Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ขอเล่าประสบการณ์สอบใบขับขี่ญี่ปุ่นแบบเรียนจบจากโรงเรียนสอนขับรถยนต์

    ขอเล่าประสบการณ์ตัวเอง เผื่อใครสนใจจะได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ วันนี้ไปสอบใบขับขี่และได้มาไว้ในครอบครองเรียบร้อยแล้ว วิธีสอบใบขับขี่แบบนี้เป็นขั้นตอนที่คนญี่ปุ่นส่วนมากใช้ในการสอบใบขับขี่ คือไปเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ซึ่งกว้างๆ จะมี สอง คอร์สให้เลือก คือ แบบเลือกเวลาเรียนได้ตามความสะดวกของผู้เรียน ซึ่งการเรียนจบจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนเอง กับอีกแบบคือ Gakshuku เวลาเรียนจะถูกกำหนดโดยโรงเรียนเป็นระยะสั้นและผู้เรียนต้องไปพักตามสถานที่โรงเรียนจัดหาให้

    ส่วนขั้นตอนคือ
    หนึ่ง เลือกโรงเรียนสอนขับรถยนต์ จะเป็นที่ไหนก็ได้ในญี่ปุ่น เมื่อเรียนจบหลักสูตรจะได้ ใบรับรองว่าเรียนจบ จากโรงเรียน ใบนี้จะมีอายุ หนึ่งปี (ถ้ามีใบนี้ไม่ต้องสอบภาคปฎบัติที่สนามสอบใบขับขี่)
    สอง นำใบนี้ ไปยื่นที่ สนามสอบใบขับขี่ ณ เขตที่ตัวเองมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน พร้อมกับขอสอบภาคทฤษฎี (ไม่จำเป็นต้องสอบภาคปฎบัติ เพราะโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ได้ทำการทดสอบในส่วนนี้แล้ว)
    สาม ถ้าสอบผ่าน ก็จะได้ใบขับขี่ ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องขอสอบใหม่จนกว่าจะผ่าน (สอบแต่ละครั้งเสียเงินค่าธรรมเนียม แตกต่างกันไป ตามพื้นที่)

    เจ้าของกระทู้ เลือกแบบ Gakshuku เพราะ
    หนึ่ง ถูกกว่า ราคาที่จ่ายคือ สองแสนเยน (ราคานี้ถูกที่สุดแล้วเท่าที่เช็คได้ ราคาจะอยู่ในช่วง สองแสน ถึง สองแสนห้าหมื่นเยน) ถ้าเป็นอีกแบบราคาจะอยู่ในช่วง สามแสนเยนขึ้นไป
    สอง เร็วกว่า คือ ประมาณ สิบสี่วัน สำหรับเกียร์ออโต้ และ สิบหกวัน สำหรับเกียร์กระปุก ถ้าเลือกแบบเรียนตามเวลาว่างของตัวเอง ก็แล้วแต่ ผู้เรียน แต่ส่วนมากคิดว่า เกินหนึ่งเดือนขึ้นไป

    อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เริ่มเรียนถึงได้รู้ว่า คอร์สที่ตัวเองเลือกมีข้อเสียเด่นๆ เหมือนกันคือ
    หนึ่ง ราคาที่เลือกถูกมากๆ เพราะโรงเรียนนี้อยู่บ้านนอกมากๆ ต้องจากบ้านไปเกือบสามอาทิตย์ บ้านอยู่ ไอจิ แต่ โรงเรียนนี้อยู่ที่ นีกะตะ คิดถึงบ้านมากๆ (ไม่ชินกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว)
    สอง กดดันมากๆ เพราะต้องมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การเรียนจะแบ่งเป็นเรียนภาคทฤษฎี พวกกฎจราจร ต่างๆ ในห้องเรียน และ ภาคปฎิบัติ คือการหัดขับรถ ในสนามของโรงเรียนที่ว่ากดดันเพราะ เรียนตั้งแต่เช้าจนเย็น โดยส่วนตัวไม่ใช่คนที่เก่งญี่ปุ่นมากมายอะไร แค่พออ่านออกเขียนได้ พูดแทบไม่ได้เพราะไม่ค่อยได้ฝึก (สอบระดับหนึ่งยังไม่ผ่าน) แต่ต้องมาเจอ โอ้ ภาษาญีปุ่น ตั้งแต่เช้าจรดเย็น แล้วต้องจำพวกกฎนี่ให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เจอศัพท์เพียบ ที่ต้องจำเพราะพอผ่านไป เจ็ดวันจะมีการสอบที่เรียกว่า karimenkyo เป็นใบขับขี่สำหรับผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ที่ยังไม่มีใบขับขี่ของจริง แต่สามารถขับออกไปถนนทั่วไปได้ถ้ามีครูนั่งไปด้วย
    การสอบkarimenkyoนี้จะมีทั้งภาคทฤษฏีและภาคปฎิบัติ ข้อเขียนจะเป็นข้อสอบ ห้าสิบข้อ เวลา สามสิบนาที คำตอบให้เลือกถูก หรือ ผิด ข้อละ สองคะแนน ต้องได้ เก้าสิบคะแนนขึ้นไปถึงผ่าน ซึ่ง โรงเรียนจะมีสมุดแบบฝึกหัดแนวข้อสอบให้อ่าน ก็ต้องพยายามจำให้ได้ ตัวเองยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะทำได้ แต่ก็รอดมาได้ แต่ที่รอดไม่ได้ คือสอบภาคปฎิบัติ จะเป็นการทดสอบความสามารถในการขับรถ เช่นขับรถขึ้นเนิน ขับทางโค้งรูปตัวเอส ขับทางโค้งที่เป็นเก้าสิบองศา ความสามารถในการเร่งความเร็วในระยะเวลาที่จำกัด ความระมัดระวังในการขับขี่  พอรู้ว่าสอบไม่ผ่าน ร้องไห้เลยเพราะถ้าไม่ผ่านแปลว่า วันที่จะกลับบ้านจะต้องเลื่อนออกไป ตัวเองเลือกเกียร์กระปุก ก็คือ สิบหกวัน แต่พอสอบตกปุ๊บ กลายเป็นสิบแปดวัน

    พอได้ karimenkyo การเรียนจะเข้มข้นกว่าเดิม จำนวนชั่วโมงก็เพิ่มขึ้น แต่ความกดดันลดลง เพราะเริ่มชิน พอได้ใบkarimenkyo ก็ออกถนนจริงได้แล้วกับครูฝึก ส่วนภาคทฎษฎีก็ยังมีแต่จะเน้นไปแนว ความระมัดระวังในการขับรถ วิธีแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเช่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ขับรถบนถนนลื่น เบรกแตก ขับรถบนถนนที่มีหิมะ วิธีปฐมพยาบาลคนเจ็บ ประมาณฝึกปั๊มหัวใจ ผายปอด พอจบหลักสูตรก็ต้องสอบภาคปฎบัติอีกครั้งบนถนนจริง เป็นการขับไปตามคำสั่งของครูฝึก ซึ่งเค้าจะดูว่าเราขับได้รึเปล่าในสถานการณ์บนท้องถนนจริงๆ ส่วนข้อเขียนไม่มีเพราะเก็บไว้สอบที่สนามสอบใบขับขี่

    หนึ่งวันก่อนกลับบ้านถึงได้รู้ข้อด้อยสุดท้ายของการเลือกเรียนที่นี่ ครูฝึกบอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนเป็นเล่มเดียวกันทั่วประเทศ แต่ ข้อสอบข้อเขียนจะแตกต่างไปตามพื้นที่ต่างๆ ที่เราท่องจำแนวข้อสอบนี่เป็นของนีกะตะ และขู่เราอีกว่าพื้นที่ที่มีอุบัติเหตุสูงจะยิ่งทวีระดับความยากขึ้น โอ้ ไอจิเนี่ยสูงสุดของญี่ปุ่นเลยสำหรับอัตราการเกิดอุบัติเหตุ

    พอเรียนจบกลับมาบ้านก็พัก อ่านหนังสือ อยู่บ้านหนึ่งอาทิตย์ และไปสอบในวันนี้ การสอบนี้เราเลือกได้ว่าเป็นภาษาอังกฤษ หรือญีปุ่น ก็วัดใจตัวเอง เลือกญี่ปุ่น เพื่อจะดูความสามารถทางภาษาของตัวเอง เวลาห้าสิบนาที ข้อสอบ เลือกถูกผิด เก้าสิบข้อ ข้อละหนึ่งคะแนน และข้อสอบรูปภาพห้าข้อ ซึ่งในห้าข้อนี้จะมีสามข้อย่อย ทั้งสามข้อย่อยต้องตอบถูกทั้งหมดจึงจะได้สองคะแนน ถ้าผิดข้อใดข้อหนึ่งก็จะเป็นศูนย์คะแนน รวมทั้งหมด ร้อยคะแนน ต้องได้ เก้าสิบคะแนนขึ้นไปถึงผ่าน ตอนรอผลกังวลใจมากเพราะ ข้อสอบคำศัพท์ ไม่คุ้น ทำให้ใช้เวลามาก และไม่มีเวลาทวนคำตอบเลย มีข้อที่ไม่แน่ใจหลายข้อทีเดียวและเกือบทำไม่ทัน ตอบข้อสุดท้ายตอนเวลาเหลือแค่หนึ่งนาที
    เล่ามาซะยาว สำหรับใบขับขี่ใบนี้ เริ่มไปโรงเรียนวันที่ สี่ มิถุนายน จนถึงวันนี้ สามสิบ มิถุนายน เราก็ได้ใบขับขี่มาในมือ
    ถ้าพี่ๆน้องมีปัญหาข้องใจเรื่องกฏ หรือ การขับขี่ ในญี่ปุ่น ถามมาได้นะคะ ยินดีจะตอบให้

    จากคุณ : azizz - [ 30 มิ.ย. 52 14:35:04 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com