บทสรุป โรบินฮู้ด
ราว ๆ หนึ่งปีผ่านไปได้ หลังจากน้องฟ้ากลับไปแล้ว
ผมเก็บเงินได้สักก้อนแล้ว คิดว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับเมืองไทย
เหตุการณ์ที่ผมไม่เคยคิดอยากจะให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น
มันเป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย และน่ากลัวสำหรับผม
ช่วงนั้นผมย้ายไปทำงานที่ร้านอาหารในตัวเมืองชิคาโก้
เพราะว่ารายได้ดีกว่าทำงานอยู่นอกเมือง
มันคงถึงเวลาของผมด้วย เวลาที่ผมจะได้เรียนรู้ว่า
คนทำผิดก็คือคนทำผิด เพราะตลอดเวลาที่
ผมเป็นโรบินฮู้ดในอเมริกา
ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าผมทำผิดอะไร
แล้วก็ไม่เห็นมีใครมาจับผมเลย
เขาก็ให้ผมอยู่ และใช้ชีวิตปกติอย่างคนทั่วไป
เรื่องมันมีอยู่ว่า ร้านที่ผมทำงานมีพนักงาน
ที่เป็นโรบินฮู้ดเหมือนผมเกือบทั้งร้าน
มีคนที่มีใบ(เขียว) หรือถูกต้องแค่เจ้าของร้าน
(อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว) กับพ่อครัวเท่านั้น
นอกนั้นผู้ช่วยกุ๊กหรือเด็กเสริฟ์ก็เป็นโรบินฮู้ดเหมือนผม
หรือไม่ก็วีซ่านักเรียนแอบมาทำงาน
ความซวยมันก็เข้ามาตอนที่เจ้าของร้านเขาไปทะเลาะ
กับเจ้าของร้านอาหารอีกร้านหนึ่งที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
แล้วใครจะคิดว่าคนไทยด้วยกัน
จะทำกันได้ถึงเพียงนี้ เจ้าของร้านอีกร้าน
เขาก็โทรไปแจ้งทางอิมมิเกรชั่นว่า
ร้านที่ผมทำงานมีคนจ้างแรงงานเถื่อนอยู่
มีพวกที่ลักลอบอยู่อย่างผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่จากอิมมิเกรชั่นก็มาตรวจสอบซิครับ
จริง ๆ ก็คือ เขามาตรวจสอบก็โทรมาแจ้งก่อน
เพราะงั้นเจ้าของร้านก็บอกพวกผมว่า
ไม่ต้องมาทำงานนะวันนี้ จะมีคนมาตรวจ
ผมก็คิดว่ารอดแล้ว คงไม่มีอะไรแล้ว
วันต่อ ๆ มาก็ไปทำงานปกติ
จนกระทั่ง ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าหมู่นี้
มีรถแปลก ๆ มาจอดแถว ๆ หน้าร้านผมบ่อย ๆ
แล้วเหมือนมีใครมาสุ่มดูอยู่
เป็นอย่างนั้นอยู่ราว ๆ หนึ่งเดือน
แล้วมันก็เกิดขึ้นวันที่ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
มีเจ้าหน้าที่บอกว่ามาจากอิมมิเกรชั่น
มาขอจับผม เขายื่นหมายจับให้ผมดู
มีชื่อผมอย่างถูกต้อง
แล้วผมก็ถูกนำตัวไป
ในใจผมกลัวมากจริง ๆ ตอนนั้น
คิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรจะทำอย่างไรดี
ผมนั่งอยู่ในรถ เป็นผู้ต้องหาที่ถูกคุมตัว
ด้วยอาการหายใจไม่ออกจริง ๆ
ผมก็พอมีสติอยู่บ้าง ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองเต้น
บอกตัวเอง ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ นึกว่าจะทำอย่างไร
นึกถึงที่เพื่อนผมเคยบอกว่า หากถูกจับก็ไม่ต้องกลัว
สามารถประกันตัวออกไปได้
แล้วก็ตามหลักก็คือต้องไปสู้กันต่อที่ศาล
แต่ถึงผมรู้อย่างนั้นมาตลอด แต่ผมก็ยังกลัวอยู่ดี
ในใจเต้นระรัว คิดว่าอีกไม่นานจะกลับบ้านอยู่แล้ว
ไม่น่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเลย ผมคงจะทำชั่วไม่ได้จริง ๆ
ผมถูกเจ้าหน้าที่จับตัวไป
ก่อนที่จะกักขังเขาก็ทำการสอบปากคำผม
ตัวผมเองไม่ได้ตอบอะไรเลย
ผมบอกอย่างที่เพื่อนเคยบอกมาว่า
ผมจะไม่ตอบอะไรจนกว่าทนายจะมา
แล้วเขาก็นำตัวผมไปกักขังไว้ก่อนในคุก
รวมกับนักโทษคนอื่น ๆ ตอนนั้นผมกลัวมาก ๆ
กลัวจริง ๆ ผมโทรไปหาเพื่อนผม (อดีตเคยเป็นนายจ้างผม)
บอกว่าตอนนี้ผมถูกจับ แล้วผมมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง
ให้ช่วยมาประกันตัวผมออกไปด้วย
ในระหว่างที่ยังไม่ได้ประกันตัวออกไป
ผมก็ต้องถูกกักขังรวมอยู่กับคนอื่น ๆ
ในห้องขัง (ที่เรียกว่าคุก) ผมกลัวจริง ๆ
ในห้องนั้นพี่มืดอยู่สองคน แล้วก็มีเม็กซิกันอยู่หนึ่งคน
พวกนั้นมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ
เขาน่ากลัวจริง ๆ ผมนั่งเงียบ ๆ
พยายามไม่สบตา ไม่มอง
เพราะไม่รู้ว่าพวกนั้นจะทำอะไรผมหรือปล่าว
เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดแล้วในชีวิต
สิ่งเดียวที่ผมคิดคือ ผมอยากจะกลับเมืองไทยแล้วตอนนี้
ไม่เอาอีกแล้ว ชีวิตโรบินฮู้ด
กลับไปเมืองไทย ไปทำอะไรก็ได้
ที่ผมสามารถเดิน หรือไปไหนมาไหนได้อย่างสิทธิเสรีภาพ
หลังจากผมถูกขังไว้ในห้องขัง
เพื่อนผมก็มาประกันตัวผมออกไป
เพื่อนผมคนนี้เขาเป็นพลเมืองของอเมริกาแล้ว
เพราะงั้นขั้นตอนในการประกันตัวก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก
(เกือบลืมตัวเรียกเพื่อนโรบินฮู้ดมาประกันตัวแล้วเชียว เหอะ ๆ)
ผมรู้สึกโล่งมาก ๆ อย่างน้อยผมก็ได้ออกมาจากห้องขัง
คิดว่าอีกไม่นานจะกลับบ้านอยู่แล้ว
ไม่น่าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นเลย
จากนี้ไปผมคงต้องกลับบ้านแล้ว
ผมคิดในใจ ตอนนั้นมันมีทางเลือกสองทาง
คือผมสู้คดี จ้างทนายแล้วสู้คดีต่อในศาล
หรือผมเดินทางกลับบ้านไปเลย ถ้าผมสู้คดี
ผมชนะ ผมก็อาจจะได้วีซ่าทำงานให้อยู่ต่ออีกราว ๆ หนึ่งปี
แต่มันก็ยังไม่แน่ว่าจะชนะ เพราะถ้าแพ้ก็เสียเวลา
เสียเงิน แล้วก็ต้องถูกเนรเทศออกไปอยู่ดี
แต่ถ้าชนะ ก็ต้องจ่ายภาษี จ่ายค่าทนาย ฯลฯ
อีกทางคือ เดินทางออกนอกประเทศไปเลย
ไม่ต้องกลับมาเหยียบอเมริกาอีกต่อไป
แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกกลับประเทศไทย
ผมคิดว่าผมเพียงพอแล้วกับบทสรุปชีวิตของโรบินฮู้ด
ผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาจากคนที่ทำงานไม่เป็นเลย
ทำงานกรรมกร หนัก โหด
แต่ผมก็ได้เติบโตและเรียนรู้ชีวิตอีกมากมายแล้ว
ผมควรจะกลับบ้านได้แล้ว
แม้ว่าเงินเก็บที่เหลือจะไม่มาก
อาจจะไม่พอตั้งตัวได้เลย
คงต้องหางานทำเป็นลูกจ้างที่เมืองไทยต่อไป
แต่ผมก็คงจะภูมิใจกับมันมากกว่า
เพราะผมสามารถไปไหนมาไหนก็ได้
ไม่ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ มีเงินก็ไม่มีบัญชีธนาคารฝาก
ผมที่ครั้งหนึ่งต้องเผชิญกับความหวาดกลัว
ได้เรียนรู้แล้วว่า คนเราทุกคนหากทำสิ่งใดไว้
ท้ายที่สุดวันหนึ่งก็จะต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้น
ขึ้นอยู่กับว่ามันจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
ผมเดินทางกลับเมืองไทยด้วยความรู้สึก
ที่บอกไม่ถูก ได้เวลาบอกลาอเมริกาแล้ว
ประเทศมหาอำนาจ ความใฝ่ฝันของผู้คนมากมาย
ผมกับเวลาที่สูญเสียไปหลายปี ได้แต่รู้สึกว่า
หากผมย้อนเวลาได้เมื่อห้าปีก่อน
ผมจะตัดสินใจกลับเมืองไทย ผมจะไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่
หากผมกลับเมืองไทย ผมก็สามารถเริ่มต้นหางานทำ
เรียนรู้ เติบโตได้เช่นกัน ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับคน
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่เลย
มันก็เป็นเพียงข้อแก้ตัวที่ผมสร้างขึ้น
หากผมกลับเมืองไทยแล้วผมจะทำอะไร
ผมก็เป็นคนมีสองมือเช่นกัน
ทำงานสุจริตได้มากมายที่เมืองไทย
สิ่งที่ทำให้ผมคิดได้อย่างนี้ก็เพราะว่า
หลังจากที่ผมกลับมาเมืองไทยแล้ว
ผมได้ทราบจากพี่ชายของผมว่า
แม่ของผมป่วยเป็นโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย
ท่านป่วยเป็นมะเร็งมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และย้ายมาอยู่กับพี่ชายผม
ที่เมืองไทยได้สักระยะแล้ว
แต่ว่าแม่บอกพี่ชายผมว่า ไม่ต้องบอกผมเพราะว่า
ไม่อยากจะให้ผมกังวล แล้วต้องบินกลับมา
ผมได้มีโอกาสบินไปพบแม่ครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะจากไป
ผมเสียใจมาก ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าผมได้ตัดสินใจผิดไปจริง ๆ
หากผมอยู่ประเทศไทย
ผมก็คงจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตดูแลท่านในช่วงสุดท้าย
ผมที่ไม่เคยแม้แต่จะทำอะไรดี ๆ ตอบแทนท่านเลย
แม้กระทั่งวินาทีสุดท้าย
ผมทำได้ก็แค่กราบลงที่เท้าของท่านก่อนที่
ท่านจะหมดสิ้นลมหายใจจากผมไป
ตอนนี้ผมคิดได้แล้วว่า ผมที่เสียเวลาไปนานหลายปีกับการใช้ชีวิตอย่าง
โรบินฮู้ด ที่อเมริกา มันคุ้มค่าแล้วเหรอกับสิ่งที่ได้มา
สิ่งที่ผมควรทำคือ ผมควรจะมีโอกาสได้อยู่กับแม่
และใช้ชีวิตดูแลท่านบ้าง เวลานี้ผมคิดถึงท่านมาก
แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
ผมจากประเทศไทยไปโดยที่ผมไม่มีอะไร
และเมื่อผมกลับมาผมก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยเช่นกัน
ทองที่ใคร ๆ เคยพูดว่าจะขุดมันกลับมา
ผมก็ไม่ได้มันกลับมา ผมต้องมาเริ่มต้นใหม่
นับหนึ่งใหม่อีกครั้ง สูญเสียเวลา สูญเสียบุคคลที่รัก
สุดท้าย ผมก็ต้องเริ่มต้นใหม่
แต่คราวนี้ผมสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อย่างภาคภูมิใจ
ไม่ว่ามันจะหนัก หรือว่าจะมีอุปสรรค
ความลำบากอันใดรอผมอยู่ ผมก็ไม่กลัวอีกต่อไป
เพราะว่าผมสามารถเชิดหน้าทำสิ่งใดก็ได้
ภายใต้พื้นแผ่นดินไทย ประเทศบ้านเกิด
เมืองนอนของผมเอง
แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 06:03:59
แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 00:48:37
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 52 23:11:08