือนคนเอาขนมมาล่อ พอได้เงินก็ยิ้มออกเลิกทะเลาะกัน แต่ก็ไม่วาย ยังอยากได้เงินอีก แฟนก็ให้มา ตอนนี้มีเงินติดกระเป๋าแค่ 500กว่าๆ เงินเย็นมากๆค่ะ อยู่มาเป็นปี ก็ยังเท่าเดิม T T แฟนจะเอาเงินให้อีก เราก็บอกไม่เอาหละ เอามาก็ไม่ได้ใช้ แต่รูดการ์ดนี้ถนัดหน่อย ชอบเอาไว้ซื้อของออนไลน์ แต่เค้าก็เช็คได้ เพราะเป็นบัญชีเค้า อย่างน้อยก็มีที่ให้เราระบายได้หน่อยค่ะ แต่ก็นานๆที เล่ามาตั้งนาน ไม่รู้จะแนะนำอะไรได้บ้าง แต่ขออย่างเดียวค่ะ ขอให้คุณ หนูนา เข้มแข็งนะคะ รักตัวเองให้มากๆ เงินเราเป็นของเรา เงินเค้าถ้ามันมาเป็นของเราได้ มันก็ต้องเป็นของเราค่ะ สิ่งที่เราเสียสละไป ก็ต้องเอามาคิดเป็นมูลค่าให้ได้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย อยู่เป็นครอบครัวกันแล้วจริง แต่ทำให้คุณเสียใจขนาดนี้ มันก็เกินไป เรายอมให้ข่มได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า เราคิดอะไรไม่เป็นเสียหน่อย ถ้าจะให้มาจ่ายอะไรๆเท่ากันมันก็เกินไป รายได้ไม่เท่ากัน แต่จ่ายเท่ากันเนี้ย ไม่แฟร์หรอก เป็นพ่อของลูก ก็ต้องรับผิดชอบทั้งลูกทั้งเมียด้วยค่ะ เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่า ทำไมต้องหารค่าใช้จ่ายในบ้านเท่าๆกัน ครอบครัวนะคะ สามีก็ต้องรับผิดชอบมากกว่าสิ (ขออนุญาตคิดในแบบเรานะคะ เพราะว่าเราเสียสละมาอยู่ที่นี่ ก็มากพอแล้ว ยิ่งถ้ามีลูกเนี้ย จะให้มาทำแบบนี้ ก็เกินไป) ผิดถูกอะไรขออภัยด้วยนะคะ เราเองก็กำลังอยู่ในช่วง หาวิธีรับมือ กับความรู้สึกแปลกๆ จากที่เคยมีเงิน แล้วต้องกลายมาเป็นแม่บ้าน มีเงินเย็นๆในกระเป๋าแต่ไม่ได้ใช้ จากคุณ : dcapar - [ 27 มิ.ย. 52 05:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะ ทุกความเห็นมีค่ากับดิฉันมาก คุณhamble pie, คุณตกตะกอน., คุณ ปูขาเก, คุณพริกน้ำส้ม, คุณLawanwadee, คุณlarata, , คุณพธูไทย คุณyinnerella คุณPoomPim..TMB คุณยุ้ยหัดเขียน คุณชบาไพร (Mme) คุณนิดเดียวเอง คุณกลางกรุง คุณลูกแมง คุณแม่ลูกสอง คุณแม่บ้านมือใหม่ คุณยังได้อยู่ คุณmrs.night owl คุณหมู (ตัว) อ้วน คุณGisele คุณแม่หมูสาว คุณอยากน่ารักน้อยกว่านี้ คุณแม่ขา คุณdcapar คุณdcapar ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ เท่าที่อ่านดูคุณเป็นคนที่ optimist แล้วก็มีความสุข มีเงินเย็นๆติดกระเป๋าไว้ก็ดีแล้วค่ะ แล้วมันก็จะงอกๆเงยไปเรื่อยถ้าไม่ได้ใช้ บางทีผู้ชายอาจจะพูดอะไรตรงๆแบบไม่ได้คิดอย่างละเอียดอ่อนเหมือนผู้หญิงก็ได้ จากคุณ : หนูนา - [ 27 มิ.ย. 52 14:53:47 A:82.235.55.246 X: TicketID:122545 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณหนูนา...ถ้าจะหารค่าใช้จ่ายก็ควรจะแบ่งตามเปอร์เซนต์รายรับนะคะ สามีมีรายได้มากก็ต้องแบ่งเข้ามามากซิคะ         อีกอย่างอยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำงานบ้านด้วยนี่ไม่สบายเลยนะคะ ของอย่างนี้ถ้าใครไม่เชื่อ ต้องท่าพิสูจน์ให้มาเลี้ยงลูกเองดูสักวันค่ะ...         เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : แม่ขา - [ 28 มิ.ย. 52 12:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดคุณจขกท นี้ แม่บ้านส่วนใหญ่เค้าก็ทำกันค่ะ รวมถึงดิชั้นด้วย ไม่ว่าสามีจะเป็นคนดี หรือคนนอกลู่นอกทาง  ภรรยาอย่างเราก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ  เค้าถึงเรียกว่า อนาคตไงค่ะ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้น เรามักจะไม่ค่อยรู้มาก่อน  เหมือนเรื่องเงินในบัญชีที่สามีคุณเจอค่ะ   เมื่อก่อนตอนอยู่ไทย ดิชั้นมีบัญชีรวมครอบครัว ซึ่งเป็นชื่อดิชั้นเพียงคนเดียว หลังแต่งงาน ข้าวใหม่ปลามัน พูดอะไรก็สวยงามไปหมด ดิชั้นก็เอาบัญชีตัวเองมาเสนอเป็นเงินเก็บครอบครัว บอกไปว่าเป็นบัญชีเปล่า ไม่ได้ใช้อะไร  สามีก็เออออตาม   หลังมาญี่ปุ่น ก็ขอเปิดบัญชีเป็นชื่อตัวเอง ก็บอกว่าเคยมีบัญชีมาก่อน มานี่ก็อยากมีเหมือนเดิม  สามีก็ตามใจ เห็นว่ามาอยู่ต่างแดน  อะไรยอมได้ก็ยอม  แล้วมันก็เลยตามเลย  ดิชั้นก็ได้ถือเงินครอบครัวทั้งหมด สามีเอาบัตรเอทีเอ็มเงินเดือนให้ถือค่ะ  สิ้นเดือนดิชั้นก็ถอนมาเก็บบัญชีตัวเองครึ่งนึงเลยค่ะ  ที่เหลือก็ค่าใช้จ่ายในบ้าน  แต่ก็อัพเดทสมุดให้สามีดูทุกเดือนค่ะ  ว่าเรามีเงินเก็บเท่าไหร่แล้ว  อิอิ เท่านี้ก็ดีใจแล้วค่ะ สามีดิชั้น ไม่ค่อยวุ่นวายเรื่องเงินเท่าไหร่ เป็นคนง่ายๆ ว่าไงว่ากัน  เรื่องเงินต้องทำให้ดูโปร่งใสไว้ก่อน  แต่ก็ต้องปลอดภัยและรอบคอบเหมือนกันค่ะ คุณจขกท. อยากจะยอมรับหรือเปล่าว่า แอบเก็บเงิน เพื่ออะไร ทำไม  ถ้ามั่นใจว่าบอกไปแล้ว รู้สึกไม่ดีทั้งคู่ไปใหญ่  ก็หาเหตุผลอื่นที่ดีๆกว่านี้ ที่ว่าทำเพื่อครอบครัวและลูก  อนาคตต้องใช้ไหมก็ไม่รู้ เกิดสามี หรือคุณเจ็บป่วย ต้องใช้เงิน จะดึงออกมาให้  ไม่ต้องไปพูดถึงว่าถ้ามีปัญหาหัวใจกัน จะทำไง  เพราะแบบนั้น คงโมโหไปกันใหญ่ค่ะ จากคุณ : Mnki - [ 30 มิ.ย. 52 14:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่งงานกับแล้ว ถ้าอย่า ก็ได้ ครึ่ง แล้วทำไมต้องเก็บเงินเป็นความลับด้วย ถ้าจะเก็บซื้อของ ที่แพง ๆ ก็จะบอกสามีจะได้ช่วยเราเก็บค่ะ เร็วดีด้วย จากคุณ : เล็ก (lekx) - [ 30 มิ.ย. 52 19:30:21 ]