ความคิดเห็นที่ 2 |
คุ้มมั้ยล่ะนั่น ถ้าทำกันได้ง่ายๆ เค้าทำกันหมดแล้วจ้ารวมทั้งเราด้วย
อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์
จากลิ้งค์นี้ครับ http://www.customs.go.th/Formality/PersonalVehicles.jsp#2
เนื้อหาบางส่วน (สำหรับรถยนต์) แบ่งรถเป็น 3 ขนาด ไม่เกิน 2400cc เสียภาษี 213.171 ไม่เกิน 3000cc เสียภาษี 250.82 เกิน 3000cc แรงม้าเกิน 220hp เสียภาษี 308.151
อัตราภาษี คำนวณจาก
-กรณีรถใหม่ คิดราคารถ+ค่าขน+ค่าประกันภัย -กรณีรถใช้งานแล้ว นับเวลาใช้งานจากการจดทะเบียน และลด % เมื่อคิดส่วนลดเรียบร้อยแล้ว จึงมาคำนวณภาษี เช่น 1ปี ลด 16.67% 2ปี ลด 26.67%
-------------------------------------------------
1. อากรขาเข้า ภาษีแรกที่ผู้นำเข้าต้องจ่าย ณ ท่าเรือก่อนนำรถออกจากท่าเรือเข้ามาในประเทศในอัตรา 80% ของราคา CIF ซึ่งเท่ากับ 80 บาท 2. ภาษีสรรพสามิต ซึ่งกรมศุลกากรจะทำการเก็บภาษีนี้ พร้อมกับอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิตนี้จะถูกเก็บในอัตราต่างกันตั้งแต่ 30-50% ขึ้นอยู่กับความจุกระบอกสูบ หรือขนาดเครื่องยนต์ (ดูตารางการคำนวณภาษีประกอบ) เช่น รถยนต์ขนาดไม่เกิน 2000 ซีซี ที่ถูกจัดเก็บในอัตรา 30%ของราคา CIF รวมกับภาษีอากรขาเข้า โดยใช้สูตรการคำนวณการจัดเก็บที่เรียกว่า ฝังใน คือ = {(100+80)x30%} 1 (1.1x30%) 3. ภาษีมหาดไทย ชื่อภาษีมีที่มาจากภาษีที่เก็บได้นี้ถูกนำไปบริหารประเทศโดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งภาษีมหาดไทยจะคิดที่อัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต เพื่อส่งให้กระทรวงมหาดไทย 4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในอัตรา 7% ของราคา CIF + อากรขาเข้า + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีมหาดไทย ซึ่งเมื่อรวมภาษีทั้ง 4 ชนิดเข้าด้วยกันแล้ว จากราคารถสมมุติที่ 100 บาทจะกลายเป็น 287.5-428.0 บาท(ขึ้นอยู่กับความจุกระบอกสูบ) ซึ่งมูลค่าดังกล่าวนี้ยังไม่รวมอัตรากำไร และค่าดำเนินการอื่นๆ ของบริษัทผู้จำหน่าย ฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะเห็นรถราคา 1 ล้านในเมืองนอกมาขายที่บ้านเราในราคา 3-4 ล้านบาท เพราะภาระภาษีมันสูงเช่นนี้นี่เอง
| จากคุณ |
:
น้ำตาลเปรี้ยว vs มะนาวหวาน
|
| เขียนเมื่อ |
:
18 ก.ค. 52 07:26:56
|
|
|
|