ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจะไปแจ้งตำรวจหรือขอความช่วยเหลือ ก็ควรจะมีหลักฐานการรับจ่ายเงิน4500 บาท หรือคุณแอบอัดเสียงหรือวิดีโอ ตอนเจรจากัน แล้วที่ว่า ส่งเป็น  DHL  ถึงมันจ่ายแพงหน่อย  แต่มันโอเค นั้น ก็ไม่แน่หรอกนะ เพราะพี่สาวไม่ได้ไปรับเอง อาจต้องเสียภาษีกันเท่าไร ก็ไม่รู้ หรือเขาอาจไม่ยอมให้ของออก พวกเราส่วนใหญ่ ก็ไม่อยากให้มีการโกงกินกัน แต่บางคนอยากสบาย เปิดช่องให้เขา ยอมเขา เรื่องจึงเกิดขึ้น ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟัง จะได้รู้กันเป็นบทเรียน ลองไปร้องที่สื่อ แล้วช่วยบอกด้วยนะ ว่าที่ไหนเขาลงให้ และได้ผลเป็นอย่างไร จากคุณ : ธนิตา - [ 27 มิ.ย. 52 02:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอบสั่นๆว่า ถูกหลอก ถูกโกง ให้ข้อคิดอย่างนึงว่า เรื่องเงินอย่าจ่ายง่ายๆ บอกว่าไม่มีเงินพอ ขอคิดดูก่อน จะแจ้งความก็ได้ค่ะ หรือจะโทรไปบลัฟคนกลุ่มนั้นก็ได้ว่า พี่สาวต้องการใบเสร็จให้ครบถ้วนเพื่อหักภาษี หรืออะไรก็แล้วแต่ ดูสิว่าเขาจะทำอย่างไร จากคุณ : ตาน - [ 27 มิ.ย. 52 03:40:53 A:94.225.25.156 X: TicketID:019698 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช้าก่อน เป็นไปได้ที่เจ้าของหากอยู่ต่างประเทศนานได้รับการยกเว้นภาษีบางอย่าง ส่งมาแบบนี้เขาก็เก็บภาษีตามปกติ แต่แปลกที่มีใบเสร็จเสียภาษี 800 บาท แต่เรียกเก็บหกพันห้า ถ้ารับของมาแล้ว ค่อยกลับไปทวง ถ้าเขาไม่ให้ขู่ว่าจะเอาเรื่อง ถ้าเขาไม่ให้จริงๆก็คงยากเพราะคุณไม่มีหลักฐาน จากคุณ : อิสวาสุ - [ 27 มิ.ย. 52 03:56:59 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อกรกับพวกนี้ลำบากคะ มีทางเดียวว่าอย่าไปยุ่งกับแก๊งค์พวกนี้ เมื่อ สิบกว่าปีก่อน เคยส่งของทางเรือกลับบ้านที่เมืองไทย ส่งไป ๕ ลังใหญ่ แบบตีกล่องไม้ด้วย กว่าจะได้ของครบทั้งหมด เหนื่อยใจ เสียไปหลายต่อ ดูยุ่งยากวุ่นวาย ถ้าคุณจะไม่จ่ายเงินให้พวกนี้ง่าย ๆ ๔ ลังแรก หลุดออกมาได้ ส่วนลังสุดท้าย อยู่ในอีกโกดัง เค้าตีเป็นของเสียหาย เพราะลังแตก (แต่จากสภาพเหมือนแหกหาสมบัติ) ของข้างในแทบไม่เหลือซากอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตอนนั้นมีกางเกงลีวาย์ หอบกลับมาก็หายไปหมด ไม่รู้จะโทษใคร เพราะมองไปรอบ ๆ คงจะพูดอะไรไม่ได้ พูดมากไปเดี๋ยวกลับบ้านอาการจะไม่ครบถ้วนเอา เลยคิดซะว่า เป็นการเสียค่าโง่ไปละกัน ครั้งหน้า ถ้ามี คงจะติดต่อ หาคนรู้จักที่ใส่สีกากี พาเข้าไปเอาของด้วย ดูซิว่า พาคนในเครื่องแบบเข้าไปด้วย จะมีค่าอะไรที่ไม่สามารถเดาได้เพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า ทำใจซะว่า เป็นการซื้อบทเรียนละกันคะ ขอบคุณที่บอกต่อ ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ยังมีอยู่ และจะมีต่อไปอีกนาน จากคุณ : แม่ไข่หก - [ 27 มิ.ย. 52 05:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยโดนมาเหมือนกัน พวกนี้ทำงานเป็นขบวนการ ได้แต่เจ็บใจมากกกก ตอนน้องสาวเรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทย เราก็เตือนเขานะ พอดีเขามีคนรู้จักที่สามารถพาเข้าไปเอาของโดยไม่เสียซักสลึง ได้ของครบถ้วนทุกประการ ไม่นึกว่าผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังแย่เหมือนเดิม เห็นใจเจ้าของกระทู้ จากคุณ : หัวอกเดียวกัน - [ 27 มิ.ย. 52 06:07:21 A:121.219.132.127 X: TicketID:188044 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ควรขอใบเสร็จตั้งแต่จ่ายเงินไป ตอนนี้ไม่มีใบเสร็จจ่ายเงินจำนวนนั้น ฟ้องร้องก็ยาก เพราะไม่มีหลักฐาน จากคุณ : JidNince - [ 27 มิ.ย. 52 07:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เงิน เงิน เงิน และก็เงิน เป็นเหมือนกันหมดทุกวงการ ..... จากคุณ : ป้ามะลิกับลุงมะระ - [ 27 มิ.ย. 52 07:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอโหวตกระทู้นี้ คนไกลบ้านจะได้เห็นกันเยอะๆ ช่วยเตือนกันต่อๆไป จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 27 มิ.ย. 52 11:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่เราทราบ 1 ถ้าไม่มีพาสปอร์ต ก็รับของแทนกันไม่ได้ (ยกเว้น จนท จะอนุญาต) เพราะเคยมีกรณีที่มีคนเอาสำเนามารับของเอง ปรากฏว่าไม่ใช่เจ้าของ เพราะเจ้าของก็มาติดต่อรับอีกที เลยเป็นคดีฟ้องร้องกัน 2 ถ้าของติดคลังอย่างที่เขาบอกคุณ จะมีใบเสร็จค่าเสียของคงคลังด้วยค่ะ เราเคยมาแล้ว จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน - [ 27 มิ.ย. 52 15:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จะบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ ขนาดเราไปรับด้วยตัวเองยังโดนไป  2800 เป็น "ค่าดำเนินการ" ไม่มีใบเสร็จใดๆทั้งสิ้น หลายๆคนแนะนำมาว่า อย่างอแง อย่าเถียง อย่าต่อราคา .. ยิ่งคุยราคายิ่งขึ้นค่ะ ทางเดียวที่จะเอาของออกมาได้โดยไม่เสีย "ค่าดำเนินการ" คือต้องมีเส้นสาย มีคนรู้จักที่สามารถอ้างถึงได้ จากคุณ : dekhype - [ 27 มิ.ย. 52 15:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โดนสวะ กัดกินซะแล้ว จากคุณ : SPORTERO - [ 27 มิ.ย. 52 16:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ : ยุ้ยหัดเขียน ลืมไป ของผมก็เช่นกัน ไม่มีพาสปอร์ต เขาไม่ยอม เว้นแต่เจ้าหน้าที่จะอนุญาต (จากเรื่องข้างบน ผมดันไปเข้าใจว่าข้างบนนี้เขาส่งมาถึงผู้ไปรับ) จากคุณ : อิสวาสุ - [ 27 มิ.ย. 52 18:33:10 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คนที่จะส่งของกลับบ้านควรศึกษากฏระเบียบเองด้วย อยู่ต่างประเทศเกิน 1 ปี ส่งของกลับเมืองไทยได้รับยกเว้นภาษี แต่ในเมื่อไม่มี passport ไปสำแดง ก็เลยโดนค่าใต้โต๊ะ จากคุณ : Lost Creek' - [ 27 มิ.ย. 52 18:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมมมม..... เรื่องแบบนี้มีทุกวงการจริงๆด้วย ป้าลิฯ ช่วยโหวตค่ะ จากคุณ : BluemirroR - [ 27 มิ.ย. 52 18:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใครรู้จักวงการมืดนี้ช่วยเปิดโปงหน่อยครับ จะได้ระวังกัน จากคุณ : ชาติ 4300 - [ 27 มิ.ย. 52 20:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ในอเมริกา มีค่า "หากินพิเศษ" จากพวกบริษัทโกดังขนส่ง เหมือนกันค่ะ... ตอนนั้นดิฉันโดนขูดเงินจนไม่มีเงินค่าน้ำมันขับกลับนิวยอร์ค ต้องอ้อนวอนขอร้องให้มัน (บริษัทโกดังอเมริกัน ในนิวเจร์ซี่) ให้เงินเราคืนมา สิบดอลฯ เพื่อเอาไปเติมน้ำมัน จากแคลิฟอร์เนีย และ ในนิวเจอร์ซี่... คิดค่าแรงพิเศษอีกริษัทละ ๕๐ ดอลฯ เป็ฯของที่แม่ส่งจากเมืองไทยมานิวยอร์ค โดยบริษัทคนไทย ที่ครอบคลุมหมดแล้วว่าของ ต้องส่งมาถึงบ้าน.... แต่เมื่อของมาถึงท่าเรือในทางแคลิฟอร์เนียแล้ว.... บริษัทอเมริกันในแคลิฟอร์เนีย คิดบวกเพิ่มกันเป็น "รายทาง" ว่าต้องคิดเพิ่ม เมื่อเรือจะมานิวยอร์ค .... สองสามอาทิตย์ต่อมา... ของไปถึงท่าเรือโกดังเก็บของในนิวเจอร์ซี่.... บริษัทโกดัง มันส่งบิลมาเก็บเพิ่ม รายวัน ทันทีที่ของไปถึงโกดัง ปรากฏว่าของไม่ส่งมาที่บ้าน ดิฉันกับสามีต้องขับรถไปนิวเจอร์ซี่กัน เพื่อไปรับของ.... พอไปถึง บริษัทมันเอาของไปวางไว้กลางบริเวณโกดัง และบอกว่า ถ้าต้องการของ เราต้องเสีย "ค่าแรง" ในการให้คนเอารถเข็นมาวางกองของที่หน้าโกดัง มันไม่ให้เราเดินเข้เไาปเอาของ ทั้งๆที่ของวางห่างไปไม่กี่ฟุต แต่มันบอกว่า ของอยู่ในโกดัง ยังไม่ออกมาจากโกดัง เราต้องจ่ายให้มัน ๕๐ ดอลฯพิเศษ... ไม่งั้นก็จะไม่ได้ของ มันเอาเงินที่เราเตรียมไปฉุกเฉินไว้เติมน้ำมัน... เรียกเอาไปหมดเลย เราอ้อนวอนขอให้มันลดค่าแรงลง.... มันไม่ยอม มันบอกว่า เป็นกฏของ "ยูเนี่ยน" ที่พวกมันควรได้ค่าแรงพิเศษในการออกแรง ในที่สุดมันใ้หมาสิบดอลฯคืนเรามา เมือ่เราพิสูจน์ว่าไม่มีเงินเลยสักดอลฯ เพื่อขับกลับบ้าน จำได้ีดว่า ตอนนั้นการปฏิบัติของคนพวกนั้นของบริษัทโกดังเหมือน "นักเลงขู่กรรโชกทรัพย์" ไม่มีความสุภาพกับลูกค้า เพระามันถือว่ามันได้ต่อตรงที่ของยังอยู่ในโกดัง จากคุณ : JidNince - [ 27 มิ.ย. 52 21:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ปรากฏว่าของที่แม่ส่งมาให้.... ค่าระวางขนส่งตั้งแต่เมืองไทย และถูกขูดเงิน รายทางมาตลอด.... แพงกว่าของที่แม่ส่งมาให้อีกมากมาย จากคุณ : JidNince - [ 27 มิ.ย. 52 21:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยเจอมาเหมือนกัน  พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ทั้งพวกเอเจนซี่ ทั้งพวกเจ้าหน้าที่ข้างใน ร่วมมือกัน ถ้าจะำปรับของเดินโทงๆ ไปเฉยๆ โดนเชือดทั้งนั้นแหละ ท่าโน้นท่านี้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมคุยด้วย ไม่แนะนำอะไรทั้งนั้น  จะต้องให้เราติดต่อกับพวกเอเจนซี่แถวนั้นอย่างเดียว เพื่อให้เค้าทำเรื่องให้เราให้ได้  เซ็งมากกกกกกกกกกก ทำไงเราจะฟ้องร้องพวกนี้ได้นะ  อยากขุดรากถอนโคนพวกนี้จริงๆเลย จากคุณ : มาม่าน้ำข้น - [ 27 มิ.ย. 52 23:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เคยโดนเหมือนกันส่งจากเมืองไทยมาฝรั่งเศส เรื่องนี้ด้วยความไม่รุ้เลยใช้บริการชิปปิ้งส่งของทางเรือ (ไม่รู้ว่ามีส่งของทางเรือทางไปรษณีย์) ค่าส่งตอนแรกแปดพันที่เมืองไทยแต่ต้องไปรับของที่ท่าเรือเอง ปรากฏว่าไม่รู้เรื่องเอเย่นต์ปลายทางยังงัยของส่งไปท่าเรืออีกท่า ที่นั่นก็ทำเรื่องให้ช้าทำให้เราต้องเสียค่าปรับที่ของอยู่ในโกดังนานไปหนึ่งเดือน (เนื่องจากไม่แจ้งค่าใช้จ่าย แล้วเราก้ไม่รู้ว่าถ้าช้ามีค่าปรับด้วย) เขาบอกถ้าไม่จ่ายจะไม่ส่งของมายังท่าเรือใกล้บ้านเรา แล้วบริษัทนั้นมันก็แจ้งว่าให้มันดำเนินการเรื่องรับของปลายทางกะกรมศุลฯ ให้มัน มันคิดร้อยยูโร แบบไม่มีใบเสร็จ และร้อยห้าสิบแบบมีใบเสร็จ แต่พอถึงเวลาไปรับของจริงๆ บริษัทโกดังที่เก็บของบอกให้เราไปติดต่อศุลกากรเอง ไปถึงไม่เสียค่าใช้จ่ายสักยูโร สิบนาทีดำเนินการเสร็จ พอไปรับของที่โกดัง หนึ่งนาทีได้ของ เพราะมันเป็นการย้ายบ้านย้ายสัมภาระ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเอเย่นต์ที่เมืองไทยเลือกบริษัทตัวแทนที่นี่ได้ห่วยมาก สรุปคือต้องจ่ายทางนี้อีกสี่ร้อยกว่ายูโร เป็นภาษีแค่สองร้อย (อันนี้ต้องจ่ายอยู่แล้ว) และที่เหลือเป็นเรื่องของค่าปรับรับของช้าเหมือนกัน แต่ที่เราช้าเพราะบริษัทที่ท่าเรือปลายทางดึงเรื่องไว้ เข็ดเหมือนกัน วงการนี้แย่จริงๆ ไม่ว่าประเทศไหนๆ จากคุณ : แย่สุดๆ - [ 27 มิ.ย. 52 23:12:53 A:86.197.244.153 X: TicketID:177306 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนนี้นึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนอยู่ในวงการ (บริษัทใหญ่ของอเมริกา) เขาแนะนำว่าควรส่งแบบ door to door ค่าใช้จ่ายจะแพงแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เขาทำนองเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายหล่ะค่ะ ตอนนี้ใช้วิธีส่งของทางไปรษณีย์แทน เพราะมันถึงบ้านเลย คนที่ไปซื้อของที่สวนจตุจักรพวกของชิ้นใหญ่อย่างของแต่งบ้าน ต้องระวังเลย ขนเองได้ขนเองดีกว่า เรายังคิดว่าตอนนั้นถ้าขนขึ้นเครื่องค่าใช้จ่ายก็คงเท่ากัน แต่เราได้ของอยู่กับเราเลย พอมีบทเรียนก็แนะนำกันต่อไป นี่มีเพื่อนจะย้ายจากฝรั่งเศสกลับเมืองไทย เขามีประสบการณ์เรื่องการย้ายบ่น ยังบอกว่ายังหาลู่ทางไม่เสร็จเลยว่าจะเลือกบริษัทไหนดี เพราะของบางอย่างหาใหม่ไม่ได้ เหมือนพวกนี้เอาของของเราเป็นตัวประกัน เพราะจริงๆ ของบางอย่างไม่แพงหรอกแต่มันมีคุณค่าทางใจ หาใหม่ไม่ได้ อ๋อไหนๆ ก็ส่งของทางเรือแล้ว ต่อด้วยส่งของทางไปรษณีย์ ได้ยินมาว่าถ้าส่งของจากเมืองไทยมาต่างประเทศจะได้ของครบ แต่ถ้าส่งของจากต่างประเทศกลับเมืองไทย แม้จะลงทะเบียน ส่วนใหญ่ก็จะหายค่ะ แต่เคสเราเคยส่งเอกสารจากต่างประเทศไปเมืองไทย ใช้บริการพวก ดีเอสแอล สามวันได้เอกสารค่ะเร็วมาก เพราะไม่กล้าเสี่ยงเนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ เคยคุยกะเพือนที่นี่เขาบอกทุกอย่างขนกะเครื่องบินหมด ยอมจ่ายค่าน้ำหนักเกิน เพราะเขาอยู่ทำงานด้านส่งออกมาก่อน คงรู้กิติศัพท์ดี จากคุณ : แย่สุดๆ - [ 27 มิ.ย. 52 23:26:10 A:86.197.244.153 X: TicketID:177306 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เคยเหมือนกันกับพวกเลือบไรสังคม ไม่ใช่ เเต่เป็นพวกที่เเพ็คของที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เรากับลูกสาววัย ขวบ 7เดือนจะบินมานอร์เวย์ เรามีกระเป๋าเเช่เย็นใส่พวกของสดมาด้วย จนท.ที่เช็คอินบอกให้เอากระเป๋าไปเเพ็คที่ประตรูทางเข้า6 บอกค่าเเพ็ค120บาท. เรารีบเดินไปจัดการตามที่จนท.บอก เสร็จเเล้วก็จ่ายเงิน เราให้เเบงค์500 มันทอนเรามา 80บาท เราก็งงมองเงินทอนเเละมองหน้ัาคนทอนเงิน พวกมันมีกันประมาณ4-5คนหัวเราะกันเเล้วหนึ่งในนั้นก็พูดว่า ''เฮ้ย! เเบงค์500 เเบงค์500'' เราก็เลยยิ้มคิดในเเง่ดีเขาคงไม่ได้ดู คงทอนผิด เเล้วมันก็หยิบเงิน80บาทจากเราคืนไป ทำเหมือนทอนผิดเอาคืนไป จะทอนใหม่ เเล้วมันก็ทอนเรามาใหม่260บาท เรากำลังเดินกลับมาเช็คอิน มองดูเงินทอน เฮ้ย! มันยังทอนเราไม่ครบอีก เราให้เเบงค์500 ค่าเเพ็กของ120บาท จริงๆเเล้วต้องทอน380บาทใช่ไหม เเต่มันให้เรามา260บาท เราก็รีบๆอยู่เพราะกระเป๋าส่วนหนึ่งของเราวางอยู่ที่ตาชั่งที่เช็คอินเเล้ว อีกอย่างลูกเราก็ซนมาก ไม่อยู่นิ่ง เราก็ทำได้เเค่มองเงินทอนเเล้วมองหน้ามัน ยอมมันเพราะเรากำลังรีบ ยุ่งๆกับลูกด้วย ได้เเต้เจ็บใจ เสียเงินร้อยสองรอ้ยไม่เท่าไหร่หรอก เเต่มันเจ็บใจโกงเราหน้าด้า้นๆ พวกมันคงทำเเบบนี้มาตลอด หากินกับคนที่กำลังรีบเร่ง คิดดูซิวันๆมีคนใช้บริการเท่าไหร่ เวลาให้เเบงค์500 มันทอน80 เเบงค์่1000 มันก็คงจะทอน80 เหมือนกัน เวลาเช็คอินเพื่อนๆก็คงเข้าใจบางครั้งมีคนต่อเเถวยาวเยียด ขอเตือนไว้นะคะสำหรับเพื่อนๆที่ต้องเเพ็คกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดูเงินทอนให้ดีนะคะ ทางที่ดีเตรียมเงินให้พอดีกับราคาของดีที่สุด........ฝากไว้ก่อนนะไอ้พวกมารสังคม กลับไปอีกครั้ง เดี๋ยวเเม่จะเอาวีดีโอถ่ายไว้ด้วย........ จากคุณ : พระอาทิตย์เที่ยงคืน - [ 28 มิ.ย. 52 00:02:43 A:78.26.21.70 X: TicketID:205565 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่คิดว่า บริษัทบริการขนส่ง คาร์โก้ จากเมืองไทย... มีเอี่ยว หรือ สมรู้ร่วมคิด กับบริษัทต่างแดน.... คือ ทุกบรฺาัทแต่ละประเทศ หากิน กับลูกค้า ด้วยการบวกค่าแรงเพิ่ม เมือ่ของอยู่ในโกดังของแต่ละบริษัท ต่างทำกันเอง โดยไม่จำเป็นต้องสมรู้ร่วมคิดกัน เพราะต่างมีผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้ไปแบ่งหารกัน จากคุณ : JidNince - [ 28 มิ.ย. 52 03:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาอ่านแล้วตกใจและกลัวเลย เพราะอีกสามเดือนเราจะต้องส่งของคือพูดง่ายๆคือเอาของทั้งหมดที่อยู่ที่นี่กลับเมืองไทย ตอนนี้กำลังติดต่อบริษัทที่เขารับส่งของแบบเช่าตู้คอนเทรนเนอร์เลย และเคยสอบถามมาครั้งนึงแล้วเพื่อนๆบล็อคแนะนำให้ใช้บริการการเคลียร์ของจากพวกชิปปิ้งเพราะว่าการเคลียร์ของที่ท่าเรือต้องมีใบอนุญาตและขั้นตอนยุ่งยากมาก แต่กลัวการจ่ายเงินแบบคุณเจ้าของกะทู้มากเลย (ค่าธรรมเนียมการเคลียร์ตามธรรมดาต้องมีและเข้าใจแต่กลัวคิดหรือบวกเพิ่ม) และกลัวของสูญหายด้วย เพื่อนๆที่มีประสบการณ์เอามาแชร์กันเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ  เพราะมีคนที่เคยส่งบอกว่าบางทีถ้าเราไม่ยอมจ่ายตามที่เขาขอบางทีเจอขู่ว่าจะทำให้เคลียร์ช้าบ้างและโอกาสของหายมีเยอะ เพื่อนๆแนะนำชิปปิ้งที่ดีๆให้หน่อยนะคะ และขั้นตอนการติดต่อและเอกสารต่างๆด้วยค่ะ จะได้ไม่ติดขัดและเสียรู้พวกหากินง่ายๆแบบนี้  เรื่องภาษีคิดว่าเข้าใจถูกต้องคือของใช้ส่วนตัวและเราอยู่ต่างประเทศเกินหนึ่งปีจะได้ยกเว้นภาษี และของบางอย่างตามรายการที่เขาให้มาอาจจะเสียสิบเปอร์เซ็นต์ ยกเว้นรถยนต์ ถ้ายังไงอยากได้ประสบการณ์จากคนที่เคยส่งและราบรื่นทุกอย่างน่ะค่ะ ว่าเตรียมการณ์ยังไงบ้างและควรจะให้บริษัทที่จัดการเรื่องนี้ให้เป็นบริษัทเดียวกันทั้งต้นทางและปลายทางเลยไหม? ดูเหมือนง่ายแต่บางทีควรจะศึกษาให่ถ่องแท้ไม่ว่ากันนะคะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 07:52:22 แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 52 04:12:56 จากคุณ : ปลา (scorpionfish) - [ 28 มิ.ย. 52 04:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ แต่มาช่วยโหวตค่ะ เผื่อเจอกับตัวเอง ญาติพี่น้องในอนาคต จากคุณ : Vesp@ - [ 28 มิ.ย. 52 09:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เคยมาเมืองไทย แล้วส่งของถึงตนเองที่เมกาทางเรือเป็นจำนวนมาก ไม่ต้องเสียเงินอะไรพิเศษเลย คงเป็นเพราะ ไปรับของเองที่ Port of Entry ของเพื่อนก็เช่นกัน แต่ได้บทเรียนว่า โต๊ะเก้าอี้ไม้สัก ช้างแกะตัวใหญ่ไม้สัก พอไม่กี่ปี มันก็แตก แยกร้าว จนหมด เขาบอกว่า ไม้แห้งหดตัว เพราะตอนซื้อเป็นของใหม่ ถ้าจะให้ดี ต้องซื้อของเก่า ที่ไม้แห้งสุดๆนะ จากคุณ : ธนิตา - [ 29 มิ.ย. 52 05:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อืม ได้อ่านเรื่องของเพื่อน ๆ แล้วก็เห็นใจค่ะ เอาเป็นว่า คนที่จะส่งของควรจะต้องศึกษาวิธีการส่งให้ละเอียดรอบคอบ แต่ละอย่างมีข้อดีข้อเสีย เอาเป็นว่า เราขอเสนอแนะดังนี้ 1. ในกรณีที่ส่งของต่ำกว่า 40 กิโล - แนะนำให้ส่งโดยบริษัท courrier เช่น DHL หรือ FEDEXไปเลย เพราะค่าใช้จ่ายโดยรวมมันก็พอ ๆ กัน แล้วเราก็ไม่ต้องไปจุกจิกด้วย (เพียงแต่บางทีอาจจะต้อง declare มูลค่าของต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรอาจจะบังคับให้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ ซึ่งในกรณีนี้ของอาจจะเก็บไว้กับ DHL หรือ FEDEX จนกว่าเจ้าของจะจ่ายค่าภาษีอากรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 2. ถ้าต้องส่งของทางแอร์ Airfreight หรือ Seafreight อย่าลืมที่จะย้ำกับเจ้าหน้าที่ให้ใส่ในเอกสารว่า เป็น Personal Effects (ก็หมายถึงของส่วนตัวนั่นแหละ) ซึ่งในกรณีส่งของแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกบริษัท จะรับทำ เช่นบริษัทของเราไม่รับทำค่ะ เพราะเค้าเห็นว่า มันค่อนข้างจุกจิก และมันก็ต้องมีความเป็น speciallist ในขณะเดียวกัน บริษัทเหล่านี้เค้าต้องมี shipping ที่เก่งและไว้ใจได้ ไม่งั้นของก็หายและเสียค่าใช้จ่ายบานเบอะ เหมือนที่เพื่อน ๆ เจอ ถ้าจะให้แนะนำ ลองหาพวกบริษัทที่รับทำเกี่ยวกับ moving เช่น Santafe เพราะพวกนี้เค้าเก่งจริง ๆ นะคะ และข้อดีของบริษัทเช่น Santafe ก็คือเค้ามีออฟฟิศเกือบทั่วโลก (ไม่ใช่ว่า อาศัยเอเจนท์ทำให้ ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายไม่พอกพูนมากเกินไป) ถ้าใครคิดว่า เอาถูกเข้าว่า ระวังมาเมืองไทยคุณจะได้จ่ายในสิ่งที่ไม่ควรจ่ายให้กับเจ้าหน้ากรมศุลกากร หรือพวก shipping เพื่อใช้ในการวิ่งเต้น 3. ปรกติเวลาที่เราไปติดต่อกับบริษัทขนส่ง มันจะมี term of shipment เยอะมาก แนะนำให้เป็นแบบ door to door หรือ door delivery นั่นหมายถึง บริษัทขนส่งเค้าต้องดำเนินการนำมันมาส่งให้เราจนถึงบ้าน เพื่อน ๆ ก็จะได้ไม่ต้องปวดหัว เสียเวลาเคลียร์ของที่สนามบินหรือท่าเรือ (ซึ่งถ้าใครเคยไปจะรู้ว่า มันเสียเวลามาก เราทำงานด้านนี้ยังไม่ค่อยอยากจะไปเสวนากับพวกเจ้าหน้าที่เลย) เราเคยส่งของแบบน้ำหนักเกินมากับ TG เมื่อหลายปีก่อน แต่โชคร้ายเค้าทำกระเป๋าเราตกเครื่อง เราต้องไปรับในอีก 2 วันถัดมา ที่ คลังสินค้าในดอนเมือง ปรากฎว่าเราต้องจ่าย 2600 บาท โดยที่ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ตอนนั้นยังไม่ได้ทำงานก็ไม่เข้าใจ แต่ยังไงเราก็เถียงพวกนี้ไม่ชนะหรอก คงต้องทำใจกับการเกิดในประเทศที่มีแต่การคอรัปชั่นอย่างประเทศเรา ทางที่ดีคือ เราศึกษาหาทางแก้ไขล่วงหน้าดีกว่าค่ะ 4. เห็นบางท่าน พูดเรื่องที่ของเก็บไว้ในโกดังแล้วมีค่าใช้จ่าย จะบอกว่า มีจริง ๆ และเค้าก็ไม่ได้โกงด้วย มันเป็นค่าใช้จ่ายตามระเบียบของการขนส่งอยู่แล้ว เวลาที่ของค้างอยู่ในโกดังเค้านับกันเป็นวันสำหรับของที่ค้างที่สนามบินและท่าเรือ (แต่สำหรับการขนส่งทางเรือ อาจจะมีช่วงเวลาที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งโดยมากต้องไม่เกิน 7 วัน นับจากเรือเข้าท่า หรือตู้ได้ทำการ unload มาจากเรือ) 5. เจ้าหน้าที่พวกนี้เค้าคิดว่า มันเป็นสิทธิที่เค้าจะได้เงินพวกนี้ค่ะ อย่าว่าแต่การส่งของเลย เจ้าหน้ากรมศุลกากรที่สนามบินก็ไม่แพ้กัน อย่าเผลอขนของมาหลายกระเป๋าเวลากลับไทยหละ โดนตรวจอานเลย (แต่ก็มีผู้โดยสารบางท่าน ทำงานขนของเมืองนอกมาขาย ซึ่งส่วนมากพวกนี้เค้ารู้จักคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี) หากใครได้ติดต่อกับเจ้าหน้ากรมศุลฯ จะตกใจว่า การเก็บค่าต๋งแบบนี้ เค้าทำกันเป็นทีม ทั้งกรมฯ เลยค่ะ ดังนั้นไม่ต้องร้องเรียนใคร เพราะคุณไม่ได้รับความร่วมมือหรอก ถึงร้องสื่อเราก็ไม่แน่ใจว่า สื่อจะกล้าลงเรื่องพวกนี้ (ปากกาก็ซื้อได้) เอาเป็นว่า เราปิดรูรั่วที่เค้าจะมาเก็บเล็กเก็บน้อยจากประชาชนอย่างเราดีกว่า 6. เห็นคุณปลาบอกว่า จะติดต่อเช่ามาทั้งตู้ ต้องระวังด้วยนะคะ เพราะการออกของต้องมีพาสปอร์ตไปแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่งั้นเค้าไม่ปล่อยของออกมา คุณอาจจะต้องกะเวลาเหมือนกันว่าของจะมาถึงเมืองไทยเมื่อไหร แล้วตัวคุณจะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะถ้าในเอกสาร Bill of lading ลงชื่อผู้รับ (consignee) เป็นชื่อคุณ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีสิทธิในการออกของนะคะ แล้วถ้ามันออกของไม่ได้ คุณก็จะเสียค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บานเบอะ (เช่น ค่า rent ที่ท่าเรือ ค่า storage) ดังนั้นแนะนำให้ติดต่อบริษัท moving ค่ะ เค้าจะช่วยคุณได้ ........ จะเลือกบริษัทไหนก็ให้ดูด้วยว่าเค้ามีออฟฟิศของเค้าจริง ๆ ไม่ใช่ใช้ agent เพราะถ้าเป็น agent นะคะ เค้าก็กลัวว่าเค้าจะไม่ได้กำไรจากการทำงาน เค้าก็จะมาเก็บกับคุณเพิ่ม ดังนั้นจะเลือกบริษัทไหนก็ดูให้ดี ถ้าให้ชัวร์ก็เข้าไปดูในเว็บบริษัทนั้น ๆ แล้วดูว่า ชื่อบริษัทมันเหมือนกันหรือเปล่า เช่น คุณติดต่อบริษัท A ใน USA บริษัทนั้นก็ควรจะชื่อ บริษัท A ในเมืองไทยด้วย (ถ้าชื่อต่างกันให้ assume ว่าเค้าเป็น agent อีกต่อหนึ่ง ไม่ใช่บริษัทที่มาเปิดสาขาในไทย) เอออ........ ตอนนี้คงแนะนำได้เท่านี้ก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรก็ถามมาได้ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 52 09:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความเห็นของคุณ ๒๖ ดีมากเลยค่ะ เหมือนที่เพื่อนเราแนะนำเลย จริงๆ จะบอกว่าตอนตัวเองส่งของก็มองโลกในแง่ดี ด้วยความไม่รู้จักวงการ ไม่งั้นก็คงพึ่งเพื่อนตัวเอง ทั้งที่ก็สนิทกันอยู่ใกล้กัน ส่วนตัวเองก็มีเพื่อนอยู่ศุลกากรที่เมืองไทย ที่เวลาไปกินข้าวทีไรมันก็แย่งจะจ่ายทุกที ยังเคยสงสัยว่าทำไมเงินเดือนมันเยอะจัง ทั้งที่เพื่อนอีกคนอยู่สรรพากร ยังบ่นว่าเงินเดือนข้าราชการน้อย ตอนนั้นก็รู้ๆ กัน แต่คิดว่าตอนนั้นเกี่ยวกับว่าเขาได้จากบริษัทใหญ่ๆ ไม่คิดว่ารายได้จากคนธรรมดาสามัญนี่ก็เป็นรายได้หลักเหมือนกัน ก็คงเพราะจากความไม่รู้ หรือครั้งแรก ของพวกเรานี่เอง กระทู้นี้เป็นประโยชน์จริงๆ ค่ะ อยากให้คนที่กำลังจะย้ายของได้เข้ามาอ่าน คุณปลาก็โชคดีไปหนึ่งท่านแล้ว จากคุณ : แย่สุดๆ - [ 29 มิ.ย. 52 15:34:50 A:83.201.105.116 X: TicketID:177306 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตามมาเพิ่มเติมค่ะ ในกรณีที่คุณส่งของมาทางเรือแบบเป็นตู้ คุณต้องพยายามคาดคั้นให้ได้ว่า ทางบริษัทฯ รับทำขนส่ง เค้าส่งมาให้คุณกับสายการเดินเรือ หรือสายการบินอะไร (เพื่อว่าเวลามีปัญหาคุณจะได้ไปติดต่อถูก) และอีกอย่างที่ต้องจำให้แม่นหรือต้องมีข้อมูล คือชื่อเรือและเบอร์ตู้คอนเทนเนอร์ค่ะ ขอให้โชคดีกับการส่งของกลับบ้านนะคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 52 18:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณคุณ Travel Animal มากเลยนะคะ มีประโยชน์มากเลยค่ะเรื่องฉ้อฉลโกงกินหรือกินเล็กๆน้อยๆจะไปโทษใครคงไม่ได้นะคะลูกๆหลานๆก็ต้องโทษบรรพบุรุษนะคะที่ทำต่อๆกันมา แต่ยังไม่ถือว่าสายนะคะถ้าเราคนรุนใหม่หรือลูกๆหลานๆจะร่วมกันแก้ไข เราเคยส่งของกลับมาที่ฝรั่งเศสส่งเป็นกล่องๆกล่องๆละยี่สิบกิโลมากับไปรษณีย์และทางเรือประมาณหกเจ็ดกล่องได้ ของมาถึงเราโดยสมบูรณ์ทุกอย่างค่ะ ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ส่งถึงบ้านเลยค่ะ ตอนนี้เราเองจะกลับไปอยู่เมืองไทย ก็เลยต้องใช้บริการอีกครั้งแต่ครั้งนี้เนื่องมาจากของเยอะและมีบางอย่างที่จำเป็นต้องขนย้ายไป เลยปรึกษากันว่าจะเช่าแบบทั้งตู้เลย ตอนนี้ก็ติดต่อบิษัทแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้ของที่ไหน ซึ่งรายละเอียดที่เราต้องการสอบถามเขาก็คือ - เราต้องการแบบ door to door (ชื่อผู้รับต้องปรึกษากับทางบริษัทเพราะเราเองเดินทางถึงเมืองไทยก่อนของจะถึงแน่นอน) - ของเราต้องการให้บริษัทนั้นจัดการให้เลยตั้งแต่ของมาถึงจนโหลดออกมาใส่รถบรรทุกและส่งให้เราถึงที่อยู่ โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปจัดการหรือเซ็นตือะไรอีกและต้องไม่มีค่าดำเนินการอะไรอีกแล้ว หากตรงนี้เป็นไปได้) - ค่าใช้จ่ายเราเองต้องสอบถามและให้บริษัทออกเอกสารให้เป็นลายลักษณ์อักษรว่ารวมหมดแล้ว ไม่มีการจ่ายเพิ่มใดๆ - บริษัทต้องรับรองว่าปลายทางไม่ใช่ตัวแทนแต่เป็นบริษัทเดียวกันหรือในเครือซึ่งทำงานประสานกันตั้งแต่ต้นและไม่สามารถเปิดทางให้ปลายทางมาเรียกเก็บเราได้แน่นอน หรือไม่ก็ต้องแสดงเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรว่าผู้ที่ทำหน้าที่ทางนั้นจะดำเนินการตามที่เราต้องการคือรับของออกมานำมาส่งถึงที่อยู่ตามที่แจ้งเอาไว้ และสุดท้ายก็คือเรื่องประกันความเสียหาย สูญหายและล่าช้า อันนี้คงต้องตกลงรายละเอียดและมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนกันค่ะ หากคุณ Travel Animal มีข้อแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องไหนก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ปลา จากคุณ : ปลา (scorpionfish) - [ 29 มิ.ย. 52 18:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณปลา ปรกติเรื่องประกันของเสียหาย คุณต้องมีการเสียค่า premium เพิ่มนะคะ แต่คิดว่า บริษัทเค้ามีบริการอยู่แล้วหละ คือในกรณีการขนส่งของคุณปลาจะมีการประกันสองส่วน คือ 1. การประกันการทำงาน ซึ่งบริษัทไหน ๆ ก็คงมีอยู่แล้ว แต่มันจะรวมไปถึงการทำงานผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ และอื่น ๆ อีกมากมาย รายละเอียดเยอะเชียว 2. การประกันสินค้า ซึ่งการประกันแบบนี้ผู้ส่ง หรือผู้รับต้องเสียเองค่ะ เพิ่มไปจากค่าระวาง จากที่อ่านเข้าใจว่าคุณติดต่อกับบริษัท moving อยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา ลองหาที่เค้าเก่ง ๆ นะคะ แล้วคุณก็ต้องทำ list ให้กับบริษัทฯ เค้าด้วย เรื่องย้ายบ้านหรือย้ายประเทศเนี่ยงานใหญ่จริง ๆ เราเคยย้ายจากยุโรปมาไทยนะ ปวดหัวมาก ดีว่าของเราบริษัทจ่ายให้ทุกอย่าง ภาษงภาษีอะไรเราก็ไม่ต้องคิดเอง (ถ้าทำเอง คงประสาทกิน) ส่วนมากพวก moving เนี่ยเค้าเก่งค่ะ แพ็คของคล่องเชียว เอาอะไรกลับมาก็ระวังนะคะ เพื่อนเราตอนย้ายกลับเค้าแอบเอาไวน์ใส่ในตู้มาสี่ลัง เจอภาษีไปเกือบ 300% แหนะ ถ้าของมาถึงเมืองไทยนะคะ เค้าก็เอาทั้งตู้ 20'DC หรือ 40'DC ไปให้คุณถึงบ้านนั่นแหละ (โดยเค้าใช้รถหัวลาก ขนตู้ไปให้ค่ะ) ซึ่งเรื่องนี้ต้องนัดเวลาอีก เพราะว่าถนนในกรุงเทพฯจะมีล็อคเวลาที่รถบรรทุกวิ่งไม่ได้ด้วยนะคะ ตอนที่เราเอาของมานะคะ คนในหมู่บ้านแตกตื่นเลยหละ ถ้าเกิดได้รายละเอียดจากบริษัทที่จะจ้าง จะให้เราช่วยดูให้ก็ได้นะคะ ยินดีค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 52 21:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากเลยค่ะ เรื่องประกันก็คิดเอาไว้กันแล้วค่ะว่าอย่างน้อยก็คงทำเท่ากับราคาสินค้าของเรา แต่มีเรื่องจะรบกวนคุณ Travel Animal อีกนิดนึงค่ะ พอดีเรื่องภาษีคิดว่าเข้าใจถูกต้องแล้วคือถ้าเป็นของใช้ส่วนตัวเนี่ยคือไม่ต้องเสีย แต่ก็มีบางรายการที่อาจจะต้องเสียอันนี้เราเองคงต้องรอทางบริษัทหลัวจากเขาได้รายการของทุกอย่างจากเราแล้ว แต่อยากสอบถามคือว่า สามีต้องการเอาเรือ ซึ่งที่นี่เราเรียกว่า zodiac หรือเรือยางติดเครื่องยนต์ ขนาดความยาวห้าเมตรไปด้วย นี่คืออีกเหตุผลที่ต้องเหมาทั้งตู้ เพราะแฟนบอกไปซื้อที่เมืองเราไม่ว่าจะซื้อที่ภูเก็ตหรือแถวพัทยาราคาจะแพงมาก อยากทราบว่ากรณีนี้เราต้องเสียภาษีสำหรับเรือตัวนี้ไหมคะ และถ้าเสียไม่ทราบว่ากี่เปอร์เซ็นต์คะ เรือใช้มานานหลายปีแล้วนะคะ แต่แฟนมีเอกสารราคาเก็บรักษาไว้ค่ะ และภาษีแบบนี้เราเองเสียตั้งแต่ต้นทางหรือไปเสียที่ปลายทางคะ คือจุดประสงค์เราเองไม่ต้องการไปยุ่งยากที่ปลายทางคือ อยากรอรับของอยู่ที่บ้านอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ จากคุณ : ปลา (scorpionfish) - [ 29 มิ.ย. 52 22:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะคุณ Travel Animal, เข้ามาอีกรอบพอดีได้รับเมล์จากบรรดาบริษัทต่างๆแล้วปรากฏว่าไม่มีใครทำแบบ door to door เลยค่ะ และบอกแฟนลองหาบริษัท moving แฟนบอกว่าที่นี่นอกจากแพงมากแล้วยังบริการไม่ได้เรื่องค่ะ เพราะแฟนเคยมีประสบการณ์ตอนที่ไปประจำที่สถานทูตฝรั่งเศสที่ประเทศแอฟริกา แฟนบอกพอไปถึงไม่มีเอกสารอะไรให้เลย และต้องรอและวุ่นวายหลายอย่างมาก เลยไม่คิดจะใช้อีกและแพงมหาโหด เลยอยากลองปรึกษาคุณ Travel Animal ว่าพอจะมีบริษัทชิปปิ้งที่เมืองไทยที่ชื่อเสียงดีๆที่พอจะแนะนำได้ไหม เราเองไปถึงเมืองไทยก่อนของแน่นอน เพราะของใช้เวลาเดินทาง 28 วันตามเมล์ที่บริษัทต่างๆแจ้งมาผ่านเข้าทางสิงคโปรค์ ถ้ามีเราอยากจะลองปรึกษาล่วงหน้าว่าเราเองต้องเตรียมเอกสารอะไรให้เขาบ้างคืออยากแน่นอนก่อนเราออกเดินทางจากที่นี่ เผื่อทางโน้นขาดเหลือเอกสารอะไรเราเองจะได้ให้ทางนี้รีบดำเนินการ เพราะหากไปถึงเมืองไทยแล้วจะเสียเวลาและยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ที่ฝรั่งเศสทำอะไรยิ่งต้องนัดต้องรอ หากเขาได้เอกสารเราแล้วเราจะได้สบายใจไปอีกเปราะว่าคงราบรื่นดี และเราจะได้คุยกับเขาในขั้นตอนการเอาของออกมาให้เราและส่งให้เราถึงบ้านน่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ ปลา จากคุณ : ปลา (scorpionfish) - [ 30 มิ.ย. 52 02:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ติดตามอ่านคุณTravel Animal กับ คุณปลา (scorpionfish) อยู่ครับ ไม่ทราบเรื่องไปถึงไหนแล้ว ผมกำลังจะย้ายกลับเมืองไทยในอีกเดือนครื่งนี้เหมือนกันครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์ดีทีเดียว ได้ความว่ายังไง รบกวนช่วยโพสต่อด้วยครับ กำลังคิดจะเช่าคอนเทนเนอร์เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ครับ จากคุณ : คุณพยายาม - [ 15 ก.ค. 52 14:04:33 A:99.21.163.205 X: TicketID:224238 ]