ความคิดเห็นที่ 1 เราจะค่อยๆพิมพ์นะคะ บางที ต้องขอมาต่อพรุ่งนี้ กรณีของเรา ถือว่าเป็นการแชร์กันก็แล้วกันนะึคะ ............. ^^ ช่วงที่เราใกล้จบ แน่นอนว่า มหาวิทยาัลัย ก็มีงาน job fair ต่างๆตามปกติ เราก็ไปเดินชิวๆ กับเพื่อน ไม่ได้คิดไรมาก ยื่นใบสมัครบางบริษัทเท่านั้น แต่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง เราคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาของเรา เรายังไม่อยากทำงาน เรามองดูผู้คนเดินไปเดินมาในงาน job fair เรารู้สึกแปลกๆ -*- จุดนั้น เราก็ึิึิคิดว่า ตรงนี้เราขอถอยออกมาดีกว่า คิดทบทวนหลายที เราอยากเรียนต่อในสาขาเดิมที่เราเรียนมา ....เพื่ออาชีพที่ตั้งใจอนาคต เราจึงตัดสินใจเรียนต่อ และเลือกประเทศอังกฤษค่ะ....ซึ่งเรามีความตั้งใจ ใฝ่ฝัน ชอบระบบการศึกษาของประเทศนี้มานาน รวมถึงหลายๆอย่าง และสาขาที่จะสนใจด้วย การจะเข้ามหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร step แรกที่เรารู้มานาน ว่ามันต้องมี คือ "ผลสอบ IELTS" เราไม่มีความรู้ในเรื่อง IELTS เลย รู้แค่เพียงว่า มันสอบ ฟัง พูด อ่าน เขียน........จบ รู้แค่นี้จริงๆ อ้อ แล้วก็รู้ว่า การที่จะเข้าคณะที่เราต้องการนั้น เขาจะเอา 6.5 --------- ซึ่งมันก็เป็นคะแนนทั่วๆไป สำหรับการเข้าเรียน แต่สำหรับเรา ในเวลานั้น ที่ยังไม่มีความรู้อะไรเลย ก็ดูเหมือนมันยากเหลือเกินที่เราจะสอบให้ผ่าน ในเวลานั้น เรายังมีความเข้าใจผิดๆ ว่า จะต้องสอบ IELTS ให่ได้สูงๆ เพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ีดี และคณะที่ต้องการได้ แต่ความเ้ข้าใจก็กระจ่าง เมื่อได้คุยกับเพื่อนที่กำลังจะบินไปเรียนแล้ว เขาบอกว่า ไม่จำเป็น GPAX สำคัญกว่ามาก คนที่ได้เกิน 3.00 มีโอกาสมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่ได้ต่ำกว่า 3.00 นั้นหมดสิทธิ์ไปเรียนต่อต่างประเทศนะคะ เพียงแต่ อาจจะเข้า U top ๆ ได้ยากกว่า เท่านั้นเอง เพื่อนยังบอกอีกว่า ถ้าหาก เกรดเฉลี่ยต่ำ แล้วได้ IELTS สูง เขาอาจจะไม่รับก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เอกสารอื่นๆ ก็ช่วยประกอบกัน เช่น SOP (statement of purpose) นั้น สำคัญมากๆค่ะ นอกจากนี้ เพื่อนแนะนำว่า IELTS นั้น ไปลองสอบก่อนได้ เพื่อจะได้รู้แนว ..... แต่ ค่าสอบ 5,700 บาทนั้น มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆสำหรับเราที่จะไปลองสอบก่อน โดยที่ไม่รู้อะไรเลย เพราะถ้าลอง ก็หมายความว่า จะต้องมีครั้งจริง ในถัดมา ... เราจึงตัดสินใจไม่ไปสอบก่อน และเมื่อไม่รู้ ก็ต้องไปเรียน เราลงเรียนเป็นเวลาทั้งหมด 2 เดือน ครั้งแรกที่เราเข้าไปฝึกฟัง เราทำไม่ได้เลย ได้ไม่ถึงครึ่ง จิตตก และเสียกำลังใจมาก หนทางที่จะไปถึงคะแนนที่ต้องการ มันช่างริบหรี่ เหลือเกินค่ะ ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่ามันพึ่งจะวันแรก ... หลังจากนั้น หากไม่รีบกลับบ้าน หลังเลิกเรียน เราจะเ้ข้าไปฝึกฟัง ทุกวัน รวมถึงซื้อแบบฝึกหัดกลับไปทำที่บ้าน ...ผลการฝึกส่วนฟังนั้น เป็นที่น่าพอใจมาก เมื่อเราจับทางได้ ทุกอย่างมันก็ง่าย ส่วนทักษะอื่นๆที่ยังต้องประคับประคองไปไม่ให้ตกหล่น คือ เขียน กับ อ่าน ส่วนพูด เราไม่่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนัก อาจจะเป็นเพราะ เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ต่อราคาฝรั่งได้ ..... พอไปรอดค่ะ รวมเวลาการฝึกฝนภาษาของเราทั้งหมด ประมาณ 2 เดือน หลังจากไม่ลงเรียนต่อแล้ว เราใช้เวลาอีก 1 เดือน อยู่บ้าน ใช้โควต้าส่งงานเขียนของสถาบันที่เรียนจนเต็มหลอดแล้ว ก็ไม่ไปสถาบันอีก เพราะไม่มีคนตรวจงานให้แล้ว (ไม่มีประโยชน์ที่จะเขียนงานออกมา จริงไหม) หันมาฝึกทักษะอื่นๆ เช่น ฟัง โดยการเปิดเวบไซต์ ที่ให้ฟังฟรี พร้อมเฉลย รวมถึงตะลุยทำแบบฝึกหัดอ่านที่ขนซื้อมาจนหมด แน่นอนว่า คะแนนส่วนอ่าน ก็คาบเส้นเหมือนเดิม -_-' IELTS นั้นมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ มันปัดเศษขึ้น ค่ะ สมมติ เราได้ 5/5/5.5/5.5 เราจะได้ เฉลี่ย 5.5 ถือว่าให้ประโยชน์กับนักเรียนมากๆ เพื่อนๆที่เรียนในคลาสแนะนำว่า ให้เราพยายามเก็บ 2 ทักษะ ที่เราคิดว่าเราเจ๋ง ส่วนอีก 2 ทักษะ ให้ประคับประคองไป แน่นอนว่า เราตั้งใจจะเก็บ ฟัง และ พูด ทำให้ได้คะแนนดีๆ ค่ะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 02:01:41

ความคิดเห็นที่ 2 จนเมื่อถึงเวลาที่เราคิดว่าเราพร้อมแล้ว ก็เลยตัดสินใจไปสมัครสอบ ช่วงเวลาก่อนสอบ ก็พยายามเก็บข้อมูล ทวนเนื้อหาที่ว่าต้องเจอแน่ๆ ส่วนทริค และสิ่งที่ไม่ควรพลาด มีดังนี้ค่ะ -สอบฟัง ตั้งสติให้มั่น ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด เพราะไม่มีโอกาสครั้งที่ 2 อีกต่อไป หากพลาด ให้ปล่อยไป แต่ข้อต่อไป ห้ามพลาด ตั้งใจฟังมากไป อาจจะฟังไม่ออก ให้มีสติ ฟังสบายๆ -เวลาเขียนคำตอบของฟัง เขียนเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ให้หมด จะลดโอกาสเขียนผิด เพราะบางคำเป็นชื่อเฉพาะ หากเขียนตัวเล็ก มันจะผิดทันที แม้จะสะกดถูก -สอบเขียน อย่าลืมนับให้ครบ 250 คำ หากไม่ครบ โดนหัก 2 band (ครูบอกมาค่ะ) นอกจากนี้ การจะเขียนให้ได้ดี เราจะต้องรู้มาก รู้มากมาจากอ่านมาก หากมีเวลา ก็ควรจะอ่านข่าว สังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศึกษา topic ของสอบเขียนจะมีประเด็นหลักๆไม่พ้นจากนี้มากค่ะ -สอบพูด อย่าหยุดพูด แต่ไม่ใช่น้ำไหลไฟดับ บางครั้ง เราเชื่อว่าทุกคนเป็น อาจจะเป็นเพราะว่าตื่นเต้น ประหม่า ฯลฯ ใจความสำคัญ ไม่ใช่การที่เราสำเนียงดี แต่เป็นเนื้อหาสาระที่เราต้องการจะสื่อสารกับผู้สอบ เนื้อหาของเราที่พูดออกไปนั้น จะต้องแสดงความ เป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช่การพูดอะไรลอยๆ พูดง่ายๆก็ึืคือ เราจำเป็นต้องมีเหตุผลที่ดี โน้มน้า่วให้เขาเชื่อในสิ่งที่เราพูดนั่นเอง เราผ่านพ้นวันสอบมาได้ด้วยความโล่งใจ คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งคือมั่นใจพอสมควรว่าทำได้ แต่คงไม่ถึงคะแนนที่หวังไว้ คิดว่าคงต้องติด condition ตามระเบียบ ด้วยเวลาการฝึกภาษาอันแสนจะจำกัด คนอื่นฝึกกันเป็นปีๆ เรายังจำได้ว่า ตอนเราเรียนหมดคอร์สนั้น ครูฝรั่งยั่งมานั่งคิดกับเราว่า จะทำยังไงดีนะ ให้คุณได้ แบนด์ตามที่ต้องการในเวลาอันแสนสั้น สุดท้าย ครูก็ให้ CD IELTS มาแผ่นนึง มาฝึก ต้องขอบคุณครูและ CD แผ่นนั้นด้วยเช่นกัน ... ส่วนใหญ่แล้ว คนมักจะไปรับผลสอบเอง ส่วนเรา ให้ไปรษณีย์มาส่งที่บ้านค่ะ ด้วยเหตุที่ว่า ถ้าหากคะแนนไม่ดี แล้วเกิดร้องไห้ขึ้นมา ก็อยากร้องไห้ที่บ้าน 55 ไม่อยากไปนั่งเศร้าไกลๆบ้าน ในที่สุดไปรษณีย์คุณด่วน ก็มาถึง สมองคิดตลอดเวลาว่า ถ้าได้เท่านั้น เรียนภาษากี่สัปดาห์นะ ถ้าได้คะแนนน้อย จะทำยังไงดี ..... แต่ในที่สุด......... เราก็ทำมันได้ค่ะ ในครั้งเดียว เย้ ! ขอ censor ข้อมูลบางส่วนนะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 02:18:54

ความคิดเห็นที่ 3 ** แปะไว้ตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้มาต่อค่ะ ^^ ** จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 02:20:19

ความคิดเห็นที่ 4 ยินดีด้วยค่ะ ได้คะแนนตามที่คาดไว้ รี่จะนำไปใช้บ้างเพราะสอบครั้งแรกอ่านหนังสือเองอาทิตย์เดียวไม่ได้เรียนที่ไหน ไม่มีเทคนิคอะไรเลย ได้มา 5 เอง ครั้งต่อไปต้อง 6.5 ให้ได้ รออ่านนะคะ จากคุณ : cherry_icecy เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 14:55:07

ความคิดเห็นที่ 5 มาต่อแล้วค่ะ .....หลัังจากที่หลักฐานแรกผ่านไปด้วยความเรียบร้อย ก็เริ่มรวบรวมหลักฐานอื่นๆต่อไป - ใบ recommend จากอาจารย์ สำหรับเราที่ยังไม่ได้ทำงาน จึงจะต้องขอจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เราจบมา จำนวน 2 ท่าน (ส่วนท่านที่ทำงานแล้ว ขอจาก อาจารย์ 1 ท่าน และที่ทำงาน 1 ฉบับค่ะ) สำหรับเรา การขอเอกสารจากผู้หลักผู้ใหญ่นั้น จำเป็นจะต้องให้เวลากับท่านมากๆ เพราะทุกคนมีธุระปะปัง การจะไปเร่งขอให้อาจารย์รีบทำให้นั้น คงไม่เหมาัะสมเท่าใดนัก เราใช้เวลาในการขอเอกสาร 2 ฉบับนี้ 1 เดือน - 2 เดือนได้ค่ะ เพราะบางครั้งอาจารย์ยุ่งมากๆ ท่านก็อาจจะลืมได้ การโทรศัพท์ถาม ก็โทรในจังหวะเหมาะๆ ไม่บ่อยจนเกินไป การขอให้อาจารย์เขียน recommend นั้น จะเป็นท่านใดก็ได้ ที่เราคิดว่า "จะเขียนรับรองให้เราีดีที่สุด" (ไม่เกี่ยวกับว่า จะไปเรียนประเทศอังกฤษ ก็ต้องให้อาจารย์จบจากประเทศอังกฤษมาเขียนให้ ไม่ใช่นะคะ) ซึ่งก็หมายถึงว่า อาจารย์ท่านนั้น รู้จักตัวตนของเราพอสมควร รู้ความประพฤติ(ที่ดี) ของเรา เราส่งรายละเอียด คอร์ส ต่างๆ ให้อาจารย์ รวมถึงร่างเป็นฉบับคร่าวๆ ไป อาจารย์ก็ดำเนินการแก้ไขให้มีความสละสลวย ชัดเจน มากขึ้น ผลที่ได้รับก็คือ recommend ของเรานั้น ดีมากๆ ดีจนเกินตัวเราไปเลย อ่านแล้วแบบว่า ดีกว่าตัวจริงของเราซะอีก -_-'' -หลักฐานต่อๆมา เช่น transcript /  ใบรับรองคุณวุฒิ / ฯลฯ ขอได้จากมหาวิทยาลัย สำนักทะเบียนค่ะ เอกสารพวกนี้ ขอแล้วมักจะไม่ได้ในทันที ของมหาวิทยาลัยของเรา รอ 3 วันค่ะ เพราะฉะนั้น หากรีบใช้ ไปขอตั้งแต่เนิ่นๆ และขอฉบับภาษาอังกฤษไว้ด้วย สัก 3-4 ฉบับ transcript กับ ใบรับรองคุณวุฒินั้น ไม่เหมือนกันนะคะ transcript นั้นคือ โชว์เกรดเฉลี่ยที่เราเรียนมา ส่วนใบรับรองคุณวุฒิแค่เขียนว่า เราจบคณะนี้ สาขานี้ ปีนี้ บลาๆ ค่ะ คล้ายๆเกียรติบัตร - รูปถ่าย ถ่ายรอไว้เลยค่ะ 2 นิ้ว ฉากหลังขาว  เผื่อขอวีซ่าในอนาคต หรือจะใช้รูปรับปริญญาที่เหลือๆก็ยังได้ค่ะ - SOP (statement of purpose) เอกสารส่วนนี้ ถือเป็นห้องหนึ่งของหัวใจในการเข้าเรียนเลยค่ะ มันแสดงถึงตัวตน ความคิด และเป้าหมายของผู้เรียน ว่าทำไม เพราะอะไร ถึงต้องการเรียนคณะนี้ ใจความหลักของเอกสารส่วนนี้ ควรประกอบไปด้วย เราเป็นใคร มาจากไหน ทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง (ไม่ต้องเยอะ คร่าวๆ) และเราต้องการเรียน คณะนี้ ที่นี่ เพราะอะไร แล้วหากเราจบแล้ว เราจะไปทำอะไร อีกทั้งภาษาในเอกสารนี้จะต้องมีความสละสลวย ดูดี ฉะนั้น สำหรับเรา เราจึงให้ครูที่สถาบันสอนภาษาช่วยตรวจทานให้ค่ะ โดยที่เราร่างไปก่อน (ซึ่งแน่นอนว่าแทบจะทั้งหมด ฮ่ะๆ -*-) ตอนแรก เราก็กังวลเหมือนกันว่าควรจะเขียนเองไหม แต่เจ้าหน้าที่สถาบันสอนภาษาบอกว่า คนอื่นๆก็ทำแบบนี้เช่นกัน จะต้องให้คนเก่งภาษาช่วยเขียนให้จริงๆค่ะ - ใบสมัครของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ เราใช้บริการจากเอเจนซี่นะึคะ ตาม U ที่เราต้องการเข้า ก็เดินทางไป agency นั้นๆ ให้เ้จ้าหน้าที่แนะนำการกรอกใบสมัคร -สำเนา passport เล่มปัจจุบัน หาก กำหนดวันหมดอาุยุนั้นไม่ครอบคลุมช่วงที่เราจะไปอยู่ก็ ไปทำเล่มใหม่รอไว้เลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวนี้ทำง่ายมากกกกกกกกกกก มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น แล้วส่ง EMS มา ประมาณไม่เกิน 5 วันถึงบ้านแน่นอนค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 16:00:49 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 15:55:05

ความคิดเห็นที่ 6 หลังจากที่รวบรวมเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว มีดังนี้ -ใบสมัครมหาวิทยาลัย -SOP -IELTS -Transcript -สำเนา passport -ใบรับรองคุณวุฒิ -รูปถ่าย -ใบ recommend จากอาจารย์ 2 ฉบับ เรายื่นไปทั้งหมด 3 มหาิวิทยาลัย หลังจากนั้น ก็รอ รอ รอ ........ เป็นเวลา 1 - 1 เดือนจนในที่สุดมหาวิทยาัลัยก็ตอบรับเรามา ในตอนแรก เราก็ลังเลเพราะว่า คิดว่าอันดับ 1 ในใจ เขาคงไม่รับเรา และ อันดับ 2 ส่ง offer มาก่อน จนเราคิดว่าเราคงจะเรียนที่นีั่่ เพราะที่ที่อยากเข้าคงไม่รับเรา หลังจากนั้นไม่นาน มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ก็ส่ง offer มาค่ะ ..... ทีนี้ก็เกิดความลังเลอีก อาศัยปรึกษาครูฝรั่ง รวมถึุง agency ที่เราใช้บริการ ทุกคนเชียร์อันดับ 1 เราจึงตัดสินใจเลือกตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ ^^ มาถึงเรื่องเรียนภาษา ตอนแรกเราไม่คิดจะเรียน คอร์ส pre-sessional เลย เพราะสอบคะแนนผ่านแล้ว และอยากจะประหยัดสตางค์ แต่จากการที่ไ้ด้ปรึกษาครู รวมถึงได้คุยกับคนที่เรียนอยู่ที่นั่นว่า เรียนภาษาก็มีข้อดีเหมือนกัน ที่จะช่วยให้เราปรับตัว รวมถึงได้เรียนรู้วิธีการเขียนรายงาน ได้เพื่อน และหลายๆอย่าง ซึ่งมันจำเป็นต่อเราในอนาคตเช่นกัน เราจึงตัดสินใจสมัครเรียนภาษาก่อน 5 สัปดาห์ แม้ว่าจะสอบผ่านแล้วก็ตามค่ะ ซึ่งเป็นคอร์สที่สั้นที่สุด จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 16:52:32

ความคิดเห็นที่ 7 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 17:14:28 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 17:13:27 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:08:47

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 17:15:11 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 17:13:15 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:10:11

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทางมหาวิทยาลัยก็ส่งเอกสารมาเรื่อยๆ เช่น ใบแจ้งค่ามัดคำเล่าเรียน จ่ายโดยการตัดบัตรเครดิต เสมือนจ่ายมัดจำ ได้ใบเสร็จ บลาๆ.... และเอกสารสำคัญ ก็ส่งมาคือ Visa letter ค่ะ ซึ่งเป็นเอกสารที่เราจะต้องนำไปใช้ในการขอวีซ่าค่ะ ในครั้งแรก คอร์สเรียนภาษานั้น มหาวิทยาลัยระบุชื่อคอร์สชื่อหนึ่งซึ่งโดนสถานทูตปฏิเสธวีซ่ากันระนาว เราเอง ไม่รู้เรื่องค่ะ เพราะยังไม่ได้ไปยื่น แต่มีวันหนึ่ง มหาวิทยาลัยก็ส่งเอกสารแบบเร่งด่วนมาให้ แก้ไขชื่อคอร์สเรียนภาษาให้ถูกต้องค่ะ พูดง่ายๆก็คือ มหาวิทยาลัยส่งเอกสารซ่อมมาให้เรา ก่อนที่เราจะรู้เรื่องอีก เรามักจะเบลอๆ รู้อะไรช้ากว่าคนอื่นเสมอ นี่คือหน้าตาของ Visa letter ค่ะ เรา จะมี Visa letter  2 ฉบับ (ฉบับเรียนภาษา 1 ฉบับ และ ฉบับปริญญาโท 1 ฉบับ) อันนี้ของเรียนภาษานะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:14:48

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ของ post-grad นะคะ จะมีรายละเอียดด้านล่างเยอะกว่าเล็กน้อย จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:15:28

ความคิดเห็นที่ 11 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 52 17:32:54 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:32:02

ความคิดเห็นที่ 12 หลังจากนั้น เอกสารที่จะต้องรอลุ้นต่อไป ก็ึืคือ ใบรับรองการตรวจวันโรค ค่ะ รายละเอียด อ่านได้จาก blog นี้เลยค่ะ ละเอียดมาก ^^ ขอบคุณ จขบ.ด้วยนะคะ http://ffman3.exteen.com/20080711/iom-visa แต่ แต่ แต่ กรณีของเรานั้น ไม่เหมือน จขบ. ตรงที่ว่า ปอดเรามีรอยค่ะ ..........T_T รอยนิดๆ ตรงปอดด้านบน ซึ่งคุณหมอต้องการเคลียร์รอยนี้ว่ามันคืออะไร หรือยังไง ฉะนั้น เราจึงต้องมาตรวจเสมหะ เป็นเวลา 3 วันค่ะ T_T ซึ่ง จะต้องมาให้ัทันก่อนเวลา lap ปิด คือ 8 โมง หมายความว่าต้องตื่นเช้ามากๆๆ นั่นเอง เศร้า และเซ็งมากมายค่ะ เรานี่ทำอะไรมีอุปสรรคได้ตลอดค่ะ วันนั้นจิตตกไปเลยค่ะ กลัวไปหมด ว่าเราจะเป็นอะไรไหม ถ้าเป็นเท่ากับที่ทำมาทั้งหมด หมดกัน -*- แต่ก็สู้ต่อค่ะ โอเคค่ะ เสมหะ ก็เสมหะ -*- จนท.นัดเราให้มา "ขากเสมหะ" ก่อนเวลา 8 โมง ในวัน เสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ ต้องทำ 3 วันติดกันค่ะ ในตอนแรก เราก็เข้าใจแบบบ้านๆว่า เสมหะ คือจะต้องมีสีเขียวๆ เราก็กลุ้มใจทีเดียวว่า จะทำยังไงดี เราไม่ได้ป่วยนิหน่า ในวันถัดมา เรามาขากเสมหะด้วยอาการกลุ้มใจ ขั้นตอนการทำสรุปคร่าวๆ ก็คือ ให้สูดหายใจเข้าลึกๆ ออกเบาๆ 3 ครั้ง ในครั้งที่สาม หลังจากสูดหายใจเข้าแล้ว ให้กลั้นไว้แล้วไอออกมาจากช่องท้อง คายน้ำลายออกมา เราทำไป 3-4 ที มันก็ยังไม่มีสีเขียว กลุ้มมาก 55 แต่สักพัก พนักงานก็มาขอดู แล้วก็บอกว่า ได้แล้วค่ะ ... อ้าววว งงเลย เราเลยถาม จนท. ซึ่ง จนท.บอกว่า เสมหะที่ว่านี้มีสีขาวขุ่นๆนิดๆ ก็ได้แล้วค่ะ หลักจากนั้น เราไปอีก 2 วัน แต่วันที่ 3 นั้นเป็นวันจันทร์เราไม่เคยไปแถวนั้น ในวันจันทร์ตอนเช้า คนเยอะมากๆ กว่าจะไปถึง เลทไปเกือบ 20 นาที เค้าจะปิดห้องแลปอยู่แล้วค่ะ -*- ยังดีที่ไปทัน หากใครโดน อย่าไปเลทนะคะ หลังจากทำครบ 3 วันเรียบร้อย เรารอผลอีก 2-3 วัน IOM ก็โทรมาให้ไปฟังผล (เขาจะไม่แจ้งผลทางโทรศัพท์นะคะ) เราก็ไปฟังผล.........คุณหมอก็อธิบายข้อมูลต่างๆให้ฟังค่ะ......... ในที่สุด เราก็ได้มาจนได้ค่ะ สำหรับเอกสารฉบับนี้ ใบนี้ต้องเอาติดตัวไว้ โชว์ ตม.ตอนเข้าเมืองด้วยนะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:33:19

ความคิดเห็นที่ 13 ยังไม่จบนะคะ เดี๋ยวมาต่อค่ะ * จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 52 17:34:15

ความคิดเห็นที่ 14 เอกสารต่อมาที่สำคัญมากๆๆๆๆๆๆ ก็คือ financial statement จากการที่เราได้ตั้งกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8088604/H8088604.html มาจากความกังวลทั้งหมดมวล จากสาเหตุต่อไปนี้ค่ะ เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก เราก็ได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนกฎการยื่นคำร้อง จากที่ใช้บัญชีสปอนเซอร์ได้ ---- ต้องใช้บัญชีตัวเอง + มีเงินครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ใน บัญชี "ชื่อของตัวเอง" ---- ด้วยสาเหตุนี้ สร้างความลำบากใจให้กับเรามาก ด้วยเหตุผลของทางบ้านที่กล่าวไปข้างต้น เราจึงสอบถามไปยัง agency ว่าเราสามารถเพิ่มชื่อเราเข้าไปในบัญชีคุณพ่อได้ไหม เป็น นาย A และ/หรือ นางสาว B การทำเช่นนี้ก็ถือว่าเราเป็นผู้ถือครองเงินจำนวนมากพอเช่นกัน ถามไปประมาณ 5 รอบ agency ยืนยันว่า ได้ เราจึงไปดำเนินการเพิ่มชื่อซะ ซึ่งมันง่ายต่อการถอนเงินออกมา แล้วมาฝากในบัญชีเรา เพราะพ่อต้องใช้เงินในการทำการค้า เราไปเพิ่มชื่อในบัญชี ธนาคาร SCB นะคะ ขออภัยที่ต้องเอ่ยชื่อธนาคาร จะเล่าต่อไปเรื่อยๆุถึงปัญหาค่ะ หลังจากนั้นเราได้ไปจัดการเอกสารส่วนอื่นๆ ตรวจ IOM ดังข้างต้น ฯลฯ เมื่อใกล้วันที่จะถึงการยื่นคำร้องวีซ่า เราจึงได้ไปขอ financial statement หรือ bank garuntee แล้วแต่คนจะเรียกนะคะ ซึ่งเป็นเอกสารรับรองการเงินว่า เราชื่อนี้ๆ พ่อชื่อนี้ๆ เป็นเ้จ้าของบัญชีนี้ๆ มีเงินครอบคลุมค่าใช้จ่ายตามนี้............ และแล้ว ปัญหาของเราก็บังเกิดขึ้นค่ะ เนื่องจาก SCB ไม่สามารถระบุให้เราได้ว่า เรามีเงินในบัญชี "จำนวนเท่าไหร่" ระบุแต่เพียงว่า เรามีเงิน "กี่หลัก" แบบ "low/medium/high" เท่านั้น ไม่ว่าจะอย่างไร ธนาคารก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแบบฟอร์มนี้ได้ เราคุยกับพนักงานอยู่เกือบชั่วโมง ก็ไม่บังเกิดผลอะไร ที่สุแล้ว พนักงานทำได้สุดๆแค่ เขียนเพิ่มเติมว่าเรามีเงินจำนวนเท่านี้ เซ็นชื่อ และลงประทับตราเท่านั้น สาเหตุที่้เราต้องเรียกร้องแบบฟอร์มที่ระบุำจำนวนเงินนั้น เพราะ agency แจ้งว่ามีคนใช้แบบฟอร์มแบบนี้แล้วโดนปฏิเสธวีซ่าค่ะ ใจหนึ่ง เรานึกโกรธ agency นะคะ ที่ไม่เตือนเราเรื่องแบบฟอร์มของธนาคารก่อน หรือว่ามันเป็นความผิดของเราเองหรือเปล่าที่ไม่ถาม ใจเราก็คิดว่าแบบฟอร์มธนาคารไหนๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน *ธนาคารที่ไม่สามารถออกแบบฟอร์มระบุตัวเลขจำนวนเงินได้ มี 2 ธนาคารนะคะ คือ SCB และ ทหารไทย นอกนั้นคิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ เนื่องจากเรามาทราบระยะเวลากระชั้นมากถึงปัญหานี้ วิธีแก้ไขทางเดียวก็คือ การเปิดบัญชีธนาคารแห่งใหม่ แบบกะทันหัน เรายื่นวีซ่า วันที่ 24/6 เราเปิดบัญชีธนาคาร 23/6 นะคะ ด้วยเงินหลักร้อย แล้วให้พ่อโอนเงินเ้ข้ามา 1 ตู้ม....ดูเป็น statement ที่ไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลยใช่ไหมคะ ...-*- แล้วในที่สุด ภายในวันที่เปิดบัญชีธนาคารนี้ เราก็ได้มันมาค่ะ financial statement จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 01:01:40

ความคิดเห็นที่ 15 กรุณาเหลือขึ้นไปดูเอกสารด้านบนอีกทีนะคะ ปัญหามันยังไ่ม่จบค่ะ จะเห็นว่า เราให้ธนาคาร ระบุว่า เราแสดงค่าเงิน เป็น "เงินบาท" สาเหตุที่เราเลือกเงินบาทเพราะว่า agency บอกว่า เิงินบาทหรือเงินปอนด์ก็ได้ ประกอบกับเอกสารตัวอย่างของคนขอก่อนหน้าเราก็แสดงเป็นเงินบาท เราจึงตัดสินใจเลือกแสดงเงินบาท เราไม่ได้ขอ statement มานะคะ เพราะด้วยความคิดของเรา statement ที่มีเพียง 2 รายการ ไม่น่าเกิดผลประโยชน์อันดีกับเราเลย เราจึงตัดสินใจไม่ขอมาค่ะ หลังจากนั้นเราเริ่มจัดเอกสารส่วนอื่นๆ ได้แก่ -Appendix 8 ไปกรอกที่ agency -รูปถ่าย 2 นิ้ว ฉากหลังขาว -หนังสือเดินทางเล่มเก่า + เล่มใหม่ -สำเนาบัตรประชาชน -ใบเสร็จค่าเล่าเรียนหรือค่าอะไรก็ตามที่เราจ่ายไปแล้ว -ค่าธรรมเนียม 8,410 บาท สำหรับการไปซื้อ bank draft ที่ ธนาคาร นครหลวงไทย (เป็นธนาคารเดียวที่อยู่ในตึก VFS ศูนย์ยื่นคำร้องค่ะ) จ่ายทั้งหมด 8,430 บาท ค่าํํธรรมเนียมอีก 20 บาทค่ะ ประกอบกับเอกสารข้างต้นที่กล่าวไปแล้วได้แก่ -ใบตรวจ IOM -ผลสอบ IELTS -Transcript -Financial statement -ใบรับรองคุณวุฒิ ภาษาอังกฤษ -Visa letter ทั้ง 2 ฉบับ ** ทุกเอกสารเราจะถ่ายสำเนาเอาไว้ 2-3 ชุดค่ะ สังเกตว่า เราไม่ได้ยื่น statement นะคะ ด้วยสาเหตุที่กล่าวไปแล้ว ซึ่งในจุดนี้ยังความกังวลให้เราตลอดเวลาค่ะ ว่า เอกสารทางการเงินของเรา มันน้อยไปหรือไม่? ... เราได้กรอกวีซ่า online นัดหมายวันเวลาเรียบร้อย เมื่อถึงวันนั้นก็หอบเอกสารทั้งหมด ไปที่ VFS ค่ะ วันนั้นคนไม่เยอะ ได้ยื่นเร็ว พนักงานที่รับเอกสาร ถามแต่เพียงว่า "บินวันไหน" "มีเอกสารอะไรจะยื่นอีกไหม" เราไม่มีสิทธิ์ที่จะถามเลยว่า ควรจะยื่นอันนี้หรือไม่ พูดง่ายๆคือว่า อยากยื่นอะไร ก็ยื่นไปให้หมด พนักงานไม่เชิงตอบคำถามเรา บอกแต่เพียงว่า จะยื่นหรือไม่ยื่นก็ได้ (เราเกือบจะไม่ืยื่นผลสอบ IELTS ตัวจริงไปแล้ว) แต่สุดท้ายเราก็ยื่นไปหมดแฟ้ม ยกเว้น statement ที่ไม่ได้ขอไป พนักงานรับคำร้อง รับอย่างเดียวค่ะ เขาจะไม่แนะนำ อะไรใดๆทั้งสิ้น ฉะนั้น สำคัญมากที่ผู้สมัคร จะต้องพร้อม อย่าลังเล หรือมีอะไรให้กังวล แบบเรานะคะ หลังจากวันนั้นเรากลับมาที่บ้าน เราก็พยายามหาข้อมูลอัพเดทเรื่อยๆ จากห้องนี้เป็นหลัก ทำให้เรารู้ว่าคนส่วนมากยื่น statement พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย แต่เรา ไม่ได้ทำ T_T ทำให้เรากังวลมากๆ ค่ะ ว่ามันจะต้องมีปัญหาแน่ๆ อีกทั้ง *อ้างอิงจากเอกสารการเงิน ที่เราระบุเป็นเงินไทยนั้น ........เราพึ่งมารู้ทีหลังว่า ควรจะระบุเป็นเงินปอนด์ จากการโทรถาม agency อีกที่ (ที่เราไม่ไ้ด้ไปใช้บริการ) .....................ยิ่งทับทวีความกังวลของเรามากขึ้นไปอีก เราได้แต่นั่งเจ็บใจว่า ทำไมเราไม่เลือกเงินปอนด์เนี่ย จะต้องโดน reject แน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งกัลวล แต่สุดท้าย เราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอคอย นั่งนับวันว่า ถ้าหากใกล้แล้ว ยังไม่ได้ เราควรจะทำอย่างไร ควรจะไปขอเอกสารการเงินฉบับใหม่มารอเลยดีไหม............. จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 01:22:04

ความคิดเห็นที่ 16 จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เราเข้าไปเชค สถานะทางเว็บไซต์บ้าง ... ครั้งสองครั้ง หากเช็คทุกวัน อาจจะเครียดไป...จนกระทั่งถึงเมื่อวันที่ 24/7 ก็มี sms เข้ามาค่ะ "Please collect your passport from the Visa application centre between 3.00 Pm and 4.30 PM." เราตื่นเต้นมากๆ เพราะวันนี้ครบ 1 เดือนพอดีที่เรายื่นไป รีบวิ่งลงไปบอกแม่ และเดินทางไปรับ ตลอดการเดินทาง เครียดมาก ยิ่งกว่าฟังผลเอนท์อีก เพราะเรารู้ว่าหลักฐานเราไม่เต็มร้อย เมื่อเดินทางถึงก็พบว่ามีการเข้าคิวรอรับบัตรคิวแล้ว *** ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ไปก่อนเวลาเล็กน้อยก็ดีค่ะ จะได้ๆคิวแรกๆ เราไปถึง 3 โมงพอดี ได้คิว 100 กว่าๆ ตอนนั้นยังอยู่คิวที่ 60 เอง -*- คิวไหลไปเรื่อยๆ ค่ะ ยังดีที่ไม่นิ่งนานมาก ท้องไส้ปั่นป่วนจริงๆ ปวดฉี่ก็ไม่กล้าลุกไป กลัวเลยคิว จนถึงคิวเรา พนักงานรับเอกสารรับวีซ่าของเราไป พนักงานดูเลข เดินไปหาๆๆ หาไม่เจอ พนักงาน: ได้ัรับ sms ที่ 2 เมื่อไหร่คะ เรา : ก่อนเที่ยงอ่ะคะ พนักงาน --- คีย์ๆๆ ข้อมูล สัักพัก เิดินไปหาใหม่ เหมือนจะหาไม่เจอ จนต้องให้พนักงานอีกคนหาให้ ในที่สุด มันก็มาแล้วค่ะ ซองขาวๆ............... เราเริ่มสงบสติเราได้แล้วค่ะ รับเอกสาร ตรวจสอบชื่อ เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย เรายังไม่เดินออกจากห้องนะคะ หาที่นั่งว่างแล้ว แกะซองเลยค่ะ เห็นเอกสารที่ได้คืนมา หยิบวีซ่ามาดู พอเจอวีซ่าปุ๊บ..............โล่งเลยค่ะ โล่งมากๆ สบายใจสุดๆ รีบโทรหาแม่ ^^ แล้ว sms อันสุดท้ายก็ตามมาค่ะ "Application Collected" แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 52 02:41:29 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 52 01:46:13

ความคิดเห็นที่ 17 จนถึงตอนนี้ เรื่องก็เรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วค่ะ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน ก็ใช้บริการจาก STA travel ค่ะ บุ๊คที่นั่งไว้ก่อน พอได้วีซ่ามาปุ๊บ ก็เอาไปออกตั๋วนักเรียนได้ค่ะ ราคาประมาณ 23,xxx บาทค่ะ ขึ้นกับ tax ค่ะ เราจะสรุปให้นะคะ - เอกสารการเงิน จริงๆแล้วยื่นอย่างเดียวคือ bank garuntee ก็ได้ ตามที่กฎระบุไว้ แต่ส่วนใหญ่จะยื่น statement ด้วย ก็เพื่อความสบายใจ ก็ยื่นให้หมดเลยค่ะ พร้อมกับเอกสารการเงินที่แปลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการยื่นเอกสารการเงินเพียงชิ้นเดียวของเรา ทำเอาเราใจหายใจคว่ำมาทั้งเดือน **** เอกสารการเงิน ระบุเป็นเงินปอนด์ ไปเลยนะคะ เพราะเราระบุเป็นเงินไทยไป (ซึ่งมันก็ผ่านมาได้นะ แต่เรานั่งเครียดตลอด) ดังนั้น make sure เอาเงินปอนด์นะคะ - การแจ้งจท. VFS ว่าบินวันไหน สมมติเราบินจริงๆ 1 ส.ค. อย่าไปแจ้งวันนั้น ให้แจ้งร่นขึ้นมาหน่อย แบบ 25 ก.ค. เพื่อที่จะได้วีซ่าเร็วขึ้นค่ะ อาจจะให้ เอเจนท์ตั๋วออกรายละเอียดตั๋วมาก่อนก็ได้ แล้วพอได้ีวีซ่ามา ค่อยไปเลื่อน อันนี้ เอเจนท์ที่หนึ่งบอกเรามาค่ะ -การกรอก appendix 8 นั้น กรอกค่าใช้จ่าย ค่าเล่าเรียน จะต้องมีความแม่นยำพอสมควรนะคะ อยู่ใน ลอนดอน คิด 800 ปอนด์ x เดือนที่อยู่ อยู่นอก ลอนดอน คิด 600 ปอนด์ x เดือนที่อยู่ รวมกับ ค่าเทอม (xx,xxx) ปอนด์ จะเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ ซึ่ง เราจะต้องนำมาหักลบกับ ค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เราอาจจะจ่ายไปก่อนล่วงหน้านี้แล้ว มันจะมีหน้าหนึ่งที่เขาให้เรากรอกค่าใช้จ่ายน่ะค่ะ เป๊ะๆดีที่สุดค่ะ เพราะเป็นวีซ่าระบบการให้คะแนนนะึคะ แล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็แปลงเป็นเงินไทย เพื่อที่จะได้นำเงินเข้าบัญชีได้อย่างครอบคลุมค่ะ เทอมหน้า ต้องเอาเงินเข้าบัญชีอย่างน้อย 28 วันแล้วนะคะ ใครจะไปเรียน เตรียมเอกสารการเิงินให้พร้อมนะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 02:50:49

ความคิดเห็นที่ 18 การเตรียมเรื่องไปเรียนต่อนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก มีลุ้นๆให้เราตื่นเต้นในบางเวลา แต่เราจะต้องค่อยๆไล่เก็บเอกสารที่สำคัญมาก่อน อันที่จริงสำหรับ น้องๆ ปี4 ที่รู้ตัวว่าอยากจะไปเรียนต่อแน่ๆ ต้นปี ก็เตรียมตัวได้เลยนะคะ เพราะ ไม่งั้นก็จะเสียเวลาไปเรื่อยๆค่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาแปะให้อีกนะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 02:55:43

ความคิดเห็นที่ 19 อยากสอบถามอ่ะครับว่ายื่น bank garantee ไปแล้ว แล้วจากนั้นถอนเงินออกมาได้ไหมครับ จากคุณ : Ex (Shevbiator) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 11:11:23

ความคิดเห็นที่ 20 ช่วงที่ยังรอวีซ่าอยู่ ไม่แนะนำให้ถอนอ่ะคะ ต้องได้วีซ่าก่อน ถึงน่าจะปลอดภัยที่จะถอน เพราะเราเคยอยากถอนใจแทบขาดเหมือนกัน แต่ก็ทำไม่ไ้ด้ เพราะธนาคารบอกว่า สถานทูตก็เคยโทรมาเช็คเหมือนกันค่ะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 15:59:22

ความคิดเห็นที่ 21 อยากถามเรื่อง financial statement ค่ะ ที่ธนาคารเดียวกัน แต่ึตรง Name of applicant เขาำไม่ลงชื่ิอให้เีรา ลงแต่ตรง Title of account จะเป็นไรไหมคะ ต้องไปทำใหม่หรือปล่าว จากคุณ : Bam (Chip_biscuit) เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 52 23:10:58

ความคิดเห็นที่ 22 อืม แปลกจัง เราว่าน่าจะลงชื่อให้นะคะ ของเราก็ลงปกติดี ส่วนตัวเราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่เสียเวลาไรมาก ไปทำใหม่ก็ีดีนะคะ สำคัญอย่าลืมแสดงเป็นเงินปอนด์นะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 00:23:12

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ มีอีกคำุถามค่ะ เรื่องตั๋วเครื่องบิน ต้องยื่นเอกสารบุ๊คที่นั่งไหมคะ มี MSNไหมคะ รบกวนขอหน่อยได้หรือปล่าว หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ เึครียดมากๆเลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Bam (Chip_biscuit) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 00:48:17

ความคิดเห็นที่ 24 เพิ่งไปรับมาวันนี้เหมือนกันครับ บินวันที่ 14 สิงหา จากคุณ : ลีโอ (Leonews22) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:51:56

ความคิดเห็นที่ 25   อยากขอคำปรึกษาคุณ จขกท เรื่องการเตรียมตัวสอบ IELTS น่ะค่ะ จะติดต่อได้ยังไงเหรอคะ อยากทราบชื่อและสถานที่เรียนน่ะค่ะ จากคุณ : sole maid เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 17:59:53 A:58.8.83.238 X: TicketID:226872

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ sole maid หลังไมค์มาหาเราได้คะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 6 ส.ค. 52 03:45:07

ความคิดเห็นที่ 27   ไม่ทราบว่า จขกท. ใช้เอเจนซี่ไหนครับ อยากขอคำแนะนำการเขียน Statement of Purpose ด้วยคับ ผมหลังไมค์ไม่ได้นะคับ ยังไม่ใช่สมาชิก ขอบคุณคับ จากคุณ : xyz เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 52 13:05:48 A:58.10.64.94 X: TicketID:028058

ความคิดเห็นที่ 28 ไว้หลังไมค์มาได้ แล้วหลังไมค์มานะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 22:02:44

ความคิดเห็นที่ 29   หลังไมค์ไม่ได้นะค่ะ ขอฝาก e-mail address ที่นี่นะคะ after_darkness99@hotmail.com รบกวนนิดนึงค่ะ อยากคุยด้วยจริงๆ จากคุณ : sole maid เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 22:18:08 A:10.0.1.252 X:61.90.5.154 TicketID:226872

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ xyz การเขียน SOP เราได้แนะนำไว้ข้างบนแล้วจ้า จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 06:02:17

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณ คุณน้ำพุกลางทะเลทรายมากเลยค่ะ ได้ประโยชน์จริงๆ  กำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อเหมือนกันค่ะ คำแนะนำเกี่ยวกับ Personal Statement จากเว็บนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะคะ http://www.thestudentroom.co.uk/wiki/Personal_Statement_FAQ ขอให้ความมีน้ำใจของคุณน้ำพุฯ  ส่งผลให้คุณประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่องค่ะ จากคุณ : ปลาทูอยู่ในเข่ง เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 11:41:35

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากๆค่ะคุณปลาทู ฯ ^^ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 03:57:02