PANTIP.COM : H8005038 ขอคำแนะนำเรื่องการเรียนต่อโท ด้านMarket และ Finance ที่ญี่ปุ่นค่ะ [@Japan]

ความคิดเห็นที่ 4

ทีแรกไม่ได้เข้ามาดูเพราะไม่รู้เรื่องสาย Marketing & Finance แต่คนข้างบนไปตามมาตอบ ^_^

อย่างที่บอก จริงๆก็ไม่รู้เรื่องของสายศิลป์เลยนะคะว่าจะเหมือนกับของสายวิทย์ไหม แต่ถ้าสายวิทย์ล่ะก็ ทุนมอนจะเจอได้สี่แบบใหญ่ๆค่ะ ลองๆดูนะคะเผื่อจะปรับใช้กันได้บ้าง

1. แบบ Embassy recommended อันนี้ก็คือ ที่สอบๆข้อเขียนและสัมภาษณ์กันในไทยล่ะค่ะ สมัครโดยผ่านสถานทูตของแต่ละประเทศ และจำกัดว่าคนเข้าสอบจะต้องอยู่เข้าสอบทุกรอบที่ประเทศ(ไทย)

ข้อดี
- จำนวนทุนเยอะ และมีการจำกัดเกรดไว้สูงเลยตัดคู่แข่งไปได้ไม่น้อยค่ะ
- พวกเอกสาร proposal ที่ส่งแน่นอนว่าควรทำให้ดี แต่ถึงไม่ดีมากก็ยังไม่เป็นไรเพราะมีข้อสอบและสัมภาษณ์เป็นตัวคัดหลักมากกว่า เอกสารนี่แค่ตัวประกอบ
- มาถึงญี่ปุ่นมีเวลาให้เรียนภาษา(และเที่ยวเล่น)ไปปีนึงเต็มๆ
- เวลาจะขอต่อทุนไปยังปริญญาต่อไป ก็ของ๊ายง่ายไม่ต้องสมัครอะไรใหม่เลย เห็นยื่นเอกสารอะไรไม่รู้นิดเดียวก็ได้ต่อกันทุกคนแล้วแต่ถ้ามีการสอบเข้าก็ต้องสอบให้ผ่านด้วยตัวเองอยู่ดีนะคะ (จำกัดเต็มที่สองปริญญาสำหรับทุนมอน)

ข้อเสีย
- ต่อให้มีโพรไฟล์ดีแค่ไหน เกรดสวยแค่ไหนก็ตาม ถ้าตกตั้งแต่ข้อเขียนก็ไม่ได้ไปต่อเลยค่ะ แล้วข้อสอบข้อเขียนนี่ลำบากหน่อย(สำหรับเรา) อย่างสายวิทย์ต่างคนต่างไปเรียนเฉพาะทางกันมาตั้งสี่ปี แต่ต้องมาสอบข้อสอบเดียวกัน ซึ่งบางทีก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่เรียนในมหาลัยเลย ย้อนกันไปถึงสมัยเรียน ม.ปลายโน่นแน่ะ
- ต้องสอบเข้ามหาลัยค่ะ อันนี้ถ้าสอบ entrance ไม่ผ่านเข้ามหาลัยไม่ได้ก็หมดค่ะ ไม่ได้เรียน กลับไทยเลย

2. แบบ University recommended อันนี้เท่าที่เห็นมาไม่รู้ไง มักอยู่คอร์สอินเตอร์(ที่เรียนจริงๆก็ไม่เห็นจะต่างกับคอร์สปกติตรงไหน) รับทีนึงประมาณสิบทุนโดยเปิดรับทั่วโลก เท่าที่เห็นมาทุนแบบนี้มักเปิดรับช่วงๆ กค ประมาณนี้ ถ้าได้ทุนนี้ก็จะได้มาเรียนเดือน ตุลา ปีถัดไป

ทุนมอนแบบนี้ทางมหาลัยจะเป็นคนตัดสินใจหลักค่ะ(ดังนั้นถ้าสงสัยอะไร ให้เมลไปถามทางมหาลัยและภาคที่เปิดรับสมัครโดยตรงนะคะ จะต่างกันไปในแต่ละมหาลัยและแต่ละภาคค่ะ) มหาลัยเลือกมาแล้วก็ยื่นเรื่องให้รัฐบาล ถ้าเราไม่ใช่คนมีประวัติมีติด blacklist อะไรแปลกๆที่ไหน รัฐบาลก็ให้ผ่านหมดล่ะค่ะ เพราะถ้ามหาลัยเลือกไม่ดีไปเอาคนหนีทุน ได้แล้วดันเปลี่ยนใจไม่มาขึ้นมา มหาลัยก็จะเป็นคนรับผิดชอบว่าปีต่อไปอาจโดนรัฐบาลลดโควต้าจำนวนทุนมอนแบบนี้ที่ให้กับทางมหาลัยนั้นๆค่ะ

การประกาศสมัครทุนนี้จะหลบๆซ่อนๆ หายากหน่อยนึง มักไปหลบอยู่ในเว็บของคณะ หรือ ภาควิชาที่ประกาศรับสมัคร ต้องใช้ความสามารถในการคุ้ยแคะหากันสักหน่อย และก็ไม่ใช่ว่าทุกคณะหรือทุกภาควิชาจะมีทุนนี้ให้หมด ส่วนใหญ่เท่าที่ฟังมาแต่ละมหาลัยมักมีทุนนี้ให้ แต่ใครจะหาเจอ และเจอแล้วใช่สายของเราไหมนี่อีกเรื่องนึง

ข้อดี

- เท่าที่เจอมาเกณฑ์ขั้นต่ำของเกรดบางทีก็น้อยกว่าสมัครทุนมอนแบบแรก ใครที่เกรดไม่ผ่านอันแรก อาจลองดูอันนี้ก็ได้เผื่อจะเข้าเกณฑ์สมัครได้

- เนื่องจากถ้าได้ทุนนี้ถือว่าเราผ่านการคัดเลือกจากมหาลัยแล้ว ดังนั้นไม่ต้องไปสอบเข้าตามปกติอีก เข้าเรียนได้ทันทีเลยไม่ต้องเรียนภาษาก่อน (ถึงอยากเรียนก่อนก็ไม่ได้เรียนอยู่ดี นอกจากบินไปเรียนเองด้วยเงินตัวเอง) แต่การคัดเลือกจากมหาลัยนั้น ก็ต่างกันไปในแต่ละมหาลัย และภาควิชาด้วยค่ะ บางที่ก็ให้ตอบคำถามยาวๆเรื่องแนวทางการวิจัยทางอีเมล บางที่ก็โทรทางไกลมาสัมภาษณ์ บางที่มีการจับเวลาให้ทำข้อสอบทางไกลผ่าน skype กันเลย

- เท่าที่เจอมา ทุนนี้อยู่กับคอร์สอินเตอร์หมดเลย ดังนั้นเอกสารทุกอย่างทำเป็นอังกฤษ ยื่นคะแนนพวก TOEFL, GRE (สำหรับสายวิทย์)

- คนโพรไฟล์สวยหรู ที่ไม่ถนัดทำข้อสอบของทุนมอนแบบแรก จะได้เปรียบในแบบนี้ ยิ่งทำเอกสารดีๆด้วยล่ะก็ โอกาสลุ้นยังมากกว่าแบบแรก

ข้อเสีย

- ทุนนี้บางมหาลัย จะบังคับให้เราต้องได้รับการตอบรับจากอาจารย์ที่ปรึกษาซะก่อนถึงจะสมัครได้ หาแล็บรับไม่ได้ก็อดตั้งแต่ต้น แล้วถ้าเลือกอาจารย์แล้วนี่จะมาทิ้งแล้วเปลี่ยนไปแล็บอื่นเหมือนทุนมอนแบบแรกไม่ได้ เลือกแล้วเลือกเลย (คือ ทุนมอนแบบแรก แต่ก่อนมีเยอะติดต่อหาแล็บนึงที่ได้ง่ายๆหน่อย เอาไว้บอกตอนสัมภาษณ์ว่ามีแล็บแล้ว แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ทิ้งไปหาแล็บอื่นเฉย)

- ต้องทำเอกสารเยอะมากๆ และส่วนใหญ่ทุนแบบนี้ ไม่(ค่อย)มีข้อเขียนหรือสัมภาษณ์แบบซึ่งๆหน้า ดังนั้นโพรไฟล์และเอกสารต้องทำให้ดีที่สุดและละเอียดที่สุด ไม่งั้นจะสู้คนอื่นไม่ได้ เรียกว่า เอกสารคือตัวหลักเลยสำหรับทุนแบบนี้

- การแข่งขันสูง ยิ่งมหาลัยดังยิ่งยาก (กลับกันถ้ามหาลัยไม่ดังอาจมีสิทธิได้มากกว่า) เพราะคนสมัครแข่งกันมาจากทั่วโลก แต่ให้ทีแค่สิบทุน (ที่มหาลัยเรา เค้าจะพยายามจำกัดว่าไม่เอาคนจากชาติเดียวกันเกิน 2 คนด้วย)

- (อาจจะแล้วแต่มหาลัยด้วย) เวลาจะต่อทุนไปยังปริญญาถัดไป จะต้องสมัครใหม่ตั้งแต่ต้นเลย คือ ไปลุ้นกันใหม่อีกรอบ ทำเอกสารใหม่ทั้งหมด (แต่พวกคะแนน TOEFL, GRE ใช้ของเก่าได้ และเป็นเด็กเก่ายังไงก็ภาษีดีกว่า)

- ที่เคยเห็นมาสามมหาลัยของสายวิทย์ ทุนนี้จำกัดว่าคนขอต้องเป็นคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเท่านั้น (บังคับว่าต้องสมัครจากต่างประเทศ ส่งเอกสารทาง DHL ทำนองนั้น) ยกเว้นแต่เคสพิเศษของคนที่ได้ทุนนี้อยู่แล้วจะสอบต่อทุนไปยังปริญญาต่อไป อันนี้หยวนได้ว่าอยู่ญี่ปุ่นก็สมัครได้ ถ้าเรียนภาษาอยู่ญี่ปุ่นคงต้องลองถามทางมหาลัยที่เปิดรับสมัครอีกทีว่าเคสอย่างเรานี้จะสมัครได้ไหม

3. อันนี้ไม่รู้จะเรียกว่าไง แต่เป็นทุนมอนที่ให้ประมาณ 2 ทุนสำหรับเด็กต่างชาติที่สอบผ่านเข้ามาเรียนในมหาลัยแล้ว แต่ยังไม่มีทุนการศึกษา (ก็คือ สอบผ่านแล้ว จ่ายค่าเทอมเทอมแรกเข้ามาเรียนได้ด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่ไม่มีทุน)

ข้อดี
- ถ้าฟลุคขึ้นมาก็ได้ทุน จ่ายเองก็แค่เทอมแรก

ข้อเสีย
- โอกาสได้ยากสุดๆ ส่วนใหญ่ก็คือสมัครเผื่อไว้ หวังฟลุคกันซะมาก ได้ยินว่าคนจีนกวาดไปทุกปี

4. อันนี้นี่ล่าสุด น้องที่แล็บที่พลาดจากแบบที่ 2 ได้มา แต่อันนี้ไม่มีข้อมูลจริงๆว่าได้มายังไงเพราะอาจารย์เป็นคนหามาให้(แต่ก็ทุนมอนนะคะ) เอกสารกรอกเป็นญี่ปุ่น แต่นอกจากนั้นไม่ค่อยต้องส่งเอกสารอะไรเลย มาถึงญี่ปุ่นก็สภาพก็เป็นนักศึกษาวิจัยเหมือนทุนมอนแบบแรก และต้องสอบเข้ามหาลัยด้วยตัวเองอยู่

น้องเค้าเองก็ได้มาแบบงงๆไม่ค่อยรู้ที่มาที่ไปเหมือนกันว่าอาจารย์ไปหามาจากไหน แบบนี้นี่ต้องคนที่ถูกใจอาจารย์จริงๆ และอาจารย์อยากได้จริงๆนั่นล่ะค่ะ

เท่าที่รู้ก็มีแค่นี้ล่ะค่ะ ถ้าเกิดมีอาจารย์มีแล็บที่เล็งไว้แล้วก็ลองติดต่ออาจารย์ดูก่อนก็ดีค่ะ ถ้าอาจารย์ถูกใจเราขึ้นมาล่ะก็อะไรๆก็ง่ายค่ะ ญี่ปุ่นมีทุนซุกซ่อนอยู่เยอะ อาจารย์อยากได้เราไปทำวิจัยด้วย เดี๋ยวเค้าก็จะช่วยหาทุนให้ค่ะ เราเห็นมาหลายคนแล้วที่พลาดจากทุนนึง แต่ก็ได้อาจารย์นี่ล่ะค่ะหาทุนอื่นมาให้แทน ไม่จำเป็นต้องทุนมอนก็ได้ (แต่บอกตามตรงว่าทุนสายศิลป์หายากและได้ยากกว่าทุนสายวิทย์จริงๆล่ะค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 52 00:08:42
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 22:33:56

จากคุณ : White Amulet - [ 23 มิ.ย. 52 22:20:25 ]