Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    เกิดมาใช้กรรม

    สวัสดีค่ะเพือนๆชาวต่างแดนทุกๆท่าน ดิฉันนั่งเหงาๆอยู่คนเดียวมาหลายวันหลังจากที่ได้ลาออกจากงานเพื่อที่จะมาทำธุรกิจส่วนตัว ตอนนี้ก็เลยพอมีเวลาว่างที่จะเขียนระบายความในใจที่เก็บกดมานานกว่า 13 ปี มันเป็นเรื่องที่หดหู่และรันทดเสียจริงๆ เชิญอ่านกันได้เลยค่ะ(ขณะที่ผู้เขียนได้เขียนเล่าประสบการณ์ให้ฟังนี้ผู้เล่าได้มาแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศซึ่งอยู่ในเขตยุโรป)

    ดิฉันเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจนครอบครัวหนึ่งทางภาคอีสานที่แสนจะแห้งแล้งและกันดาร พ่อกับแม่มีลูกด้วยกันทั้งหมดห้าคน ดิฉันเป็นลูกคนที่สี่ มีพี่ชายซึ่งเป็นคนโตหนึ่งคน พี่สาวสองคนและมีน้องชายอีกหนึ่งคน ดิฉันจำได้ว่าตอนที่พ่อยังมีชวิตอยู่นั้นฐานะทางครอบครัวถือว่ายังดีกว่าหน่อยนึง อยากกินอะไรพ่อก็จะพยายามทำงานหนักเพื่อที่จะได้ซื้อสิ่งที่ลูกๆบอกว่าอยากจะกิน ดิฉันจำได้ว่าทุกๆปีของเทศกาลงานไหมพวกเราจะต้องได้ไปเที่ยวงานอยู่เป็นประจำ พ่อกับแม่มีอาชีพหลักคืออาชีพในการทำนา ส่วนหลังจากหน้านาแล้วพ่อกับแม่เป็นคนที่ขยันเอามากๆเพราะพ่อกับแม่มักจะบอกพวกเราอยู่เสมอๆว่าลูกมีเยอะก็ต้องทำงานเยอะเป็นธรรมดา พ่อกับแม่จะทำงานหารายได้เสริมด้วยการไปรับของในตลาดมาขาย ขายทุกอย่างที่ขวางหน้าพ่อจะเป็นคนที่คิดเลขได้เร็วมากๆถึงแม้ว่าพ่อจะจบแค่ปอสี่ก็ตาม เมื่อก่อนพ่อเคยเล่าให้ฟังว่าฐานะทางบ้านพ่อไม่ได้ยากจนเลยปู่กับย่ามี่ที่ไร่ที่นามากกว่าร้อยไร่แต่ด้วยความที่ปู่เป็นผีการพนันที่นาก็ถูกปู่นำไปจำนองเพื่อที่จะได้นำเงินมาเล่นการพนัน ย่าพูดอะไรมากก็ไม่ได้เพราะปู่เป็นคนที่ดุมากๆเลยทำให้ลูกๆและย่าไม่สามารถจะทัดทานปู่ได้เลยแม้แต่นิด เล่นการพนันทุกท่านก็พอทราบดีว่าไม่เคยมีใครร่ำรวยจากพนันขันต่อแม้แต่รายเดียวส่วนมากที่เห็นก็คือหมดเนื้อประดาตัวไปตามๆกันนั่นเอง ปู่ของดิฉันก็เช่นกันไร่นาหรือแม้แต่ที่บ้านก็ถูกยึดไปโดยเสี่ยคนดังแถวๆอำเภอ แต่ด้วยความที่พ่อยังรักและหวงแหนในที่นาผืนนั้นพ่อก็ได้ไปเจรจากับเสี่ยว่าขอเช่าที่นาทำกินได้ไหมเพราะที่นาผืนนั้นเป็นที่นาที่ดินงามน้ำชุ่มปลูกข้าวก็ให้ผลผลิตดี เสี่ยก็ตกลงให้เช่าทำอยู่เป็นเวลาห้าปี ตามที่เล่ามาข้างต้นว่าพ่อเป็นคนขยันทำงานสุจริตทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงินมา พ่อก็เก็บเล๊กผสมน้อยมาอยู่หลายปีจนพอมีเงินที่จะไปซื้อที่นาของปู่คืนแต่ว่าจากราคาที่ปู่นำไปจำนองนั้นได้ขึ้นราคาเป็นเท่าตัวซึ่งเงินที่พ่อเก็บมานั้นมันไม่พอสำหรับการซื้อที่นาทั้งหมด ดังนั้นพ่อจึงซื้อทีนาได้แค่ครึ่งหนึ่งคือ ห้าสิบไร่ แต่พ่อก็เล่าให้พวกเราฟังอย่างภูมืใจอยู่เสมอๆและเท่าทุกวันนี้ดิฉันก็ยังภูมิใจในตัวพ่ออยู่ไม่รู้ลืม เอาล่ะค่ะมาเข้าเรื่องต่อกันเลยค่ะ หลังจากที่พ่อได้ซื้อที่นาคืนได้แล้วแต่พ่อก็ต้องนำที่นาอีกแปลงที่เป็นสมบัติของยายที่มอบให้แม่เข้าจำนองกับธนาคาร และทุๆปีพ่อก็จะต้องนำเงินดอกและเงินต้นบางส่วนไปใช้หนี้ให้ธนาคารเป็นแบบนั้นอยู่หลายปีพ่อก็สามารถใช้หนี้ธนาคารจนหมด ตอนนั้นก็กลายเป็นว่าเรามีที่นาประมาณ แปดสิบไร่แต่ที่นาที่ให้ผลิตดีนั้นเป็นที่นาที่พ่อซื้อกลับมาจากเสี่ยแต่ก็มีข้อเสียเพราะว่าที่นานั้นอยู่ที่ตัวอำเภอซึ่งห่างจากหมู่บ้านของเราประมาณห้าสิบกว่ากิโลได้ ทุกปีของหน้านาหลังจากนาที่หมู่บ้านของเราทำเสร๊จแล้ว พ่อจะต้องทิ้งให้เราอยูตามลำพังตามประสาลูกๆเพราะพ่อกับแม่ต้องไปทำนาที่ตัวอำเภอซึ่งในขณะนั้นพี่สาวคนโตอายุประมาณ 11 พี่สาวคนรองอายุ 9 และดิฉันตอนนั้นอายุได้เพียงเจ้ด7ปี ส่วนพี่ชายคนโตนั้นได้ไปเรียนที่ตัวจังหวัดและได้พักอาศัยอยู่กับญาติของแม่ มีน้องชายคนเล๊กที่ได้ไปกับพ่อแม่เพราะยังไม่ได้เข้าโรงเรียน พ่อก็ทำนาอยู่สองที่อยู่อย่างนี้เป็นเวลาหลายปีพ่อก็บอกว่าตอนนี้ลูกก็โตๆกันแล้วครั้นจะทิ้งให้อยู่ตามลำพังแบบนี้ก็ไม่ไหวเพราะเป็นห่วงในความปลอดภัยของลูกๆ ดังนั้นพ่อจึงตัดสินใจขายที่นาที่ตัวอำเภอไปและเหลืออยู่ที่เดียวคือที่นาของแม่ ซึ่งที่นาผืนนี้พ่อก็รู้ดีว่าให้ผลผลิตได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะว่าบางทีฝนแล้งก้ทำนาได้ข้าวไม่มาก พ่อจึงปรึกษากับแม่ว่าถ้าเป็นแบบนี้ข้าวสารไม่พอกินแน่เลยจากแต่ก่อนมีที่นาสองที่ที่หนึ่งทำขายที่หนึ่งเก้บไว้กินแต่ตอนนี้เหลือที่เดียวแถมไม่ค่อยดีเท่าไหร่พ่อกับแม่จึงตัดสินใจนำเงินที่ขายที่นาได้ไปซื้อรถกระบะมือสามมาหนึ่งคันเพื่อที่จะทำการค้าขายเพื่อนำเงินมาสำรองในการซื้อข้าวเพราะว่าบางปีฝนแล้งทำนาไม่ได้ก็จะได้นำเงินมาซื้อข้าวกิน ก็ทำมาอย่างนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งดิฉันอายุได้ 12 ปี รถก็เก่ซ่อมแล้วซ่อมอีกจนพ่อบอกว่าไม่ไหวแล้วหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็นำไปให้ค่าซ่อมรถหมดพ่อจึงตัดสินใจขายรถทิ้งได้เงินมานิดหน่อยก็เก็บไว้ใช้เฉพราะเวลาจำเป็นเท่านั้น แต่ก็อย่างว่าแหล่ะตอนนั้นพวกเราก็เรียนหนังสือกันทุกคนพี่ๆก็อยู่ระดับมัธยมกันหมดค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคุณดิฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนพ่อจะมีเวลาให้เรามากพาเราไปตลาดพาเราไปดูหนังกลางแปลงอยู่เป็นประจำ ซึ่งแตกต่างจากตอนนี้พ่อต้องออกไปขายของตามที่ต่างๆเป็นเวลานานๆ อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า สามอาทิตย์พ่อถึงจะกลับมาบ้านมาพักได้ไม่ถึงอาทิตย์พ่อก็ต้องไปอีก ตอนนั้นดิฉันอายุได้ 12 ปีและดิฉันไม่เคยนึกเคยฝันเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่ดิฉันได้คุยและได้กอดกับพ่อ....
    วันนี้ขอพอก่อนนะคะเพราะว่าเขียนไปก็ร้องไห้ไปเพราะคิดถึงพ่อมากๆเพราะตอนนี้ดิฉันมีทุกอย่างเพราะทำตามรอยพ่อแต่ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อเลย ขอโทษนมากๆนะคะและหวังว่าคงอยากจะมึคนคอยติดตามอ่านนะคะ



    จากคุณ : รุ้งเจ็ดสี - [ 29 มิ.ย. 52 21:22:39 A:92.106.74.98 X: TicketID:219382 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com